“สองสัปดาห์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ครั้งแรกฉันหยุดไปนานพอดูเลย แสบคอน่ะ”
“ครับ ผมเห็นด้วยกับคุณเลย” เขาพูด แล้วถอนใจ “ผมอยากเป็นผู้ชายที่ดูเท่แบบคุณชะมัด แต่ท่าทางคงยากน่าดู”
ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร กอร์ดอนก็เดินออกมาที่ระเบียง
“อ้าว” ช่างตัดเสื้ออุทานออกมาด้วยความแปลกใจ “เดวิดมารบกวนอะไรคุณรึเปล่าครับ?””
“อ๋อ เปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “เขาแค่มาขอให้ผมสอนเรื่องสูบบุหรี่”
กอร์ดอนหรี่ตามองเด็กหนุ่ม “ร้านฉันไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่นะ”
“โธ่ ผมไม่คิดจะสูบในร้านหรอกครับ แค่หัดสูบผมยังสำลักแทบตายเลย” เดวิดคราง แล้วไอออกมาอีก กอร์ดอนถอนใจเฮือก ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา
“คุณเป็นอะไรไป มีเรื่องไม่สบายใจหรือ?”
คนถูกถามสั่นศีรษะ “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่เหนื่อย”
ลอร์ดหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ “พวกเขาเป็นห่วงคุณนะ”
“ครับ ผมรู้” กอร์ดอนว่า ก่อนจะมองบุหรี่ที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่
“เอาสักมวนมั้ย ผมยังมีเหลืออีก”
ช่างตัดเสื้อนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า อีกฝ่ายจึงหยิบบุหรี่ส่งให้เขา
“ขอบคุณครับ” กอร์ดอนคาบบุหรี่เอาไว้ในปาก เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้งเพื่อจะขอไม้ขีด แต่กลับพบว่าฝ่ายนั้นคาบบุหรี่เอาไว้ในปากแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบมองเขา ก่อนจะยกมือคีบบุหรี่เอาไว้ กอร์ดอนจึงขยับไปใกล้เพื่อต่อบุหรี่จากฝ่ายนั้น
“โอ... ผมเพิ่งรู้ว่าจุดบุหรี่แบบนี้ได้ด้วย” เดวิดพูดด้วยความพิศวง เขามองดูนายจ้างที่อัดบุหรี่เข้าปอดราวกับอดอยากมานาน กอร์ดอนสูบบุหรี่เร็วจนน่าตกใจ เขาระบายควันสีขาวออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในเวลาแค่อึดใจเดียว บุหรี่ของเขาก็มอดไปครึ่งมวน
“คุณสูบบุหรี่เร็วมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมา ระหว่างที่ฝ่ายนั้นหันไปเคาะขี้บุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ กอร์ดอนถอนใจเฮือก เขายกบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้ง
“ถ้าคุณรู้จักผมตอนอายุยี่สิบ คุณจะไม่ได้กลิ่นอะไรเลยนอกจากกลิ่นบุหรี่” เขาพูดพลางถอนใจอีก ก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงไปในที่เขี่ยบุหรี่
“คุณจะกลับเข้าไปทานมื้อเย็นต่อรึเปล่าครับ?” กอร์ดอนหันมาถามลอร์ดโทรว์บริดจ์ ฝ่ายนั้นพยักหน้า
“แน่นอน ถ้าคุณพร้อมจะเข้าไปกับผมนะ... พวกเราย้ายโต๊ะก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนพูด พวกเขาจึงกลับเข้าไปในห้องอาหารอีกครั้ง คราวนี้เซอร์จอร์จและภรรยาไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานอีก พวกเขาคุยกับเรื่องสัพเพเหระเกี่ยวกับข่าวในหนังสือพิมพ์ เรื่องซุบซิบ สามีภรรยาเรดดิงตันมาร่วมโต๊ะด้วยหลังจากนั้น ท่าทางพวกเขาสนใจอยากทำความรู้จักกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ทั้งคู่คงเดาได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนสามัญธรรมดา ลอร์ดหนุ่มเองก็รู้ตัว จึงพยายามตัดบทสนทนาอย่างสุภาพ เขาลุกออกจากโต๊ะอาหารเดินไปยังห้องโถงที่ใช้จัดงานเต้นรำ ก่อนจะเอ่ยปากขอยืมไวโอลินจากนักดนตรีที่เล่นอยู่
“ในฐานะผู้มาเยือนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมขอเล่นเพลงให้พวกคุณสักเพลงหนึ่ง” ลอร์ดหนุ่มพูดพลางมองตรงไปยังกอร์ดอนซึ่งเดินมากับเซอร์จอร์จและภรรยาของเขา ก่อนจะทาบคันชักเข้ากับสายไวโอลิน และเริ่มเล่นเพลง Hungarian dance No. 5 ของ โยฮันเนส บราห์ม คีตกวีชาวเยอรมันผู้มีชื่อเสียง ภายในห้องเงียบกริบทันที
“ว้าว คุณเล่นไวโอลินได้น่าประทับใจมาก” เซอร์จอร์จ คาเมรอนพูดด้วยความตื่นเต้น ท่ามกลางเสียงปรบมือหลังจากที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่นเพลงจบ ฝ่ายนั้นโค้งให้เขา ก่อนจะคืนไวโอลินให้กับนักดนตรี แล้วเดินตรงเข้ามา
“ผมชอบงานเต้นรำมาก ท่านเซอร์ ถ้าคุณจะกรุณา ผมขออนุญาตเชิญเลดี้ชาร์ลอตมาเป็นคู่เต้นของผม”
“เป็นเกียรติกับภรรยาผมมาก” เซอร์จอร์จ คาเมรอนว่า ขณะที่เลดี้ชาร์ลอตมีท่าทางประหม่า
“โอ้ คุณเคฟ ฉันไม่ได้เต้นรำมานานแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ ให้เกียรติเต้นกับผมสักเพลงเถอะ” เขาโค้งให้ฝ่ายนั่น ก่อนจะจูงมือเธอออกมาที่กลางห้องโถง เซอร์จอร์จจึงไปเชิญคุณนายเรดดิงตันมาเป็นคู่เต้น คนอื่นๆ พากันจับคู่และจูงมือกันออกมายืนรอบพวกเขา เมื่อดนตรีเริ่มบรรเลง การเต้นรำก็เริ่มต้นขึ้น
ลอร์ดโทรว์บริดจ์พาเลดี้ชาร์ลอตเต้นช้าๆ ไปตามจังหวะเพลง แม้ว่าคู่เต้นของเขาจะมีวัยสูงกว่าถึงครึ่งหนึ่ง แต่ก็มิได้ทำให้ความสง่างามของคนทั้งคู่ลดน้อยลงแต่อย่างใด เมื่อเพลงจบลง เลดี้ชาร์ลอตหอบหายใจเล็กน้อย ขณะมองดูคู่เต้นรำของเธอด้วยความประทับใจ
“โอ... ถ้าหากฉันเด็กกว่านี้อีกสักยี่สิบปี ฉันคงต้องตกหลุมรักคุณเป็นแน่ คุณเคฟ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือของเธอขึ้นมาจูบก่อนจะยิ้มให้ จากนั้นเขาก็เดินไปโค้งเด็กสาวเรดดิงตัน เธอหน้าแดงจนถึงใบหู ก่อนจะยื่นมือให้เขาด้วยท่าทางเอียงอาย
“คุณเคฟ หนูเต้นรำไม่เก่งนะคะ”
“ไม่เป็นไร มาเถอะ”
เช่นเดียวกับตอนที่เขาเต้นรำคู่กับเลดี้ชาร์ลอต คาเมรอน ลอร์ดโทรว์บริดจ์แสดงให้เห็นถึงท่วงท่าที่สง่างาม เขาพาคู่เต้นวัยรุ่นเต้นตามจังหวะเพลงได้ลื่นไหลราวกับสายน้ำ ต่อให้แมรี่แอนไม่ได้สวมกระโปรงฟูฟ่องอย่างที่เลดี้ทั้งหลายสวมกันในงานเต้นรำ แต่เธอก็ดูโดดเด่นขึ้นมามากเมื่อได้จับคู่กับเขา เมื่อเพลงจบลง เธอแทบจะไม่อยากให้อีกฝ่ายปล่อยมือเลย
“คุณเคฟ คุณจะพักอยู่ที่นี่อีกกี่วันคะ?” เด็กสาวถามเขาอย่างคาดหวัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เธอ
“พรุ่งนี้ฉันก็จะกลับแล้ว”
“โอ... แล้วเราจะได้พบกันอีกหรือเปล่า? หนูอยากพบคุณอีกครั้งค่ะ”
“ถ้าพระเจ้าอวยพร เราคงได้พบกันอีก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ก่อนจะผละออกมา เขาหันไปยิ้มให้พ่อแม่ของเธอ ก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้ากอร์ดอนที่กำลังจิบไวน์อยู่
“คุณไม่ออกไปเต้นรำหรือ?” ลอร์ดหนุ่มถามช่างตัดเสื้อ อีกฝ่ายยิ้มพลางสั่นศีรษะ
“คุณก็รู้ว่าผมเต้นรำไม่เอาไหน แต่คุณเต้นรำสวยมากนะครับ ผมมองเพลินเลย”
“งั้นผมคงต้องบอกว่าหมดเวลาที่คุณจะมองผมเต้นรำแล้ว”
กอร์ดอนเลิกคิ้วขึ้นสูง ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นมือให้เขา “มากับผมเถอะ”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรต่อ เขาฉวยมือของกอร์ดอนขึ้นมาแล้วจูงไปที่กลางห้องโถง
“จอห์น” ช่างตัดเสื้อเรียกชื่อฝ่ายนั้นอย่างละล้าละลัง “มันจะดีหรือ?”
“ดีสิ นี่เป็นแค่การเต้นรำสนุกๆ เท่านั้นเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ในงานเล็กๆ บางทีผมยังเต้นกับเพื่อนผู้ชายด้วยกันเลย คุณไม่ต้องเกร็งหรอก”
“งั้นหรือครับ...” กอร์ดอนมองเขา ก่อนจะถูกอีกฝ่ายรวบเอวไว้ ในขณะที่ดนตรีเริ่มบรรเลงอีกครั้ง เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์เริ่มก้าวเท้าตามจังหวะเพลง ก็ดูราวกับว่าทั้งโลกเหลือเพียงพวกเขาสองคน
“ผมบอกคุณเลยว่านี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงในการมางานนี้ของผม” ลอร์ดหนุ่มพูดระหว่างที่พวกเขากำลังเต้นรำกันอยู่ เขาจ้องมองใบหน้าของช่างตัดเสื้อ มองลงไปในดวงตาสีฟ้าที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นคู่นั้น
“ผมปรารถนาที่จะเต้นรำกับคุณอีกครั้ง กอร์ดอน คุณคงไม่รู้ว่าตอนผมขอคุณเต้นรำครั้งแรกในห้องนั้น ผมประหม่าแค่ไหน”
“โอ... จอห์น...” กอร์ดอนเรียกชื่อฝ่ายนั้นพลางจ้องไปยังดวงตาสีเขียวที่เป็นประกายของเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ
“ผมรู้ว่าตอนนั้นคุณรำคาญ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด ผมได้มีคุณอยู่ในอ้อมกอด ได้มองหน้าคุณ ได้จ้องตาคุณ ผมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้รู้จักกับคุณ ให้ได้ใกล้ชิดกับคุณตั้งแต่วินาทีแรกที่เราเจอกัน แต่ผมไม่คิดหรอกว่าผมจะมีโอกาสได้เต้นรำกับคุณอีกครั้ง ได้มองหน้าคุณ โดยที่คุณมองตอบผมด้วยสายตาแบบเดียวกัน”
กอร์ดอนมองฝ่ายนั้น “ผมยังจำที่คุณสอนผมได้ เรื่องที่ต้องสบตากับคู่เต้น... ผมไม่คาดคิดเหมือนกันว่าการเต้นรำกับคุณในครั้งนั้นจะทำให้ผมมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้” เขาคลี่ยิ้มก่อนจะพูดต่อ “คุณทำให้ผมไม่อาจจะละสายตาไปจากคุณได้อีกเลย”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มตอบ “ผมดีใจที่เรารู้สึกตรงกัน” เขาโอบเอวกอร์ดอนแน่นกว่าเดิม “ผมไม่อยากให้เพลงนี้จบเลย ผมอยากจะเต้นกับคุณแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะเต้นกันอีกสักสองสามเพลงได้ไหม?”
“อย่าเลยจอห์น” กอร์ดอนตอบเขา “ผมไม่อยากให้การเต้นรำครั้งนี้เป็นการเต้นรำครั้งสุดท้ายของเรา”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีท่าทางเห็นแย้งอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายเขาก็ยอมพยักหน้า “ก็ได้ จบเพลงนี้ผมจะปล่อยคุณให้ไปพักก่อน”
กอร์ดอนหัวเราะ พวกเขาเต้นรำกันจนจบเพลง ก่อนที่ลอร์ดหนุ่มจะหันไปโค้งให้ผู้หญิงอีกสองคน และสร้างความประหลาดใจให้กับกอร์ดอนหลังจากนั้นด้วยการชวนเดวิดมาเป็นคู่เต้น
“โอ้ คุณเคฟ คุณเต้นรำได้น่าประทับใจมาก คุณจะกรุณาสอนเคล็ดลับให้ผมใช่ไหมครับ?” เดวิดพูดอย่างตื่นเต้นตอนที่พวกเขามาหยุดยืนอยู่ด้วยกันในวงเต้นรำ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า
“ใช่ มาดูซิว่าเธอจะทำได้ดีกว่านายจ้างของเธอรึเปล่า” พูดจบเขาก็จับมืออีกฝ่ายยกขึ้น
“ว้าว มือของคุณนิ่มมาก” เด็กหนุ่มอุทานออกมา “ผมไม่คิดว่ามือของผู้ชายจะนิ่มขนาดนี้”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักเล็กน้อย เขากะพริบตามองฝ่ายนั้น “อืม... คงเพราะฉันไม่เคยทำงานหนักน่ะ”
“ก็จริงของคุณ แบบนี้มือของสุภาพสตรียิ่งต้องนิ่มมากแน่ๆ ใช่ไหมครับ?”
“ใช่” ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “บางคนก็มือนิ่มอย่างกับไม่มีกระดูกแน่ะ”
เด็กหนุ่มหัวเราะ “คุณโอเดนเบิร์กโชคดีมากที่ได้รู้จักกับคุณ ผมที่เป็นลูกน้องเขาเลยพลอยโชคดีไปด้วย”
“อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มก้าวเท้าตามจังหวะเพลง
“ฟังจังหวะไว้นะเดวิด” ท่านเอิร์ลพูด “เธอต้องก้าวเท้าให้ลงจังหวะ พยายามให้มันต่อเนื่อง และนุ่มนวลที่สุด เต้นรำแบบนี้ก็เหมือนเล่นดนตรี มีหนักมีเบา มีอารมณ์ร่วมกับคู่เต้นและเสียงดนตรี เธอต้องทำให้คู่เต้นของเธอวางใจ และรู้สึกคล้อยตามกับการเต้นของเธอ”
“โอ... ฟังแล้วดูยากไม่น้อยเลยนะครับ ผมเองก็ไม่เคยหัดเล่นดนตรีด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก เธอแค่รู้จักฟังจังหวะของมันก็พอ”
“ครับ” เดวิดพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็ดูเอาจริงเอาจังกับการฟังจังหวะและการจดจำการเคลื่อนไหวของลอร์ดโทรว์บริดจ์จนอีกฝ่ายต้องทักขึ้น
“นี่ เธอต้องหัดมองหน้าคู่เต้นด้วยนะ ไม่ใช่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาแบบนี้”
“ขอโทษครับ ผมมัวแต่พะวงเรื่องจังหวะ” เดวิดตอบก่อนจะเงยหน้ากลับมามองเขา “แบบนี้ใช้ได้มั้ยครับ?”
“ใช้ได้แล้วล่ะ”
ทั้งคู่เต้นด้วยกันจนจบเพลง ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินมานั่งพักที่เก้าอี้ ส่วนเดวิดไปโค้งสาวน้อยแมรี่แอนให้มาเต้นรำด้วย
“ผมว่าเขาพยายามเลียนแบบคุณนะ” กอร์ดอนที่นั่งอยู่ข้างกันพูดขึ้น “พ่อเขาเสียไปแล้ว ท่าทางเขาจะเอาคุณเป็นแบบอย่างแทน”
ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “ใช่ เขากำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ตอนผมอายุเท่าเขา ผมพยายามเลียนแบบทั้งพ่อทั้งอาเลย แต่ผมชอบวิธีการใช้ชีวิตของอาผมมากกว่า”
“เขาชื่นชมคุณมาก ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเที่ยวเล่าเรื่องคุณให้ใครต่อใครฟังไปทั่วเลย”
ลอร์ดหนุ่มหัวเราะออกมา “เป็นผมผมก็คงเล่า มันน่าตื่นเต้นน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ”
กอร์ดอนยิ้มพลางสั่นศีรษะ พวกผู้ใหญ่เริ่มทยอยมานั่งคุยกันอีกครั้ง ปล่อยให้เด็กๆ เต้นรำกันไปตามเรื่อง กระทั่งสี่ทุ่ม ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับที่พัก
----------------------------------
“คุณเคฟ คุณว่าผมเต้นรำเป็นไงบ้างครับ?” เดวิดวิ่งมาถามระหว่างที่ทั้งคู่เดินออกจากคฤหาสน์ของเซอร์จอร์จ คาเมรอน ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า
“ใช้ได้แล้ว หัดบ่อยๆ เดี๋ยวก็จะเชี่ยวชาญขึ้นเอง”
เด็กหนุ่มพยักหน้าแข็งขัน ขณะที่แม่ของเขาพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ต้องขออภัยพวกคุณจริงๆ นะคะที่ลูกชายดิฉันชอบมารบกวนอยู่เรื่อย”
“ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนที่กอร์ดอนจะถามขึ้นต่อ
“พรุ่งนี้คุณจะเข้าไปที่บ้านผมกี่โมง?”
“พวกคุณจะกินมื้อเช้าก่อนไปโบสถ์รึเปล่าคะ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะเข้าไปประมาณเจ็ดโมงค่ะ”
“ตกลง ตามนั้นแหละ” กอร์ดอนว่า จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันเดินทางกลับไปยังบ้านของตัวเอง ช่างตัดเสื้อถือตะเกียงเดินนำหน้าลอร์ดหนุ่ม พวกเขาเดินตัดผ่านทุ่งหญ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดสนิทของยามราตรี ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน ก่อนจะพูดออกมา
“ท้องฟ้าสวยมาก คุณดูสิ”
กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองตาม ดวงดาวมากมายพร่างพราวอยู่บนท้องฟ้าสีดำสนิท ดูราวกับเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ติดประดับผ้าคลุมหน้าของหญิงสาว ทั้งสวยงาม ยั่วยวน ลึกลับและห่างไกล
“สวยเหลือเกิน” กอร์ดอนคราง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมายืนเคียงข้างเขา
“ผมบอกแล้ว ดูดาวต้องดูตอนดึก”
กอร์ดอนเบือนหน้ากลับมามองคนยืนข้าง แสงไฟจากตะเกียงสะท้อนให้เห็นรอยยิ้มที่สว่างไสวของอีกฝ่าย ช่างตัดเสื้อยิ้มตอบเขา
“ขอบคุณพระเจ้า ที่ให้คุณยืนอยู่ตรงนี้”
“....”
“ท้องฟ้าคืนนี้คงไม่สวยเลยสำหรับผม ถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วย”
“....”
“คุณทำให้ผมมีความสุขที่สุด แม้จะยืนอยู่ในที่ที่อึดอัดที่สุด ขอบคุณนะจอห์น ขอบคุณที่ยืนข้างผม”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าคนรัก ก่อนจะพูดออกมา “ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกัน กอร์ดอน ขอบคุณที่คุณอุตส่าห์อดทนกับความอึดอัดที่คุณรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอเพื่อที่จะตามใจผม แม้ผมจะรู้สึกผิดอยู่บ้างที่เหมือนเป็นฝ่ายบีบบังคับให้คุณทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ แต่ผมดีใจเหลือเกินที่คุณมีความสุขเมื่อได้อยู่กับผม ผมเองก็มีความสุขมาก หากผมเป็นผู้หญิง ผมคงไม่ลังเลเลยที่จะตกลงแต่งงานกับคุณ แม้ว่าคุณจะไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่ใครๆ คาดหวังก็ตาม”
กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ผมเองก็จะตอบคุณในแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่าคุณเป็นผู้ชายที่ทุกคนคาดหวัง ซึ่งตรงกันข้ามกับผมอย่างสิ้นเชิง”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่พวกเราคิดตรงกันก็พอแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า สายลมยามดึกพัดมาต้องผิว ทั้งคู่ขยับหมวกและเสื้อโค้ทให้เข้าที่ พลางก้าวเท้าเดินต่อไป แสงไฟจากโคมหน้าบ้านค่อยสว่างชัดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงทรีลอว์นีย์เสียที
--------------------------------------------
(จบตอน)
**ในที่สุดก็หาเวลามาเขียนตอนนี้ให้จบได้เสียที หลังจากใจหายใจคว่ำกับแม่เป็ดในตอนก่อน อันที่จริงเราตั้งใจจะเขียนให้ทั้งสองคนคุยกันเรื่องนี้ด้วย แต่ทว่าโควต้าของหน้ามันก็เกินมาไกลมากแล้ว จึงจำต้องยกไปอยู่ในตอนถัดไปแทน (นี่เป็นนิยายที่ช่วงหลังๆ มีจำนวนหน้าต่อตอนอยู่ที่20หน้ากระดาษเอสี่เข้าไปแล้ว บร๊ะเจ้า!!)
อันที่จริงตอนแรกเราตั้งใจจะเขียนถึงเหล่าบรรดาญาติๆ ของกอร์ดอน แต่ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็พูดถึงแต่เซอร์จอร์จกับภรรยาแค่สองคน เนื่องจากเห็นว่าแค่สองคนนี้ กอร์ดอนคนดีก็อึดอัดใจจะแย่ ขืนยังใส่บทคนอื่นๆ ลงไปอีก มีหวังเนื้อหาอาจจะยาวไปเป็นสามสิบหน้าเอสี่ก็เป็นได้ (ยาวเกินกว่าที่อิฉันจะยอมรับได้ในตอนหนึ่ง)
ช็อตที่ตั้งใจเขียนถึงตั้งแต่เริ่มพูดถึงงานเต้นรำ คือช็อตการเต้นรำคู่กันอีกครั้งของพระนายสองคน แต่ทว่าช็อตที่มาอย่างคาดไม่ถึงอย่างช็อตต่อบุหรี่ กลับแย่งซีนช็อตที่คิดมาไปหมดเลย ฮ่าๆๆ (มันคงจะติดตาตรึงใจเดวิดไปอีกนานแสนนานด้วย)
ความสัมพันธ์ของเดวิดกับจอห์นนี่ในตอนนี้เหมือนกับพี่ชายน้องชาย หรือไม่ก็พ่อลูก เราแอบชอบความสัมพันธ์ของคู่นี้มาก เวลามาอยู่ด้วยกันสามคนแล้วให้บรรยากาศครอบครัวอบอุ่นดี
บางเวลาที่เขียนเรื่องนี้ก็มีมโนขึ้นมาว่า ถ้ามีนางฟ้าใจดีมาเสกกอร์ดอนให้กลายเป็นผู้หญิง เรื่องคงแฮปปี้เอ็นดิ้ง... แต่แน่นอนว่ามันเป็นแค่ความคิดชั่ววูบ และนิยายเรื่องนี้ก็ไม่ใช่นิยายแฟนตาซี
ถึงอย่างนั้นเราก็ยังแอบอยากบิดเนื้อหาบางตอนไปเป็นแฟนฟิกเพื่อให้กอร์ดอนได้กลายเป็นผู้หญิง จะได้มีลูกกับจอห์นนี่ได้สมใจ ฮ่าๆ คงฟินพิลึก (นี่คือเขียนนิยายวายออกมาเพื่อให้จิ้นกลับไปเป็นคู่นอร์มอล???)
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ^^