8th Night : สอน
“ศานนท์...?” พอรู้สึกตัวตุลย์ก็พลั้งปากเรียกชื่อไปแล้ว
เจ้าของแผ่นหลังชะงักราวกับเพิ่งรู้สึกถึงการมาของเขา เสี้ยววินาทีที่ฝ่ายนั้นหมุนตัวหันมา หัวใจเขาเต้นระส่ำ ในหัวเต็มไปด้วยความคิดเตลิดเปิดเปิงมากมาย
ใช่จริงๆ...ไม่ว่าใบหน้า หรือท่าทาง คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาตอนนี้ก็คือ ‘ศานนท์’ ในความทรงจำ ผิดกันกับตอนนั้นเพียงแค่อีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าที่สบายกว่า
ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขามึนงงอย่างมาก ความสับสนประเดประดังเข้ามาจนสมองประมวลผลตามเรื่องทั้งหมดไม่ทัน
ศานนท์ ‘ซื้อ’ เขามาที่นี่เพื่ออะไร...? เอาเข้าจริงๆ นอกเหนือจากเวลาเกือบเดือนที่ตุลย์คลุกคลีกับหนุ่มใหญ่ในฐานะลูกค้า และบทสนทนาผิวเผินเล็กน้อย เรื่องที่อีกฝ่ายเป็นใคร มาจากไหน หรือทำงานอะไร เขาไม่รู้สักอย่าง
ตอนนี้เขาไม่ต่างจากลูกนกในกำมือเลยอีกฝ่ายเลยจริงๆ...ตุลย์ยืนนิ่ง เม้มปากแน่น หากการที่เขาอยู่กับที่กลับทำให้ศานนท์เลือกที่จะเดินเข้ามาหาเสียเอง ทุกฝีก้าวของหนุ่มใหญ่สร้างความกดดันให้ บีบบังคับให้เขาถอยหลังไปชนโต๊ะวางแจกันเพื่อรักษาระยะห่างที่น้อยลงทุกที
เขาไม่ไว้ใจศานนท์ในตอนนี้...ท่าทีหวาดระแวงของเขาทำให้หนุ่มใหญ่หยุดฝีเท้า ตุลย์เผลอสบตากับอีกฝ่ายแว่บหนึ่งก็เลือกที่จะเสมองไปอีกทางเพราะมันเป็นแววตาที่ล้ำลึกจนอ่านอารมณ์ไม่ออก
ความเงียบที่โรยตัวเนื่องจากไม่มีใครพูดอะไร สร้างความกังวลให้เขาต่างๆ นาๆ จวบจนกระทั่งหนุ่มใหญ่เป็นฝ่ายหยิบแก้วสองใบใกล้ๆ เคาท์เตอร์ แล้วรินน้ำผลไม้ใส่ลงไปก่อนส่งให้เขาแก้วหนึ่ง
“ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
“........” ตุลย์เหลือบมองแก้วที่ถูกยื่นมา เขาเลือกใช้ความเงียบแทนการปฏิเสธ
“ไม่ชอบเหรอ?”
“...เปล่า ผมแค่ไม่อยากดื่ม”
“ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะวางยาหรอก” ศานนท์พูดติดตลก ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะคลายลงเมื่อคู่สนทนายังคงเงียบ “ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก วางใจเถอะ แค่ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
หนุ่มใหญ่ยังยืนกรานด้วยการยื่นแก้วใบเดิมให้เขา และหากยัดมันใส่มือได้ก็คงทำ สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกตุลย์ก็ได้แต่รับมันมาถือโดยไม่คิดแตะต้องของเหลวที่อยู่ด้านใน
“มานั่งก่อนสิ”
เขามองแผ่นหลังของหนุ่มใหญ่ที่เดินสวนออกไปหยุดในห้องนั่งเล่น อีกฝ่ายหยิบรีโมทกดปิดโทรทัศน์ ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาข้างทีวีด้วยท่าทีผ่อนคลายกว่าทุกครั้ง ไม่มีคำพูดอื่นใดอีกนอกจากสายตาที่มองตรงมายังเขาแล้วเผินกลับไปยังที่เก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้ามเป็นการเชื้อเชิญกึ่งบังคับให้นั่งลง
“นึกว่าเธอคงลืมฉันไปแล้ว” หนุ่มใหญ่เปรยขึ้นตอนที่เขาทิ้งก้นบนเก้าอี้ “ตอนนั้นมันจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ว่าไหม?”
ตุลย์มองตามการเคลื่อนไหวของผู้พูด มันไหลลื่นและสงบเสียจนไม่อาจสัมผัสเจตนารมณ์แฝงอยู่ใต้น้ำเสียง
เขาจะลืมได้ยังไง ในเมื่อการตัดสินใจวันนั้นยังทิ้งความรู้สึกผิดลึกๆ ไว้ในใจช่วงเวลาเกือบหนึ่งเดือนหนึ่งได้สร้าง ‘ความคุ้นเคย’ ทิ้งไว้ หากตอนนั้นเขามีทางเลือกมากกว่านี้ ก็คงไม่ต้องตัดสัมพันธ์ด้วยคำพูดร้ายกาจ แม้ว่าสุดท้ายจะต้องมาลงเอยในฐานะ ‘สิ่งของ’ ที่ถูกขายทิ้ง แต่ความจริงก็คือเขาย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้...
เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไร หรือรู้สึกอย่างไรไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำไป สร้างเยื่อใยหรือความเกลียดชังทิ้งไว้ในใจอีกฝ่ายแต่ตอนนี้ศานนท์คือ ‘เจ้าของ’ ชีวิต และเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่พอใจ จะฆ่าเขาให้ตายก็ย่อมได้
“...ผมจะได้เรียนต่อไหม” เขาถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ
เพราะหากคำตอบคือ ‘ไม่’ ชะตากรรมของเขาจากนี้ก็คงไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว
“เธอทำสัญญาแบบไหนไว้กับธวัตร ฉันก็จะให้เธอแบบนั้น”
“ถ้าอย่างนั้น... ตอนนี้ผมอยู่ในสถานอะไรสำหรับคุณ?”
“เรื่องนั้นฉันยังไม่ได้คิด”
“.............”
เมื่อคำตอบเหล่านั้นคลุมเครือเกินกว่าจะทำความเข้าใจ ตุลย์จึงหยุดซัก
นี่เขากำลังคาดหวังให้อีกฝ่ายพูดอะไร? หรือแค่ปลอบใจว่าทั้งหมดแค่เรื่องบังเอิญ?“เธอจะไม่ดื่มก็ได้นะ ถ้ามันทำให้รู้สึกไม่ดี” ศานนท์มองแก้วที่เขาถือค้างในมือ
ได้ยินแบบนั้น ตุลย์ก็ไม่ลังเลที่จะวางมันบนโต๊ะ ในเมื่อตอนนี้ปลายนิ้วของเขาชาและเย็นชืดพอๆ กับความรู้สึกข้างใน
เห็นเขานั่งนิ่ง หนุ่มใหญ่ไม่รบเร้าต่อ แต่วางแก้วลงตรงข้ามแล้วลุกขึ้น
“...เธอคงยังไม่พร้อมจะคุย ให้ฉันไปส่งที่ห้องเถอะ”
----------------
ห้องที่ศานนท์พามาอยู่ไม่ไกลจากห้องเดิมนัก แต่ระหว่างทางความใหญ่โตโอ่อ่าของบ้านก็ทำให้เขาอึดอัดเสียจนต้องลอบถอนหายใจเป็นระยะ
“ฉันส่งเธอตรงนี้คงดีกว่า”
อาจเพราะความระแวดระวังที่เขาแสดงออกชัดเจน อีกฝ่ายจึงเดินมาส่งแค่หน้าห้องแล้วขอตัวกลับไป ไม่ได้ตามเข้าใจอย่างที่คิด ซึ่งนั่นก็นับว่าดีต่อตัวเขา
พอเปิดประตูเข้ามาด้านใน ตุลย์ล้มตัวลงนอนบนเตียง เพราะกำลังล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่นานเขาก็จมสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
ร่างโปร่งสะดุ้งตื่นอีกครั้งเพราะฝันร้าย ระยะหลังมานี้ความเครียดสะสมจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เริ่มเลวร้ายลงทำให้เขานอนหลับได้ยากขึ้น และทุกครั้งที่ตื่นขึ้นกลางดึกเพราะฝันร้ายก็มักรู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ แต่พอล้มตัวลงนอนต่อกลับไม่ยอมหลับ
ทุกครั้งที่เขามีปัญหากับการนอน ‘ไวน์’ คือเพื่อนที่ดีที่สุด มันเป็นเหมือนสิ่งเสพติดที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้เลิกคิดถึงเรื่องวุ่นวายต่างๆ
เขาเดินไปเปิดตู้เย็น และต้องถอนหายใจอย่างผิดหวังเมื่อมีเพียงน้ำเปล่าสองสามขวดแช่อยู่เท่านั้น
เอาเถอะ ไม่มีก็ไม่มี...ในเมื่อไม่มีตัวเลือกอื่น ก็คงได้เพียงทำใจยอมรับว่า คืนนี้คงยาวนานกว่าทุกคืน เขาเดินไปเปิดม่านอย่างไม่กระตือรือร้นนัก ให้แสงสลัวจากภายนอกผ่านเข้ามาด้านในห้องอันมืดมิด ทว่าเปิดได้เพียงครึ่งเดียวก็ต้องชะงักมือเพราะเสียงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ตุลย์หยิบมันขึ้นมา ก่อนจะพบว่าเป็นเสียงจากข้อความของผู้หญิงที่เขาห่วงใยเหมือนพี่สาวคนหนึ่ง
‘นายอยู่ไหน ทำไมไม่ตอบไลน์ กับข้อความฮะ โทรไปก็ไม่รับ รับเดี๋ยวนี้เลยนะ’บีพิมพ์สระอะต่อท้ายประโยคเป็นสิบๆ ตัว จนล้นบรรทัด ความห่วงใยที่แฝงมากับข้อความทำให้เขาลอบยิ้มในความมืด ...แค่ครู่เดียวก่อนจะรู้สึกวูบโหวงในอก
น่าเสียดายที่ตอนจากมา เขาไม่มีโอกาสได้บอกลาใครสักคน...ตุลย์ไล่ดูรายการแจ้งเตือนทั้งหมดที่ค้างอยู่ในโทรศัพท์ รวมทั้งโปรแกรมแชทต่างๆ นอกจากข้อความยาวเหยียดของหญิงสาว ก็ยังมีเบอร์ของกล้าและคนอื่นๆ ในคลับขึ้นโชว์หราอยู่อีกเป็นสิบสาย
เขามองหน้าจอโทรศัพท์อย่างช่างใจครู่หนึ่ง ก่อนจะกดปิดเครื่อง
ป่านนี้ข่าวเรื่องที่เขาถูกขายน่าจะกระจายไปถึงคนในคลับแล้ว ต่อจากนี้เขาคงไม่ได้กลับไปเหยียบที่นั่นอีก จึงไม่มีประโยชน์หากจะเก็บของที่ทำให้นึกถึงเรื่องในอดีตไว้...
ป๊อก…!
ร่างโปร่งตัดสินใจหักซิมโทรศัพท์ทิ้ง เสียงของมันเบาพอๆ กับหยดน้ำกระทบหิน ทว่าพออยู่ภายใต้ความเงียบกลับก้องกังวาลให้ห้วงอารมณ์กว่าครั้งไหนๆ ชีวิตเขาพบเจอคนมากมาย แต่ไม่มีครั้งไหนที่การจากลาทั้งสั้นและง่าย ทว่าเจ็บปวดลึกๆ ในใจเท่าครั้งนี้
โทรศัพท์ คือ ของอย่างเดียวที่เขาพกติดต่อมา และตอนนี้มันก็โทรออกไม่ได้... เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าคืนเดือนมืด พอปราศจากดวงจันทร์นภาที่เคยงดงามก็ดูเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ตุลย์ใช้เวลาพักใหญ่ๆ เดินหยิบจับของกระจุกกระจิกในห้องเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งรู้สึกง่วงจึงล้มตัวลงนอนและหลับไปถึงเช้า
เขาถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งด้วยเสียงเคาะประตู ความง่วงสะสมจากเมื่อคืนทำให้หงุดหงิดเป็นพิเศษ แต่พอระลึกว่าไม่ได้อยู่ที่อพาร์ทเม้นท์เหมือนเมื่อก่อน เขาก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะลุกไปที่ประตูด้วยสภาพงัวงเงีย หัวฟูเหมือนคนเพิ่งตื่น
ตุลย์แง้มประตูเปิดเพียงครึ่งเดียวพอให้เห็นใบหน้าของผู้มาเยือน แสงจากด้านนอกทำให้เขาหยีตามองอยู่นานกว่าจะรู้ว่าคนตรงหน้าคือ ศานนท์
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
เจ้าของเสียงเคาะประตูมองสำรวจเขาซึ่งในอยู่ชุดเดียวกับเมื่อวานตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนหลุดยิ้มบางๆ
“ฉันคงไม่ได้มากวนเวลานอนของเธอหรอกใช่ไหม?”
“...........” ตุลย์ไม่พูด แต่ปั้นยิ้มแทนคำตอบ
จริงอยู่ที่เขาหงุดหงิดกับคำถามและใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่น ...แต่ก็ไม่โง่พอจะยั่วโมโหคนที่มีอำนาจขนาดซื้อขายคนได้เหมือนผักปลาศานนท์แกล้งเมินรอยยิ้มจอมปลอม แล้วพูดต่อ
“วันนี้ฉันอยากให้เธอออกไปด้วยกันหน่อย ฉันจะรออยู่ข้างล่าง”
“ครับ ล้างหน้าแปรงฟันแล้วผมจะลงไป”
หนุ่มใหญ่พยักหน้าเบาๆ เชิงเข้าใจ เขาก็ดันประตูอย่างไม่รอช้า
“เดี๋ยว”ตุลย์ผงะไปเล็กน้อยตอนที่จู่ๆ ศานนท์สอดมือพรวดพราดเข้ามารั้งขอบประตูที่กำลังจะปิดสนิทไว้ เขาทำอะไรไม่ถูกนอกจากออกแรงต้านไม่ให้อีกฝ่ายผลักเข้ามา ซึ่งทำเอาหนุ่มใหญ่อึ้งไปไม่น้อย
“...อีกสักพักฉันจะให้คนเอาเสื้อผ้าขึ้นมาให้”
เขาพูดแค่ ‘ขอบคุณ’ ก่อนจะปิดประตูใส่ทันที
----------------------------------
พจมานเพิ่งย้ายเข้าคฤหาสน์ครั้งแรกก็อย่างงี้ ขี้ระแวงไปหมด 555+
ขอบคุณนักอ่านที่อุตส่าห์ไม่ลืมเค้า ย้อนมาเม้นท์ทั้งที่เม้นท์ไปแล้วว เมลล่าดีใจมากกก ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันค่ะ
เค้ามาอัพช้า เค้ารู้ ฮืออ เค้ามีสอบด้วยยย แต่เค้าจะไม่แก้ตัววว
ตอนหน้ามี NC อี้อี้ แต่อย่าคาดหวังอะไรมากค่ะ เท่าที่อ่านกันมาคงรู้ว่า sex scene ของเมลล่าสุดจะกากขนาดไหน 555+
วันนี้ขอลาก่อนค่า ปวดหัวว ฮือๆๆ ยังสอบไปเสร็จ แต่หวังว่าจะผ่านมันไปได้
>>READ8.2<<