ตอนที่ 10
บทลงโทษเล็กๆ
“ผมก็บอกแล้วไงครับว่านี่เป็นการลงโทษ”
ก็พูดไปแบบนั้นเองแหละ จริงๆไม่ได้โกรธเลยด้วยซ้ำก็แค่อยากจะหาเรื่องแกล้งอีกฝ่ายก็แค่นั้น เหลือบไปเห็นถุงกระดาษที่ตัวเองเอามาด้วยแล้วถึงกับหุบยิ้มไม่ลงจนเต้มองมาอย่างหวาดระแวง ได้แต่ส่งยิ้มกลับไปแล้วเอื้อมไปหยิบของในถุงใบนั้นออกมามา
“อะไรวะ” ใบหน้าสงสัยพร้อมกับหวาดกลัวหน่อยๆเหมือนกับลูกสิงโตกลัวป่าแบบนั้นยิ่งกระตุ้นให้ผมอยากแกล้งเข้าไปอีก
“ไม่มีอะไรนี่ครับ แค่เจลเอง”
พอบอกไปก็ยิ่งดิ้น เสียงโซ่แกรกกรากครูดกับเตียงจนกลัวว่าจะดังไปถึงห้องข้างๆ แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าใครจะได้ยินหรือเปล่า
กลับมาอยู่ในท่าเดิมระหว่างขาของเขาก่อนจะยกขาแข็งแรงขึ้นข้างหนึ่งจนอีกคนร้องลั่น ขวดเจลในมือถูกบีบก่อนจะป้ายลงบนช่องทางสีสวยเบาๆโดยที่เจ้าของพยายามดิ้นหนีแต่ติดที่แขนและขาถูกรั้งไว้
“ไหนว่าจะให้ผมทำอะไรก็ทำไงครับ” ถามออกไปแต่มือก็ไม่ได้หยุดที่จะนวดคลึงส่วนนั้น
“มึงไม่เข้าใจกู! อีกอย่างมันเจ็บเถอะสัด ถึงตอนนั้นกูจะเมาแต่ก็จำได้เถอะ” พูดไปก็ทำสีหน้าแหยงๆจนต้องยิ้มปลอบ
“ผมจะเบามือ รับรองว่าไม่เจ็บมาก”
“แต่มันก็ยังเจ็บไม่ใช่เหรอวะ! เฮ้ย!” เต้ร้องออกมาเมื่อผมกดนิ้วเข้าไป
สีหน้าสงสัยของอีกคนทำให้อยากหัวเราะแต่ก็ต้องเก็บสีหน้าไว้ คาดว่าเขาคงไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนที่ตัวเองคิดก็เลยงงๆอยู่
ก็นะ... ผมเทเจลมาใช้จะครึ่งขวดขนาดนั้น ถึงแม้เขาจะดูเกร็งๆนิดหน่อยก็เถอะ
นิ้วที่สองและสามตามไปในไม่ช้าก่อนจะหมุนวนให้อีกฝ่ายคลายตัว แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การลงโทษของผมหรอก
ผมกำลังรอ...
“อะ อึก มึง มันร้อน” เสียงทุ้มพร่าพูดออกมาช้าๆด้วยสีหน้าเหยเก
เต้เริ่มตัวสั่นนิดๆเมื่อเวลาผ่านไป ส่วนกลางลำตัวที่รอการสัมผัสแดงก่ำอย่างน่าสงสาร ขาสองข้างพยายามหุบเข้าหากันเพื่อลดความทรมานแต่ติดที่ตัวผมคั้นกลาง
แต่ทั้งหมดนั้นก็ดูร้อนแรงดีจริงๆ ผมนี่อยากจะพุ่งเข้าไปปลดปล่อยให้ทั้งของตัวเองและอีกคนเสียเดี๋ยวนั้น
เจลหล่อลื่นสูตรพิเศษ... ผมว่ามันให้ผลเป็นที่น่าพอใจนะ
เสียงโซ่แกรกกรากเสียดสีกับเตียงทำให้อดที่จะเหลือบสายตาไปมองไม่ได้ พอดีที่ประสานสายตากับเต้ ดวงตาดื้อรั้นที่ไม่ยินยอมพร้อมใจกับประกายกระหายเล็กๆที่อยู่ภายใน
เขาทำให้ผมหลงไหลขึ้นไปอีกเพียงแค่มองตา...
“มึงหยุดทำหน้าโรคจิตเดี๋ยวนี้นะ” หวา ผมคงแสดงออกทางสีหน้ามากไปนิด
ช่องทางเริ่มคลายตัวจนรู้สึกได้แต่ก็ยังบีบรัดเป็นจังหวะให้ได้วูบโหวงในอก อยากพาตัวเองเข้าไปทักทายให้ลึกที่สุดเดี๋ยวนั้น แต่อีกใจกำลังรอคอยการร้องขอจากอีกฝ่าย
ตัวเลือกระหว่างสุขกายกับสุขใจ เลือกทางไหนก็มีความสุขจริงๆ หึหึ
มองคนข้างล่างที่ตอนนี้ลมหายใจหอบถี่พร้อมกับตัวสั่นน้อยๆยิ่งทำให้แกนกายปวดหนึบ กลายเป็นว่าแทนที่อยากจะแกล้งเขาเล่นกลับเป็นผมเองที่เหมือนถูกแกล้ง
คนตรงหน้าก็คงอดกลั้นน่าดู ดูจากริมฝีปากสีสดจากการจูบเม้มแน่นเพื่อระงับความต้องการที่พรั่งพรู
ขอสิ... ขอร้องผมครับเต้
มือที่ว่างป่ะป่ายไปตามลำตัวก่อนจะเลื่อนต่ำลงที่ก้อนเนื้อหนั่นนิ่มทั้งสองข้าง บีบกระชับความหยุนมือทั้งสองเพื่อระบายความต้องการของตัวเองจนอีกฝ่ายครางอือในลำคอ
“มึง...”
เร็วสิ... เร็ว
“...ที” น้ำเสียงผะแผ่วลอบออกมาบางเบาจนจับใจความไม่ได้ให้ต้องร้องขอฟังอีกที
“เมื่อกี้เต้ว่ายังไงนะครับ”
“แม่ง...” ขนาดเสียงสบถยังเบาหวิวพร้อมกับอาการหอบหายใจ
“...” ผมเงียบเพื่อตั้งใจฟังสิ่งที่เขาจะพูด
ดวงตาที่ฉายความต้องการออกมาพร้อมกับความเจ็บใจยิ่งกระตุ้นความต้องการของผมให้คุโชนขึ้นไปอีก ลูกสิงโตของผมกำลังต้องการการปลดปล่อยจนแทบทนไม่ไหวแน่ๆ แต่ส่วนหนึ่งคงอับอายเกินกว่าจะร้องขอออกมาเอง
“ช่วยที” เพียงแค่นี้ผมก็แทบยิ้มไม่หุบ แต่ว่า...
“ว่าไงนะครับ” ผมอยากฟังอีกทีอ่ะ
“กูบอกว่าช่วยกูที! มึงแม่ง เล่นอะไรวะ” หวา... ลูกสิงโตผมหงุดหงิดซะแล้ว ก็คงต้องหยุดเล่นเท่านี้
ผมก้มลงไปประกบปากที่ยังคงเม้มเน้น อีกฝ่ายเผยอออกอย่างรู้งานก่อนที่เราสองคนจะช่วยกันชักนำรสจูบหวานล้ำให้เต็มไปด้วยรสเลือดและความหิวกระหาย
ความหิวกระหายซึ่งกันที่ไม่รู้ที่มา หากแต่ร่างกายชักพาจนต้องบดเบียดเข้าหากันเพื่อคลายความหิวนั้น
ลิ้นต่อลิ้นพันกันจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร แม้จะดุนดันกันจนเจ็บก็ยังไม่มีใครขยับห่าง มือทั้งสองข้างฟอนเฟ้นไปตามร่างกายที่พอเหมาะพอเจาะ ลำตัวบดเบียดกันให้รู้สึกร้อนจนแทบละลายหายไป
มือของเต้คล้องลำคอผมลงพร้อมกับดึงให้เข้าประชิดยิ่งขึ้น ส่วนล่างขยับส่ายไปมาเพื่อบอกถึงความต้องการที่ล้นปรี่ แล้วผมจะรออะไรล่ะครับ
ความแข็งขืนที่พร้อมอยู่แล้วค่อยๆสอดประสานเข้าไปในร่างกายร้อนผ่าวตรงหน้า ยิ่งความรัญจวนจากเล็บสั้นคมที่กรีดลงบนแผ่นหลังบอกถึงความสุขล้นของความต้องการได้เป็นอย่างดี จากนั้นเขาจึงไม่รอช้าขยับเอวเพื่อให้ทั้งหมดเข้าสู่ช่องทางร้อน
“อ๊า... เบา เบาหน่อย”
“คุณเรียกร้องเองนะ” พูดพร้อมกับค่อยๆขยับร่างกายที่เชื่อติดกันจนเห็นอีกคนร้องลั่น
“อะ อ๊า... กู อะ กูเปล่าเถอะ สัด!” ถึงแม้ร้องลั่นที่ว่าจะเพื่อด่าผมก็ตามที แต่อย่างน้อยคำพูดที่หอบพร่าก็ทำให้รู้สึกซาบซ่านในหัวใจไม่น้อย
ร่างกายของเราประสานเข้าจังหวะกันจากช้าๆก่อนจะเร็วขึ้น มือทั้งสองข้างคอยนวดเฟ้นไปตามร่างกายของฝ่ายตรงข้ามเพื่อระงับอารมณ์ที่อยากปะทุพร้อมทั้งปลุกเร้าความกระหายที่มีในตัวให้มากขึ้นไปอีก
“อะ มึง เร็ว อะ เร็วอีกหน่อย” หลังจากเสียงนั้นจบลงผมก้มลงไปฝากรอยรักไว้อีกครั้งที่ลาดไหล่หนาก่อนจะทำตามที่อีกฝ่ายขอ
จังหวะแนบชิดถูกเร่งให้เร็วขึ้นจนเต้ร้องออกมาอื้ออึง แต่คงจะเขินอายเกินกว่าจะเปล่งเสียงเหล่านั้นจึงกระชากศรีษะผมลงไปแล้วประกบปากจูบ
เจ็บ... ฟันกระทบกันดังกึก แต่ความเร่าร้อนที่ส่งกลับมาแทบจะทำให้ลืมความเจ็บนั้น
จังหวะของเราถูกเร่งให้เร็วขึ้นไปอีก ความรู้สึกสุขล้นจ่ออยู่บนปลายทางที่ใกล้จะถึงเต็มทีทั้งของเขาและคนข้างล่าง มือข้างที่ว่างจึงผละไปรูดรั้งส่วนแข็งขืนของอีกคนเพื่อให้ความสุขล้ำนั้นมาถึงปลายทางอย่างพร้อมเพรียง
“อา... พีท เร็ว อะ อ๊า”
ปลายทางของคนข้างล่างถูกปลดปล่อยก่อนที่เล็บคมจะจิกลึกลงบนแผ่นหลังของผมที่สิ้นสุดปลายทางในเวลาไล่เลี่ยกัน
“อา เต้ของผม”
แม้อยากพักเอาแรงแต่การได้ดูร่างแดงก่ำเบื้องหน้าเป็นความสุขอย่างหนึ่งผมจึงได้แต่นั่งมองอยู่แบบนั้น อกกระเพื่อมขึ้นลงเพราะลมหายใจกระชั้นถี่ หยดน้ำสี่ขุ่นบนลำตัวและช่องทางแดงช้ำ ทุกสิ่งที่เห็นนั้นน่ามองจนอดไม่ได้ที่จะแลบเลียริมฝีปากตัวเอง
“แฮ่ก มึง หน้ามึงแม่งหื่นสัด” เหมือนเขาจะเริ่มมีแรงแล้วถึงได้พร้อมหาเรื่องกันแบบนี้
“อาจจะเพราะกับคุณล่ะนะ”
“กูไม่ดีใจครับ ปล่อยกูได้แล้ว อึก อะไรวะ!”
เต้ดิ้นจนโซ่ครูดเตียงดังลั่น เหตุผลอาจจะเพราะแกนกลางที่เริ่มแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง เขาจ้องผมเขม็งเพื่อขอคำอธิบาย ผมคงลืมบอกสรรพคุณของเจลนี้กับเขาไปสินะ
“อ่อ ผมลืมบอกไป ‘สรรพคุณพิเศษ : ทำให้คนรักของคุณมีความสุขยาวนานได้ทั้งคืน’ ข้างขวดมันว่าแบบนั้นน่ะครับ” มันไม่ต่างจากยาปลุกดีๆนี่เอง และผมว่าเขาก็คงจะรู้
“เชี่ย!”
“ผมบอกไปแล้วไงว่านี่เป็นการลงโทษ ง่ายเกินไปที่มันจะจบเพียงแค่นี้นะครับ”
“กูเกลียดมึง!”
“แต่ผมชอบที่คุณเกลียดผมแบบนี้นะครับ น่าแกล้งดีออก” ถึงแม้ถ้าให้หันมารักผมผมจะมีความสุขมากกว่าก็เถอะ
“แล้วมึงก็เร็วๆสิ หรือจะรอให้ใครมาตัดริบบิ้นหรือไง” ครั้งนี้เป็นการร้องขอที่สมเป็นเขาจริงๆ
เพดานสีขาว กับแอร์เครื่องเล็กที่อยู่ริมขอบสายตา นั่นคือสิ่งที่ผมเห็นเป็นอย่างแรกเมื่อตื่นขึ้น สมองค่อยๆประมวลผลอย่างช้าๆและทำให้เข้าใจว่านี่เป็นห้องเช่าของผมเอง
ผมขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้นแต่ความปวดตึงจากช่วงล่างทำให้ล้มนอนอีกครั้งแต่นั่นยิ่งทำให้รวดร้าวกว่าเดิมโข ในใจสบถด่าคนทำไปหลายทีก็จะพยุงตัวเองขึ้นนั่ง สายตาพยายามสอดสายตาหาคนก่อเรื่องที่ไม่รู้ตอนนี้หายไปไหน
ไม่มีวี่แววของอีกคน ทุกอย่างเงียบกริบหากไม่นับเสียงแอร์ที่ดังเบาๆ
“ไปไหนของมันวะ”
ก็บ่นไปแบบนั้นแหละครับ ความจริงผมแอบดีใจที่ตื่นมาไม่เห็นหน้ามันล่ะนะ แต่แอบโมโหเล็กๆที่คนทำไม่ยอมดูดำดูดีแถมยังหายหัว
ผมค่อยๆก้าวลงจากเตียงด้วยขาสั่นๆ ช่องทางข้างหลังไม่ได้ปวดมากมายแค่รู้สึกเสียดๆตึงๆแล้วก็เจ็บจี๊ดๆเวลาขยับตัว แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาเท่ากับขาที่แทบไม่มีแรงจนต้องพยายามฝืนยืนให้ตัวตรง
ประตูห้องน้ำอยู่แค่เอื้อมแต่เหมือนไกลเป็นชาติกว่าจะถึงประตูนี่แทบล้มไปหลายที จากนั้นก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วค่อยมีแรงขึ้นมาหน่อย
อาบน้ำไประแวงหลังไปกลัวมันพรวดพราดเข้ามา ถึงแม้ผมจะล็อกประตูแล้วก็เถอะ หมอนั่นทำผมประสาทจะกิน
พอแต่งตัวเสร็จเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องให้ต้องมองหา จะว่าไปโทรศัพท์ของผมยังอยู่ในแก้วบนตู้เย็นอยู่เลย คิดแล้วความโกรธนี่แล่นพล่านครับ
อย่าให้เจอตัวนะมึง เรื่องโทรศัพท์นี่ยังไม่ได้เคลียร์
หาที่มาของโทรศัพท์ที่ดังอยู่นานก็เจออยู่ข้างหมอน หน้าของคนโทรมายังยิ้มแฉ่งโชว์หลาว่าสายที่ต่อเข้ามานั้นคือใคร ชื่อใต้ภาพเขียนไว้ว่าสุดที่รัก พออ่านแล้วผมนี่งองูสองตัวเข้าปะทะหน้าจังๆ
ไม่รู้มันเอาโทรศัพท์ที่ไหนโทรมา เครื่องของมันในห้องผมดันเป็นหน้ามันโทรเข้าแถมแมมชื่อตัวเองแบบนั้นอีก สมองกลับหรือยังไง
“เออ”
“รับสายผมเพราะๆหน่อยสิครับที่รัก”
“สัด! มีไรมึง”
“ผมจะโทรมาถามว่าอยากกินอะไรเดี๋ยวจะซื้อเข้าไป คิดว่าหลังจากเมื่อคืนคุณคงอยากกินอะไรที่ให้พลังงานเยอะๆ” มันพูดกลั้วหัวเราะ
ผมนี่แทบปามือถือทิ้งถ้าไม่ติดว่าท้องร้องลั่นเพราะหิวจัดล่ะก็มือถือคงไปนอนอยู่มุมห้อง
หรือผมควรโยนจริงๆเพื่อแก้แค้นให้มือถือผมดี
“เต้ครับ ได้ยินไหม” เรื่องท้องสำคัญที่สุดอ่ะนะตอนนี้
จากนั้นร่ายยาวไปสี่ห้าอย่างได้แล้วก็ตัดสายทิ้ง ต่อด้วยจัดการลากโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กออกมาจากตู้ จัดการหาถ้วยชามมาเรียงไว้ ถ้ามันไม่ได้มาตามที่ผมสั่งจะเอาโทรศัพท์มันปาหัวมันเอง เหอะ
กดเล่นโทรศัพท์มันไปเรื่อยฆ่าเวลา ในเครื่องสะอาดเอี่ยมเหมือนไม่เคยถูกใช้มาก่อนเว้นแต่เบอร์มันเองในเครื่อง ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่มันจะเปิดประตูเข้ามาเอง
ก็ดี... ผมไม่อยากลุกเท่าไหร่
“รอนานหรืเปล่าครับ” พีทถามเสียงใสพร้อมกับยิ้มกว้างมาให้
เจอหน้ามันก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเหมือนกันหลังจากที่ตกลงเป็นแฟนกับมันไปแล้วแบบนี้ กำลังสงสัยว่าเขาต้องเทคแคร์มันแบบพวกผู้หญิงที่เคยคบด้วยหรือเปล่า แต่คิดอีกทีก็คงไม่จำเป็นหรอก
“ไม่ต้องพูดมากเลยมึง วางๆ กูหิว”
จัดการอาหารตรงหน้าหมดก็แทบอ้วกเหมือนกัน สั่งไปเยอะแถมมันซื้อมาเพิ่มอีก กินไม่หมดก็เสียดายก็เลยยัดไปจนหมดนั่นล่ะ จุกจนต้องนอนแผ่หลาลูบท้องเบาๆข้างเตียง
“ถึงเวลากลับห้องของเรากันได้แล้วมั้งครับ”
“เออๆ กูขอนอนอีกรอบตื่นมาค่อยไปแล้วกัน” พูดไปแบบนั้นเพราะร่างกายยังรู้สึกล้าอยู่เลย
“ไปนอนที่โน้นก็ได้ครับ เดี๋ยวของที่เหลือผมจะกลับมาเก็บให้ทีหลัง”
“มึงจะรีบไปไหน กูไม่หนีแล้วน่า”
“หนีผมก็ตามคุณถูกครับไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ห้องนี้ทั้งเก่าชื้นแล้วก็ดูไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ ผมว่าไปนอนที่คอนโดเราดีกว่า อีกอย่างผมให้คนเตรียมรถรอไว้ข้างล่างแล้วครับ” ถ้ามึงเตรียมพร้อมหมดขนาดนี้ไม่ต้องถามนะ ลากไปเลยเถอะ
“เออๆ มึงนี่แม่งชอบบงการจริง”
ถึงอย่างนั้นก็ตามมันลงไปที่รถที่จอดอยู่ข้างล่าง รถเบ้นซ์สีดำสนิทเงาวับดูจากรุ่นแล้วคอรถอย่างผมนี่ตาลุกวาว ถึงจะไม่ได้เป็นเจ้าของแต่แค่ได้มองก็สุขใจแล้วครับ ผมนี่แทบถลาไปลูบคลำดีที่ว่าไม่อยากให้ไอ้คนข้างๆนี่เห็นท่าทีประหลาดๆให้มันหัวเราะ
แต่ถึงอย่างนั้น...
“ขอกูขับนะ!” ถ้าให้ดีผมอยากขับเองมากกว่ามองอ่ะ
“ไหนว่าอยากนอนครับ ผมให้คนที่บ้านขับออกมารับเรา ถ้าไปแย่งเขาแล้วจะให้เขาทำอะไร” มันเลิกคิ้วถาม
แต่ว่าบ้านเหรอ...
รู้นะครับว่ามันรวย แต่รวยขนาดไหนกันนะถึงมีคนขับรถให้แบบนี้ พี่คนขับนี่ก็หน้านิ่งสนิท สูทดำทั้งตัว รองเท้าหนังเงาวับ หุ่นพี่แกก็ล่ำซะ มองแล้วชักไม่แน่ใจว่าเป็นคนขับรถหรือบอดี้การ์ด
“แต่กูอยากขับ ถ้าไม่ได้กูไม่กลับ!” เอาสิ ไม่มีใครเคยบอกเหรอว่าเฮียเต้คนนี้โคตรเอาแต่ใจ
ไอ้พีทมันทำหน้ายุ่งๆถึงแม้ปากมันจะยังยิ้มอยู่ก็เถอะ แอบหันไปมองคนขับรถหน่อยๆเพราะเกรงว่าพี่แกจะพุ่งเข้ามาถีบโทษฐานที่ไปแย่งหน้าที่ เห็นหุ่นยักษ์แบบนั้นมือเดียวนี่คงหักคอผมสบาย พูดแล้วก็เสียววาบ
ถึงงั้นก็เถอะ! ความอยากมันเอาชนะความกลัวไปหมดแล้ว
“จะเอาไง ให้กูขับกูไป ไม่ให้กูขึ้นไปนอนข้างบน” ยื่นคำขาดแล้วจ้องมันนิ่งๆ สายตาแอบบอกเลยว่ากูจะเอา ถ้ามันแปลไม่ออกผมคงกลับขึ้นไปนอนเดี๋ยวนี้เลย ล้าก็ล้า ง่วงก็ง่วง
“อ่า... โอเคครับ ก็ได้” ในใจผมนี่กระโดดไชโยเลยครับ แต่ข้างนอกนี่ต้องนิ่งไว้ก่อนเดี๋ยวเสียภาพพจน์
รีบเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับแต่ปรากฏว่ามันล็อก ก็ลืมขอกุญแจ ผมหันขวับไปมองเจ้าหน้ายิ้มคนเดิมเหมือนมันจะรู้ก็เลยขอกุญแจจากคนขับให้
ผมปลดล็อกแล้วขึ้นไปประจำที่เห็นมันขึ้นมานั่งข้างๆหน้าระรื่น คนขับก็ยืนนิ่งอยู่ข้างรถ
“ไปเลยครับ เดี๋ยวผมบอกทางเอง” คือมึงจะทิ้งคนขับไว้นี่เหรอ
“คนขับรถมึงล่ะ”
“เดี๋ยวเขาก็หาทางกลับเองได้ครับ” ผมว่าผมเริ่มรู้สึกผิด
“ให้พี่เขาขึ้นมาดิ ข้างหลังก็ว่าง”
“เต้จะขับรถให้คนขับรถนั่งหรือไงครับ” เอ้า กูขับ พี่แกก็นั่งไม่ถูกหรือไงวะ
“งั้นมึงก็ไปนั่งข้างหลังให้พี่คนขับมานั่งกับกู”
ไอ้พีทมันส่ายหน้าแล้วมองผมยิ้มๆ เออ ยิ้มเข้าไป ให้ปากฉีกถึงรูหูไปเลยมึง สรุปว่าถ้าผมขับมันจะให้พี่แกเดินกลับเอง ถ้าผมไปนั่งสบายๆพี่เขาก็ได้ขับรถกลับ
แต่ผมอยากขับ!
ปวดหัวจริงวุ้ย กูอยากนอนนน!
งั้นมาตรการสุดท้าย...
“พีทครับ”
“ครับ?” มันหันมาตอบรับงงๆ
“เต้อยากให้พี่เขากลับด้วย ได้หรือเปล่า” กระดากปากชิบ ถ้าแม่งไม่ยอม ผมเตรียมนอนในรถนี่แหละ
“จะดีเหรอ” ดูท่ามันลังเล
“ดีสิ ง่วงแล้วอยากนอน นะ” ดูมันทำหน้าตื่นๆผมนี่กลั้นขำแทบตาย พ่อเทพบุตรแทบหลุดมาดเลยครับนั่น
“งั้นก็ได้ครับ” มันถอนหายใจแล้วลดกระจกลงบอกให้พี่คนขับขึ้นรถมาแต่พี่แกก็ยังนิ่ง พีทมันขมวดคิ้วก่อนจะสั่งเสียงเข้มอีกทีจากนั้นพี่ตัวใหญ่ก็หันหน้ามาตอบ
“ไม่ได้ครับ”
“ผมไม่ได้ขอ แต่ผมสั่ง!” เสียงดังก้องไปทั้งรถ ขนแขนผมลุกเกรียวหัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ
อาจจะเพราะผมอยู่ในที่แคบๆแบบนี้ เสียงดังที่มันพูดก็เลยดูน่ากลัวไปหน่อยก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงเฉียบขาดมีอำนาจก็ทำให้ผมกลัวมันด้านนี้จริงๆ
อย่ามาใช้เสียงแบบนี้กับกูนะมึง กูหลอนกว่าหน้ายิ้มมึงอีก
ก็คิดได้แค่ในใจนั่นล่ะ เรื่องอะไรที่ผมจะไปบอกว่าผมกลัวมันแบบนั้น ดูจากนิสัยมันแล้วเดี๋ยวมันเอามาแกล้งผมเสียเปล่าๆ
พี่คนขับในที่สุดก็ยอมเปิดรถเข้ามานั่งนิ่งๆ ตัวตรงเดะหน้ามองเบาะหน้าไม่วอกแวก แอบมองกระจกหลังดูพี่แกพักนึงก็ต้องหลบวูบทันทีที่เขาตวัดสายตามามอง
ผมไม่ได้แย่งงานพี่นะเฮ้ย! ผมแค่อยากขับรถ...
กว่าจะออกมาจากหอพักโทรมๆของผมได้ก็กินเวลาไปเยอะ จากนั้นก็ขับตามที่ไอ้คนข้างๆบอกทาง ขับช้าๆไปตามทางที่รถติด ถึงรถไม่ติดผมก็ขับช้าอยู่ดีเพราะขาแทบไม่มีแรง แต่ด้วยความชอบส่วนตัว... ผมจะทน!
มาถึงพี่คนขับก็รีบออกไปเปิดประตูให้เจ้านายส่วนเจ้านายพี่เขาเห็นรีบถลามาฝั่งผม แต่เรื่องอะไรผมจะรอให้มันทำล่ะจริงไหม
ตอนนี้เหลือผมกับมันในลิฟต์สองคน ด้วยความง่วงตานี่แทบจะปิดอยู่แล้ว ลิฟต์สั่นน้อยๆเหมือนเพลงกล่อมยิ่งทำให้หนังตาหนักขึ้นไปอีก
ปึก!
หลังผมเอนไปชนอกแข็งๆของไอ้คนข้างๆที่เหมือนมันเตรียมรับไว้อยู่แล้ว แขนข้างนึงคล้องเอวผมไว้ไม่ให้ล้มอีกที ตอนนี้แรงขัดขืนแทบไม่มีอีกทั้งไม่รู้จะขัดขืนไปทำไมด้วยก็เลยพิงตัวมันทั้งอย่างนั้น
ห้องแม่งก็อยู่สูงจังวะ!
ไม่รู้ชั้นไหนได้แต่เดินตาปรือไปตามแรงลากของมัน รู้สึกตัวอีกทีกับเตียงนุ่มหอมกรุ่นแล้วสติก็เลื่อนลอย
“เต้ครับ นี่ ตื่นก่อน”
“เที่ยงนี้จะกินอะไรดีครับ”
“โทรบอกคุณแม่ก่อนไหมหรือให้ผมโทรเอง”
“เต้ครับ”
“มึงหุบปากสักทีได้ไหมกูจะนอน!”tbc
--------------------
กลับมาแล้วววววว
แต่สติสตังยังไม่กลับมา
ยังมีคนรออ่านเรื่องนี้อยู่ป่าวหนอ หรือว่าหายหมดเพราะคนเขียนไม่ยอมต่อสักที 555
คิดถึงทุกโคนนนน