#8.1ผมออกมาจากห้องอีกทีก็ตอนที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ตอนแรกก็แค่จะเข้าไปนอนเล่นแก้เขินน่ะนะ แต่พอเปิดแอร์เจออากาศเย็นๆ เข้าไป บวกกับตื่นเช้าหลังจากการดื่มของเมื่อคืนนี้ มันก็เลยทำให้ผมเผลอหลับจริงจังไปในที่สุด
"ตื่นแล้วหรอ" เหล้ารัมทักผมทันทีที่เปิดประตูออกมา ขณะที่เขากำลังนั่งกินกับข้าวฝีมือแม่ผมอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
"ครับ" ผมเลยตอบกลับไปสั้นๆ เพราะตอนนี้รู้สึกคอแห้งมาก อยากหาน้ำดื่มสักแก้วก่อน
จนกระทั่งได้ดื่มน้ำเย็นๆ สมใจแล้วนั่นแหละ ผมถึงเดินกลับมาหาและนั่งลงฝั่งตรงข้ามของเหล้ารัม เพื่อนั่งมองเขากินเหมือนที่เคยทำ
"อร่อยมั้ย" ก่อนจะเริ่มถามถึงรสชาติ
"อร่อยครับ เอ่อ.. ว่าแต่ว่าผมกินได้ใช่มั้ย คือผมหิวมาก แล้วเห็นว่ามันมีหลายกล่อง ผมก็เลยถือวิสาสะกินไปเลย"
คำถามและสีหน้ากังวลทั้งๆ ที่กับข้าวที่กินไปแล้วยังคงคาปาก ทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาต่อหน้าต่อตาเขา "ฮ่าๆๆ~ กินได้ครับ พอดีวันนี้ตอนกลับไปเอาส่วนผสมที่บ้าน แม่ทำกับข้าวเยอะเลย ก็เลยให้ผมหิ้วมาฝากคุณด้วย"
"เฮ้ออออ~ ค่อยโล่งหน่อย" แล้วคำตอบของผมก็ทำให้เหล้ารัมแสดงอาการโล่งอกออกมาในทันที ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่ออย่างคนหิวโหย จนผมแอบคิดเล่นๆ ว่าเขาจะทำยังไงกันนะ ถ้าเกิดผมแกล้งบอกว่ามันกินไม่ได้เนี่ย ฮ่าๆๆ~
"งั้นเดี๋ยวผมกินบ้างดีกว่า" พูดจบแค่นั้น ผมก็ลุกเดินเข้ามาในโซนห้องครัว
"อยู่ในตู้ชั้นบนนะครับ" โดยมีนายพ่อมดเหล้าบอกถึงพิกัดของกับข้าวที่เขาเป็นคนเอาไปเก็บไว้
ซึ่งในขณะที่ผมกำลังจะเทกับข้าวใส่จานเพื่อเอาเข้าอุ่นร้อนในไมโครเวฟอยู่นั้น พลันสายตาก็ดันไปสะดุดเข้ากับการ์ดสีทองประกายกากเพชรระยิบระยับที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว
ทำให้ผมวางของทุกอย่างในมือลง ก่อนจะหยิบเจ้าการ์ดนั่นขึ้นมาเพื่อพิจารณา ถึงได้เห็นอย่างชัดเจนว่า..จุดเด่นที่อยู่ตรงกลางของการ์ดนั้นเป็นรูปหน้ากากแฟนซีแบบที่สามารถเห็นได้ในหนังหรือไม่ก็พวกซีรี่ส์เวลาที่ตัวละครเข้าร่วมปาร์ตี้หน้ากากอะไรแบบนั้น
แล้วพอพลิกดูข้างหลัง.. โอ้ววว~ ผมก็เจอเข้ากับภาษาของโลกเวทมนตร์ที่ผมมีความรู้แค่หางอึ่งและสามารถอ่านออกแค่คำว่า 'งานเลี้ยงเต้นรำ' กับเวลาเริ่มงานอีกนิดหน่อยเท่านั้น
สุดท้ายก็เลยต้องชูมันขึ้น เพื่อถามเหล้ารัมที่น่าจะเป็นเจ้าของการ์ดใบนี้
"เหล้ารัม นี่อะไรหรอครับ"
"อ๋อ.." เขาเว้นจังหวะนิดนึงเพื่อกลืนอาหารในปากลงไป ก่อนที่จะพูดต่อด้วยรอยยิ้ม "บัตรเชิญวีไอพีร่วมงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากของครอบครัวเพื่อนผมน่ะครับ จัดขึ้นคืนพรุ่งนี้แล้ว แต่ผมเพิ่งไปรับบัตรมาเมื่อเช้านี้เอง ก็ว่าอยู่ว่าเอาไปวางลืมไว้ไหน"
อ๋อ ที่แท้ที่เขาหายไปเมื่อเช้านี้ก็เพราะว่าไปรับเจ้าบัตรเชิญนี่เองหรอกหรอ
ว่าแต่ว่า.. น่าสนใจดีเหมือนกันแฮะ พอพูดว่าเป็นงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากแล้วมันทำให้ผมนึกถึงภาพความงดงามของหนุ่มสาวที่แต่งตัวจัดเต็มและซ่อนใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้ภายใต้หน้ากากหลากหลายรูปแบบอย่างเป็นความลับ ถึงแม้ว่านิยายหลายเรื่องจะชอบเอาไอ้เจ้างานนี้ไปเปรียบเทียบกับคำโกหกมดเท็จหรือการปิดบังตัวตนอะไรก็ตามเถอะ แต่สำหรับผมที่เห็นมันอยู่บ่อยๆ ทั้งในหนังและในซีรี่ส์ก็อยากที่จะได้มีโมเม้นเข้ารวมงานแบบนี้กับเขาสักครั้งเหมือนกันนะ
"คุณอยากไปหรอครับ" แล้วดูเหมือนว่าผมจะแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะจู่ๆ เหล้ารัมก็ถามขึ้น เหมือนดูออกว่าผมอยากที่จะไปยังไงยังงั้น
"ครับ ผมอยากไป" ผมจึงยอมรับตามความจริง ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่บรรดาแขกของโลกเวทมนตร์ที่จะถูกเชิญให้ไปเข้าร่วมงานด้วยก็ตาม
เลยเดินเอาบัตรเชิญไปให้กับเหล้ารัม และตั้งใจว่าจะกลับมาอุ่นกับข้าวต่อ
แต่สิ่งที่เหล้ารัมพูดออกมาตอนที่รับบัตรไปเนี่ยสิ...
"ถ้าอยากไปก็ดีเลยครับ"
"ครับ?"
"ผมกำลังหาคู่ควงไปงานอยู่พอดีเลย : )"
"..."
เดี๋ยวนะ
น่ะ..นี่แสดงว่าผมจะได้ไปร่วมงานหรอเนี่ย!?
* * * * * * *
กลางดึกคืนนั้น เหล้ารัมพาผมมายังเมืองหลวงของโลกเวทมนตร์ ด้วยเหตุผลของนายพ่อมดเหล้าที่เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า..
"แต่ถ้าคุณอยากจะไปงาน ก็ต้องมีชุดดีๆ ใส่ด้วยนะครับ : )"ทำให้ตอนนี้ เราทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่ที่ร้านตัดชุดร้านหนึ่งซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ทว่าความหรูหราภายนอกกลับโดดเด่นเกินหน้าเกินตาสองร้านใหญ่ที่ตั้งขนาบข้าง
'coven.'ป้ายชื่อร้านที่เป็นอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็กล้วน (แบบภาษามนุษย์) ว่า coven. ทำให้ผมรู้สึกคุ้นเสียจนต้องพยายามเค้นหัวสมองเพื่อคิดให้ออกว่าเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อนกันแน่ อืม...
'ฉันใส่ชุดนี้ของ coven. แล้วดูดีมั้ย แบรนด์นี้ดังมากเลยนะที่โลกเวทมนตร์น่ะ'อ๋อ~ นึกออกแล้ว! มันคือแบรนด์เสื้อผ้าที่ครั้งนึงไรเกอร์เคยใส่มาให้ผมดูตอนก่อนจะไปขึ้นรับรางวัลหนึ่งในสาขาของเขา ถึงว่าทำไมผมถึงได้คุ้นตานัก เพราะจำได้ว่าตอนนั้นไรเกอร์เองก็โชว์โลโก้ของแบรนด์ให้ผมเห็นด้วย มันถึงได้ติดอยู่ในความทรงจำแบบนี้ไง
ถ้างั้นก็แสดงว่าเหล้ารัมเองก็ตัดสินใจที่จะให้แบรนด์ coven. เป็นผู้รับผิดชอบชุดในการไปร่วมงานเลี้ยงเต้นรำพรุ่งนี้สินะ
แต่เอ๊ะ เดี๋ยวๆ ถ้าเกิดว่าผมจำไม่ผิด ไรเกอร์เคยบอกว่า...ที่ร้านนี้มันมีแต่เสื้อผ้าสั่งตัดนะ แล้วนายพ่อมดเหล้าเล่นพาผมมาสั่งวันนี้แล้วจะเอาให้ทันไปงานคืนพรุ่งนี้ มันจะได้หรอ?
"ตามผมมาสิครับวาฬ" แต่แล้วความสงสัยในหัวผมก็เป็นอันต้องสะดุด เมื่อเหล้ารัมที่ดูเหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็นว่าผมไม่ได้เดินตามเขาไปที่ประตูร้านด้วย..หันมาเรียกผมซะก่อน
"ครับๆ" ผมจึงต้องรีบก้าวยาวๆ ตามไปยืนข้างๆ เหล้ารัมอย่างรวดเร็ว
แล้วเวทมนตร์ก็เกิดขึ้น.. เมื่อทันทีที่ผมหยุดเดินก้าวสุดท้าย ประตูของร้านที่ยังไม่มีใครลงมือเคาะก็เปิดออกกว้าง ราวกับกำลังรอต้อนรับเราสองคนอยู่เลย
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมหันมองหน้าเหล้ารัมที่ก็กำลังหันมามองผมจังหวะเดียวกันพอดี จึงได้เห็นว่าเขาหันมายิ้มให้ ในขณะที่ฝ่ายผมกลับเลื่อนมือไปเกาะแขนเสื้อเขาด้วยความกังวลใจ เพราะถึงแม้ว่าร้านที่เราพากันเดินเข้ามาจะตกแต่งอย่างหรูหราและสวยงาม แต่พอไม่เห็นว่ามีใครอยู่สักคน ผมก็กลัวว่าจะมีจังหวะที่จู่ๆ เจ้าของร้านก็จะโผล่ออกมาให้ผมตกใจ...!
ปัง!"เฮ้ยยย!"
"สวัสดี : )"
นั่นไงล่ะ! ยังพูดไม่ทันจบดีเลยเห็นมั้ย จู่ๆ ประตูร้านก็ปิดไล่หลังเราสองคนเสียงดังปัง! จนผมสะดุ้งตัวเข้าไปเกาะแขนเหล้ารัมให้แน่นขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ทั้งผมและเหล้ารัมจะหันมาตามเสียงที่อยู่ด้านหลัง แล้วเราก็พบกับ...
"สวัสดี..
ซาแมนธา : )"
...ซาแมนธา?
เอ่อ.. แน่ล่ะว่าผมไม่เคยเห็นเธอมาก่อน แต่บอกได้เลยนะว่าเธอน่ะสวยมาก!
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเราสองคนในตอนนี้เธอเป็นสาวสวยตาคมขนตางอนงาม มีจมูกแหลมเหมือนพวกแม่มดยุคเก่าเก็บ ทว่าดูสวยและรับกับใบหน้าของเธอได้เป็นอย่างดี
ริมฝีปากที่หยักยิ้มให้เหล้ารัมนั้นฉาบเคลือบด้วยสีแดงสด สีเดียวกันกับชุดเดรสเกาะอกสุดเซ็กซี่ที่แนบไปกับรูปร่างอวบอิ่มและแสนจะยั่วยวนของเธอ
ซึ่งจากที่ผมพิจารณานะ ผมว่าเธอเป็นคนที่มีจริตค่อนข้างมากเลยทีเดียว ทั้งท่วงท่าในการขยับ รวมถึงการใช้สายตาที่มองผมกับเหล้ารัมสลับกันไปมาด้วย
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเหล้ารัม คิดถึงเป็นบ้า!" ซาแมนธาเป็นฝ่ายเริ่มต้นคุยกับเหล้ารัมก่อน โดยการแสดงความคิดถึงออกมาอย่างจริงจัง
"อย่ามาพูดเป็นเล่นน่า" ทำเอาอีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนต้องการจะหยอกล้อ
"จริงสิยะ! มาๆ มากอดกันให้หายคิดถึงหน่อย~" แล้วสุดท้าย ทั้งคู่ก็กอดกันตามคำเชิญชวนของฝ่ายหญิง ปล่อยให้ผมได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆ มองพวกเขากอดกันโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
คือ.. ก็ไม่เชิงว่าผมไม่คิดอะไรกับความสนิทสนมของทั้งเหล้ารัมและซาแมนธาหรอกนะ เพียงแต่พอคิดขึ้นมาแล้ว มันก็มีอีกความคิดนึงหักล้างขึ้นมาว่า..
ใจของเหล้ารัมไม่ได้อยู่กับซาแมนธานะ เพราะฉะนั้นมันก็คงจะไม่มีอะไรหรอก เว้นเสียแต่ว่าใจของฝ่ายหญิงจะอยู่กับนายพ่อมดเหล้าแทน
แล้วหลังจากนั้นไม่นานนัก ซาแมนธาก็เป็นคนผละออกก่อนด้วยท่วงท่าที่งดงามในแบบที่ผมเชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนจะต้องอยากดึงเธอกลับเข้ามากอดอีกครั้ง ยกเว้น..เหล้ารัม เพราะเขาผละแล้วผละเลย ดูไม่มีการอ้อยอิ่งแต่อย่างใด แถมยังถอยกลับมายืนข้างผมเหมือนเดิมด้วย
มันทำให้ผมรู้สึก... ดีแฮะ : )
"แล้วนี่ใครกัน มนุษย์ไม่ใช่หรอ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ" นั่นเลยทำให้ซาแมนธาเริ่มหันมาสนใจผมอย่างจริงจังบ้าง จนเหล้ารัมต้องรีบแนะนำตัวให้กับพวกเรา
"วาฬ นี่
ซาแมนธา โคฟีลี่ เป็นเจ้าของห้องเสื้อ coven. แห่งนี้ แล้วก็เป็นเพื่อนของผมด้วย"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณซาแมนธา" ผมโค้งคำนับตามแบบฉบับการทักทายของโลกเวทมนตร์ ในขณะที่อีกฝ่ายก็กางมือออกเล็กน้อยข้างลำตัวและถอนสายบัวรับแบบสุภาพสตรี เหล้ารัมก็เลยแนะนำผมให้ซาแมนธารู้จักบ้าง
"ส่วนซาแมนธา นี่วาฬนะ เป็น.. เอ่อ.. เป็น.." แต่พอมาถึงผม เหล้ารัมที่แนะนำอีท่าไหนไม่รู้ จู่ๆ ก็เกิดการตะกุกตะกักขึ้นมาซะอย่างงั้น แถมยังหันมามองหน้าผมเหมือนต้องการให้ช่วยหาคำตอบด้วย จนซาแมนธาที่กลับมายืนตัวตรงเป็นปกติแล้ว ถึงกับต้องขมวดคิ้วมองเราสองคนสลับกันไปมา
"เอ่อ.. เพื่อนครับ เราสองคนเป็นเพื่อนกัน" ผมตัดสินใจรีบตอบคำถามแทนนายพ่อมด ก่อนที่คนรอคำตอบจะรอนานกว่านี้
"อ๋อ โอเคค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะวาฬ ประทับใจจังที่มนุษย์อย่างคุณรู้จักทำความเคารพแบบพวกเราด้วย ถือว่าเป็นการให้เกียรติกันมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ" ทำให้ซาแมนธาคลายคิ้วที่ขมวดกันอยู่ออก แล้วส่งยิ้มมาให้ พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมเรื่องการทำความเคารพของผมที่เนียนไปกับสถานที่
ก็แหงล่ะ ถ้าซาแมนธารู้ว่าผมนามสกุลอะไร และเติบโตมาใกล้ชิดกับพ่อมดแม่มดขนาดไหน ก็คงจะไม่แปลกใจหรอกที่ผมแสดงความเคารพได้อย่างเป็นเรื่องธรรมชาติแบบนี้
แต่จะว่าไป.. มันก็แปลกอยู่นะที่เธอดูจะไม่ติดใจอะไรกับคำตอบของผมเลย คือแบบ.. พ่อมดแม่มดส่วนใหญ่เวลาเห็นมนุษย์อยู่กับพ่อมดแม่มดก็จะเกิดคำถามมากมาย และคำถามที่สำคัญที่สุดคือ..มาจากตระกูลไหน? เพราะต้องการให้แน่ใจว่ามนุษย์แบบผมมาจากครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริงๆ แต่นี่ซาแมนธาดูไม่สนใจที่ผมแตกต่าง ก็แค่พูดว่า 'มนุษย์ไม่ใช่หรอ ทำไมมาอยู่ที่นี่' เหมือนคำถามเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป อืม... ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเหล้ารัมพามนุษย์มาหาซาแมนธาบ่อยๆ ก็คงเป็นเพราะว่าเธอไม่ใช่พวกยอมเรื่องของคนอื่นน่ะนะ
ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
"ด้วยความยินดีครับ"
"เพื่อนงั้นหรอ? อืม.. ผมว่าไม่ใช่นะ : )" แต่ในขณะที่การแนะนำตัวกำลังจะจบลงด้วยดี จู่ๆ เหล้ารัมก็ดันโยนระเบิดลงมากลางวงซะอย่างงั้น!
ละ..แล้วถ้าไม่ใช่เพื่อนมันจะอะไรล่ะ!? เป็นคู่พันธะสัญญาก็บอกคนอื่นไม่ได้ แฟน..ฟะ..แฟนก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่!
"แล้วถ้างั้นเป็นอะไรกันแน่" ทำให้คราวนี้ซาแมนธาที่เหมือนจะเลิกสนใจเรื่องความสัมพันธ์ไปแล้วถึงกับเท้าเอวแล้วหรี่ตามองนายพ่อมดเหล้าอย่างรอคำตอบ อารมณ์ประมาณว่า..ถ้าคราวนี้ยังไม่ได้คำตอบที่แท้จริงล่ะก็เหล้ารัมเจอดีแน่ ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรก็เลยได้แต่ยืนรอฟังไปด้วย
แล้วในที่สุด...
"ต้องเรียกว่าวาฬเป็น.. เจ้าของหัวใจ : )"
"ต๊ายยย!"
...เหล้ารัมก็บอกสถานะของผมออกมา
ทำเอาซาแมนธาถึงกับกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ในขณะเดียวกัน.. สีหน้าของเธอก็ดูยิ้มแย้มและเบิกบานกับสิ่งที่ได้ยิน จนผมนึกสงสัยว่าซาแมนธานี่เป็น..แม่มดสาววายปะ!?
คือ.. ไม่ใช่ว่าสาววายไม่ดีนะครับ แต่สถานการณ์แบบนี้ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปคือต้องตกใจและแสดงออกว่าไม่โอเคไม่ใช่หรอ!?
"งั้นก็แสดงว่าวาฬเป็นแฟนของนายน่ะสิ! โอ๊ยยยย ตายแล้วๆ ฉันดีใจด้วยนะยะ บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่างนายน่ะต้องเป็นเกย์ชัวร์! เพราะขนาดว่าฉันยั่วยวนซะขนาดนี้นายยังคิดกับฉันแค่เพื่อนเลย แล้วเป็นไงยะ ควงผู้ชายหน้าหวานมาแบบนี้ ผิดจากที่ฉันพูดที่ไหนกันเล่า!"
แถมยังออกตัวแรงใช้คำว่า 'แฟน' ให้ผมกับเหล้ารัมด้วย ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงไงครับ ฟะ..แฟนเฟินที่ไหนกัน ถึงผมจะมีพันธะ (สัญญา) ผมก็ยังโสดอยู่นะ ไม่เคยมีใครมาขอเป็นแฟนสักหน่อย
แต่ความเข้าใจผิดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะหาจังหวะอธิบายอะไรไม่ได้เลย เพราะซาแมนธาเอาแต่กระโดดโลดเต้นอย่างมีจริตเสียยกใหญ่ในขณะที่พูดนั่นพูดนี่ออกมา
จนเหล้ารัมต้องเอ่ยปากต่อบทสนทนานั่นแหละ เธอถึงได้ยอมหยุดและฟัง "คุณก็รู้ว่าอย่างพวกเราน่ะมันรักคนยาก กว่าจะเจอคนที่ใช่มันก็ต้องใช้เวลา" ก่อนที่จังหวะนั้นนายพ่อมดเหล้าจะหันมามองผม เหมือนต้องการจะให้ผมรู้ว่า 'คนที่ใช่' ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเงาที่สะท้อนอยู่ภายในตาสีม่วงอ่อนคู่นั้น และมันก็คือ..ผม "แต่เราก็ยังไม่ใช่แฟนกันหรอกนะซาแมนธา"
"อ้าว! ก็นายบอกเองว่าเป็นเจ้าของหัวใจ ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วจะให้เรียกว่าอะไร คนรักหรอ?" ซาแมนธาหุบยิ้มลงทันที ดูเหมือนว่าระดับอารมณ์ของเธอจะสามารถขึ้นสุดลงสุดแบบไม่ต้องอาศัยความต่อเนื่องเลยนะ
"คนรักยิ่งไม่ใช่ใหญ่ เพราะมีแค่เขาที่เป็นเจ้าของหัวใจผม แต่ว่าผมน่ะ..ยังเป็นเจ้าของหัวใจวาฬไม่ได้เลย : )"
ตึกตัก ตึกตักกะ..ก็จริงอย่างที่เหล้ารัมบอกนั่นแหละ เขายังไม่ใช่เจ้าของหัวใจของผมนะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม.. พอเหล้ารัมพูดและยิ้มออกมาด้วยความเป็นธรรมชาติของเขาแบบนั้น หัวใจผมมันกลับกระตุกและเต้นแรงขึ้นมาทันที! ทั้งๆ ที่สิ่งที่นายพ่อมดเหล้าพูดก็แฝงความเศร้าอยู่ในนั้นด้วย ไม่ใช่อะไรที่น่าจะใจเต้นแรงด้วยเลยสักนิด
หรือว่า.. หัวใจของผมมัน.. ต้องการที่จะประท้วงอะไรรึเปล่าวะ!?
"อ๋อ แบบนี้นี่เอง ปัญหาสุดคลาสสิคของรักต่างเผ่าพันธุ์สินะ"
แล้วไหนจะคำพูดต่อจากนั้นของซาแมนธาอีก.. ที่ถึงแม้ว่าจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับทำให้คนฟังที่ตอนแรกกำลังใจเต้นแรงอยู่อย่างผม เป็นอันต้องรู้สึก..โหวงเหวงภายในหัวใจ พร้อมกับจังหวะการเต้นที่ดูจะเชื่องช้าลงกว่าเดิม..
ปัญหารักสุดคลาสสิคอย่างงั้นหรอ?
แสดงว่าเกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นอมตะเลยสินะ แล้ว... ส่วนใหญ่เวลาที่เกิดความรักแบบนี้ขึ้น เขาผิดหวังหรือสมหวังมากกว่ากันล่ะ?
"ก็ประมาณนั้น" คำถามมากมายเริ่มเกิดขึ้นในหัวผมต่อจากนั้น แต่ผมพยายามที่จะปัดมันทิ้งไป และหันมองเหล้ารัมที่เพิ่งจะกล่าวตอบรับประโยคของซาแมนธา ทำให้เธอยักไหล่ทีนึงเพื่อเป็นภาษากายในการตอบรับคำพูดของเหล้ารัมเช่นกัน
แล้วในขณะที่จะต้องเริ่มบทสนทนาใหม่ เพราะบทสนทนาเก่าสิ้นสุดลงและไม่สามารถไปต่อได้ ซาแมนธาในชุดสีแดงก็ทำหน้าตกใจเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้..
"ตายจริง! ฉันลืมไปเลยว่าลืมชวนพวกนายนั่ง" ..นั่นก็คือเรื่องที่เธอปล่อยให้เรายืนคุยกันอยู่สักพักนึงแล้ว ซาแมนธาจึงรีบกุลีกุจอพาผมและเหล้ารัมไปนั่งลงตรงชุดโซฟาใกล้กับเตาผิงที่มีรูปสวยๆ ของซาแมนธาในชุดราตรีหลากหลายรูปแบบแขวนอยู่รวมกันอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเกือบทุกรูปจะมีชายหน้ามึนในชุดสูทสีเทายืนถ่ายอยู่ด้วย ไม่เว้นแม้แต่.. รูปที่ซานแมนธาถ่ายคู่กับเขา..ที่กำลังนอนหลับตานิ่งอยู่ในโรงศพอย่างดี และมีช่อดอกไม้สีแดงวางอยู่บนอก..
นั่นพอจะทำให้ผมเดาเรื่องได้ไม่ยาก.. และผมจะไม่มีทางถามถึงมันออกมาเด็ดขาด..
"ขอบคุณนะครับ" แต่เลือกที่จะกล่าวขอบคุณเมื่อได้นั่งลงข้างๆ เหล้ารัมที่โซฟายาวแทน
ส่วนซาแมนธา เธอเลือกที่จะนั่งเก้าอี้นวมซึ่งอยู่ฟังตรงข้าม ซึ่งก็ดี นั่งแบบนี้มันจะถึงคุยกันได้ถนัดๆ น่ะนะ
"ไม่ต้องขอบคุณหรอก เรื่องแค่นี้เอง" ซาแมนธากวักมืออย่างไม่ซีเรียส ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องเสียที "ว่าแต่พวกนายเถอะ มาหาฉันวันนี้ มีธุระอะไรล่ะ"
ถึงจะใช้คำว่า 'พวกนาย' แต่ดูท่าว่าแม่มดสาวจะโฟกัสสายตาไปที่เหล้ารัมนะ ซึ่งก็ถูกแล้ว เพราะว่าเขานั่นแหละที่เป็นคนพาผมมา
"ผมอยากให้คุณช่วยตัดชุดให้เราสองคนหน่อย"
"ตัดชุดงั้นหรอ ชุดอะไรล่ะ ชุดแต่งงานหรือเปล่า?" ส่วนคำถามนี้ซาแมนธากลับเลือกหันมาทางผมแทน พร้อมทั้งฉีกยิ้มอย่างคนอยากแกล้ง ซะ..ซึ่งมันได้ผลมาก!
"เอ่อ.." เพราะผมถึงกับกลายเป็นปลาขาดน้ำพูดอะไรไม่ออกไปเลย..
"นี่ อย่าแกล้งวาฬน่าซาแมนธา" จนเหล้ารัมต้องรีบช่วย
"แหมๆ แหย่นิดแหย่หน่อยไม่ได้เลยนะยะ" ส่งผลให้อีกฝ่ายตัดพ้อขึ้นมาด้วยน้ำเสียงฟังดูเหมือนกับคนกำลังน้อย แต่ไหงริมฝีปากแดงสดกลับหยักยิ้มพึงพอใจซะจนปิดไม่มิด ก่อนจะเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อสลับข้างไขว่ห้าง แล้วเอนหลังพิงกับพนัก "แล้วสรุปว่าอยากจะตัดชุดอะไรล่ะ"
"ชุดไปงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากของ
ตระกูลเกรวินเกอร์ที่จะจัดขึ้นในคืนวันพรุ่งนี้สำหรับเราสองคน คุณพอจะช่วยตัดให้ผมได้มั้ยซาแมนธา : )"
"ว่าไงนะ!?" แล้วผมก็ถึงกับสะดุ้งที่จู่ๆ ซาแมนธาก็แผดเสียงขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอยังยิ้มอยู่เลย คะ..คงเพราะคำขอของเหล้ารัมสินะ!?
"ผมบอกว่าผมอยากให้คุณช่วย..."
"นายคิดว่านายเป็นใครกันเหล้ารัม! กล้าดียังไงมาสั่งตัดวันนี้แล้วจะเอาคืนพรุ่งนี้ ขนาดว่าเจ้าชายมาขอให้ฉันตัดกะทันหันฉันยังไม่รับเลย แถมยังสั่งสอนส่งท้ายให้รู้สึกนึกด้วย แล้วนายล่ะเป็นใครใหญ่มาจากไหน เป็นพระราชาหรือไงยะ!!"
วินาทีที่ความเดือดของซาแมนธาดูจะสูงขึ้น ผมอยากจะลากเหล้ารัมออกจากร้านด้วยความหวาดหวั่นใจ เพราะกลัวว่าจะต้องเกิดการดวลเวทมนตร์ขึ้นมาเสียแล้ว แต่ดูนายพ่อมดเหล้าสิ! นอกจากที่จะไม่สะทกสะท้านสะเทือนอะไรแล้ว ยังยิ้มใจเย็นอยู่ได้ บ้าที่สุด!
"ผมไม่ใช่พระราชาหรอกซาแมนธา ผมก็แค่พ่อมดธรรมดาๆ คนนึงที่อยากได้ชุดของคุณใส่ไปออกงานคืนพรุ่งนี้ ในเมื่อคุณก็รู้ดีว่าเสื้อผ้าสั่งตัดของแบรนด์ coven. น่ะดีที่สุดในโลกนี้แล้ว แล้วคุณจะยังใจร้าย ปล่อยให้ผมกับวาฬใส่ชุดของแบรนด์อื่นไปร่วมงานอีกหรอครับ"
"..."
ผมมองเหล้ารัมที่พยายามจะใช้น้ำเสียงออดอ้อนเพื่อให้ได้มาซึ่งชุดสั่งตัดของแบรนด์ coven. สลับกับแม่มดสาวเจ้าของแบรนด์ที่กำลังหน้างอกอดอกโดยไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
"เหล้ารัม ผมว่า.." นั่นเลยทำให้ผมตัดสินใจที่จะเสนอความคิดเรื่องเปลี่ยนแบรนด์กับเหล้ารัม เพราะถึงผมจะไม่ใช่คนตัดเย็บ แต่ผมก็เข้าใจซาแมนธาดี ว่าสิ่งที่นายพ่อมดเหล้าขอมันมากเกินไป ทว่า.. เหล้ารัมกลับคว้ามือผมไปจับไว้ ก่อนจะบีบหนึ่งทีเหมือนต้องการจะส่งสัญญาณให้รู้ว่าเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ผมก็เลย..เงียบ และเลือกที่จะเป็นคนประเมินสถานการณ์ต่อไป
แล้วใครจะคิด ว่าจู่ๆ.. "โอเค ฉันยอมตัดให้ก็ได้!" คนที่เพิ่งจะแผดเสียงเหมือนโกรธเหล้ารัมมาก จะยอมคลายแขนที่กอดอกอยู่ลง แล้วยอมแพ้อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่นายพ่อมดเหล้าก็ดูจะไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่าเลยด้วยซ้ำ "แต่ฉันจะตัดให้แค่ชุดเดียวเท่านั้น เพราะฉันไม่มีเวลามากพอหรอก รู้ไว้ซะด้วย!"
"มันต้องมาอย่างงี้สิซาแมนธา : )"
"ไม่ต้องมาอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะยะ! นายทำฉันโกรธมาก รู้ไว้ซะด้วย!"
อย่าว่าแต่ซาแมนธาเลย เป็นผมก็คงเคืองเหมือนกันนั่นแหละ สั่งวันนี้จะเอาพรุ่งนี้ ถึงพ่อมดแม่มดจะเสกนั่นเสกนี่ได้ แต่กับงานฝีมือน่ะ พวกเขาไม่ใช้เวทมนตร์กับสิ่งเหล่านี้หรอกนะ นั่นก็เท่ากับว่า ซาแมนธาจะต้องตัดชุดด้วยตัวของเธอเอง แถมยังอยู่ภายในเวลาที่จำกัดด้วย
เป็นผมนะ ผมไม่รับเด็ดขาด!
"ว่าแต่จะให้ตัดให้ใครล่ะ จะได้วัดตัวถูก เพราะฉันให้ได้แค่ชุดเดียวเท่านั้นจริงๆ ห้ามต่อรองอะไรทั้งนั้น แล้วก็รีบๆ ตอบมาด้วย ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ" หลังจากนั้นซาแมนธาก็ลุกขึ้นยืนกอดอกหันมาทางผมกับเหล้ารัม แม้จะยังดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก แต่ก็ดูพร้อมจะเริ่มทำงานของเธอแล้ว
"งั้น.. เอ่อ.. ผมว่าคุณตัดให้เหล้ารัมดีกว่านะครับซาแมนธา ชุดของคุณน่าจะเหมาะกับเขามากกว่าผม" ผมเลยผายมือไปทางเหล้ารัม แต่ดูเหมือนว่าเขาจะส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
"ถ่อมตัวเกินไปแล้วหนุ่มน้อย งั้นฉันตัดสินใจเองเลยก็แล้วกัน ฉันจะตัดให้คุณค่ะวาฬ โอเคนะ" ในขณะที่ซาแมนธาเองก็ยืนยันที่จะตัดให้ผม
"อะ..โอเคครับ" ผมเลยต้องรีบตอบรับทันที เพราะเดี๋ยวมัวแต่เกี่ยงไปมา นอกจากจะไม่ได้สักชุดแล้ว ซาแมนธาอาจจะคิดว่าผมไม่ให้เกียรติเธอก็ได้
อีกอย่าง ผมว่าเหล้ารัมน่าจะโอเคที่ไม่ได้ชุดนะ เพราะเขาดูจะไม่เสียใจเลยสักนิดที่ซาแมนธาเลือกผม แต่กลับเอนตัวผิงโซฟาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และมองดูผมเดินไปหาแม่มดสาวที่กำลังกระดิกนิ้วขึ้นกลางอากาศ
แล้วไอ้การกระดิกนิ้วนั้น มันก็ส่งผลให้สิ่งของสามสิ่งลอยมาหาเธอ ได้แก่สมุด ดินสอ และสายวัด
"โอเค งั้นเรามาเริ่มวัดตัวกันเลยก็แล้วกัน" ซาแมนธาคว้าสมุดด้วยมือซ้ายเพื่อเปิดมันไปตรงหน้าที่ยังว่าง เสร็จแล้วก็ใช้มือขวาคว้าดินสอไว้ โดยปล่อยให้สายวัดยังคงลอยอยู่กลางอากาศแบบนั้น "ถอดเสื้อผ้าออกเลยจ้ะ"
"อะ..อะไรนะครับ!?"
"ฉันบอกให้คุณถอดเสื้อผ้าออกไง"