ดั่งเสียงฟ้าฟาดในฤดูวัสสานะ
ราวกับหน้าฝนมาเยือนเร็วกว่าทุกปี เสียงก้องกังวานเสมือนฟ้าพิโรธนั้นทำเอาเหล่าสัตว์กลางคืนตื่นตระหนก บ้างหนีเข้าโพรง บ้างขุดลงดินและปิดบ้านไม่ต้อนรับแขก
ลมกรรโชกแรงกระพือกลิ่นไหม้จากปลายกระบอกสีดำขลับให้ยิ่งลอยฟุ้งในอากาศ
ขนาดพระจันทร์ยังตกใจเสียงกัมปนาทและรีบหลบฉากเข้าในกลีบเมฆจนเกิดปรากฏการณ์คืนเดือนดับ แม้แต่ดาวประจำเมืองที่เคยเรืองรองต่างก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเมื่อเสียงเหนี่ยวไกนัดที่สองดังทั่วทั้งผืนป่า
น่านฟ้ามืดมนแต่ไม่เท่าจิตใจคนคลั่ง
สองเท้าเปล่าต่างขนาดย่ำกับหน้าดินอุ้มน้ำจนปรากฏรอยยุบ ประทับตราไว้บนความนุ่มนวลก่อนจะชวนกันเพิ่มความเร็วของฝีเท้าเมื่อบางอย่างเริ่มกระชั้นชิดเข้ามา
ฝ่ายวิ่งนำกระชับมือคนวิ่งตามระหว่างพาวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งคู่สับขาผ่านพันธุ์ไม้นานาชนิด แต่ ณ เวลานี้ไม่มีกระจิตกระใจจะแวะชมเชยดั่งเช่นวันก่อน ๆ
มีเพียงสัญชาติญาณของการเอาตัวรอดที่ขับเคลื่อนกายหยาบกับสติที่ใกล้แตกเต็มทน
แต่ถึงจะอยู่ในสภาวะกดดันอย่างหนัก ที่ปรึกษาผู้เคยประสบกับเหตุการณ์บีบคั้นมาบ้างก็พยายามประคับประคองสถานการณ์ให้ตลอดรอดฝั่ง คอยใช้ท่อนแขนแหวกทาง ปัดกิ่งไม้หลบไปด้านข้างจนเกิดช่องว่างให้พอเอาตัวรอด ดันร่างเล็กกว่าไปก่อนแล้วค่อยตัดสินใจหาที่ซ่อนฉับพลัน รีบฉุดข้อมือเล็กให้มาหลบหลังต้นไม้และกกกอดร่างที่สั่นงันงกไว้จนจมอก
ทั้งคู่เหงื่อแตกซก หยดน้ำตกจากขมับ เสื้อผ้าอับชื้นไปด้วยคราบไคลแล้วมันก็ยากจะกำหนดลมหายใจให้กลับมาสม่ำเสมอหลังจากที่เจอไล่ล่าจนต้องวิ่งมาราธอนมาค่อนชั่วโมง
อดัมกับอีฟกำลังตกที่นั่งลำบาก อกสั่นขวัญแขวนเมื่อรับรู้ได้ถึงการมาของพระเจ้าผู้สร้าง แม้จะมีจำนวนคนมากกว่า แต่ลำพังจะไปสู้อะไรกับนักล่าอาวุธครบมือ
ท่ามกลางความเงียบสงัด เท้าหนึ่งจงใจเหยียบลงบนใบไม้แห้งเพื่อหวังแกล้งให้เหยื่อกลัวแทบฉี่ราด ตามด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้าอีกหนึ่งนัดจนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ไม่เสียดายกระสุนหากมันจะทำให้ใครก็ตามที่มุดหัวอยู่แต่ในรูยอมเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้ง
ร่างหนายืนปักหลักอยู่ที่เดิมเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ นัยน์ตาขวางกลอกมองซ้ายมองขวาระหว่างกำด้ามปืนไว้มั่นพร้อมลั่นไกทุกเวลา จนเมื่อตระหนักได้ว่าเป้าหมายอาจจะไม่ได้แฝงตัวอยู่แถวนี้อย่างที่คาดการณ์ไว้จึงหันหลังให้กับต้นไม้ต้นใหญ่ตรงหน้า
เส้นผมบังตาจนไม่ทันเห็นชายกระโปรงยาว
นายพรานเดินหน้าออกตามล่าราชสีห์กับกระต่ายขาวที่หายไป
หรัญญ์ที่แอบเห็นอดีตสหายวิ่งไปอีกทางได้โอกาสถามความรู้สึกร่างเล็ก “ไหวไหม” มะลิพยักหน้าว่าไหว ไม่อยากกลายเป็นภาระทั้งที่สีหน้ากำลังซีดเผือด มือไม้เย็นเฉียบขณะสั่นระริกฉายความเมื่อยล้า คนที่แข็งแรงกว่าในทางกายภาพจึงหันหลังกลับ รอรับร่างเล็ก ๆ ขึ้นขี่หลังแล้วพาออกจากจุดเดิมที่กวินทร์อาจจะวกกลับมาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้
การแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นทำให้การก้าวขาช้าลงแต่ยังก็มั่นคงและหนักแน่นไม่เปลี่ยน ณ ช่วงเวลาที่ความอันตรายเดินมาเคาะประตูบ้าน การมีกันและกันช่วยบรรเทาความหวาดกลัว ทั้งยังสร้างความอุ่นใจ ไม่มีอะไรวิเศษกว่าการแค่หันไปเจออีกคนอยู่ข้าง ๆ โลกที่มืดมัวก็ยังพอมีแสงสว่างเรืองรอง
ร่างเล็กโน้มตัวแนบกับแผ่นหลังกว้างยิ่งกว่าเดิมในขณะที่คนเริ่มส่อเคล้าความเหนื่อยจุมพิตบริเวณแขนที่พันรอบลำคอไว้กันหงายหลัง คางมนเกยกับช่วงบ่าเอียงหน้าส่งยิ้มให้ ถือเป็นกำลังใจที่ยากจะหาสิ่งใดมาเทียบเคียงได้
ส่วนอีกคนก็ยิ้มรับและรู้สึกเจ็บแปลบกะทันหันที่บริเวณแขนขวา หลุดออกจากภวังค์เพราะเสียงดังจากปืน พร้อมทั้งสูญเสียการทรงตัวจนล้มลงแม้แต่คนบนหลังก็ตกสู่พื้นเหมือนกัน หรัญญ์ที่มีอาการบาดเจ็บรีบหันมองแต่ก็ได้เห็นปลายกระบอกปืนแทน
นัยน์ตาดำด้านไล่สายตาขึ้นข้างบนถึงได้เห็นคนตัวเล็กกำลังถูกล็อกคอจากด้านหลัง ไม่ใช่ฝีมือคนไกลแต่เป็นอาแท้ ๆ น้องแม่ที่ยังไม่ยอมปล่อยวาง กวินทร์ยืนจ้องจะเอาชีวิตขณะที่หรัญญ์เอื้อมมือกุมแขนข้างที่เลือดกำลังไหลและค่อย ๆ หยัดกายลุกยืนโดยมีปืนเลื่อนขึ้นตาม
“สภาพดูไม่ได้เลยนะเพื่อนรัก” กวินทร์ทักทายเสียงระรื่นและขยับปลายกระบอกปืนเป็นสัญลักษณ์ว่าให้ถอยหลังไปหน่อย “ถอยหลังไป” สงสัยหูจะตึงถึงต้องให้เอ่ยปากซ้ำสอง
หรัญญ์ยอมถอยออกไม่กี่ก้าว ยืนดูลาดเลาก่อนเอ่ยปาก “ปล่อยมะลิซะ”
“แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ในเมื่อมะลิเป็นสมบัติของฉัน”
“ไม่ มะลิเป็นหลานของแกต่างหาก หลานที่แกบอกว่ารักนักรักหนาไงล่ะ แล้วลองแหกตาดูตอนนี้สิ ดูให้ชัด ๆ ว่าแกกำลังทำให้คนที่แกรักเสียขวัญมากแค่ไหน” ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นน้ำสีใสที่ไหลอาบสองแก้มขาว ไหลเป็นทางยาวแล้วตกกระทบกับท่อนแขนหนาที่รัดบริเวณลำคอ แต่เพราะกวินทร์ในตอนนี้เห็นผิดเป็นชอบ ตาบอดสนิทรวมถึงจิตใจบิดเบี้ยว เคี่ยวเข็ญให้ตายก็ไม่พร้อมจะเผื่อแผ่ความเห็นอกเห็นใจให้ใครทั้งสิ้น
“อยากจะพล่ามอะไรก็เชิญ ไหน ๆ วันนี้ก็เป็นโอกาสสุดท้ายของแกแล้วหนิ”
“แกบอกว่าฉันเห็นแก่ตัว แล้วดูสิ่งที่แกทำไม่เรียกว่าเห็นแก่ตัวเลยอย่างนั้นสิ กักขังชีวิต ๆ นึงไว้กลางป่า อ้างว่าปกป้องจากคนอย่างพวกฉัน ทั้งที่แกเองก็ไม่ได้ต่างจากพวกฉันเลย”
“ฉันแตกต่าง!” สวนกลับทันควัน ความดันทางอารมณ์พุ่งขึ้นสูงหลังถูกเอาไปเปรียบเทียบกับพวกที่รังเกียจ ใบหน้าคมคายเคร่งเครียดทันตาตามประสาคนต่อต้านสังคม “ฉันมีเหตุผลของฉัน!”
“งั้นก็บอกเหตุผลของแกมาสิวะ!”
เอาเข้าจริงกวินทร์ก็ไม่มีความกล้าและกระดากปากที่จะพูดถึงเหตุผลต้นกำเนิดโศกนาฏกรรมอันโหดร้าย ได้แต่สบถถ้อยคำหยาบคายระบายความหงุดหงิด ใช้ด้ามปืนเคาะกะโหลกตัวเองระหว่างคิดไม่ออกสมองมันตื้อ “แกไม่เข้าใจ…”
“แล้วแกจะหวังให้ใครเข้าใจได้ยังไงในเมื่อแกไม่ยอมพูดหรือยอมบอกอะไรเลยสักนิด”
กวินทร์มีอาการกระวนกระวายและเริ่มควบคุมตัวเองลำบากอย่างกับพวกใกล้เสียสติ หรือบางทีคงแค่สับสนเพราะไม่เคยลองอธิบายให้ใครสักคนเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองและเกรงกลัวกับผลตอบรับไปล่วงหน้า “ฉัน… ฉันมีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ” พึมพำเสียงเบาไม่อยากให้ใครจะได้ยินเข้า “แต่ฉันกำลังรักษา!” รีบพูดขึ้นอย่างกับกลัวคนอื่นพูดตัดหน้า
หรัญญ์ไม่ได้ตกใจกลับกันคือสมเพช ความจริงจากปากถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันสำเร็จ จนปมที่เคยขมวดได้รับการคลี่คลายและคำสารภาพก็แทบทำให้หมดศรัทธาในความเป็นคนของอดีตสหายที่โยนความผิดให้โชคชะตามากกว่าการกระทำของตัวเอง “แกรักษาด้วยการใช้หลานตัวเองเป็นเครื่องมือน่ะเหรอ”
“คนสมบูรณ์แบบอย่างแกจะไปรู้อะไร”
กวินทร์ใช้น้ำเสียงเหน็บแหนบแกมประชดประชัน หันปลายกระบอกชี้หน้า
“ฉันรู้ว่าแกทำอะไรกับมะลิ”
“ไม่ แกไม่รู้หรอก” จู่ ๆ ก็คิดวิธีสั่งสอนพวกอวดรู้ว่าอย่าได้ลองดีขึ้นมาได้ ผ่านการสาธิตโดยใช้นักแสดงรุ่นเด็กที่เคยมีประสบการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยตรง ชายกระโปรงถูกเลิกขึ้นถึงโคนขาก่อนฝ่ามือกร้านจะบีบนวดผิวลื่นอย่างมันมือ ปราบเด็กดื้อที่ยังพยศด้วยการบดขยี้ตามร่างกาย จับส่วนไหนได้เป็นเฟ้นฟอดปราศจากความอ่อนโยน
ไม่เว้นแม้แต่บริเวณหน้าอกจนร่างเล็กร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ขอบตาแพรวพราวไปด้วยหยดน้ำ พยายามเบี่ยงตัวหลบมือสากที่ลูบไล้หน้าท้องและกระดากอายเกินกว่าจะมองหน้าคนที่รัก ผิดกับกวินทร์ที่ยังสาแก่ใจใช้วงแขนเดียวในการพลิกร่างขาวนวลแล้วมือนั้นก็ป้วนเปี้ยนแถวสะโพก เลิกชายกระโปรงถึงกลางหลังเพราะอยากให้คนที่ทำได้แค่ยืนดูอกแตกตาย รวมถึงขยำบั้นท้ายเนียนโชว์เรียกความโมโหจากหรัญญ์ได้เป็นอย่างดี
“ร่างกายนี้สินะที่ทำให้แกติดใจ” หมุนตัวร่างเล็กด้วยความรวดเร็วอีกครั้งและยังล็อกคอพอให้ไม่สามารถเบือนหน้าหนีแล้วขโมยหอมแก้มที่มอมแมมเพราะน้ำตา
หรัญญ์ทำท่าจะเดินเข้าใส่ คิดจะใช้แค่กำปั้นเป็นอาวุธ แต่ก็ต้องหยุดเคลื่อนไหวพร้อมกับกักเก็บความกรุ่นโกรธเอาไว้เมื่อกวินทร์หันปลายกระบอกปืนจ่อขมับตัวประกันที่ยืนสั่นอย่างน่าเวทนา “ถ้าโกรธเกลียดฉันมากก็มาลงที่ฉัน มะลิไม่เกี่ยว”
“พระเอกจังเลยนะ” ฟังแล้วเกิดอาการคลื่นไส้อยากจะอาเจียน กวินทร์เกลียดที่อีกฝ่ายยังสวมบทเป็นคนดีในขณะที่ตนนั้นดูชั่วร้ายจนไม่อาจให้อภัย ยิ่งทำให้เห็นความแตกต่างราวฟ้ากับเหว เพราะคนเลวย่อมไม่ได้รับการรักตอบจึงพยายามทวงสิทธิ์อันโดยมิชอบผ่านการกระทำป่าเถื่อน “ฉันจัดการกับแกแน่แต่ต้องเป็นหลังจากที่ฉันเอามะลิเสร็จแล้ว”
ประกาศกร้าวพร้อมทั้งฉีกชุดสีขาวแยกเป็นสองท่ามกลางการปัดป้องที่แสนตื่นตระหนก ร่างเล็กขัดขืนยืนกรานหนักแน่นว่ารังเกียจเดียจฉันท์ ทำตัวน่าขัดใจร้องไห้สะอึกสะอื้นจนน่ารำคาญในขณะที่คนใจคอโหดเหี้ยมดึงดันจะบังคับขืนใจ แต่ก่อนจะบรรลุเป้าหมายกลับไหวตัวทัน รีบใช้ปลายปืนดันคางมนถ้าอดีตสหายยังคิดจะเดินเข้ามาใกล้อีกหนเดียวเกรงว่าคงจะมีการเหนียวไกกันเกิดขึ้น
คนสามคนยืนมองหน้ากันไปมา มะลิที่กำลังแหงนหน้าเพราะถูกจิกผมสบตาที่แดงก่ำแอบชุ่มน้ำของหรัญญ์แล้วส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร เด็กตัวเล็กหอบจิตใจที่แข็งแกร่งเอาไว้ จนผู้ใหญ่รู้สึกละอายใจที่ไม่ได้ทุ่มสุดกำลังเพื่อปกป้องคนรักอย่างแท้จริง
จากคนที่เคยหยิ่งในศักดิ์ศรีบัดนี้เหลือเพียงผู้ชายที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับชีวิตและอิสรภาพของคนรัก “ฉันขอร้องล่ะจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่อย่าทำอะไรมะลิอีก แค่นี้แกยังทำลายชีวิตหลานตัวเองไม่พออีกหรือไง ต้องทำกันถึงขนาดไหนมันถึงจะสาแก่ใจแก”
“ลองคุกเข่าดูสิเผื่อฉันจะเห็นใจ” ในเมื่อขอมาก็เลยลองยื่นขอเสนอให้ เห็นจองหองดีนักอยากรู้จังว่าถ้าถูกสั่งให้คลานมากราบจะทำสีหน้าอย่างไร “เห็นเท้าฉันไหมเพื่อน”
“อย่า” ร่างเล็กห้ามเสียงสั่น ยิ่งพอเห็นหรัญญ์ทำท่าจะเดินเข่าเข้ามาใกล้ก็ยิ่งดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมที่เริ่มหละหลวมก่อนจะรีบทรุดลงกราบกรานอย่างไม่ห่วงศักดิ์ศรี ลดตัวลงไหว้แทบเท้าเจ้าชีวิต “หนูขอโทษ…” เด็กน้อยพนมมือขอความเมตตาทั้งสภาพน่าสงสาร
“หนูขอโทษ” มะลิพร่ำคำเดิมซ้ำ ๆ จนกวินทร์ยืนน้ำลายท่วมปาก สะเทือนใจอย่างแรงจนกระทั่งแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาไม่ไหว เหมือนมีปลายหอกปักเข้าที่อกซ้ายอย่างจัง ภาพความหลังที่ตัวเองทำระยำตำบอนกับหลานไว้ลอยมาเป็นฉาก ๆ
เด็กคนหนึ่งถูกทำร้ายจนบอบช้ำแต่กลับต้องมานั่งยกมือไหว้ขอโทษคนที่ทำร้ายงก ๆ แล้วค่อยคลานกลับเข้าสู่อ้อมอกและกางแขนปกป้องคนที่รัก ทำเอาคนมองตามหลั่งน้ำตา
ขอโทษที่เป็นสาเหตุของความบาดหมาง ขอโทษที่รักใครได้แค่คนเดียว
กวินทร์เหลียวหันหลังกลับไปเช็ดน้ำตาที่ไหลผิดเวล่ำเวลาและยืนสงบสติอารมณ์ด้วยท่าทีอ่อนลงอย่างสัมผัสได้ ไม่ได้ออกอาละวาดแม้จะถูกปฏิเสธความรักอย่างไร้เยื่อใย
ส่วนหรัญญ์กับมะลิก็ต่างฝ่ายต่างประคองกันลุกขึ้นแล้วยืนกอดกันกลม มือเล็กเอื้อมแตะแขนเสื้อที่อมน้ำสีแดงไว้จนชุ่ม ลูบแขนที่บาดเจ็บจากการถูกยิงอย่างทะนุถนอม
สถานการณ์บานปลายกระเตื้องขึ้นในทิศทางที่ดี หนทางแห่งสันติรอคอยทุกคนอยู่ไม่ไกล อาจจะเป็นตอนจบที่สุดท้ายแล้วไม่ต้องเสียใครไปสักคนเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคนยืนหนังให้จะยอมรับความพ่ายแพ้ได้มากน้อยแค่ไหน โดยที่อีกสองคนที่เหลือก็พร้อมจะให้อภัยและให้โอกาสกลับตัว เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครดีสุดขั้วชั่วสุดขีด หากกวินทร์ต้องการก็แค่เอ่ยปากมา
ซึ่งความจริงแล้วตัวกวินทร์เองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาอย่างไร เพียงทำแค่ยืนร้องไห้ออกเสียงเพื่อระบายความอัดอั้น กัดฟันจนแทบแหลก ทนแบกรับความเสียใจและน้ำหนักตัวเองแทบไม่อยู่ รู้สึกไร้กำลังทั้งแขนและขา อยากจะตาย ๆ ไปซะ
แต่พอลองทบทวนอีกทีนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังมาตลอด สุดท้ายแล้วคนอ่อนแอจึงไม่ต่างอะไรกับเตาปฏิกรณ์ขนาดพกพาที่กำลังรอเวลาหลอมใหม่และในไม่ช้าก็จะเดือดอีกรอบ
กวินทร์ยืนเหยียดหลังตรงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวก ๆ ยืนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนต้องการจะถ่วงเวลา เงยมองท้องฟ้านัยน์ตาเหม่อลอย แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหว แม้ไม่ได้มองแต่ก็พอจินตนาการถึงกิริยาของทั้งสองคนด้านหลังออกและเห็นภาพชัดเจน
ก็คงจะพะเน้าพะนอคลอเคลียกันด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ถามไถ่ทุกข์สุขเสียงอ่อนเสียงหวานและความอิจฉาก็เป็นบ่อเกิดของความรู้สึกเหมือนถูกกีดกัน เป็นส่วนเกินที่โดนคัดออก สองยังไงก็ต้องดีกว่าสาม ความรู้สึกราวกับหมาหัวเน่ากลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เลือกตัดสินใจผิดพลาด หันกลับมาพร้อมกดลั่นไก “มึง!”
หรัญญ์รีบผลักมะลิออกห่างจากวิถีกระสุน แม้จะเก่งบุ๋นมากกว่าบู๊แต่ก็เลือกสู้ไม่ถอย หลังจากปัดปืนออกจากมืออดีตสหายก็ต่อยเข้าที่ใบหน้า เสียงหมัดกระทบกรามยังไม่ดังเท่าเสียงที่คำรามอย่างเจ็บปวด กวินทร์รีบป้วนน้ำลายปนเลือดทิ้งกับพื้นและเลิกยืนเฉย แล้วก็ลงเอยที่การแลกหมัดต่อหมัด ซัดกันไปคนละทีสองทีโดยมีรอยช้ำบนหน้าเป็นตัวบอกคะแนน
ซึ่งเท่าที่นับได้หรัญญ์เป็นฝ่ายมีคะแนนนำและกวินทร์ก็พยายามจี้ตามมาติด ๆ ต่างคนต่างงัดทักษะการต่อสู้แบบประชิดมาใช้และไม่ว่าใครก็ต้องมีตอนที่เพลี่ยงพล้ำ สภาพทั้งคู่ถึงได้ดูเละเทะและสะบักสะบอม มอมแมมไปด้วยคราบดินและเลือดสด ๆ เพราะไอ้ความที่ไม่มีใครยอมใคร ปากแผลบนใบหน้าถึงได้เปิด เกิดเป็นความน่าสยดสยอง ชวนให้คนยืนมองอยู่นอกสังเวียนมวยใจคอไม่ดี
งานต่อยตีอาจจะไม่ใช่แนวที่ถนัดแต่ถ้างานกวนประสาทสำหรับกวินทร์เรียกว่าอัจฉริยะ ตอนที่อดีตเพื่อนคว้าคอเสื้อเพื่อจะชกก็ชิงลงมือพ่นเลือดใส่หน้าแล้วตามด้วยการหัวเราะสะใจ
สุดท้ายพ่อพระก็มีน้ำโหเหมือนกับคนอื่นเขา กวินทร์ยอมเป็นเป้าให้ซ้อมเพื่อแลกกับการเห็นสีหน้าอาฆาตมาดร้าย ยิ้มชอบใจตอนหรัญญ์ตะบันหน้าอีกครั้งอย่างใส่อารมณ์
“สุดท้ายแกกับฉันก็เลวไม่ต่างกันจริงด้วย เพราะอย่างนี้เราถึงเป็นเพื่อนกันได้สินะ”
ยวนยุเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นตาม จับจุดได้อย่างแม่นยำ แต่ผ่านไปสักพักก็เริ่มขำไม่ออก กวินทร์โดนต่อยจนลงไปนอนกองพื้นก่อนคนยืนค้ำหัวจะขึ้นคร่อมแล้วประเคนหมัดไม่ยอมหยุด หรัญญ์น็อตหลุดจนกลายเป็นคนที่ทำอะไรสุดโต่ง คนคิ้วบากปากแตกยกตนเป็นศาลเตี้ยเพื่อพิพากษาคนกระทำผิด ลืมตัวถึงขั้นเกือบปลิดชีวิตที่อีกนิดเดียวก็จะไปเที่ยวนรกแต่ยังคงยิ้มออกได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ทั้งที่เจ็บขนาดนอนสำลักเลือดตัวเองก็ส่งสายตาท้าทาย
หรัญญ์อยู่ในท่าง้างหมัดตอนกวินทร์ส่งยิ้มเย้ยหยันให้จนเห็นว่ามีเลือดออกตามไรฟัน กลิ่นคาวแผ่สะพัด ความสังเวชใจเข้ามาแทนที่อารมณ์โกรธในทันที คนที่ไม่มีเจตนาจะทำให้อีกฝ่ายถึงแก่ความตายหอบหายใจไหล่เขยื้อนเนื่องจากก่อนหน้านี้ใช้พลังงานมากไป พอได้หยุดพัก สติสตางค์จึงค่อย ๆ กลับคืนร่าง ใช้แขนเช็ดเลือดที่กำลังไหลเข้าตาออกเพื่อทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นกลับมาชัดเจนและเป็นฝ่ายล่าถอย
“เสียอย่างเดียวที่แกมันเป็นพวกใจอ่อน” กวินทร์พูดขึ้นมาลอย ๆ พลอยให้ติดใจสงสัย
สำหรับหรัญญ์ที่ยังหลงเหลือสามัญสำนึกคงไม่เคยคิดถึงคำว่าฆ่าล้างโคตร แต่กับอีกคนที่ต้องการให้อีกฝ่ายถูกดินกลบหน้า ได้แอบชำเลืองหางตามองกระบอกปืนที่ตกอยู่ไม่ไกล
ทั้งที่แทบเอาตัวเองไม่รอดใกล้ได้นอนกอดโลงเข้าไปทุกทีแต่ก็ยังไม่เลิกล้มความคิดที่ชั่วช้า ยังคงหมายปองตามจองล้างจองผลาญจนกว่าจะหมดลมหายใจ ในระหว่างที่หรัญญ์เบี่ยงตัวออกด้านข้างเผลอหันหลังให้ กวินทร์ใช้ช่วงนั้นปฏิบัติการเหยียดแขนอย่างเงียบเชียบและเตรียมยกแขนจะใช้อาวุธที่กำไว้แน่นกำจัดศัตรู แต่อยู่ ๆ ปืนก็ตกจากมือที่แบออกและแน่นิ่งไป คนที่เกือบถูกลอบทำร้ายรีบหันมองเพราะได้ยินเหมือนเสียงของหนักกระทบกับของแข็ง
มะลิกำลังใช้หินทุบบริเวณศีรษะและใบหน้าของกวินทร์อย่างแรงจนเป็นเหตุให้สิ้นใจคาที่ ไม่มีโอกาสได้ล่ำลาหรือว่าร้องสักแอ๊ะเดียวและร่างเล็กก็ยังคงใช้หินทุบอยู่อย่างนั้นด้วยความเกรียวกราด จนยากจะพิสูจน์รูปพรรณสัณฐานของผู้ตายได้เนื่องจากใบหน้าเกิดความสูญเสียกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ใครมาเห็นเข้าคงทานข้าวไม่ลง
ร่างเล็กยกก้อนหินเหนือหัวก่อนจะทุ่มลงอีกครั้งและอีกครั้งจนเกิดเสียงดังสะท้อน เลือดกระเซ็นโดนหน้าฆาตกรวัยเยาว์ที่ปล่อยให้ความเคียดแค้นเข้าครอบงำและไม่ฟังเสียงห้ามปราบใด ๆ หรัญญ์ที่พยายามยื้อแย่งก้อนหินไปก็ไม่สามารถต้านทานแรงอาฆาตพยาบาท
จนต้องหันมาใช้ไม้อ่อน สวมกอดแล้วเรียกชื่อให้ได้สติ
“มะลิ... นี่ฉันเอง” เรียกร้องความสนใจจากเด็กน้อยที่ถือก้อนหินไม่ปล่อย ยังคอยใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเรียกหวังเพียงมะลิจะได้ยินและหันกลับมา
ขอบคุณปาฏิหาริย์ที่ทำให้เสียงของหรัญญ์ส่งไปถึงจิตวิญญาณที่ใกล้ดับสูญ ร่างเล็กหยุดเคลื่อนไหวนัยน์ตานั้นยังว่างเปล่าขณะมองมือที่ทำท่าแบออกราวกับจะขอก้อนหินคืน มือเล็กค่อย ๆ ลดลงจากที่สูงแล้วยื่นให้คนที่ขออย่างเชื่องช้า ก่อนน้ำตาจะรินไหลมองคราบเลือดในมือด้วยอาการสั่นเทา หลังจากที่โยนหินทิ้งไปหรัญญ์จึงเอามือที่เปื้อนมาเช็ดกับเสื้อตัวเอง
ร่างเล็กโผเข้ากอดผู้ใหญ่ที่เต็มใจจะเป็นเสาหลัก หรัญญ์มองซากศพของอดีตเพื่อนด้วยความรู้สึกหลากหลาย แล้วกลับมาสนใจคนเป็นที่น่าเป็นห่วงเป็นคนตายมากนัก รีบลูบแผ่นหลังของมะลิที่ร้องไห้จนสำลัก นั่งเช็ดหน้าเช็ดตาให้มองหาบาดแผลตามร่างกายที่เด็กน้อยอาจจะได้มาโดยไม่รู้ตัว หอมหัวกลมและจับผมทัดหูให้ “ไม่เป็นไร มันจบแล้ว”
มือใหญ่รีบรั้งดวงหน้าที่ทำท่าจะหันไปมองร่างไร้วิญญาณให้กลับมามองหน้าตัวเอง “ฉันเอง ฉันเป็นคนทำไม่ใช่เธอ” ออกรับแทนอย่างใจดีและไม่มีทีท่าว่าจะขับไล่ไสส่ง
กลับกันคือกอดร่างเล็กจนจมอก ยกยอปอปั้นว่าเก่งมากที่อดทน
คืนเดือนมืดกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว
---------------------------------------
✘ ✘ ✘ อัพตอน9แล้ว เดี๋ยวตอน10จะมาในอีกชั่วโมงกว่าๆนะคะ พอดีว่าเหตุการณ์มันต่อกันเลยจะอัพวันนี้ทีเดียวเลย จะจบแล้วแอบใจหายมากเลย แล้วก็ต้องขอบคุณสำหรับความเอ็นดูนะคะ ตอนนี้ตุ๊กติ๊กสั่งทำปกเหมายันไปแล้ว ส่วนเรื่องการเปิดจองอาจจะแจ้งในเพจอีกที แล้วก็หลังจากลงตอนที่10(ตอนจบ)จะมีให้เล่นเกมชิงหนังสือด้วยนะคะ อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกยังไงคอมเม้นทิ้งไว้หรือเขียนถึงเหมายันในทวิตได้เลยค่ะ ตุ๊กติ๊กตามอ่านอยู่
ปล. ยังสามารถทำแบบสอบถามรวมเล่มได้ค่า
https://goo.gl/forms/7mtN6uUfeoQaS2ii2 แล้วก็สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยค่ะ --->
9crimes - นายคราม FANPAGE