(ต่อนะคะ)
“อานโน่...ถ้าไม่บอกจะแกล้งหนักๆเลยนะ”อีกฝ่ายพูดพร้อมกับมือข้างนึงที่ลูบต่ำลงแล้วปลดกางเกงผมออกอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือร้อนๆสัมผัสส่วนกลางของร่างกายผมที่เริ่มตื่นตัวก่อนจะขยับมือเบาๆ
“อื้ออ~...คนใจร้าย...อ๊ะ!...ยอมแล้ว...”ไม่นานผมก็พ่ายแพ้เพียงแค่อีกฝ่ายหยุดมือที่ขยับร่างกับก็แทบจะอดกลั้นอารมณ์ที่พุ่งขึ้นไม่ไหว
“หึ...บอกฉันอานโน่”
“ฉัน...อึก!...ต้องการนาย”
ตอนนี้หมดสิ้นความอายแล้วรู้เพียงว่าผมต้องการเชส
ต้องการเขามาจนทนไม่ไหวแล้ว
“...ฉันก็ต้องการนายอานโน่”อีกฝ่ายกระซิบบอกพร้อมกับมือที่ขยับส่วนกลางของร่างกายผมเร็วขึ้นจนแทบทนไม่ไหว
“เชส...อึก...เชส...อ๊า!...”ผมทำได้เพียงร้องขอแล้วกอดรัดอีกฝ่ายแน่น
อยากให้คนตรงหน้าช่วยปลดปล่อยกันซะที
อย่าแกล้งกันมากกว่านี้เลย
“อานโน่...เสียงนายมัน...”
“...อ๊ะ!...เชส...ฉัน...”ผมสัมผัสได้เลยว่าสิ่งที่อยู่ใต้สะโพกตัวเองกำลังตื่นตัว...แถมไม่ใช่เล็กๆเลยด้วย
“ปล่อยออกมาสิ...อานโน่”เสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ข้างข้างหูพร้อมกับมือที่ขยับอย่างรวดเร็วนั่นทำให้ผมปลดปล่อยออกมาแทบจะทันที
เสียงของเขามันกระตุ้นอารมณ์ผมเหลือเกิน
“แฮ่ก...อึก...เชส...เชส...”
ยังไม่พอ
ผมต้องการมากกว่านี้อีก
“...ไม่หัดยั่วมาจากไหนหื้ม?”เชสถามเสียงเบาก่อนจะพลิกตัวผมให้นอนแผ่อยู่กลางเตียงแล้วขยับตัวมาคร่อมผมไว้โดยที่ดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั่นมองมายังร่างกายที่ตอนนี้มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกปลดกระดุมออกทุกเม็ด กางเกงเองก็ถูกเลื่อนให้หลุดกองอยู่บริเวณปลายเท้า
ผมอายจนไม่รู้จะอายยังไง
ยิ่งถูกดวงตานั่นนจ้องมาก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่
“เชส...”
“มาเริ่มกันดีกว่า...ถ้ารอนานกว่านี้ไม่ใช่แค่นายที่จะทนไม่ไหว...ฉันเองก็จะไม่ไหวแล้ว”พูดจบเชสก็ก้มลงมาจูบที่หน้าผากก่อนจะไล่ไปตามแก้มเรื่อยๆจนถึงแผ่นอกขาว
“อ๊ะ...อื้ออ~...”เสียงครางน่าอายดังขึ้นทันทีที่หน้าอกของตัวเองถูกอีกฝ่ายครอบครองพร้อมกับมืออีกข้างที่ยกขาผมให้ตั้งขึ้นแล้วจัดการผ่อนคลายช่องทางด้านหลังที่ไม่มีใครเคยรุกล้ำเข้ามา
อยากจะหยุดเพราะไม่สามารถทนกับความอายได้อีกต่อไปแต่ด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นอีกรอบทำให้ผมได้แต่ส่งเสียงครางพร้อมยกมือสองข้างขึ้นขย้ำเสียผมสีน้ำตาลด้วยความรู้สึกพอใจในสัมผัสที่ได้รับ
“อื้มม...อ๊ะ!...เชส...เชส...”
“ถ้ายังไม่หยุดครางด้วยน้ำเสียงยั่วๆเตรียมตัวเจ็บได้เลยอานโน่”เชสเงยหน้าขึ้นมาบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ใกล้ระเบิด
ผมสัมผัสได้ว่าเชสเองก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
“ไม่ได้ยั่ว...อ๊ะ!...อย่าขยับนิ้ว...อื้ออ~...”
“เนี่ยนะไม่ยั่ว...ทำฉันแทบคลั่งเลยอานโน่...อย่าไปทำแบบนี้กับใครเชียว”
“ไม่ทำ...แค่กับนายคนเดียว...อ๊า!...”ผมถึงกับครางเสียงหลงเมื่อสิ่งที่อยู่ภายในร่างถูกดึงออกอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่ไหวแล้ว...เป็นของฉันนะ”เสียงทุ้มกระซิบบอกพร้อมกับจูบที่หน้าผากผมหนักๆ
“เชส...อืม...เป็นของนาย”
ถ้าเป็นคนคนนี้ผมก็ยอม
คนด้านบนทำพียงส่งยิ้มบางๆมาให้ก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เข้ามาภายในร่างกายอย่างเชื่องช้าทว่าเจ็บจนต้องนิ่วหน้า มือทั้งสองข้างขย้ำผ้าปูที่นอนแน่เพื่อระบายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
“อึก!...เจ็บ...”
“ใจเย็นๆ...ผ่อนคลายหน่อย...ไม่เป็นไร”คำปลอบโยนพวกนั้นช่วยได้มาก ความเจ็บปวดที่มีค่อยๆหายไปก่อนจะถูกแทนทีด้วยความรู้สึกดีที่เทียบกับเมื่อครู่ไม่ติด
“อื้อออ~...อ๊ะ...”
แรงขยับบริเวณสะโพกเรียกเสียงครางผมได้ทุกครั้งที่ขยับ ไม่เพียงแค่ด้านล่างที่สร้างความเสียวซ่านให้แต่ริมฝีปากของเชสก็ไล่ไปตามหน้าอกและหน้าท้องอย่างเชื่องช้าไม่เหมือนกับสะโพกที่ขยับไม่หยุด
ความรู้สึกดีแล่นเข้ามาจนทบไม่ไหว
ทั้งอารมณ์
ทั้งความต้องการ
ทุกอย่างแทบปะทุออกมาเพียงแค่อีกฝ่ายขยับร่างกายให้สอดประสานกันด้วยจังหวะที่ร้อนแรงจนไม่มีใครสามารถหยุดได้
“อ๊ะ...อ๊า!...เชส...อื้อออ~...”ผมไม่มีแม้โอกาสจะได้พูดเพราะถูกริมฝีปากร้อนประกบในทันที มือของเชสยกขาผมขึ้นพาดบ่าพร้อมกับขยับอย่างรุ่นแรง เพียงไม่กี่นาทีพวกเราก็ปล่อยปล่อยออกมาทั้งๆที่ส่วนนั้นของผมไม่ถูกสัมผัสเลยสักนิด
รู้สึกดีมาก
มันไม่ใช่อารมณ์ของสัตว์แต่เป็นอารมณ์ของมนุษย์ที่ร่วมรักกันด้วยความรู้สึกที่เหมือนกัน...
รัก
“...เชส...รัก...รักนาย...”ทั้งที่สติแทบไม่มีแต่ก็อยากจะบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“อืม...รักเหมือนกัน”
“...ทำกันอีกนะ”
“...”ความเงียบที่ได้ทำให้ผมปรือตาขึ้นไปมองคนด้านบอกที่กำลังทำหน้าไม่เข้าใจอยู่
“เชส...ไม่ทำแล้วเหรอ?”ผมถามอีกครั้งเพราะทั้งอารมณ์และความต้องการมันยังไม่หมดลง
แค่ได้กลิ่นของเชสสติก็กระเจิงจนแทบทนไม่ไหว
แถมไม่คิดว่าการยอมจะทำให้รู้สึกดีขนาดนี้
“พูดอะไรออกมารู้ตัวไหมอานโน่”ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงเหมือนอารมณ์บางอย่างที่พยายามข่มไว้กำลังจะปะทุออกมา
“รู้สิ...อยากได้เชส”ผมร้องขออย่างสิ้นความอายยกแขนขึ้นโอบคออีกฝ่ายให้ก้มลงมาใกล้ก่อนจะจูบอีกฝ่ายกลับบ้าง ไม่จบเพียงแค่นั้นผมค่อยๆผลักเชสให้นั่งลงแล้วขึ้นไปอยู่บนตักนั้นช้าๆ ส่วนกลางลำตัวที่พึ่งปลดปล่อยกลับตื่นตัวอย่างน่าตกใจ
“นายนี่มัน...ยั่วกันขนาดนี้อย่ามาว่ากันล่ะ...”เสียงทุ้มกระซิบพร้อมกับค่อยๆขยับร่างผมให้กลืนสิ่งที่ตื่นตัวนั่นอีกครั้ง ไม่นานห้องที่เงียบสงบก็เต็มไปด้วยเสียงครางของพวกเรา
ไม่รู้ว่าทำไปทั้งหมดที่ครั้ง
รู้เพียงว่ามันมากจนลุกขึ้นไม่ไหวไปหลายวันทีเดียว
ทั้งที่ควรโกรธแต่กลับรู้สึกดีที่ได้เป็นของกันและกันแบบนี้
ยามท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิทหมู่ดาวนับล้านก็ค่อยๆทอแสงส่องประกายยามค่ำคืน...ผมมองภาพนั้นผ่านกระจกของห้องหมายเลข610ก่อนจะหันไปทางประตูเมื่อได้ยินเสียงเปิด...
ร่างของกลาเช่ เฟวรีเย่หรือเชสเปิดประตูเข้ามาโดยที่สองมือนั้นเต็มไปด้วยอาหารเย็นที่ผมเป็นส่งไลน์ไปสั่งให้ซื้อมาในช่วงบ่าย...
ตั้งแต่ที่มีอะไรกันผมก็ลุกไม่ขึ้นไปหลายวันจนต้องให้เชสไปขออาจารย์ลาป่วยให้...สาเหตุหนึ่งที่ลุกไม่ขึ้นก็เป็นเพราะเชสที่ร้อนแรงซะจนผมแทบละลายแต่จะว่าเชสคนเดียวก็ไม่ถูกเพราะผมเองก็ใช่ว่าจะยอมให้เขาหยุดง่ายๆ
ไม่คิดว่าฤดูติดสัดจะเป็นมากขนาดนี้
ไม่อยากคิดเลยว่าครั้งต่อไปจะเป็นยังไง
“มาช้านะเชส!”ผมตะโกนเรียกก่อนจะเดินเข้าไปหาเชส
“ก็รอข้าวให้ใครล่ะ...เล่นสั่งเหมือนเหมาร้านแบบนี้ก็ต้องรอทำหน่อยสิ”เชสบอกพลางวางกล่องข้าวนับสิบลงบนโต๊ะหน้าโทรทัศน์
สำหรับอาหารพวกเราตกลงกันว่าจะผลัดกันไปซื้อในวันที่เราทั้งคู่ต่างไม่มีเรียนในช่วงเย็น...ส่วนวันไหนใครมีเรียนช่วงเย็นก็จะรับหน้าที่ซื้อข้าวไปซึ่งถือว่าเป็นข้อตกลงที่ดีเพราะผมมักจะแกล้งให้อีกฝ่ายไปซื้อไกลๆจนโดนบ่นเกือบทุกครั้ง
ถึงจะมีคำบ่นแต่ทุกครั้งเชสก็ไปซื้อสิ่งที่ผมบอกมาทุกครั้ง
คนรักของผมน่ารักที่สุด
“ทำไมมนุษย์ถึงกินข้าวน้อยนักนะ”ผมถามเสียงเบาก่อนจะเดินมานั่งบนโซฟาหนึ่งเดียวของห้อง
“นายกินเยอะไปมากกว่า”เชสตอบแล้วนั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกันโดยที่เอื้อมมือไปกดเปิดโทรทัศน์ที่กำลังฉายข่าวช่วงค่ำอยู่
‘สวัสดีครับ...ช่วงนี้เรามาพบกับข่าวที่เป็นจุดสนใจของคนทั้งประเทศในตอนนี้กันดีกว่าครับ...หลายคนคงได้รู้จักกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษกันแล้วแต่ตอนนี้กลับมีอีกหน่วยงานที่คอยจัดการกับไดโนเสาร์ที่หลุดออกมาอย่างหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิท...’
เสียงของผู้ประกาศข่าวไม่ได้ทำให้ผมสนใจนักแต่พอชื่อของหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทดังขึ้นผมก็รีบหันไปมองจอโทรทัศน์ตรงหน้าทันที
ไม่ใช่แค่ผมที่สนใจแต่เชสเองก็ทำหน้าเครียดอยู่เหมือนกัน
‘...อาจจะน่าแปลกใจสักหน่อยที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษมาช้ากว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิททั้งๆที่มีการดำเนินการที่รวดเร็วกว่า...จากที่ได้ทราบช่วงนี้หน่อยปฏิบัติการพิเศษมาช้ากว่าเสมอจนมีหลายคนเรียกใช้งานหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทกันมากกว่า...’
“ช้ากว่า...หน่วยปฏิบัติการพิเศษเนี่ยนะ?”เชสพึมพำอย่างไม่เชื่อสายตา
“นั่นสิ”ผมเองก็เห็นด้วย
มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษจะทำงานช้ากว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทนั่น...หน่วยปฏิบัติการพิเศษทันทีที่ได้รับแจ้งก็จะมีการต่อสายตรงเข้าไปหาหัวหน้าซึ่งก็คือพี่บราวทันทีและหลังจากที่รับทราบก็จะทำการเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุโดยเร็วที่สุด
ในกรณีที่อยู่ไกลมาก็เห็นว่ามีการใช้เฮลิคอปเตอร์ไปส่งไม่ก็ให้คู่หูกลับร่างไดโนเสาร์พาไป...และด้วยความที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษได้ทำข้อตกลงไว้คนระดับสูงทำให้มีการปิดเส้นทางการเดินรถจึงไม่แปลกที่ทุกครั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษจะไปถึงที่เกิดเหตุภายในเวลาไม่กี่นาทีตั้งแต่ได้รับแจ้ง
แต่นี่คืออะไร?
“มันแปลกนะเชส...”ผมลุกขึ้นเดินไปทางโทรทัศน์ที่ตอนนี้ฉายภาพการต่อสู้ของหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทกับไดโนเสาร์ที่หลุดออกมาในระยะใกล้พร้อมขมวดคิ้วแน่น
“ใช่...แปลกมากเลย”เชสเองก็เห็นด้วยกับผมสินะ
“จำครั้งก่อนที่ฉันชกหน้าคนของหน่วยนั้นได้ไหม?”ผมเกริ่นถาม
“จำได้สิ”เชสพยักหน้าตอบกลับมา
“พวกพี่บราวเองก็ออกไปจัดการไดโนเสาร์ที่หลุดอีกเขตนึง”
“อืม...”
“แล้วรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกพี่บราวไปถึง?”ผมหันกลับไปถามด้วยใบหน้าเครียดๆ
“เกิดอะไรขึ้น?...ไม่ใช่ว่าจัดการกับไดโนเสาร์ที่หลุดเหรอ?”เชสขมวดคิ้วพร้อมถามกลับเสียงเครียด ดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั่นจ้องมาราวกับจะพูดว่าให้บอกทุกอย่างที่รู้มาเร็วๆ
“หน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทไปอยู่ที่นั่นแล้วตอนที่ไปถึง”ผมบอก
“พูดเป็นเล่น”
“ไม่ใช่แค่มาถึงก่อนแต่จัดการฆ่าไดโนเสาร์พวกนั้นไปแล้วด้วย”พูดมาถึงตรงนี้เส้นผมสีเงินแซมน้ำเงินก็ค่อยๆถูกย้อมด้วยสีน้ำเงินเข้มด้วยความโกรธ ยิ่งนึกถึงใบหน้าของมนุษย์พวกนั้นที่เดินออกมาผมก็ต้องกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์
ไดโนเสาร์ไม่มีความผิด
ทำไมต้องฆ่าด้วย
“ฉันจะสืบเรื่องนี้”เชสพูดลอยๆ
“ไม่ได้...แม่บอกแล้วว่าห้ามเข้าไปยุ่ง”ผมค้านในทันที ครั้งก่อนที่คุยโทรศัพท์กันแม่ก็ย้ำเด็ดขาดแล้วว่าไม่ให้ยุ่ง
“นายคุยกับคุณเซโครแล้ว?”เชสดูจะตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ผมบอกไป
“ใช่”
“ตอนไหน...ทำไมฉันไม่รู้”
“ตั้งแต่ที่จบภารกิจ”ผมบอกไปตามตรง
“ทำไมไม่บอกฉัน?”เชสมองตาขวางทันทีที่ได้ยิน
“ถ้าบอกนายจะทำยังไงล่ะในเมื่อเราถูกห้ามแล้ว”
“...ก็ต้องแอบสืบสิ”คำตอบนั่นทำให้ผมอยากตบหน้าผากตัวเองดังๆ คิดถูกแล้วที่ปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนไม่งั้นเชสคงได้ออกไปทำอะไรเสี่ยงๆในช่วงที่ผมไม่พร้อมแน่ๆ
“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่บอก...”
“อานโน่”
“แล้วที่ฉันมาบอกตอนนี้คิดว่าเพราะอะไรล่ะ?”ผมถามต่อ
ถ้าเป็นเชสเรื่องแค่นี้ต้องเข้าใจแน่
อย่างที่เชสว่าถ้าผมจะปิดเรื่องนี้ก็ได้แต่กลับเลือกที่บอกตอนนี้...
ตอนที่ผ่านช่วงติดสัดไปแล้ว...
ช่วงที่ผมกลับมาเป็นปกติและพร้อมสำหรับหลายๆอย่าง
“เอาจริงเหรออานโน่?”เชสถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดูจากน้ำเสียงที่ส่งมาเขาคงรู้แล้วว่าที่ผมต้องการคืออะไร
“นายเองก็คิดแบบเดียวกันนี่”ผมสวนกลับพร้อมคลี่ยิ้มออกมาเพราะสิ่งที่พวกเราทั้งคู่คิดมันเหมือนกัน
สาเหตเหตุเดียวที่ผมบอกเชสตอนนี้ก็เพราะผมต้องการจะสืบเรื่องของหน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิทแถมยังเป็นการแอบสืบโดยไม่บอกทางหน่วยปฏิบัติการพิเศษด้วย
“หึ...มาลองกันสักตั้ง”เชสยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดผม
“อืม...ฉันจะไม่ยอมดูพวกไดโนเสาร์ที่ไม่มีความผิดตายไปมากกว่านี้แล้ว”
มาเจอกันหน่อย...
หน่วยรักษาความปลอดภัยเซฟตี้วิท!
...........................................................................................
สวัสดีค่ะ
กว่าจะจบตอนได้เรานี่ปาดเหงื่อไปหลายรอบเลย
ช่างเป็นตอนที่แต่งยากมากจริงๆ แถมยังย๊าวยาว
ใครที่รออยู่หวังว่าจะถูกใจนะคะ แต่งเต็มที่สุดๆแม้จะไม่ค่อยเก่งฉากนั้นก็ตาม
ช่วงนี้เราค่อนข้างว่างแล้วเลยมีเวลาแต่งนิยายมากขึ้น
คิดว่าสามารถกลับมาอัพได้ทุกอาทิตย์ตามปกติค่ะ
จากที่คำนวณคร่าวๆเรื่องนี้น่าจะจบก่อนเปิดเทอมพอดี
กลับเข้าเรื่องนิยายก่อนดีกว่า...
สำหรับศัตรูของภาคนี้ถือเป็นกลุ่มที่อัพระดับขึ้นมาจากภาคก่อนเล็กน้อยแต่ยังไม่ถึงกับร้ายแรงขนาดนั้น(ความจริงก็ร้ายมากอยู่55) ส่วนตัวเราไม่ค่อยเก่งการแต่งให้มีศัตรูแต่ถ้าไม่มีเลยคงไม่สนุกเพราะงั้นถ้ามีอะไรผิดพลาดก็แนะนำได้นะคะ^^
เรารู้สึกดีใจมากๆที่มีคนคอยติดตามอยู่เสมอแม้ว่าจะอัพช้าบ้างอะไรบ้าง
แค่ได้รับคอมเม้นท์กับกำลังใจมาเราก็มีแรงในการแต่งต่อแล้ว
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาเสมอจริงๆนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้า
ปล.มีหลายคนอยากให้ยูทาร์มีบทมากกว่านี้ซึ่งเราก็คิดว่าบทยูทาร์น้อยไปจริงๆนั่นแหละ 555 ไว้รอลุ้นนะคะว่ายูทาร์จะมีบทอีกไหม
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪