เย็นวันนั้นผมเลิกงานด้วยอารมณ์เซ็งสุดๆ เซ็งจนขนาดพวกเพื่อนๆในแผนกชวนกันไปกินเหล้า ผมยังไม่มีอารมณ์กิน ตัดสินใจกลับก่อน แต่พอมาถึงรถ ผมกลับเจอคนที่ไม่น่าจะอยู่ตรงนี้
“ทำไมมาอยู่นี่ งานเลี้ยงเลิกแล้วเหรอ” ผมถามเสียงห้วนทั้งที่ใจฟูคับอก
“ไม่รู้สิ ไม่ได้ไป” เรย์ตอบเสียงเรียบๆแล้วยักไหล่ นานๆมันจะทำท่ากวนๆแบบนี้ที
“อ้าว แล้วนายไม่ว่าเหรอ”
“โดนนายด่า ดีกว่าต้องเจอมึงหงุดหงิดใส่ คนไรวะ ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย นึกจะงอนก็งอน” เรย์บ่นงึมงำ แต่ไม่มีท่าทางว่าจะโกรธ
“กูไม่ได้งอน”
“จริงอ่ะ”
“เออ อย่าพูดมาก รีบขึ้นรถเลยมึง” ผมแกล้งสำทับเสียงดัง เพื่อกลบเกลื่อนรอยยิ้ม พยายามดึงมุมปากที่ยกสูงลงมาอย่างยากเย็น
“อะไรวะแม็ค ทำไมของเต็มหลังรถแบบนั้น” เรย์บ่นเบาๆ เมื่อเข้ามาในรถแล้วหาที่วางแฟ้มงานไม่ได้
ผมได้แต่ยิ้มๆ เรื่องอะไรจะบอก พอไปถึงคอนโด เรย์ก็หอบแฟ้มเต็มอ้อมแขนขึ้นไปก่อนโดยที่ผมไม่ได้ช่วยถือเหมือนเคย จะให้ช่วยได้ไง ก็ผมมีอย่างอื่นที่ต้องถือนี่นา
พอเข้าไปในห้องก็เห็นแต่แฟ้มกองอยู่ที่โต๊ะรับแขก ส่วนเจ้าตัวคงกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องเหมือนทุกวัน ผมรีบเอาของที่หอบมา ขนไปไว้ในครัว ทั้งเค้กวันเกิด ทั้งดอกไม้ที่สั่งจากร้านดัง ที่พนักงานอุตส่าห์มายืนรอผมแต่เช้า จ่ายค่าเสียเวลาให้เขาไปเยอะ แต่ก็คุ้มแสนคุ้มที่ได้ของดีที่สุดมาให้คนน่ารักที่สุด.....แล้วก็....
ผมแตะกระเป๋าสะพาย ของขวัญสุดพิเศษที่ผมสั่งทำมาให้มันโดยเฉพาะ เซอร์ไพรท์วันเกิดที่เกือบแห้ว เพราะไอ้หุ้นส่วนขี้หลี
เสียงเรย์ปิดประตูตู้ดังกุกกักมาจากห้องแต่งตัว ผมเหลียวมองของที่วางไว้เต็มโต๊ะแล้วไม่รู้จะซ่อนยังไง ขืนปล่อยไว้แบบนี้เรย์คงมาเจอแน่ๆ ทางที่ดีต้องหาทางกำจัดเรย์ออกไปก่อน
“จืด...มึงซื้อน้ำแอปเปิ้ลมาไว้มั่งป่ะ”
“เปล่า มึงจะกินเหรอ”
“เออ...ไปซื้อให้กูหน่อยสิ”
“อืม...รอเดี๋ยวละกัน”
เรย์มันน่ารักอย่างนี้แหละครับ ไม่ว่าอะไรที่ผมต้องการมันไม่เคยขัด ออกจากห้องนอนมาก็คว้ากระเป๋าตังค์กับคีย์การ์ดแล้วออกไปซื้อของให้ ผมโยนกระเป๋าสะพายไว้บนเตียงนอน ก่อนจะวิ่งกลับมากวาดแฟ้มของเรย์ออกจากโต๊ะ แล้วรีบไปจัดอาหารทั้งหมดใส่จาน เอามาเรียงเต็มโต๊ะก่อนจะจุดเทียนหอมทยอยตั้งเรียงไปรอบๆห้อง แล้วปิดไฟ แทบวิ่งมาถึงหน้าประตูไม่ทันตอนที่ได้ยินเสียงล็อกประตูดังขึ้น
“อ้าวทำไม...”
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...........”
เรย์หันมามองผมตาค้าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาหยดเผาะๆลงมาเป็นสาย ผมรีบดึงหัวมันมาซุกกับอก แล้วร้องเพลงต่อไปจนจบมันก็ยังไม่หยุดร้องไห้ ผมเลยต้องอุ้มมันไปวางที่โต๊ะอาหารซะเลย
“จะไปไหน?” เรย์ยึดชายเสื้อผมไว้แน่น แถมทำตาเว้าวอนเสียอีก หึหึ ไม่ตบะแตกคืนนี้จะไปตบะแตกคืนไหน
“แป๊บเดียว ไปเอาของสำคัญในครัว...แล้วจะรีบมากอดรับขวัญ”
“ไอ้บ้าแม็ค พูดดีกันได้ไม่เกิน10คำจริงๆ”
ผมยกเค้กที่จุดเทียนเรียบร้อยแล้วออกมาวางตรงหน้า แล้วร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ท่อนสุดท้ายให้เรย์ ขณะที่เรย์มองผมด้วยสายที่เปิดเผยความรู้สึกข้างในออกมาจนหมด
“อธิษฐานสิจืด”
“อืม...” เรย์หลับตาพริ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก็เป่าเทียนจนดับหมด ก่อนจะมองหน้าผมแล้วยิ้มหวานหยด
“กูมีของขวัญให้ หลับตาก่อนสิ”
“อะไรว้า แค่นี้ก็เซอร์ไพร์ทจะตายแล้ว” ปากบ่น แต่เรย์ก็ยอมหลับตาง่ายๆ ผมวางเค้กลงบนโต๊ะ แล้วดึงหน้ามันมาจูบเบาๆ เรย์ลืมตามามองผมงงๆ
“กูรักมึงนะเรย์ รักแบบคนรัก ไม่ใช่เพื่อน แล้วที่ผ่านมามันก็ไม่ใช่แค่เซ็กเฟรนด์อย่างที่มึงคิด”
“รัก...” เรย์หลุดปากออกมาคำเดียว น้ำตาก็กลิ้งลงมาบนแก้มอีกแล้ว แต่คราวนี้ผมเช็ดให้มันด้วยปากผมแทน
“ทำไม...” คงอยากจะพูดอะไร แต่น้องจืดของผมสะอื้นซะก่อน เลยไม่ได้พูด ผมก็เลยต้องพูดแทน
“ความจริง กูเตรียมของขวัญวันเกิดไว้ให้มึงนะเรย์ แต่กูคิดว่า ถ้ามึงใจตรงกับกู ก็คงไม่มีอะไรที่มึงอยากได้มากกว่าคำนี้...นอกจากมึงจะไม่ได้คิดเหมือนกัน”
“แม็ค...รักแม็คนะ” เรย์ตอบผมละล่ำละลักทั้งที่น้ำตายังเต็มหน้า
“กว่าจะพูดได้...ฮะๆๆ รู้มะ กูรอคำนี้มาทุกวันเกิดเลย นึกว่ามึงจะกล้าพูด สุดท้าย ก็รอไม่ไหว ต้องเป็นคนบอกซะเอง”
ผมประคองหน้าเรย์ให้จ้องตากับผมเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกของผมให้เรย์ได้รับรู้
“จำไว้นะเรย์ ว่าคนที่กูรักมีแค่มึงคนเดียว และจะเป็นอย่างนั้นไปจนกว่าเราจะตายจากกัน กูสัญญา”
เรย์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ แต่ผมอยู่ในอารมณ์อื่นมากกว่า อยากจะถ่ายทอดความรู้สึกผ่านภาษากาย ไม่ใช่แค่ลมปาก
“เรย์...ให้แม็ครักเรย์นะ” เรย์ทำหน้างงๆทีแรก แล้วก็เบิกตากว้าง ผมเห็นแววจะโดนปฏิเสธเลยต้องป้องกันไว้ก่อน
ผมประกบปิดปากนุ่มไว้ สอดลิ้นเข้าไปเกียวกระหวัดกับลิ้นนุ่มๆ ได้ยินเสียงครางแผ่วของคนในอ้อมแขน ผมถือว่านั่นคือการตอบรับ เลยอุ้มเจ้าสาวเข้าห้องนอนซะเลย
พอหลังแตะที่นอน แมวน้อยน่ารักของผม กลับพลิกตัวหนีไปอีกด้าน ผมรู้สึกเสียดายวูบ คิดว่าเรย์คงเปลี่ยนใจ
เรย์หันกลับมามองผม แล้วหลบตา หน้าที่แดงอยู่แล้วเหมือนจะแดงจัดกว่าเดิมเมื่อมือขาวๆลงมือปลดกระดุมไล่ไปทีละเม็ด ลีลาเหมือนจะให้ดูเซ็กซี่ แต่ติดที่เป็นแสดงมือใหม่ เลยเขินๆขัดๆ แกะผิดแกะถูก มือสั่นเห็นแต่ไกลทีเดียว
ผมเลยถอยไปนอนหนุนแขน ดูโชว์มือใหม่อย่างตั้งอกตั้งใจ จริงๆแค่เสียงถอนหายใจ เรย์มันก็เซ็กซี่จะตายอยู่แล้ว จะต้องมาทำเป็นถอดผ้ายั่วทำไม...แต่นั่นแหละ เรื่องอะไรจะบอก ขืนบอก ผมคงไมได้เห็นลีลาน่ารักๆแบบนี้น่ะสิ
ผมไล่สายตาไปตามอกขาวเนียน แม้จะไม่ได้ดูเนียนจนผ่องเหมือนผิวผู้หญิง แต่ผิวละเอียดก็นุ่มและน่ามอง ยอด อกสีแดงเม็ดเล็กที่ผมลองลิ้มชิมรสมาไม่รู้กี่ครั้งตั้งเชิดขึ้น ด้วยอารมณ์หวาม ที่การันตีได้ด้วยรอยโป่งนูนในกางเกงชั้นในสีขาวเรย์ทำท่าเหมือนจะถอด แต่กลับชะงัก เดินขึ้นมาบนเตียงแล้วมาหยุดยืนคร่อมตัวผมไว้ เว้นระยะห่างระหว่างสะโพกกับหน้าผมไม่กี่คืบ
“ถอดให้หน่อยสิ” ทั้งที่เป็นคนสั่งเองแท้ๆ แต่พอผมเลื่อนตัวขึ้นนั่งจนใบหน้าอยู่ใกล้ๆส่วนโป่งนูนสีขาว เรย์ก็หลบตาผม และสั่นไปทั้งตัวตอนที่ผมกดจุมพิตบนรอยโป่งนูนตรงหน้า
ผมวาดมือช้าๆ จากข้อเท้าขึ้นมาตามปลีน่อง รู้สึกได้ถึงอาการขนลุกชัน ขณะที่รอยชื้นบนกางเกงในสีขาวก็ขยายวงออกไป ยิ่งเป่าลมร้อนๆเข้าใส่ ก็ยิ่งขยายตัวมากขึ้น
ผมเลื่อนมือไปถึงสะโพกกลม บีบเนื้อตึงสองข้างสะโพกเบาๆ แล้วรูดขอบกางเกงชั้นในสีขาวลงช้าๆ
แตะจุมพิตจากสะดือลงมาตามรอยร่นของขอบกางเกงใน กระทั่งส่วนร้อนผ่าวขาวเนียนปลายแดงก่ำดีดตัวออกจากปราการสีขาวที่ถูกร่นลงไปอยู่ที่หน้าขา ผมแตะจุมพิตบนส่วนยอดที่ชูชัน ขณะที่เรย์สะท้านเฮือกทั้งตัว
“แม็ค...จะ...เอ่อ...”
“ชู่วววว” ผมยกนิ้วขึ้นแตะปากตัวเองเพื่อปรามให้เรย์หยุดพูด แล้วลากลิ้นแรงๆไปจากปลายยอดปริ่มน้ำลงสู่ส่วนโคนก่อนจะตวัดลิ้นย้อนกลับขึ้นสู่ส่วนปลายใหม่อีกครั้ง ได้ยินเสียงเรย์อุทานเบาๆ ขณะที่สองมือจับศีรษะผมไว้แน่น
“อือ....”
ผมลากลิ้นผ่านส่วนปลายให้เปิดออก ดันลิ้นซุกไซ้ซอกซอนเหมือนจะแทรกเข้าไปข้างในรูเล็กๆที่ตอนนี้ปริ่มด้วยน้ำใสๆหยาดหยดออกมาตลอดเวลา เรย์ทรงตัวไว้ไม่อยู่ทรุดลงนั่งบนตักผม หอบหายใจแรง แต่เชิญชวนผมด้วยตาหวานปรือปรอย ผมแนบปิดปากนุ่ม ดูดกลื้นลิ้นอุ่นอย่างตั้งใจ ร่างในอ้อมแขนขยับเข้าหาเหมือนมีแม่เหล็กดูด
ผมผละจากปากนุ่มๆเพื่อสูดกลิ่นหอมจากแก้มและซอกคอขาว ขณะที่มือทั้งสองข้างก็กอบกุมสะโพกนุ่มตึงแล้วบีบเคล้นเบาๆ จู่ๆ เรย์ก็ชะงัก แล้วโดดลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำไปดื้อๆ ปล่อยให้ผมนั่งค้างอยู่ที่เดิม
“เรย์...” ผมตามไปเคาะประตูห้องน้ำเพราะลองบิดลูกบิดแล้ว แต่เปิดเข้าไปไม่ได้
“ขออาบน้ำก่อนนะแม็ค”
“เฮ้ย! มาอาบอะไรตอนนี้ล่ะ”
“แป๊บเดียว”
ผมได้แต่ถอนใจเฮือกด้วยความหงุดหงิด สรุปว่างานนี้ผมแห้วใช่ไหมเนี้ย
ผมเดินกลับมาทิ้งตัวบนเตียงอย่างเซ็งๆ ปลายเท้าสัมผัสกับอะไรบางอย่างเย็นๆ จึงลุกขึ้นมาดู ก็เห็นแผ่นซีดีที่ผมเพิ่งไรท์เพลงมา เพลงที่ฟังแล้วอดอมยิ้มไม่ได้
ผมเหลือบประตูห้องน้ำด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิม จะว่าไปก็รู้สึกเหมือนผมเอาเปรียบ เหมือนบอกรักเพื่อจะให้ได้ตัวเรย์ ความจริงผมก็รอเรย์มาหลายปีแล้ว ถ้าจะรอต่อไปอีกสักครั้ง จะเป็นอะไรไป
ผมสอดแผ่นซีดีลงกระเป๋า แล้วหยิบกล่องแบนๆออกมาแทน ข้างในมีสร้อยหนังถัก หน้าตาธรรมดาๆ แต่จี้ทองคำขาวที่คล้องมากับสร้อยเป็นตัวอักษร MR ตัวหนังสือสองตัวเกี่ยวพันกันไว้ เหมือนเรย์กับผม เสียงปลดล็อค เรย์โผล่หน้าออกมามองผมเขินๆ
“เม็ค หยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อยสิ”
ผมคว้าผ้าเช็ดตัวไปหยุดยืนหน้าประตูแล้วกางผ้าออก เรย์เขินอายกว่าเดิม แต่ก็ยอมเดินเข้ามาสู่อ้อมแขนแต่โดยดี
ผมใช้ผ้าขนหนูซับน้ำออกจากใบหน้าเส้นผม และทุกๆที่บนร่างกายของเรย์ สลับกับจูบเบาๆไปทุกที่ เพื่อตีตราร่างกายและหัวใจของคนๆนี้ไว้ ให้เป็นของผมคนเดียว
พอเช็ดตัวเสร็จผมก็หยิบชุดนอนมาสวมให้เรย์ ติดกระดุมให้เรียบร้อยแล้วอุ้มคนน่ารักที่ตอนนี้ทำหน้างุนงงสุดชีวิตไปนอนด้วยกันบนเตียง
“เอ่อ...แม็ค...ไม่....” เรย์ถามเสียงแผ่ว ท่าทางเขินอายปนออดอ้อนนั้นเกือบทำผมไขว้เขว
“ไม่ละ ไม่อยากให้เรย์คิดว่าที่บอกรักเพราะอยากได้ตัวเรย์ แต่อยากให้เรย์จำคืนนี้ไว้ อยากให้จำคำพูดทุกคำไว้
ให้ดีๆ...แล้วรอดูว่าคนคนนี้จะรัก และทำตามสัญญาได้จริงหรือเปล่า”
ผมส่งความรู้สึกทั้งหมดผ่านทั้งคำพูดและสายตา ขณะที่คล้องสร้อยรอบคอเรย์ เรย์ก้มมองสร้อยที่ผมใส่ให้ ลูบไล้จี้เบาๆแล้วเงยมามองหน้าผมด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจผมเต็มตื้น ด้วยความภาคภูมิ....สายตาแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจ
“แม็ค...” เรย์เบียดเข้ามากอดรอบลำคอผม แล้วซุกหน้าซบกับอก
ผมขยับอ้อมแขนให้กระชับขึ้น กอดด้วยความรู้สึกรักทั้งหมดที่มี ในใจเบ่งบานแช่มชื่น ราวกับต้นไม้ใหญ่ในอกผมมันกำลังผลิดอกออกผล ต้นไม้ที่เติบโตและงอกงามมาได้ด้วยคนตัวเล็กๆที่ยืนหยัดเคียงข้างผมมาตลอด…
ฝนที่ครึ้มมาแต่เช้าค่อยๆโปรยปรายลงมาช้าๆ และแน่นอนว่ารถติดวินาศยิ่งกว่าที่เคยติดหลายสิบเท่า หลายคนบีบแตรไล่รถคันหน้าอย่างหงุดหงิด...แต่ไม่ใช่ผม
เสียงฝนกระทบหลังคาดังแปะๆ แทรกด้วยเสียงแตรรถและเสียงเครื่องยนต์ แต่ในรถกลับเงียบสงบเพราะเราสองคนไมได้พูดอะไรกันสักคำ นอกจากจะแวะเวียนส่งสายตาและรอยยิ้มให้กัน
บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้น่ารำคาญแม้แต่น้อย แต่ผมมีอะไรอยากบอกคนข้างๆผมนี่นา ผมเลือกซีดีแล้วเปิดเพลงที่เตรียมไว้ให้คนข้างๆฟังโดยเฉพาะ.....
เรย์หันมามองหน้าแล้วทำโตที่ได้ยินเสียงผมร้องเพลงนี้ ก่อนจะเอนตัวพิงพนัก จ้องมองที่สัญญาณไฟจราจรข้างหน้า สลับกับเหลือบมองหน้าผมเป็นระยะๆ
ช่วงเวลาดีดีที่เธอและฉันไม่ต้องกังวลอะไร
เป็นช่วงเวลาดีดีที่เราทั้งสองจะมีแต่ความเข้าใจ
วันนี้เป็นวันดีดี วันนี้เราควรจะทำอะไร
ผมชะโงกไปหอมแก้มขาวๆฟอดใหญ่ เพื่อบอกว่าผมอยากทำอะไรตอนนี้ เรย์ทำหน้าตื่นเหลียวไปมองรอบๆรถแล้วหันมาย่นจมูกใส่ผม
วันที่อะไรอะไรก็ดูจะเหมือนจะคอยเป็นใจให้กัน
วันนี้จะทำอะไร ก็ดูจะเหมือนไม่ต้องระแวดระวัง
วันนี้คือวันดีดีมีฉันและเธอคนดีเท่านั้น
มีบรรยากาศฝนตกรถติดช่วยฉัน
ยังมีมือเปล่าว่างอยู่ให้จับเท่านั้น
ลองดูที่แก้มฉัน เธอนั้นว่ามีอะไร
เอามือไปแตะหน้าผากว่าตัวร้อนไหม
เอาเธอมากอดข้างกาย ไม่แบ่งใครๆ
มีเราเพียงเท่านั้น มีเธอและมีฉัน
อยู่ในวันสำคัญ ของเรา
คิดจะเอาอะไรก็ดูจะเหมือนจะง่ายจะดายอย่างใจ
อยากได้อารมณ์อะไรจะเย็นจะร้อนจะช้าจะเร็วอย่างไร
เธอนั้นพูดมาดีดี ฉันพร้อมให้เธอคนดีทุกอย่าง
อยากให้มันเป็นยังไง
จะยืนจะล้มจะนั่งจะนอนอย่างไร
ปวดเนื้อเมื่อยตัวยังไง
ไม่นานไม่ช้าก็คงจะคลายกันไป
มีพร้อมแค่เรื่องดีดี เธอพร้อมที่จะยินดีอีกไหม
มีบรรยากาศฝนตกรถติดช่วยฉัน
ยังมีมือเปล่าว่างอยู่ให้จับเท่านั้น
ลองดูที่แก้มฉัน เธอนั้นว่ามีอะไร
เอามือไปแตะหน้าผากว่าตัวร้อนไหม
เอาเธอมากอดข้างกาย ไม่แบ่งใครๆ
มีเราเพียงเท่านั้น มีเธอและมีฉัน
อยู่ในวันสำคัญ ของเรา
ก็แค่ไม่อยากให้วันนี้ผ่านพ้นไป
จะทำยังไง อยากหยุดเวลาไว้
ในวันที่มันปลอดภัย
มีเธอที่เคียงข้างกาย สองเรา …………..เรย์ไม่ยอมสบตาผม แต่แก้มสองข้างแดงก่ำ และอมยิ้มน้อยๆ ผมดึงมือขาวๆมาวางไว้บนเข่าผม และกุมเอาไว้แน่น ฝนจะตก รถจะติดสักแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้ผมหงุดหงิดใจเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้ช่วงเวลาแบบนี้มันจบลงด้วยซ้ำ
“เรายังมีพรุ่งนี้ด้วยกันอีก...ไม่ใช่เหรอ” เรย์พูดขึ้นมาลอยๆเมื่อเพลงจบลง
“มีหรือไม่มีก็ไม่สำคัญหรอก...ขอแค่ทุกวินาที ‘มีเรา’ ไปคนกว่าจะตายจากกันก็พอแล้ว”
“แหวะ...เน่าว่ะ”
“แล้วรักไหม”
“อือ”
ผมกดเล่นเพลงเดิมซ้ำอีกรอบแล้วอดยิ้มไม่ได้เมื่อเรย์ขยับมาพิงไหล่ผมโดยไม่กลัวสายตาของรถคันข้างๆอีก ต้องขอบคุณสายฝนข้างนอกสินะ ที่ทำให้คนขี้อายกล้าทำอะไรแบบนี้
จบ
.......
ขอบคุณที่ติดตามอ่านเรื่องสั้นนะคะ ตอนนี้ก็คงต้องรอลุ้น เงาฝัน กันต่อว่าจะมาเมื่อไหร่ คนโพสก็รออยู่เหมือนกันคะ