Intro
เวลาที่มนุษย์เข้าตาจนหรือไร้หนทางต่อสู้ มนุษย์มักจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองผ่านสถานการณ์นั้นไปให้ได้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้สถานการณ์ที่ร่างสูงโปร่งผู้มีเรือนผมสีน้ำเงินแปลกตากำลังเผชิญอยู่มันจะแลดูเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็ตาม นัยน์เนตรคู่งามที่มีสีเฉกเช่นเดียวกับเรือนผมนั้นพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อที่จะหาหนทางหนี หากแต่มันกลับไรสิ้นหนทาง หรืออาจจะพูดให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าตัวของเขานั้นหมดทางที่จะหลบหนี และหลังจากดวงเนตรสีน้ำเงินเข้มกวาดสอดส่องไปโดยรอบเรียบร้อยแล้ว เนตรคู่งามนั้นก็หันกลับมาประจันหน้ากับชายหนุ่มร่างสูงสง่าที่ทำให้ตัวของเขาเข้าตาจนอยู่ในตอนนี้
เนตรสีน้ำทะเลลึกที่ถูกประดับอยู่บนใบหน้างามค่อย ๆ มองไล่ตั้งแต่แผ่นอกกว้างขึ้นไปเรื่อย ๆ ผ่านลำคอแกร่ง คางที่มนได้รูปรวมไปถึงริมฝีปากหนาและจมูกที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามบนใบหน้าคมนั่น และสุดท้ายดวงตาสีน้ำเงินที่ไม่แสดงให้เห็นถึงความหวาดหวั่นว่าตนจะอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ขนาดไหนก็ไล่ขึ้นไปถึงดวงเนตรแข็งกร้าวที่มีสีแดงชาดเฉดเช่นหยาดโลหิต
เมื่อดวงเนตรของทั้งสองจองปะทะกันริมฝีปากหนาได้รูปก็เผลอคลี่รอยยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย รอยยิ้มที่ผุดออกมาจากริมฝีปากนั่นแสดงให้เป็นถึงความพึงพอใจของชายหนุ่มร่างสูง มือกร้านถูกยกขึ้นมาเสยเส้นผมสีแดงเข้มที่บดบังทัศน์วิสัยก่อนที่เขาจะละมือลงและเคลื่อนที่ไปรั้งปลายคางของร่างโปร่งบางตรงหน้าให้เชิดขึ้นมามองยังตน
“สปายหรือคนขายข่าว” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมาแผ่วเบา หากในถ้อยคำเหล่านั้นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดชายหนุ่มร่างสูงผู้นี้กลับรับรู้ได้ว่าสิ่งเอ่ยออกผ่านริมฝีปากมันเต็มไปด้วยความยินดี ซึ่งความยินดีนั้นมันก็หมายความว่าผู้เป็นนายของพวกเขากำลังสนุกกับว่าที่ของเล่นชิ้นใหม่ที่เพิ่งเจอ
ลูกแมวพยศที่ไร้เจ้าของมันช่างน่าลิ้มลองและน่าปราบพยศเสียจริง ลิ้นเรียวเลียริมฝีปากของตนเบา ๆ ก่อนจะปล่อยรอยยิ้มกว้างออกมา
ตัวเขานั้นไม่ได้รู้สึกยินดีอะไรขนาดนี้มานานมากแล้ว และตัวของชายหนุ่มร่างสูงก็หวังไว้ว่าลูกแมวจอมพยศตัวนี้จะไม่เชื่องง่าย ๆ เหมือนแมวไร้เจ้าของตัวอื่น ๆ ที่เขาเคยเจอมา
ปลายนิ้วแกร่งที่เชิดใบหน้างามขึ้นเริ่มไล่นิ้วไปตามปลายคางมือแกร่งใช้แรงเพียงเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายเบนหน้าไปอีกทางและเมื่อตนนั้นได้ทำสิ่งที่ต้องการใบหน้าคมเข้มก็โน้มลงไป ริมฝีปากหนาจรดใบหูพร้อมกับเอ่ยกระซิบแผ่วเบาราวกับว่าเขานั้นต้องการให้สิ่งที่ตัวเขาพูดนั้นรับรู้เพียงแค่สองคน
“นายรู้ใช่ไหมว่าการที่มาสืบข่าวของฉันแบบนี้มันหมายความว่ายังไง” เสียงทุ้มเว้นช่วงไปขณะหนึ่งเพื่อให้ร่างตรงหน้านั้นตอบคำถามตน ซึ่งโดยส่วนใหญ่สปายหรือคนขายข่าวที่โดนพวกเขาจับได้นั้น มักจะกลัวจนไม่กล้าตอบอะไร หากแต่ลูกแมวสีน้ำเงินสุดแสนพยศตัวนี้นั้นไม่ใช่เพียงแต่เอ่ยตอบคำถามที่เขาถามเท่านั้น ร่างโปร่งบางตรงหน้าเขายังคิดจะทำร้ายและหาหนทางหนีจากสถานการณ์จนตรอกนี่เสียด้วย มีดเล็กที่ร่างโปร่งแอบซ่อนไว้ที่แขนเสื้อถูกหยิบออกมาข้อมือบางถูกยกขึ้นและตวัดไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูง
หยาดโลหิตสีแดงชาดไหลรินออกมาจากแผลที่แก้มของชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีแดงเข้ม ทว่าบาดแผลนั่นกลับไม่สามารถทำอะไรชายหนุ่มผู้นี้ได้ มือกรานยกขึ้นตวัดมือเพื่อบอกเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาตนเก็บอาวุธลง หลังจากนั้นมือกร้านก็ละไปปาดหยาดเลือดที่ไหลรินออกมาจากบาดแผล ริมฝีปากหนาเหยียดรอยยิ้มพร้อมกับใช้นิ้วมือที่เปื้อนหยาดโลหิตของตนแทรกเข้าไปในโพรงปากของร่างโปร่งบาง ส่วนมือกร้านอีกขางหนึ่งก็จับศีรษะให้อยู่กับที่ไม่ให้อีกฝ่ายนั้นหันหนีไปทางไหน
รสเค็มปนรสสนิมเหล็กกระจายไปทั่วริมฝีปากบาง ถึงแม้ชายร่างสูงตรงหน้าจะน่ากลัวขนาดไหนร่างโปร่งบางนั้นก็ไม่คิดจะยอมแพ้มือทั้งสองข้างพยายามดิ้นรนสุดความสามารถ มีดพกขนาดเล็กที่ใช้โจมตีร่างสูงเมื่อสักครู่นั้นถูกตวัดขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้บุรุษผู้นี้ไม่เสียท่าง่าย ๆ นิ้วแกร่งที่แทรกเข้าไปในโพรงปากเล็กถูกดึงออกและใช้มือข้างนั้นเหวี่ยงขึ้นไปจับข้อมือบางและจับตรึงไว้ที่กำแพง
ใบหน้าของร่างสูงที่ในตอนแรกยิ้มไปด้วยความพึงพอใจ หากแต่ตอนนี้นัยน์เนตรคมสีแดงสดแปรเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าว ใบหน้าของร่างสูงค่อย ๆ โน้มลงไปเรื่อย ๆ พร้อมกับจรดรีมฝีปากตนลงไปที่ริมฝีปากนุ่มของคนตรงหน้าเขาไม่ยอมให้ร่างเล็กกว่าได้ท้วงติง ลิ้นเรียวถูกแทรกเข้าไปในปากแทนที่นิ้วมือที่เปื้อนเลือดพร้อมกับกวาดลิ้นไล้เลียเพื่อกอบโกยความหอมหวานจากริมฝีปากสีสดนั่นให้หมดสิ้นไป
เวลาดำเนินต่อไปอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากหนานั้นก็ยังไม่คิดที่จะละออกจากริมฝีปากของร่างโปร่งบางมือข้างหนึ่งของร่างเล็กกว่าพยายามทุบแผ่นอกกว้างเพื่อท้วงติงส่วนอีกมือนั้นยังคงกำมีดพกเล่มเล็กเอาไว้อยู่ หากแต่มือนั่นก็กำอาวุธที่จะช่วยชีวิตตนเองอีกได้ไม่นานเพราะเพียงช่วงเสี้ยววินาทีมือบางนั้นก็ไร้เรี่ยวแรงและปล่อยให้มีดคู่ใจร่วงลงไปที่พื้น ร่างสูงโปร่งรู้สึกเหมือนตนไร้เรี่ยวแรงไปช่วงขณะหนึ่งและนั่นก็ทำให้มือกร้านอีกข้างของชายตรงหน้าก็ถือวิสาสะตวัดโอบรอบเอวบางให้เข้ามาแนบชิดกับตน
จูบอันแสนร้อนแรงนี้ดำเนินต่อไปอีกสักพักและในที่สุดร่างสูงสง่าก็ยอมปล่อยให้ร่างโปร่งบางนั้นเป็นอิสระขาเรียวทั้งสองข้างพลันไร้เรี่ยวแรงจนทำให้ชายหนุ่มตัวเล็กกว่าถึงกับทรุดลงไปที่พื้น
“ถึงกับหมดแรงเลยหรือไง…ครีแวน” ร่างสูงวิสาสะอีกครั้งด้วยการเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไป และเขากไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้นเพราะว่ามือกร้านจากการจับอาวุธก็ถือวิสาสะเช่นเดียวกับริมฝีปากหนานั่นก็คือนิ้วเรียวยาวค่อย ๆ เปิดกระเป๋าใส่เงินของร่างโปร่งบางเพื่อสำรวจชื่อ สัญชาติและรวมไปถึงผู้ว่าจ้างหรือแก็งค์ที่กล้าริอาจที่จะส่งคนมาสืบข่าว และการเคลื่อนไหวของตัวเขา
ครีแวน เดอ เมอร์เรส สัญชาติอังกฤษ สูง 178 เซนติเมตร น้ำหนัก 62 กิโลกรัม รายละเอียดที่เกี่ยวของกับร่างบางนั้นร่างสูงอ่านมันโดยคร่าว ๆ หากแต่สิ่งที่พวกสปายควรจะมีกลับไม่มีเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะเปนพาสสปอร์ตปลอม บัตร ID ปลอม และที่สำคัญคนทำงานในวงการนี้ไม่มีใครพกรูปครอบครัวไว้ในกระเป๋าแบบนี้หรอก งั้นร่างตรงหน้าเขานั้นก็ไม่ใช่สปายแต่คงเป็นแค่พวกขายข่าวอิสระเท่านั้น คอยตามล่าข่าวของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งเพื่อไปขายให้กับผู้มีอิทธิพลอีกคนหนึ่งสินะ ทว่าคราวนี้ร่างโปร่งบางตรงหน้ากับเลือกสืบข่าวผิดคนเสียแล้ว ที่เขากล่าวออกมาแบบนี้นั่นก็เป็นเพราะว่า ‘คนในโลกดานมืดไม่มีใครกลาสืบข่าวของตัวเขาหรอกเพราะไม่ว่าใครจะใช้วิธีไหนสืบข่าวคราวของเขาก็ไม่มีวันที่จะรอดจากเงื้อมือของ เฮลาส ฟีเลทัส คนนี้ไปได้เลยสักคน’ แต่พูดแบบนั้นไปก็ไม่ถูกเท่าไหร่นักหรอกเพราะว่าบางทีเขาก็มีการทิ้งศพพวกสปายไว้บ้างเพื่อเป็นการเตือนไม่ให้คนพวกนั้นกล้ามายุ่งกับตัวเขาได้อีก อย่างน้อยก็ไม่ได้หายสาบสูญไปทุกคน’
และเมื่อชายหนุ่มร่างสูงผู้นี้รู้ความจริงความคิดเล่นสนุกมากมายก็ปรากฏขึ้นภายในสมอง นัยน์เนตรคมหรี่ตามองร่างโปร่งบางที่พยายามใช้แขนเสื้อเช็ดริมฝีปากตน ชายหนุ่มร่างสูงพินิจมองร่างนั้นอยู่เพียงไม่นานและเพียงช่วงเสี้ยววินาทีเขาก็ย่อตัวลงไปพรอมกับรั้งร่างโปร่งบางให้ยืนขึ้นตามเขา หลังจากนั้นมือกร้านข้างนั้นก็ออกแรงกระชากให้ร่าง ๆ นั้นเดินตามตนไปตอนนี้ความคิดในสมองของชายหนุ่มที่มีนามว่าเฮลาส ฟีเลทัส มันอัดแน่นไปด้วยกรรมวิธีปราบพยศเจ้าลูกแมวสีน้ำเงินที่ไม่มีเจ้าของตัวนี้
ซึ่งไม่ว่าวิธีไหนมันก็น่าลองใช้กับสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเขาทั้งนั้น
_____________________________
ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก...เจอกันตอนหน้านะคะ (เมื่อชาติต้องการ)