Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11  (อ่าน 112707 ครั้ง)

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
«ตอบ #180 เมื่อ28-09-2018 21:39:49 »

คิดถึงน้องธูปแล้ว พี่รีบกลับไปหาน้องนะ  :mew1:

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
«ตอบ #181 เมื่อ29-09-2018 00:44:47 »

ได้รับรู้อดีตคุณพ่อน้องธูปแล้วก็แอบโล่งใจว่า อย่างน้อยแกก็มีตัวอย่างซึ่งเกิดขึ้นกับตัวเองมาแล้ว หากได้รู้ขึ้นมาสักวันหนึ่งว่าลูกชายตัวเองคบกับลูกศิษย์ก็คงจะทำใจและปล่อยวางได้บ้าง ประสบการณ์สอนคนให้วาง ให้ว่าง ดังนั้น...แกเองก็คงไม่อยากเห็นลูกต้องเป็นทุกข์หรอกนะ หวังว่านี่จะเป็นฮินต์เล็ก ๆ ที่คุณเวสต์ทิ้งไว้ให้น้องธูปกับพี่มังกือ

ขอบคุณคุณเวสต์มาก ๆ เลยนะคะ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
«ตอบ #182 เมื่อ04-10-2018 23:53:14 »

chapter 10
Found and lost


 
                         ผมไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดใจที่ต้องรับหน้าที่เป็นทีมที่ต้องเดินทางมาก่อน และกลับหลังสุดในการทำงานตลอดเวลาที่ผ่านมา กระทั่งครั้งนี้ที่อยากเจอธูปเต็มทน
 
                         หลังนักศึกษากลับไปตั้งแต่เช้าตรู่ ผมกับคณะอาจารย์ก็ตามกลับมาในช่วงบ่ายหลังจากเคลียร์พื้นที่และขอบคุณทางโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แวะเที่ยวและซื้อของฝากระหว่างทางตามธรรมเนียมปฏิบัติ กว่าจะถึงกรุงเทพก็เมื่อพระอาทิตย์ของวันใหม่โผล่พ้นขอบตึก อาจารย์บางส่วนเดินทางกลับพร้อมเด็กๆ แต่ในฐานะลูกมือของหัวหน้าภาค ผมต้องอยู่ส่งทุกคนและเคลียร์เอกสารกับธุรการ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ทำหนังสือรายงานผู้ใหญ่ในนามของอาจารย์พิภพ เจ้าของวิชาบูรณาการความรู้ความสามารถของนักศึกษาถึงการพาเด็กๆ ออกต่างจังหวัดว่าเป็นไปโดยสวัสดิภาพตลอดระยะเวลาที่คณะกำหนด
 
                         แม่ของธูปมารับอาจารย์พิภพ และแวะส่งผมที่ร้านในช่วงสาย ผมเคยเจอท่านไม่กี่ครั้งแต่จำได้แม่น เจ้าของตาที่ละม้ายกับธูป ส่วนรอยยิ้มธูปขโมยมาจากอาจารย์พิภพ มีเพียงบุคลิกส่วนตัวเท่านั้นที่แปลกแยกเท่านั้นซึ่งไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน แต่เป็นเอกลักษณ์จนผมไม่อาจหลุดพ้นจากวังวนว้าวุ่นใจได้เลยสักนาที
 
                    “อ้าว มายังไงน่ะ”

                    ผมแบกเป้เดินทางเข้าร้าน ยกมือขึ้นไว้พี่นันต์ ไอ้มาร์คนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เท้าคางมองผมก่อนเบนไปที่โต๊ะประจำ ไอ้ธูปเงยหน้าขึ้นจากโปสการ์ด หน้าแดงก่ำ

                    “อาจารย์พิภพแวะมาส่งครับ”

                    “ไปดูทะเลหมอกมาเหรอ” ผมเลิกคิ้ว มองคนถาม พี่นันต์ยักไหล่ “กำลังเดาอยู่น่ะว่าใครส่งโปสการ์ดมาให้ไอ้ธูป เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”

                     ผมมองกลับไปหาคนที่ยังไม่ทันทักอีกครั้ง เสียงเก้าอี้ลากครืดดังขึ้น ก่อนธูปจะไปอุ้มเอาบีนแบคขึ้นชั้นสองของร้านไปโดยไม่พูดสักคำ
                   ผมแสร้งหาว ลืมไปสนิทว่าพี่นันต์อาจเป็นคนรับจดหมายแล้วเดาได้ว่าเจ้าของโปสการ์ดที่ว่าเป็นใคร
                    ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การส่งโปสการ์ด แต่เป็นเนื้อความสั้นๆ ซึ่งไม่ควรเป็นเนื้อหาที่ผู้ชายส่งหากันต่างหาก
                   Miss you so bad
                    คำสั้นๆ แต่สื่อความหมายถึงทุกอย่าง ผมมั่นใจว่าธูปจะได้รับมันล่วงหน้า อย่างน้อยก่อนผมที่เดินทางด้วยรถตู้หวานเย็น อย่างน้อยก็เพื่อชดเชยความผิดที่ไม่ได้โทรบอกเจ้าตัวทันทีที่ถึงปลายทางตามที่ได้สัญญาครั้งสุดท้าย

                    “ป่าวนี่ครับ ไปเที่ยวแต่ในเมืองวันกลับนี่เอง”ผมเฉไฉก่อนหาวซ้ำอีกวอด ขอเข้าไปนอนสักตื่นแล้วผลุบหายเข้าห้องใต้บันไดของตัวเองโดยไม่พูดถึงภาพถ่ายที่ถูกใช้เป็นโปสการ์ดอีกเลย



                    “อืม น่าจะเป็นที่ในตากนั่นแหละ”

                    ผมหลับเป็นตายในวันแรกที่กลับถึงกรุงเทพ ทั้งที่อยากคุยกับธูปแต่สถานการณ์ไม่อำนวย มาร์คไปส่งธูปที่บ้านหลังปิดร้าน เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กหนุ่มก็มาที่ร้านใหม่พร้อมอาจารย์พิภพ พี่นันต์กับมาร์คยังคาใจเรื่องโปสการ์ด แม้ธูปเก็บมิดชิด แต่ไอ้มาร์คก็หยิบโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปเอาไว้มาถามเจ้าของร้านที่เป็นคนให้ภาพนั้นผมมากับมือเสียก่อน

                    “แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน ไม่ใช่ภาพไว้ทำโปสการ์ดเสียด้วย ข้างหลังยังเป็นชื่อฟิล์มที่ล้างอัดมาอยู่เลย” พี่นันต์จี้ถาม ไอ้มาร์คไม่ไวพอจะถ่ายเนื้อหาด้านหลัง นับเป็นแต้มบุญอันน้อยนิดที่ผมเหลืออยู่ก็ว่าได้

                    “นอกจากไม่มีใครไปที่นั่นแล้วก็ยังไม่มีใครมีเวลาเอารูปไปอัดด้วย ที่อยู่น่ะห่างจากตัวเมืองออกมาอีก สัญญาณโทรศัพท์ยังไม่มีเลย” อาจารย์พิภพว่า เจ้าของประเด็นนั่งหน้าหงิกห่างออกไป จงใจไม่ร่วมวงสนทนาราวกับอยากให้เรื่องนี้ถูกลืมไปเสียที

                    “ผมนึกว่ามังกรจะส่งมาหาธูปเสียอีก” มาร์คเลื้อยตัวไปบนเคาน์เตอร์ ก่อนถูกพี่นันต์ตีหน้าผากให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ มันคลำหัวป้อยๆ แล้วเรียกเจ้าของเรื่องมานั่งด้วย “มึงไม่สงสัยใครบ้างเหรอธูป”

                    “ไม่” ธูปตอบฉะฉาน ไม่เงยหน้าจากเท็กซ์บุ๊คเล่มหนาเลยสักนิด “ไม่เห็นอยากรู้เลยว่าใคร เลิกสนใจเหอะน่า”

                    “ไม่อยากรู้หรือรู้อยู่แล้วว่าใคร” พี่นันต์ยังคงไม่หยุด ไอ้ธูปเงียบ ไม่เถียง ส่วนผมก็ลอยตัวไม่สบตาใคร ตั้งหน้าตั้งตาทำรายงานของอาจารย์พิภพจะได้กลับไปทำธีสิสของตัวเองต่อ แต่ไม่วายโดนดึงเข้าร่วมวงสนทนาอยู่ดี “แล้วไอ้นั่นไม่มาคุยด้วยกันหน่อยเหรอ ไม่อยู่ตั้งหลายวัน ไม่มีอะไรเล่าเลยหรือไง”

                    “งานเยอะมากเลยพี่” ผมตอบ พอดีกับมีลูกค้าเข้า ทุกคนหันไปต้อนรับพร้อมเพรียงกัน

                    “หนูเอาขนมมาฝากค่ะ”

                    เสียงนั้นทำให้ผมเงยหน้า เด็กสาวชั้นปีที่สามจากทริปเมื่อสองวันก่อนโบกมือ ยกถุงกระดาษขึ้นโชว์ แต่มุ่งหน้าไปหาอาจารย์

                    “อาจารย์กลับมาถึงเมื่อวานใช่ไหมคะ”

                    “อ้อ ใช่ นี่ที่ว่าจะมาดูที่ร้านสินะ”

                    “ค่ะ คุณแม่อยากทำขนมมาขอบคุณอาจารย์ด้วย หนูเลยถือโอกาสเอามาให้ที่นี่เลยดีกว่า”

                    “คุณแม่ทำเองเลยเหรอ”

                    “ใช่ค่ะ เอามาเยอะเลย น่าจะพอทานกันทุกคน” หญิงสาวยิ้มกว้าง หันไปทักธูปที่เงยหน้าขึ้นพอดี “น้องธูปเต็มที่เลยนะ พี่ก้องบอกน้องธูปกินเก่ง”

                    เจ้าของชื่อเหลือบมองผม ก่อนขอบคุณคนให้เบาๆ วันนี้โบว์มัดผมที่สั้นอยู่แล้วให้เหลือสั้นแค่หางอึ่ง ติดกิ๊บเก็บผมที่เหลือไม่ให้ผมร่วงลงมา สวมยีนขายาวกับผ้าใบ แต่แต่งหน้าอ่อนๆ ยอมรับว่าน่ารักกว่าที่ค่าย น่ารักฉิบหาย

                    “พี่ก้องยุ่งอยู่หรือเปล่า นั่งด้วยสิ”

                    มองพิจารณาไม่ทันไรก็ก้าวมาถึงตัว ผมขยับเก้าอี้ ยืดอกขึ้นเล็กน้อย

                    “เปล่าค่ะ นั่งเลยๆ”

                    ด้านหลังพี่นันต์หรี่ตามอง มาร์คเองก็ด้วย ส่วนอาจารย์พิภพแยกเอาของฝากไปแช่ตู้เย็น ก่อนสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ธูปสบตากับผมแล้วมองคนมาใหม่ด้วยแววตาที่ยากจะตีความให้เข้าใจ

                    “ที่จริงโบว์ว่าจะไลน์มาถามก่อนว่าสะดวกไหม แต่คุณแม่ทำขนมแล้วเลยคิดว่างั้นเข้ามาเลยดีกว่า”

                    “โบว์ช่วยคุณแม่ทำหรือเปล่า พี่จะได้ไม่กิน กลัวท้องเสีย”

                    “พี่ก้อง” เด็กสาวทำเสียงดุ “อย่าให้รู้นะว่ากวาดคนเดียวไม่แบ่งใคร”

                    “ไปบอกคนโน้นดีกว่า พี่น่ะสิจะกินไม่ทัน”

                    พยักเพยิดไปหาเด็กที่หน้าบึ้งตึงข้างหลัง โบว์หันไปยิ้มให้แล้วหันกลับมา “ถ้าเป็นน้องธูปล่ะก็โบว์อนุญาตให้หม่ำหมดเลย ถ้าชอบบอกได้น้า ตัวเล็ก”

                    ผมขำคิกกับคำว่าตัวเล็กที่โบว์ใช้เรียกธูปเพราะเจ้าตัวตัวเล็กกว่าเด็กหนุ่มมาก คลาดสายตาไอ้ตัวการก็ยกนิ้วกลางกลับมา เดาว่าส่งให้ผมที่หัวเราะร่วนมากกว่าหญิงสาว
                    ธูปพับหนังสือ ลากบีนแบคขึ้นชั้นสอง
                    ท่าทางผมคงถูกโกรธเข้าแล้วจริงๆ

 
                  “อย่าเพิ่งกลับสิ อยู่คุยกันก่อน”

                       หลังจากแขกหน้าใหม่กลับแล้วยังไม่มีทีท่าของเด็กหนุ่มผู้หนีหายผมก็ตามขึ้นมาชั้นสอง ความเงียบงันทำให้ต้องจรดจ่อที่ประตูน้ำแน่นิ่งกระทั้งเปิดออกก็รีบก้าวขวางทางไว้ ข้างล่างกำลังเก็บร้าน ผมหนีงานตามขึ้นมาเมื่อเด็กหนุ่มชะโงกหน้าลงบอกพ่อว่าจะกลับไปนอนที่บ้านด้วย ธูปไม่โต้ตอบ เบี่ยงตัวหนี ผมก็ยื่นแขนกั้นไว้ไม่ให้หลบไปง่ายๆ

                         “ผมไม่อยากคุยกับพี่”

                         “เดี๋ยวดิ โกรธอะไร”

                         “เปล่า” เด็กปากแข็ง เด็กเลี้ยงแกะ ตั้งแต่กลับมายังไม่มองหน้าให้เต็มตาเลยด้วยซ้ำ

                         “ถ้าเป็นพิน็อคคิโอ้ป่านนี้จมูกยาวไปถึงดวงจันทร์แล้ว” ว่าพลางหยิกปลายจมูกด้วยข้อนิ้ว ธูปสะบัดหน้าหนี  เดินเลี่ยงไปอีกฝั่ง ผมรีบเท้าแขนอีกข้างกับผนัง กั้นเป็นกรอบไม่ให้หลุดไปได้

                         “พี่มังกร”

                         “ครับ”

                         อะไรกัน ก่อนวางสายยังเป็นธูปคนนั้นคนที่น่ารักๆ อยู่เลย

                         “ผมอารมณ์ไม่ดี”

                         “โปสการ์ดนั่นของกูเอง”

                         “ผมรู้” ด้านหลังเขียนว่า from MK คงเป็นอื่นไม่ได้ นั่นทำให้พี่นันต์กับไอ้มาร์คเค้นขอขาดว่าผมเป็นเจ้าของหรือเปล่า ผิดถนัด เจ้าของของมันคืออาจารย์พิภพที่รับบทไม่รู้ว่าโปสการ์ดนั่นเป็นของตัวเองเพราะไม่เห็นข้อความด้านหลังต่างหาก

                         “แล้วโกรธอะไร ที่ส่งมาที่ร้านเหรอ ขอโทษ ไม่คิดว่าพี่นันต์จะสนใจ”

                         ธูปเม้มปาก พยายามโยกตัวหลบให้พ้นจากอาณัติ ใช้จังหวะเผลอมุดตัวใต้แขนซ้าย ผมเร็วกว่าที่โอบเอวมันไว้ด้วยแขนขวา ดึงมากอดชิดตัว

                         “ดื้อจัง”

                         “อย่ามายุ่ง”

                         “โกรธพี่เรื่องอะไร ถ้าไม่บอกจะอธิบายยังไง”

                         “ไม่ต้องอธิบาย เรื่องของพี่ ไม่เกี่ยวกับผม”

                         “ไม่เกี่ยวได้ยังไงก็ดูซิเนี่ย วันนี้ไม่ให้กลับ”

                         “พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”

                         “แล้วมีสิทธิ์ขอร้องหรือเปล่า”

                         คนอีโก้สูงแบบนี้การบังคับย่อมไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาอยู่แล้ว ผมรู้และเข้าใจได้ เข้าใจแม้กระทั่งการจัดการกับมันอย่างละมุนละม่อมที่สุดด้วยซ้ำ

                         “ธูป อยู่คุยกันหน่อยเถอะ รอเจอมาตั้งหลายวัน”

                         ผมโน้มตัวลง กระซิบที่ข้างแก้ม คนในอ้อมแขนสั่น จิกเล็บกับแขนให้ปล่อยแต่ผมไม่ปล่อย ไม่ปล่อยจนกว่าจะมีโอกาสคุยกัน คุยแล้วไม่รู้เรื่องก็ค่อยว่า แต่ไม่ใช่หนีหน้าโดยไม่ให้ผมอุทธรณ์อะไรเลย

                         “ลงไปบอกอาจารย์นะว่าจะค้างที่นี่”



                         ผมขออีกครั้ง คล้ายเป่ามนตร์ใส่คนในแขน กระซิบเสียงต่ำ แหบแห้ง วางคางลงบนบ่าลาดอย่างละมุนละม่อม ธูปหยุดจิกเล็บที่แขนแล้ว ผมค่อยๆ คลายมือออกเมื่อมั่นใจว่ามันจะไม่ดื้อจนหลุดไปอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2018 00:39:05 โดย -west- »

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.9 MISSING YOU IS TROUBLE (26/09/18)
«ตอบ #183 เมื่อ04-10-2018 23:54:13 »


                             ธูปยอมบอกอาจารย์พิภพว่าจะค้างที่ร้านเพราะพรุ่งนี้เช้าจะออกไปวิ่งกับผม อาจารย์แปลกใจแต่เมื่อพี่นันต์ย้ำว่าพักนี้มันบ้าวิ่งทุกเย็นก็ยอมให้อยู่ ผมช่วยยืนยันอีกเสียงว่าพักนี้พากันออกไปวิ่งบ่อยเพราะอยากลงแข่งมาราธอน ธูปพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาราธอนคืออะไร

                         ประตูร้านปิดลง ไฟด้านในเหลือเพียงไปสีสมประหยัดแสง ธูปนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ ทั้งร้านว่างเปล่า เป็นระเบียบ เราไม่ค่อยอยู่ด้วยกันแบบนี้นักเพราะส่วนใหญ่แล้วหลังร้านปิดก็จะออกไปหาอะไรกิน หรือไม่ก็ขลุกตัวอยู่ในห้องใต้บันได นอนอาบแสงที่ทำให้เกิดมะเร็งจากดาวเรืองแสง พูดคุยสัพเพเหระ ทำลายความเหงาที่เป็นเพื่อนสนิทและแทนที่ด้วยความคุ้นชินของอะไรบางอย่าง

                         ธูปเคยบอกว่าชอบดูดาว พยายามติดดาวเรืองแสงนี้ให้เป็นรูปดาวคันไถ แต่ผมดูยังไงก็ไม่ใช่ อาจเพราะองศาของเพดาน ไม่ก็เหตุผลของดาวปลอมที่อยู่ใกล้มือเกินไป ถ้ามีโอกาสจะพามันไปดูดาวที่ท้องฟ้าจำลอง แต่เจ้าตัวว่าไปจนเจนพื้นที่ อยากออกไปดูดาวบนหน้าผา หรือต่างจังหวัดมากกว่า

                         “เป็นไงบ้าง ช่วงที่ไม่อยู่”

                         ผมถาม เด็กหนุ่มนอนเอาแก้มแนบเคาน์เตอร์ นั่งบนเก้าอี้ทรงสูง หลังงองุ้ม เตะขาไปมา

                         “ยังอารมณ์ไม่ดีอีกเหรอ”

                         “อือ อย่าเข้ามาใกล้” ธูปขู่ มันชี้กล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ใกล้ที่สุด “พี่นันต์สงสัยจะแย่แล้ว”

                         “สงสัยว่าไง”

                         “ก็ผมกับพี่”

                         ผมไม่แน่ใจว่าพี่นันต์สงสัยจริงๆ หรือมีคนสันหลังหวะ แต่ยอมฟังคำเตือนไม่ว่าเหตุผลคืออะไร ไม่ขยับตัวเข้ากอดรัดแม้อยากฟัดเจ้านี่ให้สมคิดถึง บนนั่งเก้าอี้ตัวถัดจากมันหนึ่งตัว อาศัยวางมือใกล้กับปลายนิ้วอีกฝ่ายในระยะที่สัมผัสถึงไออุ่นจากอุณหภูมิร่างกายของกันและกัน

                         “แล้วมีใครสงสัยอะไรอีกไหม”

                         “ผม” ธูปตอบ มันมองหน้าผม ดวงตาสีดำจ้องแน่นิ่ง ไม่ไหวติงราวกับรีดเร้นเค้นคำตอบ “พี่ชอบพี่โบว์เหรอ”

                         “ก็ชอบ โบว์เป็นคนขยัน เรียนเก่ง น่ารักด้วย คุยเก่งแต่มีมารยาท ทำไม”

                         “เปล่า ก็ดี” มันว่า เสียงเบาลง “เข้าใจแล้วว่าที่อกว่าคุณกานดาไม่ใช่สเป๊กเพราะแบบนี้ ชอบผู้หญิงทะมัดทะแมง”

                         “คุณกานดาก็ชอบ น่าสนใจดี ลูกคนรวยที่ยอมทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มากนัก”

                         “ชอบไปหมดเลยหรือไง หรือแค่เป็นผู้หญิงก็ชอบแล้ว”

                         “อยู่ที่ว่าชอบแบบไหน”

                         “อย่ามาเล่นลิ้นกับผมพี่โบว์ก็น่ารักดี๊ ผมเคยคุยด้วยครั้งนึง” ธูปกลอกตาไปมา ทำหน้าเซ็ง เสี้ยงสูงประชดประชัน “ก็น่าจะเข้ากับพี่ได้ สนใจอะไรเหมือนๆ กัน”

                         “คิดอะไรอยู่”

                         “ไม่ได้คิด”

                         “ไม่มีหรอกที่จะไม่คิด มีแค่คิดแล้วไม่อยากให้คนอื่นรู้” ผมตอบ เอามือลูบหัวธูป ถ้าใครดูกล้องก็คงไม่รู้สึกแปลก เหมือนแค่พี่น้องธรรมดาๆ เท่านั้น

                         “หึงเหรอ”

                         “เปล่า”

                         “เข้าไปในห้องกัน” ผมชวน ไอ้ธูปรู้ว่าหมายถึงอะไร มันขยับตัวหนีเล็กน้อย “ยังไม่ง่วง ว่าจะอ่านหนังสือต่ออีกหน่อย”

                         “ไม่งั้นจะหอมตรงนี้นะ ขอชื่นใจหน่อย”

                         เด็กหนุ่มยืดตัวตรง เขม็งตามองมาทางผม ท่าทางไม่ชอบใจ “ทำไมเอาแต่ใจงี้”

                         “มึงพูดไม่รู้เรื่องไง”

                         “พี่เลิกทำแบบนี้กับผมได้แล้ว พี่บอกเองว่าพี่น้องเขาไม่จูบกัน ไม่กอดกัน พี่จะทำแบบนี้ทั้งที่สนใจพี่โบว์อะนะ พี่แม่งทุเรศที่สุดเลยว่ะ”

                         เป็นประโยคยืดยาวแรกนับตั้งแต่กลับออกมาจากป่าแล้วมันยอมพูด ธูปดาแดง น้ำตาคลอแต่ไม่หยด ขาเล็กกระโดดยืนจากเก้าอี้ทรงสูงมายังพื้น ตั้งใจเดินหนีผมก็เดินดัก เห็นทีทนไม่ไหวเด็กหนุ่มเลยใช้กำปั้นทุบบนอกผมเข้าให้

                         “อย่ามากวนนะ!”

                         “กูกวนอะไร ธูป กูคิดกับโบว์แค่รุ่นน้องคนนึงในคณะ รุ่นน้องที่เก่งมากๆ”

                         “ถึงขั้นไหนกันแล้วอะถึงตามจากค่ายมาถึงนี่ ทั้งที่บอกว่าจะบอกผมว่าถึงเมื่อไหร่แต่ก็เงียบไปเลย มีความสุขจนลืมว่ารับปากอะไรไปเลยใช่ไหม แน่สิ ผู้หญิงมันต่างกับมือของผู้ชาย ทำไมผมจะไม่รู้วะ”

                          “ใจเย็นๆ หน่อยสิ! ฟังกันบ้าง”

                         “พี่ก็พูดความจริงดิ จะกั๊กผมไว้ทำไมอะ”

                         “ไม่ได้กั๊ก” ไอ้นี่ ไม่คิดมาก่อนว่าเป็นคนช่างจินตนาการขนาดนี้ “คนที่กูชอบแบบนั้น อยากมีอนาคตด้วย อยากมีอะไรด้วยคือมึง ธูป! ถ้าถามว่าโบว์เป็นใครก็บอกไปแล้วว่าเป็นแค่รุ่นน้อง กูไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งเลย ตัวก็ไม่ได้แตะด้วยซ้ำ”

                         “แต่เขาชอบพี่”

                         “ก็กูชอบมึงอะ”

                         ผมพูดออกไปแล้ว ความรู้สึกที่มี ที่แสดงออกแต่เลี่ยงการใช้คำพูดมาตลอด ผมกลัวว่าธูปไม่ยอมรับตัวเองแล้วจะพานไม่ยอมรับตัวตนของผมขึ้นมาด้วย ตัวตนที่รู้สึกว่าตัวเองน่ารักขึ้นเมื่อมีธูปคอยอยู่ใกล้ๆ

                         “แล้วมึงอะ คิดอะไรกับกู บอกได้รึยัง ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ถ้ากูขอบโบว์ขึ้นมาจริงๆ

                         “ผมไม่ได้โกรธ” ยังคงปากแข็ง ผมรอมห้ธูปพิจารณาคำตอบอีกทีอย่างใจเย็น

                          “…”


                         “ผมคิดถึงพี่”
                    ท่ามกลางความเงียบ เสียงสุดท้ายก็ดังแผ่วแว่วมาก ผมรวบแขนทั้งสองของเด็กหนุ่มเข้าหา ธูปยอมให้ผมกอด ไม่มีท่าทีขึงขังแม้เราสองคนจะยืนอยู่ในพื้นที่ล่อแหลมของการจับตามองจากกล้องวงจรปิดก็ตาม

                         ระหว่างผม กับการแสดงออกของมัน ไม่อาจตีความไปทางอื่นได้อีกแล้ว

                         “ธูป ถ้าโบว์ถามว่ากูกับมึงเป็นอะไรกัน อยากให้ตอบยังไง”

                         ธูปขยำมือกับเสื้อของผม ดึงแน่นแม้จะถูกรวบไว้อย่างมั่นคง ผมใช้คางกดหัวให้หน้าผากมันซบลงบนอก เด็กหนุ่มส่ายหัวไปมา แต่ยิ่งกำเสื้อไว้แน่น

                         “ผมไม่รู้”

                         “ไม่เป็นไร ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปก็ได้”

                         เพราะความรู้สึกตอนนี้ของธูป มันซับซ้อนยิ่งกว่าสูตรคำนวณของวิชาไหนจะเอามาพิสูจน์ได้เหมือนเคย
               


                         แสงดาวจำลองในห้องใต้หลังคาหม่นแสงลง เสียงไอโขลกดังขึ้นเบาๆ ในพื้นที่ซึงระงมด้วยเสียงลมหายใจ เงามืดที่เข้มจัดชัดอยู่กึ่งกลางขา  ผมแทรกมือผ่านเส้นผม ปัดหน้าม้าให้เงยขึ้นเหนือหน้าผากซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อ ฟุ้งด้วยฟีโรโมนของผู้ชาย ผมค่อยๆ ดึงตัวออกแล้วสอดสะโพกกลับเข้าชิด ธูปไอโขลกอีกครั้ง แต่พยายามเปิดปากให้กว้าง ผมเกร็งหน้าขา ยังคงดันสะโพกไปด้านหน้าด้วยความพยายาม

                         “ไหวไหม”

                         กระซิบถาม ใช้นิ้วคลึงพวงแก้ม มีเพียงเสียงอู้อี้ตอบกลับมา การสั่นสะเทือนนี้แทบทำให้ผมแตกสลาย ผละตัวถอยก่อนเด็กหนุ่มจะคลานตามมา

                         “พี่ชอบเหรอ”

                         ธูปเลียริมฝีปาก ขณะที่ผมจับร่างกายที่แข็งเกร็งของตัวเองไว้ แว่นของเด็กหนุ่มกระเด็นไปไกลตา หลังจากที่สอนมันด้วยการใช้ปากแล้วธูปก็เรียนรู้รวดเร็ว ไม่เงอะงะเหมือนแรกสัมผัสร่างกายผมด้วยซ้ำ

                         “ให้ผมทำต่อให้เสร็จสิ”

                         “เดี๋ยวก่อน”
                          ผมพยายามคลายร่างกายตัวเองให้เครียดน้อยลง อาจเป็นเพราะระยะเวลาที่ห่างไปหลายวันทำให้ต้องการที่มีต่อตัวเด็กหนุ่มพุ่งทะยาน ด้านนอกฝนตก ช่วงนี้มีพายุเข้า ได้ยินจากเสียงเม็ดฝนหนักๆกระทบสังกะสีด้านนอก ผมแกล้งธูปก่อน รังแกด้วยการแตะโน่นจับนี่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ก่อนกึ่งอุ้มกึ่งลากมันเข้าห้อง ประเดิมด้วยการจับเด็กหนุ่มถอดกางเกง ใช้มือสัมผัสจนตื่นตัวพลางนำเสนอเคล็ดลับที่ทำให้มันต้องร้องขอชีวิต

                         ใช่ มันแทบร้องขอชีวิต กัดหลังมือจนเป็นแผลแดง เป็นครั้งแรกที่ผมใช้ปากกับเพศเดียวกัน แต่กลับไม่นึกรังเกียจแม้แต่น้อยเมื่ออีกฝ่ายเป็นธูป ชอบอกชอบใจด้วยซ้ำเมื่อใช้เวลาจัดการไม่ถึงห้านาทีธูปก็หลั่ง หลอมละลายออกมาล้นทะลัก ยอมรับโดยไม่มีข้อแม้ว่าระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ได้จัดการกับตัวเองแม้แต่น้อย

                         ธูปเป็นคนความต้องการต่ำกว่ามาตรฐานเด็กชายทั่วไป ถึงแม้จะไม่มีเกณฑ์กำหนด ลักษณะของการเกิดอารมณ์เป็นไปตามความหมกมุ่นและสิ่งเร้าแต่อย่างน้อยในหนึ่งสัปดาห์ผมจะหาวิธีปลดปล่อยบ้าง แม้แต่ช่วงที่ไปฟิลด์ทริปก็ยังมีทำตอนอาบน้ำโดยใช้หน้าธูปตอนเหงื่อโทรมกายเป็นเครื่องมือ เมื่อภาพฝันปรากฏอยู่ตรงหน้าก็อยากจัดการอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ

                         ยิ่งเมื่อคำว่าคิดถึงหลุดออกมา ผมยิ่งปรารถนาให้รางวัลจนมันทนไม่ไหว ติดตรงที่ประมาทไปหน่อยเพราะเมื่อมันมีแรงขยับลุก เจ้าเด็กนี่ก็พลิกตัวใช้ความรู้ที่รับมาใหม่ๆ จัดการเบ็ดเสร็จโดยไม่ต้องร้องขอ เรียวลิ้นร้อน ความฉ่ำวาวรอบริมฝีปาก รวมทั้งการพยายามใช้คอเพื่อกัดกลืนผมให้หายไปราวถูกดูดวิญญาณ

                         ผมดึงธูปมาจูบ ปากช้ำๆ ของมันนุ่มกว่าเดิม ความฉ่ำแฉะทำให้ไม่อยากผละหนี แต่เด็กหนุ่มบนหน้าตักยังไม่สาแก่ใจ ผลักอกผมออกคอยเอาแต่เลื้อยต่ำ ท้ายที่สุดผมก็ปล่อยให้ธูปทำตามใจ แยกขาออกกว้าง กดศีรษะมันลงและยกขึ้นแทนคำแนะนำ

                         “ธูป หันสะโพกมาทางนี้”

                         “หือ?”

                         “เชื่อกู” ผมพูดสลับหอบ เด็กหนุ่มเงอะงะเมื่อถูกพลิกตัวให้คร่อมขาบนหน้า ร่างกายของมันยังคงปฏิกิริยาทั้งที่ผมไม่ได้เล้าโลมอีก สังเกตเห็นอาการเกร็งตัวมักเกิดขึ้นเมื่อมันก้มลงไปจนจมูกแตะหว่างขาผม ส่วนปลายที่อ่อนปวกเปียกมีน้ำสีใสเหนียวข้นเคลือบอยู่ ผมแตะปลายลิ้นก่อน และเขมือบมันเข้าริมฝีปากอีกครั้งเพื่อทำให้เด็กหนุ่มเข่าอ่อนลง

                         “ดะ...เดี๋ยวสิ ไม่ใช่!”

                         “ทำไป” ผมขยับสะโพก ออกคำสั่ง ใช้มือจับต้นขาขาวให้ขยับแยก จากมุมนี้นอกจากจะใช้ปากได้ถนัดแล้วยังเห็นร่างกายที่ซ่อนเร้นไม่ยอมให้แตะต้องโดยง่ายอย่างดี ช่องทางอ่อนนุ่มเป็นร่องจีบ สีชมพูอ่อน การสูบฉีดเลือดจากหัวใจส่งผลให้เห็นชีพจรเต้นเบาๆ ด้วยสายตา ธูปตั้งหน้าตั้งตาใช้ปากราวกับจะบดขยี้ให้ผมยอมแพ้ ทุกวิธีการที่นึกออก กระพุ้งแก้ม ใต้ลิ้น หรือแม้แต่การใช้ลมหายใจร้อนเป่าพัดเพื่อกระตุ้น

                         ความปรารถนาผมใกล้ถึงปลายทาง ละออกจากร่างกายของมันยิ่งทำให้ธูปได้ใจว่าเป็นฝ่ายชนะ ใช้มือนุ่มจับฐาน โยกศีรษะขันแข็ง เมื่อเห็นจุดหมายรำไรผมก็จับเนินเนื้อเหนือหน้าให้แยกออก แตะปลายลิ้นลงช่องหลืบสีอุ่น แทรกลิ้นเข้าไปเท่าที่ความแข็งแรงจะอำนวย ดูดกลืนและโลมเลียจนเด็กหนุ่มเข่าอ่อน ผมปลดปล่อยในช่องปาก ไม่มีเสียงกรีดร้องประท้วง หากแต่คำราม ธูปคำรามเสียงต่ำซ่าน สะโพกดิ้นร่านหลบการแตะต้อง เมื่อชุ่มแฉะจนได้ใจก็จัดการสอดปลายนิ้วเข้าไปทีละนิด แรงบีบรัดทำให้ผมจินตนาการถึงการมีมันโอบล้อมผมไว้ กอดแน่นจนไม่เหลือพื้นที่หายใจ ผมขยายมันออกด้วยการดันปลายนิ้วเข้าลึกธูปก็ปล่อยออกมาเป็นครั้งที่สอง และแข็งตัวขึ้นใหม่เมื่อผมงอนิ้วแค่เพียงเล็กน้อย

                         “ไม่...พี่มังกร....ไม่เอา”

                         เสียงนั้นกระเส่า ร้องขอ ผมขยับตัวลุกมาทาบทับแผ่นหลังของอีกฝ่าย กัดกินบ่าขาวด้วยคมฟัน สูดดมกลิ่นหอมด้วยจมูก และยังคงพยายามแทรกนิ้วลงลึก ขณะเดียวกันก็ใช้ส่วนอ่อนไหวเสียดสีเพื่อปลูกอารมณ์ตัวเองอีกครั้ง

                         “ธูป นอนกับกูนะ”

                         “ก็...นอนแล้วไง”

                         “ไม่ใช่แบบนี้” เด็กโง่ มันเหมือนกันที่ไหนเล่า “ให้กูเข้าไปอยู่ในตัวมึง”

                         “มะ...ไม่เอา เจ็บ”

                         “ธูป...” ผมครางถาม ยังไม่ละความพยายาม ร่างกายเริ่มเกิดความปรารถนาอีกครั้ง พยายามแทรกส่วนหัวเข้าไปโดยยกขาข้างหนึ่งของธูปขึ้นและล็อกไว้ด้วยกำลัง

                         “รังเกียจพี่เหรอ” ถ้อยคำที่ผมมักใช้ในการหลอกล่อให้คู่นอนใจอ่อน ผมจูบธูปอีกครั้ง นิ่วหน้าลงเมื่อบางส่วนเริ่มแทรกตัวเข้าไปได้จริง “พี่รักเรานะ”

                         “ไม่..ใช่! แบบนี้มันไม่ใช่รักนะพี่มังกร!”

                         เสียงทุ้มนั้นสั่น แต่หนักแน่น ผมได้สติมาอีกครั้ง เห็นธูปจิกกำหมอนไว้แน่น ซุกเสี้ยวหน้าลงบนผืนผ้าที่ยู่ย่น ร่างกายเรายับเยิน ประดับด้วยเหงื่อไคลและน้ำคาว แต่ที่บีบหัวใจที่สุดคือน้ำตา

                         “ธูป...”

                         “ผมไม่ได้รักพี่แบบนั้น”

                         มันพูดกระชับ พลิกตัวหนี ชั่วจังหวะนั้นที่ความสุขทั้งหมดกลายเป็นศูนย์ อารมณ์ของคนเราแปรเปลี่ยนได้เพียงชั่ววินาทีผ่าน ธูปสูดหายใจ มันคลานไปหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายของตัวเองขึ้นมา

                         “ผมไม่ได้รู้สึกกับพี่แบบที่พี่รู้สึกกับผม”

                         “แต่มึงบอกว่ามึงก็คิดถึงกู แล้วมึงยังหึงเรื่องโบว์...”

                         “ผมแค่คิดถึงไม่ได้หมายความว่าผมอยากเป็นเมียพี่สักหน่อย!”

                         เด็กหนุ่มค้อนขวับ หยิบแว่นขึ้นมาสวม หน้าบึ้งตึง “จริงของพี่ พี่น้องผู้ขายไม่จูบกัน ผมลองขอพี่นันต์จูบแล้ว เขาก็ไม่จูบกับผม แต่ผมไม่ได้คิดกับพี่แบบนั้นแน่ๆ เราอาจจะเป็นแค่ผู้ช่วยที่ดีของกันและกันเท่านั้นก็ได้”

                         มันตอบพลางโขยกเขยกไปหยิบกระเป๋า ไม่ลังเลว่าจะล้างตัวก่อนเลยด้วยซ้ำ ผมรีบคว้าเสื้อกับกางเกงขึ้นสวมเมื่อเด็กหนุ่มเปิดประตู จับข้อมือไว้แต่โดนสะบัดออก

                         “จะไปไหนมันดึกแล้ว”

                         “ไปที่ที่ปลอดภัยกว่าที่นี่”

                         สายตาของธูปกำลังบอกว่าการอยู่กับผมคือความอันตรายอย่างที่สุด ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างมันกับผม ใครควรจะผิดหวังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่ากัน

                         ความเงียบที่เป็นเงียบจริงๆ ก่อตัวอย่างเจ็บปวด รู้สึกเหมือนถูกเข็มที่เล็กที่สุดจิ้มแทรกตั้งแต่หน้าขูดครากลงมาจนถึงปลายเท้า แหลกสลายเป็นเม็ดละเอียด เวิ้งว้างยิ่งกว่ายานอวกาศที่ระเบิดตัวกลางจักรวาลอย่างโดดเดี่ยว และเคว้งคว้างกว่าครั้งไหน

                         เสียงประตูปิดปัง ยกมือขึ้นลูบหน้าราวกับเมื่อครู่คือภาพที่ฝันไป
                         มันช่าง...รวดเร็ว และรุนแรงต่อจิตใจเหลือเกิน






____________

ขอโทษที่มาช้าค่ะ เมื่อวานมีเรื่องนิดหน่อย อันนี้อัพในไอแพด อาจจะย่อหน้าไม่ค่อยตรงกันขอโทษน้าา 
ตอนนี้พี่มังกือเสียใจมาก ถูกทิ้งไว้กลางทาง
ขอเวลาน้องเรียนรู้หัวใจตัวเองหน่อยเนาะ อิอิ

ออฟไลน์ KOWPOON

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #184 เมื่อ05-10-2018 00:27:34 »

เป็นความรู้สึกแบบเดินๆอยู่ก็ตกหลุม    โถ่พี่มังกร 

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #185 เมื่อ05-10-2018 00:34:35 »

พี่ใจเย็นๆสิ ให้เวลาน้องหน่อย รุกเร็วเกินไปละ เด็กกลัวหมด  :katai1:

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #186 เมื่อ05-10-2018 01:46:51 »

หน่วงเลยเจองี้
มันคงเร็วไปจริงๆ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #187 เมื่อ05-10-2018 02:22:48 »

อ้าววว ธูป ไม่ได้คิดเหมือนกันหรอกเหรอ ฮือออ เจ็บอ่ะ

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #188 เมื่อ05-10-2018 04:43:23 »

พี่มังกืออออ ผลของความแหวกหญ้าให้งูตื่น ด่วนได้ใจเร็วไปหน่อย ก็เข้าใจแหละว่าเพราะความคิดถึงจึงเร่งรีบ...ยั้งใจไม่ได้ แต่จะ "ทะลวง" น้องคงเร็วไปหน่อยนะคะ เห็นไหมล่ะ...น้องกลัว รีบหนีเลย เข้าใจน้องนะคะ แล้วก็เห็นใจพี่มังกือด้วยว่าเหมือนถูกพาบินไปบนฟ้าแล้วปล่อยให้ตกคว้างลงมาโหม่งโลก ตบบ่าพี่มังกืออย่างเข้าใจ

ขอบคุณคุณเวสต์นะคะสำหรับมาม่าถ้วยร้อนๆ นี้ รอถ้วยต่อๆ ไปค่ะ โฮะๆ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #189 เมื่อ05-10-2018 05:07:44 »

น้องกลัวพี่แล้ว หนีเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
« ตอบ #189 เมื่อ: 05-10-2018 05:07:44 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #190 เมื่อ05-10-2018 08:11:20 »

อ้าวน้องธูป ช่างทำกันได้
พี่มังกรกลายเป็นไส้เดือนไปแล้วงานนี้

ออฟไลน์ Sykes

  • ♥ Hope Heals the Heart ♥
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #191 เมื่อ05-10-2018 09:19:42 »

สงสารพี่มังกร ฮืออออออออ  :mew6:
จะร้องไห้แล้ววววววว ตอนนี้น้องมองพี่ว่าพี่ไม่ปลอดภัย แล้วพี่มังกรจะทำยังไงต่อไป  :ling3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #192 เมื่อ05-10-2018 10:51:50 »

โอะโอ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #193 เมื่อ05-10-2018 13:43:35 »

อ้าว!ยังไงๆ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #194 เมื่อ05-10-2018 14:48:13 »

ช็อค..คคคคคคคคคคคคคค !!!!   o22 o22 o22

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #195 เมื่อ05-10-2018 15:55:52 »

เอ้าอกหักเสีบแล้วพี่มังกร จากที่คิดว่าเป็นต่อ

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #196 เมื่อ05-10-2018 19:31:21 »

เอ่อออออ ผู้ช่วยที่ดีของกันและกันเท่านั้น....

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #197 เมื่อ05-10-2018 20:11:31 »

รู้สึกเคว้งไปกับพี่มังกรเลยอ่ะ ฮือออออ

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #198 เมื่อ05-10-2018 21:16:31 »

 :sad4:ทำไมตัดจบเยี่ยงนี้ นี่เจ้ต้องค้างไปอีก1อาทิตย์เชียวนะ

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #199 เมื่อ06-10-2018 00:24:38 »

เอ่ อาจารย์พิภพต้องรู้ดิ รูปที่ตัวเองถ่ายเลยนะ เอาไปล้างกับมือ  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
« ตอบ #199 เมื่อ: 06-10-2018 00:24:38 »





ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #200 เมื่อ06-10-2018 17:14:23 »

มันคาใจ กลับมาอ่านอีกรอบ มันก็ยังค้างคา ทำไมน้องธูปถึงคิดว่าไม่ได้รักพี่มังกร น้องแค่สนุกแต่ไม่อยากผูกพัน จิงอยู่ว่าพี่มันรุกเร็วไป แต่น้องไม่ควรพูดจาทำร้ายใจพี่เยี่ยงนี้...เจ้รับไม่ได้... :sad4:

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #201 เมื่อ06-10-2018 20:48:03 »

พี่มังกรรุกเร็วไปปปป  :serius2:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #202 เมื่อ06-10-2018 21:35:31 »

โอ้โห

หน้าชา มือชา ใจหายแทนพี่มังกรเลย

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #203 เมื่อ06-10-2018 23:41:54 »

พี่มังกรรรอย่าพึ่งใจร้อน เด็กมันยังคิดหนักอยู่
แต่ก็ใจสลายแทนพี่เหมือนกัน เจอแบบนั้น

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #204 เมื่อ07-10-2018 12:38:34 »

กำลังอ่านฟินๆ ล่องลอยอยู่บนอากาศ ตอนจบนี่คือเหมือนโดนสอยร่วงลงดินเลยจ้า
ธูปอาจจะสับสนมากๆจริงๆพี่มังกรก็ค่อนข้างรุกน้องเร็วเกินค่ะ

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #205 เมื่อ08-10-2018 11:36:30 »

ไอ้พี่มังกรคงช็อกไปเลย

บอกคิดถึง อาการเหมือนหึง ยอมให้จับนู้นนี่

เป็นใครก็คิดเปล่าวะ ว่าใจตรงกัน


น้องธูปเอ้ยย

ออฟไลน์ Ain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #206 เมื่อ10-10-2018 14:35:11 »

น้องธูปใจร้ายมากค่ะไม่รักแต่หึงหวง?
 พี่มังกรลองห่างออกมาก่อนเผื่อน้องมันรู้สึกอะไรบ้าง

ออฟไลน์ uchikas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #207 เมื่อ10-10-2018 20:17:17 »

พี่มังกรมันอาจจะเร็วไปรึเปล่า รุกน้องเร็วไป
แต่ๆๆ น้องธูปจะหึงคนที่ตัวเองไม่รักไม่ได้นะคะ
ยิ่งประโยคที่บอกว่า “ผมไม่ได้รู้สึกกับพี่แบบที่พี่รู้สึกกับผม”
จุกแทนเลย
 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #208 เมื่อ10-10-2018 21:44:40 »

มาต่อๆๆๆเร็วๆนะไรท์

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.10 found and lost (04|10|18) p.07
«ตอบ #209 เมื่อ11-10-2018 00:35:58 »

 chapter 11
Let it be


         เจ็บยิ่งกว่าล่มปากอ่าวต่อหน้าดาราเอวี ก็คือช่วงที่กำลังเข้าได้เข้าเข็มแล้วเด็กหนีกลับแบบไม่อธิบายอะไรให้เข้าใจเลยสักอย่าง ผมจัดการห้องใต้บันไดของตัวเองให้สะอาดเรียบร้อย ไม่เหลือร่องรอยหรือหลักฐานใดไว้ ธูปไม่ปรากฎตัวในวันถัดมา มีแค่พี่นันต์ที่ถามหา แต่ผมจงใจไม่ตอบและมุ่งหน้าเข้าโลกของการทำธีสิสแทน
          ไม่รู้ว่าพลาดพลั้งตรงไหน
          หรือผิดตรงที่เข้าใจทุกอย่างรวบรัดไปเอง คิดเองเออเองว่าความต้องการของเราเท่ากัน
          ธูปเป็นคนที่ยากจะเข้าใจ และผมยังคิดว่าการเข้าใจธูปเป็นเรื่องที่ยากเสมอ

          “โห วันนี้หน้าเครียดเชียว”

          เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามขยับครืด เด็กสาวคนคุ้นหน้าทรุดตัวลงนั่งโดยไม่ขออนุญาต แต่ต่อให้ขอ ผมก็ไม่มีทางไม่อนุญาต โบว์มาพร้อมถุงกระดาษ คราวนี้ข้างในเป็นขวดโหลใส่ดาวกระดาษขวดเล็กๆ เป็นดาวที่ทำจากใบอะไรสักอย่างที่แห้งจนเป็นสีเขียวอมน้ำตาล

          “เด็กๆ ทำแล้วส่งมาให้ค่ะ โบว์อยากให้ที่ร้านมากกว่า”

          “หืม? เด็กๆ ที่ค่ายน่ะเหรอ”

          “ช่าย น่ารักเนอะ ตอนแรกคุณครูขอที่อยู่โบว์ไว้ นึกว่าเผื่อมีลืมของ ที่แท้ก็มีเซอร์ไพรส์นี่เอง”

          “เด็กๆ คงชอบโบว์มากเลยนะคะ”

          “ขวัญใจเด็กๆ เลยล่ะ” เด็กสาวไม่มีท่าทีถ่อมตัว แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ โบว์ยังคงคอนเซปต์สาวเท่ คือแต่งตัวทะมัดทะแมงกับเสื้อคลุมยีน ซ่อนรูปร่างที่แท้จริงไว้ด้านใน อนุญาตให้เห็นว่ามีของแค่เนินเนื้อที่ล้นขอบเสื้อสายเดี่ยวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “แหม พี่ก้องก็ใช่ย่อยเถอะ แต่โบว์น่ะเด็กประถม พี่ก้องสาวอุดมศึกษา ติดแจ”

          “จริงเหรอ ไม่เห็นรู้ตัวเลย”

          “ไม่รู้จริงอะ”

          ผมหัวเราะ เหลือบมองหน้าอกคนตรงหน้าอีกครั้งตามสัญชาตญาณ ก่อนละสายตาเมื่อพี่นันต์ยกโกโก้ร้อนของหญิงสาวมาเสิร์ฟ “ขอบคุณค่ะพี่นันต์ โบว์ไปเอาที่เคาน์เตอร์เองก็ได้นะ”

          “ไม่เป็นไรๆ วันนี้คนน้อย จะได้มาทักโบว์ด้วย” พี่นันต์ทักทายลูกค้าอย่างผิดวิสัย คุณกานดายังไม่มา แน่ล่ะ ถ้าคุณกานดามาถึงเมื่อไหร่พี่นันต์จะไม่มีสายตาไว้มองคนอื่นอีกเลย “เมื่อคืนไปที่ร้านมาเหรอ เหมือนพี่เห็นแวบๆ กว่าจะลงเวทีก็ไม่เจอแล้ว”

          “อ๋อ ค่ะ ไปรับเพื่อนน่ะค่ะ”

          “โบว์สูบบุหรี่ด้วยเหรอ” พี่นันต์ถามไม่เข้าท่า ผมเหลือบมองคนถามก่อนหันกลับมายังคู่สนทนา โบว์เอียงคอเล็กน้อย ยิ้มเก้อๆ

          “ก็ไม่บ่อยค่ะ มีบ้างตอนไปดื่ม”

          “เพื่อนที่ไปด้วยกันเพื่อนในมหา’ลัยเหรอครับ”

          “เปล่าหรอกค่ะ พี่นันต์มีอะไรหรือเปล่าคะ”

          “เปล่าครับ” ชายหนุ่มตอบ คุณกานดามาถึงแล้ว แต่เขาไม่ละกลับไปที่เคาน์เตอร์ในทันที “แค่จะบอกว่าโบว์น่าพวกนั้นอันตราย”

          “ก็...ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่นันต์”

          เสียงสุดท้ายของโบว์ตอบก่อนรอยยิ้มจะหุบลง กลายเป็นสีหน้ากังวลครุ่นคิด ไม่สดใสเหมือนภาพที่เคยเห็น

          “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” ผมถาม มองมือที่กำขวดโหลใส่ดาวกระดาษไว้ โบว์ส่ายหน้า ฝืนยิ้มเฝื่อน “มีอะไรโบว์เล่าให้พี่ฟังได้ตลอดนะคะ”
           เด็กสาวยังคงยิ้มเหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยแต่ใหญ่หลวงนั่นคือหยดน้ำตา



 

          สำหรับผมแล้วโบว์ก็เหมือนรุ่นน้องที่เพิ่งมาสนิทได้ไม่นาน ซึ่งคำว่าสนิทก็คือสนิท ไม่ได้มีเวลาเข้ามาเป็นปัจจัยบ่งบอกความใกล้ชิด ผมกับโบว์เคมีตรงกันในระดับที่ว่าถ้าไม่ใช่ธูปแล้วอาจเป็นเธอได้

          กลิ่นของควันบุหรี่ลอยอวล คลุ้งในอากาศ โบว์อัดมันเข้าปอด เลือกที่จะยืนใต้ลมนอกร้าน ส่วนผมม้วนกิ่งก้านของไม้เลื้อยที่งอกออกจากกระถางเข้าพันหลัก รับฟังเรื่องเล่าระหว่างที่รุ่นน้องสูบและหยุดเพื่อถอนหายใจ

          “แล้วโบว์จะทำยังไงต่อ”

          ผมถาม เคารพในการตัดสินใจแก้ปัญหาของแต่ละคน หญิงสาวผ่อนลมหายใจอีกครั้ง มันม้วนตัวออกมาเป็นควันสีเดิมแม้ผ่านการฟอกในปอดมาแล้วหนึ่งรอบ

          “โบว์ก็อยากเลิกติดต่อกับพวกนี้นะ แต่ก็เพื่อนน่ะค่ะ เพื่อนที่เห็นโบว์วันที่โบว์แย่ที่สุด”

          “แต่จะไม่กลับไปใช้มันอีกใช่ไหม” ผมถาม ทั้งหมดนี้หมายถึงกลุ่มเพื่อนที่พี่นันต์ว่าอันตราย เป็นเด็กขี้ยาที่เข้ามามีเรื่องในร้านบ่อยๆ โบว์ไม่ค่อยปรากฏตัวในร้านแบบนี้นัก แต่ก็มีแหล่งมั่วสุมที่ให้ทุกคนไปรวมตัวกันแบบลับเฉพาะ “โบว์รับปากไม่ได้หรอกพี่ โบว์ยังวนเวียนกับพวกนั้น โบว์เคยรู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง แล้วก็ไม่รู้ว่าถ้าวันหนึ่งมีปัญหาขึ้นมาอีกโบว์จะแก้ปัญหาแบบไหน”

          “แม่ไม่รู้ใช่ไหม”

          “ไม่ค่ะ โบว์ไม่อยากให้แม่รู้เรื่องนี้ ที่จริงก็ไม่อยากให้ใครรู้หรอก แต่พี่นันต์น่ะ...”

          “หูตาไวอย่างกับอะไรดี”

          ถ้าเรื่องของผมกับธูปจะโป๊ะแตกขึ้นมารู้ได้เลยว่าเป็นเพราะใคร โบว์หัวเราะ เห็นด้วย แต่ก็เสียใจที่ทำให้ผมเห็นรอยแผลขนาดใหญ่ที่พยายามซุกซ่อน

          “มันไม่เคยหายไปนะคะ เราเคยหลงผิด แต่ต่อให้วันนี้หยุดแล้วก็ยังมีหลักฐาน โบว์รู้ว่ามันเป็นตราบาปที่คนดีๆ อย่างพี่คงไม่อยากรับรู้”

          “คิดอะไรแบบนั้น”

          “ก็เรื่องจริงนี่คะ”

          ในความก๋ากั่น ผมไม่แปลกใจที่โบว์จะหลงผิดไปในบางวัย เด็กสาวที่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็งวันนี้เคยมีปัญหาที่รุนแรง ไม่เห็นทางออก ความเข้มแข็งของแต่ละคนไม่เท่ากัน สำหรับโบว์เวลานั้นมันเกินผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหว

          หลังจากหย่า พ่อแต่งงานใหม่ แม่เลี้ยงทารุณเธอด้วยบุหรี่ เตารีด และยาเสพติด

          “โบว์ฟื้นที่โรงพยาบาลก็เห็นหน้าแม่คนแรก โบว์ไม่เห็นพ่ออีกเลย ตอนนั้นแผลเต็มตัวไปหมด โดยเฉพาะหลังโบว์เปิดให้ดู”

          “เดี๋ยวๆ” ผมห้ามไม่ทัน เด็กสาวถลกเสื้อขึ้น อวดเนื้อที่ตายไปแล้วซึ่งไม่อาจระบุได้ว่าเป็นฤทธิ์ทำลายล้างจากอาวุธหรือสารเคมีชนิดใด “ขนาดนี้เลยเหรอ”

          ผมวางมือบนรอยแผล หรี่ตาลงเมื่อนึกภาพตามว่าเด็กผู้หญิงอายุเท่าโบว์ในตอนนั้นต้องผ่านมันมาลำพัง

          “ทรมานมากเลยพี่ก้อง ที่แย่กว่านั้นคือโบว์ย้ายมาอยู่กับแม่ แต่ยังเลิกยาไม่ได้ สุดท้ายก็เจอเพื่อนกลุ่มนี้ มันเสพนะ แต่ตอนโบว์บอกว่าจะเลิกจริงๆ มันก็ไม่ห้าม แล้วแต่โบว์เลย แต่พวกนี้จะยังใช้ยาต่อไปเรื่อยๆ ต่อหน้าโบว์ด้วย แล้วแต่ว่าโบว์จะเข้มแข็งแค่ไหน”

          “โบว์เข้มแข็งมาก”

          “โบว์รู้ว่าพวกผู้หญิงไม่ชอบโบว์เพราะทำอะไรไม่เป็นกุลสตรี ไม่รู้สิคะ โบว์อาจเป็นคนที่ผิดศีลธรรมในทุกอย่างของคณะเรา แต่โบว์ก็เป็นคนเหมือนกัน”

          ผมครางรับในลำคอ ผู้คนต่างวิจารณ์เรื่องราวมากมายโดยใช้ตัวเองเป็นมาตรฐานตัดสิน ความเจ็บปวดของโบว์ ความโดดเดี่ยวของธูป หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ผมเผชิญต่างเป็นความจริงของโลกที่ถูกซ่อนไว้ เรานำเสนอกันแต่แง่งามที่ดี ที่ควรชื่นชม เราไม่เคยพอใจในตัวเองเมื่อเทียบกับความสำเร็จของคนอื่น และเมื่อนั้นหากใครพลาดพลั้งก็พร้อมจะเหยียบย่ำซ้ำเติมเพื่อยกระดับความดีงามของตัวเองให้สูงขึ้น ในฐานะผู้พิพากษาก็ยังดี

          “พี่ไม่ได้บอกว่าวิธีที่โบว์ทำจะถูกนะ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้โบว์ได้เรียนรู้”

          “พี่ก้องมองโลกบวกจัง”

          “ไม่บวกหรอก ก็คนธรรมดา” คนที่ยังโกรธพ่อตัวเองแต่ต้องแสร้งทำเป็นยินดี เป็นผู้ชายที่เมื่อเลือดไหลลงที่ต่ำแล้วก็อยากขืนใจคนที่ชอบให้จบๆ ไปเพื่อครอบครองอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์

          ผมยื้อบุหรี่มาจากมือของโบว์ ดูดอัดเข้าปอดบ้าง

          “พี่ก้องดูดเป็นด้วย?”

          ผมยกมือขึ้นบัง ไม่ให้ลมพัดเข้ามา ทำควันเป็นรูปวงกลมโดนัท ซ้อนกันหลายขนาด

          “โห อย่างเซียนเลยอะ”

          “ถ้ามีคนบอกพี่ว่าบุหรี่ไม่ดี พี่ไม่เถียงนะ มันทำลายสุขภาพ แต่คนเรามีเรื่องไม่ดีในชีวิตบ้างก็ได้ มีกันทุกคนแหละ แค่ยอมรับมันก่อน จะแก้หรือไม่ก็ค่อยว่ากัน”

          แสงอาทิตย์ยามบ่ายอ่อนลง สีส้มของมันไล้ไปตามตึก หน้าตาตึกสูงจากที่เป็นสีขาวกลายเป็นสีนวลอ่อน กระจกสูงเสียดฟ้าเคยเป็นสีฟ้ากลายเป็นอมเขียว พระอาทิตย์เตรียมตัวขนของกลับบ้าน ผมใช้เวลาทั้งวันในการคุยเรื่องของโบว์ อดีตของโบว์ และอยากให้โบว์หลุดพ้นจากโซ่ตรวนที่ผูกมัดตัวเองไว้

          เรื่องราวเริ่มต้นคือไอ้ห่าพี่นันต์พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมานั่นแหละ

          “อะไรทำให้พี่ก้องแบบ...คูลได้ขนาดนี้อะ”

          “พี่เหรอ ไม่คูลนะ ไม่อะไรเลย เป็นคนขี้เกียจ เห็นแก่ตัวด้วยซ้ำ”

          “ไม่จริง ตอนอยู่แคมป์โบว์เห็นพี่ก้องออกวิ่งทุกเช้า ถ้าคนวิ่งได้ขนาดนั้นต้องมีวินัยแล้วก็ขยันมากๆ”

          ผมยังคงปฏิเสธ

          “เริ่มวิ่งเพราะหนีความจริงต่างหาก แล้วมันก็ติด ติดเหมือนยาเสพติดน่ะ”

          ความจริงเมื่อรู้ว่าแม่เป็นมะเร็ง ความจริงที่รู้ว่าผมไม่มีความสำคัญกับใครบนโลกอีกแล้ว ชั่ววินาทีการวิ่งเป็นช่วงที่หัวใจเต้นแรง สัมผัสถึงการมีชีวิตที่มีชีวิต วิ่งจนเหนื่อย จนอ้วก แต่ก็ยังวิ่งต่อไปทุกเช้าเพื่อลืม

          เหมือนที่โบว์ใช้ยาเสพติดเพื่อลืมความเจ็บปวดที่ซ่อนตัวไว้ใต้ภาพที่สวยหรู งดงาม

          ลมที่กรุงเทพร้อนแม้จะเย็นย่ำ นกบินไกลๆ เห็นเป็นเลขสามเหมือนนกที่เด็กวาด

          “โบว์ชอบพี่ก้อง” เสียงนั้นเอ่ยเรียบ แต่เต็มตื้นไปด้วยความหมาย ผมไม่แปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น แต่ก็ไม่เมินเฉยเกินไปจนเด็กสาวเสียความมั่นใจ

          “ยิ่งพี่ก้องเป็นคนที่พร้อมจะเข้าใจทุกอย่าง จากที่ชอบกลายเป็นรักไปเลย รักมากๆ เลยค่ะ”

          ผมวางมือบนศีรษะ ดึงโบว์เข้ามากอด กอดในระดับที่ไม่ต่ำกว่าเอว กอดเหมือนพี่ชายกอดน้องสาว

          “พี่รู้ว่าโบว์ไม่อยากได้พี่ชาย”

          “แต่พี่ก้องให้โบว์ได้เท่านั้นใช่ไหมคะ” เสียงหวานย้อนกลับ เรียงประโยคคล้ายผมในทีแรก

          “ถ้าตอนนี้พี่ชอบผู้หญิง พี่คงชอบโบว์เหมือนกัน โบว์ที่เหมือนเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง แต่มีความเป็นมนุษย์ มีความบกพร่องเหมือนคนอื่นๆ พี่ชอบที่โบว์เป็นมนุษย์”

          เสียงหัวเราะดังขึ้นควบไปกับแรงสะอื้นน้อยๆ ผมกอดโบว์ไว้แน่น นึกถึงใครอีกคนกับภาพที่สมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง แต่มีร่องรอยเว้าแหว่ง เหว่ว้า ความราบเรียบที่เต็มไปด้วยรอยตำหนิของหลุมบ่อและเนินเขาขาดๆ เกินๆ ซึ่งเจ้าตัวไม่ทันรู้ว่ามีด้วยซ้ำไป

          “พี่ก้องไม่ชอบผู้หญิง?”

          “นั่นน่ะสิ”

          “สมัยเรียนก็คบผู้หญิงนี่คะ”

          ผมขำก๊ากใช่ ก็นั่นน่ะสิ

          “เห็นไหม ทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดเวลา”

          โบว์เห็นด้วย กระชับอ้อมแขนกอดผม โยกตัวไปมา

           

          หากจะเล่าเรื่องราวของชีวิตคนแล้วไม่มีทางเลยที่จะสามารถพูดจบได้ในหนึ่งถึงสองวัน รายละเอียดเล็กน้อยที่ปั้นแต่งให้คนแตกต่างกันไปถูกเติมเข้ามาและบอกผ่านโดยลืมใส่ใจ ผมพยายามไม่สนใจคนอื่นเพราะเรื่องพวกนี้ มีอีกหลายอย่างและหลายมุมที่ไม่มีวันมองได้ครบทุกทาง

          แต่เมื่อมีใครคนหนึ่งที่สำคัญจริงๆ เขาก็เข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัว พยายามละสายตาก็ไม่อาจควบคุมความคิดที่ฟุ้งขุ่นให้นิ่งงัน ชั่วจังหวะนั้นผมรู้ว่ากำลังนึกถึงใคร และหาเหตุจูงใจที่ทำให้ธูปหายไปไม่ติดต่อหรือแวะมาที่ร้านอีกหลายวัน

          “ทะเลาะกับธูปเหรอ”

          แม้แต่พี่นันต์ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป ผมตอบไม่ถูก ถ้าจัดผมเป็นผู้ชายประเภทไม่รู้ห่าอะไรเลย คงเป็นตัวท็อปของผู้ชายประเภทนั้น

          “คงงั้นมั้งครับ”

          “ไปทำมันโกรธเรื่องอะไรอะ”

          “ธูปจะโกรธคนอื่นเรื่องอะไรได้บ้างครับ”

          บอกตามตรง ผมไม่เคยเห็นธูปมันโกรธใครจริงจัง อย่างมากก็แค่ทำหน้าขมึงขึงขังเวลาโดนแซวหนักๆ หรือถ้ากับเพื่อนที่ไม่ชอบมัน เจ้าตัวก็ไม่ได้กล่าวร้ายถึงคนพวกนั้นแต่อย่างใด

          กูนี่ล่ะ ทำให้มันโกรธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เคยเข้าใจว่าถูกโกรธเพราะอะไรอยู่ดี

          “ไม่รู้สิ เรื่องผู้หญิงมั้ง”

          “ครับ?”

          “กูไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่มึงกับธูปแอบคบกันอยู่ปะ”

          พี่นันต์ถาม คัดแยกเมล็ดกาแฟที่เอามาใส่รวมกันออกตามสายพันธุ์ นับเป็นเกมคลายเครียดในวันที่ไม่มีลูกค้าของเขา “เปล่าครับ”

          ผมไม่ได้โกหก ไอ้ธูปน่ะไม่เคยให้ความชัดเจนสักอย่าง พี่นันต์ละสายตาจากเมล็ดสีดำขึ้นมองหน้าผม นิ่งเงียบแล้วก้มหน้าลงแยกเมล็ดกาแฟต่อ กลิ่นหอมจากเครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็กที่อาจารย์สั่งซื้อเข้ามาให้พี่นันต์ลองเป็นรสชาติใหม่ของจมูก ร้านอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟ ชวนสดชื่นมากกว่าง่วงงุน

          “ได้บอกมันหรือเปล่าว่าคบกับรุ่นน้องคนนั้น”

          “น้องโบว์น่ะเหรอ ก็ไม่ได้คบนะพี่ พี่น้องกัน”

          “พี่น้องไปทั่วนะมึงน่ะ ระวังจะเสียใจ”

          เอ้า ผมมองพี่นันต์ด้วยเครื่องหมายคำถามที่แปะบนหน้าผาก เขาเบะปากไม่อยากขยายความต่อแต่ก็ยอมแนะนำทางออกที่น่าจะดีกว่าตอนนี้ “เมื่อวานเห็นกอดกันกลมอยู่หน้าร้าน”

          “เขาชอบผม”

          “ก็เลยเล่นด้วย? มึงเลี้ยงทุกคนไว้ไม่ได้นะก้อง ไอ้ทุเรศ”

          “เฮ้ย ไม่ได้เลี้ยง ไม่ได้เล่นด้วยเลย ผมก็บอกน้องมันไปว่าเป็นพี่น้อง น้องเจอเรื่องมาเยอะ ผมแค่เห็นใจ”

          “จ้า ไอ้พระเอกหนังไทย แสดงเก่งงง”

          “พี่ ผมพูดจริง” ทำเสียงซีเรียสขึ้นมา จับมือพี่นันต์ให้อยู่เฉยๆ หยุดแยกกาแฟสักทีเพราะมันกำลังกวนประสาทผม “เมื่อวานธูปมาเหรอ มันเห็นเหรอ”

          “ไม่เห็น ไม่มา ไม่มาหลายวันแล้ว ตั้งแต่มึงกลับมาจากค่ายอะ แล้วไหนบอกไม่ได้คบกัน จะห่วงทำไม”

          “ก็มันทำท่าเหมือนโกรธผม” ไม่ใช่ทำท่า “มันโกรธผม” นี่ต่างหากประโยคที่ถูกต้อง

          พี่นันต์ทำท่าจะย้อนถามกลับว่าไปทำอะไรซ้ำสอง ผมทบทวนตัวเอง ก็จูบกัน กอดกัน สลับกันช่วยตัวเอง ไอ้ธูปใช้ปากให้ผม ผมเองก็ใช้ปากกับมันไม่ได้มีท่ารังเกียจกระทั่ง...

          ผมอาจจะใจร้อนไปตอนที่มันบอกว่า…

          ถอนหายใจยาว รู้ตัวว่าพยายามมากไปจนเหมือนขืนใจ แต่แรกๆ ก็ต่อต้านเพราะกลัวเจ็บกันทั้งนั้น ผมดึงดันอีกหน่อยก็สำเร็จทุกราย

          แต่ไอ้ธูปกลับเป็นคนที่บอกว่าไม่ได้รักผมแบบนั้นหน้าตาเฉย

          “ถ้าทะเลาะกันเพราะมึงทำผิดก็ไปขอโทษมัน ไอ้ธูปน่ะยอมหักไม่ยอมงอ เป็นผู้ใหญ่กว่าบางทีก็ต้องยอมๆ ค่อยมาสอนมันทีหลัง”

          เวรเอ๊ย ผมน่าจะรู้ว่ามันอีโก้สูง

          “ผมผิดว่ะเรื่องนี้”

          “อะ รู้ตัวขึ้นมาเลย”

          ผมกลอกตา ไม่มีทางสารภาพบาปกับปีศาจในคราบเทพอย่างพี่นันต์แน่ ไอ้มาร์คมาที่ร้านในเวลาที่เหมาะเจาะอีกครั้ง ไม่หรอก มันก็มาบ่อยเท่าที่มันอยากมานั่นแหละ แต่บางครั้งก็พอดีกับต้องการของผมอย่างตอนนี้ พี่นันต์หัวเราะในลำคออย่างรู้ทันว่าผมกำลังจะทำอะไร

          “มาร์ค”

          “Hello sweeties Anan” มันเย้าเสียงยวน สำเนียงเสียงต่างชาติ วางกุญแจรถไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนเขย่งเท้าขั้นเก้าอี้ทรงสูง “I dreamed about you last night, do you wanna know how’s it?”

          “ธูปบอกให้มึงพูดภาษาไทยไง”

          “yep, but he isn’t here now”

          “yep, ไอ บอโร่ยัวมอเตอร์ไบค์นะ เดี๋ยวรีบเอามาคืน”

          ประโยคหลังสุดผมพูดแทรกบทสนทนาของมาร์คกับพี่นันต์ คว้ากุญแจรถของมันหมับ สาวเท้าเร็วแต่ช้ากว่าคำไทยที่มันตะโกนด่าชัดเจน

          “ไอค้วยดราก้อน!”



 

          ธูปมีแหล่งกบดานไม่กี่ที่ ถ้าไม่ใช่ร้านก็บ้าน ถ้าไม่ใช่บ้าน คงต้องไปค้นกันที่มหาวิทยาลัย

          มันเป็นคนชอบแก้ปัญหา แต่จะแก้ปัญหาเมื่อตั้งหลักได้ แต่ผมไม่ได้ใจเย็นขนาดนั้น การสูญเสียบ่อยครั้งเกิดจากการรอคอย ผมเป็นคนประเภทกล้าได้กล้าเสีย พูดให้ถูกคือผมถูกขัดเกลามาใต้ระบบความคิดว่าถ้าคิดว่ามันดีก็ทำตอนนั้น ไม่จำเป็นต้องรอ สิ่งใดที่จะเกิด ช้าเร็วมันก็ต้องเกิดอยู่ดี

          ดังนั้น การปรากฏตัวในบ้านเดี่ยวย่านชานเมืองเพียงลำพังโดยไม่ขออนุญาตทั้งเจ้าของรถและเจ้าของบ้านจึงเกิดซ้ำและไม่สร้างความแปลกใจให้คนที่มาหาได้อีกแล้ว

          “เป็นยังไงบ้าง”

          ผมถาม ธูปอยู่ในรั้วบ้าน มันเปิดประตูให้เอารถเข้าไปข้างในก่อนข้างบ้านตะโกนด่าเสียงท่อ ส่วนรถยนต์ทั้งสองคันที่เคยจอดทิ้งไว้ไม่อยู่ เดาว่าอาจารย์พิภพคงออกไปที่มหาวิทยาลัย ส่วนแม่มันไปทำงานตามปกติ ซึ่งทั่วไปธูปจะไม่อยู่บ้านหากไม่เต็มไปด้วยปัญหาที่ค้างคาในหัวซึ่งหาทางออกไม่ได้

          “กินอะไรหรือยัง โทรสั่งพิซซ่าไหม”

          “กินแล้ว แม่ทำกับข้าวไว้ให้”

          มันตอบ เหลือบมองนาฬิกา เลือกโซฟาเดี่ยวเพื่อบังคับให้ผมนั่งโซฟายาวลำพัง

          “พี่กินอะไรไหม เอาน้ำไหม ผมหยิบมาให้”

          “ไม่เป็นไร ไม่หิว”

          “นัดพ่อไว้เหรอ”

          “เปล่า” ผมตอบกระชับ ใช้ดวงตาจับจ้องคนที่ก้มหน้างุดไม่สบตา “มาขอโทษ”

          “ขอโทษเรื่องอะไร”

          “ที่ใจร้อน”

          คงมีเรื่องอีกมากที่เราต้องเรียนรู้กัน อย่างน้อยคือการดึงธูปออกมาจากคอมฟอร์ตโซน ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองซึ่งไม่อาจซ่อนเร้นหรือพรางตาไว้ด้วยความสัมพันธ์อื่นได้อีก

          “ธูป...”

          “ผมอ่านหนังสืออยู่ พี่อยากขึ้นไปที่ห้องไหม”

          มันมองแต่มือที่จับกันไว้ พูดเสียงอ่อนแรง ผมรับคำ ยอมเดินตามมันขั้นชั้นสองของบ้านที่แบ่งแยกน้องนอนของมันออกมาเป็นอิสระชัดเจน

           ห้องนอนของธูปเต็มไปด้วยภาพของนักวิทยาศาสตร์ยานอวกาศ ดาวดวงน้อยใหญ่ มันเรียนปิโตรเคมีเพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้เกิดการค้นคว้าไม่สิ้นสุด มันเชื่อว่าพลังงานเคมีมีอำนาจเร้นลับที่มนุษย์ยังนำมาใช้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุดไม่ได้ และอยากให้มันมีประโยชน์มากกว่าเป็นยาวมะตอยระหว่างถนนคอนกรีตที่มีหน้าที่เพียงลดแรงบีบอักเมื่อคอนกรีตขยายตัวยามอากาศร้อน

          “อ่านชีวะด้วยเหรอ”

          หนังสือที่วางกองรวมกันบนเตียงยับย่น รู้ว่าเกิดจากการอ่านแล้วหลับคาหนังสือครั้งแล้วครั้งเล่า บางส่วนบวมเพราะโดนน้ำ หยดเป็นรอยซึ่งเดาได้ว่าเป็นคราบน้ำตา

          “เพิ่งอ่านช่วงนี้ ผมสงสัยว่า บางทีการที่โลกร้อนทำให้ยีนส์ของมนุษย์เปลี่ยนไป”

          “หืม?”

          “มนุษย์ผลิตพลาสติก โดยเฉพาะเม็ดบีทส์เล็กๆ ที่อยู่ในโฟม ในบุหรี่หรือยาสีฟันเป็นสารเคมีที่กำจัดได้ยากมาก มันไม่ผ่านตัวกรอง มันหลุดลงไปในแม่น้ำ ปลากินมัน แล้วเราก็กินปลาอีกที การทำงานของโครโมโซมเพศทำงานลดประสิทธิภาพลง ทำให้เกิดการจับคู่ของยีนเพี้ยนทำให้เกิดเป็นเพศทางเลือก”

          “นั่นมันส่วนน้อย”

          “แต่มีอัตราเพิ่มขึ้นเหมือนสมองของคน ในสมัยเก่าสมองคนใหญ่กว่าทุกวันนี้ แต่สิ่งแวดล้อมทำให้เราใช้สมองในการล่าสัตว์ลดลงมันก็เลยลดหลั่นกันมา คนสมัยใหม่ถึงมีสมองล็กแล้วก็โง่กว่าเมื่อก่อน ไม่สิ เราโง่ในการจดจำแต่ฉลาดขึ้นในการประยุกต์ ส่วนหนึ่งเพราะอุณหภูมิของโลกทำให้ขนาดกะโหลกลดลง”

          “ธูป...”

          ผมจับมือมันไว้ ไม่ให้เปิดหนังสือหน้าถัดไป มือมันสั่น สั่นจากข้อนิ้วขึ้นไปถึงข้อมือ แววตาที่ซ่อนไว้ใต้กรอบแว่นอ่อนล้า สีผิวหนังรอบดวงตาทรุดโทรมจากการอดหลับอดนอน

          “ไม่เป็นไร”

          “ผม...จะแก้มัน”

          “ธูป” ผมเรียกชื่อมันซ้ำ เบา อ่อนโยนแทบเป็นเสียงเดียวกับลมหายใจ แตะร่างกายด้วยความทะนุถนอมราวแก้วเปราะบาง ก่อนโน้มตัวลงจูบบนหน้าผาก ไม่ต้องดึงเข้ามากอดธูปก็ถลาเข้าอ้อมแขนเหมือนเด็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความขลาดกลัว

          “ผมเกลียดตัวเอง เกลียดตัวเองมากเลย ผมไม่ชอบที่พี่อยู่กับคนอื่น ผมโกรธที่พี่คุยกับพี่โบว์ ผมโมโหที่พี่ไม่ติดต่อกลับมาทั้งที่พ่อยังโทรมาหาผมได้ ผมหงุดหงิดทุกอย่างที่เกี่ยวกับพี่ ผมไม่ชอบที่ปล่อยให้ตัวเองทำอะไรแบบนั้น ผม...ผมไม่อยากให้พี่ทำเรื่องที่ทำกับผมกับใคร แต่ผมก็รู้...ผมรู้ว่ามันไม่ถูก”         

          “ธูป ปล่อยมันไป นี่เป็นเรื่องของธรรมชาติ”

          “ผมผิดธรรมชาติ”

          “แล้ว...กูผิดด้วยเหรอ” ผมถาม มันส่ายหน้าระวิง ธูปร้องไห้ ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาไม่สิ้นสุด ผมไม่ห้าม ไม่ปลอบใจ การหลั่งของน้ำตาที่เกิดจากอาการเครียดช่วยบรรเทาเบาบางได้มาก มันโขกหน้าผากกับอกผมทั้งที่ยังกอดเอวเอาไว้

          “พี่ไม่ผิด ผมเองที่...ที่อยากให้พี่ทำแบบนั้น ผมยอมให้พี่ทำทุกอย่างเพราะมัน่ทำให้ผมมีความสุข แต่ไม่ใช่ มันมาไกลเกินไป เกินไปแล้ว”

            “ธูป ความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากคนสองคน คนใดคนหนึ่งสร้างมันไม่ได้ ถ้ามึงบอกว่ามึงผิด กูก็ผิด แต่ที่จริงไม่มีใครผิด ไม่มีทั้งนั้น เราปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เราเข้ากันได้ดีทั้งกายภาพและทัศนคติมันก็ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติ”

          “ไม่ใช่! ไม่ใช่ธรรมชาติ ผมเป็นผู้ชายเหมือนกับพี่”

          ความสับสนนี้เกิดขึ้นได้ง่ายโดยเฉพาะในสภาวะที่ฝ่ายหนึ่งกดดันตัวเองมากเกินไป ห้องนอนของธูปถูกออกแบบให้เป็นสี่เหลี่ยม ของประดับเต็มไปด้วยกรอบเหมือนแว่นตากรอบดำของมัน ธูปไม่ยอมปลดปล่อย สร้างอาณาเขตกักเก็บขึ้นมาตามระเบียบเรียบร้อยอย่างที่มนุษย์พึงปฏิบัติ เติบโตมากับครอบครัวที่เดินตามความต้องการของคนรุ่นเก่า ความเหมาะสม เพียบพร้อม เป็นความกดดันของชนชั้นกลางที่กลัวถูกตัดสินไม่ดีไม่ชอบ เหมือนเคย มันเอาชื่อเสียงของพ่อ ความน่าเคารพของแม่มาประกัน ผูกมัด คล้องคอ ทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความรัก

          “มันแค่ความรัก”

          ความรู้สึกซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ไม่มีความหมาย ไม่มีที่มาที่ไป ตัดสินกันผ่านความต้องการ ความปรารถนา ผมรู้สึกคอแห้งผากเมื่อเจ้าลูกนกตัวสั่นงันงก กอดมันให้แน่นขึ้นแต่ก็เว้นที่ให้พอหายใจได้สบาย

          “กูขอโทษที่กดดันมึง”

          ทั้งที่รู้ดีมาตลอดว่าธูปเป็นคนที่อ่อนไหวแค่ไหน แต่ก็ยังนึกถึงแค่ตัวเอง มีแต่ตัวเองมาตลอด

          “ธูป โกรธกูได้นะ แต่หายโกรธกูด้วยได้ไหม”

          “ผมไม่โกรธพี่”

          “โกรธกูเถอะ ถ้าการกระทำของเราทำให้มึงโกรธตัวเอง”

          ผมกอดมันเอาไว้ กอดขึ้นเรื่อยๆ แน่นที่สุดเท่าที่แน่นได้เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่ปล่อยไปไหน

          และสุดท้าย ธูปก็ยอมปล่อยโฮออกมา         




TBC

ไม่ดราม่าาาาาาา จริงๆ เรื่องนี้แบบ ชิลมาก น้องแค่ตกใจ น้องเลยลั่น น้องขอโทษ ขอน้องสับสนแป๊บ ในความสับสนของน้องยังเป็นเหมือนเดิม คงสเต็ปเนิร์ดดี้คนดีของพี่มัง แต่แน่นอน เรื่องนี้พระเอกของเราคลูๆ ต้องใจเย็น อยู่เป็น ตะล่อมเด็กทีละน้อย /เดี๋ยว
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ค่ะะ เป็นเรื่องแรกเลยที่มีเสียงสงสารพระเอก เพราะพระเอกเรื่องนี้เจ็บหนักยิ่งกว่าล่มปากอ่าวจย้า
 :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด