คุณคือความรัก บทที่ 23
ดังตฤณมองเพื่อนจอมเจ้าชู้คนสนิทของตัวเองกำลังช่วยชายหนุ่มหน้าหวานคนหนึ่งเลือกเมนูอาหารอย่างเอาใจใส่ด้วยความรู้สึกทึ่งๆ แม้ว่าเขาจะเคยเห็นณธิปคอยเอาใจหรือดูแลคู่ควงมานักต่อนักแล้วก็ตาม หากก็ไม่เคยมีใครที่ทำให้หมาป่าเจ้าเล่ห์เชื่องเป็นหมาบ้านได้เท่านี้
“เมนูนี้ก็อร่อยนะ คุณชอบรสจัดใช่ไหมล่ะ ผมว่าน่าจะถูกปาก”
“งั้น…ก็ได้ครับ”
ครั้นการเอาอกเอาใจได้รับการตอบสนองด้วยปฏิกิริยาเพียงเล็กน้อย ดวงตารีเรียวก็เต้นระริกจนปิดบังความดีใจไม่อยู่ ดังตฤณเกือบหลุดปากแซ็วเพื่อนไปแล้วว่า
ฉันเห็นนะ ว่าหางแกสะบัด
แต่เพราะไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ อัยการหนุ่มจึงได้แต่เท้าคางมองท่าทางเหมือนเด็กๆ ของณธิปอยู่อย่างสงบปากสงบคำ
“คุณตฤณทานอะไรครับ” หลังจากที่สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว คนมารยาทดีอย่างกมลก็หันมาให้ความสนใจเพื่อนร่วมโต๊ะ
“ผมสั่งก่อนที่คุณไอกับเจ้าเล็กจะมาแล้วครับ คุณไออยากทานอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะ”
“ขอบคุณครับ” หนุ่มหน้าหวานยิ้มให้น้อยๆ แต่ครู่เดียวก็ต้องเผลอกรอกตาเพราะเสียงตัดพ้อจากคนข้างๆ
“ไม่เห็นคุณถามผมบ้างเลย”
“ก็คุณเล็กสั่งไปก่อนหน้าผมแล้วไม่ใช่หรือครับ”
มองณธิปทำท่างอแงอ้อนกมลอีกพักหนึ่ง ดังตฤณก็รู้สึกว่าตัวเองชักขนลุกกับท่าทางของเพื่อนจนทนไม่ไหว เขาจึงเอ่ยถามถึงธุระที่ทั้งสองนัดเขามาในวันนี้
“ว่าแต่เรื่องที่จะขอคำปรึกษา เป็นเรื่องอะไรหรือ” เมื่อดังตฤณเปิดฉากเข้าเรื่อง ณธิปก็เลิกหยอกกมล แล้วหันมาคุยเรื่องสำคัญก่อน
“พอดีว่าคุณไอเขามีปัญหาเรื่องที่ดินนิดหน่อย อยากได้ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ฉันก็เลยอยากขอให้แกช่วย”
“ทีมกฎหมายของแกก็มีไม่ใช่หรือ ทำไมมาถามฉันล่ะ” ดังตฤณว่า
“ก็แกเป็นเพื่อนฉัน อีกอย่าง แกก็รู้จักคุณไอแล้วด้วย แค่ปรึกษาเรื่องเล็กน้อย ฉันไม่อยากทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก ทำไม แค่นี้ช่วยกันไม่ได้หรือ”
“ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยนะครับ ถ้าช่วยได้ผมก็ช่วยเต็มที่ แต่ผมแค่สงสัยเพื่อนตัวดีของผมเท่านั้น” ประโยคนี้ดังตฤณหันไปพูดกับกมลโดยตรง เพราะเห็นว่ากมลหน้าเสียที่ได้ยินเขาล้อเล่นกับณธิปเมื่อครู่
“อ่า…ครับ ยังไงก็ขอรบกวนคุณตฤณด้วยนะครับ ถึงคุณจะเป็นเพื่อนคุณเล็ก แต่ผมยินดีจ่ายค่าเสียเวลาให้ อย่าหาว่าผมเสียมารยาทเลยนะ”
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอกครับ เมื่อครู่ผมล้อเล่นเท่านั้น ว่าแต่คุณไอมีเรื่องอะไรจะปรึกษาผมครับ”
“ผมอยากจะถามเรื่องปัญหารุกล้ำที่ดินน่ะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังได้ไหม”
“ครับ” แล้วก็กมลก็เริ่มต้นเล่าให้ทั้งดังตฤณและณธิปฟัง
ปัญหาที่กมลกำลังประสบ ไม่ใช่ปัญหาของเขาโดยตรง แต่เป็นเรื่องของพนักงานในบริษัท เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อตอนต้นปี กมลและทุกคนใน I promise Tower ได้เดินทางไปสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ให้กับเด็กๆ ชาวเขาที่โรงเรียนในจังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งที่หมู่บ้านนั้น เป็นบ้านเกิดของพนักงานในบริษัทของกมลเอง
ตอนที่ไปชาวบ้านในหมู่บ้านก็ให้การต้อนรับกมลและพวกเป็นอย่างดี เพราะพวกกมลไม่เพียงแต่ช่วยสร้างอาคาร แต่ยังแจ้งหน่วยงานรัฐให้เข้าไปช่วยซ่อมสะพานทางเข้าหมู่บ้านอีกด้วย ทุกคนจึงซึ้งใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่กมลกลับมาไม่นาน น้องพนักงานคนนั้นก็เอาข่าวมาบอกว่า ตอนนี้มีนักการเมืองผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ได้ทำเรื่องซ่อมแซมสะพานจะผ่านการอนุมัติเรียบร้อย แต่ทุกอย่างไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เนื่องจากนักการเมืองคนนั้นได้เข้ามาข่มขู่และขอกว้านซื้อที่ดินของชาวบ้านหลายคน เพราะต้องการสร้างโรงแรม
แม้หมู่บ้านแห่งนี้จะอยู่ในพื้นห่างไกล แต่ก็เป็นที่ที่สวยงาม ธรรมชาติยังคงบริสุทธิ์อยู่มาก หากได้รับการโฆษณาจากคนใหญ่คนโตของภาครัฐ และทำให้ที่แห่งนี้เป็นที่รู้จัก ผู้คนคงจะหลั่งไหลกันไปเที่ยวอย่างแน่นอน
กลับกัน เม็ดเงินมหาศาลนั้นไม่ได้หมุนเวียนอยู่ในกระเป๋าของคนในหมู่บ้าน หากตกอยู่ในกระเป๋าของนักการเมืองจอมละโมบมากกว่า
ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านหลายๆ คน จึงอยากขอให้ใครสักคนช่วยเหลือ ด้วยไม่สามารถดำเนินการเองได้สะดวก เพราะถูกข่มขู่จากนักการเมืองเส้นใหญ่คนนั้นไว้มาก
กมลที่ได้ยินดังนั้นก็อยากจะช่วยเหลือ เพียงแต่เขาไม่มีความรู้ทางด้านกฎหมายมากนัก และไม่มีเส้นสายใหญ่โตเลย ธุรกิจที่ทำก็ไม่เกี่ยวกับทางนั้นสักนิด เขาจึงกลัวว่าถ้าทำเรื่องร้องเรียนไปอย่างเดียว ไม่นานทุกอย่างก็จะเงียบหายเหมือนอย่างที่ผู้ใหญ่บ้านเจอมากับตัวแล้ว
เมื่อได้ฟังกมลเล่าจนจบ ดังตฤณก็หน้าเครียดทันที
“เรื่องนี้เรื่องใหญ่เลยนะครับ”
“ใช่ครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยพวกเขายังไง แต่ถ้าจะไม่ช่วยอะไรเลยก็คงไม่ได้ คุณตฤณพอมีคำแนะนำบ้างไหมครับ”
“ถ้าเป็นในทางกฎหมาย ก็คงต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เข้าไปตรวจสอบเท่านั้น”
“แล้วถ้าเรื่องมันเงียบไปอีกล่ะครับ ผมกลัวว่าชาวบ้านจะถูกบีบจนยอมขายที่กันไปเสียก่อน”
“เรื่องนี้อย่างไงเสียก็ต้องให้เจ้าหน้าที่จัดการครับ ผมพอรู้จักตำรวจดีๆ อยู่บ้าง ยังไงจะช่วยประสานให้นะครับ แต่ขอรายละเอียดตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ผมด้วย” ดังตฤณว่า
“ครับ ผมเตรียมมาแล้ว” กมลล้วงกระเป๋าหยิบเอาเอกสารที่เป็นรายละเอียดต่างๆ มาส่งให้
“ตายล่ะ งานนี้ตอใหญ่จริงๆ ด้วย” หลังจากพลิกเอกสารดูผ่านๆ ดังตฤณก็ถึงกับต้องอุทานออกมา
“ใคร” ณธิปถาม
“โจทก์เก่าแก”
“ใคร” ณธิปถาม
“รัฐมนตรีทรงศักดิ์ นาฏหิรัญ”
เมื่อได้ยินชื่อ ณธิปก็ถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “พ่อคุณเกษนี่เอง ตอใหญ่จริงๆ ด้วย”
“คุณไอ” ดังตฤณเรียก
“ครับ”
“คุณจะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้จริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ว่ากระบวนการทางกฎหมายของเราไม่ดีนะ แต่ผมบอกได้เลย ถ้าชนกับเบอร์ใหญ่ขนาดนี้ คุณลำบากแน่ๆ”
“…ครับ ผมรู้” กมลตอบออกไปด้วยความหนักใจ เขารู้ว่าถ้าพลาดแล้วถูกโจมตีกลับ ตัวเขาเองจะลำบาก และไม่แน่ว่าทั้งบริษัทกับครอบครัวก็อาจจะเดือดร้อนไปด้วย
“แต่ยังไงผมก็จะส่งเรื่องนี้ให้คนเข้าไปตรวจสอบก่อน เรื่องอื่นๆ ค่อยว่ากันอีกที แต่ทางที่ดี คุณไออย่าลงมือเองจะดีกว่าครับ นี่ผมเตือนด้วยความหวังดีนะ”
“ครับ แล้วผมจะคิดดู ขอบคุณคุณตฤณมากนะครับ ที่เตือน”
ณธิปรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ไม่อร่อยสักนิด แม้ว่าพวกเขาจะนั่งทานในร้านดังก็ตาม ตลอดเวลาที่กมลปรึกษากับดังตฤณ ณธิปก็ฟังและลอบสังเกตคนหน้าหวานอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งคุยกันจบแล้ว เขาก็ยังคอยมองกมลอยู่เสมอ
ฟังจากที่เล่าและเอ่ยชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ณธิปสรุปได้อย่างเดียวเลยว่า กมลไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องนี้เป็นอันขาด เพราะนักธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจได้โดยไม่มีปัญหา จะต้องไม่สอดขาเข้าไปยุ่งกับนักการเมือง แต่ทันทีที่มอง เขาก็เห็นความลังเลใจและแววตาคิดไม่ตกของกมล ณธิปกลัวว่าตัวเองคงจะห้ามอีกฝ่ายไม่ทันเสียแล้ว
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ดังตฤณก็ของตัวกลับก่อนเพราะมีธุระที่ต้องไปสะสางต่อ ณธิปจึงพากมลกลับด้วยเหมือนกัน ทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ กมลก็เอ่ยขึ้น
“เห็นไหม ผมบอกแล้วว่าจะเอารถมาเอง ทีนี้คุณก็เลยต้องลำบากไปส่งผมอีก”
“ไม่เป็นไรหรอก เราอยู่คอนโดเดียวกันนี่ แต่ถ้าจะกลับบ้าน บ้านของคุณก็อยู่ไม่ไกลบ้านของผมเท่าไหร่ แล้ววันนี้ผมก็มีเวลาให้คุณทั้งวัน ไม่ต้องห่วง”
“ชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากทุกทีเลย ผมบอกแล้วนี่ครับ ว่าดูแลตัวเองได้”
“ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่ถ้าไม่ยอมให้ผมทำอะไรให้คุณเลย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร เป็นอย่างนี้ต่อไปคุณก็คงมีข้ออ้างปฏิเสธผมน่ะสิ”
“คนจะคบกัน ไม่ได้คบกันเพราะผลประโยชน์หรอกนะคุณเล็ก”
“อย่าเรียกว่าผลประโยชน์สิ เรียกว่าพึ่งพาอาศัยน่าจะดีกว่านะคุณไอ”
“เฮ้อ…” กมลถอนหายใจออกมา
“ก็จริงนี่ ถึงคุณจะแกร่งแค่ไหน ผมก็อยากช่วยเหลือคุณ อยากให้รู้ว่าคุณพึ่งพาผมได้ เรื่องปัญหาที่คุณกำลังเจออยู่นี่ก็เหมือนกัน ถึงผมจะไม่อยากให้คุณยุ่งกับมันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะกระโดดเข้าไป จำไว้ว่าผมจะช่วยคุณเอง”
อาจเป็นเพราะปัญหาที่เจอมันค่อนข้างใหญ่มากสำหรับคนระดับกมล ยามนี้เขาจึงค่อนข้างอยู่ในอารมณ์อ่อนไหวเพราะคิดไม่ตก และคำพูดของณธิปก็เข้ามาทำให้รู้สึกว่า หากเขาจะสู้เพื่อช่วยเหลือคนอื่น ก็ยังมีคนคนนี้คอยช่วยเขาอีกแรง
แต่ถึงอย่างนั้น กมลก็พยายามอย่างยิ่งที่จะดึงสติตัวเองกลับมา
“ขอบคุณครับ แต่จริงๆ แล้ว คุณจะหยุดแค่นี้ก็ได้นะ เพราะผมเองก็ไม่อยากให้คุณต้องวุ่นวายเพราะเรื่องของผมหรอก ผมเกรงใจ”
“ไม่รู้ทำไม ผมถึงรู้สึกเหมือนกับ คำว่าเกรงใจของคุณมันเป็นแค่ข้ออ้างมากกว่า”
แม้จะมั่นใจในตัวเองแค่ไหน ณธิปก็รู้ว่ากมลไม่อยากยุ่งกับเขามาตั้งแต่แรก ถึงตอนนี้จะยอมอ่อนลงบ้าง แต่ก็ยังไม่เปิดหัวใจให้ซะทีเดียว หากเพราะว่ารู้ดีอยู่แล้ว ณธิปถึงยิ่งต้องพยายามแสดงความจริงใจของตัวเองออกมาให้มากที่สุด ซึ่งเขาสามารถพูดได้เลยว่า กมลเป็นคนที่เขายอมเปิดเผยและยอมอ่อนให้มากที่สุดแล้ว
มากเสียจนณธิปนึกขำ ว่าความรักมันทำให้เขาเป็นได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
“ผมแค่…ยังไม่มั่นใจ”
“เอาเถอะ ผมจะรอวันที่คุณมั่นใจก็แล้วกัน”
จะรอ…ไม่ว่ามันจะออกหัวหรือออกก้อยอย่างนั้นหรือ กมลต่อคำถามนั้นใจ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
“เรากลับกันดีกว่า ตกลงว่าคุณจะกลับบ้านหรือกลับคอนโด” หลังจากเงียบกันไปครู่หนึ่ง ณธิปก็ถามขึ้น
“บ้านครับ”
“โอเค งั้นเรากลับบ้านกัน” พอว่าจบ เขาก็สวมเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง จากนั้นก็หันมาตั้งท่าจะสวมให้กมลด้วย
“ไม่ต้อง ผมทำเองได้”
แม้ได้ยินคำปฏิเสธแล้ว แต่ณธิปก็ยังไม่ถอยกลับไปนั่งดีๆ เขาเอามือเท้ากับเบาะข้างคนขับข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างแตะคอนโซลหน้ารถเอาไว้ แล้วมองคนเก่งจัดการคาดเข็มขัดให้ตัวเอง ครั้นพอเรียบร้อยกมลก็เงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ ที่อยู่ห่างแค่คืบ
แม้ใบหน้าของพวกเขาจะอยู่ใกล้กันมาก แต่ณธิปไม่เห็นเลยว่าในดวงตาคู่สวย สะท้อนแววตื่นเต้นหรือหวั่นไหวกับสถานการณ์ใกล้ชิด มันเรียบนิ่งเป็นทะเลสาบในฤดูหนาวที่ลึกสุดหยั่ง แต่ความลึกล้ำนั้น กลับทำให้กลายเป็นเขาเอง ที่ถูกดูดเข้าไปหาอีกฝ่าย
“นี่เรายังไม่ได้คบกันใช่ไหม” ณธิปถาม
กมลจึงตอบ “ครับ”
“แล้วเมื่อไหร่เราจะคบกันสักที”
“เมื่อกี้คุณยังบอกอยู่เลย ว่าคุณจะรอ” หนุ่มหน้าหวานทวนความจำให้อีกครั้ง ณธิปจึงยิ้มออกมาบางๆ หากสายตาที่มองคนพูด กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง ที่ชวนให้กมลรู้สึกประหลาดไปด้วย
“ผมชักจะรอไม่ไหวแล้วสิ” ณธิปว่า พลางขยับเข้าไปใกล้อีก ใกล้เสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
“ทำไม” ความจริงกมลไม่ได้อยากถาม แต่เขาแค่คิดว่า ถ้าเกิดไม่พูดอะไรสักอย่าง เขาก็อาจจะเผลอปล่อยให้ระยะห่างมันสั้นลงอีก
“เพราะผมอยากจูบคุณตอนนี้”
“…”
คำสารภาพอย่างตรงไปตรงมา ทำให้กมลตัวชา และคิดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขาเผลอหลุบตามองตามริมฝีปากของณธิป แล้วไล่สายตาผ่านโครงหน้าได้รูป ปลายจมูกโด่ง ก่อนมาหยุดที่ดวงตารีเรียว แล้วกมลก็พบว่า ในหน่วยตาคู่นั้นทำหน้าที่ยืนยันว่าสิ่งที่ณธิปพูด ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่นเหมือนหมาหยอกไก่เช่นทุกที
คนคนนี้ต้องการเขามากขนาดนั้นจริงๆ น่ะหรือ
คิดต่อไปเท่านี้ ในหูของกมลก็คล้ายได้ยินเสียงระเบิดเบาๆ ความร้อนมากมายวิ่งพล่านไปทั่วร่าง จากที่ที่ไม่เคยอายเพราะคำพูดทำนองนี้ ก็เกิดอายขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
คนคนนี้คือ ณธิป โชติตระกูลนะ คิดได้ดังนั้นกมลก็ดึงตัวเองออกมาและหันหน้าหนี เขากลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เรากลับกันเถอะครับ”
“ครับๆ” ณธิปตอบรับ ก่อนจะหันมามองพวงมาลัยรถ
อีกนิดเดียวแท้ๆ ชายหนุ่มคิด จากนั้นจึงสตาร์ทรถแล้วขับตรงกลับบ้านกมลโดยที่ไม่แวะไหน
ระหว่างนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย เพราะต่างก็จมจ่ออยู่ในความคิดของตนเอง จนกระทั่งรถเคลื่อนตัวมาจอดที่รั้วหน้าบ้าน เสียงที่หายไปของกมลจึงกลับมาอีกครั้ง
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”
“ครับ” สารถีเจ้าเสน่ห์ยิ้มรับคำขอบคุณบางๆ
“งั้นผมเข้าบ้านก่อน คุณก็ขับรถดีๆ ล่ะ”
“ครับ”
ทว่าระหว่างที่กมลเปิดประตูและกำลังจะก้าวลงจากรถ ณธิปก็รีบเรียกหนุ่มหน้าหวานไว้อีกครั้ง
“รอเดี๋ยวก่อนคุณไอ!”
กมลจึงหันกลับมาหา “ครับ?”
“ผมพูดจริงๆ นะ ปัญหาเรื่องที่ดินนั่น ถ้าคุณไม่เข้าไปยุ่งน่าจะดีกว่า”
“อ่า…ครับ ผมคิดว่า อาจจะต้องคิดทบทวนอีกที”
“ดีแล้ว” ณธิปพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเสริม “แต่ถ้าคุณจะทำมันจริงๆ อย่าลืมล่ะ คุณยังมีผม”
“ครับ ผมรู้แล้ว ขอบคุณนะ” กมลขอบคุณทั้งรอยยิ้ม จากนั้นจึงลงจากรถ แล้วยืนรอให้ณธิปขับรถอกไป
ก่อนหน้านี้ แม้ณธิปไม่บอก กมลก็รู้ว่าตัวเองต้องไตร่ตรองเรื่องสำคัญเรื่องนั้นอีกครั้ง แต่หลังจากที่ลงจากรถแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีเรื่องที่ดินเรื่องเดียวที่กมลต้องไตร่ตรองให้ดีอีกสักรอบ
<><><><><><><><><><><<><><><><><>
คุณไอเริ่มโดกิโดกิแล้วหรือเปล่านะ
แต่ก็ 23 ตอนแล้วอ่ะเนอะ 555
ขอบคุณที่เข้ามาตามอ่านกันนะคะ
ขอโทษที่ทำให้รอค่ะ
เจอกันตอนหน้าน้า
ละอองฝน.