เรื่องที่ 4 เมื่อรักครั้งนี้ ‘ถูกโยนทิ้ง‘
ผมชื่อเป้ย อายุ 19 ปีแล้วครับ เป็นเฟรชชี่มหา’ลัยรัฐแห่งหนึ่ง ครั้งนี้ผมได้มีแฟนเหมือนคนอื่นเค้าแล้วน้า
ดีใจกับผมหน่อยสิ เรื่องราวของผมและแฟนมีอยู่ว่า…
ผมและเพื่อนๆของผมพาผมไปเที่ยวสังสรรค์ย้อมใจของผมกัน แต่ผมไม่เป็นคนดื่มแอลกอฮอล์ครับเลยไม่สนุกเท่าที่ควร
ระหว่างที่ผมได้แต่นั่งเบื่อๆเซ็งๆ ก็มีไอ้บ้าตัวหนึ่งอยู่ดีๆก็ด่าผมว่า แรด ผมนี่ขึ้นเลยครับ อะไรวะไม่เคยเจอกันรู้จักกันอยู่ดีๆก็มาด่า
ผมนี่งงไปทำอะไรตอนไหนให้โดนด่า
“ มึงสิไอ้เหี้ย มีไรมาหาเรื่องกู “ ผมเดือนมากครับตอนนั้น
“ ไม่มี “ มันตอบนิ่งๆ แม่งทำเป็นอยู่หน้าเดียว
“ แล้วด่ากูเพื่ออะไร “
“ อยาก “
“ ไอ้สัส กวนตีน “ ผมมองมัน แต่มันก็ยังไหล่ไม่สนใจ
.... เหตุการณ์แปลกๆของผมเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้รู้จักกับมันแล้วก็ได้รู้ชื่อมัน มันชื่อว่า เต้ และมันก็ซิ่วมาเรียนปี1 ....
“ ไม่กลับรึไงเพื่อนแม่งกลับกันหมดแล้ว “ ผมพูด
เพิ่งรู้ว่ามันเป็นเพื่อนของเพื่อนผมอีกที เหลือเพื่อนมันอีกสองคน
“ ไม่ กลัวเหงา “ มันพูด
“ อะไรวะ มึงเหงา ? เออกูเข้าใจ “ ผมพูดแล้วพยักหน้า
“ โง่ “
“ เอาอะไรวะ กูโง่ตรงไหน “ ผมโดนด่าอีกแล้ว
“ มันหมายถึงกลัวมึงเหงาโว้ยไอ้เป้ย “ เพื่อนมันบอก
“ ฉลาด “ ไอ้เชี่ยเต้พูด
“ เอ้า ก็มึงไม่พูดให้เคลียร์ “ ผมเกาหัว
ตั้งแต่วันนั้นมามันก็คอยคุยแต่กับผม กลุ่มเพื่อนมันกับกลุ่มเพื่อนของผมค่อนข้างจะสนิมกันส่วนหนึ่งเลยล่ะ
เท่าที่ผมสังเกตมัน มันเป็นคนโครตกวนตีนหน้านิ่ง ปากหมาที่หนึ่ง เงียบๆไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่ทำไมมันอยู่โครตจะพูดมาก
เหี้ยๆ ปากหมาบรรลัย นั่นจึงทำให้ผมกับมันสนิทกันอย่างไม่รู้ตัว เถียงกันเป็นกิจวัตร จนเพื่อนๆผมกับมันสังเกตได้ว่า
“ เฮ้ย ไอ้เต้มึงชอบเป้ยเหรอวะ “ เพื่อนๆมันพูดมากลางวง
บรรยากาศตอนนี้มีแต่สายตาใคร่รู้ราว สิบกว่าคู่
“ อืม แล้วจะทำไม “ มันพูด จนเพื่อนแต่ละคนยิ้มออกมา
ผมนี่อึ้งเลย ไรวะด่ากูทุกวันนี่คือชอบกู ? กูคือไม่เข้าใจสิ่งที่มึงทำเลยสาดด
“ เปล๊า พวกกูเห็นแค่มึงกวนตีนมันอยู่นั่นล่ะ “ เพื่อนผมสอดขึ้นมาบ้าง
“ มันเป็นแฟนกู “ ไอ้เต้พูดขึ้นมา ห๊ะ... แฟนเชี่ยไรเป็นตอนไหนกูยังไม่รู้เลย
“ แฟนพ่อง “ ผมนี่รีบด่ามันเลยด้วยความปากไว
“ ไม่ใช่แฟนพ่อกู มึงเป็นแฟนกู “ มันก็พูดหน้ามึนๆกวนตีนนิ่งๆตามแบบของมัน
“ กูบอกตอนไหน ขอกูเป็นแฟนตอนไหนสัส มั่วจริงๆ “
“ ยังไงมึงก็แฟนกู “ มันพูดเท่านั่นล่ะ
“ ฮิ้ววววววว ฮิ้ววววววว “ เสียงพวกเพื่อนเชี่ย
“ เพื่อนกูไอ้เป้นคนนี้ขายออกแล้วคร้าบบบบบบ “ เสียงพวกเพื่อนผม
....... ส่วนผมน่ะเหรอ งงดิ ไอ้เต้มึงจะทำกู งง ไปถึงไหนกันวะ ........
เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เพื่อนๆกลุ่มผมและกลุ่มมันรวมกันสิบกว่าชีวิตตกลงปลงใจแล้วว่าผมกับมันเป็นแฟนกันไปแล้ว นี่คือพวกมึง ไม่ถามความสมัครใจกูเลยใช่ไหม...
ผมก็พูดกับไอ้เต้ แย้งไอ้เต้ตลอดว่าผมไม่ได้เป็นแฟนมัน แต่มันก็ทำมึนใส่อย่างไม่ใส่ใจ มันก็ปฏิบัติกับผมเป็นคนพิเศษ
ของมันในทุกๆอย่าง ไม่ว่าผมจะทำอะไร จะไปไหนมันก็จะไปด้วย มีอะไรก็ถามความเห้ให้ผมตัดสินใจแทนตลอด
“ ไอ้เต้ มึงเห็นสาวคนนั้นไหมวะ อึ๊มโครต “ เพื่อนมัน
“ อืม “ มันจับมือผม ผมมองหน้ามัน
“ ไม่สนใจเหรอวะ “
“ ไม่ กูมีแฟนอยู่แล้ว “ ไอ้เต้พูดเท่านี้ ผมก็ตบหัวมันทีหนึ่ง แต่มันไม่อยากให้ตบง่ายๆหรอกหลบผมได้ตลอดทุกครั้ง
“ เหอะ “ ผมหงุดหงิด
“ หึหึหึหึ “ เพื่อนมึนมองผมสองคนแล้วหัวเราะ
พวกเพื่อนมันบอกว่าไอ้เต้เป็นคนไม่ยอมใคร หรือสนใจใครง่ายๆ แต่มีแค่ผมที่ไอ้เต้ยอมลงให้ แต่เพราะการที่มันทำ
อย่างนี้กับผมตลอด ทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับมันมากขึ้นทุกวัน
มีคนมาสนใจในตัวมันเยอะแยะเพราะมันนับได้ว่าเป็นคนหน้าตาดีไม่แพ้ใคร ออกจะลุกแนวเถื่อนๆหน่อยก็ตาม
ทำให้มันเป็นคนมีเสน่ห์ แต่มันกลับไม่สนใจใคร แล้วพูดไปอย่างหน้าตายทุกครั้งว่าผมเป็นแฟนมัน มันมีแฟนอยู่แล้ว......
และเหตุการณ์ต่อไปนี้มันได้ทำให้รู้ว่าผมไม่ได้แค่ชอบมัน ได้รู้จักคำว่า หึงและหวง หลังจากที่มันหึงหวงผมมาอยู่ตลอด
วันนี้ผม ไอ้เต้เพราะกลุ่มพวกพ้องกำลังจะไปดื่มสังสรรค์กันที่ร้านใหม่ เป็นร้านมาเปิดใหม่พวกผมต่างก็มีเวลาว่างพรุ่งนี้
ก็ไม่มีเรียนเลยชวนกันมาแจมเปิดร้าน พวกผมเดินเข้าร้าน บรรยากาศคึกคักแน่นเอี้ยดไปด้วยกลุ่มนักศึกษายั๊วเยี๊ย
เดินไปชั้นสองที่มีบรรยากาศแตกต่างออกไปจากชั้นแรกตรงที่ว่าสงบขึ้น ร้านนี้มีสี่ชั้นครับ ชั้นสามเป็นชั้นวีไอพี ชั้นสี่เป็นชั้น
ดับเบิ้ลวีไอพี ซึ่งชั้นสองที่ผมอยู่จะเป็นโซนๆราคานักศึกษาพอจ่ายไหวมนั่งกันแบบกลุ่มเพื่อน พวกผมก็หันไปได้ยินเสียง
กลุ่มนักศีกษาผู้หญิงส่งเสียงน่ารักน่าฟังกัน คุยจ้อกันอย่างสนุก มีผู้หญิงคนหนึ่งสูง ขาว เซ็กซี่หน่อยๆ เดินมาที่โต๊ะของพวกเรา
พวกผมเหรอครับดี๊ด๊ากันใหญ่ลาบปากมาหาเอง
“ ไงเต้ สบายดีไหม “ เธอคนนั้นเดินมาทักทายไอ้เต้
“ โหย สาวของไอ่เต้นี่หว่า พวกมึงอดดดด “ พวกมันโวยวายเซ็งๆกัน
“ สบายดี ฝ้ายล่ะ หื้ม “ ไอ้เต้ยิ้มในแบบที่ผมไม่เคยเห็น อ่อนโยนมาก เธอชื่อฝ้ายสินะ...
“ สบายดี ฝ้ายคิดถึงเต้นะคะ” ฝ้ายยิ้มหวาน
“ หึหึ อ้อนจริงๆเลยนะ “ มันขำแล้วยกมือมาลูกหัวฝ้ายอย่างเอ็นดู
“ เต้มีแฟนรึยังเนี่ย หลังจากที่เลิกกับฝ้ายไป “ ฝ้ายถามไอ้เต้อย่างสงสัย
“ มีแล้ว ดื้อด้วยโง่ด้วย “ มันพูดหยอกล้อกับฝ้าย
“ คิก “ ฝ้ายหัวเราะ เธอเป็นคนน่ารักมากเลยล่ะครับ..
จู่ๆมันก็โอบฝ้ายมาจูบตรงริมฝีปาก ไหนบอกว่าชอบกูไงวะ ไหนที่มึงบอกว่ากูเป็นแฟนมึง !
“ เหอะ “ ผมเผลอแสดงท่าทีออกไป
“ เป็นไร “ มันถามผมทั้งๆที่มือมันยังโอบเอวฝ้ายอยู่
“ ช่างแม่ง “ ผมไม่สนใจกระดกแก้วเหล้าทั้งๆที่ไม่เคยคิดจะดื่ม
“ หึ หึงหรือไง “ มันขำแล้วทำหน้านิ่งถามผม
“ ไม่รู้ ! “ ทั้งที่ตอนนั้นผมบอกว่าไม่หึงก็จบ แต่ด้วยเพราะแอลกอฮอล์ทำให้ผมสับสนเลยได้แต่พูดว่า ไม่รู้...
“ กูมีแฟนแล้ว ขึ้หึง โง่แบบยังไม่รู้ตัว “ มันหันมาพูดกับผม
บรรยากาศเงียบแล้วมาคุขึ้นตอนไหนผมยังไม่รู้ตัวเลยครับ ทุกๆในวงเงียบกันไปหมด แม้แต่ฝ้ายเองก็ทำอะไรไม่ถูก
“ เรื่องของมึง “ มันกระดกแก้วเหล้าต่อ
“ หึงใช่ไหมครับ หื้ม “ มันปล่อยฝ้าย แล้วมาลูบหัวผม
“…..”
“ ไม่เอาไม่หึง ดีกันนะครับ ง้อ “ มันเอานิ้วเขี่ยแก้มผม
“ ใคร “ ผมถามอย่างสงบสติอารมณ์
“ แฟนเก่า แต่ตอนนี้แค่เพื่อนสนิทที่สุด “ มันเริ่มกอดเอวผมเพื่อที่จะอ้อน
“ แล้วทำไมต้องจูบวะ ! “ ผมเริ่มสงบสติอารมณ์ไม่ได้
“ แต่จูบธรรมดา “
“……”
“ ต่อไปนี้กูจะจูบแค่มึงคนเดียว สัญญา “ มันเอานิ้วก้อยผมไปเกี่ยวก้อยของมัน
“ ทำให้ได้ด้วยละกันสัส “ ผมพูดอย่างหงุดหงิด
“ หึหึ มึงขี้หึงว่ะ กูชอบนะที่มึงหึง “ มันพูดพร้อมกับกอดผมแน่นๆ จูบปากผมเบาๆ
“ เฮ้ยๆๆๆๆๆ ๆ พวกมึงสองตัว ทำพวกกูเกร็งไม่พอ ยังมาสวีทกันแถวนี้อีกสัส ! “
พวกเพื่อนๆปากหมาเริ่มออกโรงแล้วครับหลังจากที่ผมกับไอ้เต้มันเริ่มดีขึ้น
“ เชี่ยยย บุญตาพวกกูจริงๆที่เห็นไอ้เป้ยหึงใคร หึงน่ากลัวสาด “ เพื่อนผมพูดกัน
“ อย่างนี้ ไอ้เต้มึงเตรียมตัว เกลียมัวได้เลยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ “ พวกเพื่อนมันพากันหัวเราะ
หลังจากดื่มสังสรรค์กันเสร็จ ไอ้เต้ก็พาผมไปส่งที่บ้าน มันมีรถเป็นของตัวเองครับ ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนเกือบๆ
ตีหนึ่ง ก็มาจอดรถอยู่หน้าบ้านของผม จู่ๆมันก็ถามขึ้นมาว่า
“ เป้ย เป็นแฟนกับกูนะ “ มันหันมาสบตากับผม
“ มึงรับกูที่เป็นกูได้รึเปล่า “ ผมก็บอกมันทั้งเรื่องขี้หึงคิดมากนู่นนี่
“ กูก็เหมือนกัน สัญญากันก่อนว่า มีเรื่องอะไรให้ถามอย่าเก็บไว้คนเดียว “
“ จะพยายาม “ ผมเกี่ยวก้อยสัญญา
“ ดีมากสัญญาแล้วทำให้ได้ด้วย “
“….”
“ มึงเป็นแฟนกูแล้วนะ “
“ อื้อ กูแฟนมึง “ ผมขานรับเขินๆ
“ หึหึ เขินเหรอ ไม่ต้องเขินเดี๋ยวยังจะมีเรื่องให้เขินอีกเยอะ “ มันพูดยิ้มในแบบที่ผมไม่เคยเห็นอีกมุมหนึ่ง
อ่าผมเขินโครเลยครับ เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อนเลย มันพูดจบประโยคมือของมันก็จับท้ายทอยผม
ไปใก้ลๆหน้าของมัน
“ ขอจูบนะเป้ย “ มันถามผม จ้อมผมด้วยสายตาลึกซึ้ง ใจของผมเต้นรัวไม่หยุด
“ อื้อ “ ผมตอบรับเสียงสั่นๆ
“ อย่าเขินเป้ย “ มันแซว
แล้วล็อกท้ายทอย กดริมฝีปากลงบนปากผม ลิ้นของมันเข้ามาดูดดุนริมฝีปากของผมอย่างอ้อยอิ่ง เป้นช่วงเวลาผมที่มี
ความสุขที่สุดเลยล่ะครับ
“ น่ารักว่ะ แฟนใครวะ “ หลังจากจูบเสร็จ มันก็พูดขึ้นกอดผมแน่นๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“ แฟนมึง “ ผมตอบเบาๆ กอดแน่นๆตอบกลับไป
หลังจากวันนั้นทำให้ผมและมันได้อยู่กันในสถานะแฟนอย่างเต็มปากเต็มคำ เราสองคนค่อนข้างจะมีความเป็นผู้ใหญ่กัน
ทั้งคู่ มีเหตุผล ผมกับมันทะเลาะกันน้อยมากถึงมากที่สุด ทะเลาะกันเรื่องใหญ่กันแค่สองครั้งเท่านั้นเองตั้งแต่คบกันมา หลักๆเลย
เรื่องแรก ผมเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่ายเลยทำให้มันหึงและคอยตามหวงผมไปซะทุกเรื่อง อย่างในตอนนี้
“ มันเป็นใคร มึงให้มันกอดทำไงวะเป้ย “ มันพูดเสียงเครียด
“ เพื่อน เพื่อนจริงๆมันเศร้าเลยขอกอดเท่านั้นเองเต้ “ ผมพยายามอธิบายให้ฟัง
“ ทีหลังอย่าให้เต้เจอนะเป้ย มันจะเจ็บตัวรวมทั้งมึงด้วยเป้ย “ มันทำหน้าจริงจรัง แล้วกดริมฝีปากมาตรงต้นคอของผมหลายๆจุด
เพื่อย้ำสถานะและแสดงความเป็นของอย่างทุกๆครั้ง
และเรื่องที่สองที่ทำให้ผมกับมันทะเลาะกันคือ ผมดันงี่เง่าเองที่กลัวว่ามันจะทิ้งผมไป ใช่ครับผมยอมรับผมกลัวการถูก
ทิ้ง กลัวการที่จะเสียคนที่ผมรักอีกครั้ง แต่ผมเชื่อใจมันไม่เคยจิก ไม่เคยระแวงว่ามันไปหาใครใหม่ เพราะมันเคยให้คำสัญญากับ
ผมไว้ว่า มันจะไม่เป็นคนทิ้งหรือเลิกรักผมก่อน ถ้าผมไม่เป็นฝ่ายทิ้งมันไปก่อนเอง
มันเป็นคนชอบหายไปอย่างเงียบๆ หายไปโดยไม่เคยบอกอะไรผมเลย ไม่สามารถติดต่อไป ทิ้งให้ผมรอ จากหนึ่งวัน
เป็นสองวันและมากขึ้นเรื่อยๆจนเป็นสามวัน แต่ผมก็ยังยอมเป็นคนโง่เพื่อที่รอมัน ไม่ว่าเพื่อนหรือใครี่ผมปรึกษาด้วยต่างก็บอกว่า
ผมยอมมันมากยอมทุกๆอย่าง หรือให้เลิกกับมัน แต่ผมก็ยังเลือกที่จะเชื่อใจมัน
“ หายไปไหนมาเต้ คิดถึงนะคิดถึงมา “ ผมพูด
“ ไปทำธุระมาน่ะเป้ย “ มันหอมแก้มผม
“ เต้รักเป้ยเหมือนเดิมอยู่ไหม “
“ ทำไมเป้ยถามแบบนี้ “
“ เป้ยกลัวว่าเต้จะเล่นๆกับเป้ยเท่านั้น “ ผมพูดจบประโยคนี้ มันทำหน้าตาน่ากลัว ผมรู้ครับมันโกรธ
“ เป้ย เต้ให้พูดอีกที เป้ยพูดว่าไร “
“.......” ผมกลัว ผมเลือกที่จะเงียบ
“ กูถามว่ามึงพูดอะไรออกมา !!! “ มันตะคอกเสียงดัง
“…..”
“ มึงดูถูกความรักของกูมากเกินไปแล้วแล้วเป้ย !! “
“ ขอโทษ... “ ผมพูดเสียงเบา
“ แค่นี้น่ะเหรอ เหอะ ! กูไม่ต้องการคำๆนั้นว่ะเป้ย “
“….”
“ มึงไปเถอะ วันนี้กูขออยู่คนเดียว “
“ เต้ เป้ยขอโทษ ขอโทษ อย่าโกรธเป้ยนะ เป้นรักเต้ “ ผมกอดมันแล้วร้องไห้
“ ไม่เป้ย ครั้งนี้กูโกรธมากจริงๆ ตอนนี้มึงกับกูคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ สงบสติอารมณ์ได้เมื่อไหร่ค่อยคุยกัน “
“ ไม่เอา เป้ยอยากอยู่กับเต้ เป้ยขอโทษ “ แล้วเราก็จบบทสนทนา โดยผมกับมันนั่งกันเงียบๆเป็นสองสามชั่วโมง
“ เฮ้อ.. เป้ย “ จู่มันก็ถอนหายใจแล้วเรียกผม
“ อืม “
“ มึงก็รู้ใช่ไหมว่ากูรักมึง แล้วมึงก็รักกู “
“ อืม “
“ ไม่กังวลอะไรบ้าๆแบบนี้อีกแล้วนะ รู้ไหม “ มันกอดผมแน่นๆ
“ อืม “
“ ไม่เอาไม่ต้องซึมแล้ว ยิ้มให้กูดูสิ “ มันมองผม
“ อืม “ ผมยิ้มไม่ออกจริงๆ ผมก้มหน้าซุกตัวกอดมันแน่นๆจนหลับไป
เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผมไม่มีการทะเลาะกันอีก ทุกอย่างเหมือนจะไปด้วยดี แต่ผมกลับรู้สึกว่า เหมือนไม่เคยเข้าถึง
มันเลย เหมือนใก้ลกันแต่ก็ไกลกัน เราทั้งคู่ต่างก็มีกำแพงของตัวเอง
สิ้นปีวันปีใหม่เป็นอีกวันทำให้ความคิดฟุ้งซ่านของผมหายไป เพราะมันทำเซอร์ไพร์ผม ทั้งๆที่มันไม่เคนจะสนใจอะไร
พวกนี้มีแค่ผมเท่านั้นที่ทำ ไม่ว่าจะวันครบรอบวันของเราก็มีแค่ผมก็ตามที่จำได้และสนใจมัน คืนนั้นเราได้นับถอยหลังเคาท์ดาวพร้อมกัน จูบกันแล้วมันก็บอกรักผม....
ผมคิดว่าเรารักกันมากขึ้น แต่มันไม่ใช่เลย ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มันยังจะรู้สึกกับผมเหมือนเดิมหรือเปล่า
ตอนนี้เป็นวันครบรอบ 7 เดือนของเรา ผมเตรียมเซอร์ไพร์เต้ที่หอ
ผมนั่งรอ จนขึ้นวันใหม่มันก็ยังไม่กลับมาหอ เพราะตั้งแต่ที่เราเป็นแฟนกัน
เราเลยย้ายหอมาอยู่ด้วยกัน ผมหาทางติดต่อมันหายๆทาง กลับไม่สามารถติดต่อมันได้เลย
ครับ.... มันหายไปเป็นอาทิตย์กว่าแล้วครับ และแล้วเสียงประตูก็ดังขึ้น
.... แอ๊ด ....
“ เต้หายไปไหนมา “
“…..”
“ เป้ยคิดถึงเต้นะ ทรมานมากเลยนะกับการที่ต้องรอโดยที่ไม่รู้อะไร “ ผมร้องไห้ต่อหน้ามัน
“ เต้ขอโทษ “ มันลูบหัว
วันนี้เราก็ไปมหา’ลัยด้วยกัน จนกลับมาตอนเย็นผมขอตัวกลับมาที่ห้องก่อน เพราะรู้สึกว่าผมอดทนมานานพอสมควร
แล้วคงถึงเวลาที่ต้องรวบรวมความกล้าอีกครั้ง ไม่นานนักเต้ก็เข้ามาห้อง
“ เต้ เราเลิกกันไหม “ ผมร้องไห้สบตากับมัน
“ อืม ขอโทษนะเป้ย “ มันหน้านิ่ง
“ ที่ผ่านมาคืออะไรวะเต้ เป้ยอดทนทุกอย่าง เป้ยรักเต้ แต่สิ่งที่เต้ทำมันทำร้ายเป้ย “
ผมระบายความในใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เก็บมานานกว่า 7 เดือน เท่าที่จะนึกออกได้ในตอนนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าผมพูด
ออกได้อย่าแค่ไม่กี่อย่าง
“ เต้ขอโทษ เต้รู้ตัวมาได้สักพักแล้วล่ะว่า เต้ไม่ได้รักเป้ยแล้ว “
“ แล้วเต้ทำแบบนี้ทำไม “ ผมร้องไห้ฟูมฟาย
“ เต้ไม่อยากให้เป้ยเสียใจ “
“ เต้ยิ่งทำแบบนี้ เป้ยยิ่งเจ็บ “ ความรุ้สึกตอนนี้ ผมเจ็บเจียนตายกว่าครั้งไหนๆ
“ เต้ยังรักเป้ยแบบน้องอยู่นะ “
“ อื้อ ช่วยอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเป้ยร้องไห้เสร็จได้ไหม “ ผมที่กำลังร้องไห้เงยหน้าสบตากับมัน
“ อืม “ มันพูดแค่นั้น เราสองคนตกอยู่ในความเงียบ
ผมหมดแรงที่จะร้องไห้ผมก็ลุกขึ้นไปรื้อของทุกอย่างที่เกี่ยวกับมันและระหว่างเราทำลายมันทิ้ง ใส่ถุงดำใส่ถังขยะเอาไปทิ้งหน้าหอ
ในเมื่อของทุกๆสิ่งการกระทำทุกๆอย่างของผมมันไม่เคยจะดูแลอยู่แล้วยังจะเก็บไว้ทำไมอีก เราสองคนพูดอะไรกันอีกนิดหน่อย
มันบอกกับผมว่าเป้ยยังเป็นน้องที่มันรักและร้อมที่ให้คำปรึกษาอยู่เสมอ
ถึงมันจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ยังไม่มีทางทำใจให้เจอมันได้หรอกครับ เราไม่มีการติดต่อสื่อสารกันอีกเลย
นี่ล่ะครับเมื่อรักครั้งนี้ ถูกโยนทิ้งของผม แม้ว่าตอนปัจจุบันนี้ผมก็ยังรักมันอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน รักที่สุด
เรื่องราวของผมกับมัน ไม่ว่าผมจะพยายามยื้อความรักของเราไปให้อีกนานเท่าไหร่ก็ยิ่งแย่ขึ้นมากเท่านั้นในเมื่ออีกฝ่ายหมดรักไปแล้ว
จริงๆเราสองคนมันมีอะไรมากกว่านั้น แต่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ในเมื่อเราต่างคนต่างรู้กันดีที่ไม่สามารถบอกใครได้
ขอมอบเพลงนี้ให้กับตอนนี้ คนไม่ใช่ คือไม่ใช่ ของ ปั้น แบชเชอร์
คนหนึ่งยังทำทุกทาง
เพื่อความรักจึงคอยทุ่มเททุกอย่าง
อยากเป็นคนสำคัญอยู่ในสายตา ยังหวังรอสักวัน
แต่อีกคนกลับไม่สนใจ
ทำอะไรก็เหมือนว่าไม่ต้องการ
ยังไม่เคยเห็นใจไม่เคยหันมา เฉยชาอยู่อย่างนั้น
ยิ่งใกล้เธอแค่ไหน ก็ยิ่งเหมือนเป็นแค่ลมพัด
ยิ่งฝันและยิ่งฝืน ก็ยิ่งจะทรมาน
เหนื่อยพอแล้วที่พยายามทำให้เธอรัก แต่ไม่ได้
ให้รักเธอทั้งหัวใจคงไม่พอ
รู้แล้วว่ารักไม่มีความหมาย เพิ่งเข้าใจ
ว่าคนมันไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่อยู่ดี
คนหนึ่งให้ทั้งหัวใจ แต่อีกคนโยนทิ้งมันไปให้ห่าง
คนหนึ่งยังเฝ้ารอ อีกคนละเลย ไม่เคยจะรัก
ยิ่งใกล้เธอแค่ไหน ก็ยิ่งเหมือนเป็นแค่ลมพัด
ยิ่งฝันและยิ่งฝืน ก็ยิ่งจะทรมาน
เหนื่อยพอแล้วที่พยายามทำให้เธอรัก แต่ไม่ได้
ให้รักเธอทั้งหัวใจคงไม่พอ
รู้แล้วว่ารักไม่มีความหมาย เพิ่งเข้าใจ
ว่าคนมันไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่อยู่ดี
เหนื่อยพอแล้วที่พยายามทำให้เธอรัก แต่ไม่ได้
ให้รักเธอทั้งหัวใจคงไม่พอ
รู้แล้วว่ารักไม่มีความหมาย เพิ่งเข้าใจ
คนมันไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่อยู่ดี
คนไม่ใช่ ให้มันรักเท่าไร ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี
เจ็บจริงๆ คนเขียนไม่มีอะไรจะพูดเลย