็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62  (อ่าน 39141 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอๆ

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 18

   ช่วงนี้เป็นอีกช่วงเครียดๆของมหาวิทยาลัย มองไปทางไหนก็จะเห็นทุกคนมีหนังสือหรือโน้ตย่อๆเดินถือไปมาเต็มไปหมด ทุกวินาทีมีค่าจริงๆ สำหรับการสอบไฟนอล เพราะวันไนท์มิราเคิลมีอยู่จริงครับ เรื่องจริงคือเนื้อหาที่เรียนมาทั้งเทอมอ่านตั้งแต่เปิดเทอมยังไม่จบเลยครับ
   มันเป็นความเครียดที่ติดๆอยู่ในหัว จะทำอะไรก็ไม่ได้เพราะยังอ่านหนังสือไม่จบ สำหรับการเรียนมหาลัยถ้าไม่อ่านหนังสือสอบคือทำไม่ได้จริงๆครับ และผมไม่สามารถส่งกระดาษโล่งๆได้ เพราะบางวิชามิดเทอมผมก็ทำไว้คาบเส้นอยู่พอตัว
   และถ้าเกรดผมไม่ดี ทุนผมจะหายวับไปกับตา ซึ่งผมคงจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
   แต่วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของมหาวิทยาลัยและที่สำคัญนี่ยังเป็น
   ......วันคริสต์มาสด้วย
   มหาวิทยาลัยของผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันคริสต์มาสมากมายนัก เพราะนักศึกษาหลายๆคนก็สอบเสร็จกันนานแล้ว แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านกันหมด แต่ก็ยังไม่บางส่วน ที่ยังถือว่าเยอะอยู่พอควร สโมสรเลยจัดงานเล็กๆเหมือนไว้ปล่อยผีหลังสอบเสร็จ
   แน่นอนว่าโนแอลกอฮอล์ โนบุหรี่ เรามีคอนเสิร์ตเล็กๆจากคณะดุริยางคศิลป์ และอาหารขายประมาณสิบกว่าซุ้ม จากนักศึกษาที่อยากจะทำขาย บรรยากาศในงานดีเลยทีเดียว ไฟสวย ดนตรีเพราะ และกลิ่นอาหารหอมมาก
   ประเด็นมันอยู่ตรงนี้
   ก็คุณครูที่ติวให้ผมน่ะ เขาจะขึ้นเล่นดนตรีด้วยน่ะสิครับ
   แต่งานนี้พี่แกไม่เป็นนักร้องนะครับ เขามาเล่นกีตาร์ให้เฉยๆเป็นคำเชิญจากเพื่อนสมัยมัธยม ซึ่งผมก็มาเดินซื้อของกินรอ เอาจริงๆผมก็แอบตื่นเต้นนิดหน่อย อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องที่เคยทำ จนได้แต่รู้สึกอับอายขายขี้หน้าอยู่ในใจ คิดได้ยังไงขึ้นไปจูบเขากลางเวที หนึ่งเทอมที่ผ่านมาผมรู้สึกโตขึ้นมานิดหน่อย นึกถึงแล้วก็ไม่น่าไปทำอะไรแบบนั้นเลย แล้วเป็นไงละ อับอายจนวันนี้
   งานนี้เป็นง่ายๆจัดกันเอง ดูแลกันเอง ซึ่งผมก็รู้สึกว่ามันอบอุ่นดี เหมือนทุกคนอยากให้งานเกิดขึ้น ก็เลยช่วยๆกัน คนนึงร้องเพลง คนนึงขายอาหาร คนนึงประสานงาน อารมณ์แบบว่าถ้าคุณอยากจะให้งานนี้มีต่อไปก็ทำตัวกันดีๆ ผมว่ามันก็เป็นฟีลที่เหมือนกับทุกคนก็มีจุดหมายเดียวกันคืออยากจะพักใจ หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยเกือบตายกันมาทั้งอาทิตย์
   เสียงเพลงดังขึ้นหน้าเวที ผมถึงพึ่งรู้ตัวว่าซื้อของกินจนเพลิน ไม่ได้สนใจเวทีเลยสักนิด เด็กมหาลัยนี้ ทำขนมได้น่ากินจริงๆครับ แต่ผมก็เลือกที่จะทิ้งเฟรนฟรายแล้วเดินไปหน้าเวทีแทน ดูสิว่าผมชอบพี่เขาขนาดไหน นี่ผมยอมทิ้งของกินเลยนะ นั่นเฟรนฟรายราดชีสเลยนะครับ
   คนเยอะกว่าที่ผมคิดเอาไว้มากเลย ตอนนี้หน้าเวทีมีคนมายืนกันเยอะมาก แต่ก็ไม่ได้แน่นขนาดที่แทรกตัวเข้าไปไม่ได้ แน่นอนว่าผมเป็นแฟนที่ดี เดินไปให้กำลังใจพี่ไทม์หน้าสุดเลย พร้อมอาหารในมือที่เยอะขนาดที่ว่า กระโดดทีก็ต้องมีร่วงมาบ้างแน่ๆ ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการกินรอ ระหว่างที่เพลงแรกๆยังเป็นเพลงช้าอยู่ พี่ไทม์ยิ้มขำผม ตอนยัดขนมจีบใส่ปาก ผมก็ถลึงตาใส่เหมือนว่าจะมองอะไรนักหนา คนอื่นเขามองกันหมดแล้ว
   พี่ไทม์ก็ถือว่าเป็นที่รู้จักในมหาลัยอยู่พอสมควร หน้าตาดี เล่นดนตรีก็ดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่ามีแฟนเพจ เอฟซีอะไรมากมายขนาดนั้น คนติดตามในโซเชี่ยลเขาเยอะจริง แถมยังเป็นเป้าสายตาเวลาอยู่ในที่สาธารณะ แต่คนที่นี่ผมสังเกตเห็นค่อนข้างชัดว่าจะต่างคนต่างอยู่กันซะมากกว่า  อย่างมากเขาก็จะมองว่าคนนี้หล่อ แล้วเก็บไปกรี๊ดกันเงียบๆ จากนั้นก็ขุดโซเชี่ยลมาส่องกัน ตามหาว่านี่ใคร คณะอะไร มีแฟนรึยัง คนหล่อๆก็จะอยู่ได้อย่างสงบสุขแบบปกติชนทั่วไป
   ผมแวบเดินออกไปทิ้งขยะข้างๆเวที แล้วแทรกซึมกลับมายืนหน้าเวทีอีกครั้ง งานนี้มีแต่เพลงเก่าๆที่จะถูกเล่น
ธีมงานก็จะให้อารมณ์เหมือนอยู่ในยุคก่อนๆ ฟังจากเพลงแล้วผมน่าจะอยู่ประถมได้
   
 “   ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น
         ตกลงให้เรารักกันใช่มั้ย อย่างนั้นขอได้หรือไม่
         โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก
         ให้เรารักกัน เนิ่นนานถึงจนวันตาย
         ฉันขอได้ไหม
         ฉันขอได้ไหม……”

         เพลงนี้ผมไม่ได้ฟังนานมากๆแล้ว เหมือนจะลืมไปแล้วด้วยว่าเคยฟัง พอได้ยินอีกครั้งก็เหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ
         “ต่อไปเรามาฟังเพลงสนุกๆกันบ้างนะครับ”
         พี่นักร้องที่ผมไม่รู้จักบอกออกมาหลังร้องเพลงพรหมลิขิตจบ เพลงที่ถูกเล่นออกมาทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะโยกตัวตามไป บางจังหวะก็กระโดดพร้อมกับคนข้างๆ ดีนะผมกินก๋วยเตี๋ยวหลอดหมดแล้ว ไม่งั้น กลายเป็นก๋วยเตี๋ยวโดนเหยียบแหงๆ
         ก่อเกียรติกลับบ้านไปตั้งแต่สอบเสร็จแล้ว ผมเลยมากระโดดกระเด้งอยู่ตรงนี้คนเดียว มันบอกว่าจะกลับไปบ้านที่จีนปีใหม่นี้ เลยต้องรีบกลับ ส่วนตัวผมก็มีแพลนไว้เหมือนกันในช่วงหยุดปีใหม่ และมันเป็นแพลนที่ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว เป็นแพลนร่วมกันกับคนบนเวทีนู่นตั้งหาก
         เพลงดำเนินมาจนถึงเพลงสุดท้าย ตอนนี้ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว งานนี้เริ่มตั้งแต่ทุ่มนึง มันเป็นงานที่ทุกคนต้องพยายามทำตัวเรียบร้อย เพราะฉะนั้นเราจะไม่เลิกดึก ไม่งั้นเราจะได้รับคำฟ้องร้องจากคอนโดฝั่งตรงข้ามว่าใช้เสียงดังเกินกว่าเหตุ และเพลงสุดท้ายนี้เป็นอีกเพลงที่ผมไม่ได้ฟังมานานมากๆๆ เพราะผมแทบจะไม่แตะเพลงของวงในไทยเลย หันไปฟังเพลงสากลซะมากกว่า ซึ่งรสเพลงในการฟังของผมกับพี่ไทม์จะเหมือนกัน เราเลยแชร์เพลงด้วยกันได้ แต่เพลงเป็นอีกเพลงที่ผมเคยชอบ ผมเลยรู้สึกดีที่ได้กลับไปฟังมันอีกครั้ง และผมยังรู้สึกชอบมันเหมือนเดิม เพราะว่ามันเป็นเพลงที่น่ารักมากครับ

“         ONE !    
           TWO
           ONE !
          TWO
          THREE
           FOUR!
          มีแต่เธอ มองให้ลึกลงไปที่สุดตรงกลางใจฉันนั้นมีแค่เธอ
         มองแต่เธอ วอนให้ฉันยืนเคียงข้าง หากในนาทีนี้มีเพียงแค่เธอ ”


         ผมฟังเพลงเพลินจนไม่รู้ตัวเลยว่าคุณมือกีตาร์ไม่ได้อยู่บนเวทีแล้ว รู้ตัวอีกทีก็มีเสียงกระซิบข้างหูผม ที่ดังพร้อมเสียงกรี๊ดเบาๆรอบตัว
“กินขนมหมด ไม่คิดเผื่อพี่เลยนะครับ”
“เอ้า พี่ลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“นี่ตกลงว่ามากินหรือมาดูพี่เนี่ย ไม่สนใจพี่เลยนะเราอะ”
“ก็ของกินมันอร่อย พี่อร่อยสู้ได้ไหมละ” พี่ไทม์ยิ้มกว้างใส่ผม แล้วขยับมากระซิบใกล้ๆและแม้ว่าดนตรีจะดังมากๆ ผมก็ยังได้ยินเสียงพี่มันชัดเจน
“อยากรู้ก็กลับไปกินที่ห้องสิ”
“มาพูดอะไรตรงนี้เนี่ย” พี่ไทม์ไม่ได้เถียงต่อ เขาแค่ยิ้มแล้วหันกลับไปมองเวทีต่อ ผมเลยเขย่งเท้าขึ้นไปพูดข้างหูเขา
“ทำไมพี่ลงมาก่อนละ”
“ก็พี่อยากมาฟังเพลงสุดท้ายกับเราไง”
พี่ไทม์พูดแค่นั้น แล้วเราก็ยืนจับมือกันฟังเพลงสุดท้ายของงาน และช่วงของเพลงที่มันส์มากๆเราก็กอดคอกันแล้วกระโดดไปกับคนรอบตัว

          “หากในคืนนี้เรามีเพียงเธอ จับมือไว้ใจเต้นสั่น
          มีแต่ฉันและมีเพียงรักรักเธอจะรักจนสุดหัวใจไม่มีเปลี่ยน
 
          มีแต่เธอ มองให้ลึกลงไปที่สุดตรงกลางใจฉันนั้นมีแค่เธอ
          มองแต่เธอ วอนให้ฉันยืนเคียงข้าง หากในนาทีนี้มีเพียงแค่เธอ มาเต้นกัน”









   วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อเริ่มแผนแรกในวันหยุดปีใหม่กัน
   
......วันนี้เราจะไปบ้านพี่ไทม์กัน

         ด้วยเหตุที่ผมไม่แน่ใจว่าจะกลับบ้านดีไหม ผมเลยไม่มีที่ไป พี่ไทม์เลยชวนผมกลับบ้านด้วยกัน ตอนแรกผมเองก็กังวลอยู่เหมือนกันว่าจะไปดีเหรอ เราเองก็พึ่งจะคบกันได้ไม่นาน แต่พี่มันก็บอกด้วยท่าทีชิวๆว่าไม่เป็นอะไรหรอก เขาบอกผมว่าเดี๋ยวผมไปก็จะรู้เอง ผมเห็นท่าทีสบายใจเกินเหตุก็เลยเลิกคิดมาก หันไปคิดว่าจะซื้ออะไรไปบ้านพี่ไทม์ดี
         ตัดสินใจว่าจะบอกที่บ้านพี่ไทม์ว่าเป็นแค่รุ่นน้อง แต่ไอ้คนพี่มันก็ไม่ยอม ผมเลยต้องตามน้ำ ไปดูเอาดาบหน้าว่าจะบอกดีไม่บอกดี บ้านพี่ไทม์อยู่ในตัวกรุงเทพฯ จะเรียกว่าไกลจากมหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้น แต่เพราะรถมันติดแบบติดโคตรๆ เลยใช้เวลานานมากๆกว่าจะมาถึง บ้านพี่ไทม์ตอนนี้อยู่กันแค่พ่อกับแม่พี่ไทม์ เกษียรแล้วทั้งคู่ พี่ไทม์มันเป็นลูกหลงครับ เลยห่างกับพี่สาวตั้งเจ็ดปี ส่วนพี่สาวก็มีครอบครัวแล้ว
เลยมีแค่พ่อกับแม่เขาอยู่กันสองคน ซึ่งอายุพ่อแม่พี่ไทม์นี่พอๆกับตากับยายผมเลย ในขณะที่พ่อกับแม่ผมอายุน้อยกว่า และตากับยายผมก็เสียแล้วทั้งคู่
 
         และตอนนี้ผมก็มาถึงบ้านของคุณหัสวรรษแล้วครับ
          พี่ไทม์ก็ใช้ผมลงไปเปิดประตูรั้วเพื่อเอารถเข้าบ้าน ผมเป็นแขกที่ดีใช่ไหมละ สิ่งแรกที่ผมเห็น คือแมวตัวใหญ่นั่งมองผมอยู่หน้าประตูบ้าน แมวสีดำมีปลอกคอสีแดง พร้อมกระดิ่งอันใหญ่สีเหลือง มองไปมองมาเหมือนเป็นของขวัญวิ่งได้ที่อ้วนตุบ มันเดินหนีเข้าบ้านตั้งแต่เห็นผม
          ผมไปช่วยพี่ไทม์ขนของเข้าบ้าน เราซื้ออาหารทะเลมาปิ้งย่างกันตอนเย็น แล้วก็พวกผลไม้ อาหารบำรุงสุขภาพ  กระเป๋าเสื้อผ้าของเราสองคน มือผมชื้นเหงื่อ  ตอนที่เรากำลังจะเปิดประตูเข้าไป
         “เอ้า มากันแล้วเหรอ” สิ่งแรกที่ผมได้หลังจากเปิดประตูเข้าบ้าน คือกลิ่นแกงกะทิ และสิ่งที่สอง คือเสียงเรียก ของผู้หญิงร่างท้วม ผมมีสีขาวแทรมประปราย หน้าตาใจดี ยิ้มกว้างเดินมากอดผม
         มากอดผม?
         “น้องอิณ โห โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อจังเลยลูก แหม เด็กสมัยนี้ นี่โตกันเร็วจริงๆ ตอนนั้นเรายังตัวกะเปี๊ยกเดียวอยู่เลย เดียวนี่สูงกว่าคุณนาแล้ว”
คุณนา?
         แม่พี่ไทม์เดินมาดึงแก้มผมยืดไปมา ในขณะที่ผมยังทำหน้าตาเหรอหรา ของถือค้างอยู่ในมือกลางอากาศ  งงงวยว่าแม่พี่ไทม์กำลังพูดเรื่องอะไร เขาพูดเหมือนเคยรู้จักผมมาก่อน
 
         “แม่ น้องยังไม่รู้เรื่องนะ อย่าพึ่งแกล้งน้อง ให้เอาของไปเก็บก่อนสิ หนักนะเนี่ย”
         “พูดมากจริงๆ หวงก็บอกฉันมา ยังไม่หายเคืองนะ ที่เจอน้องแล้วอุ๊บอิ๊บไว้คนเดียวไม่ยอมบอกฉัน”
         “บอกช้าแต่ได้ลูกสะใภ้เลยนะ”
         “ก็ลองไม่ได้สิ ฉันจะตัดเงินเดือนแก  น้องอิณ เดี๋ยวเอาของไปเก็บในครัวนะลูก คุณนาทำแกงสายบัวไว้ให้ ที่น้องอิณเคยชอบกินไง มีขนมเยอะแยะเลยนะลูก คุณนาตั้งใจทำโดยเฉพาะเลยพอรู้ว่าน้องอิณจะมา”
         “หะ หา” ผมได้แต่ทำหน้าเอ๋อ จนพี่ไทม์ที่เดินออกมาจากครัวส่ายหัวยิ้มๆ เขาคว้าของในมือผมไปเก็บแทน ส่วนผมก็โดนแม่พี่ไทม์รวบตัวไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี
         “คุณนาเสียใจนะเนี่ย น้องอิณจำคุณนาไม่ได้”
         “คุณนา? แม่ไจแอ้นนะเหรอครับ..” ผมพยายามนึก แล้วก็สรุปได้ว่าผมเคยเรียกใครสักคนว่าคุณนาตอนสมัยประถม
         “ใช่แล้ว คุณนาที่เป็นเพื่อนคุณยายน้องอิณไง ก็สมัยก่อนแม่น้องอิณพาเรามาหายายที่ร้านอาหาร เราก็ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วน้องอิณก็เรียนที่เดียวกับไจแอ้นด้วย จำได้ไหม”
         “ตอนนั้นผมอยู่ ป.2 แล้วไจแอ้นก็อยู่ ป.5”
         “ใช่ ไจแอ้นที่ทำน้องอิณหัวแตกไงคะ แล้วก็ยังหลอกหนูไปเก็บมะม่วงจนตกลงมา ชอบว่าหนูจนหนูว่าฟ้องคุณนาไง”
         “อย่าบอกนะครับว่าไจแอ้นเด็กอ้วนที่ชอบแกล้งผมคือ...”
         “ใช่จ้ะ คนที่น้องอิณก็รู้ว่าใครนั่นแหละ”

         แล้วไจแอ้นที่ว่าก็ออกมาจากครัวรอบที่สอง ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผม เหมือนรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว



         ตอนผมสมัยเด็กที่พ่อกับแม่ยังอยู่ด้วยกัน พวกเขาเช่าห้องอยู่ แถวๆร้านอาหารที่ยายผมเปิด ซึ่งก็คือร้านที่ลุงกับป้าทำอยู่ตอนนี้ ผมเลยเรียนโรงเรียนแถวๆนั้น และผมได้รู้จักกับเด็กอ้วนอายุ 11 ปี ที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ ผมเป็นแค่น้องป.2 ไม่มีทางรู้จักเด็ก ป.5 แต่ไอ้เด็กอ้วนมันเป็นลูกของเพื่อนยาย ที่ย้ายมาอยู่ในซอยเดียวกัน
         ผมเรียกยายว่ายาย แต่เพื่อนยายไม่ยอมให้เรียก ยายนา เขาบอกผมว่ามันแก่เกินไป มันเลยเป็นที่มาของคำว่าคุณนา เพราะป้านาก็ไม่ถูกใจเขาเหมือนกัน ป้านาจะมาช่วยยายทำอาหารที่ร้านทุกเสาร์อาทิตย์และในเย็นของบางวัน คุณนาเป็นคุณครูอยู่ในโรงเรียนที่เรียกว่ามหาวิทยาลัย แฟนคุณนาถูกผมเรียกว่าลุงแปลกหน้า เพราะพยายามจะมาอุ้มผม ทั้งที่ผมไม่รู้จัก ผมเลยไม่ชอบคุยกับเขาเพราะหนวดเขาทิ่มแก้มผม
         ไจแอ้นคือไอ้เด็กอ้วนตัวโตที่ชอบมาพร้อมคุณนาแล้วแย่งขนมผมกิน เพราะว่าเขาชอบแกล้ง ตัวอ้วน ชอบใส่เสื้อสีส้ม ผมเลยเรียกเขาว่าไจแอ้น ครั้งนึงไจแอ้นจะเอาหนอนมาโยนใส่ผม จนผมต้องวิ่งหนีตกบันได หัวแตก อีกครั้งคือหลอกให้ผมไปปีนต้นไม้เก็บมะม่วง ไม่งั้นเขาจะฟ้องแม่ผมว่าผมสอบภาษาอังกฤษตก จนผมตกต้นไม้หัวแตกอีกรอบ
         และนางฟ้าที่มาช่วยผมคือชิสุกะ เขาจะมาฟาดๆๆๆใส่ไจแอ้น แล้วดึงผมไปกอด พาผมไปทำแผล คอยดูแลไม่ให้ผมโดนแกล้ง ผมไม่เคยชอบไจแอ้นเลย เพราะผมตัวเล็กมากๆเมื่อเทียบกับเด็กป.2 ด้วยกัน ผมเลยมักโดนแกล้งเสมอ
         ข้อดีเดียวของไจแอ้นคือ เขามักจะสู้กับคนที่จะมาแกล้งผม ไม่ให้มายุ่งกับผม เพื่อที่เขาจะได้แกล้งผมคนเดียว ผมรักชิสุกะมาก แต่ชิสุกะโตแล้วเลยไม่ค่อยมาเล่นด้วยกัน
         จนกระทั่งไจแอ้นจบป.6 ยายผมเสีย ลุงกับป้าเข้ามาดูแลที่ร้านแทน  บ้านทั้งบ้านของเขาก็ย้ายออกไป  แล้วผมก็ไม่เคยเจอคุณนา ลุงแปลกหน้า ไจแอ้น หรือชิสุกะอีกเลย


แล้วไอ้เด็กเวรนั่น ก็กลายมาเป็นแฟนผมในตอนนี้เอง

****************************************
กลับมาแล้วจ้า5555
          ถ้าคุณถามว่าเราไปไหนมา เราไปสอบไฟนอลมา รีวิวเลยว่าเกือบตาย แบบว่ามีสอบตั้งแต่ยังไม่ไฟนอลอะ เราสอบติดกันสามอาทิตย์ ไฟนอลอีกสอง ไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหนเลย ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้รอนาน แต่เราจำเป็นจริงๆ ขนาดสละเวลาให้เต็มที่แล้วยังไม่ค่อยจะสอบผ่านเลยค่ะ55555
         สำหรับที่คนสงสัยว่าอีพี่กับนังน้องเคยรู้จักกันมาก่อนไหม ก็เคยรู้จักนะคะ เราแพลนว่าจะแต่งให้จบภายในช่วงปีใหม่นี่แหละ ก่อนจะเปิดเทอม เพราะพอขึ้นวอร์ด เราจะไม่เหลือเวลาใดๆอีกเลย แงงงง
ตรงไหนดูขัดๆหรือว่าคำผิดตรงไหน หรือเนื้อเรื่องย้อนแย้งยังไง ก็บอกกันได้นะคะ เราเองก็มาอ่านตั้งแต่ต้นเลย ถึงจะแต่งต่อได้ 5555
         มาฟังเพลงเก่าๆกันนะคะ คิดถึงทุกคนมากเลย ปีใหม่นี้ก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ


เพลง พรหมลิขิต – Big ass
https://www.youtube.com/watch?v=nxYeic4UWTU
อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/2893
เพลง มีแต่เธอ – Paradox
https://www.youtube.com/watch?v=PvB8ICbiZA4&t=29s
อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/4094


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ไทม์นี่สร้างความประทับใจใว้ตั้งแต่เด็กๆเลยนะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจจัง  ไรท์มาต่อแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:
คนอ่านก็กลับไปอ่านอีกรอบใหม่เหมือนกัน  :z3:

พี่ไทม์ เป็นไจแอ้น เกเรหมวยตั้งแต่ปอสองเลย   :hao3:
ได้รู้อดีตทั้งสองคนเพิ่มด้วย
อย่างนี้ยิ่งเพิ่มความผูกพันกันยิ่งขึ้นไปอีก  :-[

พี่ไทม์  หมวย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
มาแล้วๆๆๆ ต้องย้อนำปิ่านอีกรอบๆๆ :o8:

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 19
   ไม่รู้ว่าควรจะโกรธดีไหม แต่พี่แกก็ทำหน้าระรื่นไม่ได้สนใจว่าผมจะโกรธรึเปล่า เหมือนพี่เขาเตรียมตัวไว้แล้วสำหรับการง้อ
   ไอ้โกรธน่ะมันก็อยากจะโกรธอยู่หรอก ตอนนั้นผมคับแค้นใจมากเลยนะครับ คิดไว้แล้วว่าถ้าตัวเท่ากันเมื่อไหร่ จะไปท้าต่อยเช้าเย็นเลย ลูกเพื่อนยาย ก็ลูกเพื่อนยายเหอะ แล้วไงอะ มึงมันก็แค่เด็กอ้วนอะ
   แต่มันก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว จะกลับไปแค้นเคืองก็เคืองที่รู้อะไรแล้วไม่ยอมบอกกันดีกว่า แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่าจำกันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วพี่มันจำผมได้ยังไง เพราะผมจำพี่มันไม่ได้สักนิด ไม่เอะใจอะไรแม้แต่นิดเดียว ใครจะไปรู้ว่าไอ้เด็กอ้วนตอนนั้นมันจะโตมาหล่อขนาดนี้
   อย่าดูถูกเด็กอ้วนข้างบ้างจริงๆนั่นแหละครับ
   “อย่าไปโกรธพี่เขาเลยน้องอิน ก็ตอนนั้นน้องอินน่ารักไง ลูกคุณนามันกาก อยากเข้าหาน้องแต่ไม่รู้จะทำยังไง”
   “เลยมาแกล้งผมเช้าเย็นน่ะเหรอครับ”
   “ไม่อยากจะเล่า แต่ตอนนั้นน้องอิณคงไม่รู้ เวลาน้องอิณร้องไห้ ก็เขานั่นแหละที่อุ้มน้องอิณมาให้คุณนาปลอบจำได้รึเปล่า ตอนน้องอิณหัวแตก ก็แอบมาร้องไห้ที่บ้านบอกว่าทำน้องเลือดออก”
   “แม่! ไม่ต้องเล่าก็ได้นะครับ พวกผมหิวกันแล้ว พอๆๆเลิกเล่าได้แล้ว” พี่ไทม์รีบโวยวาย พยายามหิ้วแม่ตัวเองไปเข้าครัว
   “อายทำไมเล่า บอกน้องไปสิว่าเราเป็นคนซื้อเค้กก้อนโตให้น้องตอนจะย้ายบ้านน่ะ แหม ทำเป็นอาย โตเป็นควายแล้วนะลูกฉัน เฮ้อ เด็กวัยรุ่นนี่นะ ไปแล้วๆ ไม่เล่าแล้วจ้า”
   พี่ไทม์รีบดันแม่เข้าครัวเพื่อปิดปากไม่ให้เล่าต่อ ผมยังนั่งอึ้งอยู่ที่เดิม อึ้งตั้งแต่ไจแอ้นร้องไห้ที่ทำผมหัวแตกแล้ว นี่เขายังเป็นคนซื้อเค้กให้ผมด้วยเหรอเนี่ย นั่นเป็นเค้กก้อนแรกที่ผมได้กินเลยนะ
   “นี่พี่เป็นคนซื้อเค้กให้ผมเหรอเนี่ย ไม่นึกเลยว่าไอ้เด็กอ้วนนั่นจะเป็นคนดีกับเขาด้วย”
   “ให้อภัยเขาหน่อยเถอะครับ เขาก็แค่เข้าหาคนไม่เก่ง”
   “ไม่อ่ะ เขาแกล้งผม ผมไม่ชอบขี้หน้า” ผมว่าด้วยความหมั่นไส้
   “จะแกล้งคืนก็ได้นะ มีเวลาให้แกล้งทั้งชีวิตเลย” พี่ไทม์พูดหน้าระรื่นแล้วเดินมายีหัวผม
   “โอ๋เอ๋ ไม่งอนนะเด็กเตี้ย เอาของไปเก็บบนห้องก่อนเร็ว แล้วจะได้ลงมากินข้าวกัน”
   “ไอ้พี่ไทม์ เรียกใครเตี้ยหะ!”
   “ไม่ได้เตี้ยแล้วจะโวยวายทำไมเล่า” แล้วพี่มันก็แปลงร่างกลับไปเป็นไจแอ้นวิ่งหนี เพื่อให้ผมวิ่งไล่เขา พร้อมโวยวายตามหลัง
   
   อยู่ๆคุณลุงแปลกหน้าก็โผล่มาจากประตูหลังบ้าน แล้วนั่งโต๊ะกินข้าวเช้าด้วยกัน คุณลุงทำท่าเหมือนจะเดินมาอุ้มผม แล้วหอมแก้มไปมาเหมือนตอนเด็กๆ แต่พอเขานึกออกว่าผมอายุจะยี่สิบแล้ว เขาเลยแค่เดินมาขยี้หัวแล้วบ่นคิดถึงอย่างนั่นอย่างนี้
   พ่อพี่ไทม์ให้อารมณ์เหมือนอาแปะใจดีๆสักคน ที่ชอบปลูกต้นไม้แล้วเปิดวิทยุฟัง รำไทเก๊กตอนเช้าๆ
   การทานข้าวมื้อแรกในบ้านพี่ไทม์ มีแต่ของชอบของผมบนโต๊ะ ไม่มีความอึดอัด หรือความกระอักกระอ่วน พวกเขาดูคิดถึงผมจริงๆ ถึงผมจะจำพวกเขาได้แบบเลือนๆลางๆ แต่ก็สัมผัสได้จริงๆว่า พ่อกับแม่พี่ไทม์ดีใจที่ได้เจอผม
   “แล้วที่ร้านเป็นยังไงบ้างละ”
   “ก็ขายดีเหมือนเดิมนะครับ เดี๋ยวนี้คนไปไหนมาไหนง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ โฆษณาก็ง่ายกว่าสมัยก่อน ร้านก็เลยขายดีมากๆ ยิ่งช่วงเทศกาลคนยิ่งเยอะ”
   “ตั้งแต่ยายน้องอิณไม่อยู่ บ้านนี้เลยไม่ได้เข้าไปที่ร้านเลย ก็นะ ลุงกับป้าเรา เข้ากับคนง่ายซะที่ไหน”
   “ครับ ผมก็พอเข้าใจ”
   “เห็นไทม์บอกว่าออกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่ม.ปลายแล้วหรอ ทะเลาะกับทางนั้นรึไง ทำไมออกมาอยู่คนเดียว” คุณลุงแปลกหน้าเป็นคนถามผมด้วยสีหน้าห่วงใย ซึ่งผมก็ยินดีจะเล่า ผมรู้สึกว่าบ้านนี้รู้จักครอบครัวผมอยู่พอสมควร เขาน่าจะพอรู้ว่าลุงกับป้าผมเป็นคนยังไง
   ผมเลยกล้าที่จะเล่าว่าเข้ากับทางนั้นไม่ได้ ผมเลยขอแยกออกมาอยู่คนเดียว
   “แล้วเสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงานทั้งที่เรียนหนักๆเนี่ยนะ”
   “ครับ คุณลุง” ผมยิ้มเจื่อนๆให้
   “บ้านนั้นก็เหลือเกินจริงๆ หลานในไส้ตัวเองแท้ๆ แล้วนี่อะไรละเรา ยังมาเรียกลุงเลิงอะไรอีก เจ้าไจแอ้นของเรามันหลงนักหลงหนาไม่ใช่รึไง ยังไม่ได้คบกันอีกรึไง ทำไมไม่เรียกพ่อซะที ลูกฉันนี่มันไม่มีน้ำยาจริงๆ”
   “เดี๋ยวๆพ่อ”
   “เฮ้อ ถึงว่าละนะ สมัยก่อนแกล้งเขาไว้เยอะ ทำไมฉันถึงมีลูกชายกากๆแบบนี้นะ” ผมกับแม่พี่ไทม์หัวเราะร่า ทันทีที่พ่อลูกแตกคอกัน
   “นี่ลูกไงพ่อ นี่ไทม์ไง จำไม่ได้หรอ แล้วนี่ก็ลูกสะใภ้พ่อไง ไม่ถูกใจหรอ เรานั่นแหละน้องหมวย ทำไม่เรียกพ่อ ชอบเห็นพีโดนว่ารึไง”
   “ก็พี่กากจริงๆอะ”
   “แหมลูกสะใภ้ พูดถูกใจพ่อจริงๆ ฮ่าๆๆ”
   
   หลังจากจบมื้อเช้า ผมกับพ่อพี่ไทม์ก็ไปช่วยกันปลูกต้นไม้ ในขณะที่พี่ไทม์เข้าไปช่วยแม่ทำขนมในบ้าน เพราะตอนเย็นพี่แทนจะมา แล้วผมก็จะได้เจอชิสุกะในวัยเด็กอีกคน ชิสุกะที่ตอนนี้แต่งงานแล้ว มีน้องแล้ว ผมเลยอดตื่นเต้นนิดๆไม่ได้ที่จะได้เจอ รู้สึกเหมือนจะได้เจอไอดอลสมัยเด็ก
   ผมทำนู่นทำนี่กับบ้านนั้นทั้งวัน สนิทสนมเหมือนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้ พี่ไทม์มีความเป็นแม่ศรีเรือนโคตรๆ เขาทำขนมได้น่ากินมากๆ ตั้งแต่มาพี่แกก็โดนใช้ตั้งแต่ล้างจานยันซักผ้า ส่วนผมก็เป็นลูกรักลุงแปลกหน้า ตัดต้นไม้ ลงดอกไม้ในสวน ล้างอ่างปลา
   สรุปแล้วคือ ผมกับพี่ไทม์โดนลากมาใช้งานนั่นเอง แต่มันก็เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผมสนิทกับครอบครัวเขามากขึ้น เหมือนผมได้เจอบ้านอีกหลังของตัวเอง
   ตกเย็นเราตั้งเตาไฟย่าง อาหารทะเลกันหน้าบ้าน พอพี่แทนมาเราก็ล้อมวงกินกันบนโต๊ะม้าหิน ข้างบ้านเปิดเพลงดังจนได้ยินมาถึงบ้านเรา ยิ่งทำให้บรรยากาศครึกครื้นมากขึ้นไปอีก
   พี่แทนมาคนเดียว ไม่ได้พาน้องมาด้วย ให้เหตุผลว่าน้องแพรไม่สบายก็เลยไม่ได้พามา ให้อยู่บ้านกับคุณพ่อ พี่เขาพุ่งมากอดผมทันทีที่เห็นหน้า หอมผมซ้ายทีขวาที จนหน้าผมมีแต่รอยลิปสติกเต็มไปหมด
   คนที่ช่วยแยกผมกับชิสุกะก็คือไจแอ้นที่มองพี่สาวตัวเองตาขวาง พี่แทนยิ้มร่า แล้วเดินไปกอดน้องชายตัวเอง
   “แทน หน้าน้องเหมือนลูกแทนเลยว่าปะ”
   “น้องแพรอะนะ เออวะ ตาตี่ๆแก้มกลมๆเหมือนกันเลย” สองพี่น้อง นินทาผมออกนอกหน้า พี่ไทม์แตกต่างไปชัดเจนเวลาอยู่กับพี่สาว ทั้งกวนประสาทมากขึ้น หัวเราะมากขึ้น โดยรวมคือไม่มีมารยาทมากขึ้น
   “อยู่ม. มีแต่คนเรียกน้องหมวย”
   “ฮื่อ คนอย่างแกไม่น่าได้แฟนน่ารักแบบนี้นะไทม์”
   “ก็คนมันหล่อ แล้วน้องแพรเป็นไงบ้าง เข้าโรงเรียนรึยัง”
   “พ่อเขาจะส่งไปเตรียมอนุบาล แต่ร้องไห้งอแงทุกวัน ไม่ไปเยี่ยมหลานแกหน่อยละ อ้วนขึ้นทุกวัน ฉันอุ้มไม่ไหวแล้ว” พี่แทนเล่าไป จิ้มปลาหมึกเข้าปากไป ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว พ่อกับแม่พี่ไทม์เลยขอขึ้นไปนอนก่อน เหลือแต่พวกเราตั้งวงคุยกัน
   แน่นอนว่าไม่มีเบียร์ให้กิน จำได้ใช่ไหมครับว่าครั้งสุดท้ายที่คุณพระเอกเขาดื่มแอลกอฮอล์ ผลเป็นยังไง บนโต๊ะเลยมีแต่น้ำอัดลมกับกับแกล้ม และผมไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มน้ำอัดลมเช่นกัน
   “น้องอิณ”
   “ครับ?”
   “พี่ถามจริง โดนไอ้ไทม์มันกินไปยัง”
   “แค่กๆๆๆ” ผมถึงกับสำลักน้ำ
   “ถามไรวะแทน น้องสำลักเลยเนี่ย”
   “จ้า หวงจังเลยจ้า กับพี่กับน้องเคยดูแลขนาดนี้ไหมหะ ฉันก็แค่อยากรู้ว่าน้องชายฉันเด็ดรึเปล่า”
   “ตอนนี้ยัง แต่เดี๋ยวก็ได้กิน”
   “แค่กๆๆๆๆๆๆๆ”
   “เอาว่ะ มันต้องอย่างนี้สิน้องชาย แต่น้องอิณอย่าไปยอมนะลูก เราชิงจับมันกดก่อนได้นะ พี่เอาใจช่วย ฮ่าๆๆๆ”
   ชิสุกะผู้น่ารักของผม เธอทั้งสวยและสดใส ทำไมตอนนี้ถึงร่วมมือกับไจแอ้นแกล้งผมกันนะ ผอมๆอย่างผมน่ะเหรอจะกดพี่มันได้ ได้โดนจับมัดหัวเตียงแทนน่ะสิ

   เรานั่งคุยกันนานมากๆแต่ส่วนใหญ่ผมจะนั่งฟังสองพี่น้องคุยกันมากกว่า พี่ไทม์สนิทกับพี่แทนมากๆเลย เขาคุยกันได้ทุกเรื่อง ปรึกษากันได้ทุกอย่างในชีวิต คงเพราะอายุห่างกันทำให้พี่แทนโตกว่ามากๆ พี่ไทม์เลยยินดีที่จะเชื่อคำแนะนำของพี่สาวตัวเองในหลายๆเรื่อง
   มันทำให้ผมนึกถึงตัวเองกับพีท เราห่างกันแค่ปีเดียว ไม่ได้คุยกันได้ทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยตอนนี้ ผมก็เข้าไปในชีวิตน้องชายตัวเองมากขึ้น เด็กก็คือเด็ก เขาเป็นผ้าขาว ถูกหล่อหลอมโดยครอบครัวและสังคม
   ผมตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าลุงกับป้าเป็นครอบครัวที่ดีให้กับเขาไม่ได้ ผมจะเป็นครอบครัวให้เขาเอง ผมคิดภาพเอาไว้ว่าอยากให้น้องออกมาอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตกันสองคนพี่น้อง แล้วค่อยกับบ้านช่วงเทศกาล มันคงจะมีความสุขไม่น้อยเลยละมั้ง
   “ชอบไหมเรา มีความสุขรึเปล่า” พี่ไทม์อาบน้ำเสร็จแล้ว มาล้มตัวนอนข้างๆผม
   “บ้านพี่น่ารัก ผมชอบมาก”
   “ดีแล้ว” เขายิ้มให้ผม
   “พี่ไทม์ ทำไมตอนนั้นพี่ถึงย้ายบ้านละ” เป็นคำถามที่ผมพึ่งนึกขึ้นได้ หลังจากที่ฟังเรื่องราวย้อนอดีตมาทั้งวัน
   “ตอนนั้นแทนสอบติดมหาลัยในกรุงเทพน่ะ ตอนแรกก็อยู่หอแหละ แต่ซ่าไปกินเหล้า เมาแล้วขับ โดนรถชน รักษาตัวอยู่เป็นเดือน พ่อกับแม่พี่เลยตัดสินใจย้ายบ้านย้ายงานไปอยู่กรุงเทพ ไม่ให้แทนไปอยู่หอ จะได้ดูแลแทนที่โรงพยาบาลได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะโรงพยาบาลในกรุงเทพ ยังไงก็พร้อมมากกว่า  มันเหมือนเป็นจังหวะเหมาะด้วยแหละ พี่เรียนจบป.6 ยายเราก็เสียพอดี พ่อกับแม่เลยตัดสินใจที่ย้าย”
   “พี่แทนนี่แสบน่าดูนะครับ”
   “แต่แทนมันรักเรานะ พี่จำได้ว่าตอนนั้น ร้องไห้งอแงอยู่โรงพยาบาลเพราะจะไม่ได้เจอเราอีก”
   ผมยิ้มกว้าง น่าดีใจนะครับ ที่มีคนอยากเจอเรามากขนาดนี้ แล้วพอเป็นครอบครัวคนที่เรารัก มันยิ่งรู้สึกดี
   “ยิ้มกว้างเลย มีแต่คนเข้าข้างนะวันนี้ หมั่นไส้นัก”
   “ก็พี่มันคนกากๆอะ ฮ่าๆ แล้วแมวพี่ไปไหนอะ ผมเห็นเมื่อเช้าแล้วก็หาไม่เจอเลยทั้งวัน”
   “ไอ้อ้วนน่ะเหรอ ไปเที่ยวมั้ง ไม่ค่อยกลับบ้านหรอกรายนี้ นอนได้แล้วเราน่ะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่รึไง”
   “ครับๆ ไจแอ้น จะนอนเดี๋ยวนี้แหละ”
   พี่ไทม์บีบจมูกผมก่อนจะดึงผมไปกอด เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ผมเลยต้องไปทำงาน เพราะร้านยังไม่ปิด ด้วยเหตุว่าร้านอื่นปิดกันหมด แต่เพราะเป็นช่วงสิ้นปี เลยมีแต่คนลากลับบ้าน ผมที่ไม่ได้กลับเลยตัดสินใจไปทำงาน
    ผมซุกๆอกพี่ไทม์แล้วพึมพำว่าขอบคุณ
   ขอบคุณครับที่เข้ามาในชีวิตผม





   และในเช้าวันสิ้นปี
   ผมมาทำงานที่ร้านพี่เก๋ เพราะเขาจะให้ค่าแรงพิเศษและวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ตั้งใจไว้ว่าวันที่ 1 พรุ่งนี้จะซื้อของเข้าไปที่บ้าน โทรคุยกับพีทแล้วเมื่อวาน น้องรบเร้าให้ผมไปหา บอกว่าให้รีบมาทำคะแนน เพราะช่วงนี้คุณลุงอารมณ์ดี ที่ลูกชายทำตัวน่ารัก
   ผมเลยตั้งใจว่าจะซื้อของติดไม้ติดมือแล้วเข้าไป แม่ไม่ได้มาถ้ำมองผมเมื่อวานนี้ ผมเดาว่าเพราะที่ร้านยุ่งมากๆเขาเลยไม่มีเวลาปลีกตัวมาหาผม
   ไหนๆแม่ก็ถอยให้ผมแล้ว ผมก็คงต้องยอมถอยแล้วไปหาเขาก่อนบ้าง ไปให้เขาเห็นว่าผมสบายดี และยังเป็นห่วงเขาเหมือนเดิม
   คืนนี้ผมมีกิจกรรมข้ามปีง่ายๆสไตล์คนมีคู่ คือนอนดูหนังข้ามปีกับพี่ไทม์ พี่มันจะกลับจากบ้านวันนี้ หลังจากที่พาผมไปที่บ้านวันนั้น เขาก็มาส่งผมก่อนที่หอ แล้วกลับไปอยู่บ้านต่ออีกสองวัน และจะมารับผมตอนเย็นวันนี้ เพื่อข้ามปีแรกด้วยกัน
   ดูโรแมนติกเนอะ
   แต่คือหัวเดียวกระเทียมลีบ เพื่อนฝูงกลับบ้านกันหมด เหลือกันอยู่สองคน เลยเคาท์ดาวน์กันเงียบๆที่ห้อง
   “แม่พี่ทำขนมจีนแกงไก่มาให้ มีบัวลอยด้วย คุณนายเขาห่วงเห็นลูกสะใภ้แห้งเกินไป เลยอยากจะขุน”
   “ผมเป็นลูกเขยไม่ได้หรอ ทำไมต้องให้ผมเป็นลูกสะใภ้อะ”
   ตอนนี้เราอยู่กันที่ห้องพี่ไทม์ กินข้าวเย็นจากบ้านพี่เขา ดูหนังรอเที่ยงคืน ออกไปดูพลุ เคาท์ดาวน์ แล้วก็กลับมานอน ผมชอบความง่ายๆของเราสองคนมากๆ
   “เดี๋ยวพี่ไปเป็นลูกสะใภ้ให้บ้านเราไง สลับกัน”
   “เออ เข้าท่าอะพี่”
   “เราลงทะเบียนเรียนวันไหนนะ”
   “พร้อมพี่อะ อีกสองอาทิตย์กว่าๆมั้ง”
   “เหมือนเกรดจะออกช้ากว่านะ ค่าเทอมเราอาจจะรอทุนไม่ได้ ต้องสำรองจ่ายไปก่อน เพราะเขาพิจารณาจากเกรด”
   “ที่ผมก็พอมีอยู่ เทอมนี้ 22 หน่วยกิต ก็หมื่นกว่าบาท ผมจ่ายไหว พี่ไม่ต้องห่วง”
   “ไม่มีต้องบอกนะ เข้าใจไหม ห้ามปิดบังกัน”
   “รู้แล้วน่า บ่นเป็นคนแก่เลยเด็กชายไทม์”
   เรากินขนมจีนแกงไก่กัน ต่อด้วยบัวลอยเป็นของหวาน พอกินเสด็จก็แยกย้ายกันอาบน้ำ ผมโทรไปหาแม่พี่ไทม์ขอบคุณสำหรับแกงไก่ และโดนชวนคุยยาว เดี๋ยวนี้คุณนาเขาคุยกับผมบ่อยกว่าลูกชายตัวเองอีก สวัสดีในไลน์กันทุกวัน
   เราเปิด เน็ตฟลิกซ์ดูฆ่าเวลา เป็นซีรีย์ที่ดูท่าว่าเคาท์ดาวน์เสร็จ คงต้องกลับมานั่งดูต่อ เพราะมันสนุกมาก
   และเมื่อเวลาใกล้เที่ยงคืนมาถึง เสียงพลุก็นำมาแต่ไกล เราเลยออกไปที่ระเบียง เพื่อดูพลุที่คนอื่นจุด
   
   10
   
   9
   
   8
   
   7   
   
   6   
   
   5
   
   4
   
   3   
   
   2
   
   1
   
   “สวัสดีปีใหม่ครับ!”
   “ทำตัวเป็นเด็ก จะตะโกนแข่งกับพลุทำไมเนี่ย” พี่ไทม์เอามือปิดหูเพราะผมตะโกนอัดใส่
   “มานี่เลยน้องหมวย”
   ผมโดนเกี่ยวเอวเข้าไปหา และได้รับจูบหวานๆเป็นของขวัญวันปีใหม่ แถมยังเป็นโลเคชั่นใหม่ คือริมระเบียง จะผ่านไปนานแค่ไหน ผมก็ตามจังหวะจูบพี่แกไม่ทันซะที ทำไมร้อนแรงจังครับคุณ ผมหายใจไม่ทันแล้ว
   “สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้น้องหมวยมีความสุขมากๆนะครับ”
   “....”
   “พี่รักเรานะครับ อยู่ด้วยกันไปนานๆ”
   อรุ่มมม จู่ๆก็โดนผู้ชายบอกรัก หน้าบางงงงเลยกู ไม่ทันตั้งตัวเลยโว้ยยยยยยยย
   “ครับ ผมก็รักพี่ครับ รักผมไปนานๆเลยนะครับ”
   เรายิ้มหวานๆใส่กันจนเลี่ยน เลยเปลี่ยนเป็นจูงมือกันมาดูซีรีย์ต่อ ช่างเป็นปีใหม่ที่โรแมนติก
   
   
แต่ใครจะไปรู้ ปีนี้ผมอาจจะเป็นปีชงก็ได้
   ติ้ดๆๆๆๆๆๆ
   เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น เป็นพีทโทรมา ผมเผลอดีใจที่น้องชายจะโทรมาอวยพรเป็นคนที่สองของปี
   “พี่อิณ”
   แต่มันดันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด
   “พ่อเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าเส้นเลือดในสมองแตก พี่ พีทจะทำยังไงดี”
   







แถมมมมม♥เมื่อน้องหมวยอยู่ป.2
       “นี่ เด็กเตี้ย” //พยายามง้อ
   “เราไม่เล่นกับนายแล้ว นายทำหัวเราเลือดออก”
   “เป็นพี่นะ ทำไมไม่เรียกพี่  ไม่น่ารักเลยนะ”
   “ไอ้อ้วนแบบนายก็ไม่น่ารัก!”
   “นี่!” //เผลอเสียงดัง
   //เบะปากใส่
   “ อย่าร้องไห้สิ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
   //น้ำตาคลอ
   “พี่ขอโทษ แต่เข้าไปรับแล้วไง ตอนตกลงมา เห็นไหม นี่ไง มือเจ็บเลย เห็นรึเปล่า อิณหายเจ็บหัวรึยังครับ”
   “ฮือ ไหนบอกแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้เราตกลงมาไง แงงงงงง”
   “แม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่! น้องร้องไห้อีกแล้ว ผมพยายามง้อแล้วนะแม่ แม่ครับบบบบ! ” //อุ้มน้องป.2 ไปหาคุณแม่




******************************************
เราขอข้ามปีล่วงหน้าไปก่อนนะคะ 555555
แง คิดเห็นยังไงก็บอกกันได้นะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆเลยที่ยังติดตามกันอยู่
ฝันดีนะคะ ♥
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2018 08:21:09 โดย Girin »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :z1: :z1: :z1: ตลกอีพี่ไทม์ตอนเด็กจัง อิอิอิ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
แอบน่ารักนะ ไจแอ้นท์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่ไทม์นี่เต๊าะน้องตั้งแต่เด็กเลยเหรอ555

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 20
   เป็นการเริ่มต้นปีที่ไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่ ผมกับพี่ไทม์มาถึงโรงพยาบาล ก็เจอพีท แม่ผม และป้ากำลังคุยกับหมออยู่ ผลคือ เราต้องทำการย้ายลุงไปโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้ เพราะต้องทำการผ่าตัด เนื่องจากเลือดออกในสมองมาก ทำให้ความดันในกะโหลกศีรษะสูงอาจทำให้เสียชีวิต
   เราย้ายลุงเข้ามารักษาโรงพยาบาลในกรุงเทพ หมอบอกว่าการผ่าตัดมีโอกาสทำให้เสียชีวิต หลังผ่าตัดโอกาสไม่ฟื้น 50/50 ป้ากับแม่ผมร้องไห้ออกมาหลังจากได้ยินหมอพูดแบบนั้น
   สุดท้ายเรายินยอมที่จะรับการผ่าตัด กว่าลุงจะได้รับการผ่าตัดก็เช้าแล้ว ป้าผมร้องไห้หนักจนหมดสติ แม่ผมก็ดูแย่พอกัน คุณพยาบาลเปิดห้องพักญาติผู้ป่วยให้เราชั่วคราว ผมให้พีทพาแม่กับป้าไปพัก แล้วผมจะรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเอง
   พีทดูลังเลที่จะไป แต่เขาก็ยอมเชื่อฟังผม
   เหลือแค่ผมกับพี่ไทม์นั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัด ผมรู้สึกแย่ที่ทำให้ปีใหม่ของพี่มันต้องมานั่งอยู่ในโรงพยาบาล ไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนนี้เขาอาจจะหิวข้าวด้วยซ้ำ
   “พี่กลับไปก่อนไหม ไปนอนสักตื่นก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยมาหาผมใหม่ก็ได้”
   “จะให้พี่ทิ้งเราไว้คนเดียวเหรอ”
   “ผมเกรงใจพี่ พี่ยังไม่ได้นอนทั้งคืน หิวไหมเดี๋ยวผมไปซื้ออะไรมาให้” ผมลุกขึ้นจะเดินไปซุปเปอร์หน้าโรงพยาบาล แต่พี่ไทม์ก็คว้าเอวผมให้นั่งลง
    “จะเกรงใจทำไม ไหนบอกสิ ถ้าคนที่ต้องนั่งเฝ้าห้องผ่าตัดเป็นพี่ เราจะยอมกลับบ้านแล้วทิ้งให้พี่นั่งอยู่คนเดียวไหม?”
    แน่นอนว่า “ไม่”
    “เห็นไหม พี่ก็เหมือนกัน พี่ไม่ได้นอน เราก็ยังไม่ได้นอนเหมือนกัน พี่หิวเราก็หิว เพราะฉะนั้นนั่งรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อเอง เราเป็นโรคกระเพาะ ต้องกินข้าวเช้า ห้ามเถียง นั่งรอ แป๊บเดียว เดี๋ยวมา”
   แล้วพี่แกก็ลุกไปเลย ผมยิ้ม เขาสั่งเหมือนผมเป็นหมาน้อยที่รออาหารจากเจ้าของ ในสภาวะเครียดๆเขาก็ยังทำให้ผมยิ้มกับการใส่ใจของเขา ตั้งแต่มีคุณเขาผมก็ไม่เคยต้องปวดท้องอีกเลย
   แล้วผมก็นั่งรอนิ่งๆ แต่ในหัวคือคิดนู่นนี่เต็มไปหมดแล้ว ลุงล้มสักคนก็เหมือนเป็นโดมิโน่ ทุกอย่างก็ล้มตามกันไปหมด ร้านอาหารเป็นแหล่งเงินเดียวของครอบครัว ไม่มีลุงแล้วร้านจะทำยังไง มีเงินเก็บ แต่ก็ยังมีค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่าย น้องผมยังต้องเข้ามหาวิทยาลัย แล้วจะเอาเงินมาจากไหน ค่ากินค่าใช้อีก
   ยังดีที่ว่าวันนี้ร้านปิด ไม่งั้นก็จะมีปัญหาตามมาอีก เพราะทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด โอกาสที่ลุงจะหายเป็นปกติมีโอกาสแค่ 80 % แล้วต้องใช้เวลาอีกกี่เดือนกว่าจะหาย แค่คิดผมก็หัวหมุนแล้ว
   เสาหลักในครอบครัวล้ม คนที่เหลือจะทำยังไง
   พี่ไทม์กลับมาพร้อมถุงอาหารในมือ เขาซื้อโจ๊กคัพมาให้ผม ส่วนเขากินแค่ขนมปังกับกาแฟ
   “เอาจริงๆปะพี่ ผมแทบไม่ได้ห่วงลุงเลย ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยว่าเขาจะเป็นยังไง จะฟื้นไหม จะหายไหม ผมแค่ห่วงว่าหลังจากไม่มีลุง แม่กับน้องผมจะเป็นยังไง ผมไม่ได้ห่วงป้าด้วยซ้ำ แต่เพราะเขาเป็นพ่อแม่พีท ผมถึงกังวล ผมเป็นเด็กไม่ดีใช่ปะ?”
   ผมช้อนตามองพี่ไทม์ที่นั่งข้างๆ ผมรู้สึกผิดที่ตัวเองรู้สึกแบบนี้ และผมลังเลจะเงยหน้ามองพี่ไทม์ ผมไม่อยากให้เขามองผมไม่ดี แต่ผมก็อยากจะสารภาพผิดให้เขาฟัง ความรู้สึกหนักอกหายไปเมื่อเขายกมือใหญ่ๆมาลูบหัวผม ผมเคยบอกเขาไหมว่าไม่ได้สระหัวมาสามวันแล้ว
   น่าจะไม่
   “คนเราใครจะไปรักคนที่เขาใจร้ายกับเรา ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ ไม่เป็นไรหรอก ทำในสิ่งที่ควรทำก็พอแล้ว แต่พี่ขออย่างเดียว” พี่ไทม์ทำหน้าจริงจังใส่ผม ดึงแก้มสองข้างยืดออกจนผมหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยพอใจ
   “อะไรครับ”
   “ถึงไจแอ้นจะเคยใจร้าย แต่ต้องรักไจแอ้นนะรู้ไหม”
   เกลียดอะ มาหวานอะไรตอนคนเขาเครียดๆว่ะ
   แล้วกูจะเขินทำไมเนี่ย!



   
   
   หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น ลุงถูกส่งเข้าห้อง ICU การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี แต่ก็ยังต้องรอดูอาการต่อไป และอาการยังคงน่าเป็นห่วง
   เราสองคนเดินเข้าไปในห้องพักญาติผู้ป่วย ผมพยายามเปิดประตูให้เบาที่สุด ให้พี่ไทม์รออยู่หน้าห้อง เพราะไม่ได้นอนกันทั้งคืนทุกคนเลยหลับกันหมด ผมเลือกที่จะปลุกพีทขึ้นมาแล้วให้ออกไปคุยกันหน้าห้อง ผมบอกเรื่องการผ่าตัดกับเขาแล้วลากไปกินข้าวเช้า พี่ไทม์เดินไปซื้อข้าว ปล่อยให้ผมได้คุยกับน้องสองคน
   น้องเอาแต่เงียบจนผมกังวล ผมรู้ว่าเขาเครียดมาก
   “พีทบอกพ่อว่าจะไม่สอบหมอ พีทจะเรียนวิศวะ  แล้วเราก็ทะเลาะกัน พีทไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น วิศวะใครๆเขาก็เรียนกัน มันไม่ได้แย่ไปกว่าการเรียนหมอเลย โคตรไม่เข้าใจว่าพ่อจะโมโหพีททำไม แต่ แต่พอสักพักพ่อก็ล้ม เขาล้มลงไปเลยพี่ หมอบอกว่าความดันโลหิตสูงทำให้เส้นเลือดในสมองแตก พีทไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อเป็นโรคความดันโลหิต พีทโคตรเป็นลูกที่แย่เลยวะ”
   เขาเอามือปาดน้ำตาลวกๆ  ไหลเขาสั่นจนผมต้องไปคว้าเขามากอด พีทซุกอยู่ที่ไหล่ผมแล้วเริ่มสะอื้น เขาพูดอะไรสักอย่างที่ผมจับใจความไม่ได้ พี่ไทม์เดินถือข้าวมาสองจาน เห็นผมกำลังถูกลูกหมาตัวโตกอด เขาก็แค่มองนิ่งๆแล้วทรุดนั่งฝั่งตรงข้าม สักพักก็มองด้วยสายตาเอ็นดู เหมือนเห็นน้องหมาสองพี่น้องกอดกัน
   “กินข้าวก่อน”
   พอพีทได้ยินเสียงพี่ไทม์ เขาก็รีบผละออก ปาดน้ำตา พยายามปรับสีหน้าให้ปกติ พึมพำขอบคุณพี่ไทม์แล้วรีบตักข้าวกิน เป็นห่วงก็เป็นห่วงนะ แต่เห็นท่าทางแล้ว ผมละเอ็นดู
   ข้าวอีกจานเป็นผมกับพี่ไทม์กินด้วยกัน แน่นอนว่านังโจ๊กคัพและขนมปังไม่พอยาไส้เราสองคน แต่พี่ไทม์ดูจะหิวมาก ผมเลยให้เขากินเยอะๆ
   “ขับรถไหวไหม” ผมถามพีท
   “ไหวครับ”
   “พาป้าพินกับแม่กลับบ้านไปก่อน ยังไงตอนนี้ก็ยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ เราเองก็อย่าไปคิดมาก ไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรอก โทษตัวเองก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ต่อไปเราต้องเป็นคนช่วยครอบครัวแล้วรู้ไหม” ผมลูบหัวปลอบเด็กน้อยตัวโต
กินข้าวเสร็จผมก็เดินไปส่งเขาหน้าห้องพักญาติผู้ป่วย บอกเขาว่าฝากแม่ผมด้วย ถึงบ้านแล้วก็โทรมา เราแยกย้ายกันตรงนั้น
 ผมกับพี่ไทม์เรากลับไปบ้านพ่อกับแม่พี่มันเพราะว่าอยู่ใกล้โรงพยาบาลมากกว่า ก่อนกลับเราคุยกับหมอเรื่องค่ารักษา ปรากฏว่าค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร ผมเองไม่แน่ใจว่าลุงมีประกันชีวิตหรือสิทธิอะไรรึเปล่า แต่ยังไงเราก็ควรมีเงินไว้สำรองจ่าย
   ตอนแรกพี่ไทม์จะให้แม่กับป้าผมมาด้วยแต่ผมคัดค้าน เพราะถึงพวกเขาจะเคยรู้จักกัน แต่มันก็สิบกว่าปีมาแล้ว มันจะอึดอัดกันซะเปล่าๆ ให้พวกเขาไปตั้งสติกันที่บ้านน่าจะดีกว่า
   ลุงแปลกหน้ากับคุณนาทำหน้าตกใจที่เห็นผมลงจากรถมาพร้อมพี่ไทม์ แล้วก็ยิ้มร่าเดินมากอดผมเข้าบ้าน ปล่อยลูกชายตัวเอง ปิดรั้วอยู่คนเดียว ผมได้รับการเลี้ยงดูอย่างดิบดีเมื่อมาบ้านนี้ ข้าวผัดหอมๆทำผมกับพี่ไทม์อดใจไม่ไหวที่จะซัดข้าวกันอีกรอบ ก่อนจะไปอาบน้ำ แล้วนอนเอาแรง พีทโทรมาหาผมหลังจากอาบน้ำเสร็จว่าถึงบ้าน เขาบ่นว่ากว่าจะลากป้ากับแม่กลับบ้านได้ ยากเย็นมากๆ ฟังเสียงแล้วเขาดูหายเครียดลงเยอะ ผมก็สบายใจ
   ผมตื่นขึ้นมาตอนเที่ยง ทั้งที่พึ่งนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง พี่ไทม์ยังนอนตายอยู่ข้างๆ ผมเลยเลือกที่จะไม่ปลุกเขา แล้วเดินลงไปข้างล่าง
   พอเห็นผมคุณนาก็รีบถามว่าหิวไหม เหมือนเขาอยากจะขุนให้ผมอ้วนจริงๆอย่างที่พี่มันว่า เจอหน้าก็เอาแต่ของกินมาให้ตลอด
   คุณนาเข้าครัวไปทำข้าวผัดปลาอินทรีย์ให้ผมกิน โดยมีผมเป็นลูกมือ เสียงหัวเราะเราสองคนเรียกให้ลุงแปลกหน้าเดินเข้ามาดู สุดท้ายเรานั่งกินข้าวกลางวันกันสามคน ปล่อยลูกชายเจ้าของบ้านนอนตายอยู่บนห้องไม่มีใครสนใจ
   “แล้วเราจะทำยังไงต่อ เรื่องเงิน ถ้าไม่มีก็บอกพ่อ เท่าไหร่ก็ขอให้บอก พ่อรวย ยังไงเราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน”
   “ขอบคุณครับพ่อ แต่ผมว่าที่บ้านคงมีเงินเก็บอยู่บ้าง ปัญหาคือที่ร้านจะทำยังไง อีกสองอาทิตย์ผมจะเปิดเทอมแล้ว น้องผมก็เปิดเทอม ป้าคงต้องมาเฝ้าลุงที่โรงพยาบาล แม่ผมคนเดียวคงไม่ไหว”
   “ให้คุณนาไปช่วยดูที่ร้านไหม” ผมมองคุณนาด้วยความรู้สึกโคตรจะซึ้งใจ เลยเดินไปกอดคุณนาด้วยความขอบคุณ ซึ่งแม่พี่ไทม์ก็ดูชอบมากเวลาที่ผมทำตัวอ้อนๆ 
เขายอมช่วยผมขนาดที่ว่าจะไปดูแลร้านให้ ให้ยืมเงินแบบไม่จำกัดวงเงิน ทั้งที่เขาไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ ผมว่าผมแต่งเข้าบ้านนี้เลยดีกว่า
   “คือ ผมว่าผมน่าจะดรอปเรียนเทอมนี้ไปก่อนน่ะครับ จ่ายค่ารักษาสภาพการเป็นนักศึกษาเอาไว้ จบช้าไปสักปีคงไม่เป็นไร ดูแลร้านไว้ก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าลุงจะกลับบ้านได้”
   “จะเอาอย่างนั้นก็ได้ แล้วเรื่องทุนเราละ ไปดูให้ดีๆนะ ว่ามันมีผลไหม จะลาพักการศึกษาก็ต้องรออนุมัติด้วย พ่อจะไปช่วยคุยกับคณบดีให้แล้วกัน เขาเป็นรุ่นน้องพ่อสมัยเรียน”
   ผมเริ่มคิดจริงจังแล้วว่าเปลี่ยนนามสกุลไปเลยดีกว่า พี่ไทม์ไม่รวยแต่พ่อพี่ไทม์รวยมาก
   “ขอบคุณครับ” ผมยิ้มจนตาปิด รู้สึกโล่งใจ จนลุงแปลกหน้า ขยี้หัวผมจนยุ่ง เขาตักข้าวเติมให้ผมอีก แล้วบอกให้กินเยอะๆ ผอมจนเกินไปแล้ว
   เรานั่งกินข้าวกัน เสียงหัวเราะลั่นบ้านจนผมลืมความเครียดไปเลย เสียงดังขนาดที่ว่า คุณชายของบ้านเดินหัวฟูลงมาจากบันได หน้างัวเงียแต่ก็ร้องว่าหิวข้าว จนผมต้องไปหยิบจานอีกใบมาตักข้าวให้คุณชายเขากิน
   พี่ไทม์ตักข้าวกินเอาๆจนลุงแปลกหน้าทำหน้าระอาที่มีลูกชายตะกละ ทั้งที่เมื่อกี้ก็ตักข้าวเติมให้ผมเป็นว่าเล่นแล้วบอกว่า กินเยอะๆนะลูก
   พี่ไทม์ช่างน่าสงสารจริงๆ
   ผมปล่อยสองพ่อลูกนั่งด้วยกัน แล้วไปหาคุณนาในครัว แม่พี่ไทม์กำลังทำแซนวิชใส่กล่องให้ผม เพราะกลัวผมจะหิวระหว่างวัน แซนวิชไข่ดาวเป็นอะไรที่ ต่อให้ไม่หิวก็อยากกินอยู่ดี
   ผมต้องเดินไปหอมแก้มอีกยกใหญ่ ไม่เคยรู้สึกอบอุ่นขนาดนี้มาก่อนเลย พนันว่าถ้ามาอยู่บ้านนี้สักเดือน คงกลิ้งลงบันไดบ้านได้


   ผมกับพี่ไทม์ออกจากบ้านกัน ผมโทรหาพีทว่ากำลังไปโรงพยาบาล เขาก็บอกว่าพึ่งออกมาเหมือนกัน ผมคุยกับพี่ไทม์บนรถเรื่องจะดรอปเรียน พี่ไทม์นิ่งไปเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดออกมาแค่พยักหน้าว่าเข้าใจ
   รถจอดในลานจอดเมื่อถึงโรงพยาบาล ผมที่กำลังจะเปิดประตูรถ ก็ถูกคนขับยกขึ้นไปนั่งบนตัก
   เดี๋ยว คือผมก็ไม่ได้ตัวเบาขนาดที่ว่า หิ้วไปหิ้วมาได้ไหม
   หน้าผมเหวอจนพี่ไทม์หัวเราะ
   “แบบนี้เปิดเทอมนี้เราก็ไม่ได้เจอกันแล้วสิ” พี่มันทำหน้าหงอย แบบที่ผมรู้ทันทีว่าพี่มันเสแสร้ง
   “ผมไปหาพี่ที่หอก็ได้ หลังร้านผมมีสถานีรถไฟ มันผ่านม.เราด้วยนะ ค่ารถก็ถูก”
   “โอเค รับปากแล้วนะว่าจะมาหา งั้นตอนนี้ขอเก็บมัดจำก่อนแล้วกัน”
   “หะ?”
   หลังจากนั้นเกือบสิบนาที ผมก็ไม่ได้พูดอีกเลย เสียงเฉอะแฉะดังไปทั่วรถจนผมหน้าแดง พี่มันจูบชนิดไม่ให้พักหายใจ ท่าทางการนั่งก็เหมาะกับการบดปากกันสุดๆ ลิ้นร้อนๆเกี่ยวไปมาจนผมเคลิ้ม ตาน่าจะเยิ้มไปหมดแล้ว นี่มันล่อลวงกันชัดๆ
   ท้ายทอยผมถูกมือหนากดลงมาทำให้การจูบแนบแน่นขึ้น อีกมือก็รวบเอวผมไว้ ให้ร่างกายแนบชิดกัน กว่าเราจะผละออกจากกันก็ตอนที่ ผมรู้สึกว่ามีอะไรพองๆกำลังเบียดผมที่นั่งตักอยู่
จากนั้นเราก็หน้าแดงใส่กัน
   มองซ้าย มองขวา ไม่ยอมสบตา
   “ผมว่าเรา เข้าไปในโรงพยาบาลกันดีกว่า”








*************************
มาตอนเย็นๆแล้วรู้สึกไม่ชิน
ขยายความว่าทำไมน้องหมวยของเราถึงไม่เศร้าเลย อย่างที่เห็นค่ะว่าลุงกับป้า ใจร้ายมาตลอด ก็ไม่แปลกถ้าน้องมันจะไม่ผูกผัน ในสายตา ลุงคือคนที่ทำร้ายคนในครอบครัวตัวเอง น้องเลยไม่ได้รู้สึกรักหรือว่าเสียใจอะไร แค่รู้สึกว่าเขาเป็นเสาหลักครอบครัว เป็นพี่ชายแม่ เป็นพ่อของน้อง เท่านั้นเอง
คิดเห็นยังไง เห็นอะไรขัดแย้งก็บอกกล่าวกันได้นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
รักนะคะ♥

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 21
(วันนี้มีสองตอนน้า ใครยังไม่อ่านตอนก่อนหน้า กดย้อนกลับไปก่อนเด้อออ)
   ลุงอิทยังนอนนิ่งอยู่ในห้องไอซียู ผมกับพี่ไทม์นั่งรอกันอยู่สักพัก ป้าพิน แม่ผมกับพีท ก็มาถึง ผมกับพี่ไทม์ยกมือสวัสดี แม่กับป้าดูตกใจที่เห็นผมกับผู้ชายหล่อ เขาดูเหมือนพึ่งรู้สึกถึงการมาของผม ทั้งที่ผมมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
   พี่ไทม์ชิงแนะนำตัวว่าเป็นรุ่นพี่ผม ผมมองหน้าเขาต่อว่าเขาผ่านสายตาว่าทำแบบนั้นทำไม แต่พี่มันก็ไม่สนใจ ทุกคนเลยพยักหน้าให้แบบงงๆ ทุกคนดูดีกว่าเมื่อคืนเยอะ เพราะได้พักผ่อนแล้วก็คงทำใจได้แล้วว่า ทำอะไรไม่ได้ ลุงจะฟื้นขึ้นมาไหม ก็คงต้องขึ้นอยู่กับเวลา
   พอถึงเวลาให้เข้าเยี่ยม ป้าก็เข้าไปทันที คนอื่นๆเลือกที่จะรอข้างนอก พอผมเห็นว่าแม่ไม่เข้าไป เลยเดินเข้าไปหาและขอคุยด้วย ผมกับแม่เลยเลี่ยงออกมาข้างนอก เราเดินเข้าร้านกาแฟที่อยู่หน้าตึก ผมสั่งโกโก้ปั่นมานั่งเป็นเพื่อน พึ่งรู้สึกได้ว่าไม่ได้คุยกับแม่ตัวเองนานแค่ไหน แม่ไม่ได้สั่งอะไรให้ตัวเอง  เราเดินเข้าไปนั่งด้านในสุดของร้าน
   “แม่ อิณว่าจะดรอปเรียน แล้วไปดูแลงานที่ร้านก่อน” ผมเปิดประเด็นทันทีที่เรานั่ง
   “ทำไมต้องดรอป ดรอปตอนนี้แล้วแกจะไปจบตอนไหน มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ร้านฉันดูแลเองได้”
   “แล้วร้านจะทำยังไง ลุงจะหายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พีทก็ต้องไปเรียน ป้าก็ต้องเทียวไปเทียวมากับโรงพยาบาล แม่จะดูร้านคนเดียวยังไหว”
   “ฉันดูแลได้ แกสองคนมีหน้าที่เรียนก็เรียนไปสิ ร้านมีลูกจ้าง ฉันไม่ได้ทำคนเดียวซะเมื่อไหร่ ทุนแกมันได้มาง่ายนักรึไง นึกจะดรอปก็ดรอป งานที่แกทุกเสาร์อาทิตย์ แกจะทิ้งไปรึไง” แม่เถียงหัวชนฝา เขาไม่ได้ขึ้นเสียงใส่ผม แค่มองหน้าผมด้วยแววตาไม่พอใจ
   “แม่รู้ได้ไงว่าอิณได้ทุน แล้วแม่รู้ได้ไงว่าเสาร์อาทิตย์อิณทำงาน” ผมแสร้งทำตกใจ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าแม่รู้ แวบหนึ่งผมเห็นแม่ทำหน้าตกใจ แต่ก็รีบปรับสีหน้ากลับเป็นปกติ
   “แกอย่ามาเสแสร้งใส่ฉัน ฉันรู้ว่าแกรู้อยู่แล้ว แกเป็นลูกฉัน แม่อย่างฉันสนใจแก มันผิดรึไง”
   คราวนี้เป็นผมที่ตกใจ แม่รู้อยู่แล้วหรอว่าผมรู้
   คำว่า แกเป็นลูกฉัน นี่ขอซื้อได้ไหม อยากฟังมานานแล้ว
   ผมยิ้มกว้างจนแม่มองเหมือนผมผิดปกติ
   “งั้นแม่ก็รู้ใช่ไหมว่านั่นแฟนผม ไม่ใช่รุ่นพี่” แม่ส่ายหน้ายิ้มเหมือนผมเป็นเด็กอ่อนหัดแล้วตอบกลับมา
   “ไปรับส่งกันขนาดนั้น คิดว่าฉันโง่นักรึไง ฉันยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมแกยอมให้เด็กที่เคยแกล้งจนหัวล้านข้างแตก มาเป็นแฟน”
   “นี่แม่รู้ด้วยหรอ ว่านั่นลูกเพื่อนยาย!”
   “นี่แกจำเขาไม่ได้หรอ เหอะ เด็กโง่”
   แม่สะบัดหน้าใส่ผม แล้วยิ้ม
   โห ผมจำไม่ได้แล้วว่าเราสองคนคุยกันดีๆครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วน้องโกโก้ปั่นบนโต๊ะ จู่ๆบทสนทนาของเราที่เคยเอาแต่เสียงดังใส่กัน ก็มีแต่รอยยิ้ม
   “แม่โอเคแล้วหรอที่อิณเป็นเกย์”
   “ฉันไม่ได้โอเค”
   “.........”
   “แต่ถ้าแกเปลี่ยนมันไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร...”
   “.....”
   ผมรอคำนี้มานานแค่ไหนแล้ววะ การยอมรับจากครอบครัวอะ อัดเสียงไว้ทันไหมเนี่ย
   ผมพูดไม่ออก เลยลุกเดินไปกอดแม่ เรียกว่าพุ่งไปจะดีกว่า จนแม่ร้องโวยวาย แต่ผมก็ไม่สนใจ ผมรอเวลานี้มานานจนคิดว่ามันคงไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก
   แต่ แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้ ผมน้ำตาคลอจนต้องสูดสะอื้น   
   “โตขนาดนี้ยังจะร้องไห้เป็นเด็ก”
   แม่พูดดุๆแต่ก็ยกมือขึ้นลูบหัวผม ซึ่งมันทำให้ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม นานๆมากที่เราไม่ได้กอดกัน น่าจะตั้งแต่ที่ผมขึ้นมัธยม แม่ก็ใช้วิธีดุผมมาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยจนเรื่องใหญ่ ผมจะโดนด่าก่อนเป็นอย่างแรก หนักเข้าก็โดนตี
   ผมรู้สึกเหมือนตัวเองใช้แต้มบุญของปีนี้ไปหมดแล้ว
   “แกไม่ต้องดรอปหรอก ฉันดูแลร้านได้ เงินเก็บลุงแกเยอะแยะจะตาย น้องแกมันเป่าหูฉันทุกวันว่าแกดีอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเป็นห่วงกันก็ทำตัวเองให้ดี อย่าให้ฉันต้องห่วง”
   “ฮือ” จะพูดให้ร้องหนักกว่าเดิมทำไม
   “ฉันขอโทษ”
   แม่พูดแล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้น ผมคิดอะไรไม่ออกเลย รู้แค่ว่าตัวเองดีใจแล้วร้องไห้อยู่ตรงนั้นนานมากๆ
   “บอกไอ้หน้าหล่อนั่นด้วย ว่าฉันรู้แล้ว ฉันยังไม่หายเคืองนะ มาทำลูกฉันหัวแตก”
   ผมหัวเราะแต่ก็ยังซุกอยู่ที่ท้องแม่


   
   ผมกลับมาหาพี่ไทม์ในสภาพที่ตาบวม และโกโก้ที่ละลายแล้ว พีทเดินมากระซิบถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนพี่ไทม์ยังยืนเก๊กยืนนิ่ง แต่หน้านี่แทบจะโวยวายถามเต็มที่ว่าเป็นอะไรรึเปล่า เขาเรียกว่าห่วงออกนอกหน้า แต่ก็ยังต้องแอ๊บว่าเป็นแค่รุ่นพี่
   ผมละขำ
   ผมทรุดตัวนั่งข้างพี่ไทม์อีกข้างเป็นพีท ทั้งคู่หันหน้ามาหาผมแล้วตั้งใจรอฟัง ผมถอนหายใจก่อนจะอธิบาย ว่าผมคืนดีกับแม่แล้ว แล้วก็จะไม่ดรอปเรียนแล้วเพราะว่าแม่ไม่ยอม พีทตกใจพอได้ยินว่าผมจะดรอปเรียน
   ผมเลยต้องค่อยๆอธิบายตั้งแต่ต้นให้เขาฟัง เขาเลยทำหน้าเคืองใส่ผม ที่ทำอะไรไม่ยอมบอกเขา ส่วนพี่ไทม์เขายังทำหน้าหนักใจไม่หาย ตั้งแต่ผมบอกว่า แม่รู้เรื่องของเราแล้ว แถมยังจำพี่ได้ และยังโกรธที่ทำผมหัวแตกอยู่ด้วย
   สักพักพี่ไทม์ก็ค่อยๆย่องไปหาแม่ผม แล้วบอก ‘สวัสดีครับ’ หน้าโคตรตลก แล้วเขาก็พากันเดินไปคุยกันสองคน พี่ไทม์นี่โคตรหงอ ผมก็นั่งขำกับพีทสองคน
   พอหมดเวลาเยี่ยม ป้าก็ออกมา ตอนแรกผมตกลงกับพี่มันว่าจะกลับพร้อมที่บ้านเพราะพรุ่งนี้ร้านเปิด ให้พี่ไทม์กลับไปนอนบ้าน ผลคือไม่รู้ไปคุยแม่อีท่าไหนถึงอพยพกลับบ้านผมด้วย
   
   


   แล้วเรากลับมานั่งในรถด้วยกัน แถมยัง
   “ตกลงว่าเธอกินลูกฉันไปรึยัง”
   มีแม่พ่วงมาด้วย
   “แค่กๆๆ” ผมถึงกับน้ำลายติดคอ จู่ๆก็มาถามคำถามเหมือนหวงลูกตัวเองขึ้นมา
   “ยะ ยังครับแม่”
   “อืม ขับรถก็มองทางสิ มามองลูกฉันทำไม” แม่ดุพี่ไทม์ จนพี่ไทม์หน้าเสีย และตั้งใจขับรถมากเป็นพิเศษ
   ผมไม่รู้จะขำหรือจะหัวเราะดี รู้สึกเป็นคนเดียวในรถที่มีความสุข เลยยิ้มคนเดียว ในรถที่โคตรจะเงียบ






   
   พอมาถึงบ้านเราก็แยกย้ายกันขึ้นห้อง แม่มองหน้าพี่ไทม์เล็กน้อยตอนผมบอกว่า ให้เขานอนห้องเดียวกับผมก็ได้ แต่เขาก็พยักหน้า ไม่ได้ว่าอะไร
   “พี่ไทม์ เปิดประตูหน่อย ผมเอาชุดพีทมาให้”
   ผมเคาะประตูห้องน้ำ เพื่อที่จะเอาชุดที่ยืมพีทมาให้ พี่ไทม์เปิดประตูพร้อมผ้าขนหนูพันส่วนล่างไว้ บอกได้คำเดียวว่าหน้าท้องโคตรเซ็กซี่
   ผมชะงักไปเล็กน้อยตอนยื่นชุดให้ คนตัวโตเลยยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม
   “อาบน้ำพร้อมกันไหม?”
   “พี่อาบก่อนเลย เดี๋ยวผมไปเก็บห้องหน่อยดีกว่า” ผมพูดแบบร้อนรน ก็พี่แกเล่นใช้สายตาร้อนแรงมองผม ไหนคนที่หงอตอนคุยกับแม่ผม
   “พี่ว่าเรามาทำเรื่องที่ค้างให้จบกันดีกว่า”
   “อะไรนะ!”
   ยังไม่ทันที่เหยื่อจะร้องโวยวายก็โดนลากเข้าห้องน้ำ จับเอววางบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากจากคนตัวสูงกว่า ผมทำอะไรไม่ถูก นอกจากจูบตอบ มือไม้เผลอไปคล้องคอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
   เราจูบกันนานจนผมเริ่มเคลิ้ม ไม่รู้ตัวกระทั่งว่าเข็มขัดโดนปลดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือซิปโดนรูดลงตอนไหน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนโดนยกตัวขึ้นแล้วถอดกางเกงจนลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า ผู้ก่อการร้ายแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางทำให้ผมหุบขาไม่ได้
   พี่มันยังไม่เลิกจูบ แต่มือนี่เริ่มซน ไล้ไปตามตัวผมเหมือนโหยหา ปัดผ่านยอดอกจนผมสะดุ้ง ลูบหน้าท้องแล้วจบลงที่ส่วนนั้นของผม ผมผวาเฮือกจนต้องถอยหนี พี่ไทม์รั้งเอวไม่ให้ผมหนี แล้วเริ่มขบกัดลงบนไหล่
   “อา....”
   ผมอดส่งเสียงครางออกมาไม่ได้ ใครใช้ให้พี่เขาเอาแต่ใจขนาดนี้ รูดรั้งไม่พอ ยังขยี้ส่วนปลายจนเขาแอ่นตัวเข้าหา
   “อะ อา...”
   มืออีกข้างผละจากเอวผม ไปขยำก้อนนิ่ม ฟ้อนเฟ้นเบาๆจนผมหน้าแดง ซุกลงที่อกพี่เขาไม่กล้าเงยหน้า พยายามไม่ส่งเสียง มาทำอะไรในที่แบบนี้วะ แม่ได้ยินจะทำไง ทีหลังจะทำ ทำไมไม่ทำทีห้อง
   “พี่ พี่ จะ จะถึง”
   “มองพี่หน่อยเร็วเด็กดี” เสียงพี่ไทม์แหบพร่า พี่มันลดจังหวะลงเหมือนตั้งใจจะแกล้ง จนผมต้องยอมเงยหน้าขึ้นไปสบตา ตาผมคงจะเยิ้มไปหมดด้วยความต้องการ หน้าแดงจากแรงอารมณ์
   “อย่าแกล้ง”
   นอกจากจะไม่เลิกแกล้งแล้วยังขยี้ส่วนปลายมากกว่าเดิม ใช้ข้อมือเร่งจังหวะช้าๆ จนผมอยากจะใช้มือตัวเองแทน แต่ก็โดนรวบมือเอาไว้
   “ไจแอ้น ไม่แกล้งอิณนะ”
   พี่ไทม์ยิ้มบางใส่ผมอย่างพอใจ ก่อนจะเร่งจังหวะจนผมเผลอเกร็งตัว  แล้วปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา ผมหายใจหอบ จนพิงไหล่คนตัวสูง
   อีกคนปล่อยมือผมที่รวมเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆปลดผ้าขนหนูตัวเอง
   เดี๋ยว ยังไม่จบอีกหรอ
   “พี่ทำเราเลอะหมดเลย”
    “.....”
    “งั้นเดี๋ยวช่วยอาบน้ำนะครับ”
   เดี๋ยวววววววว


*******************
แหม ตอนอยู่กับแม่ก็ทำเป็นเรียบร้อยนะคนเรา
ตอนนี้อาจจะสั้นไปนิด แต่ไม่ห่วงค่ะ เราอัพถี่แน่นอนเพราะใกล้จะจบแล้ว
ถ้าตอนนี้ปลิว จะมาแปะคัทให้ใหม่อีกทีนะคะ
มีแฟนอาร์ทเล็กๆน้อยๆจากเรามาฝากนะคะ
สำหรับเล้าเป็ดนะคะ ถ้ารูปไม่ขึ้นแล้วต้องการจะดูรูปให้คลิกด้านล่างเลยค่ะ
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1792259&chapter=23


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อิอิ อิพี่อย่าแกล้งน้องเสะะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 22
   และในวันที่สามลุงก็ฟื้นขึ้นมาภายในห้องไอซียู บ้านผมเลยพอหายใจหายคอกันโล่งขึ้นบ้าง หลังจากนั้นสามวันก็ย้ายเข้าพักในห้องพักฟื้น ซึ่งลุงก็ยังไม่มีแรง ซีกขวาขยับไม่ได้ พูดได้เบาๆ แต่เข้าใจในสิ่งที่เราพูดรู้เรื่อง กินอาหารอ่อนๆได้ ป้าจะอยู่เฝ้าลุงทุกวัน โดยมีพีทเป็นคนคอยส่งข้าวส่งน้ำส่งเสื้อผ้า เพราะป้าเป็นห่วงลุงไม่ยอมกลับบ้านแล้วก็ไม่ยอมให้คนอื่นเฝ้าแทน
   ส่วนร้านน่ะเหรอ เราทำงานเป็นทีมงานคุณภาพขั้นสุด แม่ผมคือผู้นำ ที่เหลือคือตัวประกอบ ลูกค้าคือตัวร้ายที่จะคอยปั่นหัวเราในทุกวัน จากนั้นพอจากไปก็จะดรอปเงินทิ้งเอาไว้
   ปัญหาแรกที่เกิดตั้งแต่ยังไม่เปิดร้าน คือลูกจ้างไม่พอ หลายคนยังไม่กลับจากต่างจังหวัด บางคนก็พึ่งโทรมาแจ้งว่ายังกลับไม่ได้ ลูกป่วยบ้างละ รถเสียบ้างละ
จะปิดร้านไปก่อนก็ไม่ได้ เพราะมีลูกค้าโทรมาจองโต๊ะเยอะมากๆ เราเลยต้องเปิดร้าน ดีที่ว่าพวกพ่อครัวไม่ได้ลาไปไหน แต่คนล้างจานนี่มีอยู่คนเดียว  ถ้าสงสัยว่าแล้วใครช่วยเสิร์ฟ ใครช่วยล้างจานละก็ จะใครละ ผมไงครับ ยิ่งพี่ไทม์นะ พี่แกได้โอกาสก็รีบทำคะแนนกับแม่ผมใหญ่ ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ส่งของยันกวาดร้านอะ ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องกันเลย
   อินเครดิเบิ้ลลลล สุดๆเลยจ้า
   อยากจะฟ้องเหลือเกิน ว่าพี่มันจับผมรีดน้ำคาบ้านเลยแม่
   หลังจากนั้นเราก็ได้ตัวประกอบมาช่วยเพิ่มเติม  อันได้แก่ หลวงแจ๊บในตำนานและน้องอาร์มกับคำท้าปัญญาอ่อนของเขา
   เห็นความหายนะแล้วใช่ไหมครับ นั่นยังไม่นับหลังจากที่มันเห็นว่าผู้ชายหน้าหล่อในร้านเป็นแฟนผม
   มันก็เอ๊ะๆ ไอ้หมวย นั่นนักร้องในผับคืนนั้นไม่ใช่หรอ ถามพร้อมชี้นิ้วที่หางคิ้วเหมือนคนขี้สงสัย
   เท่านั้นละครับ ผมก็โดนซักซะขาว อารมณ์เหมือนโดนแช่ด้วยแวนิช*แล้วปั่นด้วยไฮเตอร์อีกรอบ พี่ไทม์แม่งก็เอาแต่ยิ้มขำที่เห็นผมตอบคำถามด้วยหน้าแดงๆ
   หลังจากนั้นร้านเราก็หรรษาสุดๆ ถ้าจะให้เล่าก็อยากจะใส่เพลงเข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มความบันเทิง
   ในวันสุดท้ายก่อนเพื่อนผมจะกลับไปเชียงใหม่ หลังร้านปิดเราก็นั่งกินเหล้ากันหน้าบ้าน ส่วนพี่ไทม์กลับบ้านไปตั้งแต่เย็น เพราะต้องไปงานรวมญาติที่ต่างจังหวัดกับที่บ้านอาทิตย์นึง คุณนาชวนผมไปด้วยเพราะอยากพาผมไปเปิดตัว ผมเกือบทำน้ำพุ่งตอนได้ยิน เลยได้แต่ปฏิเสธอย่างประนีประนอมว่าผมยังไม่พร้อมครับ
   “มึงว่าปีนี้กูจะมีแฟนปะวะ” แจ๊บเป็นคนเปิดประเด็นหลังเหล้าแก้วแรกเข้าปาก อาร์มชายตามองสภาพแจ๊บก่อนจะอ้าปากตอบ
   “กูว่าให้มันเป็นเรื่องของโชคชะตาเถอะวะ”
   “ไอ้สัส”
   “โตแล้วนะมึง เลิกหม้อได้แล้ว ไม่เหนื่อยเหรอวะ ที่ต้องเริ่มต้นใหม่บ่อยๆ” ผมกระดกแก้วเหล้าแล้วเอ่ยถาม เตือนเพื่อนด้วยความหวังดี เขาเรียกว่าเปิดเรื่องเล่าในวงเหล้า
   “กูเหนื่อย แต่กูจริงจังนะเว้ย คุยก็คุยทีละคน คบทีละคน แต่สุดท้ายมันก็ไม่รอดอะ มึงจะรู้ได้ยังไงวะว่าคนนี้ๆจะอยู่กับเราไปตลอด” น้ำเสียงซีเรียสต่างจากทุกที ทั้งที่แต่ก่อนพออกหักก็จะเอาแต่โวยวาย
   บ่งบอกว่าบทสนทนาเริ่มแตกต่างไปจากเมื่อก่อน เมื่อเราต่างคนต่างโตขึ้น เรื่องในชีวิตก็จะเริ่มมีแต่เรื่องจริงจัง จากที่เคยท้านู่นนี่ปัญญาอ่อน กลายเป็นมานั่งถกปัญหาชีวิตด้วยกันแทน
   “กูก็ไม่รู้วะ ตอนกูเจอเอ็ม กูก็แค่รู้สึกประทับใจอะ ไม่เคยเจอคนขายบัตรสอยดาววันวิทยาศาสตร์โดนใจขนาดนี้มาก่อนเลย พอลองจีบลองคุยมันก็เข้ากันได้ ถ้าถามว่ากูชอบเขาเพราะอะไรกูก็ตอบไม่ได้อะ อะไรที่เขามี คนอื่นมันก็มี เขาน่ารัก คนอื่นที่น่ารักก็มีไหม แต่จริงๆคือมันเพราะว่ากูชอบเขา กูถึงมองว่าเขาน่ารัก เข้าใจปะ?”
   “เหมือน.... เหมือนจะเข้าใจวะเพื่อน” แจ๊บพยักหน้าด้วยท่าทางมึนๆ
   “ที่อาร์มมันจะบอกคือ มันไม่ได้ชอบน้องเอ็มเพราะเขาน่ารัก แต่เพราะว่ามันชอบเขาเลยมองว่าเขาน่ารัก” ผมอธิบายเพิ่ม
   “แล้วเกี่ยวอะไรกับคำถามของกูวะ”
   “ก็ถ้ามึงเจอคนที่เขาชอบมึงที่ตัวมึงจริงๆได้ เขาก็จะอยู่กับมึงไปได้นานไง ไม่ใช่ว่าเมื่อไหร่มึงไม่ตอบแชทเขา เขาก็เบื่อแล้วทิ้งมึงอะ”
   “เขาถึงบอกว่าสามีภรรยา มันต้องเป็นคนที่ศีลเสมอกัน ไลฟ์สไตล์มันต้องเข้ากันได้อะเพื่อน” อาร์มพูดพร้อมยกแก้วเหล้าชน
   แจ๊บทำหน้าเสียใจใส่ เหมือนชีวิตน่าจะไม่มีทางได้เจอคนนั้น ผมส่ายหน้ายิ้มๆให้เพื่อน รีบเครียดชิบหาย อายุยังไม่ถึงยี่สิบ ก็กลัวขึ้นคานซะแล้ว
   “ตั้งใจเรียนเถอะครับคุณ เป็นคนดี มีงานดี เดี๋ยวก็ได้เจอเอง มึงจะเครียดทำไมเนี่ย หอยหลอดเอ้ย” ผมขยี้หัวเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนโลกจะแตก ผมว่าหนึ่งเทอมที่ผ่านมามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่เลยวะ แต่จะเป็นคนดีไม่ถามก็แล้วกัน
   “มีผัวแล้วก็พูดได้”
   “ยังไม่ใช่ผัวเว้ย” ผมโวยวายแล้วหันไปตบหัวไอ้แจ๊บ จนมันเบ้หน้า
   “ให้กูท้าไหม เหมือนตอนมึงท้ากูเปิดซิงแฟนกูไง”
   “ไม่ต้องเลย เดี๋ยวกูพร้อมกูก็ทำกันเองแหละน่า”
   “เออเนอะ หล่อขนาดนั้นคงไม่ต้องพึ่งคำท้ากูหรอก เดี๋ยวมึงก็ใจแตก”
   “เกลียดมึงวะอาร์ม”
   ผมส่ายหน้าระอา แล้วรินเหล้าเพิ่ม รินไปก็นึกถึงคนที่กินเบียร์แล้วทำตัวรั่ว
   เรื่องเล่าในวงเหล้ายังดำเนินต่อไปจนดึกดื่น ส่วนใหญ่ก็หยิบเรื่องเพื่อนคนนู่นคนนี่มาพูดถึง แล้วก็ลามไปเรื่องเรียน สังคมในมหาลัย ชาบูร้านไหนอร่อย หนังเรื่องไหนสนุก เสียดายที่ก่อเกียรติมันไปเป็นแพนด้าอยู่ที่จีน หายหัวไร้การติดต่อ ไม่งั้นก็ครบองค์ไปแล้ว
   นานๆเจอกันทีก็ดี มันทำให้ผมรู้สึกคิดถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน มัธยมเหมือนพึ่งผ่านมาไม่นาน แต่ความจริงคือมันผ่านไปแล้ว เราไม่มีทางมายืนเคารพธงชาติตอนเช้าๆด้วยกันอีกแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าในปีต่อๆไปเราจะมานั่งกินเหล้าแล้วคุยเรื่องโง่ๆด้วยกันอีก
   เพราะบางทีการได้อยู่กับบรรยากาศเดิมๆมันก็เหมือนได้ชาร์ตแบตสำหรับการเป็นผู้ใหญ่
   
   ผลเสียคือผมแฮงค์  ลุกขึ้นมาด้วยหัวที่หนักอึ้ง ขับรถไปส่งสองสหายในตอนเช้าที่สถานีรถไฟ พวกมันดูแปลกใจที่เห็นแม่ผมทำข้าวกล่องให้เพราะต้องนั่งรถนาน แถมขนมอีกถุงใหญ่ ที่ผ่านมาผมกับแม่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ มันเลยแปลกใจที่คราวนี้ผมคืนดีกับแม่ได้นาน ปกติจะคุยกันดีๆได้แค่สองสามคำ
   ผองเพื่อนผมเลยไม่คุ้นชินกับแม่ผมเวอร์ชั่นใจดี
   ผมเลยได้แต่ชี้อวดๆอยู่ข้างหลังว่า นี่แม่กูๆ
   
   หลังจากนั้นสองวันผมก็เหมือนแฮงค์ต่อเนื่อง ไม่หรอก ความจริงคือผมกำลังจะป่วย หัวมันตื้อๆไม่ยอมหาย เจ็บคอจนกินข้าวได้น้อย เมื่อคืนผมก็เผลอหลับจนไม่ได้รับโทรศัพท์พี่ไทม์ อาการไอยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง
   แต่คือสุขภาพจิตช่วงนี้ผมดีมาก ผมกับแม่เราไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก แต่เพราะผมต้องไปช่วยทำบัญชีอยู่ทุกคืน เราเลยได้มีเวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้เอาแต่พูดจาทำร้ายกันเหมือนแต่ก่อน
   สำหรับน้องชายที่ยังไม่ปิดเทอมและเข้าใกล้วันสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปทุกที ผมก็ได้ทำหน้าที่พี่ชายโดยการติวข้อสอบภาษาอังกฤษให้น้อง บางทีก็เป็นคนเอาของไปส่งที่โรงพยาบาลแทนน้อง พอไม่มีลุงคอยเปิดประเด็นเรื่องผมเป็นเกย์ ป้าก็ไม่ค่อยกล้าพูดอะไร
   เขาควรเรียนรู้ได้แล้วว่าตอนนี้ใครใหญ่ เขาควรจะรีบทำดีกับผม เพราะตอนนี้ผมคอยดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน ถ้าไม่ทำตัวดีๆผมตัดค่าขนมแน่
   ทั้งหมดทั้งมวลผมเลยรู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ชายที่น่ารักกับน้องแบบสุดๆ เนี่ยมันคือความแบบอิ่มเอมใจ น้องทำข้อสอบไม่ได้ก็มาหาเรา เครียดก็มาหาเรา หิวข้าวก็พี่อิณต้มมาม่าให้พีทหน่อย น้องเชื่องกับผมมากเลยอะ ถึงน้องจะไม่ได้ตัวเล็กตัวน้อย แต่เขาก็น่ารักมากๆเลย นึกเสียดายว่าเราน่าจะดีกันได้ตั้งนานแล้ว ผมจะได้เลี้ยงเขาตั้งแต่ตัวน้อยๆ
   แล้วด้วยสุขภาพจิตที่ดีมากเวอร์ทำให้ผมยังคงทำงานได้ด้วยความสบายกายสบายใจ แม้สภาพร่างกายจะเริ่มไม่ค่อยจะไหวแล้วก็ตาม
   คงเพราะผมนอนดึกมาหลายวัน พอจะป่วยมันก็เลยทรุดลงเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่าตัวร้อนๆหนาวๆทั้งวัน
   วันต่อมาผมก็ยังช่วยร้านปกติ ตอนเย็นก็ไปรับพีทที่โรงเรียน แล้วเลยไปหาป้ากับลุงที่โรงพยาบาล ลุงเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังไม่มาก หมอบอกว่าถ้าหมั่นทำกายภาพบำบัดก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แม้จะไม่ 100% ก็ตาม และอีกไม่กี่วันลุงก็คงจะกลับบ้านได้
   ความสัมพันธ์ของผมกับป้าไม่ได้แย่นัก เขาไม่ได้ว่าพีทที่จะเรียนวิศวะ หรือที่ทำตัวสนิทสนมกับผม บางทีเขาอาจจะเห็นแล้วว่าพอถึงเวลาที่ลำบาก ผมก็ไม่ได้ทิ้งน้องหรือทิ้งแม่ แม้กระทั่งตัวเขากับลุงเอง ที่ทำไม่ดีกับผม
   อคติที่ว่าผมชอบผู้ชายด้วยกันเลยไม่ได้ถูกว่ามองว่าสำคัญอีกต่อไป
   หลังกลับจากโรงพยาบาลผมรู้สึกว่าอาการตัวเองแย่ลง เริ่มมีไข้ สมองเริ่มคิดช้าลง ตาผมเริ่มลายตอนกำลังทำบัญชีกับแม่ แม่เลยไล่ผมไปกินยาแล้วรีบเข้านอน
   ผมไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน แต่จำได้ว่าผมรู้สึกหนาวมากๆ

   
   
   ตอนเช้าผมตื่นสาย มีแผ่นคูฟีเวอร์จากไหนไม่รู้แปะอยู่ที่หน้าผาก แต่ผมก็ยังรู้สึกหน้าร้อนตลอดเวลา อาการปวดหัวของผมยังอยู่ดี ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเห็นพี่ไทม์โทรมาแต่ผมไม่ได้รับสาย เลยกดโทรกลับไปเหมือนทุกที
   “ตื่นสาย... ชิ่งหลับไม่รับสายพี่มาหลายคืนแล้วนะ ไม่คิดถึงกันเหรอครับ” แอทแทคกันแต่เช้าเลยนะ
   “คิดถึง แต่ผม แค่กๆ เผลอหลับไง” ผมโกหก
   “ยังไม่หายไออีกหรอ จะไม่สบายหรือเปล่า ไอมาหลายวันแล้วนะ ไปหาหมอดีกว่านะพี่ว่า” พี่ไทม์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ผมไม่อยากให้เขาห่วง เลยตอบแบบไม่หมดเหมือนทุกที
   “ผมก็แค่ไอเฉยๆ ลมมันเย็นอะ อากาศมันเลยแห้งๆ พี่ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แล้วพี่เป็นไงบ้าง ไปเที่ยวไหนมาเมื่อวาน”
   “ไปน้ำตกมาเมื่อวาน สวยมาก น้ำเย็นดีด้วย น้องแพรเล่นไม่ยอมเลิกเลย อยากให้เรามาด้วยนะ พี่นั่งคิดอยู่เมื่อคืนว่าปิดเทอมหน้าจะพาเราไปเที่ยว...”
   “ไปสิ ไปกันสองคนเนอะ ต่อให้พวกพี่แชมป์อยากมาผมก็จะไม่ให้ไป แค่กๆ”
   “งั้นก็ต้องดูแลตัวเองดีๆรู้ไหม ถ้าไม่สบาย ไม่พาไปเที่ยวนะ”
   “รู้แล้วน่า ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กทุกที”
   “ก็ชอบทำให้ห่วง คำว่าไหวของเรามันเชื่อได้ทีไหน”
   “บ่นอีกแล้วคุณเวลา บ่นทุกวันเลยยย แล้วกินข้าวรึยังเนี่ย” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง ยิ่งโตก็ยิ่งบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
   “กินแล้วครับ เราก็ลงไปกินข้าวได้แล้ว พี่ต้องวางแล้วนะ”
   “โอเค คืนนี้ค่อยคุยกัน”
   “ครับ คืนนี้เจอกัน” แล้วพี่มันก็วาง
   หืม? เมื่อกี๊เขาบอกว่าเจอกันใช่ไหม สงสัยจะวิดีโอคอลมาละมั้ง

   แล้วผมก็ลงไปทำงานเหมือนทุกวัน วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะ แต่ก็ต้องเดินไปเดินมาตลอด หน้าผมแดงกว่าทุกวันเพราะพิษไข้ ผมฝืนทำงานไปเรื่อยๆ ถึงเวลากินข้าวก็พัก แต่พอตกเย็นผมก็รู้สึกแย่จนสุดท้ายผมก็หน้ามืดกลางร้าน ล้มลงไปชนโต๊ะจนแขนถลอก ทำให้ทุกคนตกใจกันไปหมด พอหายตกใจก็รีบมาพยุงผมขึ้นจากพื้น แม่โวยวายใหญ่เลย เอาแต่ว่าผมว่าไม่ไหวแล้วยังจะฝืน นู่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด แต่ก็ยังพาผมขึ้นห้อง
   ถึงห้องผมก็ล้มตัวนอน หัวหนักอึ้ง ขยับไปทางไหนก็ปวดตัวไปหมด รู้สึกหนาวจนตัวสั่น จนต้องขดตัว แม่ผมเข้ามาเช็ดตัวให้ แล้วก็ลงข้างล่างไป สักพักก็ขึ้นมาพร้อมชามข้าวต้ม ผมฝืนกินได้ไม่กี่คำ แม่ก็ยัดยาใส่มือผม ก่อนไปก็เอาคูฟีเวอร์มาแปะให้
   ผมยิ้มเพราะรู้แล้วว่าคูฟีเวอร์เมื่อเช้าเป็นของใคร
   ก่อนไปแม่ก็ยังอวยพรให้หายดีอีกว่า ถ้าไม่ไหวก็โทรลงมา อย่ามาตายในบ้านฉัน
   

   ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ผมรู้สึกปวดหัวมาก กระบอกตาร้อนไปหมด ปวดจนผมร้องไห้ออกมา ห้องผมมืดไปทั้งห้อง ตอนนี้คงจะมืดแล้ว อาจจะดึกแล้วด้วยซ้ำ
   ผมไม่มีแรงกระทั่งจะลุกขึ้น ได้แต่หายใจหอบอยู่บนเตียง หนาวจนสั่น ไข้ขึ้นสูงจนผมตาลายไปหมด ยิ่งตาลายก็ยิ่งปวดหัว สักพักผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตู กลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้ผมมองหาที่มาของกลิ่น
   เจ้าของกลิ่นเดินเข้าใกล้ผม แต่ผมมองหน้าเขาไม่ชัดเลย แล้วผมก็รู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆที่ข้างแก้ม ไล่มาจนถึงซอกคอ
   “ทำไมตัวร้อนแบบนี้วะ” ผมจำเสียงนี้ได้ เขาสบถเสียงเครียด พี่ไทม์กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่
   “ลุกไหวไหม พี่จะพาไปโรงพยาบาล”
   ผมส่ายหน้า ตอนนี้ปวดหัวจนน้ำตาคลอ พี่ไทม์พยุงผมลุกขึ้นนั่งแล้วใส่เสื้อกันหนาวให้ผม
   “พี่ไทม์ พี่อิณเป็นไงบ้าง” นั่นเสียงพีท
   “พีทไปสตาร์ทรถเลย พี่จะพาพี่เราไปโรงพยาบาล”
   “เป็นหนักเลยหรอพี่ เห้ย รอแป๊ปนึง ผมไปเอากุญแจรถก่อน” แล้วผมก็ได้ยินเสียงวิ่งรีบร้อนออกจากห้องไป
   “ชอบฝืนไม่เข้าเรื่อง หายเมื่อไหร่จะบ่นให้หูชาเลย”
   แล้วตัวผมก็ลอยขึ้น หัวพิงอยู่กับอก คิดในใจว่าโดนโกรธแน่ๆงานนี้ ที่เป็นอะไรไม่ยอมบอกเขา
   แต่เอาไว้ค่อยง้อแล้วกัน ตอนนี้ปวดหัวอะ พิงอกอุ่นๆแล้วมันก็ง่วง ขอนอนก่อนแล้วกัน...




*แวนิช
เราลงรูปในเล้าเป็ดไม่ได้คะ รบกวนกดลิ้งด้านล่างนะคะ
https://www.google.com/url?sa=i&source=images&cd=&cad=rja&uact=8&ved=2ahUKEwicnoyHmc3fAhUR448KHebAB8sQjRx6BAgBEAU&url=https%3A%2F%2Fth.cheapest.win%2Fproduct%2F%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2589-800-buy-2040373.html&psig=AOvVaw1OimitZkVYxy2FY9L2Jigg&ust=1546453149205403
***************************
สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน ขอให้เป็นปีที่ดีเนอะ มีความสุขกันมากๆนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะคะ
เราติดอันดับด้วยนะทุกคน เราแบบ ปริ่มใจมาก ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะคนอ่านจริงๆ ขอบคุณมากๆเลยนะคะเป็นอะไรที่ฟินมาก
คิดว่าอีกสองตอนก็น่าจะจบแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ดรามงดราม่าอัลไร ไม่มี๊
คืนนี้ก็ ฝันดีนะคะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ป่วยแบบนี้ต้องอ้อนคุณเวลาเยอะ :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :pig4:สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 23
                 


                   เช้านี้เขาตื่นมาด้วยความเมื่อยขบไปทั้งตัว เพราะต้องขดตัวนอนบนโซฟาเพื่อเฝ้าคนป่วย  แถมยังง่วงทั้งที่พึ่งตื่น ก็เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า จะนอนได้ยังไง ในเมื่อคนน้องตัวร้อนทั้งคืน บางทีก็เพ้อเสียงดังจนเขาต้องมาลูบหัวปลอบ ขนาดฉีดยาแล้ว น้องยังนอนขมวดคิ้วเกือบทั้งคืน เขาจะหลับลงได้ยังไง

                   พอไข้เริ่มลดเขาถึงจะได้นอน

                   เด็กดื้อนี่มันเด็กดื้อจริงๆ ไอมาหลายวันแล้วบอกให้มาหาหมอก็ไม่ยอมมา เป็นไข้ ไม่สบายก็ไม่ยอมบอก แม่น้องมาบอกเขาทีหลังว่าเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อวาน

                    ดีที่ว่าเขาได้กลับเร็วขึ้น เลยแวะไปหาที่บ้าน จนไปเห็นไอ้เด็กดื้อนอนซมไข้บนเตียง ตัวร้อน มองเขาตาปรือ น้ำตาคลอเบ้า

                   มันน่าตีจริงๆไอ้เด็กคนนี้ เขาได้แต่ส่ายหัว มองคนบนเตียงที่ยังไม่ตื่น นอนดึกมาหลายคืน พอได้พักก็เลยนอนยาว

                   แต่หน้าซีดๆก็ยังทำให้เขาเป็นห่วงอยู่ดี ต่อให้สบายดีเขาก็ยังห่วง เด็กน้อยก็ยังเป็นเด็กน้อย ไม่ค่อยจะห่วงตัวเองเลย เขาเลยอดจะบ่นอยู่ตลอดไม่ได้ จนน้องมันชอบเอามาล้อว่าเขาเป็นหมีกินผึ้ง หนักเข้า ก็กลายเป็นหมีกินแมลงวันแทน

                    คุณพยาบาลเอาอาหารเช้าเข้ามาให้ คนตัวสูงบอกขอบคุณ แต่เขาก็ยังวางเอาไว้ เพราะคนป่วยยังไม่ตื่น

                     ให้นอนไปก่อนน่ะดีแล้ว ป่วยทีเขาก็สงสาร เด็กน้อยของเขาเหนื่อยมาตลอด ทั้งเรียนทั้งทำงาน ปัญหาครอบครัวสารพัดจะถาโถมใส่

                      เขาเลยอยากจะเป็นที่พักให้ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นให้ เป็นความรักให้กับน้อง เด็กดีก็สมควรที่จะมีความสุข

                       แต่ตอนนี้เด็กดีกลายเป็นเด็กดื้อ เขาอยากจะจับมาตีก้นให้หายดื้อ ปล่อยให้ตัวเองป่วยได้ยังไง

                      "......พี่"

                      เด็กดื้อตื่นแล้วครับ

                      "กินน้ำก่อน" เขาพูดเสียงนิ่ง เป็นสัญญาณบอกกลายๆว่ากำลังโกรธอยู่ ซึ่งน้องก็เหมือนจะรับรู้ได้ เลยชะงักไป

                      คนป่วยดื่มน้ำจนหมดแก้ว เขาเกือบหลุดขำตอนน้องค่อยๆกลืนน้ำ เหมือนกลัวจะโดนดุ ใครเขาดุคนกลืนน้ำกันละครับน้องหมวย

                      "เอ่อ พี่กินข้าวหรือยังครับ"

                      "พี่กินแล้ว ข้าวเราอยู่บนโต๊ะ"

                      ร่างสูงเดินไปเข็นโต๊ะที่มีข้าววางอยู่มาให้ รินน้ำให้ แต่ก็ยังทำหน้านิ่งจนคนบนเตียงได้แต่ตักข้าวกินเงียบๆ

                       เขาต้องพยายามกลั้นยิ้ม เพราะเด็กน้อยเอาแต่เหล่มองเขา พอหันไปก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ สักพักก็ขมวดคิ้วให้จานข้าว คิดว่าเขาไม่รู้หรอว่าเด็กน้อยกำลังวางแผนง้อเขาอยู่

                       ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องซุบซิบกับชามข้าวด้วย

                       "แค่กๆ พี่ขอน้ำหน่อยครับ"

                       "น้ำก็วางอยู่บนโต๊ะไงครับ"

                        "แค่กๆ อะ อ่อ ขอบคุณครับ"

                        แผนสำลักอาหารไม่ได้ผล คนป่วยก็ยิ้มเก้อๆ แล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

                        แล้วใช้แผนสำลักน้ำแทน

                        เขาขอขำได้ไหมเนี่ย ฐานะคนพยายามจะโกรธก็ได้

                        แกล้งไปแกล้งมาก็สำลักจริง ไอจนตัวโยน หน้าดำหน้าแดงไปหมด จนเขาต้องหยิบน้ำให้ดื่มอีกรอบ แล้วลูบหลังปลอบ

                      ช้อนตามองเป็นลูกหมาเลยไอ้เด็กเอ๋อ

                      คนตัวโตถอนหายใจ แล้วมองคนป่วยบนเตียง ไอจนเสียงแห้ง หน้าก็ยังซีด ยังดีที่ไข้ลดแล้ว

                      "รู้ใช่ไหมว่าทำไมพี่โกรธ"

                      "รู้ครับ"

                      "........"

                      "ผมขอโทษ ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นหนัก นึกว่าเป็นแค่หวัดเดี๋ยวก็หาย เลยไม่ได้บอกพี่ แต่ผมไม่ได้ไปตากฝน แล้วก็ไม่ได้สระผมตอนกลางคืนด้วย ก็ไม่รู้ว่าเป็นหวัดได้ยังไง อาจจะเพราะแฮงค์เหล้าก็ได้มั้ง ไม่ได้ตั้งใจนะ"

                    ข้อแก้ตัวยาวเหยียด มาพร้อมอาการหางลู่หูตก จนเขาอดเอ็นดูเจ้าลูกหมาไม่ได้

                    "แค่กๆ"

                    น้องยังไม่หายไอ จนเขาต้องเดินไปหยิบขวดน้ำมาเติมเพิ่ม แต่มือเล็กก็คว้าชายเสื้อของเขาไว้ซะก่อน

                    "พี่จะไปไหน ผมขอโทษ คราวหน้าผมจะบอกพี่ทุกอย่างเลย จะไม่ทำให้พี่ห่วงอีก หายโกรธกันนะ"

                   "คือพี่-"

                   "ไจแอ้นหายโกรธกันนะ"

                   พี่แค่จะไปหยิบน้ำครับเด็กน้อย

                   หน้าอ้อนๆแบบที่น้องไม่ค่อยจะทำบ่อยนัก ถูกเอามาใช้เพื่อการง้อครั้งโดยเฉพาะ แล้วคนแพ้เด็กหมวยจะไม่ใจอ่อนได้หรอ ถึงแม้ว่าเขาจะแค่แกล้งโกรธก็เถอะ

                   แต่ได้เห็นแบบนี้มันก็คุ้มอยู่หรอก

                   คนป่วยเห็นพี่ยืนนิ่งก็ใจเสีย ถ้าให้ง้อมากกว่านี้ น้ำตาคงต้องมาแล้วล่ะ เห็นผลไวสุด เป็นไข้อยู่ด้วย เข้าทางละงานนี้ เลยแอบหยิกขาตัวเองใต้ผ้าห่มแรงๆเพื่อเรียกน้ำตา

                  เท่านั่นแหละ คนพี่เลยต้องคว้าน้องไปกอด นึกโทษตัวเองที่ทำน้องน้ำตาคลอเบ้า ทั้งที่จริงๆเขาแค่ยืนนิ่งเฉยๆ ไม่คิดว่าคนป่วยจะถึงขั้นน้ำตาคลอ แต่คงเพราะเป็นไข้อยู่ เลยร้องไห้ง่ายกว่าปกติมั้ง

                 "พี่ขอโทษ ไม่โกรธแล้ว อย่าร้องนะ เดี๋ยวจะปวดหัว"

                 คนเฝ้าไข้เลยต้องมายืนกอดโอ๋คนป่วยป่วย จากนั้นก็กลับมาเอาใจเหมือนเดิม

                 เฮ้อ

                 แพ้คนเดิมๆมากี่รอบแล้วนะ
















                 

                   ผมนอนอยู่โรงพยาบาลได้สองคืน ผมก็ได้กลับบ้าน สองวันนั้นผมได้อยู่อย่างกินแล้วนอนที่แท้จริง

                  จริงๆผมดีขึ้นตั้งแต่เช้าวันที่สองแล้ว แต่แม่ไม่ยอมให้ผมกลับ พีทก็ไม่ยอมให้ผมกลับ พอผมหันไปมองพี่ไทม์เลยได้แต่หุบปากฉับ ปล่อยประเด็นนี้ให้หลุดลอยไปกับสายลมจะดีกว่า

                  ก็คุณเขาเป็นคนเฝ้าผมทั้งคืน ทั้งที่พึ่งขับรถกลับมาเหนื่อยๆ ต้องมานอนหลังขดหลังแข็งที่โซฟา ผมเลยรู้สึกผิด ช่วงนี้ก็ทำตัวเป็นเด็กดีหน่อยจะดีกว่า

                  พ่อกับแม่พี่ไทม์ก็มาเยี่ยมผม ตอนนี้ของกินผมเลยล้นห้อง พอนั่งว่างๆไม่มีอะไรทำ ผมก็เก็บกินจนหมด อิ่มแล้วก็นอน ตื่นก็ลุกมากินอีก

                  น้ำหนักที่หายไปช่วงที่ไม่สบายคงจะฟื้นกลับมาจนหมด พี่ไทม์ติดหอมแก้มตลอดเวลาที่อยู่กันสองคน เขาบอกว่าแก้มผมมันกลมขึ้น

                 ก็ตามันมีนิดเดียว ที่เหลือมันก็ต้องเป็นแก้มสิ

                 หลังจากนั้นผมก็ไปช่วยงานที่ร้านเหมือนเดิม แต่โดนสั่งแบนจากทั้งบ้านว่าห้ามนอนดึก เลยต้องทิ้งแม่นั่งทำบัญชีคนเดียว แต่เดี๋ยวแม่ก็ต้องทำคนเดียวอยู่แล้ว ผมเลยยอมนอนไวแต่โดยดี

                 พี่ไทม์มาช่วยผมแค่ไม่กี่วัน เพราะผมบอกให้เขาพักบ้าง ขับรถเทียวไปเทียวมา เขาจะเหนื่อย แล้วมันจะอันตราย เขาก็เชื่อฟังผมแค่สามวันก่อนจะเปิดเทอม

                   ข่าวดีก่อนเปิดเทอมคือลุงกลับมาอยู่บ้านแล้ว ป้ามาเยี่ยมผมด้วยนะตอนผมอยู่โรงพยาบาล แล้วเขาก็โมเมบอกว่าตัวเองแค่มาหาพีทเฉยๆ ทั้งที่จริงๆพีทพึ่งกลับมาจากห้องลุงแค่แป๊ปเดียว ผมก็อ่อครับ ขอบคุณนะครับป้า

                  ลุงไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะทำร้ายใครเหมือนเมื่อก่อน เขายังเดินไม่ได้ พูดก็ลำบาก กลายเป็นคนไม่ค่อยมีแรง แต่ก็ดีขึ้นกว่าตอนหลังผ่าตัดเยอะ

                  เขาไม่ได้ดูเกรี้ยวกราดตอนที่เห็นผมกับพี่ไทม์ พี่ไทม์แนะนำตัวว่าเขาเป็นแฟนผม ป้าแค่ดูอึ้งๆไปตอนเห็นพี่ไทม์ แล้วเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร จนผมเองยังอดแปลกใจไม่ได้

                  เหอะ สงสัยตะลึงในความหล่อของแฟนผม จนลืมด่าแน่ๆ

                  พวกเขาคอยทำกายภาพบำบัดให้ลุงทุกวัน น้องผมเลยได้ยิ้มบ่อยขึ้น เห็นน้องมีความสุขผมก็ดีใจ

                 เปิดเทอมนี้ คุณนาบอกให้ผมย้ายไปอยู่กับพี่ไทม์ถาวร แม่ผมก็เห็นด้วย เพราะไม่ต้องเปลืองเงินค่าหอ พี่ไทม์ดีใจจนออกนอกหน้า แล้วผมก็ต้องเลิกทำงานวันเสาร์อาทิตย์แล้วกลับไปช่วยที่บ้านแทน

                  ก่อนวันเปิดเทอม พี่ไทม์เลยมาช่วยผมขนของที่ห้อง ของผมมีค่อนข้างเยอะเพราะอยู่มาหลายปี

                  เลยต้องใช้เวลาทั้งวันคลุกอยู่ที่ห้อง หลายอย่างก็เก็บทิ้งไปเยอะ หลายอย่างก็เสียดายเลยต้องเก็บไว้ แต่ไอ้คนพี่มันคอยคัดค้านอยู่ตลอดว่า เรียงความวันสุนทรภู่สมัยมัธยมจะเก็บไว้ทำไม

                   เก็บไปสักพักผู้ช่วยผมก็ง่วง สุดท้ายก็หลับคาไหล่ผม ผมเลยเอาหมอนมาวางให้เขานอนถนัดๆแล้วห่มผ้าให้

                  เขาดูแลผมมาตลอด ถึงเวลาก็คงต้องผลัดกันบ้าง

                   สุดท้ายผมก็เก็บคนเดียวจนเสร็จ ปลุกคนหลับให้ไปนอนต่อบนรถ แล้วผมก็เป็นคนขับมาจนถึงห้องเขา

                    พี่ไทม์ทำอาหารให้ผมกินฉลองการอยู่ร่วมกันวันแรก

                   เมนูสุดหรู คือ ผัดมาม่า

                   แต่มันก็โรแมนติกดี ติดที่ตอนนี้ห้องมันยังรกไปหน่อย

                   "อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ดีนะ ทำอะไรก็ค่อยง่ายหน่อย"

                  "ทำอะไรอะพี่"

                  "อาบน้ำด้วยกันไหมเรา"

                  ผมมองตาคนเจ้าเล่ห์ ที่ตาพราวทุกทีเวลาเชิญชวนเรื่องแบบนี้

                  "พี่ทิ้งผมเก็บห้องคนเดียว ล้างจานด้วยแล้วกันนะ"

                 เดี๋ยวนี้ผมพัฒนา ไอ้การเขินแล้วเข้าตู้เข้าพุ่มไม้ ใครมันจะไปทำ เขาชิ่งกันตรงๆแล้วเดี๋ยวนี้ แล้วผมก็ลุกขึ้น หยิบผ้าผ่อนไปอาบน้ำ แต่ชะล่าใจได้แปปเดียว ผมก็โดนอีกคนผลักประตูห้องน้ำเข้ามา

                "เห้ยพี่ ไม่เอา อย่านะ พรุ่งนี้มีเรียน ยะ อย่า "

                 แต่คนอย่างผมหรอจะไปทันพี่มัน พี่ไทม์เข้ามายืนซ้อนหลัง ให้ผมหันหน้าเข้ากำแพง กางเกงบอลผมหล่นไปอยู่ข้อเท้าแล้ว

                หลังจากนั้นหรอ ตัดเข้าโคมไฟแล้วกันครับ







      ♦

                 

                  เปิดเทอมวันแรกของมหาวิทยาลัยก็คือเรียนเลย บางวิชาก็ได้รายงานมาทำล่วงหน้า ซึ่งผมโคตรจะเซ็งเลย มันเหมือนเป็นอะไรที่ไม่จบไม่สิ้น พอจบไฟนอลนี้ มิดเทอมหน้าก็มาต่อคิวจ่อ

                  เพื่อนซี้ผมที่หายหน้าหายตาไปเป็นแพนด้าที่จีน กลับมาพร้อมขนมถุงใหญ่มาฝากผม ผมเลยให้ อภัยที่ขาดการติดต่อ

                  เราอัพเดตเรื่องราวช่วงที่หายหน้าหายตากันไป แล้วมันก็บ่นอุบว่าเสียดาย ที่มาไม่ทันไอ้สองคนนั้นลงมาจากเชียงใหม่

                 ข้าวกลางวัน ผมกับก่อเกียรติก็นั่งโต๊ะเดียวกับพวกพี่ไทม์ กลายเป็นว่าผมสนิทกับพวกเขามากกว่าเพื่อนในรุ่นซะอีก เพื่อนๆเขาก็แซวกันเก่งเหมือนเดิม ชงจนไม่มีอะไรให้ชงแล้ว แต่ก็ยังขยันกันเหลือเกิน

                  ล่าสุดคือฉลองที่ผมกับพี่ไทม์ เข้าหอ ทั้งที่จริงๆแค่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน

                  แล้วความจริงคือ เรายังไม่ได้เข้าหอกันด้วยซ้ำ

                  สำหรับเรื่องนี้ผมก็คิดอยู่เหมือนกัน ผมยังไม่เคยกับทั้งผู้หญิง และผู้ชาย แต่ผมก็ศึกษามาอยู่

                 อาจจะอาศัยจังหวะเวลาที่มันเหมาะสมสักหน่อย ที่เราสองคนพร้อม ก็คงจะได้เข้าหอ

                 แต่จะชวนกันตรงๆมันก็คงจะเขินเกินไปหน่อย แต่จะชวนอ้อมๆก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง

                 ยังไงพี่มันก็คงไม่รีบอยู่แล้วละมั้ง หรือจะรีบวะ

                ผมควรจะถามเขาไหม?

               รอฤกษ์ดีๆก่อนแล้วกัน ยังไงเราก็เป็นแฟน เรื่องแบบนี้มันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเร่งรีบอะไร

                พอกลับถึงห้อง ผมก็เจอพี่ไทม์นอนอยู่บนโซฟา เพราะวันนี้พี่มันมีเรียนแค่ตอนเช้า

                 ลมเย็นสบายช่วงนี้ทำให้อากาศไม่ร้อนมาก แต่ถ้าไปยืนกลางแดดมันก็ร้อนอยู่ดี เอาเป็นว่าอากาศดี พี่แกเลยไม่ยอมใส่เสื้อ แล้วเดี๋ยวก็เป็นหวัด

                 ผมส่ายหน้าระอา แต่ก็อดจะจ้องหน้าท้องลอนๆไม่ได้ ช่วงนี้เขาคลุกอยู่กับผมตลอด เรื่องออกกำลังกาย เตะบอล เข้ายิม เลยไม่ค่อยได้ไป แต่ก็ยังเห็นลายกล้ามเนื้อบนหน้าท้องให้ใจเต้นอยู่ดี

                แล้วอะไรคือมายืนจ้องพุงคนอื่น

                แต่ทำไมพี่มันถึงขาวจังวะ ดูมือดิ ใหญ่กว่าผมอีก ผมว่าเส้นเลือดบนมือผู้ชายมันให้ความรู้สึกแข็งแรงดี

                 แต่พออยู่บนตัวพี่ไทม์แล้ว มือเขาก็ดูเซ็กซี่

                คงเพราะเขาไม่ค่อยถอดเสื้อให้ผมได้จ้องแบบนี้บ่อยๆ ผมเลยเผลอพิจารณาอยู่นาน

                นานจนผมรู้สึกว่า ส่วนนั้นของผม มันคับแน่นอยู่ในกางเกงนักศึกษา

                ผมจับเป้ากางเกงตัวเอง แล้วนั่งหน้าแดง อยู่ตรงหน้าคนหลับ คงเพราะผมคิดเรื่องเข้าหอแน่ๆ ถึงได้มีอารมณ์แบบนี้ ให้ตายเหอะ นี่มันน่าอายมากเลยนะ

               แต่กว่าจะรู้ตัว

               คนที่ตื่นตั้งนานแล้วก็ลืมตาจ้องหน้าผมอยู่ ดวงตาแพรวพราวระยิบระยับเหมือนมีดาวอยู่สักล้านดวง

              พี่มันมองต่ำลงจนผมเผลอปิดเป้าตัวเอง เเล้วพี่มันก็ขำออกมา ผมจะวิ่งหนีแต่ก็โดนคว้าเอาไว้

              กี่ตอนแล้ว เคยหนีทันสักครั้งไหมกูเนี่ย

               ผมถูกจับนั่งคร่อมตักอยู่บนโซฟา ส่วนนั้นของเราเสียดสีกันไปมา จนผมอยากจะมุดดินหนี

               แล้วจู่ๆพี่ไทม์ก็หูแดง ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไร

                 " พี่ว่า เรามาลองดูดีไหม เรื่องอย่างว่าน่ะ แต่"

                "....."

                "แต่ถ้าเรายังไม่พร้อม เรามาช่วยกันเหมือนทุกทีก็ได้นะ"

                 โดยปกติแล้ว เราจะผลัดกันช่วย แต่ผมจะโดนรีดน้ำบ่อยสุด เหตุผลของพี่แกคือเขาชอบสีหน้าผม ตอนอยู่ในกำมือของเขา ผมฟังแล้วก็ได้แต่กรอกตามองบน

                ผมมองคนพูดที่หูเหอแดงไปหมด แล้วนึกขำในใจ เรื่องแบบนี้ยังไงก็ต้องเกิดอยู่ดี มัวแต่เขินเเล้วเมื่อไหร่จะได้กินละจริงไหม แต่คือผมก็ยังอายยู่ดี ครั้งแรกก็มีแต่คนบอกว่าเจ็บ

                 " แล้วพี่มี เอ่อ ของที่ต้องใช้แล้วเหรอ"

                  "มีแล้วครับ"

                 เตรียมพร้อมตั้งแต่ตอนไหนวะ

                  "แต่ แต่เรายังไม่ได้กินข้าวเย็น"

                  " พูดแบบนี้น่ะ เราเองก็ไม่ได้อยากกินข้าวเย็นเหมือนกันไม่ใช่หรอ"

                 พี่มันพูดแล้วก็ขยำสะโพกของผม ท่วงท่าติดเรทขั้นสุด แถมยังเอาตรงนั้นมาสีกันไปมาจนผมเริ่มทนไม่ไหว

               

                "น้องหมวยไม่อยากกินพี่จริงๆหรอครับ?"




















***********************************************

ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะคะ แน่นอนว่า nc เนี่ย ของมันต้องมีค่ะ

แจกการ์ดเชิญนะคะ แล้วมาดูคู่นี้เข้าหอกัน

พูดคุยกันได้ที่ #พี่ไทม์น้องหมวย

คืนนี้ฝันดีนะคะ


ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทสุดท้าย



คำถามชวนใจเต้นทำให้คนบนตักเม้มปากแน่น เขาไม่กล้าตอบคำถามน่าอาย เลยเลือกจะใช้การกระทำเป็นการตอบแทน



ริมฝีปากแนบสนิทกัน ลิ้นเกี่ยวกันไปมา จนเสียงดังไปทั่วห้อง คอยย้ำว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น จูบยาวนานและยังไม่มีทีท่าจะจบลง ทำให้เขาต้องโอบรอบคอคนตัวสูงเพื่อหาท่าที่ถนัด มือหนาที่ขยำบั้นท้ายทำให้ริมฝีปากทำหน้าที่ได้ร้อนแรงขึ้น เราสองคนนัวเนียกันไปมาอยู่บนโซฟา แนบชิดขนาดที่ว่าย้อนกลับมาคิดถึงต้องมุดตู้ไปอีกสามวันแน่ๆ

และคนความอดทนน้อยก็กระชับคนบนตักขึ้น แล้วพาไปที่เตียงทั้งที่ยังท่าเดิม น้องก็ให้ความร่วมมืออย่างดีโดยการโอบคอเขาไว้แน่น ดวงตาฉ่ำปรือเพราะแรงอารมณ์กระตุ้นเขาเป็นอย่างดี น้องกู่ไม่กลับแล้ว เพราะงั้นเขาเลยให้น้องอยู่ข้างบน

ก่อนจะเริ่มจูบใหม่ ถอดเข็มขัดออกแล้วรูดซิปลง อย่างไม่รีบร้อน คนตัวเล็กกว่า ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยืนเข่าให้เขาถอดกางเกงออกได้ง่ายขึ้น

น้องเป็นคนผอม ขาเขาเลยเล็กนิดเดียว ถึงจะไม่เรียวสวย แต่ก็ขาวจนเขาอยากจะกัดให้ช้ำ

เด็กน้อยใช้ดวงตาปรือมองเขาที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออก ยอดอกสีน่ารัก ที่เขาเคยลองชิม ยังชวนให้สัมผัส

เขาช้อนบั้นท้ายนิ่มให้ยืนเข่า ก่อนจะใช้ริมฝีปากดูดดึงยอดอก หยอกเย้าจนน้องจิกผมเขาแน่น

"อ๊า"

เสียงครางแผ่วให้ความรู้สึกเซ็กซี่โคตรๆ ปากชิมข้างซ้าย ส่วนมือก็บดขยี้ด้านขวา ทำเอาคนบนตักหายใจหอบหนัก

ละจากยอดอก ไปขบเม้นบนลาดไหล่ ไหล่ขาวๆ ทิ้งรอยไว้เพื่อความพอใจส่วนตัว นิ้วมือไล้ไปตามแนวสันหลังก่อนจะล้วงลงไปในกางเกงชั้นใน คลึงบริเวณช่องทางด้านหลัง จนเด็กน้อยเริ่มตัวสั่น มืออีกข้างก็ควานหาเจลหล่อลื่นในลิ้นชักหัวเตียงไปด้วย

"อ๊ะ "

น้องสะดุ้งเฮือก ตอนที่เขานิ้วแรกสอดเข้าไป

" เจ็บไหมครับคนเก่ง ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะ"

" บอกแล้วพี่จะเลิกทำรึไง"

" หึ ไม่ครับ พี่แค่จะเพิ่มเจลเข้าไปอีก"

มือเล็กๆ ทุบลงบนอกเขา จนเขาอดจะยิ้มเอ็นดูไม่ได้ เลยต้องดันนิ้วที่สองเข้าไป โทษทานที่ทำตัวหน้าเอ็นดู

น้องเบ้หน้าเพราะความเจ็บ เขาเลยดึงเข้าออกช้าๆ เพื่อเปลี่ยนความเจ็บเป็นอย่างอื่น คนตัวเล็กกว่าได้แต่เม้มปากกลั้นเสียงหน้าอายเอาไว้

แต่เพราะอีกคนอยากฟังเสียง เลยเปลี่ยนจังหวะให้ไหวขึ้น

" อ๊า อะ อย่าเร็ว "

อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นอย่างหนักหน่วงทำให้คนบนตักเผลอไปจับส่วนนั้นของตัวเอง เพื่อเร่งให้ถึงฝั่ง

แต่ก็ถูกขัดขวางด้วยมือของอีกคน

" วันนี้ตรงนี้เป็นของพี่ เพราะฉะนั้น ห้ามจับ"

" แต่ว่า-"

"กอดคอไว้"

ถึงอีกคนจะมองเขาด้วยสายตาดุๆ แต่เขาก็ไม่ได้นึกกลัว ทำไมต้องห้ามเขาจับน้องชายตัวเองด้วย

"กอดคอไว้ครับ"

" อ๊ะ อ๊ะ พี่ พี่ มันเร็วไปแล้ว"

เด็กดื้อไม่ยอมทำตาม เขาเลยใส่นิ้วที่สามเข้าไป จนน้องผวากอดคอเขา เขาเลยเร่งจังหวะเข้าออก จนน้องแอ่นสะโพกให้ เสียงครางไม่เป็นภาษาทำให้ความอดทนเขาหมดลง แล้วยิ่งน้องระบายอารมณ์ด้วยการกัดบนไหล่เขา เขายิ่งขบกรามแน่น

เด็กน้อยถูกจับพลิกลง หลังแนบกับเตียง

อยากจะขย้ำให้สลบคาอกเลย เด็กดื้อ

ไทม์ถอดกางเกงตัวเองออกแบบที่เด็กน้อยยังมองตามไม่ทัน ฉีกถุงยางแล้วครอบใส่แก่นกายของตัวเอง จับขาเล็กพาดบ่า แล้วโน้มหน้าไปซุกไซร้ซอกคอหอมจนพอใจ กระซิบที่หูขาวๆ

"พี่จะใส่เข้าไปแล้วนะ ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะครับ เราจะค่อยๆ ทำมันไปด้วยกัน"

น้องพยักหน้า ใบหน้าแดงลามไปทั้งแก้มกลม เสื้อนักศึกษาที่เขาจงใจไม่ถอดออก แค่ปลดกระดุมทิ้งไว้ มันชวนให้เขาตื่นตัวเพราะน้องหมวย โคตรจะน่าฟัดเลย

ไม่ต้องนอนกันละคืนนี้

ไทม์ค่อยๆ ดันแก่นกายตัวเองเข้าไปในตัวน้อง น้องรัดเขาแน่นจนเสียงทุ้มครางออกมาในลำคอ ในขณะที่อีกคนจิกฝ่ามือกับเตียงแน่น เพราะความเจ็บและความเสียว

น้ำตาคลอจนคนพี่สงสาร คลายมือที่กำแน่นของน้องออก เพราะกลัวจะเจ็บ แล้ววางมือลงบนไหล่ตัวเองแทน

" เจ็บก็จิกไหล่พี่นะ พี่ทำน้องเจ็บ พี่ก็จะเจ็บด้วย โอเคไหม"

เด็กน้อยไม่ได้พยักหน้าตอบ แค่จิกมือลงบนไหล่หนา ระบายความเจ็บ

" ผ่อนคลายหน่อย เด็กดี รัดแบบนี้พี่เข้าไม่ได้นะ"

" ห้ามพูดนะ"

คนตัวโตยิ่มกริ่ม ก่อนจะเริ่มบทรักด้วยทำนองเพลงช้า เข้าออกแบบเนิบนาบ ให้น้องปรับตัว แต่ในหัวน่ะ รัวเป็นกลองไปแล้ว แต่เพราะกลัวคนน้องจะเจ็บ อยากแค่ไหนก็จะอดทน



ตอนดูในคลิปก็สงสัยอยู่ว่าฝ่ายรับจะร้องดังอะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว เขารู้สึกเหมือนจะตายให้ แล้วไอ้พี่มันจะขยับช้าอะไรขนาดนี้วะ

คนด้านบนหัวเราะในลำคอ ตอนน้องเลิกเบ้หน้า แต่ทำสีหน้าขัดใจแทนที่เขาขยับช้าเกินไป

เขาเลยเร่งจังหวะใส่ก้นกลมจนเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้อง

" อ๊า อ๊า พี่ พี่ไทม์ อ๊ะ"

เสียงเรียกชื่อทำให้เขาแทบบ้า เลยยั้งสะโพกไม่อยู่ จนทำคนตัวเล็ก หัวสั่นหัวคลอน ร้องจนจับใจความไม่ได้

ก่อนจะผ่อนจังหวะลงแล้วพลิกตัวอีกคนมาอยู่ข้างบน

กดจูบซอกคอขาวอย่างรักใคร่ ซึ่งน้องก็ประคองหน้าเขาแล้วจูบตอบ น้องผละออกไป แล้วกดก้นนิ่มลงมา ค่อยๆ กลืนกินตัวเขาเข้าไป แต่เด็กอวดเก่งก็ทำกล้าๆ กลัว ไม่ยอมทิ้งตัวลงมา เขาเลยสวนขึ้นไปแทน

"อ๊า พี่จะสวนขึ้นมาทำไมเนี่ย"

"ก็เราชักช้า"

ไทม์กอดเอวน้อยๆ ของน้อง ที่มันเต็มไม้เต็มมือมากกว่าเมื่อก่อน เขายิ้มอย่างพอใจ ยิ่งพอเห็นเด็กตรงหน้าทำหน้าขัดใจ ก็ยิ่งอยากแกล้ง ตัวเองอยากจะอยู่บนแท้ๆ ยังมาทำหน้าโกรธใส่อีก

" งอนอะไร หืม"

เขาฟาดก้นนิ่มอย่างย่ามใจ ก่อนจะเริ่มขยับ จนคนบนตัวเริ่มคราง เผลอเอามือไปจับของตัวเอง เลยถูกคนขี้แกล้งคว้าแขนไปคล้องคอ แล้วรัวสะโพกใส เหมือนต้องการลงโทษ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนจะตายอยู่แล้ว

ท่านี้มันจะลึกเกินไปแล้ว ไม่ ไม่น่าเลย ก็แค่อยากจะเอาคืนบ้าง ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ละ ในหนังที่ดูมามันไม่ใช่แบบนี้นี่

" อย่าแกล้ง อึก อ๊ะ ลึกไปแล้ว อ๊า"

"เด็กดี พี่เป็นใครครับ"

คนขี้เเกล้ง ยังแกล้งไม่เลิก เขาขยับสะโพกช้าๆ หยอกเย้าให้อีกคนเรียกร้อง ต้องการเขา พร้อมกับบดขยี้ยอดอก จนน้องแอ่นตัวตาม แล้วตอบคำถามเสียงกระเส่า

"เป็น เป็นแฟน อื้อ.."

"แล้วพี่ชื่ออะไรครับ คนเก่ง"

"ไทม์ ไทม์ อ๊า ไจแอ้น ไม่แกล้งอิณนะ ขยับนะ อื้อ"

น้องไม่ได้รอคำตอบเขา แต่โยกสะโพกเองเบาๆ จนคงเขาต้องขบกรามแน่น เขารู้ว่าน้องกำลังจะถึง เลยกระแทกแรงขึ้น จนน้องส่ายหน้าไปมาแล้วครางเสียงกระเส่าเรียกพี่ไทม์ ซ้ำไปซ้ำมา น้องซบหน้าบนไหล่หนาของเขา ปล่อยให้ตัวโยกไหวไปตามจังหวะที่เขาสร้างขึ้น แล้วเด็กน้อยก็ปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาจนเลอะหน้าท้องเราสองคน

เด็กน้อยสามารถถึงได้โดย ไม่แตะส่วนนั้นของตัวเองเลย

แต่คนเอาแต่ใจ ก็ยังไม่หยุด จับน้องคว่ำหน้าอยู่ในท่าคลานเข่า สวนสะโพกไม่ยั้ง แล้วปลดปล่อยออกมาในช่องทางคับแคบ ถุงยางไม่ทำให้เลอะเทอะ เหมาะแก่การเดินหน้าเล่นเพลงรัก

เด็กน้อย หอบหายใจหนักหน่วง ซบหน้าแดงๆ ลงบนหมอน หมดแรงยิ่งกว่่าสอบไฟนอล เลยได้แต่อยู่นิ่งๆ ปล่อยอีกคนแช่ส่วนนั้นทิ้งไว้ไม่ยอมถอนออก

ไทม์ก้มจูบลาดไหล่ ไล่ไปตามแผ่นหลังอย่างเอาใจ

"พี่รักเรานะครับ ขอบคุณนะครับที่กลับมาเจอกัน"

" ผมก็รักพี่เหมือนกัน"

คำบอกรัก ทำให้เขามีความสุข และในความสุขมันก็มีความหื่นผสมอยู่ด้วย

เขารู้ว่าน้องเจ็บ แต่เดี๋ยวเขาก็จะทายาให้ ถ้าน้องเสียงแหบ เขาก็จะทำน้ำผึ้งมะนาวให้กิน ถ้ามีไข้ก็จะคอยเช็ดตัวให้ เพราะงั้นเขาเลย หยิบถุงยางมาใส่ใหม่ แล้วดันเข้าไปในตัวน้องอีกรอบ

" พี่ขออีกรอบนะครับ เด็กดี"

" อ๊ะ พี่ ผมเหนื่อยแล้วนะ ไม่เอาแล้ว อ๊า"


























ไทม์มองคนที่เอาแต่มุดๆ ซุกอกเขา แก้มกลมๆ เบียดไปมา จนเขานึกอยากจับมาฟัด ก็เจ้าตัวงอแงจะดูหนังให้ได้ สุดท้ายกว่าจะได้นอนก็ดึก แล้วเป็นไง จะครึ่งวันแลัวยังไม่ตื่นเลย ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดของคนทำงานอย่างเขาแท้ๆ เด็กนี่กลับเอาแต่นอนอุตุอยู่บนเตียง

แต่สำหรับคนทำงานแล้ว การได้ใช้วันหยุดแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ แค่มีเด็กโง่นี่อยู่ด้วย จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น

อีกอย่างวันพรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันพิเศษของเด็กน้อยอีกด้วย

ก็เด็กน้อยของเขาน่ะ กำลังจะได้รับปริญญาแล้ว





" อื้อ เมื่อคืนก็นอนพร้อมกัน ทำไมพี่ตื่นก่อนอีกแล้วอะ"

พอตื่นก็งอแงเลยนะ

"ตัวเองขี้เซาแท้ๆ ยังจะมาหาเรื่องอีก ลุกเลย ไหนบอก ตอนเช้าจะทำไข่ดาวขนมปังให้พี่กินไง"

"โอ๊ะ จริงด้วย เมื่อวานผมอุตส่าห์แวะซื้อขนมปังมา พี่ไปอาบน้ำเลยๆ เดี๋ยวผมทำอาหารให้"

"อย่าวิ่ง เดี๋ยวก็ล้ม"



ใช่ครับ เด็กที่เซ่อซ่าวิ่งสะดุดขาตัวเองเมื่อกี๊ เรียนจบปริญญาตรีแล้ว





"แล้วพรุ่งนี้พี่จะมากี่โมง? "

"พี่ลางานได้ครึ่งวัน ก็คงไปถึงก่อนเราออกจากหอประชุมนั่นแหละ"

"พี่จะมาทันใช่ไหม รถมันติดมากเลยนะ"

เด็กน้อยทำหน้าหงอยกลัวเขาจะไปไม่ทันวันสำคัญ แต่เขาจะพลาดได้ยังไง ก้าวแรกของการเป็นผู้ใหญ่ก็คือการรับปริญญา วันแบบนี้ยังไงก็ต้องไปทัน

"พี่จะไปทัน ไจแอ้นสัญญาเลย"

"สัญญาแล้วนะไจแอ้น"

"ครับๆ น้องหมวย แต่น้องหมวย ทอดไข่ไหม้มากเลยนะ ตกลงเราจะแก่ตายด้วยกัน หรือจะเป็นมะเร็งตายครับ"

"กินๆ ไปเหอะน่า ยิ่งแก่ยิ่งชอบบ่นนะพี่เนี่ย"

เด็กสมัยนี้มันหน้าจับตีก้นจริงๆ เลย













แต่แล้วในวันรับปริญญาที่เขาหมายมั่นสัญญาเอาไว้ก็ดันผิดพลาดไปซะหมด

เริ่มต้นจากยางรถแตก ตั้งแต่เขายังขับไปไม่ได้ครึ่งทาง

เรียกแท็กซี่คันไหนก็ไม่ไปสักคัน เอะอะก็รถติดๆ เติมแก็สบ้างละ เขานี่อยากจะเดินทุบรถ แล้วบอกว่า ไม่รับผู้โดยสาร จะมาขับแท็กซี่ทำไมละโว้ยยยยย

สุดท้ายเขาเลยต้องจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่กำลังจะวิ่งผ่านไป ตอนเเรกที่ไม่เรียกเพราะระยะทางมันยังไกล เขาก็กลัวว่าจะเรียกแล้วไม่ไป

" พี่ ผมจ้าง 500 ไปมหาลัย xxx ครับ"

" พี่พึ่งมาขับวะน้อง พี่ไม่ไปไม่ถูกหรอก"

" งั้นพี่ถอยเลย เดี๋ยวผมงขับเอง เอ้า ถือเงินไว้เลยครับ"

" เห้ย เดี๋ยวน้อง"

" พี่ผมรีบ! "

แล้วการผจญภัยในวันรับปริญญาก็เริ่มขึ้น รถติดแบบ ติดชิบหายมากๆ ขนาดว่าใช้มอเตอร์ไซต์ยังแทรกซึมเข้าไปไม่ได้ สุดท้ายเขาเลยต้องลงเดินแทน มือก็กดโทรหาแม่เพื่อถามว่าน้องออกมาจากหอประชุมรึยัง

"ฮัลโหล แม่ น้องออกมารึยัง"

" ฉันโทรหาแกเป็นร้อยสายแล้ว ทำไมไม่รับ! แกอยู่ไหนเนี่ย น้องเดินมานู่่นแล้ว ทำไมฉันยังไม่เห็นหัวแกหะ"

" ผมถึงแล้ว กำลังวิ่งไปเลยเนี่ย แม่อยู่ตรงไหน"

" อยู่ตรง หอ11เนี่ย รีบมาเลยนะแก ลูกสะใภ้ฉันหน้าเศร้ามาแต่ไกลแล้วที่หาแกไม่เจอ คอยดูนะ ถ้ามาไม่ทัน ฉันไม่ให้แกแต่งกับน้องอิณแน่!"

ติ้ด

ด่าเสร็จก็วาง เขาจะทำอะไรได้นอกจากรีบวิ่ง แต่ระยะทางมันก็ไม่ใช่ใกล้ๆ คนก็เยอะ แดดก็ร้อน กว่าเขาจะฝ่าฝูงชนจนโผล่มาหน้าหอ 11 ได้ ก็สูญเสียเหงื่อไปหลายลิตร

ก็สัญญาไว้แล้ว เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องไปให้ทัน

แล้วการสวมวิญญาณเดอะแฟลชก็บรรลุผล

เขาเห็นเด็กน้อยโบกมือยิ้มให้เขาแต่ไกล เด็กน้อยในชุดครุย ถือดอกไม้เต็มมือไปหมด มีครอบครัวของเขาและครอบครัวของน้องยืนรายล้อมอยู่

เด็กน้อยปีหนึ่งในวันนั้น วันนี้สวมชุดครุยแล้ว

เด็กน้อยที่ต้องเจ็บปวดจากครอบครัว ร้องไห้เป็นลิตรเป็นถัง วันนี้เขาทำให้น้องมีความสุขแล้ว แล้วตัวเขาเองก็มีความสุขมากๆ ตั้งแต่ได้กลับมาเจอกัน

เขาชะงักอยู่ตรงนั้นเพราะมัวแต่จ้องมองรอยยิ้ม จนน้องต้องเดินมาหา

มันเป็นภาพที่สวยมากๆ มีครอบครัวของเรายิ้มให้อยู่เบื้องหลัง มองเราสองคนเดินไปหากันและกัน

และมันจะสวยกว่านี้ถ้าน้องไม่



"เห้ย! "



สะดุดขาตัวเอง........









จบบริบูรณ์





























*********************

โอยยยยย จบแล้วเด้ออ ให้อารมณ์เหมือนพึ่งสอบเสร็จเลย ขอบคุณทุกคนจริงนะคะที่เข้ามาอ่านกัน มาให้กำลัง มาคอมเม้น ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอดหลายเดือนนะคะ

ยัยน้องจะมีตอนพิเศษมาอีกนะคะ เร็วนี้แน่นอน

คิดถึงทุกคนมากแน่ๆ เลย ส่วนที่ว่าเราเลือกช่วงเวลาที่น้องเรียนจบมาเขียนเนี่ย ก็เพราะว่า อยากให้เห็นว่ายังจะรักกันไปอีกนานๆ เลย

และสุดท้ายนี้ ก็ขอกล่าวคำว่าขอบคุณที่ติดกันมาตลอดนะคะ แล้วเจอกันตอนพิเศษนะ บั้ยบายย❤












ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยย ตอนจบก็ไม่เว้นสุ่มส่ามนะ น้องหมวย อิอิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งุ้ยยย ฟินอ่าาา

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
งุ้ย..น้องน่ารักตั้งแต่ต้นจนจบ :hao5:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยินดีกับน้องหมวย ..........  :katai2-1:
ได้ความรักจากแม่ เข้าใจกับครอบครัวลุงแล้ว

กับครอบครัวพี่ไทม์ ก็ได้รับการต้อนรับที่ดี  :mew1:
แถมยังเคยรู้จักกันมาแต่ก่อนตอนเด็กๆอีก
แล้วน้องหมวยก็เรียนจบรับปริญญา

น้องหมวยสู้ชีวิต มองโลกบวก
น้อยคนที่ทำได้เพราะไหนจะครอบครัวแตกแยก ไม่มีพ่อ
ลุงก็ใช้อารมณ์ทำร้ายหลานตลอด กับพีทลูกลุงก็ไม่ถูกกัน
แม่ก็ไม่ชอบที่ลูกเป็นเกย์
แต่หมวยก็พยายามจนได้ใจพีท แม่
ครอบครัว ร้านอาหารก็ช่วยกันจนดีได้อีก

พี่ไทม์  หมวย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รอตอนพิเศษ  ขอบคุณไรท์มากๆ
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ไจแอ้นคนกาก 555555555
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆสนุกๆให้อ่านนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด