เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{09}
“กลางวันกูไปกินข้าวด้วยนะ” พอร์ชคว้าแขนของโซ่ไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินหนีไป
“เรื่องของมึง” โซ่พูดบอกแต่เพียงเท่านั้นก่อนที่จะเดินตรงไปยังตึกเรียนของตนเอง
ส่วนพอร์ชก็เดินแยกไปอีกทาง เพราะมีเรียนในแผนกและตอนนี้เขาก็สายมากแล้ว
“แฮ่กๆ” ทั้งที่พยายามจะเร่งฝีเท้าแล้ว แต่พอร์ชก็มาไม่ทันเข้าแถวเช็คชื่อเข้าแผนกอยู่ดี
เพราะอาจารย์ประจำวิชากำลังปล่อยเพื่อนเข้าห้องพอดี
“ว่าไงพีรพัฒน์กลับมาวันแรกก็สายเลยรึไง” อาจารย์ที่หันมาเห็นพอร์ชพอดีก็เอ่ยทักขึ้น
ด้วยรอยยิ้มที่เด็กช่างยนต์ทั้งแผนกลงความเห็นเดียวกันว่า…สยองฉิบหาย เพราะอาจารย์คนนี้ไม่
ลงโทษเด็กด้วยการตีหรือใช้งานหนักเหมือนกับหัวหน้าแผนก แต่ชอบลงโทษเบาๆ
แต่เป็นวิธีที่โคตรจะอับอาย
“ผมตื่นสาย” พอร์ชยกมือขึ้นไหว้ขอโทษพร้อมๆกับที่แวนเอ่ยแซวเสียงดังขึ้นมาว่า…
“ไอ้พอร์ชมันกำลังอินเลิฟครับอาจารย์ ช่วงนี้มันเลยกินไม่ได้นอนไม่หลับ” พอแวนพูดจบ
เพื่อนๆก็พากันโซ่แซวอย่างสนุกสนาน เพราะเพื่อนๆในห้องต่างก็เห็น Post ของพอร์ชใน Facebook
กันครบทุกคนแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครรู้ว่าคนในรูปนั้นเป็นใคร นอกเสียจากแวนกับเป้ที่ต่างก็ปิดปากเงียบ
แม้ว่าเพื่อนหลายคนจะพากันมาเค้นคอถามก็ตาม
‘สัส’ พอร์ชหันไปด่าแวนแบบไม่ออกเสียง แต่มีหรอที่แวนจะสะทกสะท้าน
เปล่าเลย เขายังคงยักคิ้วส่งกลับมาอย่างท้าทาย
“ดี ถ้างั้นก็ไปโน่นเลย…แนะนำตัวเองเสร็จแล้วก็ตะโกนบอกรักแฟนให้เพื่อนฟังสักยี่สิบรอบซิ”
อาจารย์ประจำวิชาชี้ไปที่เนินดินเล็กๆข้างตึก แล้วบอกบทลงโทษของพอร์ชในวันนี้ให้เจ้าตัวได้รับรู้
ซึ่งพอร์ชเองก็เคยมายืนตะโกนอยู่ตรงจุดนี้หลายครั้งแล้วเพราะมาสาย แต่ครั้งก่อนๆนั้น มันแค่พูด
ชื่อตัวเองแล้วก็ต่อด้วยคำว่า ‘ผมจะไม่มาสายอีกแล้วครับ’ ก็เท่านั้น
“โธ่…จารย์” พอรู้บทลงโทษของตัวเองแล้วพอร์ชแทบทรุด โดนลงโทษแบบปกติอ่ะ
บอกเลยว่าไม่อาย เพราะหน้าด้านพอ แต่พอมีเรื่องโซ่มาเกี่ยวแล้วเขารู้สึกลำบากใจ เพราะอะไรๆ
มันยังไม่ลงตัว เลยกลัวว่าจะมีปัญหา ถ้าเกิดว่าเผลอทำอะไรที่โซ่ไม่ชอบใจออกไป
“สู้ๆมึง!” แวนชูสองนิ้วเหมือนให้กำลังใจ แต่เปล่าเลย เพราะไอ้เพื่อนเวรมันกำลังล้อ
เลียนเขาอยู่ แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือ…ช่างยนต์มุงนี้มาจากไหนครับ?
“ผมจะเข้าไปในห้องนะ ตะโกนดังๆให้ผมได้ยินด้วยล่ะ ถ้าไม่อยากมีแถม อ่อ…แล้ว
แฟนอยู่แผนกไหนก็อย่าลืมหันหน้าไปทางนั้นด้วยนะ…เผื่อเขาจะได้ยิน” สั่งเสร็จอาจารย์
สุดแสบก็เดินผิวปากเข้าตึกไปอย่างสบายใจ
“เพราะมึงเลยแม่ง!” พอร์ชขว้างกระเป๋าสะพายของตัวเองส่งไปให้แวนกับเป้ที่จอง
พื้นที่ด้านหน้าสุด นั่งรอชมความอับอายของอย่างสบายใจ ประหนึ่งว่ามีคนมาปูเสื่อให้ ทั้งที่
จริงแล้วที่ตรงนั้นมันเป็นพื้นซีเมนต์ธรรมดาๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง
“เอาน่ามึง…อย่าลืมหันไปทางโน้นด้วยนะ เผื่อ ‘มัน’ จะได้ยิน” คราวนี้ไม่ใช่แวน
แต่กลับเป็นเป้ที่เอ่ยแซวออกมา และชี้นิ้วไปยังตึกหลังสุดของวิทยาลัยที่เป็นตำแหน่งที่ตั้ง
ของแผนกช่างไฟที่โซ่สังกัดอยู่ ส่วนแผนกช่างยนต์ของพอร์ชนั้นคือตึกที่สองริมฝั่งขวามือ
ตรงข้ามกับโรงจอดรถ และอยู่ไม่ไกลจากประตูรั้วของวิทยาลัยนัก ต่างจากของโซ่ที่อยู่ลึก
เข้าไป แถมยังเป็นแค่ตึกสี่ชั้นธรรมดาๆ เหมือนกับตึกสามัญ ไม่มีอู่หรือโรงงานเหมือนกับแผนกของพอร์ช
“ผมชื่อพีรพัฒน์ โรจนจินดา ช่างยนต์ 1/1 รักไอ้นิ่งครับ!” พอร์ชสูดหายใจเข้าปอด
ป้องปาก ร้องตะโกนชื่อ แผนก ระดับชั้น ห้อง และตามด้วยคำบอกรักโซ่ซึ่งเป็นบทลงโทษ
ในครั้งนี้ออกมาเสียงดังฟังชัด ด้วยสีหน้าแดงก่ำเพราะเขินอาย ต่างจากเพื่อนๆ รุ่นพี่ในแผนก
และต่างแผนกที่มานั่งดูยืนดูพากันหัวเราะตัวงอ แล้วก็เป็นอย่างนั้นไปจนครบยี่สิบรอบ
ครบตามคำสั่งของอาจารย์ พอร์ชกับเพื่อนๆถึงได้ฤกษ์เข้าเรียนวิชาแรกของวันตอนเกือบเก้าโมง
“ไอ้พอร์ชมันเลิกกับน้องบี๋แล้วไปคบเด็กคอมฯหรอวะ?” เพื่อนในห้องสะกิดถามแวน
ระหว่างที่เดินไปโรงอาหาร หลังจากที่เสร็จสิ้นตารางเรียนในช่วงเช้า
“มึงคิดงั้น?” แวนเลิกคิ้วถาม
“ก็เมื่อเช้าตอนที่มันโดนลงโทษมันหันหน้าตะโกนไปทางนั้นนี่หว่า ไม่ได้ตะโกนไป
ทางฝั่งน้องบี๋บัญชีของมันสักหน่อย” เด็กหนุ่มพูดบอกพลางชี้ไปทางตึกคอมเก่าที่อยู่ด้านหลัง
โรงอาหาร หน้าตึกช่างไฟ แล้วก็ชี้ไปทางตึกบัญชีที่อยู่ทางฝั่งซ้ายสุด ซึ่งอยู่ตรงข้างกันกับ
แผนกช่างยนต์ของพอร์ช โดยมีสนามฟุตบอลและโรงอาหารกั้นกลางอยู่
“โอ้ย…แม่นางเขางี่เง่าขนาดนั้น ไอ้พอร์ชมันอัญเชิญออกจากชีวิตไปตั้งแต่
สองวันแรกแล้วครับคุณมึง” แวนบอก เพราะแทบจะไม่มีเรื่องไหนของพอร์ชเลยที่ตน
กับเป้จะไม่รู้เรื่อง ในเมื่อเจ้าตัวมันเอามาปรึกษาและเล่าให้ฟังแทบจะทุกเรื่อง เหมือนกับ
เรื่องน้องบี๋คู่นอนคนล่าสุดของมันที่โคตรจะ ขี้วีน งี่เง่า และเอาแต่ใจ เรียกว่ารวมทุกนิสัย
ที่ไอ้พอร์ชเกลียดไว้ในตัวคนเดียวเลยก็ว่าได้ ดังนั้นแม่สาวเจ้าจึงโดนตัดหางปล่อยวัดเสีย
ตั้งแต่คุยกันได้สองวัน เรียกได้ว่า กลางวันคุย กลางคืนซั่ม เช้าบอกเลิกแบบนั้นก็ได้
เพราะมันเป็นเรื่องจริง
“กูก็ว่างั้น เห็นตอนนั้นมาตามแวดๆใส่ไอ้พอร์ชอยู่สี่ห้าวันแล้วก็หายเงียบไปเลย”
เขาพยักหน้าเห็นด้วย เพราะก่อนหน้านี้หญิงสาวที่ชื่อบี๋มาตามวีนพอร์ชอยู่เป็นอาทิตย์ก่อน
ที่จะเงียบหายไป จนปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครเห็นแม่นางอีกเลย
“มึงก็รู้ว่าเฮียดี้รักไอ้พอร์ชจะตาย” แวนบอก
“มึงอย่าบอกนะว่า…”
“เออ…ก็อย่างที่มึงคิดนั่นแหละ ป่านนี้น้องบี๋คงเปรมไปแล้ว” คำยืนยันของแวน
ทำเอาเพื่อนอ้าปากค้าง
“พี่ดี้แม่งโหดฉิบหาย…รักไอ้พอร์ชเกิ๊น~” เรื่องที่พอร์ชเป็นน้องรักของพี่ๆนั้นเป็น
ที่รู้กันดีในหมู่เพื่อนเก่าของพอร์ช โดยเฉพาะกับว่าที่นักอย่างออดี้พี่ชายคนรองของพอร์ชที่
สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อพี่น้องของตนเอง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะผิดหรือจะถูกก็ตาม อย่างเช่นกับ
ที่ทำกับหญิงสาวคู่นอนของพอร์ช โดยที่พอร์ชไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิด เพียงแต่ว่าเจ้าตัวนั้น
บังเอิญไปบ่นกับพี่ชายคนโตอย่างโฟล์คฟัง แล้วโฟล์คก็โทรไปเล่าให้ออดี้ฟังอีกที หลังจาก
นั้นไม่กี่วันหญิงสาวคนดังกล่าวก็หายไปวงจรชีวิตของพอร์ช
“มึงก็อย่าไปหลุดปากให้ไอ้พอร์ชมันรู้ก็แล้วกัน เดี๋ยวได้ไปตีกับเฮียดี้อีก” แวนเตือน
“เออๆ กูรู้แล้วน่า ว่าแต่…ตกลงแล้วแฟนมันเด็กไหนวะ?” เขาพยักหน้ารับปาก
แล้ววกถามเข้าเรื่องเดิมที่อยากรู้
“มึงก็แหกตาดูเอาสิ เพื่อนมึงเสนอหน้าไปหาเขาถึงที่ขนาดนั้น” แวนเพยิดหน้า
บุ้ยปากให้เพื่อนหันไปดูพอร์ชที่กำลังเดินตรงดิ่งไปหาโซ่ที่โต๊ะประจำของกลุ่มช่างไฟ
“ไอ้โซ่…ช่างไฟ?” แม้ว่าภาพมันจะเฉลยคำตอบของคำถามอยู่แล้ว แต่เขาก็อยาก
จะได้คำยืนยันจากปากแวนอีกครั้ง ว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง
“มึงเห็นมันเต๊าะใครอยู่ก็คนนั้นนั่นแหละ” แวนบอก
“นรกแตกแน่ มวยถูกคู่ซะด้วยไอ้พอร์ชเอ้ย ถ้าพวกแม่งได้กันจริงๆ คงบันเทิงฉิบหาย”
เขาอยากจะสบถออกมาดังๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะตรงนี้มีทั้งครูและนักเรียนอยู่เยอะเกินไป
“จะบันเทิงเริงใจขนาดไหนก็ต้องรอดูต่อไป หึๆ” แวนพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนที่จะ
แยกย้ายกันไปตามที่ตามทางของตัวเอง
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณพอร์ช” บุญล้อมเอ่ยถามเป็นคนแรก เพราะโซ่มัวแต่ก้มหน้า
กินข้าวแบบที่ไม่ยอมสนใจพอร์ช ส่วนเพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้วยกันก็เอาแต่ตั้งท่าเตรียมพร้อมลุย
เต็มที่ เพราะกลัวว่าพอร์ชจะมาหาเรื่องอย่างที่เคยต่อยตีกันประจำ
“กูเอาสุกี้ทะเลพิเศษกับโค้กขวดนึงนะแวน…มึงขยับไปหน่อยดิมหา” พูดสั่งพร้อม
กับส่งเงินพอดีค่าอาหารของตัวเองให้กับเพื่อนรัก ก่อนที่จะหันไปบอกกับบุญล้อมที่นั่งติด
กันกับโซ่อีกฝั่งให้ขยับออกไปหน่อย ตัวเองจะได้นั่งข้างๆโซ่ได้ เพราะโซ่นั่งอยู่มุมโต๊ะพอดี
“นิ่งครับ…ขยับหน่อยสิครับ ขอนั่งด้วยคน” พอเห็นว่าบุญล้อมขยับให้ตามคำขอแล้ว
พอร์ชก็หันมาอ้อน(?)โซ่แทน ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้เพื่อนๆช่างไฟของโซ่สยอง ถึงกับต้องรีบพา
กันลุกหนีออกไปจากโต๊ะทันที
“ไม่” คำปฏิเสธที่ไรเยื่อใยของโซ่ทำเอาพอร์ชถึงกลับเซ็ง แต่ก็ยอมไปนั่งฝั่งตรงข้าม
ของโซ่ที่เพิ่งจะว่างเพราะเจ้าของเดิมลุกหนีไปแทน
“บ่ายนี้เขาเรียกรวมสีพวกมึงรู้ยังวะมหา” พอร์ชปล่อยให้โซ่ได้ทานมื้อกลางวันอย่าง
สบายใจไปก่อนที่เจ้าตัวจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ (สังเกตจากสีหน้าที่เริ่มตึงๆเพราะคำถามของพอร์ช)
แล้วหันไปคุยเรื่องกีฬาสีกับบุญล้อมแทน
“สีผมนัดที่ลานกิจกรรม แล้วของคุณพอร์ชล่ะครับ?” บุญล้อมถาม
“ที่เดียวกัน” พอร์ชบอก
หลังจากกินข้าวเสร็จทั้งสองกลุ่ม(?)ห้าคน(?)ก็พากันเดินลัดสนามบอล
ไปยังลานกิจกรรมเพื่อรอหัวหน้าสีของตัวเองเรียกรวม ซึ่งสำหรับแผนกช่างแล้วก็
ตามแถบสีที่ติดอยู่บนอกเสื้อช็อปนั่นแหละ จะมีก็แต่ฝั่งพาณิชยกรรมนั่นแหละที่
ต้องมาดูตามสีเสื้อพละที่ได้อีกที แล้วก็บังเอิญที่สีชมพูกับสีฟ้าได้นั่งรวมข้างกัน
ทั้งห้าคนก็เลยไม่ได้แยกกันไปไหน แต่นั่งรวมกองกันอยู่ด้านหลังสุดที่
เป็นรอยต่อของทั้งสองแผนกนั่นแหละ
“ขอตัวแทนมวยสากลด้วยครับน้อง/ ขอตัวแทนมวยสากลด้วยค้า~” หัวหน้า
สีฟ้ากับหัวหน้าสีชมพูพูดบอกออกมาพร้อมกัน หลังจากที่รับสมัครตัวแทนนักกีฬาใน
แต่ละประเภทครบหมดแล้ว เหลือมวยสากลเป็นอย่างสุดท้าย เพราะเป็นกีฬาที่มีคนดูเยอะ
แต่คนสมัครน้อย ซึ่งคนชนะจะเสมอตัว ไม่โดนชม ไม่โดนด่า แต่ถ้าแพ้ก็เตรียมตัวอับอาย
ไปจนสิ้นสุดปีการศึกษานั่นแหละ เพราะจะต้องมีพวกปากมากไม่สร้างสรรค์หาเรื่องเกทับอยู่ตลอดเวลา
“ไอ้โซ่ลุกมา” ประธานสีที่เป็นนักเรียนในค่ายมวยของตาโซ่เอ่ยเรียกเสียงดัง
ทำเอาสมาชิกช่างยนต์และช่างไฟแตกฮือเพราะเป็นที่รู้กันดีของทั้งสองกลุ่มว่าโซ่เป็น
พวกไม่สุงสิงกับใคร เวลาเพื่อนมีเรื่องก็จะนั่งฟังเพลงรออยู่ที่รถเฉยๆ จนกว่าเพื่อนจะ
ตีกันเสร็จ ซึ่งก็น่าจะชกต่อกับใครเขาไม่เป็น แล้วทำไมถึงได้เลือกไอ้โซ่? เกลียดไอ้โซ่?
แค้นไอ้โซ่? ส่งไอ้โซ่ไปตาย? เอาแต่สงสัยและพูดกันไปต่างๆนาๆ ด้วยความไม่รู้
“ผมลงมวยเองเจ้” พอร์ชยกมือขึ้นบอกกับประธานสีซึ่งเป็นสาวประเภทตัวแทน
จากแผนกเลขาฯของตัวเองทันทีที่โซ่เดินออกไปตามเสียงเรียกของประธานฝ่ายโน้น
นั่นทำให้มีประเด็นฮือฮามากขึ้นมา เพราะเมื่อไม่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วยังเห็นทั้งสองคนนั่ง
ร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันอยู่เลย แถมยังดูสนิทกันอีก
“บันเทิงพอไหมละครับเพื่อนมึง?” แวนหันไปถามกับเพื่อนคนคนเดิมที่คุยเรื่อง
พอร์ชกับโซ่ด้วยกัน ก่อนที่จะเข้าโรงอาหาร
“กูนึกภาพไม่ออกเลยว่ะ” เขาทำหน้าสยอง ทำขนลุกขนพองตอบกลับแวนที่นั่ง
หัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ
“น้องพอร์ชลงบอลแล้วไม่ใช่หรอจ้ะ?” ประธานสีของพอร์ชถาม เพราะก่อนหน้านี้
พอร์ชได้ลงสมัครเข้าทีมฟุตบอลไปแล้ว
“ลงแล้วก็ลงอีกได้นี่เจ้ มวยกับบอลมันแข่งคนละเวลากัน” พอร์ชบอก
“ไม่ได้ๆ น้องพอร์ชสุดหล่อก็รู้ว่าสีชมพูของเราคาดหวังกับแชมป์ฟุตบอลสาม
สมัยแค่ไหน เพราะฉะนั้นเจ้ให้นักฟุตบอลลงกีฬาอย่างอื่นซ้อนไม่ได้ โดยเฉพาะมวย
สากลที่อาจจะเจ็บหนักจนถึงขั้นแข่งอย่างอื่นต่อไม่ได้” คุณพี่ประธานสีเธอให้เหตุผล
เพราะนักกีฬามวยสากลของปีที่ผ่านๆมามักจะจบลงที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกหามเข้าโรงพยาบาล
“แต่…”
“ผมลงมวยเองเจ้” ยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้พูดต่อ ใครบางคนก็ลุกขึ้นมาแทรก
บทสนทนา ยกมือเสนอตัวเองลงแข่งมวยสากลตัดหน้าพอร์ช
“ไอ้เหี้ยป้อง!” พอร์ชเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนร่วมแผนกเสียงแข็ง เพราะ ‘ป้อง’ หรือ
‘ปกป้อง’ เป็นผู้นำของห้องสอง ส่วนพอร์ชก็เป็นหัวโจกห้องหนึ่งที่เพื่อนๆพี่ในแผนกไว้ใจ
เหมือนกับที่เขาว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เพราะแม้ว่าพวกเขาจะไม่กระโจนต่อย
ตีกันทุกครั้งที่เจอหน้า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาทั้งคู่จ้องหาจังหวะโจมตีกันอยู่ทุกครั้งไป
“ได้จ้ะ…ถ้าเป็นน้องป้องเจ้โอเค” คุณเจ้ประธานตอบรับในทันที เพราะปกป้องยัง
ไม่ได้ลงสมัครเข้าร่วมกีฬาใดๆทั้งสิ้น จึงเหมาะมากที่จะให้ลงแข่งมวยสากล
ปึก ปึก
“ไม่ต้องห่วงนะ เด็กมึง…กูจะดูแลให้เป็นอย่างดี” หลังจากลงชื่อเสร็จ ปกป้อง
เดินตรงเข้ามาตบไหล่ กระซิบบอกข้างหูพอร์ชด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยั่วยวน
กวนประสาท จนพอร์ชต้องกัดฟัน กำหมัดไว้แน่น เพราะไม่อาจที่จะลงมือได้นอนนี้
เนื่องจากว่ามีอาจารย์อยู่มากเกินไป แม้ว่าความจริงแล้วอยากจะยกแข้งขึ้นฟาดหน้าปกป้องมากก็ตามที
“อย่าให้ถึงคราวกูก็แล้วกัน” พอร์ชพูดบ่นเสียงแข็ง เพราะรู้สึกหัวเสียที่ถูก
ปกป้องปาดหน้าลงชื่อเข้าแข่งมวยสากลแทนตัวเอง อีกทั้งยังพูดดักทางเหมือนกับ
ว่าเจ้าตัวนั้นรู้เรื่องระหว่างเขากับโซ่เป็นอย่างดี
“คุณพอร์ชอยากต่อยกับคุณโซ่หรอครับ” บุญล้อมแกล้งถาม
“ต่อยบ้านมึงสิ! กูแค่ไม่อยากให้เพื่อนมึงเจ็บตัวเปล่า ไอ้ป้องน่ะยูโดสายดำ
ลูกชายเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเลยนะเว้ยมหา…อย่าทำเป็นเล่นไป” พอร์ชบอก
ที่เขาจะลงสมัครชกมวยกับโซ่ก็เพราะว่าไม่อยากจะให้โซ่เจ็บตัวมากนัก เพราะรู้ดีว่า
เพื่อนๆพี่ๆในแผนกเขาหลายคนไม่ชอบขี้หน้าโซ่สักเท่าไหร่ เพราะความนิ่งและชอบ
สุงสิงกับใครของเจ้าตัว จึงถูกมองว่าหยิ่งไปโดยปริยาย เพราะก่อนหน้านี้
เขาเองก็มองว่าโซ่เป็นแบบนั้นเช่นกัน
“คุณพอร์ชลืมไปแล้วหรอครับว่าคุณโซ่น่ะก็ทายาทแชมป์โลกมวยไทยนะครับ”
บุญล้อมกระซิบบอกข้างหูพอร์ชเพราะเบาๆ เพราะนอกจากพวกเขาแล้ว ยังไม่มีใครรู้เรื่อง
ที่โซ่เป็นหลานค่ายมวยดังประจำจังหวัด
“เออว่ะ แต่กูก็ไม่อยากให้มันเจ็บตัวอยู่ดีว่ะมหา” พอร์ชบอกอย่างเป็นกังวล
เพราะยังไม่รู้ระดับฝีมือการต่อยมวยที่แท้จริงของโซ่ พอร์ชจึงไม่วางใจนัก
“เอางี้นะครับ…คืนนี้สี่ทุ่มตรงมาเจอกันที่หน้าปากซอยบ้านคุณโซ่ แล้วผมจะ
พาคุณไปเปิดหูเปิดตา จะได้เลิกห่วงคุณโซ่แล้วหันมาห่วงชีวิตตัวเองแทนสักที”
บุญล้อมหันซ้ายแลขวามองดูให้แน่ใจก่อนว่าโซ่ยังไม่ได้เดินกลับมานั่งที่ ยื่นหน้าเข้า
ไปกระซิบนัดแนะเวลาและสถานที่กับพอร์ชเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ตกลง”
TBC.