[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 99022 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เห็นใจ ไมครอฟ ที่หลงรักกอร์ดอน
นี่ถ้ากอร์ดอน ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของไมครอฟ
ไมครอฟ คงตื๊อต่อ ไม่เลิกแน่ๆ
แต่กับจอห์นนี่ แรกๆกอร์ดอน ก็รำคาญเหมือนกันนะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :L2: สำนวนดีเขียนได้ลื่นไหล น่าประทับใจมาก  :L2:  ขอบคุณครับ
 :L2: :pig4: :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2017 16:52:05 โดย ommanymontra »

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
นึกอยู่แล้วเชียวว่า แมกซ์ต้องทำตามที่ไมกี้ร้องขอ แต่ได้อยู่ในฝันสักชั่วคราวก็ยังดี

น่าเห็นใจคนอกหัก แต่แค่จอห์นคนเดียวชีวิตช่างตัดเสื้อตัวน้อย ๆ ก็สุ่มเสี่ยงจะถูกลบออกจากสารบบของลอนดอนพอแล้ว

จอห์นก็น่าเห็นใจ รักก็ยากแล้ว คนใกล้ตัวดันทำเหมือนหักหลังกันอีก

อีกมุมหนึ่งที่น่าประทับใจคือ มิตรภาพของสามคนนี้

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ส่อเค้าลางมาม่ากะละมังโตๆเลยนะเนี่ย เฮ้ออออออ

สงสารไมกี้ก็สงสาร
แต่กอร์ดอนมีแววว่าจะน่าสงสารสุด
จอห์นจะทำยังไงต่อนะ
รอลุ้น รออ่าน รอมาม่า(เกร็งหนังตารอค่ะกลัวร้องไห้)
สู้ๆนะทุกคน

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
จอห์นนี่หูตาเป็นสับปะรดเหมือนกันแฮะ แต่ยังสู้จอร์จจี้จิตสัมผัสไม่ได้  :hao7:
ตอนที่แม็กซ์ถูกเค้นนี่ลุ้นยิ่งกว่าตอนไมค์กี้เกือบจูบกอร์ดอนอีกนะเนี่ย

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เหมือนที่คิดไว้ไม่ผิด ลอร์ดแมกซ์หนักใจที่สุด เหมือนความรักของลอร์ดฟาริงดอนจะกลายเป็นอากาเปไปแล้วเรียบร้อย?

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อ่านไปอ่านมาเกิดคำถามว่า เอ้ย ถ้าเป็นแม็กจะทำยังไงดี
ปวดหัวแทนจริงๆ

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากกกกก อ่านรวดเดียวจบเลย

มาต่อเร็วๆน้า\(^0^)/

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
** แก้ไขการเรียนชื่อแอนนาเบลในตอน5 เป็นมิสเฮเก้นต์สำหรับลอร์ดโทรว์บริดจ์และคนอื่นๆ แทนนะคะ เนื้อหาส่วนอื่นในตอนมีการปรับแก้เล็กน้อยเพื่อให้รับกับเนื้อเรื่องที่จะเขียนต่อไปค่ะ**

Dear, My customer.

ตอนที่25 อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป


            วันรุ่งขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์แต่งตัวและลงมาหาพ่อของเขาที่ห้องเขียนจดหมายตั้งแต่ก่อนมื้อเช้า ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับลอร์ดบาธเป็นอย่างมาก เขาถึงกับถอดแว่นสายตาที่สวมอยู่ออก เพื่อที่จะได้มองหน้าลูกชายตัวดีได้ชัดๆ

                “วันนี้แกจะมาขออะไรอีกล่ะจอห์น” พ่อของเขาพูดหลังจากที่ทั้งคู่ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเก้าอี้มานั่งข้างพ่อของเขา ก่อนจะหัวเราะเขินๆ

                “ผมจะมาขอพ่อไปค้างที่บ้านเพื่อนแถวๆ นีสเดน ช่วงเสาร์อาทิตย์นี้ครับ”

                “นีสเดน?” ลอร์ดบาธทวนคำ “บ้านใคร? อีธานหรือ?”

                “ไม่ใช่หรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ เขานิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “บ้านของกอร์ดอนน่ะ”

                “โอเดนเบิร์ก?” ลอร์ดบาธมีสีหน้าแปลกใจ “เขามีบ้านที่นีสเดนด้วยหรือ?”

                “มีครับ เขาบอกว่าเป็นของพ่อเขา”

                “อืม... อันที่จริงแล้วพ่อก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่มีเงินเก็บพอดูเลยล่ะ เสียแต่ว่าเขาต้องทำงานตัวเป็นเกลียว เลยไม่มีเวลาใช้เงิน” ลอร์ดบาธพูดอย่างครุ่นคิด “พ่อไม่ยักรู้ว่าแกสนิทกับเขาขนาดไปขอค้างที่บ้านเขาได้แล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะอีก “ผมตัดเสื้อกับเขาทั้งตู้ ถึงไม่สนิทก็ต้องสนิทล่ะครับ”

                คนเป็นพ่อมองลูกชายอย่างตำหนิ “แกไม่ควรใช้ฐานะไปสร้างความลำบากให้กับคนอื่นนะ ถ้าแกอยากจะไปตกปลาล่องเรือที่อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป แกก็ค้างโรงแรมแถวนั้นก็ได้นี่ ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้ไกลอะไรจากบ้านของเรามาก แกไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้ ทำไมถึงต้องไปรบกวนเขาด้วย”

                “ผมอยากลองค้างคืนในสถานที่ใหม่ๆ ดูบ้าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมยังไม่เคยเห็นบ้านของกอร์ดอนมาก่อน มันอาจจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ น่ารักแบบที่เราเห็นข้างทางก็ได้ ผมอยากลองนอนในบ้านแบบนั้นมานานแล้ว”

                “พ่อแน่ใจว่าแกไม่มีทางชอบแน่” ลอร์ดบาธพูด “แต่โอเดนเบิร์กก็ไม่ใช่คนยากจนข้นแค้นอะไร บ้านของเขาน่าจะสบายพอตัวอยู่หรอก ไม่แน่แกอาจจะได้เจอคฤหาสน์ขนาดย่อมก็ได้นะ ใครจะไปรู้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขาอย่างดีใจ “แสดงว่าพ่ออนุญาตใช่ไหมครับ?”

                “พ่อยังไม่ได้พูดสักคำ” ลอร์ดบาธตอบ แล้วผุดยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นลูกชายทำหน้าหงอย “แต่พ่อก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องห้ามแกเรื่องนี้ หน้าร้อนแบบนี้คงไม่อะไรดีไปกว่าการได้ไปว่ายน้ำและตกปลาหรอก”

                “ว้าว ขอบคุณครับพ่อ ผมแน่ใจว่านี่จะต้องเป็นการค้างแรมที่สนุกมากแน่ๆ”

                “หวังว่าโอเดนเบิร์กจะสนุกด้วยนะ” ลอร์ดบาธว่า “แล้วนี่แกจะไปกันกี่คน บ้านของเขาใหญ่พอจะรับรองแกกับเพื่อนๆ แกหรือ?”

                “ผมไปคนเดียวครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบตามตรง “ผมเกรงใจไม่อยากพาคนอื่นไปรบกวนเขา”

                “ถ้าแกเกรงใจเขาจริง แกก็ไม่ควรจะไปรบกวนเขาแต่แรก แล้วเขาจะไปกับแกด้วยมั้ย? หรือแค่อนุญาตให้แกพักค้างที่บ้านเขาเฉยๆ”

                “เขาต้องไปด้วยสิครับ เขาเป็นเจ้าของบ้านนี่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “ผมว่าจะขับรถไป นีสเดนอยู่ใกล้แค่นี้เอง”

                “เอาน้ำมันเผื่อไปสักถังแล้วกัน” ลอร์ดบาธว่า “แล้วก็เอาที่อยู่บ้านของโอเดนเบิร์กมาให้พ่อด้วย เผื่อมีเรื่องอะไรพ่อจะได้ไปตามตัวแกถูก”

                “ครับ”

-----------------------------------

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่รู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าพ่อของเขาจะไปจากลอนดอนและทิ้งให้เขาอยู่เฝ้าคฤหาสน์สามเส้าแต่เพียงลำพังก็ตาม เรื่องเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังคงเป็นเหมือนรอยด่างในใจเขา ชายหนุ่มเพิ่งจะฉุกคิดได้ว่าเขาไม่ควรจะพาพี่ชายไปพบกับกอร์ดอน ทั้งที่รู้ว่าเจ้าตัวมีจุดประสงค์อะไร เขาสำนึกได้ว่าทำผิดกับลอร์ดโทรว์บริดจ์มากมายแค่ไหน ถึงฝ่ายนั้นจะให้อภัยเขาแล้ว แต่ความรู้สึกผิดนั้นก็ยังคงไม่เลือนไปจากใจ หลังจากกินมื้อค่ำคนเดียวบนโต๊ะยาวในคฤหาสน์หลังโต ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ตัดสินใจนั่งรถม้าไปที่บาร์บีช็อต

                “โอ้... สายัณห์สวัสดิ์แมกซ์ มาคนเดียวหรือ?” แจ็คสันทักเขาด้วยความแปลกใจ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์

                “สายัณห์สวัสดิ์แจ็คสัน ผมอยากได้ยินผสมวอดก้า บีบมะนาวใส่ลงไปหน่อยก็ดี”

                “จัดให้เลย” แจ็คสันพยักหน้า ก่อนจะหันไปผสมเหล้าตามคำสั่งของลูกค้า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอดหมวกเดอร์บี้ที่เขาสวมมาออก แล้วถอนหายใจเสียงดัง

                “ผมเพิ่งคิดได้ว่าทำเรื่องร้ายแรงลงไป”

                “งั้นหรือ... ร้ายแรงมากขนาดไหน”

                “ก็... ร้ายแรงพอดู” พูดจบเขาก็ถอนหายใจอีก “ที่จริงผมสารภาพเรื่องนี้และได้รับการให้อภัยแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดมากอยู่ดี”

                “สาธุคุณที่โบสถ์บอกคุณว่าไงล่ะ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ไม่ ผมไม่ได้ไปสารภาพเรื่องนี้ที่โบสถ์ ผมสารภาพกับเพื่อนของผม... คนที่ผมทำให้เขาผิดหวัง โอ... แจ็คสัน มันแย่มาก ถึงเขาจะให้อภัยผมแล้ว แต่ผมเพิ่งตระหนักได้ว่าเรื่องที่ผมทำลงไปนั้นไม่น่าจะให้อภัยได้เลย ผมรู้แต่แรก แต่ผมก็ยังทำ”

                แจ็คสันมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อยู่อึดใจ “ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องดีนะที่คุณรู้ถึงความผิดของตัวเอง แต่ในเมื่อเพื่อนของคุณให้อภัยคุณแล้ว พระเจ้าเองก็พร้อมจะให้อภัยคุณเสมอ ทำไมคุณถึงไม่ให้อภัยตัวเองล่ะ?”

                “เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่น่าให้อภัยน่ะสิ โอ้ ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง ก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว “ผมไม่เคยอยากยอมรับเลยว่าตัวเองทั้งโง่ทั้งทึ่ม แต่ก็นั่นแหละ เหมือนอย่างที่พ่อผมพูด ผมนี่มันทั้งโง่ทั้งทึ่มจริงๆ”

                “โอ... คุณไม่ควรว่าตัวเองแบบนั้นนะคะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น แจ็คสันหันไปทักเธอทันที

                “สายัณห์สวัสดิ์ มิสเฮเกนต์”

                “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ” แอนนาเบล เฮเกนต์ในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเรียบๆ เอ่ยทักเจ้าของบาร์ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ชายหนุ่มหันไปมองเธอ

                “เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม?”

                “อ้อ ไม่หรอกค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ “ฉันแค่รู้สึกว่าคุณไม่ควรจะพูดว่าตัวเองแบบนั้น”

                แจ็คสันพูดแทรกขึ้นมา “แมกซ์ เธอเป็นเพื่อนของจอห์นกับกอร์ดอน มิสเฮเก้นต์ไง กอร์ดอนไม่เคยเล่าให้คุณฟังหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว เขามองเธออยู่พักหนึ่ง “อ๋อ ผมนึกออกล่ะ กอร์ดอนเคยเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังอยู่เหมือนกัน”

                แอนนาเบลหัวเราะเขินๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดต่อ “ผม แมกซ์ เมอร์เรย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

                “ฉัน แอนนาเบล เฮเก้นต์ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณเมอร์เรย์” แอนนาเบลว่า ก่อนจะหันไปหาแจ็คสันอีกครั้ง “คุณเดนเวอร์ ของฉันเหมือนเดิมนะคะ ขอที่โต๊ะค่ะ”

                พูดจบก็เธอผุดลุกขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูดขึ้นต่อ “จะไปแล้วหรือ?”

                “คุณกำลังคุยธุระอยู่นี่คะ ฉันไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอเดินไปที่โต๊ะ ก่อนจะถอนใจ แจ็คสันหรี่ตามองเขา

                “ทำไมถอนใจแบบนั้นล่ะ มิสเฮเก้นต์กลายเป็นเรื่องหนักใจอีกเรื่องของคุณแล้วหรือ?”

                “ผมคิดว่าไม่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เธอไม่มีส่วนไหนจะทำให้ผมหนักใจได้หรอก”

                “งั้นหรือ...” เจ้าของบาร์มองเขายิ้มๆ “ดีแล้ว ผมไม่อยากให้คุณมาที่นี่เพื่อพาเอาเรื่องน่าหนักใจกลับไปอีกเรื่อง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “คุณชงอะไรให้เธอ ขอผมสักแก้วสิ”

                แจ็คสันมองเขาแล้วยิ้มอย่างมีเลสนัย “เตกีล่าใส่มะนาว เคลือบเกลือที่ปากแก้ว ถ้าคุณสนใจอยากดื่มสักช็อต ผมจะจัดให้”

                “โอ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีท่าทางประหลาดใจ “เธอดื่มเตกีล่าเลยหรือ?” เขาเหลียวไปมองแอนนาเบลอีกครั้ง เห็นเธอกำลังเปิดอ่านสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ อยู่

                “เธอทำงานอะไรคุณรู้ไหม คงไม่ใช่ทำงานแบบอย่างว่า...”

                “เธอเป็นครูสอนดนตรี” แจ็คสันตอบเขา “แหม... ดีนะที่เธออยู่ห่างไปมาก ถ้าเธอได้ยินคุณพูดแบบนี้ เธอคงโกรธน่าดู”

                “โอ... ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเธอหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หน้าแดงด้วยความละอาย “เพียงแต่ผมไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงที่ไหนเดินเข้ามาในบาร์แล้วสั่งเตกีล่า”

                “ชีวิตคุณรู้จักผู้หญิงมากี่คนล่ะ? เกินร้อยรึเปล่า?”

                คนถูกถามสั่นศีรษะ เจ้าตัวจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นคุณอาจจะแปลกใจที่เห็นผู้หญิงดื่มเตกีล่า แต่สำหรับผมนะ มันเป็นเรื่องธรรมดามาก”

                “แสดงว่าไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่มาดื่มเตกีล่าที่นี่งั้นหรือ?”

                แจ็คสันพยักหน้า “ผู้หญิงน่ะชอบดื่มเตกีล่าจะตายไป เวลามากับผู้ชายเธออาจจะเลือกดื่มแค่เหล้าผลไม้ แต่ถ้าเธอมาคนเดียวหรือมากับเพื่อน เกือบจะร้อยทั้งร้อยเลยล่ะที่สั่งเตกีล่า”

                “ว้าว เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ร้องอย่างพิศวง แจ็คสันส่งเตกีล่าช็อตหนึ่งให้บริกรนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะ ก่อนจะวางอีกช็อตลงตรงหน้าลอร์ดหนุ่ม

                “ของคุณ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้มลงมองแก้วเตกีล่า ก่อนจะหันไปมองแอนนาเบลอีกรอบ แจ็คสันเลยพูดต่อ “เธอคงไม่ว่าอะไรคุณหรอก ถ้าคุณจะเดินไปชวนเธอดื่มน่ะ”

                “โอ... เธอไม่ได้รอใครอยู่หรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถาม “ผมเคยเดินไปทักผู้หญิงที่รู้จักคนหนึ่งที่ร้านอาหาร เพราะคิดว่าเธอมาคนเดียว แต่ปรากฏว่าเธอรอคนอื่นอยู่ แล้วสถานการณ์มันก็ค่อนข้างจะกระอั่กกระอ่วนมากสำหรับผม”

                คนฟังหัวเราะ “คุณนี่ดูซื่อๆ กว่าที่ผมคิดไว้นะ ไปเถอะครับ เธอไม่ได้รอใครหรอก ปกติเธอจะมากับเพื่อน แต่บางทีเธอก็มาคนเดียว ผมแน่ใจว่าเธอดื่มเตกีล่าช็อตนี้แล้วจะกลับเลย ถ้าไม่มีอะไรดึงเธอเอาไว้น่ะนะ”

                “อย่างนั้นผมควรรีบไป” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดก่อนจะลุกขึ้นแล้วคว้าแก้วเตกีล่าติดมือไปด้วย แจ็คสันพูดตามหลัง

                “ขอให้โชคดีสำหรับคืนนี้นะแมกซ์”

--------------------------------

                แอนนาเบล เฮเก้นต์มีสีหน้าแปลกใจตอนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินมาหยุดที่โต๊ะ “ขอผมดื่มเป็นเพื่อนคุณได้ไหม?”

                “เชิญค่ะ” เธอพยักหน้า ลอร์ดหนุ่มจึงลากเก้าอี้ลงนั่งฝั่งตรงข้าม แล้วยื่นแก้วเหล้าให้เธอ แอนนาเบลยกแก้วเหล้าของเธอขึ้น ชนกับเขาเบาๆ ก่อนจะดื่มรวดเดียวหมด ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอด้วยความพิศวง

                “คุณไม่ควรมองฉันแบบนั้นนะคะ” หญิงสาวพูดพลางวางแก้วเหล้าลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สะดุ้ง เขารีบดื่มเตกีล่าในแก้วของตัวเอง แล้วพูดขึ้นต่อ

                “คุณมาคนเดียวหรือ?”

                “ค่ะ และฉันกำลังจะกลับแล้ว” พูดจบเธอก็ผุดลุกขึ้น “ขอบคุณที่มาดื่มเป็นเพื่อนนะคะ”

                “เดี๋ยว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลุกตาม “ให้เกียรติดื่มกับผมอีกสักแก้วได้ไหม?”

                หญิงสาวสั่นศีรษะ “ฉันดื่มแค่วันละแก้วค่ะ มากกว่านี้เกรงจะไม่ดีแล้ว”

                “โอ... งั้นเป็นอย่างอื่นก็ได้ ผลไม้ น้ำเปล่า ดื่มกับผมอีกสักแก้วเถอะ”

                “ฉันเกรงว่าจะต้องปฏิเสธน้ำใจของคุณค่ะ ขอบคุณนะคะ แต่ฉันต้องไปแล้วค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณเมอร์เรย์”

                “ระ... ราตรีสวัสดิ์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกลาเธออย่างงุนงง เขาเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์บาร์อีกครั้ง

                “อ้าว คุณรั้งเธอไว้ไม่สำเร็จหรือ?”

                ชายหนุ่มสั่นศีรษะ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ “ผมคิดว่าเธออยากจะคุยกับผมเสียอีก เธอเป็นฝ่ายมาทักผมก่อนแท้ๆ ผมทำอะไรพลาดไปหรือ?”

                “เท่าที่ดูก็ไม่น่ามีหรอก” อีกฝ่ายตอบเขา “แต่มิสเฮเก้นต์ไม่เคยคุยกับผู้ชายคนไหนเวลาเธอมาคนเดียวหรอกนะครับ เต็มที่ก็ประมาณคุณนี่แหละ อ้อ คงจะเว้นกอร์ดอนไว้สักคนล่ะมั้ง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “เธอชอบเขาหรือ?”

                “บอกยาก” แจ็คสันว่า “ตอนแรกเธอไม่เคยคุยกับเขา แต่เธอรู้ว่าเขามองเธอมาหลายเดือน และไม่ได้แสดงอาการปฏิเสธตอนเขาคุยกับเธอครั้งแรก เห็นว่ากอร์ดอนหน้าคล้ายน้องสาวที่เสียไปของเธอมาก เพราะแบบนั้นล่ะมั้ง เธอถึงสนิทกับเขาอย่างรวดเร็ว ตอนแรกผมคิดว่ากอร์ดอนจะขอเธอแต่งงานแล้วด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะมีคนรักอื่นได้ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองคนก็ยังสนิทกันอยู่”

                คนฟังพยักหน้า “คุณรู้พื้นเพของเธอบ้างรึเปล่า? จากสำเนียงการพูด ผมว่าเธอได้รับการศึกษามาดีทีเดียว ผู้หญิงที่ได้รับการศึกษาดีขนาดนี้ต้องมีครอบครัวที่มีฐานะ เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยลูกสาวให้ออกมาดื่มที่บาร์คนเดียว มันค่อนข้างแปลกอยู่นะ”

                แจ็คสันหัวเราะ “คุณสนใจเธอมากนะเนี่ย อันที่จริงผมเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับเธอมากนักหรอก เพราะเธอไม่ค่อยพูดถึงเรื่องของตัวเองเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเธอมีน้องสาวต่างแม่ ทั้งคู่รักกันมาก แต่น้องสาวเธอเสียไปเมื่อสักสามปีก่อนได้ เธอเลยออกจากบ้าน มาหางานทำในลอนดอน ผมเห็นด้วยกับคุณเรื่องที่เธอดูมีการศึกษา แต่คิดว่าเธอกับที่บ้านไม่น่าจะลงรอยกัน”

                “อืม... เป็นไปได้เลย เธออยู่แถวไหน คุณพอรู้มั้ย?”

                แจ็คสันสั่นศีรษะ “เธอไม่บอกใคร คุณลองไปถามกอร์ดอนดูสิ เหมือนเขาน่าจะเคยไปส่งเธอครั้งหรือสองครั้ง” เขาหันไปส่งเหล้าให้บริกร ก่อนจะหันมาหาลอร์ดหนุ่มอีกครั้ง

                “ดูเหมือนเธอจะทำให้คุณลืมเรื่องหนักใจตอนที่เข้ามาที่นี่ไปเลยนะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะเขินๆ “นั่นสิ ผมมัวแต่สนใจเธอจนลืมเรื่องที่ว่าไปเลย” พูดจบเขาก็ถอนหายใจ “ผมคงหมกมุ่นกับความคิดของตัวเองมากไป”

                แจ็คสันพยักหน้าเห็นด้วย “การหมกมุ่นกับเรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอก จริงๆ นะ คุณอายุยังน้อย คุณเริ่มต้นใหม่ได้เท่าที่คุณต้องการ แถมเพื่อนคุณก็ยังให้อภัยคุณแล้วด้วย ผมว่าคุณควรจะใช้เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ทำให้คุณไม่พลาดอีกในอนาคตจะดีกว่า”

                “ก็จริงอย่างที่คุณว่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าตอบ “ขอบใจนะแจ็คสัน การมาที่บาร์ของคุณทำให้ผมโล่งใจขึ้นเยอะ”

                “โล่งเพราะคุณได้เจอผมหรือแม่สาวเฮเก้นต์กันแน่?” อีกฝ่ายมองเขายิ้มๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะอีก

                “ผมไม่ถนัดเรื่องผู้หญิงเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ของผมหรอก ขอเบียร์ดำให้ผมสักแก้วสิ ผมอยากดื่มให้ตัวเองน่ะ”

                “ได้เลย”

------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                เช้าวันเสาร์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขับรถมารับกอร์ดอนที่ร้านตรงตามเวลาเจ็ดโมงเป๊ะ เขาแวะมาหาช่างตัดเสื้อเมื่อคืนวาน เพื่อขอที่อยู่และบอกข่าวดีเรื่องที่เขาสามารถไปพักค้างได้

                “มันสูงไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะครับเนี่ย” กอร์ดอนพูดหลังปีนขึ้นมานั่งตรงเบาะหน้าข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปยิ้มให้เขา ก่อนจะส่งแว่นตากันลมให้ แล้วขับรถออกไป

                นี่เป็นการนั่งรถยนต์ครั้งแรกของกอร์ดอน มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย พอเห็นรถม้าวิ่งสวนทางมา ช่างตัดเสื้อมักเบี่ยงตัวหลบด้วยกลัวว่าจะถูกชนเข้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์เห็นแล้วก็หัวเราะออกมา

                “นี่ กอร์ดอน คุณนั่งนิ่งๆ ก็ได้ ไม่มีใครขับรถม้าพุ่งมาชนคุณหรอก”

                “โอ... นี่มันน่ากลัวมากนะครับ” ช่างตัดเสื้อค้าน “พวกเขาพุ่งตรงมาหาเรานะ”

                “แต่เขาไม่ได้พุ่งมาชนเรา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “คุณให้เดวิดกลับบ้านไปเมื่อเช้าหรือ?”

                “เปล่าครับ ผมให้เขากลับไปตั้งแต่เมื่อวาน” กอร์ดอนว่า ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “งั้นเขาคงไปรอพวกเราอยู่แล้วที่บ้านคุณใช่ไหม คุณให้แม่ของเขาพักอยู่ด้วยรึเปล่า?”

                “ไม่ครับ เดวิดกับแม่ของเขาพักอยู่ในบ้านอีกหลัง ไม่ไกลจากที่นั่นหรอกครับ ผมฝากเขาไปบอกเธอแล้วว่าพวกเราจะไปกันในวันนี้ เขาดีใจมากนะครับที่คุณจะไปพักที่นั่น แต่ผมกำชับเขาแล้วว่าห้ามบอกคนอื่นว่าคุณเป็นใคร”

                “ดีแล้ว ผมไม่อยากให้คนทั้งนีสเดนแห่มาที่หน้าประตูบ้านคุณเพื่อดูหน้าผมหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “มันคงทำให้ผมอารมณ์เสียมากทีเดียวถ้าต้องพลาดโอกาสอยู่กับคุณสองต่อสอง”

                “ผู้หญิงแก่สองคนกำลังจะข้ามถนน!” กอร์ดอนพูดพลางดึงแขนลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้ อีกฝ่ายเลยเหยียบเบรกทั้งๆ ที่ยังอยู่ห่างออกไปหลายเมตร

                “กอร์ดอน ผมว่าถ้าคุณยังเอาแต่ดึงแขนผมหรืออยู่ไม่นิ่งแบบนี้ ผมคงได้ขับรถชนใครสักคนจริงแน่”

                “โอ... ผมขอโทษครับ” ช่างตัดเสื้อก้มหน้า “ผมกลัวนี่นา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมองเขา แล้วถอนใจ “คุณไม่ไว้ใจผมตอนขับรถหรือ?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เปล่าครับ เพียงแต่ผมไม่ชิน”

                ลอร์ดหนุ่มมองเขาอึดใจหนึ่ง “งั้นเอางี้ดีไหม คุณเอนหลังพิงเบาะแล้วหลับตาไว้ จะได้ไม่ตกใจเวลามีอะไรสวนมาหรือตัดหน้า”

                “ตกลงครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะทำตามที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แนะนำ พอหลับตาลงแล้ว สรรพเสียงต่างๆ รอบตัวก็เหมือนจะดังขึ้นกว่าเดิม เขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังน่ารำคาญ ได้ยินเสียงพูดคุยแว่วๆ ของผู้คนบนท้องถนน เสียงตะโกน เสียงเกือกม้าและล้อเสียดกับพื้น เสียงบีบแตร เสียงพวกนั้นบอกเขาว่ารอบข้างวุ่นวายเพียงไหน และลอนดอนมีชีวิตชีวาเพียงใด ขณะที่กอร์ดอนฟังเสียงบรรยากาศเพลินๆ เสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ดังขึ้น

                “กอร์ดอน คุณตื่นอยู่มั้ย?”

                ช่างตัดเสื้อลืมตาขึ้นมา ก่อนจะหรี่ลงเล็กน้อยเพราะแสงแดด “ครับ มีอะไรหรือ?”

                “ผมว่าคุณไม่ต้องหลับตาแล้วล่ะ” ลอร์ดหนุ่มพูด “ผมไม่อยากขับรถคนเดียวเงียบๆ วันนี้เป็นวันแรกที่ผมจะได้อยู่กับคุณเต็มวัน คุณจะดึงจะกระตุกผมยังไงก็ได้ ผมก็ไม่บ่นคุณแล้ว”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา เขาขยับมานั่งตัวตรงอีกครั้ง ก่อนจะมองหน้าคนนั่งข้าง “ผมจะพยายามไม่ตกใจกลัวแล้วกันจอห์น ผมไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุ”

                “เล่าเรื่องชีวิตตอนเด็กๆ ของคุณให้ผมฟังหน่อยสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ “คุณเกิดที่บ้านที่พวกเรากำลังจะไปใช่ไหม? คุณมีลูกพี่ลูกน้องบ้างหรือเปล่า?”

                “โอ... ผมคิดว่าคุณจะไม่ถามคำถามนี้แล้ว”

                “หมายถึงเรื่องคุณเกิดที่ไหนน่ะหรือ?”

                “อ๋อ ไม่ครับ เรื่องผมมีลูกพี่ลูกน้องไหม?”

                “ทำไมล่ะ? คุณคิดว่าผมต้องถามหรือ? ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณนะ จะไม่บอกผมก็ได้”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “เพียงแต่คนส่วนใหญ่ที่รู้จักผม มักจะถามถึงลูกพี่ลูกน้องผมทุกที ระบุด้วยนะว่าต้องเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “ผมเข้าใจจุดประสงค์ของคนพวกนั้นเลย แต่คุณวางใจเถอะ ผมไม่สนใจญาติพี่น้องผู้หญิงของคุณหรอก ไม่ว่าคุณจะมีหรือไม่ก็ตาม ผมสนแต่คุณคนเดียวเท่านั้น”

                กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “โชคดีนะครับที่พวกเธอแต่งงานกันไปหมดแล้ว ไม่งั้นผมคงไม่วางใจบอกคุณว่าผมมีลูกพี่ลูกน้องเป็นผู้หญิงหลายคนเลยล่ะ”

                “ว้าว แสดงว่าคุณก็ไม่ได้ตัวคนเดียวสิเนี่ย”

                “ไม่เชิงครับ ผมมาอยู่กับปู่ที่ร้านนี้ตั้งแต่พ่อแม่เสียไป แทบจะไม่ได้เจอกับญาติคนอื่นๆ อีกเลย ส่วนใหญ่ที่นีสเดนเป็นญาติฝั่งแม่ผมน่ะครับ ส่วนฝั่งปู่... ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน เหมือนจะเคยมีมาเยี่ยมตอนผมยังเล็กมาก แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นแล้วครับ”

                “แม่คุณเกิดที่นีสเดนหรือ?”

                “ครับ”

                “เธอเป็นคนที่นั่นหรือ?”

                “ใช่ครับ พวกเขาตกหลุมรักซึ่งกันและกันตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรกเลย”

                “อ้อ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมว่าพ่อคุณคงหล่อเหลาเอาการน่าดู”

                “ฮะๆ พ่อดูหล่อกว่าผมเยอะครับ เขาเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาลเป็นลอนสวย เขามีโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ เป็นของตัวเอง ปู่ค่อนข้างน้อยใจที่พ่อไม่ยอมรับมรดกร้านตัดเสื้อต่อจากเขา”

                “แต่สุดท้ายเขาก็ได้คุณมาแทน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า กอร์ดอนพยักหน้า

                “ครับ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ปวดร้าวที่สุดของปู่ เขาเสียย่าไปก่อนหน้านั้นไม่นาน หลังจากนั้นก็เสียทั้งลูกชายคนเดียวและลูกสะใภ้”

                “โชคดีที่เขายังมีคุณอยู่”

                “ครับ” ช่างตัดเสื้อพยักหน้าพลางมองไปรอบตัว แนวป่าเริ่มปรากฏขึ้นตามข้างทาง ภาพของบ้านแถวเริ่มทยอยหายไป ไม่นานพวกเขาก็ออกสู่ทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่สาดส่องเข้ามาภายในรถ ลมพัดต้นหญ้าให้ไหวเบาๆ เสียงนกร้องเซ็งแซ่ดังแทรกมากับเสียงคำรามของเครื่องยนต์ กอร์ดอนสูดหายใจลึก เขาหลับตาลง และดื่มด่ำกับสรรพเสียงรอบๆ ตัว ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบมองเขา แล้วยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก

                “คุณดูมีความสุขนะ”

                “แน่นอนครับ ผมไม่ได้ออกมาสูดอากาศแบบนี้นานแล้ว”

                “อืม... วันอาทิตย์ที่ผ่านมาคุณไม่สนุกหรือ?”

                กอร์ดอนมองเขาด้วยความแปลกใจ “ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เล่าให้คุณฟังแล้วหรือครับ?”

                “ใช่ น่าแปลกใจนะที่พวกเขาสองคนเอารถม้าไปรับคุณแบบนั้น”

                “โอ... ผมก็แปลกใจมากเหมือนกันครับ แต่ลอร์ดแมกซ์บอกผมว่าลอร์ดฟาริงดอนเป็นคนแปลกๆ อยู่แล้ว”

                “อืม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขามีทำอะไรแปลกๆ กับคุณบ้างรึเปล่า?”

                “ไม่มีหรอกครับ” กอร์ดอนสั่นศีรษะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา

                “พวกเขาพาคุณไปไหนบ้าง เล่าให้ผมฟังได้มั้ย?”

                “ครับ เขาพาผมออกไปนอกเมืองแบบนี้เหมือนกัน แต่ไปทางวูดฟอร์ด”

                “ไมครอฟมีคฤหาสน์อยู่ที่นั่น มันค่อนข้างสวยทีเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ให้ผมเดานะ เขาพาคุณไปดูบ้านของเขาใช่ไหมล่ะ?”

                “อ้อ ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “อันที่จริงแล้วผมเป็นคนทักขึ้นมาเองว่าบึงน้ำตรงนั้นสวยดี เขาเลยชวนผมไปเดินเล่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ใช่ หน้ากรีนไวต์เทอเรสมีบึงน้ำเล็กๆ อยู่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณชอบบึงน้ำ”

                “โอ... ผมไม่ค่อยได้เห็นบึงน้ำบ่อยนักหรอกครับ คุณก็รู้ ที่ที่ผมอยู่แทบจะไม่มีแม้กระทั่งต้นไม้”

                “ผมละอายใจต่อคุณจริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดออกมา “ผมไม่เคยพาคุณออกไปชมธรรมชาติแบบนั้นเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ผมควรจะทำมากที่สุด”

                กอร์ดอนหันไปยิ้ม “เพราะผมปฏิเสธคุณหรอก ผมทำตัวเหมือนยุ่งตลอดเวลาจนคุณไม่กล้าชวนผมไปไหนไกลกว่ารัศมีสามไมล์จากร้านผมเลย”

                “แต่คุณก็ยุ่งจริงๆ นี่นา ผมไม่อยากให้คุณโหมทำงานหนักเพื่อที่จะตามใจผม”

                “ครับ ผมรู้ แต่ผมก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้เหมือนกัน ว่าผมควรจะหาเวลาให้คุณบ้าง พอได้ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ผมก็คิดขึ้นมาเลยว่าผมต้องหาโอกาสออกมาชมธรรมชาติแบบนี้กับคุณ”

                “โอ้... ผมต้องขอบคุณไมครอฟเรื่องนี้สินะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “เพราะเขาผมเลยได้ออกมาเที่ยวกับคุณ แถมได้ค้างคืนที่บ้านคุณด้วย”

                กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “ผมแปลกใจมากเลยนะครับที่คุณขอพ่อออกมาได้ คุณบอกเขาว่าไงหรือ?”

                “ผมบอกเขาไปตามตรงนั่นแหละ”

                “หา?!”

                “ผมบอกเขาไปว่าจะมาพักค้างที่บ้านคุณ เขาตำหนิผมด้วยนะว่าเอาฐานะมารบกวนคุณ ท่าทางเขาห่วงคุณมากกว่าผมอีก”

                “โอ... พ่อคุณไม่ติดใจสงสัยอะไรหรือครับ?”

                “ไม่หรอก เขารู้แล้วว่าผมสนิทกับคุณ อย่างน้อยๆ เขาก็เข้าใจว่าคุณจำใจสนิทกับผม ที่จริงแล้วผมต้องขอบคุณไมครอฟอีกเรื่องเหมือนกันนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะอีก เขาเลี้ยวรถขึ้นสะพานข้ามลำธารเล็กๆ เพื่อเข้าสู่ถนนที่จะตัดตรงเข้าสู่นีสเดน

                “เพราะเขาทำให้ผมคิดได้ว่า ต้องทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องปกติธรรมดา จะได้ไม่มีใครสงสัย อีกอย่างการพูดความจริงง่ายกว่าโกหกอยู่แล้ว ผมเลยบอกพ่อไปแบบนั้นแหละ และเขาก็ไม่ได้มีท่าทีสงสัยอะไรเลย”

                “ว้าว... ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ” กอร์ดอนคราง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “ใช่ไหมล่ะ บางทีการพูดความจริงเท่าที่พอพูดได้ อาจจะดีกว่าการพยายามโกหกไปเสียทุกเรื่องก็ได้นะ โอ้ บ้านคุณต้องเลี้ยวไปทางไหน ซ้ายหรือขวา”

                “ขวาครับ บ้านผมอยู่ถัดจากนี้ไปอีกสักสองไมล์ คุณขับขึ้นเนินนี้ไปเลย”

                “ตกลง”

----------------------------------------

                บ้านของกอร์ดอนตั้งอยู่บนเนินเตี้ยๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเห็นมันตั้งแต่เขาเพิ่งขับรถขึ้นเนินลูกนั้น มันเป็นบ้านสองชั้นสไตล์วิกเตอเรียน ที่มีห้องใต้หลังคา สีที่ใช้ทาตัวบ้านหลุดล่อนไปบ้างบางส่วน แต่ก็พอดูออกว่าแต่เดิมมันเป็นสีเขียวอ่อนๆ ระเบียง เฉลียง รวมถึงระแนง ประดับด้วยไม้กรุลายสีขาว ซึ่งสีกะเทาะออกไปแล้วบางส่วน ตัวบ้านดูทรุดโทรมบ่งบอกว่าไม่มีคนอยู่มาเป็นเวลาหลายปี ถึงอย่างนั้นด้วยรูปลักษณ์ของมัน ทำให้ไม่ยากจะจินตนาการได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นบ้านที่สวยงามมาก

                “ยินดีต้อนรับสู่ ทรีลอว์นีย์ บ้านของผมครับ” กอร์ดอนพูด ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลี้ยวรถผ่านรั้วที่เต็มไปด้วยเถาไอวี่ ผ่านประตูเข้าไปยังสนามหญ้าหน้าบ้าน กลิ่นหญ้าที่ถูกตัดใหม่ๆ ลอยมาแตะจมูก เดวิดที่กำลังกวาดเศษหญ้าอยู่ร้องตะโกนด้วยความดีใจ

                “โอ้ พวกเขามากันแล้ว!” เขาวิ่งมาที่รถซึ่งแล่นเข้ามาอย่างช้าๆ “อรุณสวัสดิ์ครับท่านลอร์ด อรุณสวัสดิ์ครับคุณโอเดนเบิร์ก”

                “อรุณสวัสดิ์เดวิด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักเขา และจอดรถ “เธอมีบอกใครไปรึเปล่าว่าฉันจะมาที่นี่”

                เด็กหนุ่มรีบสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ผมไม่ได้บอกใครหรอกครับว่าเป็นคุณ”

                “ดีแล้ว ต่อไปนี้เธอเรียกฉันว่าคุณเคฟก็แล้วกัน”

                “ตกลงครับ”

                ทั้งคู่กระโดดลงมาจากรถ เดวิดรีบเข้ามาช่วยยกกระเป๋า

                “เอากระเป๋าของคุณเคฟไปไว้ที่ห้องนอนใหญ่นะ ส่วนกระเป๋าฉันก็เอาไปไว้ห้องฉันนั่นแหละ” กอร์ดอนสั่ง เดวิดหันไปมองเบ็ดตกปลาที่วางอยู่ด้านหลัง

                “ว้าว พวกคุณจะมาตกปลาด้วยหรือครับ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เบ็ดวางเอาไว้ในรถก่อน ฉันอยากได้ถังสักสองใบ เอาไว้ใส่ปลากับไส้เดือน ขอยืมเสียมด้วยนะ ที่นี่มีเรือใช่ไหม?”

                “มีครับ มันอยู่ในอาคารเก็บของด้านหลัง เดี๋ยวผมจะชวนเพื่อนมาช่วยยกครับ”

                “แต่มันไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้อยู่อีกหรือเปล่า...” กอร์ดอนพูดอย่างเป็นกังวล เด็กหนุ่มพูดอย่างร่าเริง

                “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมกับบิสโม่เพิ่งเอามันออกไปตกปลาเมื่อสัปดาห์ก่อนนี่เอง โอ... ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกคุณก่อน คือผมแอบแม่ไป คุณอย่าบอกเธอนะครับ”

                กอร์ดอนไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าดุหรือหัวเราะออกมาดี เขาถอนหายใจ “ฉันจะไม่ลงโทษเธอเรื่องที่แอบเอาเรือไปใช้โดยไม่บอกฉัน แต่วันหลังถ้าพวกเธอจะไปตกปลา เธอควรจะบอกผู้ใหญ่ไว้บ้างนะ มันอันตราย”

                “ครับ” เด็กหนุ่มหน้าแดงด้วยความละอาย เขาพยักหน้าซ้ำๆ หลายครั้ง ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “คุณสองคนจะกินมื้อเช้าเลยรึเปล่าครับ แม่ผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ยังก่อน ฉันอยากจะเดินดูรอบๆ เสียหน่อย นี่วุ่นวายกันแต่เช้าเลยสิ”

                “ครับ ก็คุณโอเดนเบิร์กเพิ่งบอกผมว่าจะมาที่นี่เมื่อวาน พวกเราเลยเพิ่งมาตัดหญ้ากันเมื่อเช้านี้เอง แต่ด้านในบ้านเรียบร้อยสะอาดเหมือนตอนที่คุณอยู่เลยครับ แม่ผมมาดูแลทำความสะอาดทุกสัปดาห์”

                “ขอบใจ โทษทีนะที่ฉันบอกกะทันหันไปหน่อย” กอร์ดอนว่า “เธอไปกวาดเศษหญ้าต่อเถอะ ฉันจะพาคุณเคฟเดินชมบ้าน แล้วจะเข้าไปกินมื้อเช้าเอง”

                “ครับ” เดวิดวิ่งตื๋อกลับไปทำงานของเขาต่อ กอร์ดอนชวนลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปอีกทาง              พื้นที่ของทรีลอว์นีย์ไม่กว้างมาก และไม่มีการปลูกไม้ประดับใดๆ คงเพราะไม่มีคนอยู่ พื้นที่ส่วนใหญ่จึงปกคลุมไปด้วยหญ้าที่เพิ่งถูกตัด บริเวณด้านขวามือถัดจากตัวบ้านมีต้นแอ๊ปเปิ้ลและต้นพีชขึ้นอยู่ แต่ละต้นเหมือนแข่งกันอวดว่าใครมีผลเยอะกว่า

                “ว้าว คุณปลูกต้นพีชด้วยหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วความแปลกใจ กอร์ดอนพยักหน้า

                “ครับ ย่าเป็นคนปลูกไว้ ถ้าคุณมาที่นี่ช่วงเดือนเมษา คุณจะได้เห็นดอกสีชมพูของมัน หอมมากๆ เลยครับ”

                “อืม... ผมเคยเห็นแล้วที่คฤหาสน์ของท่านดยุกอ็อคฟอร์ด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาปลูกพวกมันเอาไว้หลายสิบต้นเลย”

                “ครับ ผลสุกของมันหวานมาก แต่ถ้ายังไม่สุกดีก็ติดเปรี้ยวอยู่เหมือนกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำท่าจะก้มลงเก็บลูกพีชที่หล่นอยู่ แต่กอร์ดอนรีบดึงมือของเขาเอาไว้ “อย่าไปจับมันนะครับ ขนของมันแข็งมาก คุณจะคันมือเอาได้”

                อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “ขนาดนั้นเลยหรือ? ผมไม่เคยเก็บผลลูกพีชมาก่อน แล้วปกติพวกคุณเก็บกันยังไง ใช้ถุงมือหรือ?”

                “ครับ ผมว่าน่าจะมีใครเก็บไว้แล้วก่อนจะตัดหญ้านะครับ ไว้พวกเราไปดูในครัวดีกว่า ไอเวอรี่น่าจะจัดการกับขนของพวกมันเรียบร้อยแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า และรามือจากการพยายามเก็บลูกพีช ช่างตัดเสื้อพาเขาเดินอ้อมตัวบ้านมายังสวนด้านหลัง ซึ่งก็ไม่มีต้นไม้หรืออะไรที่น่าสนใจเลยนอกจากเศษหญ้า

                “สมัยก่อนเราเคยมีโต๊ะน้ำชาเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงนั้น” กอร์ดอนชี้มือไปยังมุมหนึ่งของสวน “แต่หลังจากพ่อกับแม่ผมเสีย ปู่ผมก็ตัดสินใจขายมันทิ้ง”

                “คุณเคยให้ใครเช่าที่นี่มั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม “ผมว่ามันน่าจะหาคนเช่าได้ไม่ยากนะ”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ที่จริงผมเคยคิดอยากให้เช่านะครับ แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงกับพวกของใช้ส่วนตัวอย่างเช่นเสื้อผ้า จะเอาไปบริจาคก็เสียดาย เสื้อสูทของปู่ผมหลายตัวสวยมาก และชุดของย่าผมก็สวยๆ ทั้งนั้น ที่สำคัญ มันเป็นแฟชั่นเมื่อหลายสิปปีที่แล้ว ต่อให้บริจาคก็ไม่น่าจะมีใครกล้าใส่แล้วล่ะครับ”

                “อ้อ... ที่นี่เลยกลายเป็นบ้านที่ใช้เก็บความทรงจำสำหรับคุณสินะ”

                “ราวๆ นั้นครับ” ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวก พอเดินเลยมุมบ้านไปหน่อยก็เห็นอาคารเก็บของที่สร้างจากไม้หลบอยู่ด้านหลังต้นสนสามใบ เดวิดกับเพื่อนของเขากำลังช่วยกันยกเรือออกมาจากประตู

                “โอ้... คุณเคฟ คุณโอเดนเบิร์ก ผมกำลังจะวิ่งไปถามพวกคุณเลยครับ ว่าจะให้เรายกเรือไปไว้ที่เวลส์ฮาร์ปเลยมั้ย ผมจะได้เอาเบ็ดกับถังใส่ปลาใส่เรือไปเลย วันนี้อากาศดีมาก ผมว่าพวกคุณตกปลาได้ทั้งวันเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “เอาสิ ฉันคิดว่าจะไปหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว”

                เดวิดพยักหน้า เขากับเพื่อนวางเรือลงบนพื้นหญ้า “แล้วคุณจะให้พวกเราขุดไส้เดือนให้ด้วยไหมครับ? ผมกับบิสโม่รับประกันว่าคุณจะได้ไส้เดือนที่ตัวอ้วนใหญ่มาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขาล้วงมื้อเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบเหรียญชิลลิ่งออกมาให้พวกเขาคนละสองเหรียญ “ได้ พวกเธอขุดไส้เดือนให้ฉันด้วยแล้วกัน”

                “ตกลงครับ” เด็กหนุ่มทั้งสองพยักหน้าด้วยความดีใจ พวกเขารีบเอาเงินใส่กระเป๋า แล้วยกเรือออกไปทันที กอร์ดอนตะโกนไล่หลังไป

                “เดวิด บิสโม่ พวกเธอห้ามลงเล่นน้ำนะ แค่เอาเรือไปวางและขุดไส้เดือนเท่านั้น”

                “ทราบล่ะครับคุณโอเดนเบิร์ก”

                กอร์ดอนได้แต่สั่นศีรษะด้วยความระอาใจ เขาหันมามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ “คุณจะเข้าไปกินมื้อเช้าเลยมั้ยครับ?”

                อีกฝ่ายยักไหล่ “ถ้าคุณไม่มีอะไรในสวนจะอวดผมแล้ว พวกเราไปกินมื้อเช้ากันเลยก็ได้”

-----------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2017 12:34:30 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                ไอเวอรี่ ชิมเมอร์ เป็นผู้หญิงหน้าตาพื้นๆ ท่าทางซื่อสัตย์และเอาการเอางาน เธอมีวัยไล่เลี่ยกับกอร์ดอน แต่เพราะเธอแต่งงานแล้วและเพิ่งสูญเสียสามีไปเมื่อสามปีก่อน จึงทำให้เธอดูแก่กว่าที่ควรจะเป็น

                “โอ... อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านลอร์ด อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณโอเดนเบิร์ก” มิสซิสชิมเมอร์ทักทายทั้งคู่ด้วยความตื่นเต้น เธอย่อตัวลงอย่างประหม่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธอแล้วยิ้ม

                “อรุณสวัสดิ์ คุณคงเป็นมิสซิสชิมเมอร์ แม่ของเดวิดใช่ไหม?”

                “ใช่ค่ะ เขาเล่าเรื่องของคุณให้ดิฉันฟังบ่อยมาก ดิฉันตื่นเต้นมากที่คุณกับคุณโอเดนเบิร์กจะมาพักค้างที่นี่”

                “เดวิดบอกคุณรึเปล่าครับว่าผมไม่อยากให้คนอื่นรู้ศักดิ์ศรีที่แท้จริงของผม”

                “โอ้ ค่ะ เขาบอกดิฉันแล้ว ดิฉันไม่ได้บอกเรื่องคุณกับใครหรอกนะคะ ดิฉันบอกแค่ว่าคุณโอเดนเบิร์กจะมาพักที่นี่กับเพื่อนของเขา”

                “ดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ต่อไปนี้คุณเรียกผมว่าคุณเคฟแล้วกัน และไม่ต้องใช้คำลงท้าย ถ้ามีใครถามเกี่ยวกับผม คุณก็บอกแค่ว่าเป็นเพื่อนของกอร์ดอนก็พอ”

                “ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ”

                มิสซิสชิมเมอร์ยกถาดอาหารเช้าเข้ามาวางให้พวกเขาสองชุด พร้อมกับตะกร้าที่ใส่ลูกพลัมสีแดงปลั่ง ก่อนจะขอตัวออกไป ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองไปรอบๆ ห้องอาหาร ก่อนจะพูดขึ้นต่อ

                “ด้านในบ้านของคุณยังดูดีมาก หน้าต่างกับม่านพวกนั้นยังดีอยู่เลย ผมชอบนะที่เราเปิดหน้าต่างเอาไว้แบบนี้ กลิ่นหญ้าสดให้ความรู้สึกสดชื่นทีเดียว”

                “ต้องขอบคุณไอเวอรี่ครับ เธอดูแลบ้านให้ผมดีมาก” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา

                “เธอรู้จักกับคุณมานานหรือยัง?”

                “พอสมควรครับ”

                “แล้ว... คุณไม่เคยนึกจะขอเธอแต่งงานใหม่บ้างเลยหรือ? ผมว่าเธอดูเป็นผู้หญิงที่ดีนะ”

                “โอ...” กอร์ดอนมีท่าทางแปลกใจ “ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นหรอกครับ”

                “งั้นหรือ แปลกจัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เว้นจังหวะ “ผมเข้าใจนะว่าคุณประหม่าเรื่องผู้หญิง แต่คุณมีแม่หม้ายอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ ค่อนข้างแปลกทีเดียวที่คุณไม่เคยคิดอยากแต่งงานกับเธอ แต่กลับรับลูกชายของเธอไว้ทำงานด้วย”

                กอร์ดอนหัวเราะเฝื่อนๆ “ไอเวอรี่รักซีรีสสามีของเธอมากครับ ผมคิดว่าเธอคงไม่คิดอยากจะแต่งงานใหม่หรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ระหว่างที่พวกเขากำลังกินมื้อเช้ากันอยู่ เสียงออดก็ดังขึ้น จากนั้นไม่นาน มิสซิสชิมเมอร์ก็เปิดประตูเข้ามา

                “คุณพ็อตเตอร์มาหาคุณค่ะ คุณโอเดนเบิร์ก ฉันบอกเขาแล้วว่าคุณกำลังกินมื้อเช้าอยู่กับเพื่อน เขาตกลงจะรอคุณอยู่ที่ห้องนั่งเล่นค่ะ”

                “โอ... คุณพ็อตเตอร์มาหรือ?” กอร์ดอนทวนคำ “เขาบอกคุณมั้ยว่ามาเพราะเรื่องอะไร?”

                “ฉันไม่ทราบค่ะ เขาไม่ได้บอกไว้”

                “ตกลง เดี๋ยวผมจะรีบกินมื้อเช้าแล้วออกไปพบเขา”

                หลังจากมิสซิสชิมเมอร์ออกไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงถามขึ้นมา “คุณพ็อตเตอร์นี่เป็นใคร เพื่อนคุณหรือ?”

                “ไม่ใช่หรอกครับ เขาเป็นเลขาฯของเซอร์จอร์จ คาเมรอน ญาติห่างๆ ของผมน่ะ”

                “เซอร์จอร์จ คาเมรอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวนคำ “ที่เคยประจำการอยู่กองพันที่สองในสงครามไครเมียร์ใช่ไหม?”

                “ครับ คุณรู้จักเขาหรือ?”

                อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่ เขาเป็นเพื่อนกับอาผม พวกเราเคยเจอกันเมื่อหลายปีก่อน นี่คุณเป็นญาติกับเขาหรือ?”

                “ครับ เขาเป็นญาติฝั่งแม่ผม” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดท์มีท่าทีสนใจขึ้นมาทันที

                “บังเอิญมาก ผมอยากรู้จริงว่าคุณพ็อตเตอร์คนนั้นมีธุระอะไรกับคุณ มันอาจจะเกี่ยวข้องกับเซอร์จอร์จก็เป็นได้”

                “คุณพยายามทำตัวเลียนแบบโฮล์มอีกหรือครับ?” กอร์ดอนพูดยิ้มๆ ลอร์ดหนุ่มหัวเราะเขินๆ

                “ผมจะดีใจมากเลยนะ ถ้าคุณจะไม่เล่าเรื่องความพยายามที่น่าอายเรื่องนี้ของผมให้ใครฟัง”

                “ผมไม่เล่าหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “ผมจะเก็บมันเอาไว้ เผื่อถึงคราวจำเป็น ลอร์ดจอร์จกับลอร์ดแมกซ์คงพร้อมจะจ่ายผมอย่างงามสำหรับเรื่องนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “ผมให้มุกนี้เต็มสิบเลย แต่ผมหวังว่าคุณคงไม่ทำมันจริงๆ หรอกนะ”

                กอร์ดอนหัวเราะ ก่อนที่ทั้งคู่จะก้มลงทานมื้อเช้าต่อ

-------------------------------------

                ชาร์ลี พ็อตเตอร์เป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบเศษ ท่าทางกระฉับกระเฉง แต่งตัวด้วยชุดสูทสีน้ำตาล เขาลุกขึ้นยืนทันทีที่กอร์ดอนและลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

                “อรุณสวัสดิ์ครับคุณโอเดนเบิร์ก”

                “อรุณสวัสดิ์คุณพ็อตเตอร์ นี่เพื่อนผม คุณจอห์น เคฟ”

                ชาร์ลี พ็อตเตอร์เงยหน้าและเตรียมจะทักทายตามมารยาท แต่เขากลับชะงัก แล้วอุทานออกมา “โอ้! ท่านลอร์ด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักรอยยิ้ม เขาอ้าปากทำท่าจะพูดอะไร แต่ชาร์ลี พ็อตเตอร์ชิงพูดขึ้นก่อน “ผมจำคุณได้ครับ ผมไปดูคุณต่อยกับแมดเนอร์ด้วย มันเป็นการชกที่น่าประทับใจมาก โอ้... ผมไม่คิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่”

                กอร์ดอนทำเป็นเสมองไปทางอื่น ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ผุดยิ้มออกมาได้ในที่สุด

                “เอาล่ะ... คุณพ็อตเตอร์ ในเมื่อคุณพูดถึงขนาดนี้ คงป่วยการที่ผมจะปฏิเสธ ใช่ ผมคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

                “โอ้ เป็นเกียรติสำหรับผมอย่างยิ่งครับ” ชาร์ลี พ็อตเตอร์โค้งให้เขา ก่อนจะพูดต่อ “ไม่ทราบว่าคุณสะดวกที่จะอนุญาตให้ผมคุยธุระกับคุณโอเดนเบิร์กรึเปล่าครับ?”

                “อ๋อ แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขาเป็นเจ้าของบ้าน ไม่ใช่ผมเสียหน่อย ผมต้องออกไปรอข้างนอกไหม?”

                “ไม่ต้องหรอกครับ มันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร” อีกฝ่ายว่า กอร์ดอนเลยเชิญให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลง

                “เอาล่ะ คุณพ็อตเตอร์ คุณมีธุระอะไรจะพูดกับผมหรือ?”

                “อ๋อ เซอร์จอร์จสั่งให้ผมมาเชิญคุณไปงานเลี้ยงเต้นรำที่จะจัดขึ้นที่ไพเพอร์ลอร์จ คืนนี้ครับ เขาอยากให้แน่ใจว่าคุณจะไปแน่นอน”

                กอร์ดอนมีสีหน้าลำบากใจ “คุณคงเห็นแล้วว่าผมมีแขก...”

                “ครับ ผมคิดว่าเซอร์จอร์จคงเข้าใจ” ชาร์ลี พ็อตเตอร์พยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น

                “งานเลี้ยงเต้นรำที่ว่า เชิญใครมาบ้างหรือ?”

                “ไม่มีแขกเหรื่อที่มีชื่อเสียงหรอกครับ” คุณพ็อตเตอร์ตอบ “มันเป็นงานเลี้ยงเต้นรำที่จัดขึ้นมาเพื่อความรื่นเริงเฉยๆ แขกที่เชิญมีแต่คนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้เท่านั้นแหละครับ ท่านเซอร์เห็นว่าคุณโอเดนเบิร์กไม่แวะมาพักที่นี่นานแล้ว จึงอยากจะจัดงานเลี้ยงให้เขา”

                “ว้าว ฟังดูน่าสนใจมาก ผมไปงานนี้ได้ไหม?”

                กอร์ดอนมองเขาด้วยความแปลกใจ ขณะที่ชาร์ลี พ็อตเตอร์พูดอย่างตื่นเต้น “เป็นเกียรติอย่างมากเลยครับ ผมแน่ใจว่าเซอร์จอร์จต้องยินดีมากที่คุณจะไปงานนี้ แต่มันเป็นงานเต้นรำแบบชาวบ้าน ไม่หรูหรานะครับ”

                “ไม่เป็นไร นั่นแหละที่ผมอยากไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “ผมคงแวะไปหาเซอร์จอร์จตอนบ่าย แต่คุณไม่ต้องบอกเขาหรอกนะว่าผมจะแวะไป อ้อ... อีกอย่าง ผมอยากให้คุณเก็บเรื่องของผมไว้เป็นความลับ ผมไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ฐานะที่แท้จริงระหว่างอยู่ที่นี่ ผมอยากให้คุณเรียกผมว่าคุณเคฟ และไม่ต้องใช้คำลงท้าย หวังว่าคุณคงจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดน่ะ”

                “ครับ รับทราบครับ”

                หลังจากชาร์ลี พ็อตเตอร์กลับไปเรียบร้อยแล้ว กอร์ดอนกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ออกเดินไปที่อ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ป

                “ให้ตาย... ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องชกมวยนั่นจะทำให้ไม่ว่าใครก็จำผมได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์บ่นออกมา ระหว่างที่ทั้งคู่เดินแหวกพงหญ้า กอร์ดอนหัวเราะ

                “ยากมากนะครับที่คุณจะปิดบังตัวเองในงานเต้นรำ ผมแน่ใจว่าทุกคนน่าจะจำคุณได้”

                “ผมจะใช้มุกเดียวกับตอนไปบาร์ของแจ็คสัน”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะอีก ก่อนจะถามขึ้นต่อ “ว่าแต่ทำไมคุณถึงอยากไปงานเต้นรำล่ะครับ ผมคิดว่าคุณอยากจะอยู่เงียบๆ เสียอีก”

                “เพราะผมอยากรู้จักญาติๆ ของคุณน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อันที่จริงถ้าเซอร์จอร์จมาเชิญคุณไปงานเลี้ยงมื้อค่ำ ผมคงไม่ยอมให้คุณไป เพราะมันน่าเบื่อมาก แต่กับงานเต้นรำ คุณควรรู้ว่าเราสามารถทำความรู้จักกับใครก็ได้ในงานนั้น ผมชอบงานเต้นรำมาก โดยเฉพาะงานเต้นรำแบบไม่เป็นทางการที่ไม่ต้องระวังมารยาทต่อหน้าผู้ใหญ่”

                ช่างตัดเสื้ออมยิ้ม “ผมชอบเวลาคุณเต้นรำนะครับ คุณเต้นได้คล่องมาก ดูเพลินทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขา “งั้นคืนนี้คุณคงได้ดูจนเบื่อ ระวังอย่าชิงเป็นลมเพราะผมเต้นกับหญิงอื่นก็แล้วกัน”

                กอร์ดอนยิ้มพลางสั่นศีรษะ เดินต่อไปอีกสักพัก พวกเขาได้ยินเสียงตะโกนและเสียงกระเซ็นของน้ำ พอเดินเข้าไปใกล้ริมตลิ่ง ก็เห็นว่าเดวิดกับบิสโม่เพื่อนของเขากำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน

                “เดวิด!”

                “อ้าว คุณโอเดนเบิร์ก คุณเคฟ ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิครับ” เดวิดตะโกนแล้วหัวเราะอย่างเริง ขณะว่ายน้ำหนีเพื่อนที่กำลังว่ายไล่เขาอยู่ กอร์ดอนสั่นศีรษะอย่างระอา ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะในคอ

                “ขึ้นมาได้แล้ว พวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้มาเล่นน้ำนะ” กอร์ดอนสั่ง “แล้วนี่พวกเธอขุดไส้เดือนแล้วหรือยัง?”

                “เรียบร้อยแล้วล่ะครับ” เดวิดพูด เขากับเพื่อนว่ายกลับมาที่ริมตลิ่ง ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมาสวม

                “เรืออยู่ตรงโน้นครับ ผมวางเบ็ดกับถังใส่ไส้เดือนไว้ในเรือแล้ว พวกคุณอยากให้เราอยู่แถวนี้เผื่อจะเรียกใช้อะไรรึเปล่าครับ?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่ต้องหาเรื่องอ้างจะอยู่เล่นน้ำต่อเลย ฉันอยากให้เธอกลับไปที่บ้าน แล้วจัดการกับหญ้าในสวนให้เสร็จ”

                “ตกลงครับ” เดวิดว่า “งั้นผมจะกลับไปที่บ้านคุณก่อน” พูดจบ เด็กหนุ่มทั้งสองคนก็วิ่งไล่กันออกไป กอร์ดอนถอนหายใจแรง

                “จริงๆ เลยนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วยิ้ม “คุณนี่ทำตัวอย่างกับเป็นแม่เขา พวกเขาเป็นเด็กผู้ชายนะ เล่นนิดเล่นหน่อยจะเป็นไรไป”

                “โอ... ผมแน่ใจว่าไอเวอรี่จะดุเขายิ่งกว่าที่ผมดุอีก” กอร์ดอนว่า พวกเขาเดินไปที่เรือซึ่งเกยอยู่กับริมตลิ่งที่เต็มไปด้วยต้นกก

                “ว้าว พวกเขาขุดไส้เดือนได้สมราคาที่คุยไว้จริงๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดอย่างอารมณ์ดี หลังจากชะโงกดูไส้เดือนในถัง เขาให้กอร์ดอนขึ้นไปบนเรือก่อน แล้วจึงกระโดดตามไป ก่อนจะใช้พายยันเรือให้หลุดออกจากตลิ่ง สายลมยามสายพัดไอน้ำมาต้องผิว

                “กี่โมงแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม ขณะที่จ้วงไม้พายลงในน้ำ กอร์ดอนล้วงเอานาฬิกาพกออกมาจากกระเป๋าเสื้อกั๊ก

                “สิบเอ็ดโมงสิบห้าครับ”

                ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “มาดูซิว่าผมจะได้ปลาตอนกี่โมง จะทันเวลาน้ำชาหรือเปล่า?”

                ทั้งคู่พายเรือมาถึงกลางอ่างเก็บน้ำ ท่ามกลางดวงตะวันที่ลอยโด่งแทบจะตรงศีรษะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยิบเบ็ดของเขาขึ้นมา กอร์ดอนช่วยเกี่ยวไส้เดือนให้ เรือโคลงเล็กน้อยตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหวี่ยงเบ็ดลงไปในน้ำ

                “ตอนเด็กๆ คุณมาตกปลาบ่อยมั้ย?” ลอร์ดหนุ่มชวนคุยระหว่างรอปลากินเบ็ด ช่างตัดพยักหน้า

                “บ่อยครับ พ่อกับปู่ชอบตกปลา พวกเขามักจะพาผมมาด้วย จะว่าไปแล้วผมชอบตอนที่ช่วยกันขุดไส้เดือนที่สุด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ใช่ ผมก็ชอบตอนนั้นเหมือนกัน เวลาแทงเสียมลงไปแล้วเจอพวกมันดิ้นกันยั้วเยี้ยนี่เหมือนเจอขุมทรัพย์เลยล่ะ”

                “โอ... ผมไม่ยักรู้ว่าคุณขุดไส้เดือนเองด้วย คิดว่ามีใครขุดให้เสียอีก”

                “ปกติผมขุดเองนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “โอลิเวอร์เป็นคนสอนผม เขาขุดไส้เดือนและตกปลาเก่งมาก”

                “ท่าทางคุณสนิทกับเขานะครับ”

                “แน่นอน” ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “เขาแก่กว่าผมหลายปี ช่วยดูแลผมตั้งแต่เด็ก เป็นเพื่อนเล่น เป็นพี่เลี้ยง เป็นคนรับใช้ประจำตัวผม ตอนเด็กๆ นี่เขาตามผมตลอดเลย”

                “ผมแปลกใจมากที่ลอร์ดบาธไม่สั่งให้เขาตามคุณมาที่นี่ด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมอายุตั้งยี่สิบสี่แล้ว ไม่ต้องมีคนรับใช้คอยตามไปดูแลทุกที่แล้วล่ะ”

                กอร์ดอนพยักหน้า “อีกสี่ปีคุณก็จะอายุยี่สิบแปด เดวิดก็จะอายุยี่สิบปีเต็ม ต่างคนต่างก้าวสู้ความเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ ส่วนผม... ก็จะอายุสี่สิบอย่างเต็มภาคภูมิ”

                “คุณพูดเสียตัวเองดูแก่เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ กอร์ดอนพยักหน้า

                “อีกสี่ปีผมก็จะอายุสี่สิบแล้ว ไม่หนุ่มเท่าไหร่แล้วล่ะครับ อย่างน้อยๆ ก็ไม่หนุ่มเท่าคุณแน่”

                “อีกสี่ปีผมก็จะอายุยี่สิบแปด ผมคงต้องพยายามเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถึงตอนนั้นคุณจะได้ไม่ต้องมากังวลว่าผมจะต้องมีใครติดตามมั้ย ต้องขออนุญาตใครเวลาจะออกไปไหนมาไหนมั้ย อืม... อายุยี่สิบแปดนี่ผมว่าตัวเองน่าจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วนะ”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ถึงตอนนั้นก็เป็นอายุที่เหมาะสมที่คุณจะแต่งงานและมีลูก ผมว่าลูกคุณต้องน่ารักแน่ เขาคงมีดวงตาสีเขียวสดใสเหมือนคุณ มีผมสีทองอ่อนๆ ดูน่ารัก ถ้าเขาเป็นผู้ชายเขาคงเป็นลอร์ดน้อยที่เข้มแข็ง ถ้าเป็นผู้หญิงคงทโมนมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องกอร์ดอนอยู่อึดใจ ก่อนที่เขาจะพูดออกมา “ถ้ามีลูกผู้หญิงผมอยากให้มีตาสีฟ้าเหมือนคุณ ผมสีทองเหมือนคุณได้ด้วยยิ่งดี เธอต้องเป็นเลดี้ที่สวยสง่ามาก ทุกคนคงจะมารุมหลงรักเธอ แน่นอน ผมต้องถูกร่ำลือว่าเป็นท่านลอร์ดจอมหวงลูกสาว ซึ่งช่วยไม่ได้เพราะเธอเป็นลูกคุณ”

                “.....”

                “อย่าพูดเรื่องแต่งงานกับผมอีกเลยนะกอร์ดอน ใช่ว่าผมไม่อยากจะแต่ง แต่คนเดียวที่ผมอยากจะให้มาเป็นแม่ของลูกผมก็คือคุณ”

                “แต่ผมเป็นผู้ชาย...”

                “เพราะงั้นพวกเราไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้อีก มันจะทำให้เสียบรรยากาศเปล่าๆ”

                “ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ...”

                ลอร์ดหนุ่มถอนหายใจ เขาดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้ามากอด ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของฝ่ายนั้น แล้วพูดต่อ “พูดถึงเรื่องแต่งงาน คุณอยู่มาจนอายุเท่านี้แล้ว ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานจริงจังเลยหรือ?”

                “ไหนคุณบอกว่าเราไม่ควรพูดถึงเรื่องแต่งงานไงครับ?” กอร์ดอนย้อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “ผมหมายถึงเรื่องในอนาคตน่ะ แต่นี่ผมกำลังถามถึงเรื่องในอดีต คิดแล้วมันแปลกมากนะ ที่จนถึงอายุขนาดนี้แล้วคุณยังไม่แต่งงาน ถึงคุณจะเข้าสังคมไม่เก่งและขี้อายก็เถอะ แต่ผู้ชายที่ทำงานหนักและรายได้ดีแบบคุณ น่าจะมีคนแนะนำผู้หญิงดีๆ ให้ไม่น้อยเลยนะ”

                “โอ จอห์น ไม่มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนอยากจะแต่งงานกับผมหรอก”

                “ทำไมล่ะ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าแปลกใจ “คุณก็ไม่ใช่คนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อะไรสักหน่อย นิสัยก็ดีมาก ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าไม่มีใครอยากจะแต่งงานกับคุณ”

                กอร์ดอนมีสีหน้าลำบากใจ เขาเม้มปากแน่น และนิ่งไปเป็นนาน ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นอีกครั้ง “ร่างกายของผมมันผิดปกติน่ะ”

                “?”


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog

                “ตอนอายุสิบแปด ผมเคยพยายามขึ้นเตียงกับโสเภณีคนหนึ่ง” กอร์ดอนเริ่มเล่า เขาวางมือประสานเอาไว้บนเข่า แล้วบีบมันราวกับต้องการกำลังใจ “เธอเป็นคนสะสวย อายุยังไม่มากเท่าไหร่ มีทุกอย่างบนเรือนร่างอย่างที่ผู้หญิงควรจะมี ร่างกายของเธอนุ่มนิ่ม น้ำเสียงของเธอยั่วยวน ผมพยายามจะนอนกับเธอ... แต่... ความเป็นชายของผมมันไม่ทำงาน ส่วนนั้นของผมมันใช้การไม่ได้ ผม... ผมเป็นผู้ชายที่ไม่มีความเป็นชาย!”

                ช่างตัดเสื้อพร่างพรูสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจออกมา ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความอับอายและคับแค้นในชะตาชีวิตของตัวเอง น้ำใสๆ กลิ้งออกมาจากหัวตาของเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์กอดเขาไว้แน่นกว่าเดิมด้วยความสะเทือนใจ

                “โอ... กอร์ดอน ผมไม่รู้มาก่อนเลย... ผมขอโทษที่บีบให้คุณต้องพูด”

                กอร์ดอนหลับตาลง เขาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงสั่นพร่า “หลังจากนั้นเธอก็เอาเรื่องผมไปเล่าให้คนอื่นฟังจนทั่ว ผู้ชายทุกคนหัวเราะเยาะผม ผู้หญิงทุกคนก็หันหน้าหนี หลังจากนั้นผมไม่กล้าเข้าหาใครอีก ผมไม่มีปัญญาจะเป็นสามีของใคร ไม่มีหน้าจะไปเป็นเพื่อนกับผู้ชายคนไหนด้วย พวกเขาจะมองผมยังไง ถ้าวันหนึ่งรู้ว่าผมเป็นผู้ชายที่ไม่สมชาย โอ... พวกเขาไม่เคยมองผมเป็นผู้ชายด้วยกันด้วยซ้ำ ผู้ชายที่อยากรู้จักกับผม ส่วนใหญ่อยากรู้ว่าผมมีญาติผู้หญิงหรือไม่ พวกเขาอยากจะทำความรู้จักกับผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายผม ไม่ได้อยากรู้จักกับผมหรอก ผมมีแต่ฝีมือในการตัดเสื้อเท่านั้น ที่พอจะทำให้ตัวเองมีที่ยืนในสังคมได้”

                ช่างตัดเสื้อเค้นคำพูดออกมาด้วยความขมขื่น “ผมไม่เคยดีใจเลยที่ตัวเองเกิดมาเป็นแบบนี้ ตอนไปที่บาร์ของแมคคาธีครั้งแรก คนพวกนั้นทำราวกับผมเป็นของเล่นชนิดใหม่ พวกเขาจับต้องผมแบบไม่ให้เกียรติ เขาไม่คิดว่าผมเป็นผู้ชาย ยิ่งไม่คิดว่าผมเป็นผู้หญิง ศักดิ์ศรีทุกอย่างในฐานะผู้ชายของผมถูกทำลายจนป่นปี้ ถ้าผมไม่มีเงินไปให้เขา ถ้าผมคือคนที่ติดหนี้แทนที่จะเป็นคนที่ไปใช้หนี้ พวกเขาคงย่ำยีผมเสียยิ่งกว่าโสเภณีที่ราคาถูกที่สุด ถ้าผมไม่มีฝีมือด้านตัดเสื้อ ผมคงไม่เหลือพื้นที่ให้หายใจ ผมคงเป็นไม่ได้แม้แต่เศษคน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดในน้ำเสียงและชะตากรรมอันน่าสะเทือนใจของช่างตัดเสื้อเสียดแทงหัวใจของเขาอย่างรุนแรง เขาดึงตัวกอร์ดอนมากอดเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง พลางกล้ำกลืนน้ำตาลงไปในลำคอ กอร์ดอนยกมือขึ้นกอดตอบเขา ทั้งคู่กอดกันอยู่นานท่ามกลางแสงแดดตอนเที่ยงวัน ก่อนที่กอร์ดอนจะพูดขึ้นต่อ

                “จนผมได้มาพบคุณ จอห์น คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่คุยกับผมโดยไม่ได้มองหาคนอื่นในตัวผม และคุณให้เกียรติผมอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้รับจากใคร ช่วงแรกผมหงุดหงิดกับคุณมาก เพราะผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรจากผมกันแน่ ผมไม่ไว้ใจใครที่เข้ามาในชีวิตผมเลย ส่วนแอนนาเบล... เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยหันมายิ้มเยาะผม แม้ว่าผมจะทำตัวไม่เข้าท่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นเธอ เธอทำให้ชีวิตเปล่าเปลี่ยวสามสิบกว่าปีของผมมีสีสัน เธอทำให้ผมอยากจะกลับมาทำความรู้จักกับคนอื่นอีกครั้ง และคุณก็มาช่วยผมเรื่องนั้น... คุณไม่ได้ช่วยชีวิตผมไว้แค่ตอนที่รถม้าคันนั้นพุ่งเข้ามาหรอก ทุกอย่างที่คุณทำช่วยผมขึ้นมาจากนรก คุณเหมือนความฝันที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการถึงมาก่อน ผมถึงกลัวมากที่จะต้องสูญเสียคุณไป”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลายวงแขนออก แล้วจับไหล่ของช่างตัดเสื้อจนเจ้าตัวหันมาประจันหน้ากับเขา “ผมจะไม่ไปจากคุณเด็ดขาด ผมยืนยันในคำสาบานแรกที่ได้สาบานกับคุณ และผมจะไม่ยอมให้มนุษย์หน้าไหนมาพรากคุณไปจากผมทั้งนั้น ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน จนกว่าพระเจ้าจะเรียกพวกเรากลับคืนสู่บ้านของพระองค์”

                กอร์ดอนมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยดวงตาสีฟ้าที่สั่นระริก แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องที่ฝ่ายนั้นพูดมาไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด แต่ในวินาทีนี้เขาเต็มใจจะเชื่อ อย่างน้อยๆ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขา และห้วงเวลาที่กำลังดำเนินอยู่ก็คือความจริงที่เขาสามารถยื่นมือไปคว้าเอามาได้ แม้ว่าเวลาจะไหลไปเรื่อยๆ และไม่มีสิ่งใดนิรันดร์กาล แต่ไม่มีเหตุผลใดอีกแล้วที่เขาจะไม่คว้าปัจจุบันเอาไว้

                 พวกเขาต่างประคองใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วมอบจูบที่แสนละมุนให้แก่กัน บนเรือที่ไหวโคลงเคลงกลางอ่างน้ำอันเวิ้งว้างไร้ผู้คน มีเพียงท้องฟ้าสีครามอยู่เหนือศีรษะ และผืนน้ำที่ใสนิ่งราวกระจกโอบอุ้มอยู่เบื้องล่าง ภาพสะท้อนของคนสองคนบนเรือและท้องฟ้าที่ย้อมผืนน้ำจนแทบจะกลืนเป็นผืนเดียวกันช่างดูประหลาดมหัศจรรย์ ราวกับว่ามีโลกอีกโลกหนึ่งอยู่ลึกลงไป โลกที่พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้โดยไม่มีสิ่งใดมาขวางกัน ทว่าแรงกระตุกจากเบ็ดก็ทำให้ภาพฝันทั้งหมดมลายหายไป

                กอร์ดอนเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าเบ็ดที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหวี่ยงไปเริ่มกระตุก เขากระซิบบอกฝ่ายนั้น

                “จอห์น ปลากินเบ็ดแล้วนะ ผมว่า”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กะพริบตาหลายครั้ง เพื่อให้น้ำตาที่คั่งอยู่ซึมกลับเข้าไป เขาพ่นลมหายใจออกทางปาก ก่อนจะหันไปมองคันเบ็ด

                “ถูกของคุณนะ ผมว่าเราอาจจะได้ปลาตัวใหญ่เชียวล่ะ”

                ทั้งสองผละออกจากกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปสาวเบ็ดของเขา ขณะที่กอร์ดอนมองหาถังสำหรับใส่ปลาที่ตกได้

                ปลาที่กินเบ็ดท่าทางจะตัวใหญ่เอาเรื่อง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื้อยุดกับมันอยู่นาน สุดท้ายก็ลากเจ้าปลาตัวนั้นขึ้นเรือมาได้สำเร็จ

                “ว้าว มันเป็นปลาชับที่ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นเลย” กอร์ดอนคราง เขาหันหน้าหนีน้ำที่ปลาตัวนั้นสะบัดออกมาระหว่างที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามจะใส่มันลงไปในถัง

                “หนักสักแปดปอนด์ได้ล่ะมั้ง ผมว่า” ลอร์ดหนุ่มพูด ปลาตัวดังกล่าวยังดิ้นรนอยู่อีกพักใหญ่จึงสิ้นฤทธิ์ เขาปลดเบ็ดออก ปล่อยให้ปลาตัวนั้นนอนแน่นิ่งอยู่ในถัง

                “กี่โมงแล้ว”

                กอร์ดอนรีบหยิบนาฬิกาพกออกมาดูอีกครั้ง “บ่ายโมงครับ”

                “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะได้ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ในช่วงเที่ยงวัน ผมว่าวันหลังต้องออกเวลานี้บ่อยๆ แล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ กอร์ดอนหัวเราะ

                “คุณจะตกปลาต่อไหมครับ? แต่ผมว่าแค่นี้ก็เหลือกินแล้วนะ”

                อีกฝ่ายสั่นศีรษะ “อากาศร้อนมาก ผมไม่อยากนั่งตากแดดอีกแล้ว” เขาเว้นจังหวะแล้วมองปลาตัวใหญ่ในถัง “เราควรพามันไปที่บ้านของเซอร์จอร์จ เขาต้องแปลกใจมากที่จะมีปลาตัวใหญ่เป็นอาหารในงานเลี้ยงเย็นนี้”

                “ผมว่าเขาน่าจะแปลกใจที่ได้เจอคุณมากกว่า”

                อีกฝ่ายหัวเราะ ก่อนจะมองช่างตัดเสื้อด้วยสีหน้าจริงจัง “เราไม่ไปงานเต้นรำนั่นก็ได้นะ ถ้ามันทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ ผมแค่คิดว่ามันคงสนุกดีที่จะได้พบเจอผู้คนที่เคยอยู่รอบๆ ตัวคุณสมัยยังเด็ก”

                กอร์ดอนยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรหรอกจอห์น เวลามันผ่านมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยหรือล้อเลียนผมแบบสมัยก่อนแล้วล่ะ ทุกคนก็โตๆ กันหมดแล้ว”

                “คุณไม่ลำบากใจนะ”

                “ไม่หรอกครับ ผมชินเสียแล้วล่ะ ผมกลัวแต่ว่าคุณจะหงุดหงิดที่ถูกแย่งเวลาไปเท่านั้นเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “ดาวจะเห็นชัดตอนดึกๆ ระหว่างนั้นพวกเราไปงานเต้นรำฆ่าเวลากันก่อน”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พายเรือกลับมาที่ริมตลิ่ง พวกเขาลากเรือขึ้นมาบนฝั่ง เทไส้เดือนที่เหลือในถังลงใกล้ๆ กับพื้นที่ชื้นแฉะแถวนั้น พวกมันรีบมุดลงไปในดินอย่างรวดเร็ว

                “พวกเราคงกลับไปพอดีเวลาน้ำชา” กอร์ดอนพูดหลังหยิบนาฬิกาพกออกมาดู แต่พอเขาเบือนหน้าไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก็ต้องอุทานออกมา

                “นั่นคุณจะทำอะไรครับ?”

                “ว่ายน้ำน่ะสิ” ท่านเอิร์ลพูด เขาเพิ่งถอดเสื้อกั๊กออกวางไว้ตรงพงหญ้าแห้งๆ และตอนนี้เขาก็กำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองอยู่

                “ผมไม่กลับไปทั้งที่ยังไม่ได้แช่น้ำเย็นๆ ให้หนำใจหรอก คุณก็ลงมาว่ายด้วยกันสิ” เขาพูดพลางดึงเสื้อเชิ้ตออกจากตัว แล้วเริ่มถอดกางเกง

                กอร์ดอนจ้องฝ่ายนั้นเขม็ง “คุณจะถอดหมดเลยหรือครับ?”

                “แน่นอน... ผมไม่ชอบว่ายน้ำทั้งที่ใส่เสื้อหรอกนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อีกอย่างที่นี่ไม่มีคนอื่น ผมไม่ต้องกลัวใครมาเห็นแผลเป็นที่ซอกไหล่ด้วย”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขาตัดสินใจหันไปอีกทางตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอดกางเกงออก ได้ยินเสียงฝ่ายนั้นเรียก

                “เฮ้ กอร์ดอน คุณจะหันหน้าหนีผมทำไม ส่วนไหนของผมน่าเกลียดหรือ?”

                “โอ้ ไม่ใช่หรอกครับ ผมว่าคุณดูดีมากเลยล่ะ”

                “งั้นก็หันมาสิ ผมอยากให้คุณลงมาเล่นน้ำด้วยกันนะ ว้าว น้ำเย็นชื่นใจดีมาก คุณจะเสียใจถ้าไม่ลงมานะ”

                ช่างตัดเสื้อได้ยินเสียงน้ำกระเซ็น เขาตัดสินใจหันกลับไปอีกครั้ง และเห็นว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์ลงไปอยู่ในน้ำเรียบร้อยแล้ว กล้ามเนื้อมัดสวยบนร่างกายของเขาที่เปียกชุ่มดูเป็นประกายภายใต้แสงแดดที่ส่องลงมา

                “มาเถอะน่า ไม่ต้องอายหรอก ผมไม่นึกดูถูกคุณแน่”

                ใบหน้าของช่างตัดเสื้อกลับมาแดงเรื่ออีกครั้ง เขาตัดสินใจถอดเสื้อกั๊กออก ตามด้วยเสื้อเชิ้ตตัวใน แน่นอนว่าทุกอิริยาบถอยู่ภายใต้สายตาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ สายตาของเขาที่จ้องมายิ่งทำให้ช่างตัดเสื้อหน้าแดงกว่าเดิม

                “คุณอย่ามองแบบนั้นสิครับ ผมรู้สึกยังไงก็ไม่รู้”

                “ผมอยากเห็นทุกส่วนของคุณนี่นา ผมยังไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลยนะ”

                “โอ... มันไม่น่าดูหรอกครับ”

                ฝ่ายนั้นหัวเราะ “ผมจะเป็นคนตัดสินเองว่ามันน่าดูรึเปล่า คุณถอดเร็วๆ สิ”

                ในที่สุดกอร์ดอนก็ดึงกางเกงขายาวออกพ้นจากขาของตัวเอง เขาเดินมาที่ตลิ่งด้วยความขัดเขิน ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องร่างของฝ่ายนั้นอย่างไม่วางตา

                “น่าเกลียดมากใช่ไหมครับ? ตรงนั้นของผมมันไม่ปกติมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” กอร์ดอนพูดขณะก้าวขาลงไปในน้ำ ลอร์ดหนุ่มเดินลุยน้ำเข้ามาใกล้ เขาสังเกตเห็นว่าองคชาติของฝ่ายนั้นเล็กและลีบมาก ส่วนลูกอัณฑะก็แทบมองไม่เห็นเลย

                “คุณคงหายสงสัยแล้วว่าทำไมผมถึงไม่แต่งงาน” ช่างตัดเสื้อพูด ขณะทิ้งตัวลงในน้ำ ลอร์ดหนุ่มจับแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้

                “ผมเสียใจเกี่ยวกับร่างกายคุณด้วยนะ”

                อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณไม่มองผมอย่างเหยียดหยาม ผมก็รู้สึกดีมากแล้วล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับมายืนประจันหน้ากับเขา ก่อนจะใช้มือปัดผมออกจากใบหน้าของช่างตัดเสื้อ “ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ กอร์ดอน ความผิดปกติของคุณไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกรังเกียจเลย ตรงข้าม มันยิ่งทำให้ผมเชื่อว่าพระเจ้าชักนำให้พวกเราได้มาเจอกัน เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่ผมรักคุณ”

                หัวใจของกอร์ดอนเต็มตื้นขึ้นมา เขายิ้มให้ฝ่ายนั้น มองดูดวงตาสีเขียวสดใสที่มีค่ายิ่งกว่าอัญมณีใด ลอร์ดโทรว์บริดจ์โน้มใบหน้าลงจูบริมฝีปากของเขาเบาๆ ก่อนจับแขนของกอร์ดอนเอาไว้ แล้วเดินลงไปในที่ลึกขึ้น

                “มา ว่ายน้ำกับผมเถอะ ผมแน่ใจว่าคุณต้องว่ายน้ำเก่งแน่ คุณอยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำนี่นา”

                กอร์ดอนหัวเราะ “ไม่เลย ผมว่ายน้ำไม่เป็นหรอก”

                อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจ เขาหยุดเดินทันที “อ้อ... งั้นหรือ... งั้นไม่เป็นไร เราเล่นน้ำกันตรงนี้ก็ได้ ตรงนี้ตื้น ปลอดภัยแน่นอน”

                “คุณจะสอนผมว่ายน้ำก็ได้นะครับ” กอร์ดอนพูดพลางยิ้ม “ผมยินดีถ้าคุณจะเป็นคนสอน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองฝ่ายนั้นอึดใจ “วันอาทิตย์ไมครอฟพาคุณลงน้ำด้วยรึเปล่า คุณชอบบึงน้ำที่หน้าคฤหาสน์เขานี่นา”

                คนถูกถามพยักหน้า คราวนี้สีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์แข็งขึ้นทันที “เขาทำอะไรคุณบ้าง เขาเห็นทุกส่วนของคุณมั้ย ให้ตาย! ผมอยากจะกลับไปซัดหน้าแมกซ์จริงๆ เขากล้าทำกับผมถึงขนาดนี้เชียวหรือ!”

                กอร์ดอนรีบพูดขึ้นมา “คุณใจเย็นๆ ก่อนครับ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ลอร์ดฟาริงดอนว่ายน้ำทั้งที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงอยู่ ผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เขาไม่ได้ทำอะไรผมเลยครับ แค่สอนผมดำน้ำเฉยๆ”

                “พูดจริงๆ นะ?”

                “จริงสิครับ ผมจะโกหกคุณทำไม ผมไม่คิดว่าเขาอยากจะทำอะไรผมมากไปกว่านั้นหรอก”

                “ใครจะไปรู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดฉุนๆ “แต่แมกซ์ไม่ได้ห้ามอะไรเลยใช่มั้ย? เขาแทบจะผลักคุณลงน้ำกับพี่ชายเขาเลยสิ”

                “ไม่ครับ ผมว่าลอร์ดแมกซ์ห้ามนะ แต่ลอร์ดฟาริงดอนเป็นพี่ชายเขานี่ครับ” กอร์ดอนเงยหน้ามองคนรักของเขา “คุณอย่าโกรธเขาเพราะเรื่องของผมเลยครับ เขาเป็นเพื่อนรักของคุณนะ แล้วเขาก็ไม่ได้พาผมไปทำเรื่องไม่ดีอะไร”

                “ผมให้อภัยเขาแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่ผมก็ยังโกรธเขาอยู่ดี ถ้าเขาพาคุณไปไหนกับพี่ชายของเขาเพียงลำพังอีก คุณห้ามไปนะ ไม่งั้นผมคงได้ฆ่าพวกเขาแน่”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “ตกลงครับ ผมไม่อยากให้คุณฆ่าใครตาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อด้วยท่าทางจริงจัง “ว่าแต่ไมครอฟสอนคุณดำน้ำยังไง ทำให้ผมดูได้ไหม? ผมอยากรู้ว่าเขาสอนจริงจังหรือแค่ทำเล่นกันแน่”

                “โอ เขาให้ผมนับหนึ่งถึงสาม แล้วเอาหน้าจุ่มน้ำแบบนี้ครับ” กอร์ดอนสาธิตการดำน้ำของเขาให้ฝ่ายนั้นดู พอโผล่ศีรษะขึ้นมาจากน้ำ ก็เห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนยิ้มอยู่

                “เขาสอนคุณแบบนี้หรือ?”

                “ครับ”

                “งั้นผมจะสอนคุณบ้างแล้วกัน” เขาดึงแขนของช่างตัดเสื้อมาคล้องไหล่ตัวเองเอาไว้ “พอผมนับหนึ่งถึงสาม คุณก็กลั้นหายใจนะ”

                อีกฝ่ายพยักหน้า

                “หนึ่ง... สอง... สาม...”

                พวกเขาทิ้งตัวลงไปใต้น้ำ สรรพเสียงรอบตัวฟังดูผิดแปลกไปทันที กอร์ดอนได้ยินเสียงบุ๋มๆ ของฟองอากาศ สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของมือที่จับตัวเขาเอาไว้ ชายหนุ่มลืมตาขึ้น และพบว่าอีกฝ่ายโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ กว่าที่เขาจะทันได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็กระกบริมฝีปากเข้ามา แล้วดันตัวเขาไปที่ตลิ่ง

                “ไหนบอกว่าจะสอนผมดำน้ำไงครับ!” กอร์ดอนโวยวายหลังจากอีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเผล่

                “ก็คุณดำน้ำเป็นแล้วนี่ หลักฐานคือตอนนี้คุณไม่ได้สำลักน้ำไง” พูดจบเขาก็ก้มลงจูบช่างตัดเสื้ออีก ฝ่ายนั้นพยายามดิ้นหนี

                “โอ้ จอห์น เราไม่ควรจะทำแบบนี้ในสถานที่เปิดโล่งนะครับ ถ้ามีใครผ่านมาเห็นเข้าล่ะก็...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปิดปากของกอร์ดอนอีกครั้งด้วยจูบ คราวนี้มันล้ำลึกและยาวนานกว่าครั้งก่อนมาก จนช่างตัดเสื้อต้องจับไหล่เขาเอาไว้ ระหว่างนั้นลอร์ดหนุ่มก็ขยับตัวเสียดสีกับเขาเบาๆ

                “ผมรักคุณจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ท่านเอิร์ลกระซิบ พลางอ้าปากขบเม้มติ่งหูของช่างตัดเสื้อ

                กอร์ดอนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว เขารู้ว่านี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้องและไม่สมควรที่สุด แต่การแสดงความปรารถนาของลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่มีต่อตัวเขานั้นทำให้เขาไม่อาจหักใจผลักฝ่ายนั้นออกไปได้ เขาไม่เคยคิดว่าร่างกายที่ผิดปกติของตัวเองจะได้รับการยอมรับ ไม่คาดคิดเลยด้วยว่ามันจะเป็นที่ต้องการของใคร

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ย้ำจูบลงบนริมฝีปากของกอร์ดอนอีกครั้ง เขาเลื่อนมือลงไปที่ปั้นเอวของอีกฝ่ายซึ่งจมอยู่ใต้นำ ท่าทางยินยอมของฝ่ายตรงข้ามยิ่งทำให้เพลิงปรารถนาในกายของเขาลุกโชน เขาลากริมฝีปากไปยังซอกคอของช่างตัดเสื้อ แล้วจูบไล่ลงไปจนถึงหัวไหล่ ต่ำลงไปจนถึงหน้าอก กอร์ดอนสูดหายใจลึก เขาประคองศีรษะของลอร์ดหนุ่มเอาไว้ ขณะที่อีกฝ่ายใช้มือลูบไล้สะโพกของเขา ก่อนจะขยับมาคลึงเคล้นส่วนน่าอายที่อยู่ด้านหน้า

                พรึ่บ!

                ทั้งคู่ผละจากกันทันทีราวกับถูกไฟลวก กอร์ดอนรีบซ่อนตัวในน้ำ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองหาที่มาของเสียง ทั้งคู่หน้าซีดเผือด ตอนนั้นเองที่พวกเขาเห็นแม่เป็ดตัวหนึ่งเดินพาลูกของมันลงมาในน้ำ มันหันหัวมามองพวกเขา แล้วกระพือปีกเสียงดังพรึ่บ ก่อนจะว่ายน้ำออกจากตลิ่งไปพร้อมกับลูกๆ ด้านหลัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับกอร์ดอนหันมองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

                “บ้าจริง... ผมคิดว่ามีใครมาเสียอีก” ลอร์ดหนุ่มพูด ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงจัดด้วยความละอาย แน่นอนว่าช่างตัดเสื้อก็มีใบหน้าแดงก่ำไม่แพ้กัน

                “ผมคิดว่าจะถูกใครเห็นเข้าเสียแล้ว” กอร์ดอนโพล่งออกมา เขารู้สึกเหมือนหัวใจแทบจะหยุดเต้นตอนได้ยินเสียงในพงหญ้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “โชคดีที่มันเป็นแค่เป็ด”

                ทั้งสองคนเหลือบมองกันด้วยความรู้สึกกระอั่กกระอ่วนใจ

                “พวกเราใส่เสื้อผ้าแล้วกลับบ้านกันดีกว่าครับ” ช่างตัดเสื้อเสนอ อีกฝ่ายส่งเสียงรับคำในลำคอโดยไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ทั้งคู่จึงเดินขึ้นมาสวมเสื้อผ้า แล้วหิ้วถังใส่ปลาและคันเบ็ดกลับไปที่บ้านทรีลอว์นีย์

--------------------------------------------------
(จบตอน)
** โอ๊ย แชร์ปเตอร์สุดท้ายที่พิมพ์ไปก่อนหน้านี้ปลิวหายไปกับสายลม15วินาที (โพสถี่ไป) ความเวิ่นเว้อเลยปลิวไปด้วยเลย ขี้เกียจพิมพ์ใหม่ล่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ^^

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
แม่เป็ด ผิดคิวนะคะ

ออฟไลน์ Maii2206

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
มาปักแสดงความสนใจไว้ก่อน ฮี่ๆ ชอบคนแต่ง  :ruready

เดี๋ยวมาอ่านนนค่ะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
หวานเว่อร์วัง หวานกว่าน้ำตาลใดๆในโลก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ละมุนละไม ดีงามแท้ต่อหัวใจ  :mew1:
จอห์นนี่ กอร์ดอน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ่านไปน้ำตาก็ไหลไป

สงสารกอร์ดอน อยากตบปากผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ นิสัยไม่ดี
และซาบซึ้งกับความรักที่จอห์นมีให้กอร์ดอน

จอห์นคือดวงอาทิตย์ยามเช้าที่ทำให้ชีวิตสว่างไสวและอบอุ่น

อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ปัจจุบันที่จอห์นกอดกอร์ดอนไว้ทำให้รู้สึกปลอดภัยและเป็นสุขจริง ๆ


ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
นี่เป็นกังวลตามทั้งคู่แล้วนะ กลัวพ่อท่านลอร์ดจะส่งคนมาดูจริงๆ คิดมากจัด  :laugh:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อยากกินเป็ดย่างเกลือขึ้นมาทันที

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตกใจแทนเลยนะเนี่ย เป็ดน้อเป็ด
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ลุ้นจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว


 :hao7:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อย่าประเจิดประเจ้อซิ่ กลัวคนมาเห็นง่ะ
 :katai1:

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ใจอิฉันวูบนึงนี่อยากให้ท่านลอร์ดผิดคำสาบานเลยค่ะ

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เป็นคู่ที่ไม่อยากให้มีใครเจอมากที่สุด

ออฟไลน์ AppleA-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฉากกุ๊กกิ๊กนี่มันก๊าวใจมากเลยค่ะ งื้ออออ
แต่ตอยที่เป็ดมานึกว่าเป็นึนเหมือนกัน
หรือจริงๆแล้วป็นคนมาเห็นตริงๆ  แต่ท่านลอร์ดกับกอร์ดอนเห็นเป็ดก่อนเลยคิดว่าเป็นเป็ดนะ
งื้ออกลัวอ่าาาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด