-18-
คำสัญญาของเจ้าชายแห่งดวงจันทร์
กี๊ซซซซซซซซ
เสียงร้องบาดหูของอสูรกายที่ใกล้จะถือกำเนิดดังสะท้านห้องลงทัณฑ์ มนุษย์อย่างผมต่อให้อุดหูสนิทแค่ไหนก็ยังปวดหูแทบตาย ไม่ต้องสืบเลยว่ากระต่ายกับหมาป่าที่มีประสาทสัมผัสด้านการรับฟังดีกว่ามนุษย์ตั้งหลายเท่าจะตะลัลล้ากันขนาดไหน
“โอย หูข้า...” เจ้าดำเซริมแทบลงไปแดดิ้นที่พื้น คนอื่นๆ ยังดีหน่อยที่รักษาภาพพจน์กันได้ดีเยี่ยม ยืนนิ่งทั้งที่คิ้วขมวด ปิดตาแน่น กัดฟัดกรอด ต้องขอยกนิ้วให้เลยว่าความอดทนของพวกนายนั้นช่างเป็นเลิศในใต้หล้า
“ไม่ได้การ มันเริ่มกัดกินเครื่องสังเวยแล้วขอรับ!”
ฟาฮาหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนท้องผูกถ่ายไม่ออกมาสามวันติด ซาวน์เอฟเฟคที่เป็นเสียงเขมือบแบบตะกรุมตะกรามดังขึ้นชวนสยองหนักประหนึ่งผมได้หลุดเข้ามาอยู่ในหนังสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน พอลองกวาดสายตาไปทางซ้ายหวังหาที่พึ่งให้ชวนอุ่นใจขึ้น ก็พบว่าเจ้าม่วงของผมกำลังยืนหน้าทะมึนบ่งบอกว่ากูโคตรกลุ้มอยู่ เบนไปทางขวาอีกนิดก็ปะทะเข้ากับดวงตาสีฟ้าที่มองมาแบบโคตะระจะกดดันกัน
เทรซัสครับ... ไม่ต้องมองผมซะเย็นเยียบขนาดนั้นก็ได้ ลูกกะตาคุณแทบจะพ่นน้ำแข็งใส่หน้าผมได้อยู่แล้ว!
อย่าลีลาให้มันมาก
จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ
หรือจะรอจนกว่า 'ไอ้นั่น' มันฟักตัวออกมาก่อนค่อยตัดสินใจได้!?
ความคิดอีกฝ่ายอ่านได้ไม่ยากเลยจากสายตาที่มองมา แม่งทั้งเร่งทั้งกดดัน บีบคั้นจิตใจอันแสนบอบบาง(?)ของผมอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทำไมทุกสิ่งมันต้องมาลงที่ไอ้วีสุดหล่อคนนี้ตลอดเวย์เลยครับ หน้าที่เสียสละแห่งชาตินี้ไม่ต้องยัดให้ผมบ่อยนักก็ได้ ...กูเข็ดจะแย่แล้วนะ!
ผมฟาดฝ่ามือลงแก้มดังเพี๊ยะเรียกกำลังใจ ไม่ลุยอย่างสง่างามตอนนี้ก็ไม่รู้จะมีโอกาสได้ทำตอนไหนอีกแล้ว (ใช่เหรอวะไอ้วี?)
“เอ้า แทงมาเลย! ผมพร้อมแล้ว!” ผมปิดตาตะโกนดังลั่น กางสองแขนออกเตรียมพร้อมรับความเจ็บเต็มที่ นาทีนี้ไม่รู้ว่านับแกะแล้วจะช่วยอะไรไหม ขาผมแม่งสั่นพั่บๆ ไปหมดแล้ว!
หมาป่าสีหมอกได้ยินดังนั้นก็ช่างทำงานได้ว่องไวทันใจนัก ผมบอกให้แทงก็แทงฉัวะลงมาเลยแบบไม่มียั้งมือเลยสักกะนิด ชั่วขณะที่ปลายดาบเสือกตัวเข้ามาในพุงผ่านชั้นเนื้อหนังและไขมันอันอุดมสมบูรณ์ มันจุกก่อนค่อยรู้สึกเจ็บจนแทบจะลงไปชักดิ้นชักงอร้องงอแงบนพื้น ในจังหวะที่โลหะสีเงินถูกดึงชักกลับไป เลือดพลันทะลักออกมาเป็นสายน้ำพร้อมกับสติที่ถูกดีดผึงจนแตกกระเจิง
“อึก...!!!” สองมือกอบกุมบาดแผลที่เจ็บจี๊ดถึงใจลามไปถึงตับไตไส้ติ่ง เชอเชสหน้าตาตื่นรีบก้าวเข้ามารับร่างผมไว้ก่อนที่จะหงายหลังล้มลงจูบพื้น เสื้อผ้าชุดหนาของผมเปียกชุ่มไปด้วยสีแดงเลือด มือหนึ่งถูกกอบกุมไว้คล้ายกับคนใกล้ตายที่มีคนรักคอยดูใจอยู่ข้างๆ เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต
เชี่ย...ไม่เอาช็อตนี้ได้ไหม ผมยังไม่ตายและไม่พร้อมจะตายตอนนี้ด้วย!
“ร..รีบเอาเลือดผม...ไปใช้...เร็ว..เข้า.....”
ผมพยายามพูดให้เป็นภาษาที่สุดเท่าที่แรงอันน้อยนิดจะเอื้ออำนวย โดยลืมไปซะสนิทว่าตัวเองสามารถสื่อสารภาษาใจกับสิ่งมีชีวิตสีม่วงแถวนี้ได้
เชอเชสผงกหัวรับคำ รีบใช้เวทย์เดิมดูดกลืนเลือดทั้งหมดของผมขึ้นจากพื้นและเสื้อผ้าที่เปียกชุ่ม บอลเวทย์ลูกใหญ่บรรจุเลือดของผมไว้เต็มอัตรา ปริมาณมากกว่าที่ผมกับไอ้ธาเคยไปบริจาคที่สภากาชาดไทยร่วมกันซะอีก
ทีแรกผมก็คิดว่าเชอเชสจะซัดบอลเลือดลูกนั้นไปตรงกลางห้องเพื่อสลายอาคม ทว่าไม่ใช่ เขาใช้มันซัดใส่เส้นใยสีดำเหนียวหนืดที่ปิดกั้นทางเข้าออกห้องนี้แทน จากห้องที่ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาจึงค่อยคลายออกเผยให้เห็นทางรอดที่ทุกชีวิตในที่นี้พร้อมจะกระโดดเข้าใส่ ถ้าผมยังวิ่งไหว กูนี่แหละครับจะเป็นคนแรกที่พุ่งตัวออกไปจากห้องนี้ก่อนใครเพื่อนเลย
“อย่าชักช้า รีบไปจากที่นี่เร็วเข้า!”
เจ้าม่วงออกคำสั่งกับสององครักษ์และหนึ่งนายกองจากต่างแดนทันทีที่เส้นทางเปิดออก แต่เพราะความกว้างมันเหลือแค่พอให้หนึ่งคนเดินผ่านได้ เชอเชสเลยจัดท่าให้ผมใหม่เปลี่ยนเป็นขึ้นขี่หลังเขาแทน ซึ่งการตกอยู่ในท่วงท่านี้มันทำให้เลือดจากบาดแผลของผมกระฉูดแล้วกระฉูดอีก เจ้าม่วงวิ่งทีปากแผลก็เปิดที เลือดมันเลยทะลักออกมาไม่หยุด กลิ่นสนิมเหล็กลอยตลบอบอวลจนผมคิดว่าชีวิตนี้คงไม่รอดแน่แล้ว...รอดได้กูแม่งโคตรตายยากเลยเหอะ สติสัมปชัญญะกำลังขาดลงทุกขณะ ทว่าความระทึกครั้งใหม่ที่ไล่หลังตามมาแม่งดันเสือกเป็นนาฬิกาปลุกชั้นดีที่ทำให้ผมตาสว่างยิ่งกว่ากระดกคาเฟอีนเข้าไปสามถ้วยติด
ฮว้างงงงงงง
เสียงคำรามลั่นของอสูรกายที่เพิ่งถือกำเนิดดังขึ้นประกาศศักดา ไอเย็นแผ่อนุภาพจนทุกชีวิตที่ตกอยู่ในอาณาเขตของมันขนลุกวาบไปทั่วสรรพางค์กาย หัวใจสัมผัสได้ถึงความกลัวที่ฝังลึกลงในจิตวิญญาณ เสียงโครมครามที่ดังไล่หลังตามมาทำเอาผมลืมเจ็บไปชั่วขณะ สิบเล็บเผลอกดจิกบ่าเจ้าม่วงแน่น ได้แต่เร่งบอกให้เจ้าม่วงขยับเท้าไวขึ้นอีกนิดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น(?)
“เชอเชส พวกเด็กในกรงขัง!”
ผมร้องเตือนเมื่อการพังทลายของปราสาทมันเริ่มหนักขึ้นพร้อมกับตัวอะไรบางอย่างที่ยากจะจินตนาการถึงกำลังไล่หลังตามมา เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังอื้ออึงพร้อมกับมือหลายคู่ยื่นออกมาไขว่คว้าขอความช่วยเหลือ
“ทราบแล้วครับ” เชอเชสรับคำอย่างว่าง่ายก่อนหันไปสั่งให้ฟาฮากับเซริมช่วยทำลายแม่กุญแจลงเพื่อปลดปล่อยเหล่าคนที่ถูกจับตัวมากักขังไว้ไม่ว่าจะด้วยความผิดอะไรก็ตาม
ทันทีที่ได้รับอิสระจากผู้บุกรุก ทุกชีวิตที่รักตัวกลัวตายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงไม่รอช้ารีบโกยอ้าวออกจากที่คุมขังกันเร็วไว สองขาสับแข่งกับกระต่ายต่างอาณาจักรและท่านนายกองหมาป่าที่หน้านิ่งวิ่งอย่างไวไม่แพ้คนอื่น ครั้นไอหมอกสีดำพวยพุ่งขึ้นมาครอบงำทางเดินทุกตารางนิ้วเอาไว้พร้อมกับกลิ่นอายชั่วร้ายที่เหม็นเน่าบรรลัยตามมา จากสองขาที่พากันโกยหน้าตั้งในร่างมนุษย์จึงเริ่มเปลี่ยนร่างกลับไปเป็นหมาป่าตามเดิมแล้วพุ่งทะยานด้วยสี่เท้าแทน
เพียงพริบตาเดียว หมาป่าตัวเล็กตัวน้อยก็ซอยเท้าแซงหน้าพวกผมไปเรียบไม่เห็นฝุ่น เหลือทิ้งไว้แต่อีตัวข้างหลังที่ร้องฮว้างๆ ไล่ตามพวกผมมาอย่างกับแม่งน่ารักนักหนา ตาผมเริ่มปรือเมื่อเราหลุดออกมาจากทางลงไปยังชั้นใต้ดินกันได้ ยังไม่ทันจะได้งัดแรงที่เหลือร้องไชโยออกมาก็ต้องงับปากให้แน่นเพราะถูกปลายหอกนับสิบพุ่งจ่อมาที่คอหอย เหลือบตามองซ้ายขวาก็พบว่ามีเจ้าเด็กหมาป่าถูกทหารยามจับกุมตัวไปไม่น้อย ตาละห้อยหูตกกันไปตั้งหลายตัว
“ยอมวางอาวุธแล้วไปกับพวกเราซะ มิเช่นนั้น...” ยังไม่ทันที่นายทหารหมาป่าคนนั้นพูดจบ เสียงตูมที่ดังขึ้นพร้อมกับแรงกระแทกสนั่นหวั่นไหวพลันบังเกิดแบบไม่มีใครตั้งตัวติด
เจ้าสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้ไปเลียนแบบฉากเปิดตัวของก็อตซิลล่าอีท่าไหนได้ปรากฏตัวขึ้นเหนือผืนดินพร้อมกับปากที่อ้ากว้างส่งเสียงทำลายประสาทหูออกมาต่อเนื่องไม่หยุด ลำพังแค่เสียงกรีดร้องของมันก็แทบจะกระชากวิญญาณคนฟังให้ออกจากร่างได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่มีความทนทานต่ำอย่างผม ซ้ำยังบาดเจ็บหนักแทบปางตาย...
โอย... ใครก็ได้ ช่วยกดปุ่มฉุกเฉินเรียกหมอด่วน… ผมนี่จะไม่ไหวแล้วครัช......
อ่อก..ก....
“ฟาฮา รีบรักษาท่านวีแล้วพาไปรวมตัวกับคนอื่นๆ ซะ ทางนี้พวกข้าจะรับมือเอง!”
แว่วเสียงเจ้าชายกระต่ายยืนสั่งการด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ จากนั้นสติสตังผมก็ลอยละล่องไปในความฝัน ไม่นานก็รู้สึกถึงความอุ่นเหมือนมีใครเอาถุงน้ำร้อนมาวางไว้อยู่บนพุง ความเจ็บเริ่มเลือนหาย แทนที่ด้วยความสบายเหมือนกำลังนอนเล่นอยู่ในสวนหินที่แม่งทั้ง...หนาว...แข็ง... และเปียกชื้น?
เหวย?????
พรวด!
ผมทะลึ่งลุกพรวดขึ้นมาทำหน้าเหรอหราใส่คนที่กำลังเท้าคางจ้องผมตาแป๋ว
หัวดำๆ แบบนี้... ตาดำๆ แบบนี้... หน้าเกรียนๆ แบบนี้...
ทั้งชีวิตที่ผมรู้จักมันก็มีอยู่แค่คนเดียว!
“ไงมึง ตื่นจากนิทราแล้วเหรอจ๊ะ นึกว่าต้องรอให้เจ้าชายกระต่ายมาจุมพิตซะอีกถึงจะฟื้นขึ้นมาได้”
ว่าที่เทพกระต่ายแห่งดวงจันทร์ฉีกยิ้มจนตาเกือบปิด บนหัวมันมีลูกสุนัขตัวหนึ่งเกาะอยู่ บนบ่าข้างซ้ายก็มีอีกหนึ่ง บนตักมันก็ด้วย ตรงเท้ามันก็มี รอบๆ นี่ล้อมกรอบเป็นคอกเลยครับ...
“มึง... และนี่...” ผมชี้ไปที่ลูกหมาป่าสีขาว สีเงิน สีฟ้า สีเทา มีตั้งแต่ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ และตัวโตเต็มวัยให้เลือกสรร ถัดไปไม่ห่างมีฟาฮานั่งพักสายตาอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พี่กล้ามลูกน้องของเทรซัสคอยเฝ้าระวังให้พร้อมกับลูกน้องใต้การปกครองอีกหลายคน ผมลองมองซ้ายแลขวาดูแล้วก็ไม่พบคนอื่นอีก “เชอเชสกับคนอื่นๆ ล่ะ?”
คนที่กำลังฟัดพุงลูกหมาป่าอยู่แสยะยิ้มเหี้ยแบบไม่มี ม.ม้า ปิดท้ายออกมาแบบกะแซวผมเต็มที่ ตานี่วิ้งวับซะจนผมแทบจะกางสองนิ้วพุ่งไปทิ่มตาแม่งให้บอดทั้งสองข้างไปเลย
“อะไรๆ มองแบบนี้คือไร?”
“กูก็ไม่ได้อยากจะแซวอ่ะนะ แต่ตื่นมาก็เปิดปากถามหาสามีก่อนใครเพื่อนเลยนี่มันยังไงกันวะ เป็นห่วงเขา? รักเขาแล้วก็บอก หุหุ” มันยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะด้วยท่วงท่าที่บอกได้เลยว่าแรดมาก มีอุ้มหมาขึ้นมาเป็นโล่กำบังวิชาหมัดมวยของผมซะด้วย แมนชิบหายเลยใช้หมาเป็นโล่อ่ะ
“ตลกละ กูถามดีๆ เสือกกวนตีนกูอีก” ผมแจกค้อนมันวงใหญ่ก่อนก้มลงสำรวจพุงป่องๆ ของตัวเอง ไม่เจ็บ ไม่ปวด แถมเสื้อผ้ายังเป็นชุดใหม่แกะห่อ สวมทับอีกชั้นด้วยผ้าคลุมหนังสัตว์ผืนหนาที่ช่วยบรรเทาความหนาวไปได้มากโข “นี่มึงเปลี่ยนชุดให้กู?”
“เออ สำนึกบุญคุณกูด้วยล่ะ” มันยักคิ้วกวนบาทา จับอุ้งตีนหมาโบกไปมาด้วยท่วงท่าน่ารักแอ๊บแบ๊วเพื่อกวนตีนผม
“แล้วจะตอบคำถามกูได้ยัง?”
“เรื่องสามีมึง? คนอื่นๆ ? หรือจะเอาเป็นเรื่องเจ้าพวกนี้ก่อนดี?” ว่าแล้วมันก็ผายมือบอกให้รู้ว่า ‘เจ้าพวกนี้’ ที่มันพูด หมายถึงบรรดามะหมาสี่ขาครับที่นั่งกระดิกหางกันน่ารักน่าอุ้มกลับบ้าน
“ทุกอย่าง” เนื่องจากเสียเลือดไปมาก ถึงแม้จะได้รับการรักษาจนไม่หลงเหลือความเจ็บปวดแล้ว ทว่าร่างกายยังคงอ่อนเพลียและไร้เรี่ยวแรงจะทำอะไร ผมเลยตอบไอ้ธาสั้นๆ ก่อนเอนตัวลงนอนเป็นเบาะมนุษย์ให้ลูกหมาป่าสองสามตัวขึ้นมานอนขดพึ่งพิงไออุ่น แต่ละตัวน่ารักน่าบี้ทั้งนั้น ไว้เชอเชสกลับมาก่อน ผมจะขอเขาเอากลับไปเลี้ยงด้วยสักตัวสองตัว
“งั้นเริ่มจากเจ้าพวกนี้ก่อนละกัน” เจ้าเพื่อนบ้าเอาตีนหมามาประทับหน้าผม แล้วปล่อยเจ้าตัวสีขาวลงให้มันเลียแก้มผมอยู่อย่างนั้นด้วยความรักใคร่(?)
“ฟาฮาบอกว่ามึงเป็นคนเอ่ยปากขอให้ช่วยเด็กพวกนี้ออกมาจากคุก ตอนเขาพามึงมารักษาตัวที่นี่ เจ้าพวกนี้ก็ตามมาด้วย อยู่เฝ้ามึงไม่ยอมไปไหนเลยว่ะ”
ลูกหมาป่านับสิบพร้อมใจกันเห่ารับคำพูดของไอ้ธา บ้างกระโดดขึ้นมาเลียหน้าแสดงความรัก บ้างเอาหัวถูไถออดอ้อน ต่อมความรักสัตว์ในตัวผมพลันโลดแล่นขึ้นมาทันที อยากจะจับเจ้าพวกนี้ฟัดเรียงตัวชะมัด ติดก็แต่สังขารตัวผมนั้นยังไม่พร้อมให้ทำอย่างนั้นได้ เลยได้แต่นอนแบ็บให้ลูกหมาป่าพวกนี้ย่ำยี(?)ต่อไป
“ส่วนคนอื่นๆ ...” เจ้าเพื่อนหัวดำยังคงหาเรื่องยืดเวลาที่จะพูดเรื่องเชอเชสออกไป โดยหารู้ไม่ว่าผมขี้เกียจรอเลยต่อสายตรงหาเจ้าม่วงของผมไปแล้วเรียบร้อย และได้ความว่านาเทลที่เชี่ยวชาญการใช้เวทมนต์และอาคมทุกรูปแบบได้รุดหน้าไปช่วยเชอเชสต่อกรกับอสูรหมื่นราตรี(ที่ตอนแรกกูนึกว่าชื่อดักแด้สามศพซะอีก) ตอนนี้กำลังฟัดกันนัวเนีย เหลือแค่ทำลายแกนกลางของเจ้าอสูรนี่ได้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีกต่อไป
ทางด้านซอโรกับท่านลุงหมีดาเนสได้พบตัวคุณเชษฐ์แล้ว ทั้งสามคนรวมทั้งลูกน้องของแม่ทัพเจ็ดดาบกำลังไปช่วยพวกทิชากับจาเรลที่ห้องเก็บของหลังปราสาท ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง เพราะอาคมกลืนวิญญาณที่วางไว้เป็นกับดับมันร้ายกาจถึงขั้นติดหนึ่งในสิบอาคมต้องห้ามบนดวงจันทร์ ถ้าไม่ได้เลือดของมนุษย์โลกเป็นสื่อกลางในการทำลายอาคม ต่อให้มีเก้าชีวิตก็ยากที่จะเอาตัวรอด
เสียงคำรามของอสูรที่ถูกอัญเชิญด้วยมนต์ดำกู่ร้องดังก้องน่านฟ้า เรียกให้ผมผุดลุกขึ้นนั่งจนทำเอาหมาป่าตัวน้อยทั้งหลายที่ยึดตัวผมเป็นเตียงนอนกลิ้งตกไปหลายตัว
ไม่เพียงแค่ผมที่รับรู้ถึงพลังอันน่าสะพรึงของสิ่งมีชีวิตที่สยายปีกบินขึ้นเหนือยอดปราสาท เจ้าพวกขนปุยต่างพร้อมใจกันย้ายที่นั่งมาซุกหลังผมกับไอ้ธาเหมือนเห็นเป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่ละตัวหูตก ตัวสั่น หางจุกตูด มีก็แต่เจ้าขาวที่ไอ้ธาปล่อยมันเลียหน้าผมตัวเดียวเท่านั้นที่ตะเบ็งเห่าไอ้ตัวที่กระพือปีกบินอยู่ไม่ไกล
ตัวแค่นี้ยังทำเป็นซ่าส์ เดี๋ยวมันบินมาตามเสียงเรียกได้ตัวใครตัวมันนะเอ็ง...
อสูรตัวใหญ่ที่โผตัวขึ้นอวดศักดาเป็นสัตว์ประหลาดตัวเดียวกับที่ทลายชั้นใต้ดินแล้วปรากฏตัวขึ้นเหมือนก็อตซิลล่าในหนังก่อนที่สติของผมจะดับวูบไป ลำตัวสีดำมะเมื่อมนั้นช่างเด่นชัดเมื่อมันตัดกับท้องฟ้าสีเทาขาวของดินแดนน้ำแข็ง ส่วนหัวมันมีสามเศียร รูปหน้าเหมือนคนถักทอด้วยเส้นใยนับหมื่นเชื่อมต่อกับส่วนตัวที่เป็นสายระโยงระยางน่าขยะแขยง ริ้วสีดำโบกพัดไปตามสายลม เส้นสายสีดำเปรียบดั่งอาวุธใช้ทิ่มแทงทุกชีวิตที่เข้าใกล้
“เชี่ยแม่ง ตัวนี้ใหญ่กว่าที่กูเจออีก!”
ไอ้ธาผงะตามบรรดาหมาๆ ที่พร้อมใจกับขยับถอยหลังอย่างไม่ได้นัดหมาย จากคำบอกเล่าของนาเทลที่ส่งต่อมายังเชอเชสอีกที ทำให้ผมได้รู้ว่าเจ้าเพื่อนบ้านี่ก็พลีร่าง เอ๊ย พลีเลือดไปไม่น้อยเลยเหมือนกันกว่าจะรอดออกมาจากอาคมเจ้าปัญหานั้นมาได้
แต่คุณภาพชีวิตมันแลดูจะดีกว่าผมเยอะ เพราะอย่างน้อยนาเทลก็มีวิธีรับมือกับอาคมกลืนวิญญาณต่างจากเชอเชสที่ไม่ค่อยสันทัดด้านเวทมนต์เท่าไหร่ ไอ้ผมเลยจำเป็นต้องเสียเลือดไปเป็นลิตรกว่าจะเอาชีวิตรอดออกมาจากใจกลางของอาคมนั้นได้
“พวกนั้นจะไหวมั้ยวะ...”
ถามยังไม่ทันขาดคำ สายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมาจนเห็นเส้นแสงสีฟ้าเงินสว่างวาบไปทั่วบริเวณ อสูรหมื่นราตรีกรีดร้องเสียงแหลมสูง พ่นไฟผลาญสีดำทมิฬออกจากปากเป็นวงกว้างแต่กลับถูกสายน้ำที่ไม่รู้ผุดขึ้นมาจากตอไหนสาดโครมเข้าใส่จนเปลวไฟมอดดับลงเหลือเพียงแค่เขม่าควันไฟลอยละล่องในอากาศ
การโจมตีระรอกสองโถมเข้าใส่ทันทีไม่ให้อสูรหมื่นราตรีตั้งตัวทัน พายุใบมีดถูกเรียกใช้จนเห็นสายลมบิดเกลียวห้อขึ้นเป็นวงสูงเหมือนพายุทอร์นาโด เงาร่างสีดำทะมึนถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ เส้นสายร่วงกระจายเกลื่อนฟ้าจนดูคล้ายสายพิรุณสีดำจากระยะไกล
เสียงร้องกราดเกรี้ยวดังก้องกังวาน ปีศาจร้ายที่ถือกำเนิดขึ้นมนต์ดำพยายามดิ้นรนออกจากสายลมที่ผูกมัดตัวมันไว้กลางอากาศ แต่พันธนการจากจอมเวทย์ที่ไอ้ธาการันตีความเจ๋งไว้ประมาณสามหน้ากระดาษเอสี่นั้นร้ายกาจยิ่ง เพียงอาคมชั้นสูงหนึ่งบทก็สามารถฉีกกระชากร่างใหญ่โตจนขาดกระจุย ตามด้วยสายฟ้าฟาดที่กระหน่ำซัดใส่แบบกะให้มันดำไหม้ไม่เหลือซาก ไม่นานนักอสูรหมื่นราตรีก็สิ้นชื่อ เหลือเพียงก้อนเนื้อสีดำกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นเป็นหลักฐานว่าครั้งหนึ่งมันเคยถือกำเนิดขึ้นบนดินแดนน้ำแข็งแห่งนี้
ผมมองภาพบนฟ้าด้วยสายตาตะลึงงัน นี่น่ะหรือฝีมือที่แท้จริงของเจ้าชายลำดับสองแห่งอาณาจักรแสงจันทร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมขมังเวทย์ที่เก่งที่สุดในแผ่นดิน...
“ไงล่ะมึง นาเทลแม่งโคตรของโคตรเทพเลยใช่ป่ะล่ะ!”
เกลอซี้ของผมอวยเจ้าม่วงคนพี่อย่างออกหน้าออกตา มะหมาในมือมันถูกจับเหวี่ยงจนแทบเห็นลายก้นหอยในดวงตาทั้งสองข้างของเจ้าตัวน้อยที่น่าสงสาร
“มึง...จะดีใจก็เพลาๆ หน่อย อย่ารังแกหมา”
“เจ้านี่ชื่อซาร์ดีน”
มึงฟังกุมากครับเพื่อน... พูดไปคนละเรื่องเดียวกันเลย
“เอาชื่อปลามาตั้งให้หมาเนี่ยนะ?” น่าเห็นใจเจ้าสีเทาในมือไอ้เพื่อนบ้าของผมชิบหาย เป็นหมาป่าอยู่ดีๆ ดันได้ชื่อเป็นปลาทะเลที่มนุษย์โลกนิยมบริโภคกันซะงั้น เสียชาติเกิดดีแท้
“ก็สีมันดูน่าอร่อย”
นั่นหมาป่านะมึง...
ผมล้มตัวนอนอีกครั้งแบบขี้เกียจเถียง ที่เห็นผมเฉาไม่ใช่ว่าเบื่อความเกรียนของเพื่อนตัวเองหรอกนะ แต่หมดแรงด่าแล้วต่างหาก... การเสียเลือดมากเกินไปมันส่งผลกระทบต่อร่างกายค่อนข้างมาก ยามนี้ผมจึงต้องการการพักผ่อนที่มากกว่าปรกติ นี่ถ้าได้เตาผิงไฟด้วยจะดีมากๆๆๆๆ เลย
คิดถึงความอุ่นความอุ่นก็มา มาพร้อมกับวงแขนที่คุ้นเคยและกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้ใจผมสงบทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ปรือตาขึ้นมองก็พบรอยยิ้มที่ปั้นแต่งขึ้นแต่ไม่โรคจิตเหมือนครั้งแรกๆ ที่พบกัน เป็นเชอเชสนั่นเองที่รวบตัวผมขึ้นจากพื้นมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ความอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาจนผมซุกตัวเข้าหาเขามากกว่าเก่า ไม่สนใจคำแซวของไอ้ธา ไม่สนใจเจ้าพวกลูกหมาป่าที่พากันเห่าหอนต้อนรับคนมาใหม่
“บาดเจ็บตรงไหนมั้ย?” ถามคนที่ทำหน้าที่เตาผิงส่วนตัวให้ผมได้อย่างดีเยี่ยม เสร็จจากการกำจัดอสูรหมื่นราตรีก็พุ่งมาหาผมทันทีแบบนี้ ...มันน่าดีใจนิดๆ แฮะ
“ไม่ครับ” กระต่ายขี้ฉวยโอกาสประทับความอุ่นลงบนหน้าผากผมหนึ่งที กอดรัดแน่นขึ้น เป็นการกระทำที่เหมือนปรกติแต่ผมกลับสัมผัสความผิดแปลกได้เจือจาง
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
อยากจะงัดตัวขึ้นมาคุยด้วยให้รู้เรื่อง แต่ความหนักที่เปลือกตากลับมีมากกว่าเมื่อผมโดนมนต์บางอย่างทำให้ดำดิ่งลึกลงสู่ห้วงนิทราทั้งที่ไม่เต็มใจ
ก่อนจะเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน ผมได้ยินเสียงนุ่มของเจ้าสีม่วงดังขึ้นอยู่ข้างหู เป็นคำสัญญาที่หนักแน่นยิ่งกว่าครั้งใดที่ผมเคยได้รับจากเจ้าตัว
เขาบอกว่าเขาจะต้องเก่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ให้ได้ เพื่อที่ในอนาคตผมจะได้ไม่ต้องมาเจ็บตัวเช่นนี้อีก
เชอเชสให้สัญญาที่ทำให้ผมยิ้มบางๆ ก่อนยอมหลับใหลในอ้อมกอดเขาแต่โดยดี
เจ้าชายกระต่ายพระองค์นี้... ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกเขา
---------------------------------------------------------
ซึ้งๆ ปิดท้าย นุ้งวีเริ่มเปิดใจ(?)ละฮะะะะะะ
ปล. ชอบเวลาที่น้องธากับนุ้งวีอยู่ด้วยกันที่สุดแล้ว เวลาเขียนเพื่อนซี้สองคนนี้คุยกัน มันช่างปลื้มปริ่มระอาใจ5555555
ฝันดีก่ะทุกคนนนน