•.•●•۰• ปฏิบัติการล่ามโซ่...!! •.•●•۰• ตอนที่ 11-2 รับน้องสยองขวัญ(เต้) 4/1/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: •.•●•۰• ปฏิบัติการล่ามโซ่...!! •.•●•۰• ตอนที่ 11-2 รับน้องสยองขวัญ(เต้) 4/1/59  (อ่าน 32536 ครั้ง)

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เรื่องนี้น่ารักแบบแมนๆสายโหดแอะอะตอยๆ 555

เสมือนพกกระสอบทรายไว้ข้างตัว  :katai2-1:

ออฟไลน์ sugarcandy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
เอาเบาะมานั่งรอนอนรอจร้าาาาาาาาาาา  :mew1:

ออฟไลน์ MPpearl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หายไปนานเพราะงานเข้าหนักมาก
เห็นเรื่องแฝดโดนลบต้องรีบมาเจิมเรื่องนี้ทันทีกลัวหายอีกเรื่อง :hao5:

ว่างเขียนอีกทีก็ช่วงสิ้นปีจ้า ช่วงนี้ขอหาตังแปปนึง หุหุ
คิดถึงคนอ่าน จุฟๆ
 :mew1:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2015 20:58:17 โดย MPpearl »

ออฟไลน์ MPpearl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 10
บทลงโทษเล็กๆ




   “ผมก็บอกแล้วไงครับว่านี่เป็นการลงโทษ”

   ก็พูดไปแบบนั้นเองแหละ จริงๆไม่ได้โกรธเลยด้วยซ้ำก็แค่อยากจะหาเรื่องแกล้งอีกฝ่ายก็แค่นั้น เหลือบไปเห็นถุงกระดาษที่ตัวเองเอามาด้วยแล้วถึงกับหุบยิ้มไม่ลงจนเต้มองมาอย่างหวาดระแวง ได้แต่ส่งยิ้มกลับไปแล้วเอื้อมไปหยิบของในถุงใบนั้นออกมามา

   “อะไรวะ” ใบหน้าสงสัยพร้อมกับหวาดกลัวหน่อยๆเหมือนกับลูกสิงโตกลัวป่าแบบนั้นยิ่งกระตุ้นให้ผมอยากแกล้งเข้าไปอีก

   “ไม่มีอะไรนี่ครับ แค่เจลเอง”

   พอบอกไปก็ยิ่งดิ้น เสียงโซ่แกรกกรากครูดกับเตียงจนกลัวว่าจะดังไปถึงห้องข้างๆ แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าใครจะได้ยินหรือเปล่า

   กลับมาอยู่ในท่าเดิมระหว่างขาของเขาก่อนจะยกขาแข็งแรงขึ้นข้างหนึ่งจนอีกคนร้องลั่น ขวดเจลในมือถูกบีบก่อนจะป้ายลงบนช่องทางสีสวยเบาๆโดยที่เจ้าของพยายามดิ้นหนีแต่ติดที่แขนและขาถูกรั้งไว้

   “ไหนว่าจะให้ผมทำอะไรก็ทำไงครับ” ถามออกไปแต่มือก็ไม่ได้หยุดที่จะนวดคลึงส่วนนั้น

   “มึงไม่เข้าใจกู! อีกอย่างมันเจ็บเถอะสัด ถึงตอนนั้นกูจะเมาแต่ก็จำได้เถอะ” พูดไปก็ทำสีหน้าแหยงๆจนต้องยิ้มปลอบ

   “ผมจะเบามือ รับรองว่าไม่เจ็บมาก”

   “แต่มันก็ยังเจ็บไม่ใช่เหรอวะ! เฮ้ย!” เต้ร้องออกมาเมื่อผมกดนิ้วเข้าไป

   สีหน้าสงสัยของอีกคนทำให้อยากหัวเราะแต่ก็ต้องเก็บสีหน้าไว้ คาดว่าเขาคงไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนที่ตัวเองคิดก็เลยงงๆอยู่
   ก็นะ... ผมเทเจลมาใช้จะครึ่งขวดขนาดนั้น ถึงแม้เขาจะดูเกร็งๆนิดหน่อยก็เถอะ

   นิ้วที่สองและสามตามไปในไม่ช้าก่อนจะหมุนวนให้อีกฝ่ายคลายตัว แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การลงโทษของผมหรอก

ผมกำลังรอ...

   “อะ อึก มึง มันร้อน” เสียงทุ้มพร่าพูดออกมาช้าๆด้วยสีหน้าเหยเก

   เต้เริ่มตัวสั่นนิดๆเมื่อเวลาผ่านไป ส่วนกลางลำตัวที่รอการสัมผัสแดงก่ำอย่างน่าสงสาร ขาสองข้างพยายามหุบเข้าหากันเพื่อลดความทรมานแต่ติดที่ตัวผมคั้นกลาง

   แต่ทั้งหมดนั้นก็ดูร้อนแรงดีจริงๆ ผมนี่อยากจะพุ่งเข้าไปปลดปล่อยให้ทั้งของตัวเองและอีกคนเสียเดี๋ยวนั้น

   เจลหล่อลื่นสูตรพิเศษ... ผมว่ามันให้ผลเป็นที่น่าพอใจนะ

   เสียงโซ่แกรกกรากเสียดสีกับเตียงทำให้อดที่จะเหลือบสายตาไปมองไม่ได้ พอดีที่ประสานสายตากับเต้ ดวงตาดื้อรั้นที่ไม่ยินยอมพร้อมใจกับประกายกระหายเล็กๆที่อยู่ภายใน

   เขาทำให้ผมหลงไหลขึ้นไปอีกเพียงแค่มองตา...

   “มึงหยุดทำหน้าโรคจิตเดี๋ยวนี้นะ” หวา ผมคงแสดงออกทางสีหน้ามากไปนิด

   ช่องทางเริ่มคลายตัวจนรู้สึกได้แต่ก็ยังบีบรัดเป็นจังหวะให้ได้วูบโหวงในอก อยากพาตัวเองเข้าไปทักทายให้ลึกที่สุดเดี๋ยวนั้น แต่อีกใจกำลังรอคอยการร้องขอจากอีกฝ่าย

   ตัวเลือกระหว่างสุขกายกับสุขใจ เลือกทางไหนก็มีความสุขจริงๆ หึหึ

   มองคนข้างล่างที่ตอนนี้ลมหายใจหอบถี่พร้อมกับตัวสั่นน้อยๆยิ่งทำให้แกนกายปวดหนึบ กลายเป็นว่าแทนที่อยากจะแกล้งเขาเล่นกลับเป็นผมเองที่เหมือนถูกแกล้ง

   คนตรงหน้าก็คงอดกลั้นน่าดู ดูจากริมฝีปากสีสดจากการจูบเม้มแน่นเพื่อระงับความต้องการที่พรั่งพรู

   ขอสิ... ขอร้องผมครับเต้

   มือที่ว่างป่ะป่ายไปตามลำตัวก่อนจะเลื่อนต่ำลงที่ก้อนเนื้อหนั่นนิ่มทั้งสองข้าง บีบกระชับความหยุนมือทั้งสองเพื่อระบายความต้องการของตัวเองจนอีกฝ่ายครางอือในลำคอ

   “มึง...”

   เร็วสิ... เร็ว

   “...ที” น้ำเสียงผะแผ่วลอบออกมาบางเบาจนจับใจความไม่ได้ให้ต้องร้องขอฟังอีกที

   “เมื่อกี้เต้ว่ายังไงนะครับ”

   “แม่ง...” ขนาดเสียงสบถยังเบาหวิวพร้อมกับอาการหอบหายใจ

   “...” ผมเงียบเพื่อตั้งใจฟังสิ่งที่เขาจะพูด

   ดวงตาที่ฉายความต้องการออกมาพร้อมกับความเจ็บใจยิ่งกระตุ้นความต้องการของผมให้คุโชนขึ้นไปอีก ลูกสิงโตของผมกำลังต้องการการปลดปล่อยจนแทบทนไม่ไหวแน่ๆ แต่ส่วนหนึ่งคงอับอายเกินกว่าจะร้องขอออกมาเอง

   “ช่วยที” เพียงแค่นี้ผมก็แทบยิ้มไม่หุบ แต่ว่า...

   “ว่าไงนะครับ” ผมอยากฟังอีกทีอ่ะ

   “กูบอกว่าช่วยกูที! มึงแม่ง เล่นอะไรวะ” หวา... ลูกสิงโตผมหงุดหงิดซะแล้ว ก็คงต้องหยุดเล่นเท่านี้

   ผมก้มลงไปประกบปากที่ยังคงเม้มเน้น อีกฝ่ายเผยอออกอย่างรู้งานก่อนที่เราสองคนจะช่วยกันชักนำรสจูบหวานล้ำให้เต็มไปด้วยรสเลือดและความหิวกระหาย

   ความหิวกระหายซึ่งกันที่ไม่รู้ที่มา หากแต่ร่างกายชักพาจนต้องบดเบียดเข้าหากันเพื่อคลายความหิวนั้น

   ลิ้นต่อลิ้นพันกันจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร แม้จะดุนดันกันจนเจ็บก็ยังไม่มีใครขยับห่าง มือทั้งสองข้างฟอนเฟ้นไปตามร่างกายที่พอเหมาะพอเจาะ ลำตัวบดเบียดกันให้รู้สึกร้อนจนแทบละลายหายไป

   มือของเต้คล้องลำคอผมลงพร้อมกับดึงให้เข้าประชิดยิ่งขึ้น ส่วนล่างขยับส่ายไปมาเพื่อบอกถึงความต้องการที่ล้นปรี่ แล้วผมจะรออะไรล่ะครับ

   ความแข็งขืนที่พร้อมอยู่แล้วค่อยๆสอดประสานเข้าไปในร่างกายร้อนผ่าวตรงหน้า ยิ่งความรัญจวนจากเล็บสั้นคมที่กรีดลงบนแผ่นหลังบอกถึงความสุขล้นของความต้องการได้เป็นอย่างดี จากนั้นเขาจึงไม่รอช้าขยับเอวเพื่อให้ทั้งหมดเข้าสู่ช่องทางร้อน

   “อ๊า... เบา เบาหน่อย”

   “คุณเรียกร้องเองนะ” พูดพร้อมกับค่อยๆขยับร่างกายที่เชื่อติดกันจนเห็นอีกคนร้องลั่น

   “อะ อ๊า... กู อะ กูเปล่าเถอะ สัด!” ถึงแม้ร้องลั่นที่ว่าจะเพื่อด่าผมก็ตามที แต่อย่างน้อยคำพูดที่หอบพร่าก็ทำให้รู้สึกซาบซ่านในหัวใจไม่น้อย

   ร่างกายของเราประสานเข้าจังหวะกันจากช้าๆก่อนจะเร็วขึ้น มือทั้งสองข้างคอยนวดเฟ้นไปตามร่างกายของฝ่ายตรงข้ามเพื่อระงับอารมณ์ที่อยากปะทุพร้อมทั้งปลุกเร้าความกระหายที่มีในตัวให้มากขึ้นไปอีก

   “อะ มึง เร็ว อะ เร็วอีกหน่อย” หลังจากเสียงนั้นจบลงผมก้มลงไปฝากรอยรักไว้อีกครั้งที่ลาดไหล่หนาก่อนจะทำตามที่อีกฝ่ายขอ

   จังหวะแนบชิดถูกเร่งให้เร็วขึ้นจนเต้ร้องออกมาอื้ออึง แต่คงจะเขินอายเกินกว่าจะเปล่งเสียงเหล่านั้นจึงกระชากศรีษะผมลงไปแล้วประกบปากจูบ

   เจ็บ... ฟันกระทบกันดังกึก แต่ความเร่าร้อนที่ส่งกลับมาแทบจะทำให้ลืมความเจ็บนั้น

   จังหวะของเราถูกเร่งให้เร็วขึ้นไปอีก ความรู้สึกสุขล้นจ่ออยู่บนปลายทางที่ใกล้จะถึงเต็มทีทั้งของเขาและคนข้างล่าง มือข้างที่ว่างจึงผละไปรูดรั้งส่วนแข็งขืนของอีกคนเพื่อให้ความสุขล้ำนั้นมาถึงปลายทางอย่างพร้อมเพรียง

   “อา... พีท เร็ว อะ อ๊า”

   ปลายทางของคนข้างล่างถูกปลดปล่อยก่อนที่เล็บคมจะจิกลึกลงบนแผ่นหลังของผมที่สิ้นสุดปลายทางในเวลาไล่เลี่ยกัน
   “อา เต้ของผม”

   แม้อยากพักเอาแรงแต่การได้ดูร่างแดงก่ำเบื้องหน้าเป็นความสุขอย่างหนึ่งผมจึงได้แต่นั่งมองอยู่แบบนั้น อกกระเพื่อมขึ้นลงเพราะลมหายใจกระชั้นถี่ หยดน้ำสี่ขุ่นบนลำตัวและช่องทางแดงช้ำ ทุกสิ่งที่เห็นนั้นน่ามองจนอดไม่ได้ที่จะแลบเลียริมฝีปากตัวเอง

   “แฮ่ก มึง หน้ามึงแม่งหื่นสัด” เหมือนเขาจะเริ่มมีแรงแล้วถึงได้พร้อมหาเรื่องกันแบบนี้

   “อาจจะเพราะกับคุณล่ะนะ”

   “กูไม่ดีใจครับ ปล่อยกูได้แล้ว อึก อะไรวะ!”

   เต้ดิ้นจนโซ่ครูดเตียงดังลั่น เหตุผลอาจจะเพราะแกนกลางที่เริ่มแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง เขาจ้องผมเขม็งเพื่อขอคำอธิบาย ผมคงลืมบอกสรรพคุณของเจลนี้กับเขาไปสินะ

   “อ่อ ผมลืมบอกไป ‘สรรพคุณพิเศษ : ทำให้คนรักของคุณมีความสุขยาวนานได้ทั้งคืน’ ข้างขวดมันว่าแบบนั้นน่ะครับ” มันไม่ต่างจากยาปลุกดีๆนี่เอง และผมว่าเขาก็คงจะรู้

   “เชี่ย!”

   “ผมบอกไปแล้วไงว่านี่เป็นการลงโทษ ง่ายเกินไปที่มันจะจบเพียงแค่นี้นะครับ”

   “กูเกลียดมึง!”

   “แต่ผมชอบที่คุณเกลียดผมแบบนี้นะครับ น่าแกล้งดีออก” ถึงแม้ถ้าให้หันมารักผมผมจะมีความสุขมากกว่าก็เถอะ

   “แล้วมึงก็เร็วๆสิ หรือจะรอให้ใครมาตัดริบบิ้นหรือไง” ครั้งนี้เป็นการร้องขอที่สมเป็นเขาจริงๆ





   เพดานสีขาว กับแอร์เครื่องเล็กที่อยู่ริมขอบสายตา นั่นคือสิ่งที่ผมเห็นเป็นอย่างแรกเมื่อตื่นขึ้น สมองค่อยๆประมวลผลอย่างช้าๆและทำให้เข้าใจว่านี่เป็นห้องเช่าของผมเอง

   ผมขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้นแต่ความปวดตึงจากช่วงล่างทำให้ล้มนอนอีกครั้งแต่นั่นยิ่งทำให้รวดร้าวกว่าเดิมโข ในใจสบถด่าคนทำไปหลายทีก็จะพยุงตัวเองขึ้นนั่ง สายตาพยายามสอดสายตาหาคนก่อเรื่องที่ไม่รู้ตอนนี้หายไปไหน

   ไม่มีวี่แววของอีกคน ทุกอย่างเงียบกริบหากไม่นับเสียงแอร์ที่ดังเบาๆ

   “ไปไหนของมันวะ”

   ก็บ่นไปแบบนั้นแหละครับ ความจริงผมแอบดีใจที่ตื่นมาไม่เห็นหน้ามันล่ะนะ แต่แอบโมโหเล็กๆที่คนทำไม่ยอมดูดำดูดีแถมยังหายหัว

   ผมค่อยๆก้าวลงจากเตียงด้วยขาสั่นๆ ช่องทางข้างหลังไม่ได้ปวดมากมายแค่รู้สึกเสียดๆตึงๆแล้วก็เจ็บจี๊ดๆเวลาขยับตัว แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาเท่ากับขาที่แทบไม่มีแรงจนต้องพยายามฝืนยืนให้ตัวตรง

   ประตูห้องน้ำอยู่แค่เอื้อมแต่เหมือนไกลเป็นชาติกว่าจะถึงประตูนี่แทบล้มไปหลายที จากนั้นก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วค่อยมีแรงขึ้นมาหน่อย

   อาบน้ำไประแวงหลังไปกลัวมันพรวดพราดเข้ามา ถึงแม้ผมจะล็อกประตูแล้วก็เถอะ หมอนั่นทำผมประสาทจะกิน

   พอแต่งตัวเสร็จเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องให้ต้องมองหา จะว่าไปโทรศัพท์ของผมยังอยู่ในแก้วบนตู้เย็นอยู่เลย คิดแล้วความโกรธนี่แล่นพล่านครับ

   อย่าให้เจอตัวนะมึง เรื่องโทรศัพท์นี่ยังไม่ได้เคลียร์

   หาที่มาของโทรศัพท์ที่ดังอยู่นานก็เจออยู่ข้างหมอน หน้าของคนโทรมายังยิ้มแฉ่งโชว์หลาว่าสายที่ต่อเข้ามานั้นคือใคร ชื่อใต้ภาพเขียนไว้ว่าสุดที่รัก พออ่านแล้วผมนี่งองูสองตัวเข้าปะทะหน้าจังๆ

   ไม่รู้มันเอาโทรศัพท์ที่ไหนโทรมา เครื่องของมันในห้องผมดันเป็นหน้ามันโทรเข้าแถมแมมชื่อตัวเองแบบนั้นอีก สมองกลับหรือยังไง

   “เออ”

   “รับสายผมเพราะๆหน่อยสิครับที่รัก”

   “สัด! มีไรมึง”

   “ผมจะโทรมาถามว่าอยากกินอะไรเดี๋ยวจะซื้อเข้าไป คิดว่าหลังจากเมื่อคืนคุณคงอยากกินอะไรที่ให้พลังงานเยอะๆ” มันพูดกลั้วหัวเราะ

   ผมนี่แทบปามือถือทิ้งถ้าไม่ติดว่าท้องร้องลั่นเพราะหิวจัดล่ะก็มือถือคงไปนอนอยู่มุมห้อง

   หรือผมควรโยนจริงๆเพื่อแก้แค้นให้มือถือผมดี

   “เต้ครับ ได้ยินไหม” เรื่องท้องสำคัญที่สุดอ่ะนะตอนนี้

   จากนั้นร่ายยาวไปสี่ห้าอย่างได้แล้วก็ตัดสายทิ้ง ต่อด้วยจัดการลากโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กออกมาจากตู้ จัดการหาถ้วยชามมาเรียงไว้ ถ้ามันไม่ได้มาตามที่ผมสั่งจะเอาโทรศัพท์มันปาหัวมันเอง เหอะ

   กดเล่นโทรศัพท์มันไปเรื่อยฆ่าเวลา ในเครื่องสะอาดเอี่ยมเหมือนไม่เคยถูกใช้มาก่อนเว้นแต่เบอร์มันเองในเครื่อง ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่มันจะเปิดประตูเข้ามาเอง

   ก็ดี... ผมไม่อยากลุกเท่าไหร่

   “รอนานหรืเปล่าครับ” พีทถามเสียงใสพร้อมกับยิ้มกว้างมาให้

   เจอหน้ามันก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเหมือนกันหลังจากที่ตกลงเป็นแฟนกับมันไปแล้วแบบนี้ กำลังสงสัยว่าเขาต้องเทคแคร์มันแบบพวกผู้หญิงที่เคยคบด้วยหรือเปล่า แต่คิดอีกทีก็คงไม่จำเป็นหรอก

   “ไม่ต้องพูดมากเลยมึง วางๆ กูหิว”

   จัดการอาหารตรงหน้าหมดก็แทบอ้วกเหมือนกัน สั่งไปเยอะแถมมันซื้อมาเพิ่มอีก กินไม่หมดก็เสียดายก็เลยยัดไปจนหมดนั่นล่ะ จุกจนต้องนอนแผ่หลาลูบท้องเบาๆข้างเตียง

   “ถึงเวลากลับห้องของเรากันได้แล้วมั้งครับ”

   “เออๆ กูขอนอนอีกรอบตื่นมาค่อยไปแล้วกัน” พูดไปแบบนั้นเพราะร่างกายยังรู้สึกล้าอยู่เลย

   “ไปนอนที่โน้นก็ได้ครับ เดี๋ยวของที่เหลือผมจะกลับมาเก็บให้ทีหลัง”

   “มึงจะรีบไปไหน กูไม่หนีแล้วน่า”

   “หนีผมก็ตามคุณถูกครับไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ห้องนี้ทั้งเก่าชื้นแล้วก็ดูไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ ผมว่าไปนอนที่คอนโดเราดีกว่า อีกอย่างผมให้คนเตรียมรถรอไว้ข้างล่างแล้วครับ” ถ้ามึงเตรียมพร้อมหมดขนาดนี้ไม่ต้องถามนะ ลากไปเลยเถอะ

   “เออๆ มึงนี่แม่งชอบบงการจริง”

   ถึงอย่างนั้นก็ตามมันลงไปที่รถที่จอดอยู่ข้างล่าง รถเบ้นซ์สีดำสนิทเงาวับดูจากรุ่นแล้วคอรถอย่างผมนี่ตาลุกวาว ถึงจะไม่ได้เป็นเจ้าของแต่แค่ได้มองก็สุขใจแล้วครับ ผมนี่แทบถลาไปลูบคลำดีที่ว่าไม่อยากให้ไอ้คนข้างๆนี่เห็นท่าทีประหลาดๆให้มันหัวเราะ

   แต่ถึงอย่างนั้น...

   “ขอกูขับนะ!” ถ้าให้ดีผมอยากขับเองมากกว่ามองอ่ะ

   “ไหนว่าอยากนอนครับ ผมให้คนที่บ้านขับออกมารับเรา ถ้าไปแย่งเขาแล้วจะให้เขาทำอะไร” มันเลิกคิ้วถาม

แต่ว่าบ้านเหรอ...

รู้นะครับว่ามันรวย แต่รวยขนาดไหนกันนะถึงมีคนขับรถให้แบบนี้ พี่คนขับนี่ก็หน้านิ่งสนิท สูทดำทั้งตัว รองเท้าหนังเงาวับ หุ่นพี่แกก็ล่ำซะ มองแล้วชักไม่แน่ใจว่าเป็นคนขับรถหรือบอดี้การ์ด

   “แต่กูอยากขับ ถ้าไม่ได้กูไม่กลับ!” เอาสิ ไม่มีใครเคยบอกเหรอว่าเฮียเต้คนนี้โคตรเอาแต่ใจ

   ไอ้พีทมันทำหน้ายุ่งๆถึงแม้ปากมันจะยังยิ้มอยู่ก็เถอะ แอบหันไปมองคนขับรถหน่อยๆเพราะเกรงว่าพี่แกจะพุ่งเข้ามาถีบโทษฐานที่ไปแย่งหน้าที่ เห็นหุ่นยักษ์แบบนั้นมือเดียวนี่คงหักคอผมสบาย พูดแล้วก็เสียววาบ

   ถึงงั้นก็เถอะ! ความอยากมันเอาชนะความกลัวไปหมดแล้ว

   “จะเอาไง ให้กูขับกูไป ไม่ให้กูขึ้นไปนอนข้างบน” ยื่นคำขาดแล้วจ้องมันนิ่งๆ สายตาแอบบอกเลยว่ากูจะเอา ถ้ามันแปลไม่ออกผมคงกลับขึ้นไปนอนเดี๋ยวนี้เลย ล้าก็ล้า ง่วงก็ง่วง

   “อ่า... โอเคครับ ก็ได้” ในใจผมนี่กระโดดไชโยเลยครับ แต่ข้างนอกนี่ต้องนิ่งไว้ก่อนเดี๋ยวเสียภาพพจน์

   รีบเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับแต่ปรากฏว่ามันล็อก ก็ลืมขอกุญแจ ผมหันขวับไปมองเจ้าหน้ายิ้มคนเดิมเหมือนมันจะรู้ก็เลยขอกุญแจจากคนขับให้

   ผมปลดล็อกแล้วขึ้นไปประจำที่เห็นมันขึ้นมานั่งข้างๆหน้าระรื่น คนขับก็ยืนนิ่งอยู่ข้างรถ

   “ไปเลยครับ เดี๋ยวผมบอกทางเอง” คือมึงจะทิ้งคนขับไว้นี่เหรอ

   “คนขับรถมึงล่ะ”

   “เดี๋ยวเขาก็หาทางกลับเองได้ครับ” ผมว่าผมเริ่มรู้สึกผิด

   “ให้พี่เขาขึ้นมาดิ ข้างหลังก็ว่าง”

   “เต้จะขับรถให้คนขับรถนั่งหรือไงครับ” เอ้า กูขับ พี่แกก็นั่งไม่ถูกหรือไงวะ

   “งั้นมึงก็ไปนั่งข้างหลังให้พี่คนขับมานั่งกับกู”

   ไอ้พีทมันส่ายหน้าแล้วมองผมยิ้มๆ เออ ยิ้มเข้าไป ให้ปากฉีกถึงรูหูไปเลยมึง สรุปว่าถ้าผมขับมันจะให้พี่แกเดินกลับเอง ถ้าผมไปนั่งสบายๆพี่เขาก็ได้ขับรถกลับ

   แต่ผมอยากขับ!

   ปวดหัวจริงวุ้ย กูอยากนอนนน!

   งั้นมาตรการสุดท้าย...

   “พีทครับ”

   “ครับ?” มันหันมาตอบรับงงๆ

   “เต้อยากให้พี่เขากลับด้วย ได้หรือเปล่า” กระดากปากชิบ ถ้าแม่งไม่ยอม ผมเตรียมนอนในรถนี่แหละ

   “จะดีเหรอ” ดูท่ามันลังเล

   “ดีสิ ง่วงแล้วอยากนอน นะ” ดูมันทำหน้าตื่นๆผมนี่กลั้นขำแทบตาย พ่อเทพบุตรแทบหลุดมาดเลยครับนั่น

   “งั้นก็ได้ครับ” มันถอนหายใจแล้วลดกระจกลงบอกให้พี่คนขับขึ้นรถมาแต่พี่แกก็ยังนิ่ง พีทมันขมวดคิ้วก่อนจะสั่งเสียงเข้มอีกทีจากนั้นพี่ตัวใหญ่ก็หันหน้ามาตอบ

   “ไม่ได้ครับ”

   “ผมไม่ได้ขอ แต่ผมสั่ง!” เสียงดังก้องไปทั้งรถ ขนแขนผมลุกเกรียวหัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ

   อาจจะเพราะผมอยู่ในที่แคบๆแบบนี้ เสียงดังที่มันพูดก็เลยดูน่ากลัวไปหน่อยก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงเฉียบขาดมีอำนาจก็ทำให้ผมกลัวมันด้านนี้จริงๆ

   อย่ามาใช้เสียงแบบนี้กับกูนะมึง กูหลอนกว่าหน้ายิ้มมึงอีก

   ก็คิดได้แค่ในใจนั่นล่ะ เรื่องอะไรที่ผมจะไปบอกว่าผมกลัวมันแบบนั้น ดูจากนิสัยมันแล้วเดี๋ยวมันเอามาแกล้งผมเสียเปล่าๆ
   พี่คนขับในที่สุดก็ยอมเปิดรถเข้ามานั่งนิ่งๆ ตัวตรงเดะหน้ามองเบาะหน้าไม่วอกแวก แอบมองกระจกหลังดูพี่แกพักนึงก็ต้องหลบวูบทันทีที่เขาตวัดสายตามามอง

   ผมไม่ได้แย่งงานพี่นะเฮ้ย! ผมแค่อยากขับรถ...

   กว่าจะออกมาจากหอพักโทรมๆของผมได้ก็กินเวลาไปเยอะ จากนั้นก็ขับตามที่ไอ้คนข้างๆบอกทาง ขับช้าๆไปตามทางที่รถติด ถึงรถไม่ติดผมก็ขับช้าอยู่ดีเพราะขาแทบไม่มีแรง แต่ด้วยความชอบส่วนตัว... ผมจะทน!

   มาถึงพี่คนขับก็รีบออกไปเปิดประตูให้เจ้านายส่วนเจ้านายพี่เขาเห็นรีบถลามาฝั่งผม แต่เรื่องอะไรผมจะรอให้มันทำล่ะจริงไหม

   ตอนนี้เหลือผมกับมันในลิฟต์สองคน ด้วยความง่วงตานี่แทบจะปิดอยู่แล้ว ลิฟต์สั่นน้อยๆเหมือนเพลงกล่อมยิ่งทำให้หนังตาหนักขึ้นไปอีก

   ปึก!

   หลังผมเอนไปชนอกแข็งๆของไอ้คนข้างๆที่เหมือนมันเตรียมรับไว้อยู่แล้ว แขนข้างนึงคล้องเอวผมไว้ไม่ให้ล้มอีกที ตอนนี้แรงขัดขืนแทบไม่มีอีกทั้งไม่รู้จะขัดขืนไปทำไมด้วยก็เลยพิงตัวมันทั้งอย่างนั้น

   ห้องแม่งก็อยู่สูงจังวะ!

   ไม่รู้ชั้นไหนได้แต่เดินตาปรือไปตามแรงลากของมัน รู้สึกตัวอีกทีกับเตียงนุ่มหอมกรุ่นแล้วสติก็เลื่อนลอย

   “เต้ครับ นี่ ตื่นก่อน”

   “เที่ยงนี้จะกินอะไรดีครับ”

   “โทรบอกคุณแม่ก่อนไหมหรือให้ผมโทรเอง”

   “เต้ครับ”

   “มึงหุบปากสักทีได้ไหมกูจะนอน!”

tbc
--------------------

กลับมาแล้วววววว

แต่สติสตังยังไม่กลับมา

ยังมีคนรออ่านเรื่องนี้อยู่ป่าวหนอ หรือว่าหายหมดเพราะคนเขียนไม่ยอมต่อสักที 555

คิดถึงทุกโคนนนน  :mew1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2015 19:23:01 โดย MPpearl »

ออฟไลน์ nadty27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฉากที่รอคอย หาย~
ฮือออ

ออฟไลน์ ิmomomomo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 o13 o13 o13มาแล้วๆนึกว่าจะดองแล้ว เย้ๆ ชอบคู่นี้มาก ดิบได้ใจ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ RikuNaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงสองหนุ่มมาก  :hao5:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
พลายเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันเนี่ย 555 แอบรำคาญแม่กับน้องสาวเต้เบาๆ ถ้าเป็นเราคงเหวี่ยงเม้งแตกไปนานหล่ะ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
นนท์นี่ไม่ยอมจบสินะ หึหึ

ออฟไลน์ SandSea

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ น้องตัวเล็ก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
นนท์นี่ต้องโผล่มาสร้างเรื่องแหงๆ   :hao3:

ออฟไลน์ Moko1212

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ MPpearl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
.
.
.
วันนี้มาเติมฉากของตอนที่10จ้า

ตอน11จะลงให้พรุ่งนี้นะ

 :mew1:
.
.
.

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอาใจนางไม่ถูกจริงๆ. พยศซะจนน่าฟาดก้นจริงๆ
ฉากรวมร่างฟินมากค่ะ. สูตรพิเศษต้องรอโอกาสพิเศษสินะพีท

ออฟไลน์ RikuNaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ SandSea

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
แมนจริงๆ 55+ สั่งการเด็ดขาดเห็นแวว อนาคตพี่พชีจะกลัวเมียมาแต่ไกล

ออฟไลน์ MPpearl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 11-1
รับน้องสยองขวัญ(เต้)





   “เร็วเลยมึง” ผมเร่งคนข้างๆที่แม่งนั่งผูกเชือกรองเท้าช้าๆจนน่าขัดใจ

   “รีบไปไหนครับยังเหลือเวลาอีกเยอะเลย” เวลาน่ะเหลือเยอะ แต่แม่งกรุงเทพเมืองที่การจราจรโคตรแน่นเปล่าวะ

   เร่งมันไปอีกหลายทีแต่ก็ยังคงค่อยๆสอดปลายเชือกช้าๆ ถ้าไม่ติดว่าศักดิ์ศรีค้ำคอไว้ผมคงได้กระชากเท้ามันมาผูกเชือกให้เอง และกว่ามันจะเก็บของนั่นนี่ก็กินเวลไปอีกกว่ายี่สิบนาที

   อีกสี่สิบนาทีจะถึงเวลานัดกับทางรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ก็เหมือนเช่นหลายๆที่กับการรับน้องเล็กๆน้อยๆก่อนเข้าเรียน ก้มลงมองนาฬิกาแล้วคาดว่าเมื่อไปถึงพอจะเหลือเวลาให้ได้คุยกับเพื่อนๆอยู่บ้าง

   ลิฟต์เลื่อนลงช้าๆ อีกคนคงว่างจัดถึงขยับเข้ามาใกล้ผมขนาดนั้นแต่มีเหรอผมจะถอยให้ หมัดเตรียมซัดออกไปแต่เหมือนจะถูกรู้ทันเพราะมือถูกจับไว้ก่อนยกขึ้นซะอีก ลมหายใจร้อนผ่าวชิดอยู่เพียงปลายจมูกก่อนที่สัมผัสนุ่มจะตามลงมา

   บดเบียด สอดแทรก เมื่อเข้าประจำที่ก็รบกันนัวเนีย

   หางตาเหลือบเห็นตัวเลขบอกชั้นว่าใกล้ถึงที่หมายก็เลยผลักมันออกแต่ยังไม่วายมองมาตาละห้อย ถ้าเอาไปใช้กับคนอื่นคงพอให้หวั่นไหวแต่เท่าที่เห็นมาสองสามวันผมเริ่มจะชินแล้วล่ะ

   “อีกนิดนะครับ” ถามไม่พอยังขยับเข้ามาใกล้

   “สรุปนี่มึงแกล้งหรือมึงหื่นจริงเนี่ย”

   “หึหึ” พีทส่ายหน้าแล้วถอยห่างพอดีกับลิฟต์ที่เปิดออก

   มาถึงรถมาสด้าสีขาวที่จอดอยู่ตรงลานหน้าที่พัก ออกจะแปลกใจไม่ได้เหมือนกันเมื่อเทียบกับราคารถมันคันก่อนๆที่แพงหูฉี่ แต่ไม่ใช่ยี่ห้อที่ผมปลื้มเท่าไหร่ดังนั้นถ้ามันอยากขับผมก็ไม่ได้ขัดอะไร

   วันนี้ฟ้าครึ้มนิดๆจนน่ากลัวว่าฝนจะตก จะว่าไปแล้วสามวันก่อนก็อากาศแบบนี้

   อากาศชื้นๆชวนให้ไม่สบายตัวทำให้ต้องผุดลุกขึ้นจากเตียง มองรอบห้องไม่คุ้นเคยแต่โทนขาวสว่างแบบนี้ช่างคุ้นตา ร่างของอีกคนที่มุดอยู่ในผ้าห่มข้างๆครางงึมงำทำให้ตัดสินใจปลุกขึ้นมาอธิบายในสิ่งที่สงสัย

   ใจความจากคนครึ่งหลับครึ่งตื่นบอกว่านี่เป็นคอนโดใหม่พึ่งซื้อ กำลังคิดอยู่เลยว่ามันจะลงทุนไปไหม เหตุผมอีกข้อของมันคือห้องนี้มีสองห้องนอนแบ่งกันได้ความคิดที่จะบ่นเรื่องการใช้จ่ายไม่จำเป็นของมันต้องพับเก็บไว้แค่ปลายลิ้น

   มีข้อสงสัยอีกข้อที่ยังไม่ได้ถามแต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไร ผมอยากรู้จริงๆว่ามันเอาเวลาไหนไปถ่ายแบบกัน บางครั้งลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามันทำงานนั้น

   เวลาสามวันทำให้เราสนิทกันมากขึ้นอีกนิดหน่อยพอให้ได้รู้การใช้ชีวิตของอีกคน ค้นพบข้อดีอยู่เรื่องหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันจะดูหื่นกามในบางที ถ้าไม่นับชอบเข้ามานัวเนียจับจูบก็ไม่ได้ลุ่มล่ามจนมือเท้ากระตุกให้ได้เจ็บตัว เอาเป็นว่าผมเริ่มชิน  ถ้าไม่มากเกินไปคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ถ้ามันยอม

   เอาไว้บอกทีหลังแล้วกัน

   “เอ้อ... นี่โทรศัพท์มึง” แอบเก็บโทรศัพท์มันไว้ตั้งนานว่าจะคืนก็ลืมทุกที

   “หืม ของเต้ครับ”

   “หา”

   “ให้แทนเครื่องที่ผมทำพังไง” บอกมาหน้าตายซะงั้น

   “เชี่ย ราคาต่างกันเหยียบหมื่น มึงเอาอะไรคิดว่ามันแทนกันได้วะ”

   “ถ้าไม่เอาก็...”

   “กูเอา!” เรื่องอะไรที่จะปฏิเสธล่ะ ทั้งแพงกว่า ใหม่กว่า รุ่นล่าสุดอีก ...บอกเลยผมไม่โง่ เหอๆ

   ไม่นานก็มาถึงหน้าคณะพอดี รถทัวร์เรียงกันเป็นแถวนับสิบคงจะของคณะผมแล้วก็คณะของคนข้างๆรวมกันถึงได้เยอะขนาดนั้น หวังว่าคงจะไม่วุ่นวายตามหาคณะตัวเอง

   “จอดๆมึง” รีบพูดออกไปเมื่อเห็นป้ายชื่อขนาดใหญ่บอกสาขาวิชาเด่นหลาแต่ไกล

   เจ้าของรถเบรกตามเสียงจนแทบหน้าทิ่ม เสียงแตรจากรถคันอื่นที่ตามมาบอกได้ถึงเสียงสาปแช่งที่คงจะลอยมาตามลม แต่ผมหรือจะสน ด่ามันไม่ได้ด่าผมหนิ

   “ขอบใจ กูไปละ”

   “รอผมก่อนสิ”

   “กูกับมึงคนละคณะนะถ้าจำไม่ผิด เอารถมึงไปเก็บไป” พูดเสร็จก็เดินหนีออกมา





   “ทางนี้โว้ย สัดเต้”

   ทักทายกันได้อย่างไพเราะตั้งแต่พบหน้า ผมขอแนะนำให้รู้จักบุคคลที่ทำให้ผมตกเป็นเบี้ยล่างคนอื่นเพราะไม่ยอมไปส่งผมที่กำลังเมากลับบ้าน เชี่ยมนต์หรือชื่อเต็มๆน้ำมนต์ หน้าตาเหรอก็ด้วยกว่าผมแน่นอน แต่ติดว่ามันมีเขี้ยวกับนิสับทะเล้นทะลึ่งตึงตังก็ทำสาวๆหวั่นใจไม่น้อย แต่ผมดีกว่าคอนเฟิร์ม แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ

   “เออ พี่เขาเช็คชื่อยัง” ผมถามมันที่ยิ้มแฉ่งจนจะเห็นฟันครบทุกซี่ วันหลังให้มันไปแข่งยิ้มกับไอ้พีทน่าจะดี

   “โน่น ไปรายงานตัวกับพี่เขาตรงโน้น” มองไปตามทางที่เพื่อนชี้ คนกระจุกตัวกันอยู่เป็นกลุ่มตรงมุมหนึ่งก็พอจะเดาได้รางๆว่าตรงไหน

   “พี่ครับ ผม ติญญา เทวสกุล ครับ”

   สาวร่างไม่เล็กหันหน้ามามองตามเสียงก่อนที่มือที่ขีดๆเขียนๆจะหงุดกึก บางครั้งมีคนหันมองผมบ้างก็เรื่องปกติ แต่จะให้มองจนอ้าปากค้างตาโตแบบนี้ไม่ปกติเท่าไหร่ หรืออย่างน้อยผมก็ไม่เคยเจอมาก่อน

   “กรี้ดดดดดดดด”

   เหมือนอะไรที่อยู่ในหูเต้นระริกก่อนที่เสียงวิ้งๆจะเข้ามาแทนที่ หวังว่าหูคงยังไม่หนวก

   “สนใจรับพี่แนตตี้เป็นคนดูแลไหมคะน้อง พี่จะดูแลทั้งกายและใจเต็มที่เลยค่ะ รับรองว่าถึงใจ ถึงทรวง แล้วก็ซาบซ่านถึงสวรรค์” แก้มจ้ำม่ำปัดแดงยิ้มกว้างจนต้องลุ้นว่าแก้มจะแตกหรือเปล่า มองจนลืมที่จะทักทายตอบกลับเพราะเอาแต่จ้องจนพี่อีกคนที่อยู่ข้างๆขัดขึ้นมา

   “น้องกลัวมึงแล้วนะเชี่ยทศ”

   “หยาบคายค่ะ ชื่อแนตตี้ค่ะไม่ใช่ทศ! ...แล้วว่ายังไงคะ รับพี่สาวคนนี้ไว้ในอ้อมอกแน่นๆสักคนไหม”

   “ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเกรงใจ” ผมอยู่กับพีทยังไม่น่ากลัวเท่าอยู่กับพี่เลยครับ

   “ฮึ! แล้วน้องจะรู้ว่าได้ทำพลาดไปแล้วววว” พูดจบก็สะบัดหน้าหนีพาร่างท้วมเช็คชื่อคนอื่นต่อ ทิ้งไว้เพียงพี่ผู้ชายอีกคนที่ยืนยิ้มแกนๆมาให้

   “ช่างมันเถอะน้อง เพื่อนพี่มันเป็นแบบนี้แหละไม่ได้โกรธอะไร น้องติญญาใช่ไหม ชื่อเล่นอะไรน่ะเราจะได้ให้พวกพี่ๆเขียนป้ายให้”

   “เต้ครับ”

   “ชื่อเล่นก็แม๊นแมน” พี่แนตตี้หันมาพูดแล้วส่งยิ้มหยาดเยิ้มมาอีกครั้ง

   แมนตรงไหนวะ ชื่อผมก็ปกติสามัญ

   ได้รับป้ายชื่อมาคล้องคอก่อนจะเห็นจากหางตาว่าพี่ตัวบวมแอบลูบๆคล้ำๆเพื่อนผู้ชายที่มาใหม่ เหมือนพี่เขาจะคิดถูกที่ไม่ทำแบบนั้นกับผม เป็นพี่ผมก็ไม่เว้นนะครับ ตัวผู้เหมือนกันแบบนี้มือเท้าผมกระตุกง่ายกว่าปกติถึงแม้ว่าจะออกสาวแค่ไหนก็ตามทีเถอะ

   กลับมานั่งเรียงแถวกับเพื่อนที่ยังจ้อกับเพื่อนใหม่ไม่หยุดก็เลยถือโอกาสมองรอบๆบ้าง นั่นสวยเช้ง นั่นเนื้อ นั่นนม นั่นๆโรงเรียนสตรี โว้วๆ บางทีคุณเธอก็ใส่สั้นซะหัวใจผมกระตุก

   “เออ จะว่าไปกูไปหามึงที่หอโกโรโกโสนั่นน่ะ เจ้าของแกบอกมึงย้ายออกไปแล้วนี่ ไปอยู่ไหนวะ กูอุตส่าห์แบกของไปกะว่าจะขออยู่ด้วยสักสองสามวัน แม่งหาย!” เสียงของเพื่อนเรียกสติผมกลับมา

   “แม่กูให้ไปอยู่กับคนรู้จักว่ะ โทษทีที่ไม่ได้บอก”

   “ช่างเหอะ กูแบกขอกไปเก็บคอนโดเฮียละ แล้วยังไง ช่วงปิดเทอมใครชวนก็ไม่ไปไหน คิดจะเป็นเด็กดีอยู่กับบ้านหรือไง” มันถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ

   “กูก็เด็กดีอยู่แล้ว แต่พวกมึงแม่งมองไม่เห็นป่ะวะ”

   “ถุย! กูอยากหัวเราะเป็นภาษาต่างดาว”

   “กูอยากฟังว่ะมึงลองหัวเราะดิ”

   “สัด!”

   ด่ากันไปมาอีกพักใหญ่เจ้ามนต์มันก็เริ่มเรื่องที่ทำให้ผมเครียดขึ้นมา อันที่จริงผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำเพราะโดนบางคนก่อกวนจนไม่มีเวลาว่างเป็นของตัวเอง

   “จะว่าไปมึงเลิกกับยัยฟ้าใสยัง”

   “ทำไม มึงสนใจ?”

   “กูแค่ถามเฉยๆ ช่วงที่มึงหายไปเห็นถามหามึงใหญ่ พวกกูนี่หลบกันวุ่น มึงไม่เอามันแล้วก็บอกเลิกมันไปดิวะ คนซวยนี่พวกกูเว้ย”

   ฟ้าใส แฟนคนล่าสุดของผม สวยหยาดฟ้าจนหลายคนมองตามหรืออันที่จริงมองตามหน้าอกหน้าใจที่แทบล้น ถึงแม้จะเจ้าอารมณ์ไปบ้างแต่รสชาติดีจึงได้ให้อภัยมาจนถึงตอนนี้

   “เออๆ โทดที เดี๋ยวกูไปบอกมันเอง ช่วงนี้กูกำลังมีแฟนใหม่” ผมไม่คบซ้อน เป็นข้อดีอันใหญ่หลวงที่หาได้ยากยิ่ง ถึงแม้กับไอ้พีทจะไม่ได้เต็มใจก็เถอะ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังถือว่าเป็นแฟนล่ะนะ

   นิสัยผมที่ไม่รู้ว่าดีหรือเสีย ตรงทื่อไม่คิดเล็กคิดน้อย บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจคนอื่นหรอก บางครั้งผมก็มีระบบความคิดที่แปลกกว่าชาวบ้าน เจ้าน้ำมนต์มันบอกมาอีกทีน่ะนะ อย่างเช่นเรื่องของไอ้พีท เอาเข้าจริงถึงจะไม่ชอบที่มันทำก็เถอะแต่ไม่ได้คิดมากไปกับมันเพราะผมก็ไม่ได้เสียอะไร หรือถ้าเป็นคนอื่นควรโวยวายเหรอ?

   “จริงดิ พามาให้กูได้ยลหน่อย แต่ละคนของมึงนี่แซบๆทั้งนั้น” หน้ามึงหื่นไปแล้วเพื่อน

   “คนนี้ไม่ได้ว่ะ ขนาดกูยังเอาไม่อยู่เลย พูดแล้วก็เซ็ง”

   “อะไรๆ คุณพี่เต้ครับ ถูกถอดเขี้ยวเล็บหมดแล้วเหรอวะ”

   “แต่หมัดกูยังเจ็บเหมือนเดิมนะถ้ามึงอยากลอง” ไม่ได้ฟาดแข้งนานช่วงนี้ผมก็ชักคันๆ

   “ขอโทษครับเพ่ กระผมผิดไปแล้ว ...แล้วไงๆ สรุปว่าสวยเช้งโนตมจนทำเอาหลงโงหัวไม่ขึ้นเหรอ”

   “ตรงข้ามเลยว่ะ”

   ยังไม่ทันได้ตอบจนหมดเพื่อนผมมันก็พยักเพยิดไปข้างหลังให้ต้องหันไปมอง ผู้ชายตัวเล็กผิวขาวจัดหน้าตาลูกครึ่งจ๋าบอกเชื้อชาติ ผมดำแต่เสือกตาฟ้า ถ้ามันไม่ขยับได้ผมคงนึกว่าตุ๊กตา บางที่คนเราก็ประหลาด เป็นผู้ชายแต่ตาโตเกิ๊น

   “มีไรฝรั่ง” ผมทักไปอีกคนสะดุ้งโหยงจนแทบสะดุ้งตาม จะกลัวอะไรขนานนั้น

   “เอ่อ... เรียกผมเหรอครับ” ว้าว พูดโคตรชัด

   “เออ มึงนั่นแหละ จะนั่งก็นั่งกูไม่กัดครับ”

   “แต่หน้ามึงนี่จะแดกหัวเขาแล้วว่ะ” ไอ้น้ำมนต์ทักขึ้นพอดีที่มือกระตุกตบลงกบาลมันเต็มๆ เห็นมันกุมหัวโอดโอยจนโอเวอร์อย่างหน้าหมั่นไส้

   “หุบปากไปเลยสัดมนต์”

tbc
--------------------

พิมพ์ไม่ทัน เน็ทจะหมด ยังไม่ถึงครึ่งเลย :hao5:

พรุ่งนี้ค่อยมาต่อนะ รีบลงก่อนตามสัญญา

ตอนนี้ไม่มีอะไรแนะนำเพื่อนนิดหน่อย

ขออภัยๆ



เขียนไว้บนกระดาษเหลือแต่พิมพ์ สกิลพิมพ์ของผู้เขียนต่ำจริงๆ ฮา

ปล. นนท์ใกล้มาแล้ว ฮิ้วววว



ออฟไลน์ Moko1212

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่ะจ๊ะ ไม่เป็นไร สู้ๆคนเขียน  :katai2-1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ SandSea

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เหมือนจะเห็นตัวร้ายอีกตัว

ฟ้าใสนี่น่าจะตัวปัญหาแน่ๆ

 :pig4:

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบบบบบบบบ. ตอนแรกแค่เปิดผ่านๆเข้ามา แต่สารภาพเลยค่ะว่าชอบคนแบบเต้มากกกกกกกกกกก
เป็นพวกตรงๆทื่อๆ ไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่แง่งอน ไม่สาวเลยซักกะติ๊ดเดียว เป็นนายเอกเรื่องแรกที่เคยอ่านเลยก็ว่าได้มั้ง ที่มีความเป็นลูกผู้ชายได้เต็มร้อยขนาดนี้ อารมณ์แบบ กดก็กดไป บนเตียงอยู่ล่าง แต่กูก็แมนอยู่ดี (อวยจัด). ส่วนพีทนี่ก็รั่วๆดีค่ะ เราต้องตื๊อเท่านั้นถึงจะครองโลกนะพีทนะ!!! :fire:

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
เต้ก็ยังไม่เครียกับฟ้าใส พีทก็ยังเคลียร์กับนนท์ไม่จบดี แล้วนี่จะมีใครมาใหม่อีกล่ะ

ออฟไลน์ kawoat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ MPpearl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 11-2
รับน้องสยองขวัญ(เต้)



   เสียงกรีดร้อง(ผมคิดว่าแบบนั้น)ดังมาแต่ไกล พวกผมนี่นั่งๆคุยกันเรื่อยเปื่อยเลยจำต้องหันไปดูเนื่องจากความเสือกส่วนตัว และยังคงเป็นพี่แนตตี้คนเดิม ผมว่าควรทำหูให้ชินเพราะคิดว่าจากนี้คงต้องรับเสียงดัดแหลมประหลาดๆนี่ไปอีกหลายปีทีเดียว

   ไม่นานพวกพี่ปีสองก็บอกให้ขึ้นรถ ว่าจะลากไอ้มนต์มานั่งคู่หันไปดูอีกทีแม่งคุยจ๊ะจ๋ากับสาวอยู่เบาะหลังนี่เอง หันไปอีกทางก็เห็นไอ้ฝรั่งยืนงงให้คนอื่นเดินชน เห็นแล้วก็อนาถใจครับก็เลยเดินไปลากมานั่งข้างๆกัน รถออกไปแล้วก็เห็นชะเง้อออกไปมองกระจกจนต้องเปลี่ยนที่ให้ก่อนที่มันจะคอยาวขึ้น

   ไอ้ผู้ชายสองคนข้างหน้าก็คุยกันกระหนุงกระหนิง ผมตงิดใจมาตั้งแต่รอบที่พี่แนตตี้เขากรี้ดแล้ว เห็นเดินจูงมือกันมาแต่ไกลที่จำได้เพราะหนึ่งในนั้นแม่งโคตรขาว ไม่ได้ขาวน่ามองอะไรนะแต่ซีดๆ สรุปไม่รู้แม่งคนหรือกระดาษ

   สอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นสักพักพี่ข้างหน้าก็อธิบายเรื่องการรับน้องคร่าวๆ ก็พี่คนเดียวกับที่ทะเลาะกับพี่แนตตี้ตอนเช็คชื่อนั่นล่ะ พี่เขาชื่อไนท์ โอเคผมจะจำไว้ว่าเป็นหนึ่งในคนพี่พึ่งพาได้ในอนาคต

   เมื่อคืนนั่งเชียร์บอลกับได้พีทเกือบทั้งคืนกว่าจะเข้านอนก็ใกล้เช้าว่าจะงีบหลับสักหน่อยก็มีแขนมาเขย่าจนหงุดหงิด ไม่ใช่ใครครับไอ้ฝรั่งไงรู้สึกจะชื่อคาล...อะไรซักอย่างนี่แหละ ว่าจะด่าสักหน่อยแต่เห็นหน้าแล้วรีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน

   “อย่านะมึง! มึงพุ่งกูสวนนะเฮ้ย!”

   แม่งหน้าซีดปิดปากแล้วส่ายหัวให้ผมยิก โอเคครับ ผมรู้ว่ามันคงอยากอ้วก แต่จะให้กูช่วยยังไงวะ?

   “นี่ๆพวกนาย”

   เห็นทีต้องเรียกคนช่วย ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ไอ้ตาขวางกับไอ้กระดาษจากเบาะหน้านี่เอง ขออภัยที่เรียกแบบนี้ แต่กูไม่รู้จักชื่อพวกมึงครับแต่ก็ขอรบกวนเวลาสวีทพวกมึงนิด

“พวกนายมียาดมหรือเปล่า ยาแก้เมาด้วย”

   “นายเมารถ?” คนตาชี้มาถามงงๆ แต่ไม่ต้องงงไม่ใช่กูที่เมา

   “เปล่าๆ ไอ้คนข้างๆนี่ต่างหาก เฮ้ยๆอย่าพึ่งตาย”

   เผลอแปปเดี๋ยวหันไปมองแม่งหน้าซีดกว่าเดิมอีก น้ำตาไหลพรากๆ เฮ้ย!มึงผู้ชายนะ เมารถแล้วน้องไห้กูพึ่งเคยเห็น เดี๋ยวๆกูแค่ด่าในใจอย่าหันหน้ามาอ้วกใส่นะเว้ย!

   “เดี๋ยวนะ” ไอ้ที่อยู่ข้างหน้าผมพูดก่อนจะคุ้ยๆในกระเป๋าตัวเอง สารพัดยาที่เอาออกมากองเมื่อหาของไม่เจอนั่นทำให้ผมสงสัยจริงๆว่าสรุปมันจะไปรับน้องหรือจะไปช่วยคนป่วยอาการสาหัสที่ไหน

“อ่ะ นี่” แล้วมันก็คุ้ยเจอ

   “นายๆ ยาดมมาแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ นายๆยาๆ โอ้ยพูดเพราะแล้วคันปาก มึงรีบแดกแล้วหลับไปเลยไป” มันไม่ชินครับ ผมนั้นหยาบคายต้องขออภัย

   “มีอะไรกันหรือเปล่า” พี่ไนท์ที่เห็นพวกเราจากข้างหน้าก็เลยเดินเข้ามาถาม

   “ไม่มีอะไรครับพี่ เพื่อนผมมันเมารถน่ะ” ตอบไปตามความสัจจริง

   “เอายาแก้เมาไหม เดี๋ยวพี่เอามาให้”

   “ไม่ต้องครับๆ ผมขอมาจากคนข้างหน้าแล้ว” พอบอกไปพี่เขาก็พยักหน้าให้นิดหน่อยก่อนจะเดินกลับ หันมาบอกอีกทีว่ามีอะไรให้เรียกแล้วก็กลับไปทางเดิม

   “ขอบใจนะสำหรับยา ส่วนมึงน่ะหลับไปเลยไป”

   “ไม่เป็นไร” ไอ้ตาชี้พูด

   “กูชื่อเต้ ส่วนไอ้ฝรั่งข้างๆนี่ชื่อคาล(มั้ง) รู้สึกจะเพิ่งมาจากต่างประเทศรู้จักกันเมื่อกี้แต่สร้างภาระให้กูแล้ว ขอโทษที่ไม่สุภาพแต่แบบนี้มันคุ้นเคยกว่าน่ะ” พูดไปพลางพลักหัวคนข้างๆออกห่าง ถึงมันจะหน้าเหมือนตุ๊กตาแต่ผมไม่พิศวาท ไหล่ผมสาวๆเท่านั้นที่ซบได้

   “อืมๆ ยังไงก็ได้ไม่ถือเพราะปกติก็พูดเหมือนกัน กูชื่อวิน ส่วนข้างๆนี่บี พวกเรามาจากเชียงใหม่”

   “ยินดีที่ได้รู้จักนะเต้” ไอ้กระดาษแม่งพูดได้ด้วย เห็นเงียบมาตั้งนาน

   “เออๆ ยินดีที่ได้รู้จัก ถึงแล้วรบกวนช่วยปลุกกูที เมื่อคืนทะเลาะกับคนบ้าแถวๆหอมากว่าจะได้นอนโคตรเหนื่อย” คุณคิดว่าผมพูดถึงใคร? เหอะๆมีอยู่ตัวเดียว เชียร์บอลคนละทีมนี่แทบจะตีกันตาย จริงๆหมายถึงผมจะตีมันตายนั่นแหละ





   “น้องครับๆ เพื่อนใครกำลังหลับช่วยกันปลุกให้ตื่นหน่อย อีกห้านาทีเราจะถึงที่หมายกันแล้ว” พี่ไนท์ตะโกนอยู่หน้ารถเมื่อรถแล่นเข้าสู่สถานที่กิจกรรม

   “ไอ้ตัวเล็ก ตื่นดิเฮ้ย! จะถึงแล้วเนี่ย” หลับเป็นตายจนน่าอิจฉาจริงๆ

   “อือ ครับ ตื่นแล้วครับ” งัวเงียขยี้ตาเหมือนเด็กๆเห็นแล้วอยากตบกระโหลกแต่ผมกลัวหัวมันจะหลุด

   “เออ ตื่นแล้วอย่าลืมขอบคุณไอ้ข้างหน้านี่ด้วย มึงนี่รอดมาได้เพราะยามันเลยนะ”

   “ขอบคุณนะครับคุณวิน ผมได้ยินตอนแนะนำตัวกันน่ะครับ คุณบีด้วยครับยินดีที่ได้รู้จัก”

   “ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ยังไงก็เพื่อนกัน” วินบอกก่อนที่คนฟังจะพยักหน้าน้อยๆแต่ไม่ได้ทำตามยังคงสุภาพเกินความจำเป็นอีกตามเคย

   “ทุกทีผมก็ไม่ได้เป็นแบบนี้นะครับ สงสัยเพราะยังไม่หายเจ็ทแลคตอนลงจากเครื่องเมื่อวันก่อนด้วย” คาลพูดก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อนึกถึงอาการเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้

   “คาลพูดไทยชัดจังนะ หรือว่าเป็นลูกครึ่งเหรอ” บีที่สนใจหันมาถามบ้าง

   “ครับ แม่เป็นคนไทยส่วนพ่อเป็นคนลูกครึ่งอังกฤษกับอิตาลี”

   “หน้าตาโซนยุโรปดูออกง่ายอยู่ แต่มึงนี่ส่วนสูงสงสัยได้ไทยไปเต็มๆเลย” แซวอีกฝ่ายไปขำๆแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ขำด้วยเท่าไหร่

   “ผมยังโตได้อีกครับ ผมพึ่งจะอายุสิบเจ็ดไปได้ไม่นานเอง”

   แล้วก็เถียงกับมันไปอีกพักใหม่ ก็ดีครับเหมือนมีน้องเพิ่มมาอีกคน จากนั้นก็ลงจากรถรุ่นพี่ก็ให้แบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มละหกคนโดยให้มีคณะเราสามคนและอักษรอีกสามคน ตอนอยู่ในรถก็ไม่ได้ตั้งใจฟังรุ่นพี่พูดพึ่งจะมารู้ตอนนี้เองว่ามีคณะอื่นร่วมแจมกับเราด้วย

   หวังว่าจะไม่ได้เจอกับเชี่ยพีทมัน คนก็ตั้งหลายร้อยแบบนี้

   แต่คณะละสามคนหรือ อืม...

   “วิน บี ฝากไอ้คาลด้วยแล้วกันเดี๋ยวกูจะไปขออยู่กับคนอื่น” กูคนดีสัด!

   “มีคนรู้จักคนอื่นเหรอครับเต้” คาลถามหน้าตาใสซื่อ เดี๋ยวเถอะ นี่คิดว่าผมไม่มีเพื่อนเลยหรือไง เอาเป็นว่าผมจะคิดว่ามันใช้ภาษาไทยไม่เก่งก็แล้วกัน

   “ไม่ว่ะ แต่กูพูดเก่งไงเดี๋ยวก็หาได้เองล่ะน่า ไปนะ แล้วค่อยเจอกัน” จะว่าไปสัดมนต์ก็อยู่คณะนี้นี่หว่า

   เดินมองซ้ายขวา ถามกลุ่มไหนก็เต็มเพื่อนเชี่ยก็หาไม่เจอ อยู่ๆก็มีมือมาลากออกไปด้วยกันชนคนนั้นทีคนนี้ทีให้ได้โดนด่ากันสนุก แล้วนี่มือหรือคีมวะ!

   “จะลากกูไปไหน! ปล่อยโว้ย!” พอออกมาจากฝูงชนได้ก็รีบสลัดออก อีกก็คนยอมปล่อยแต่โดยดี

   “ผมเห็นเต้ยังไม่มีกลุ่มไง มาอยู่กลุ่มกับผมก็ได้” ว่าจะไม่ได้เจอมึงแต่มึงก็หากูจนเจอได้สินะ

   “เออๆ กูก็ขี้เกียจหาแล้วเหมือนกัน”

   มองรอบตัวก็เห็นแค่ผมกับมันส่วนคนใกล้ๆก็จับกลุ่มคุยกัน หรือว่ามันลากผมมาเพราะมันก็ไม่มีกลุ่มหรือเปล่านะ ไม่นานพี่ๆก็เรียกไปเอาเต้นท์มากาง

   แต่มีเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ... ทำไมเต้นท์กูเล็กกว่าของคนอื่น!

   “แล้วจะนอนยังไงตั้งหกคนวะ” สงสัยจริงจัง

   “หกคนอะไรครับ ก็นอนกันสองคนนี่แหละ”

   “ห๊ะ!” อะไร? ยังไง?

   “กลุ่มละหกคนมันจะมีเศษครับ เหลือแค่เราพี่เขาก็เลยให้เต้นท์เล็กมา” ฟังไปก็ได้แต่มองตาปริบๆ จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะมองไปรอบตัวคนอื่นเขาก็มีกลุ่มกันหมดแล้วจริงๆ

   โอเค กูปลง...

   “บอกก่อนเลยนะว่าที่นี่ห้าม!” ก่อนเก็บกระเป๋าเข้าเต้นท์ก็หันไปบอกมันเสียงเข้ม เอาเป็นว่ากันไว้ดีกว่าแก้

   “เอ... ห้ามอะไรเหรอครับ” มันพูดหน้าตายแล้วมุดตามเข้าเต้นท์มา

   “สัด! กูรู้ว่ามึงรู้”

   “ครับๆ เก็บของเสร็จแล้วงั้นผมออกไปข้างนอกก่อนนะ”

   “เออ” ตอบแล้วหันหลังให้ แต่อีกคนยังไม่ขยับเลยหันไปมองอีกครั้ง ปากกำลังจะอ้าถามว่ามีอะไร แต่...

   ฟอดดดดด

   “หึหึ” มันหัวเราะแล้วชิ่ง

   “เชี่ยพีท!!”

   แม่ง! อย่าให้กลับจากรับน้องนะมึง!!

tbc
--------------------

คนเขียนแอบหนีเที่ยวมา แหะๆ ว่าจะลงอีกครึ่งแต่ไม่ได้ลงสักที  :ling3:

ตอนนี้ทั้งพาทหนึ่งพาทสองไม่ค่อยมีอะไร เหมือนตอนแนะนำเพื่อนเฉยๆเนอะ

เอาเป็นว่าขออภัยในความล่าช้าจ้า

 :sad4:




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด