ตอนที่ 17 ♥ ครึ่งหลัง
ผมโทรหาพี่ปั้นเพื่อปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ปั้นให้ผมถ่ายรูปไว้ทุกมุม เด็ดกลีบที่เปื้อนเลือดเก็บใส่ถุงพลาสติกไว้สองสามกลีบ
เพื่อกันไม่ให้หลักฐานถูกทำลายโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นให้ผมแจ้งเรื่องกับคุณวีร์ทันที
ผมรอจังหวะปลอดคน เดินเข้าไปเรียกคุณวีร์ออกมาคุยเป็นการส่วนตัว แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ก่อนพี่สนิมจะส่งช่อดอกไม้ให้
คุณวีร์ดูนิ่งกว่าที่ผมคิดกลับมาเป็นนักธุรกิจใหญ่ ซักถามข้อมูลจากพี่สนิมกับพี่โชคอย่างละเอียด
ละเอียดกว่าผมเสียอีก (ก็ผมไม่ใช่บอดี้การ์ดจริงๆ นี่ครับ)
คุณวีร์บอกให้ผมไปเรียกคุณซันออกมาเพื่อปรึกษาหารือ แต่พี่สนิมห้ามเอาไว้ ยืนยืนว่าไม่ควรไว้ใจใครทั้งนั้น
เพราะวงที่ตีแคบเข้ามา มากกว่า70%เชื่อว่าเป็นคนใกล้ตัว ไม่ควรให้รู้ความเคลื่อนไหวของทีมรักษาความปลอดภัย
ผมเห็นคุณวีร์ถอนใจแล้วสงสาร เดินเข้าไปลูบแขนให้เบาๆ คุณวีร์หันมาลูบหัวผม ยิ้มให้แต่ไม่สดชื่นเอาเสียเลย
“วันงานผมจะจัดคนมาเพิ่ม ระวังเอาไว้ก่อน” พี่สนิมแจ้งคุณวีร์ถึงแผนการณ์คร่าวๆ
“ดีแล้วเรื่องรักษาความปลอดภัยผมฝากคุณสนิมด้วย ได้รับรายชื่อแขกแล้วใช่ไหม”
“ใช่ครับ คุณปุ่นให้ผมเรียบร้อยแล้ว”
“เราไม่ได้จำกัดจำนวนคนลงในบัตรเชิญ คงมีคนที่ไม่มีรายชื่อมาจำนวนนึง การตรวจสอบจะลำบากขึ้นมาก
เหนื่อยกันหน่อยนะ”
“คุณวีร์ไม่ต้องห่วงครับ ทางผมมีมาตรการรักษาความปลอดภัย ส่วนช่อดอกไม้ผมคงต้องขอเก็บไว้เพื่อทำการตรวจสอบ”
“ได้ อย่าลืมแจ้งผลให้ผมทราบด้วย ผมต้องการรู้ว่ามันเป็นเลือดคนหรือเปล่า”
“ได้ครับ แต่ผมคงต้องขอรบกวนคุณวีร์อีกเรื่อง”
“ว่ามา”
“ก่อนหน้าผมได้คุยกับคุณธรรมและผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆ แล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณวีร์โดยตรง
ถ้าคุณวีร์อนุญาตมันจะช่วยได้มาก”
“ได้สิ แต่ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรบอกมากไปกว่าที่พ่อผมคุยกับคุณไป”
“ผมต้องการข้อมูลความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ต้องขอละลาบละล้วงโดยละเอียด เหตุการณ์โน้มเอียงไปทางนั้นมากกว่าเรื่องของธุรกิจ”
ผมหันขวับไปมองคุณวีร์ หึ ทีนี้มีใครกี่คนผมคงได้รู้หมด โดยเฉพาะคำว่าโดยละเอียดของพี่สนิม
คงเหมือนไปนั่งอยู่ข้างเเตียงคุณรองประธาน คิดแล้วก็เผลอสะบัดหน้ากลมๆ ใส่ เล่ากันทั้งวันจะจบหรือเปล่าเถอะ
อยากจะปริ๊นท์ไฟล์ที่พี่พรทำไว้ปาใส่หน้า
(ˋ︿ˊ)
ไม่รู้หลงชอบเข้าไปได้ยังไง คิดแล้วอยากจะเกลียดนัก
“ปุ่นเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น กลัวก็ไม่ใช่หน้าเหมือนโมโหอะไรอยู่”
ตัวการเข้ามาเซ้าซี้ถามผม หลังจากปรึกษาหารือกับพี่สนิมเรียบร้อยแล้ว
พี่สนิมยังเฝ้าอยู่ที่นี่ ส่งพี่โชคให้เอาดอกไม้กลับบริษัท
“ไม่มีอะไรครับ”
“ตกใจแล้วเหวี่ยง พาล เกเร แสดงออกแปลกดี” ดูสรรหามาคิดแต่ละอย่าง
“ไม่ได้ตกใจครับ ไม่ได้กลัวด้วย” ผมเชิดหน้า แสดงออกให้รู้ว่าอย่างพี่ปุ่นไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
“ไม่กลัวก็ดีแล้ว แต่พี่กังวล” คุณวีร์พูดเสียงวิตก ผมเป็นห่วงจนลืมอาการง้องแง้งของตัวเอง
“ผมเชื่อมือพี่สนิมครับ คุณวีร์อย่ากังวลเลย”
“ปุ่น”
“ครับ”
มือใหญ่ยกขึ้นมากุมแก้มผมทั้งสองข้าง ใช้นิ้วโป้งไล้ไปมา
“วันงานปุ่นไม่ต้องมา เลิกงานแล้วกลับบ้านพี่จะให้สนิมส่งคนไปคุ้มกัน”
ผมสบตาคนพูด คุณวีร์กังวลเรื่องนี้เหรอ ที่กังวลเพราะเป็นห่วงผมเหรอ
(。→‿←。)
“ไม่ได้ครับ ผมเป็นเลขามีงานก็ต้องมา คุณวีร์โอนผมมาช่วยคุณลินชั่วคราวผมจะทิ้งคุณลินไปได้ยังไง”
“ต้องได้ พี่ห้ามปุ่นมาเด็ดขาด”
“ไม่ครับผมจะมา” ผมเบือนหน้าออกจากมือคุณวีร์ มาห้ามผมแบบนี้ได้ยังไง ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมก็ห่วงคุณวีร์เหมือนกัน
“ปุ่นไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ นี่เป็นคำสั่ง อย่าลืมว่าพี่เป็นเจ้านาย ปุ่นเป็นลูกน้อง”
ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่พูดแบบนี้มันอดน้อยใจไม่ได้ ใครกันที่เคยบอกว่าผมไม่ใช่ลูกน้อง วันนี้กลับทำลืม”
“ครับ”
“ถ้าคุณวีร์ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัว” ผมเปลี่ยนวิธีพูดกลับมาเป็นทางการ
“ปุ่น” คนเรียกเสียงอ่อนลง
“พี่ทำเพราะเป็นห่วงเรานะ”
“..........”
“ไปทำงานเถอะ หายงอนเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกัน”
ใครงอน ผมไม่ได้งอน งอนกับน้อยใจมันไม่เหมือนกัน
(=‵′=)
ผมเดินกลับไปช่วยคุณลินทำงาน เห็นคุณวีร์หลบออกไปคุยโทรศัพท์ คงกำลังปรึกษาหารือกับพ่อหรือใครบางคน
ผมรีบใช้ความคิดว่าจะทำยังไงดี ผมเป็นลูกจ้างอย่างที่คุณวีร์พูด เพียงแต่คนที่จ้างผมคือท่านประธานกับพี่ปั้น
หน้าที่ผมคือคุ้มครองคุณวีร์ ถ้าผมไม่ได้ทำก็ไล่ผมออกจากเลขาซะเถอะ อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์
ทำยังไงดี ทำยังไงดี
“ยังไม่หายงอนอีก” เสียงเปิดประตูห้องนอนผมเข้ามาโดยไม่มีการเคาะนำ
“ไม่ได้งอนครับ”
“ไม่ได้งอนแล้วทำไมทำหน้าแบบนี้” ผมรีบเอาหน้าหลบ อย่าคิดจะหยิกแก้มพี่ปุ่นให้ยาก อยู่มานานจนรู้แล้วเฟ้ย
“หึหึ” มือที่พลาดเป้ายกขึ้นลูบคอตัวเอง
เชอะทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่ได้กินพี่ปุ่นหรอก (#‵′)凸
“คนไม่งอนมาทำอะไรห้องนี้” คนถามลงนั่งบนเตียงผม
ชิ รู้หรอกว่านี่เป็นบ้านคุณรองประธานแต่ตอนนี้เป็นห้องพี่ปุ่นนะไม่มีมารยาท
“ห้องนอนก็เอาไว้นอนสิครับ” เป็นไง อยากรู้พี่ปุ่นก็ตอบให้
“พาลแล้วปุ่น พี่ทำเพราะเป็นห่วง ถ้าไม่ห่วงจะมานั่งสนใจเหรอว่าเราจะเป็นอะไรไหม”
ผมเม้มปากแน่น มันใช่เรื่องนี้ที่ไหน ตัวเองพูดอะไรไว้จำไม่ได้สินะ
“ผมจะนอนแล้ว”
“งั้นก็ไปนอน” คนตัวโตลุกจากเตียงเดินเข้ามาดึงแขนผมจะให้เดินตาม
ผมบิดข้อมือตามที่ร่ำเรียนมา ไม่จำเป็นต้องตัวใหญ่กว่าหรอกครับ แค่อาศัยจังหวะ เล่นทีเผลอตอนอีกฝ่ายไม่ทันระวัง
ผมก็หลุดออกมาเป็นอิสระ
ผมกระโจนขึ้นเตียง เอื้อมมือไปปิดไฟที่แผงควบคุม ห้องมืดทันที ผมยังปรับสายตาไม่ได้เลยเห็นคุณวีร์เป็นเงาตะคุ่มๆ
“ปุ่น” เสียงเรียกเหมือนคนกำลังหมดความอดทน
ผมรีบตะโกนบอก
“ผมไม่ได้เปิดแอร์ ไม่ได้เปิดไฟ ไม่ได้ใช้พลังงานอะไรทั้งนั้น” บอกแล้วว่าผมฉลาด
อย่ามาอ้างเรื่องประหยัดแอร์ลดโลกร้อนอีก พี่ปุ่นจะยอมนอนจมกองเหงื่อขอแค่ชนะคุณรองประธานก็พอ
“ตามใจ” เสียงเพลียใจบ่งบอกถึงอาการยอมแพ้
วะฮะฮ่า เล่นกับใครไม่เล่น อย่าให้พี่ปุ่นมีเวลาตั้งตัว ก่อนหน้านี้มาใหม่ยังไม่ชินไม่นับเฟ้ย
“เฮ้ย ตกตก” ร่างใหญ่เล่นกระโจนขึ้นมาบนเตียง จับตัวผมพลิกขึ้นมานอนอยู่บนอก กอดรัดเอวผมไว้แน่น
ผมต้องพยายามผงกหัวเอาไว้ ไม่อย่างนั้นหน้าจะชนหน้า ไม่ต้องยกตรูขึ้นสูงขนาดนี้ก็ได้ ปกติก็เตี้ยอยู่แค่อก
แต่คิดไปคิดมา เอาวะ หน้าชนก็ดีกว่าอย่างอื่นชน ( > <)
“คุณวีร์” ผมประท้วง ตอนนี้เริ่มปวดคอไปหมด เกร็งเอาไว้นานๆ แบบนี้ชักไม่ไหว
คนที่ผมสะบัดหลุดไปได้หนึ่งครั้ง ล็อคแขนแน่นเหมือนกลัวจะพลาดอีก
“ไหนบอกว่าจะนอน นอนสิ” ไอ้คุณรองประธานบ้า จะนอนเข้าไปได้ยังไงเล่า (*>﹏<*)
ผมพยายามขยับๆ เบี่ยงออกสักนิดก็ยังดี ขืนปล่อยไว้แบบนี้แรงหมดได้ซบลงไปหน้าแปะหน้า
อย่างน้อยขอลงไปนอนข้างๆจะปลอดภัยกว่า
ถ้าคุณนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงแมวน้ำกำลังเดิน ผมก็ดิ้นดุ๊กดิ๊กแบบนั้นแหล่ะ ขยับไปขยับมา
พยายามหาทางลงจากตัวคุณรองประธานให้ได้
“อะ..อืมม..”
<(“”"O”"”)>
คุณรองประธานครางทำไมวะ ผมนิ่งเลยครับ ตัวแข็งไม่ขยับค้างท่าไหนท่านั้น
“หยุดทำไม ต่อสิ”
<(“”"O”"”)>
ไอ้บ้า ไอ้บ้าคุณรองประธาน คิดว่าผมทำอะไรอยู่
“ใครสอนให้ยั่วแบบนี้หื้อ” เสียง..เสียงกระเส่าอะไรเบอร์นั้น
“ไม่ได้ยั่ว ปล่อย ผมจะลง” ผมเอาเสียงแปดหลอดเข้าสู้ ดังจนคุณรองประธานต้องเบือนหน้าหนี
“หูจะแตก”
“ก็ปล่อยผมสิ” ผมตั้งท่าจะตะโกนอีกรอบแต่มือใหญ่ยอมคลายออก
ผมรีบพลิกตัวลงกลิ้งไปนอนจนสุดเตียง หลังติดผนัง คนตัวโตเร็วพอกันขยับมานอนชิด
“คุณวีร์กลับไปห้องได้แล้ว ผมง่วงจริงๆ ไม่ได้แกล้ง”
“ง่วงก็นอน” คนพูดจัดแจงเอาแขนสอดเข้ามาใต้หัวผม จับซุกอก เอื้อมมืออีกข้างมาลูบหลังทำเหมือนกับกล่อมเด็ก
ก็แบบนี้ทุกที ตั้งแต่ย้ายมามีคืนแรกเท่านั้นที่ผมได้นอนสบายคนเดียว หลังจากนั้นก็ต้องมานอนท่านี้ตลอด
“เดี๋ยวครับ”
“อย่าดื้อ พูดอะไรก็เชื่อกันบ้าง”
“ไม่ใช่” ผมสั่นหน้าอยู่กับอกหนา
“เปิดแอร์ก่อน ผมร้อน”
“ฮ่าๆๆ คิดอยู่ว่าจะทนได้สักแค่ไหน” คนตัวโตเอื้อมมือไปจัดการเปิดแอร์ให้
ความเย็นเริ่มแผ่กระจายไปทั้งห้อง เฮ้อค่อยยังชั่ว มุขนี้เลิกใช้ถาวร พี่ปุ่นตัวกลมไม่ถูกกับความร้อน
“จุ๊บ”
อ้าวเฮ้ย มัวแต่กับชื่นมื่นกับความเย็น คุณรองประธานกลับมานอน แถมขโมยจูบเหม่งผม
เดี๋ยวโดนๆ อย่าหลับนะ พี่ปุ่นจะหยิกให้ (ทำมากกว่านั้นไม่ได้เดี๋ยวคนแรงเยอะกว่าตื่นมาเอาคืน)
“พรุ่งนี้ปุ่นเข้าบริษัทกับพี่ ไม่ต้องไปช่วยลินแล้ว”
"แต่งานมันวันมะรืนนะครับ พรุ่งนี้ผมไปช่วยคุณลินอีกวันก็ได้ คงยุ่งกันน่าดู"
"ไม่ต้อง พี่จะโทรบอกลินเอง"
“ครับ” ผมรับคำเสียงหงอยๆ
“ราตรีสวัสดิ์”
ผมนอนลืมตาหายง่วงไปเลย คนข้างๆ หายใจสม่ำเสมอหลับสนิทไปได้สักครู่นึงแล้ว
ผมไมได้แกล้งหยิกอย่างที่พูด ใช้มือเล็กลูบเบาๆไปทั่วหน้า
อยากจะโกรธก็โกรธไม่ได้นาน
เรื่องมันชักวุ่นวายมากขึ้น ไม่อยากให้คนตัวโตเครียดเลย
“เป็นห่วงนะครับ” ผมชะโงกหน้าไปหา แตะปากเบาๆ ลงบนริมฝีปากหนา
จูบแรกของผมให้กับคนสำคัญที่สุด
“ผมรักคุณวีร์”
..........................................................TBC.........................................................
สั้นหน่อยนะคะ ตัดแค่ตอนที่ 17 ถ้าขึ้น 18(วันงาน) เดี๋ยวจะค้างกันอีก
My Friend The Series เรื่องสั้นจบในตอน อัพตอนใหม่เมื่อวานค่ะ