ตอนที่ 18.2
ช่วงเช้าของวันอาทิตย์ มีคนมายืนด้อมๆ มองๆ หน้าประตูรั้วบ้านอินทรวงศ์ จนเจ้าของบ้านซึ่งกำลังรดน้ำและดูต้นไม้ในสวนต้องเดินไปดูว่าเป็นใครมาเยี่ยมเยียน
ไม่ผิดจากที่คิดไว้ ผู้ที่มาเยือนเป็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง และเด็กสาวอีกคนหนึ่ง
ร้อยเอกอินทรวงศ์เปิดประตูรั้วบ้าน ดวงตาอ่อนโยนมองสองป้าหลานด้วยความเมตตา
“ป้าพรใช่ไหม”
“ส...สวัสดีจ้ะคุณ นี่บ้านหลวงอินทร์ใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่ เข้ามาสิ แล้วนั่น...”
“เอ่อ นี่หลานอิฉันเองจ้ะ ชื่อสร้อย”
เจ้าของบ้านคิ้วขมวดน้อยๆ ตามที่เขาเข้าใจ คนรับใช้ที่จะมาทำงานที่บ้านหลังนี้คือป้าพรและใครอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะใช่เด็กสาวที่เห็นตรงหน้าคนนี้
เขามองทอดไปทางอื่นเพื่อหาบุคคลที่ว่า แล้วไม่นานก็พบชายหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่งหอบแฮ่กมาทางประตูรั้ว
“ไอ้อ่ำ อย่ามัวแต่ชักช้า พิรี้พิไรอยู่นั่น” หญิงวัยกลางคนส่งเสียงคล้ายดุว่า “ขอโทษด้วยนะคะคุณ...ไอ้อ่ำมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับบางกอก เดินแวะเดินหยุดตั้งแต่หน้าปากซอย เลยมาช้ากว่าใครเขา ป้าไม่อยากให้คุณรอเลยรีบเดินเข้ามาก่อน”
ร้อยเอกหนุ่มพยักหน้ารับอย่างไม่ถือสา พร้อมกับที่นายอ่ำวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้นกึ่งดีใจ และทำท่าจะคุกเข่ากราบผู้เป็นนายหน้าบ้านจนต้องรีบเอ่ยห้าม
“ไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอกนายอ่ำ”
“คุณหลวง! อ่ำคิดถึงคุณเหลือเกิน” เอ่ยไปก็กอดเข่าเจ้านายไป ราวกับไม่ได้ยินเสียงเอ่ยห้ามปรามย้ำแล้วย้ำอีก
“ใครโวยวายอะไรกันแต่เช้าเนี่ย”
แล้วคนที่อยู่ในบ้านอินทรวงศ์อีกคนหนึ่งก็โผล่หน้าออกมาดูว่าใครมายืนส่งเสียงอยู่หน้าบ้าน หากไม่บอกว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนรับใช้ ใครที่ไหนก็ย่อมคิดว่าเป็นเจ้าของบ้านมากกว่าเจ้าของบ้านตัวจริงเสียอีก เพราะท่าทีวางมาดและหน้าตาที่เหยียดมองคนมาใหม่ชวนให้ใครเข้าใจผิดได้ง่าย
รัตติกาลเดินออกมาด้วยชุดนอน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ามู่ทู่ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งลุกจากเตียง ส่วนผู้เป็นนายกลับเป็นฝ่ายที่ตื่นเช้ามาทำสวนและออกมารับแขกเสียอย่างนั้น
ข้าเก่าเต่าเลี้ยงอย่างไอ้อ่ำเห็นแล้วก็ตวาดด่าไม่หยุด แต่คนถูกด่ากลับทำหูทวนลมจนจะมีมวยกันหน้าบ้านอยู่รอมร่อ
ร้อยเอกอินทรวงศ์เอ่ยห้ามปรามทั้งสองฝ่ายอย่างยากลำบาก กว่าจะได้เข้าบ้าน บ้านอื่นก็ชะโงกหน้ามาดูต้นตอของเสียงกันหลายบ้านแล้ว
พ่อแม่ของร้อยเอกอินทรวงศ์ส่งคนรับใช้มาสองคน แต่ป้าพรขอฝากหลานสาวเข้ามาทำงานด้วย ด้วยนิสัยใจคอ เจ้าของบ้านย่อมไม่ตัดรอนอีกฝ่าย ยอมให้บ้านหลังนี้มีคนรับใช้ใหม่ถึงสามคน ซึ่งออกจะมากสำหรับรับใช้นายเพียงคนเดียว
ป้าพรและนีรับหน้าที่ดูแลความสะอาดและเรื่องอาหารคาวหวานของบ้าน ส่วนอ่ำคอยจัดการเรื่องสวนและงานใช้แรงงานเล็กๆ น้อยๆ ทั้งสามคนจะอาศัยอยู่ที่เรือนคนรับใช้หลังเล็ก ผิดกับรัตติกาลที่เป็นเพียงคนเดียวที่ได้อยู่เรือนใหญ่กับเจ้านาย สร้างความประหลาดใจให้คนที่เหลือไม่น้อย
แม้หญิงคนใช้สองคนจะไม่กล้าเอ่ยถาม แต่อ่ำที่รู้จักรัตติกาลมาก่อนกลับไม่เป็นเช่นนั้น พอเจ้านายขึ้นไปพักบนเรือนที ก็รีบลากคนใช้ที่ตีตนเสมอเจ้านายมาสอบถามหาความ
“ไอ้มืด ไม่เจอกันแผล็บเดียว ทำตัวเสมอเจ้านายแล้วเรอะ”
รัตติกาลเบ้ปากใส่อ่ำ ก่อนจะเอ่ยอย่างยียวน ”ใครจะเหมือนขี้ข้าอย่างมึงเล่า เดี๋ยวนี้กูทำงานที่กระทรวง เป็นเลขาน่ะรู้จักไหม? ไม่ว่างไปทำงานชั้นต่ำแบบพวกมึงหรอก”
แม้จะเอ่ยทีเล่น แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้คนฟังได้ไม่น้อย ถึงจะรู้ว่าไอ้ดำตรงหน้านิสัยวอนมือวอนเท้า ทว่าอ่ำก็อดไม่ได้ที่จะขุ่นเคืองแทนเจ้านาย คนตรงหน้าต้องใช้ประโยชน์จากความเมตตาของเจ้านายของตนแน่!
“เลขาอะไรกูไม่สน มึงมันก็ขี้ข้าเหมือนกูนั่นแหละ คิดยังไงไปอยู่เรือนใหญ่กับคุณดวงหา!”
“ทำไมจะอยู่ไม่ได้?” รัตติกาลเกือบจะบอกไปอยู่แล้วว่าเป็นคนรักกันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ ไม่เห็นแปลก แต่ก็เก็บปากเก็บคำไว้ “อย่าบอกนะว่ามึงคิดจะมาอยู่เรือนใหญ่ด้วยน่ะ? กูเตือนมึงไว้ก่อนว่าอย่ามาเสนอหน้าแถวเรือนกู”
“เรือนมึง?” อ่ำทำตาโตอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน หลายเดือนก่อนที่รัตติกาลกลับไปเยี่ยมเมืองจันทน์พร้อมเจ้านายก็ยังไม่วางท่าขนาดนี้ หรือเพราะตอนนั้นเกรงใจพ่อแม่คุณดวงงั้นหรือ?
ฝ่ายรัตติกาลเห็นท่าทีอ่ำเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งชอบใจ ไม่คิดถึงเลยว่าเริ่มสร้างความหมางใจให้เพื่อนเก่าเข้าให้แล้ว
สองเดือนหลังจากที่บ้านอินทรวงศ์รับคนรับใช้เข้ามาใหม่สามคน งานของเจ้าบ้านกลับไม่ได้ลดลงให้หายเหนื่อยแม้แต่น้อย แม้งานดูแลบ้านเรือนจะมีคนทำแทนหมดทุกอย่างแล้ว แต่งานที่กระทรวงกลาโหมกลับเพิ่มมากขึ้น แม้กระทั่งไอ้มืดก็ไม่มีเวลาทำตัวให้อ่ำจับผิด แต่ถึงงานจะเพิ่มมากเท่าใด ก็ไม่มีทางมากเท่าเจ้านายอย่างคุณดวงแน่
หลายครั้งที่คุณดวงกลับมาบ้านดึกดื่น เวลาที่จะเจอหน้าคนใช้อีกสามคนจึงยากแสนยาก ทว่าคนเพียงคนเดียวที่ได้อยู่ข้างกายเจ้านายตลอดคือไอ้มืดที่เปลี่ยนไปจากเมื่อตอนอยู่เมืองจันท์อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
อ่ำรู้ว่ามืดไม่เหมือนเดิมตั้งแต่อุบัติเหตุจมน้ำเมื่อครั้งกระโน้น มาเห็นด้วยตาตนเองที่เมืองหลวงครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำได้ดี ไอ้มืดที่เขาเคยรู้จักเป็นพวกเจียมเนื้อเจียมตัว หัวไม่ช้าแต่ก็ไม่โอ้อวดวางมาดว่าฉลาด มันจึงดูซื่อโง่ๆ
ชีวิตในเมืองหลวงของอ่ำไม่เหมือนที่เมืองจันท์ อยู่เมืองจันท์เขาต้องดูแลเรือกสวนเป็นไร่ แต่ในบ้านหลังนี้พื้นที่สำหรับลงพืชพรรณให้ดูแลย่อมเทียบกันไม่ได้ เขาจึงหาผลหมากรากไม้มาปลูกเพิ่มเพื่อไม่ให้ตัวเองว่างงานเกินไป และเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านเพราะคอยจับผิดไอ้มืดด้วย
อ่ำคิดว่าต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล และสาเหตุของความไม่ชอบมาพากลนั้นก็ไม่ใช่ใคร เป็นคนรับใช้ที่คอยตามติดเจ้านายผู้แสนดีนั่นเอง
เขาอยู่กับคุณดวงมาหลายปี ย่อมรู้ดีว่าเจ้านายมีความเมตตา ใจดีเกินใครจะเปรียบ ดังนั้นย่อมถูกคนเจ้าเล่ห์อย่างไอ้มืดหลอกใช้เอาได้!
รถก็ให้ไอ้มืดขับ เรือนใหญ่ก็ให้ไอ้มืดอยู่ อาหารดีๆ ก็ให้ไอ้มืดกิน
แม้จะยังไม่แน่ใจนัก แต่อ่ำอดคิดไม่ได้ว่าไอ้มืดกำลังหลอกคุณดวงอย่างแน่นอน หรือที่แย่กว่านั้น ไอ้มืดอาจกำลังใช้คุณไสยมนตร์ดำกับคุณดวง!
ถ้าไอ้มืดใช้คุณดวงทำอะไรไม่ดีไม่งามจะทำยังไง? ถ้าคุณดวงถูกกดขี่ข่มเหงเล่า? วันที่เขามาถึงเรือนนี้ เห็นๆ อยู่ว่าคุณดวงต้องไปทำสวนแทนไอ้มืด ถ้าแท้จริงตอนนี้ไอ้มืดมันทำตัวเป็นใหญ่ในบ้านแล้วข่มขู่คุณดวงให้อยู่ใต้อาณัติมันเล่า?
คิดแล้วก็ล่อยไว้ไม่ได้ ถ้าไอ้มืดมันเล่นของ คนอย่างไอ้อ่ำก็ต้องจับมันให้ได้!
.
.
TBC