say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #เมื่อหินผาจรดสายน้ำ ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ ครั้งที่ | “14”❖ ❖ ❖ ต่อค่ะ 70% ❖ ❖ ❖
รถตู้สองคันแล่นไปตามเส้นทางออกนอกตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่อำเภอจอมทองแทนที่จะเป็นอำเภอแม่ริมอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก แผนสำหรับวันนี้ทุกปรับเปลี่ยนอย่างกะทันหันเมื่อตอนมื้อเช้า เดียร์ที่เปิดเจอสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจจึงเสนอขึ้นมา แล้วคนที่ตามใจคนรักเก่งอย่างกันต์ก็ไม่มีขัดพยักหน้าเออออกับคนรักไปเรียบร้อย ยิ่งพอสองสาวใบบัวใยไหมเห็นที่ที่เดียร์เสนอก็สนับสนุนเต็มที่ สุดท้ายรถตู้ทั้งสองคนที่มารับคณะเดินทางชุดนี้ก็มุ่งหน้าสู่จอมทองแทน
การเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะใช้เวลาด้วยกันถึงสองชั่วโมงแม้จะรู้สึกว่าใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานแต่ภาพที่เห็นจากเว็บไซต์ที่มีการรีวิวเอาไว้ก็ชวนให้ไปเที่ยวชมจนไม่สนใจระยะเวลาในการเดินทาง
เด็กปีหนึ่งทั้งสามคนที่นั่งอยู่บนรถตู้คันเดียวกันกับรุ่นพี่ปีสี่ทั้งสามคนและรุ่นพี่ที่จบไปแล้วหนึ่งคนอย่างกันต์กำลังนั่งดูภาพของทุ่มดอกไฮเดรนเยียด้วยความสนอกสนใจ
“เดี๋ยวนี้เชียงใหม่ที่เที่ยวเยอะจังเลยนะครับ” สายน้ำพูดขึ้นมาตอนที่นั่งอ่านบรรดาเว็บไซต์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด มันขึ้นมาเยอะมากจนเขาเลือกเปิดไม่ถูกเลย
“แล้วตอนเราอยู่เชียงใหม่อยู่ได้ไปเที่ยวไหนมาบ้างล่ะ” เดียร์ที่นั่งอยู่แถวแรกของรถตู้เอี้ยวตัวมาถามรุ่นน้อง
สายน้ำส่ายหน้าไปมาก่อนตอบ “ไม่ค่อยได้ไปไหนหรอกครับ ตอนนั้นผมก็ยังเด็ก ๆ อยู่เลย ก็อยู่แต่บ้านผมสลับกับบ้านพี่หินผานั่นแหละครับ”
“เหรอ ตอนเด็ก ๆ สนิทกับหินผามากเลยเหรอ” ทัชถามขึ้นอย่างสนใจ ส่วนหนึ่งก็อยากจะหาเรื่องเอาไปแซวเพื่อนตัวเองที่นั่งเก็กทำเป็นอ่านหนังสือ และทัชมั่นใจว่าในใจตอนนี้ของหินผาคงกำลังลุ้นกับคำตอบของน้องอยู่แน่นอน
"สนิทครับ” สายน้ำพยักหน้าเพิ่มความจริงจังในการตอบคำถาม เจ้าตัวหันไปมองคนที่ถูกพาดพิงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาตอบคำถามของทัชต่อ
“พี่หินผาเป็นส่วนหนึ่ง เป็นคนสำคัญในชีวิตผมเลยล่ะครับ”ทัชกับเดียร์รีบหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเองทันที เจ้าตัวยังทำหน้านิ่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม แต่ก็แอบเห็นว่าใบหูทั้งสองข้างกำลังแดงก่ำ แต่หน้าคนพูดน่ะแดงจนหาสีเดิมไม่เจอแล้วแต่ก็ยังทำเป็นเหมือนว่าตัวเองไม่เขินอะไร
กลายเป็นว่าบนรถคันนี้มีคนเขินอยู่ด้วยกันสองคน แต่ก็ทำเป็นไม่เขินไม่สนใจทั้งสองคน ทั้ง ๆ ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขินมาก ๆ
ท่าทางของหินผากับสายน้ำทำให้คนอื่น ๆ ที่มองอยู่ยิ้มขำ สองเพื่อนซี้แบงก์ตั้มก็ส่งสายตาล้อเลียนสายน้ำ เพื่อนซี้ทัชเดียร์เองก็กำลังทำหน้าทำตาแซวหินผาอยู่เหมือนกัน
“แล้วหินผาล่ะ” กันต์ที่นั่งฟังเงียบ ๆ มาตลอดพูดขึ้นบ้าง “กับสายน้ำน่ะ... ตอนนั้นสนิทกันไหม”
สี่หนุ่มแบงก์ ตั้ม ทัช แล้วก็เดียร์ร้องฮู้แบบไม่มีเสียงออกมาพร้อมกัน เดียร์แอบยกนิ้วให้คนรักตัวเองอย่างชอบใจ เห็นนั่งเฉยมาตลอดไม่คิดว่าจะแกล้งคนอื่นเขาด้วย
“หือ...” คนโดนถามหันมามอง ก่อนจะเบนสายตาไปทางน้องน้ำ ชั่วขณะหนึ่งที่สบตากันหินผาก็ยิ้มออกมาจนสายน้ำต้องเบือนหน้าหนีเพราะไม่สามารถทนมองต่อไป
“กับสายน้ำ... ก็เป็นคนสำคัญเหมือนกัน”“อิ๊ว...” สาบานได้ว่าสายน้ำได้ยินเสียงเพื่อนซี้ทั้งสองคนร้องแบบกลั้นเสียง นึกอยากจะหันไปมองตาขุ่นแต่ทำได้แค่ก้มหน้าซ้อนแก้มแดง ๆ ของตัวเองต่อไป ถ้าเขาสามารถหาผ้ามาคลุมหัวตัวเองได้ สายน้ำก็ทำไปแล้ว แต่เพราะทำแบบนั้นไม่ได้เลยได้แต่เบียดตัวเองกับเบาะรถหันหน้าม้วนซุกกับกระจกหน้าต่างรถตู้แทน
นอกจากเสียงร้องของเพื่อนแล้วสายน้ำยังได้ยินเสียงล้อเลียนหินผาของทัชกับเดียร์ แล้วยังได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของกันต์อีกด้วย นั่นยิ่งตอกย้ำเข้าไปใหญ่ว่าสิ่งที่สายน้ำได้ยินนั้นคือเรื่องจริง และยิ่งทำให้เขารู้สึกเขินอายมากขึ้นไปอีก
ก็ใจมันคิดไม่ซื่อไปแล้ว อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็คิดเข้าข้างตัวเองจนหมด
แต่โชคดีที่สายน้ำไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้นานนักเพราะรถตู้จอดสนิทบ่งบอกว่าถึงที่หมายแล้ว แม้ว่าที่หมายในตอนนี้จะไม่ใช่ทุ่งดอกไฮเดรนเยียแต่เป็นร้านอาหารสักร้านหนึ่งก็ตาม
เพราะเปลี่ยนแผนกะทันหัน จากที่ตอนแรกจะไปหามื้อกลางวันกินที่รีสอร์ตเลยก็ต้องเปลี่ยนมาหาร้านอาหารกินระหว่างทางไปศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะแทน ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางกันต่อรวดเดียวไปถึงทุ่งดอกไฮเดรนเยียเลย
มื้อกลางวันของพวกเขาเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางแต่รสชาติอร่อยจนแต่ละคนต้องสั่งเพิ่มอีกคนละชาม กินจนอิ่มหนำก็ได้เวลาเดินทาง ทั้งสิบสองคนเดินไปขึ้นรถตู้คันที่ตัวเองนั่งมาก่อนที่รถจะแล่นต่อ
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาทั้งสิบสองคนก็มาถึงที่หมาย ดอกไฮเดรนเยียสีฟ้า สีม่วงต่างพากันเบ่งบานชูช่อกว้างไกลจนสุดสายตา มีลายเส้นภูเขาสีเขียวรับกันได้ดีกับท้องฟ้าสดใส แม้การเดินทางเข้ามาในนี้จะค่อนข้างยากเล็กน้อย แต่พอได้มาเห็นความสวยงามตรงหน้านี้ ความยากลำบากในการเดินทางก็แทบจะไม่มีเหลือ
มีกลุ่มนักท่องเที่ยวอยู่อีกหลายกลุ่ม แต่ก็ไม่ได้แน่นขนัดจนไม่สามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปไม่ได้ และดูเหมือนว่ากลุ่มของพวกเขาจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ อาจจะเพราะมันเป็นเรื่องค่อนข้างแปลกตากับการเห็นชายหนุ่มจำนวนสิบคนมาเที่ยวสวนดอกไม้สีหวานแบบนี้ แม้ว่าในกลุ่มจะมีผู้หญิงมาด้วยสองคนก็ตาม
“เฮ้ย! ๆ ไปเร็วไปถ่ายรูปตรงนั้นกัน” คนที่เบ้ปากตอนรู้ว่าแฟนเพื่อนอยากมาเที่ยวที่นี่เพราะรู้สึกว่าสถานที่มันไม่เหมาะกับคนหล่อ ๆ คลู ๆ อย่างไข่เจียวร้องเรียกเพื่อนให้เดินเข้าไปในทุ่งดอกไฮเดรนเยียเพื่อถ่ายรูป
เจ้าตัวโน้มหน้าลงไปใกล้ช่อดอกสีม่วงฟ้าช่อใหญ่ มือสองข้างทำเป็นตัววีรองคางตัวเองเอาไว้ เอียงคอ ฉีกยิ้มกว้าง ท่าทางสนุกสนานผิดกับตอนแรก
“ไหนคนที่บอกว่าไม่อยากมา มันเป็นที่เที่ยวของผู้หญิง ไม่เหมาะกับคนหล่อ ๆ คลู ๆ” ใบบัวท้าวเอวถาม มองเพื่อนสนิทตัวเองถ่ายรูปดี๊ด๊าอยู่กับทุ่งดอกไฮเดรนเยีย รูปแล้วรูปเล่า แถมยังไปลากรุ่นน้องปีหนึ่งมาเป็นตากล้องให้อีก
“ทำเหมือนกับไม่ชิน” ใยไหมหันมาหัวเราะ ก่อนที่สองสาวจะชวนกันไปถ่ายรูปโดยมีดิวกับทัชตามไปด้วย
ตรงนี้เลยเหลือเพียงแค่หินผา สายน้ำ เดียร์และกันต์สี่คนเท่านั้น พวกเขามองหน้ากันเหมือนเป็นการถามว่าจะอย่างไรกันดี ก่อนที่กันต์จะเป็นฝ่ายตอบคำถามด้วยการคว้ามือคนรักมาจับเอาไว้แล้วพาเดินแยกไปอีกทาง
“เหลือเราสองคนอีกแล้ว” สายน้ำหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน
หินผาหัวเราะกับคำพูดของน้อง “ไปถ่ายรูปเล่นกันเถอะ มาถึงที่นี่ทั้งที”
“ครับ” พยักหน้ารับก่อนจะก้าวเท้าเดินตามหินผาไป คนพี่พาน้องเดินเลี่ยงออกมาจากกลุ่มเพื่อนของตัวเอง
ผลัดกันถ่ายรูปให้กันบ้าง ถ่ายเซลฟี่ด้วยกันบ้างจนพอใจก็เดินมานั่งอยู่ตรงบริเวณที่เขาจัดที่นั่งเอาไว้ให้ สายน้ำทอดสายตาไปไกลมองความสวยงามตรงหน้า แต่หินผากับเลือกที่จะวางสายตาไว้ที่คนข้าง ๆ แทนทุ่งดอกไฮเดรนเยียตรงหน้า
“เอ่อ... หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าครับ” สายน้ำถามด้วยความประหม่าเพราะโดนจ้องจนรู้สึกเขินไปหมดแล้ว
“ไม่รู้พี่เคยบอกเราหรือยัง” หินผาส่งยิ้มให้
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“พี่ดีใจที่ได้เจอเราอีก”
“พี่เคยบอกผมแล้ว” สายน้ำเบือนสายตาหนี มองตรงไปข้างหน้าแทนที่จะเป็นใบหน้าของคนที่ขยันทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว “แต่ผมก็อยากฟังอยู่เหมือนเดิม เพราะผมเองก็... ดีใจที่ได้เจอพี่อีกเหมือนกัน”
“จะว่าไปก็เหมือนฝันอยู่หน่อย ๆ นะ”
สายน้ำพยักหน้าเห็นด้วย มันเหมือนฝันมากจริง ๆ ทั้งเรื่องที่เขาได้กลับมาประเทศไทย ได้มาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย แล้วก็คณะเดียวกันกับหินผา ได้กลับมาใกล้ชิดแล้วก็สนิทสนมกับหินผาอีกครั้ง โดยที่อีกฝ่ายรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร มันเหมือนฝันมากจริง ๆ จนบางครั้งสายน้ำก็กลัว...
กลัวว่าถ้าลืมตาขึ้นในวันใดวันหนึ่งจะพบว่าทุกอย่างเป็นเรื่องที่ฝันไป“มันเหมือนฝันจนบางครั้งพี่ก็ชักไม่แน่ใจ ว่าถ้าเกิดพี่ตื่นขึ้นมาทุกอย่างมันจะเป็นเพียงแค่ความฝันหรือเปล่า”
“มัน... ไม่ใช่ความฝันหรอกครับ”
“ใช่ มันไม่ใช่ความฝันหรอก” หินผาขยับลุกขึ้นยืนหันมามองน้องน้ำของเขาแล้วยื่นมือไปตรงหน้า รอให้อีกฝ่ายยื่นมือมาจับแล้วบีบกระชับเอาไว้ “มันคือความจริงที่สุดแล้วล่ะ”
“ใช่ครับ มันคือความจริงที่สุดเลย”
“ไปเดินเที่ยวกันต่อเถอะ พวกนั้นน่าจะยังถ่ายรูปกันไม่เสร็จหรอก”
“ครับ”
สายน้ำก้าวตามคนอายุมากกว่า เหมือนกับเมื่อตอนสมัยที่ยังเป็นเด็กเขาก็มักจะเดินตามหลังคนคนนี้เสมอ แต่ไม่ใช่การเดินตามหลังที่โดดเดี่ยว เพราะหินผาจะจับมือของเขาเอาไว้ตลอด และเจ้าตัวก็จะบอกว่าให้เขาเดินตามหลัง เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นคนที่จะเจอก่อนก็คือหินผาไม่ใช่สายน้ำ ถ้าหากเจอถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ หินผาจะได้คอยบอกน้องแล้วระวังได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่สายน้ำมักจะเดินตามหลังหินผา
ได้ก้าวตามคนคนนี้ ได้มองแผ่นหลังของคนที่คอยกุมมือแล้วก็ดูแลเขาตลอด มันเป็นความสุขอย่างที่หาจากที่ไหนไม่ได้เลย
“มึง ๆ ดูนู้นดิ” ไข่เจียวใช้ศอกกระทุ้งแขนเพื่อนสนิทที่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของคนที่เดินจูงมือน้องปีหนึ่งอยู่ด้านนู้น “ทำไมบรรยากาศมันมุ้งมิ้งขนาดนั้นวะ”
ป่าไม้หัวเราะเขามองตามน้องรักทั้งสองคนไป มองสองมือที่จับกันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “ทำไมล่ะ”
“น้องชายมึงชอบสายน้ำเหรอ” ไข่เจียวถาม และไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่รอคำตอบ แต่คนอื่น ๆ ก็ขยับมาใกล้ ๆ เพื่อฟังคำตอบด้วยเหมือนกัน
“มึงคิดว่ายังไงล่ะ”
ไข่เจียวทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอกับการโยกโย้ของเพื่อนซี้ “วะ! ก็ถ้ากูมองกูก็ว่าใช่ หรือพวกมึงว่ายังไง”
“ก็คิดว่าใช่อยู่นะ” ดิวเองก็อดที่จะเห็นด้วยกับเพื่อนไม่ได้ “แต่หินผาเป็นคนใจดีอยู่แล้วนี่ อาจจะนึกเอ็นดูอะไรเฉย ๆ หรือเปล่า”
“แต่เพื่อนผมมันชอบพี่หินผานะพี่” แบงก์หลุดพูดออกมาก่อนจะยกมือปิดปากทำตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดอะไรออกไป
“ไม่ทันละมึง” ตั้มส่ายหน้าจนแบงก์ได้แต่ยิ้มแหยออกมา
“งี้ก็ใจตรงกันดิ” เดียร์ทำตาโตตอนได้ยิน “ไอ้หินผาก็ชอบน้อง มันบอกกับผมสองคนแล้วว่าชอบน้อง จะจีบน้องอ่ะ”
“ตายจริง! แล้วแบบนี้เป็นแฟนกันหรือยังเนี่ย” ใบบัวหันกลับไปมองคนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาทันที
“แต่เหมือนเป็นแฟนมากเลยนะ”
คราวนี้ทุกสายตาหันมามองเดียร์กับทัชทันที ก่อนจะหันไปมองคนเป็นพี่ชายของหินผาอย่างป่าไม้ที่เอาแต่ยืนยิ้มไม่พูดอะไรสักที
“เออ ก็ตามนั้นแหละ ไอ้หินมันชอบน้องน้ำ ชอบมานานแล้วล่ะเหมือนที่น้องน้ำเองก็ชอบไอ้หินมานานแล้วเหมือนกัน” ป่าไม้พยักหน้าอย่างยอมรับ “แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้คบกัน น้องยังไม่รู้ว่าไอ้หินชอบ มันก็ยังไม่บอก แล้วก็นะ... ไม่ต้องเข้าไปยุ่งด้วยล่ะมึงน่ะไอ้ไข่เจียว ไอ้ตัวดี ปล่อยให้มันจัดการของมันไปเอง”
“แล้วที่สำคัญน้องน้ำเป็นน้องรักกูด้วย อย่าให้กูเห็นหรือรู้ว่ามึงแกล้งอะไรน้องน้ำ หรือทำอะไรให้น้องน้ำไม่สบายใจ กูเล่นมึงแน่” ป่าไม้หันไปพูดกับไข่เจียวอย่างรู้เท่าทันว่าอีกฝ่ายมักจะหาเรื่องแผลง ๆ แกล้งคนอื่นเขาไปทั่ว
“เออ ๆ ไม่แกล้งหรอกน่า กูไม่ได้สนิทกับน้องขนาดนั้น กูรู้หรอกน่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้”
ป่าไม้หัวเราะก่อนจะหันกลับไปมองหินผาแล้วก็สายน้ำอีกรอบ หวังว่าการมาเที่ยวด้วยกันรอบนี้จะทำให้น้องชายเขาสามารถขยับความสัมพันธ์ของตัวเองได้ ถ้าไม่ได้ล่ะก็... เขาจะเรียกมันว่าไอ้กากไปอีกนานเลย
แค่คิดป่าไม้ก็นึกสนุกแล้ว เขาจะคอยจับตาดูเอาไว้ว่าไอ้น้องชายตัวดีของเขาจะทำอะไร ยังไงต่อไป
ทางฝั่งคนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ก็ไม่ได้รับรู้เลยว่าตอนนี้ทุกคนในทริปกำลังให้ความสนใจกับพวกเขาสองคน เพราะสิ่งที่พวกเขาสนใจคือการพูดคุยแล้วก็หัวเราะไปด้วยกัน เรื่องราวสมัยตอนยังเป็นเด็ก ๆ ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนาเรื่องแล้วเรื่องเล่า
“ผมจำได้ พี่เคยโดดเรียนรำไทยด้วย” สายน้ำหัวเราะเมื่อนึกไปถึงเรื่องที่กำลังพูดอยู่ “หนีจากห้องเรียนรำไทยไปห้องเรียนดนตรี ห้องอยู่ข้างกันแค่นี้ จะหนีพ่อผมพ้นได้ยังไง”
“ก็ตอนนั้นพี่รู้แค่ว่าไม่อยากเรียนรำนี่ มันไม่เท่เลย เรียนดนตรีไทยยังดูแมน ๆ กว่าอีก” หินผาทำหน้ายุ่งยามแก้ต่างให้ตัวเอง “แล้วจะให้หนีไปไหนได้ล่ะพ่อกับแม่พี่ก็นั่งรออยู่ข้างล่าง มีห้องเดียวที่หลบได้ก็ห้องเรียนดนตรีไทยนั่นแหละ”
“แต่สุดท้ายก็โดนพ่อผมลงโทษอยู่ดี”
“จำไม่ลืมเลย อาจารย์ให้พี่ยืนตั้งวงอยู่แบบนั้นตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง แขนขาสั่นไปหมด หลังจากนั้นก็ไม่กล้าโดดเรียนรำไทยแล้ว”
สายน้ำหัวเราะตามคนพี่ “ตอนนั้นพี่คงไม่อยากเรียนจริง ๆ แล้วการลงโทษก็คงจะโหดมาก ๆ แต่มานึกตอนแล้วก็อดขำไม่ได้นะครับ”
“ใช่ ตอนนั้นน่ะทรมานของจริงเลย แต่พอมานึกย้อนตอนนี้ก็ตลกตัวเองนะ ทำเข้าไปได้ยังไงโดดเรียนทั้งทีดันโดดไปแค่ต่างห้อง อาจารย์จะหาไม่เจอก็แปลกแล้วล่ะ”
“แต่ก็ดีนะครับ ตอนนั้นผมเลยมีเพื่อนทำความสะอาดเลย”
“ก็เพราะพี่เกเรน่ะสิ เลยโดนลงโทษให้อยู่ทำความสะอาดห้องเรียนด้วย”
“แต่พี่หินผาก็เก่งนะครับ ทั้ง ๆ ที่เกเรก็บ่อย แต่ก็ยังรำได้สวยมาก จนได้ขึ้นแสดงบนเวทีโรงเรียนตั้งหลายครั้งเลย” สายน้ำยิ้ม “ผมชอบมาก ๆ เลยตอนได้เห็นพี่รำอยู่บนเวที พี่ดูดีมาก ๆ เลยครับ”
“เราก็เหมือนกันนั่นแหละ” หินผาเอื้อมมือไปยีผมน้องเล่นอย่างที่ชอบทำ “แต่ก็น่าเสียดายเนอะ ถ้าน้ำไม่ต้องย้ายบ้านไปกรุงเทพฯ วันนี้เราคงมีเรื่องคุยกันเยอะกว่านี้อีก”
“พี่เล่าเรื่องตอนที่ผมไม่อยู่ก็ได้ ผมอยากฟัง ผมอยากรู้ว่าตอนที่ผมไม่อยู่พี่ทำอะไรบ้าง”
“ผลัดกันเล่าสิ พี่ก็อยากรู้เรื่องของเราเหมือนกัน ทุก ๆ เรื่องเลย” หินผายกมือขึ้นกอดรอบคอของน้อง “โตขึ้นมาหล่อขนาดนี้มีสาว ๆ มาจีบเยอะแค่ไหนกันหึ”
“ฮือ... ไม่มีสักหน่อย” ส่ายหน้าสะบัดหน้าไปมา
“ไม่อยากจะเชื่อ”
“จริง ๆ นะ ไม่มีจริง ๆ เถอะ” แต่ถึงมีสายน้ำก็ไม่เคยคิดจะสนใจอยู่แล้ว เพราะความสนใจของเขาน่ะอยู่ที่หินผามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“โอเค ๆ เชื่อแล้วครับ เชื่อแล้ว”
“ผมมีเรื่องสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง” สายน้ำก้าวนำไปด้านหน้าก่อนจะหันกลับมาหา “ทำไมอยู่ ๆ พี่ถึงได้มาเรียนรำไทย เรียนดนตรีล่ะครับ ตอนนั้นผมจำได้พี่บอกว่าจะไปลงเรียนฟุตบอล เรียนว่ายน้ำนี่”
หินผาเลิกคิ้วขึ้นมองยามเมื่อได้ยินคำถามนั้นแต่ยังไม่ยอมตอบคำถามสักที แถมยังเดินเลี่ยงอีก สายน้ำรีบก้าวไปขวางหน้าเอาไว้ “ทำไมเลี่ยงไม่ตอบผมล่ะ”
“ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา”
สายน้ำขมวดคิ้วพลางมองคนตรงหน้า ขาทั้งสองข้างก็ก้าวถอยหลังเรื่อย ๆ เพื่อจ้อง “เดินดี ๆ เดี๋ยวล้มหรอกน้ำ”
“พี่ก็ตอบคำถามผมสิ ทำไมตอนนั้นถึงได้เลือกมาเรียนรำ... เหวอ!”
“ระวัง!!” หินผาร้องออกมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน มือทั้งสองข้างรีบเอื้อมไปคว้าคนที่เดินถอยหลังไม่ทันระวังจนสะดุดเกือบหงายหลังล้ม
สายน้ำถอนหายใจอย่างโล่งอกตอนที่เขาสะดุดจะล้มใจหายไปหมดแต่เมื่อสัมผัสได้ว่าตัวเองยังยืนอยู่ก็หายใจโล่งขึ้น เมื่อสติกลับมาแล้วเขาถึงได้เริ่มสำรวจตัวเองแล้วก็ได้รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอ้อมแขนของหินผา เพราะส่วนสูงที่ต่างกันไม่มาเพียงแค่เหลือบตาขึ้นก็เจอกับใบหน้าของหินผาอย่างชัดเจน ใกล้กันมาเสียจนปลายจมูกชนกัน เอวของเขาก็โดนหินผากอดเอาไว้ คงจะเป็นตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาช่วยจับแล้วรั้งเขาไม่ให้ล้มลง
“เป็นอะไร... ไหม” หินผาที่มีแต่ความเป็นห่วงชะงักคำถามไปเมื่อเห็นใบหน้าของน้องน้ำใกล้ ๆ แบบนี้
“ม ไม่เป็นอะไรครับ” สายน้ำหลุบสายตาลงพร้อมตอบเสียงเบา แต่เพราะอยู่ใกล้กันขนาดนี้หินผาจึงได้ยินอย่างชัดเจน “ข ขอโทษนะครับ...”
“ขอโทษพี่เรื่องอะไร”
“เอ่อ... ก็... ที่ผมไม่ทันระวัง”
“ไม่เป็นอะไร เราไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วล่ะ” หินผาค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากเอวของน้อง ยอมรับว่าเสียดาย...
เสียดายที่เวลาสำหรับการสำรวจใบหน้าของน้องใกล้ ๆ หมดลง
เสียดายที่มือของเขาที่โอบรอบเอวน้องเอาไว้หมดลง
เสียดาย... ที่ในเวลานี้เขาต้องปล่อยตัวน้องออกจากอ้อมแขน ทั้ง ๆ ที่ในใจอยากจะกอดน้องเอาไว้แบบนั้นต่อ
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน สายน้ำเริ่มรู้สึกลนลานจนต้องหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาตัวช่วย เขาเห็นเพื่อนตัวเองเดินอยู่ไม่ไกล “ผ ผมว่าเรากลับไปรวมกับคนอื่น ๆ เถอะครับ”
“อือ” หินผาพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยเรียกสายน้ำเอาไว้ตอนที่น้องหันหลังเดิน “สายน้ำ”
“ค ครับ อะไรเหรอครับ”
“เพราะเรานะ”
“ครับ” สายน้ำทำหน้างงเมื่อได้ยินที่หินผาพูด
“เหตุผลที่พี่เลือกเรียนรำไทยเมื่อตอนนั้นน่ะ เป็นเพราะเรา พี่ถึงได้เลือกเรียน” หินผาบอกพลางมองสบตากับน้อง “เพราะพี่อยากอยู่กับเรา พี่ถึงได้ขอพ่อกับแม่ไปเรียนรำไทยแทนที่จะไปเรียนว่ายน้ำ นั่นเป็นเพราะเรานะ”
สายน้ำหน้าตาแดงก่ำ เขารู้สึกเขินอายกับคำตอบของหินผาทั้ง ๆ ที่จริงแล้วมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ ตอนนั้นพวกเขายังเด็กมาก เจอกัน สนิทกันก็คงอยากอยู่อยากเล่นด้วยกันตามประสาเด็ก ๆ แต่เพราะสายตาของหินผาที่มองมามันทำให้สายน้ำไม่เป็นตัวของตัวเอง
จนเผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปอีกครั้ง...
“ผม ผมว่าเรารีบไปเถอะครับ”
“ตอนนั้น... พี่อาจจะอยากลงเรียนกับเราเพราะอยากเล่นกับเราก็ได้ แต่ตอนนี้... พี่รู้แล้วว่าจริง ๆ แล้วมันเพราะอะไร เพราะพี่อยากอยู่ใกล้เรา อยากอยู่กับเราถึงได้ยอมทิ้งสิ่งที่อยากเรียนมาตลอดเพื่อให้ได้อยู่กับเรามากขึ้น” หินผามองตามคนที่วิ่งหนีเขาไปไกลแล้ว
แม้ในตอนนี้สายน้ำจะยังไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดตอนนี้ แต่สักวัน... เขาจะบอกน้องอีกครั้งถึงเหตุผลทุก ๆ อย่างที่เขาทำ
เพราะว่ารัก... เพราะแค่คำนี้คำเดียวเท่านั้น❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
เป็นแฟนกันเลยเถอะค่ะจะได้ไม่เป็นภาระของคนเขียน ฮาาาา
บอกว่าคบกันแล้วก็เชื่ออะกับคู่นี้
อะไรจะละมุน หวานเวอร์ขนาดนี้
เหม็นฟามรักไปทั้งทุ่งดอกไฮเดรนเยียเลยจ้าาาาา
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่า
ปล. เค้ามี Line@ แล้วน้า แอดมาคุยเล่น ติดตามข่าวได้เลยนะ
Line@ : @f.gc (มี @ มี . (จุด) ด้วยน้า)
#เมื่อหินผาจรดสายน้ำ