บทที่ 52
บัญชีแค้น
แสงสีขาวสว่างจ้าชวนแสบตาโอบรอบกายไม่ห่างหายไปไหน ก้าวเท้าเดินอย่างไร้จุดหมาย ไม่มีเส้นทางให้เลือกเดินมีเพียงแต่ความว่างเปล่าและลมหนาวที่หอบพัดเข้ามาเป็นระยะๆ แต่แล้วความเจ็บที่ไร้ร่องรอยก็พุ่งเสียดเข้ามากัดกินผิวเนื้ออย่างบ้าคลั่ง ที่หน้าอกด้านขวาเหมือนมีเหล็กเส้นใหญ่พุ่งเข้ามาปะถะกาย ไร้เรี่ยวแรงที่ก้าวเดินและเอื้อนเอ่ย เสียงร้องดังมาแต่ไกล พยายามจะเดินเข้าไปหาแต่กลับพยุงกายลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหว ไขว่คว้าฝ่ามือพยายามกอบกำเสียงของใครคนหนึ่งที่ดังแว่วผ่านเข้ามา แต่ก็สูญเปล่า ริมฝีปากแห้งผากสิ้นแรงกำลัง ความเจ็บทวีคูณมากมายมหาศาลเกินทน ก่อนที่ร่างจะฟุบลงกับพื้นเสียงที่ดังแว่วเข้ามาเมื่อสักครู่ก็ชัดเจน แล้วทุกอย่างก็ลางเลือนและปลิวหายไปอย่างช้าๆ
“พีท! ห้ามหลับ ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ได้ยินที่ผมพูดไหม ตื่นขึ้นมา” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงสั่น ริมฝีปากหนาสั่นไหวกลั้นแรงสะอื้น ภาพคนในอ้อมแขนที่ส่งยิ้มให้กร่อนความเข้มแข็งและแทนที่ด้วยความหวาดกลัว ฝ่ามือหนากอบกุมใบหน้าของคนรักเข้ามาแนบอก หยาดน้ำตาของลูกผู้ชายรินไหลอย่างกลั้นไม่อยู่ ไม่สนว่าในรถพยาบาลคันนี้จะมีใครอยู่บ้าง ไม่สนว่าใครจะมองอย่างไร ตอนนี้อินทรีเงินผู้เกรียงไกรสนเพียงอย่างเดียว คือลมหายใจของภัสดา หัวใจดวงที่สองของศิขรินทร์
เปลือกตาปิดสนิทบอกได้เป็นอย่างดีว่างร่างโปร่งในอ้อมแขนตอนนี้เริ่มทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสื้อเชิ้ตสีอ่อนโชกไปด้วยเลือด ศิขรินทร์ก้มมองจุดที่กระสุนเจาะเข้าไปแล้วหลับตาแน่น ปลอบใจตัวเองว่านี่อาจจะเป็นความฝัน แต่เสียงช่วยชีวิตต่างๆที่อยู่รอบกายทำให้ความฝันอันลางเลือนปลิวหายออกไป นิ้วเรียวจับชีพจรหาสัญญาณชีวิตของคนร่างอุ่นตลอดเวลา กลัวว่าแม้พลาดเพียงวินาทีเดียวอาจจะยื้อลมหายใจอันแผ่วเบาของภัสดาไว้ไม่ทัน
“วางผู้ป่วยนอนลงดีๆก่อนเถอะค่ะ” เสียงอันหวังดีของพยาบาลสาวไม่ได้ทำให้ศิขรินทร์ดีใจหรืออยากจะเอื้อนเอ่ยคำขอบคุณ หนำซ้ำยังตวัดดวงตาคมเข้มของตัวเองมองไปยังต้นเสียงอย่างเย็นชา ทำเอาผู้หวังดีต้องสงบปากแล้วนั่งเงียบไปทันที
ศิขรินทร์ยอมทำตามคำแนะนำของอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวในหน้าที่ของพยาบาลคนดังกล่าว แต่กลัวว่าบาดแผลจากวิถีกระสุนของไอ้มือปืนใจชั่วจะปริแล้วสร้างความบาดเจ็บไปมากกว่านี้ ดวงตาคมเข้มมองใบหน้าของคนนอนหลับอย่างไม่คลาดสายตา ไร้เสียงสะอื้นมีเพียงม่านน้ำตาที่รินไหลกัดกร่อนความมั่นใจออกไปแทบสิ้น สองหูเหมือนไม่ได้ยินเสียงใดๆทั้งสิ้น สรรพสิ่งรอบกายเงียบสนิท ปิดการรับรู้ทุกอย่าง หัวใจเจ็บช้ำเกินจะกล่าว ภาพของภัสดาที่ถูกยิงจนล่วงลงมาจากเวทีแต่ตนรับไว้ฉายซ้ำกลับไปกลับมา หัวใจลุ่มร้อนเต็มไปด้วยไฟแค้นที่แผดเผาขึ้นมาตลอดเวลา แอบสาบานในใจอย่างเงียบๆ ใครที่มันกล้าทำให้หัวใจดวงที่สองของศิขรินทร์คนนี้เจ็บ มันผู้นั้นจะต้องโดนทวงคืนเป็นสองเท่า
รถพยาบาลหยุดนิ่งนั่นทำให้ศิขรินทร์ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย ประตูท้ายรถเปิดออกอย่างรวดเร็ว ทีมแพทย์และพยาบาลที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดีรอรับอยู่ด้านล่าง เช่นเดียวกันกับบิดามารดาของตนและของภัสดาและคีตาที่มายืนรอรับอยู่ด้านล่างเช่นกัน เพียงคนเจ็บถูกเข็นลงไป แพทย์และพยาบาลปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็ว ท่อนขาเรียวยาวของศิขรินทร์ออกวิ่งตามเตียงที่เข็นร่างไร้สติของภัสดาไปติดๆ จนเมื่อเห็นว่าเข้าห้องฉุกเฉิน ชายหนุ่มจึงหยุดอยู่หลังประตูมองฝ่ากระจกห้องฉุกเฉินเข้าไปอย่างมีความหวัง
“เมียแกต้องปลอดภัย” ศิขรินทร์เงยหน้ามองก็เห็นมารดาเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านข้าง ร่างสูงใหญ่หันกลับไปแล้วสวมกอดผู้ให้กำเนิดอย่างคนต้องการกำลังใจและที่พึ่งพิง บุรุษผู้เกรียงไกรแข็งดุจหินผาและเย็นชาต่อหน้าลูกน้อง ตอนนี้กำลังหลั่งน้ำตาอยู่บนอกของมารดาอย่างน่าสงสาร ไม่ต่างกับคุณหญิงวิจิตตราที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
ศิขรินทร์ผละออกมาแล้วส่งยิ้มให้มารดาเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเจ้าสัวภาสที่ยืนตาแดงกร่ำกอดคุณนายจันทร์ที่ขณะนี้ร้องไห้ปานขาดใจเมื่อเห็นลูกน้องได้รับบาดเจ็บ ร่างสูงใหญ่ทรุดตัวลงอยู่เบื้องหน้าของผู้สูงวัยทิ้งศักดิ์ศรีไว้เบื้องหลัง ยอมรับผิดทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่สามารถปกป้องลมหายใจของตัวเองได้
“ผมขอโทษครับ ผมผิดเอง ผมปกป้องพีทไม่ได้!”
“ลุกขึ้นเถอะลูก อย่าทำอย่างนี้เลย” มารดาของภัสดาทรุดตัวลงประคองร่างสูงของศิขรินทร์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ส่วนเจ้าสัวภาสส่งยิ้มให้เล็กน้อย แม้จะเป็นรอยยิ้มเซียวๆ ก็ตาม
“เพราะผม พีทต้องมาเจ็บก็เพราะผม!”
“ในเมื่อโทษตัวเองว่าลื้อทำให้ลูกอั๊วต้องเจ็บ ลื้อจะปล่อยมือลูกอั๊วไหมล่ะ” เจ้าสัวภาสก้มหน้าถามเสียงนิ่ง สบตากับชายหนุ่มรุ่นลูกที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
“ไม่มีทางเด็ดขาดครับ ต่อให้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ผมก็ไม่ปล่อย พีทเป็นเมียผม!” ต่อให้เบื้องหน้าคือกองเพลิงที่เต็มไปด้วายความร้อนและอันตรายศิขรินทร์ก็ไม่หวั่น ฝ่ามือคู่นี้จะไม่มีวันปล่อยภัสดาไปเด็ดขาด แต่ความตายก็ไม่อาจขวางกั้นความตั้งมั่นนี้ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ลุกขึ้นมา ถือเสียว่าที่ไอ้พีทมันโดนครั้งนี้ เพราะมันอยากเอาเลือดชั่วๆออกมาจากตัวบ้าง”
“คุณนี่จริงๆเลย พูดอะไรก็ไม่รู้ เห็นไหมคะว่าลูกกำลังเจ็บอยู่” คุณนายจันทร์เอ่ยปรามสามีเสียงดุเพราะอีกฝ่ายพูดไม่เข้าหูเข้าอย่างจัง
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเชิญเจ้าสัวและคุณนายที่ด้านนอกหน่อยครับ ผมกับภรรยามีเรื่องอยากจะคุยด้วย” คุณศิระเดินคู่กับภรรยาเข้ามา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีต่อต้านหรือโกรธแค้นก็เบาใจ ก้มลงไปยิ้มให้คุณหญิงวิจิตตราผู้เป็นภรรยาแล้วก้าวเท้าออกไปด้านนอก พร้อมๆกับสองสามีภรรยาที่รวยติดอันดับของเมืองไทย ศิขรินทร์ลุกขึ้นยืนอยากให้คเจ็บด้านในได้ออกมาดูภาพนี้ ภาพที่ทั้งสองครอบครัวร่วมเดินไปด้วยกัน ไม่มีเส้นกั้นหรือขวากหนามใดๆมากีดกั้นอีกแล้ว
“เตรียมคนพร้อมแล้วใช่ไหม” ศิขรินทร์เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทเสียงเรียบ สายตาคมมองประตูห้องฉุกเฉินตลอดเวลา
“พร้อมแล้วครับ จับมือปืนได้หนึ่งคนครับ เป็นคนเดียวกันกับที่ลอบยิงคุณพีท” ศิขรินทร์ฟังรายงานด้วยใบหน้าอันนิ่งเรียบ แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้หัวใจของอินทรีเงินผู้เกรียงไกรเต็มไปด้วยไฟแค้นที่รอเวลาทวงคืน
“มันบอกไหมว่าไอ้เฒ่าสารเลวนั่นอยู่ที่ไหน”
“ให้กินลูกปืนหนึ่งนัด ถึงยอมบอกครับ” ร่างสูงเหยียดยิ้มร้ายในวิธีของวินัย เดนมนุษย์อย่างพวกมันต้องโดนอย่างนี้นี่แหละถึงจะสาสม
“บอกคนของเราเตรียมอาวุธให้พร้อม คืนนี้ฉันจะไปเอาชีวิตมันด้วยตัวของฉันเอง” วินัยพยักหน้ารับคำและเดินออกไปกดโทรศัพท์สั่งงานตามที่นายใหญ่สั่ง แผนที่เตรียมเริ่มดำเนินการตั้งแต่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นกลางงาน เริ่มจากทลายแหล่งผลิตยาเสพติดแหล่งใหญ่ที่สุดของภาคใต้ โรงงานนรกแห่งนี้มีเสี่ยเฒ่าเจ้าเล่ห์เป็นผู้ครอบครอง รวมไปถึงโกดังเก็บข้าวสารที่ได้มาจากการทุจริตถูกตำรวจเข้าไปตรวจสอบและยึดของการได้จำนวนมาก หายนะมาเยือนถึงตัวแต่คนสั่งการกลับไปหลงระเริงอยู่ชายทะเล หารู้ไม่ว่ามัจจุราชนามว่าศิขรินทร์กำลังตามไปกระชากวิญญาณให้หลุดออกจากร่างอย่างไม่รู้ตัว
ประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดสนิทไปเนิ่นนานเปิดออกมาอีกครั้ง แพทย์ที่ศิขรินทร์คุ้นหน้าเป็นอย่างดีเดินออกมาพร้อมกับพยาบาลอีกสองคน ร่างสูงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วสาวเท้าเข้าไปหาแพทย์ประจำตระกูลอินทราทิพย์อย่างมีความหวัง
“ปลอดภัยครับ” เหมือนแรงกายแรงใจตีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดั่งสายน้ำแห้งคอดที่ได้รับความชุ่มช่ำของสายฝน ฝ่ามือหนายื่นออกมาด้านหน้าจับมือของลุงหมอเขย่าขึ้นลงอย่างขอบคุณ ขอบคุณที่ทำให้หัวใจดวงที่สองกลับมาเต้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่อ่อนแรงเหมือนอย่างตอนแรก
“ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ” ศิขรินทร์เอ่ยอีกครั้งแล้วหันไปส่งยิ้มให้กับคีตาที่ยืนหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจอยู่ข้างๆ
“ถือว่าคนไข้โชคดีมาก เพราะกระสุนไม่ถูกจุดสำคัญ หมอผ่ากระสุนออกให้แล้ว นอนรักษาแผลไม่นานก็หายดีแล้วล่ะ”
ศิขรินทร์พ่นลมหายใจออกมา ปลดปล่อยความหนักอึ้งของก้อนหินที่หน่วงหัวใจเอาไว้ให้หลุดออกมาพร้อมๆกัน ผู้สูงวัยทั้งสี่คนเดินกลับเข้ามาพอดี เสียงจอแจถามไถ่อาการของนายช่างใหญ่ฟังแทบจะไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นสองหูของศิขรินทร์กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เหมือนสรรพสิ่งรอบกายนิ่งงัน เพียงแค่ได้ยินว่าภัสดาปลอดภัย แค่นี้ศิขรินทร์ก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว
เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้วภัสดาก็ย้ายมานอนพักรักษาตัวที่ห้องพิเศษ เหล่าเพื่อนสนิทของนายช่างใหญ่ก็มาถึงพอดี ศิขรินทร์ส่งยิ้มให้ทุกคนอย่างขอบคุณ เพราะทั้งอริสรา ติยะ และหลักเขตต่างก็เข้ามาพูดคุยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ส่วนผู้สูงวัยทั้งสี่ท่านยืนดูคนป่วยอีกสักพักก็ต้องกลับไปพักผ่อนที่บ้าน เพราพรุ่งนี้คงต้องมาแต่เช้า
“เหตุการณ์ครั้งนี้พิสูจน์รักแท้หรือเปล่าวะ” กรุง วรยศ เดินเข้าไปตบไหล่เพื่อนสนิทอย่างให้กำลังใจ เห็นศิขรินทร์ตาแดงกร่ำก็รู้ว่าผ่านการหลั่งน้ำตามามากเพียงไหน แค่นี้ก็ไม่ต้องพูดถึงความรักเพราะเพื่อนของตนให้ได้แม้กระทั่งชีวิต
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ดูของมึงดีๆก็แล้วกัน อย่าให้เป็นแบบกู” กรุงเลิกคิ้วสูงแล้วเหลือบไปมองบุคคลที่สามที่ศิขรินทร์เอ่ยถึง แต่อาจจะมองนานไปหน่อยคีตาจึงส่งสายตาเข้มๆมาให้อย่างปรามๆ กรุงส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหันกลับมาคุยกับเพื่อนต่อ
“นั่นก็ชีวิตกูเหมือนกัน” สองเพื่อนสนิทชนกำปั้นกันเบาๆ เน้นยำความสัมพันธ์และมิตรภาพอันแน่นแฟ้นที่จะไม่จางหาย แม้กาลเวลาจะหมุนไปมากเพียงใดก็ตาม
“กูฝากเพื่อนๆของพีทด้วย เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากล” ถ้าหากไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นไม่สิ้นลมหายใจ ศิขรินทร์ไม่มีทางวางใจเด็ดขาด
“กูฝากกระทืบมันสามที โทษฐานทำให้คุณพีทเจ็บแล้วว่าที่แฟนกูต้องร้องไห้”
“กูจะให้ยิ่งกว่ากระทืบแน่นอน” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงเย็น แล้วเดินเข้าไปหาร่างที่นอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วย เหล่าเพื่อนสนิทหลบทางให้ หลักเขตและติยะเดินแยกออกไปหากรุงที่อยู่ด้านข้าง เหลือเพียงคีตาและอริสราที่ยืนอยู่ข้างเตียง แต่ถึงอย่างนั้นศิขรินทร์ก็ไม่สนใจ ก้มหน้าจุมพิตหน้าผากเนียนสวยของคนนอนหลับอย่างรักใคร่เอ็นดู นิ้วเรียวปัดปอยผมที่ตกลงมาระหน้าผากให้อย่างอ่อนโยน ดวงตาที่เคยทอประกายเหี้ยมโหดบัดนี้ทอแสงเจิดจ้าอ่อนหวานอย่างสวยงาม
“เดี๋ยวผมมานะครับ” ร่างสูงเอ่ยเสียงเบาแล้วผละขึ้นมา ส่งยิ้มให้คีตาและอริสราแล้วเดินออกมาจากห้อง หน้าห้องมีวินัยและนักฆ่าฝีมือดีที่ศิขรินท์ชุบชีวิตออกมาจากห้องขัง
“ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะโว้ย เป็นอะไรขึ้นมาไอ้น้องเล็กเป็นหม้าย ได้หาผัวใหม่เดี๋ยวจะยุ่ง”
“ถ้าไม่ติดว่ากูรีบ ป่านนี้มึงคงปากแตกไปแล้ว” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงเข้มมองหน้าของหลักเขตอย่างหมาดหมาย แม้จะเข้าใจว่าอีกฝ่ายเอ่ยเหย้า แต่ก็ไม่ชอบใจอยู่ดี
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” สายตาคมเหลือบไปมองผู้พูด
“ทำให้เพื่อนมึงหุบปากก็พอ ไอ้ติ”
“ระวังตัวอย่างไอ้เขตพูดนั่นแหละถูกแล้ว”
ศิขรินทร์พยักหน้ารับแล้วหมุนกายเดินออกไปทันที เมื่อมาถึงด้านหน้าโรงพยาบาลก็เห็นบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งกระจายกำลังคุ้มกันความปลอดภัยอยู่ก็เบสใจขึ้นมา รถตู้คันใหญ่กันกระสุนขับมาเทียบด้านหน้าศิขรินทร์และลูกน้องคนอื่นๆก็เข้าไปทันที ด้านในมีอาวุธเตรียมไว้พร้อม ศิขรินทร์ยกปืนขึ้นมาสำรวจแล้วใส่กระสุนอย่างใจเย็น อีกไม่นานทุกอย่างจะปิดฉากลง
เสียงคลื่นที่ซัดเข้าชายฝั่งครั้งแล้วครั้งเล่าสลับกับเสียงเพลงจังหวะเร้าใจกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวได้เป็นอย่างดี รอบๆบริเวณชายหาดส่วนบุคคลถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม เสียงไฟกระพริบสลับกันไปมาของไฟประดับทำให้ความสนุกสนานเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ สตรีนุ่มน้อยห่มน้อยทั้งไทยและเทศเดินกันขวักไขว่ไปมาอย่างไม่เขินอาย เป็นที่หมายตาหมายใจให้กับชายหนุ่มรุ่นราวคาวพ่อที่นั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ริมหาด หรือแม้บางครั้งพวกเธอเหล่านั้นจะถูกกระชากเสื้อผ้าน้อยชิ้นให้หลุดออกไปจากร่างกายก็ยังเอ่ยท้วงหรือโกรธเคืองผู้กระทำ เพราะอำนาจเงินอันมหาศาลที่หว่านมาให้เป็นสินน้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ปาร์ตี้ริมหาดของเสี่ยจักรจัดขึ้นบนหาดส่วนบุคคลให้เฉพาะคู่ค้าคนสำคัญเข้ามาร่วมเท่านั้น และจ้างดอกไม้สวยงามหลายนางเข้ามาสร้างสีสันให้กับงาน จึงไม่แปลกที่จะเห็นหญิงสาวเดินเปลือยกายเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารอย่างไม่เขินอาย คู่ค้าส่วนใหญ่มาจากหลากหลายวงการ มีทั้งพ่อค้าคาสิโน พ่อค้าขายอาวุธเถื่อนที่ขาดไม่ได้คงจะเป็นพ่อค้าขายยาเสพติดที่สร้างรายได้ให้เสี่ยจักรอย่างมหาศาล ถ้าหากถูกใจหญิงสาวคนไหนก็ควงขึ้นห้องหรือจะร่วมรักอย่างเปิดเผยข้างหาดก็ไม่มีใครว่า เพราะใครจะกล้าเยื้องกายเข้ามาให้เขตห่วงห้ามเช่นนี้ แต่จุดประสงค์หลักของงานคือเฉลิมฉลองให้กับความพินาศของไอ้เด็กเมื่อวานซืน ที่ต้องเห็นคนสำคัญตายไปต่อหน้าต่อหน้า เพียงแค่คิดความสุขก็หลั่งไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ อยากเห็นความย่อยยับของมันบ้าง และแน่ใจได้เป็นอย่างดีว่างานจะสำเร็จ ที่มือปืนที่ส่งไปนั้นฝีมือดีทั้งนั้น
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างนี้ กำลังคิดถึงแองจี้อยู่ใช่ไหมคะ” หญิงสาวคนดังกล่าวเดินอ้อมมาจากด้านหลังแล้วทรุดตัวนั่งตักของหนุ่มใหญ่อย่างยั่วยวน ชุดว่ายน้ำสีสันแสบตาแต่เนื้อผ้าน้อยชิ้นนั้นแทบจะปิดหน้าอกหน้าใจและของสงวนของหญิงสาวไว้ไม่มิด เห็นอย่างนั้นเสี่ยจักรถึงวางมือนวดคลึงก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นทันที
“กำลังคิดว่าถ้าเธอนอนครางอยู่ใต้ร่างฉันมันจะเป็นอย่างไร” เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวกระตุ้นความต้องการของหนุ่มใหญ่ได้เป็นอย่างดี ยิ่งอีกฝ่ายทำหน้ายั่วยวนพร้อมทั้งเบียดกายเข้ามาอย่างยั่วยวน ก็แทบจะคุมสติเอาไว้ไม่อยู่
“ต้องทำก่อนซิคะ ถึงจะรู้ว่าเป็นอย่างไร”
หนุ่มใหญ่ผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และในอ้อมแขนก็มีร่างอันยั่วยวนของหญิงสาวที่ลูบไล้ผิวกายไปมา เมื่อเข้ามาถึงห้องนอนใหญ่ทั้งคู่ก็กระโจนเข้าหากันทันที เสียงประกบปากดูดดึงอย่างหิวกระหายดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ฝ่ามืออวบอูมกระชากผ้าน้อยชิ้นของหญิงสาวออกจนหมด เฉกเช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่ถอดเสื้อและกางเกงให้หนุ่มใหญ่อย่างรวดเร็ว เมื่อร่างเปลือยเปล่าจนหมดก็กระโจนเข้าหากันอีครั้ง แองจี้นวดเฟ้นเนื้อปนไขมันอย่างเสียวซ่านเมื่อโดนนิ้วอวบเค้นคลึงจุดกลางลำตัว เรียกเสียงครางกระเส่าสูดปากอย่างเสียวซ่าน หญิงสาวจึงตอบแทบคุณด้วยการผลักร่างที่เต็มไปด้วยไขมันของเสี่ยใหญ่ลงบนที่นอน แล้วไล้ลิ้นเลียต่ำลงไปเรื่อยๆจนเจอท่อนเนื้อที่กำลังบวมเป่งก็ครอบปากลงไปแล้วดูดกินอย่างหิวกระหาย
“ดีมากแองจี้ ลึกเข้าไปอีก” ฝ่ามืออวบอูมจับศีรษะของหญิงสาวให้ท่อนเนื้อสอดลึกเข้าไปในโพรงปากมากขึ้นไปอีก
“เป็นไงคะเสี่ย” แองจี้ผละริมฝีปากออกมา แล้วรูดท่อนเนื้อบวมเป่งขึ้นลงเป็นจังหวะ
“สวรรค์มาก” เสี่ยจักรหลับตาแน่นเมื่อฝ่ามือเล็กแต่รายกาจของหญิงสาวเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ หัวสมองพร่าเลือนเพราะรสรักแห่งราคะ จังหวะขยับมือที่เร็วขึ้นทำให้ตนต้องไขว่คว้าประตูสวรรค์ที่เปิดรออยู่ด้านหน้า กำลังจะปล่อยหยาดหยดแห่งคามใคร่ออกมาพลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“ก่อนจะขึ้นสวรรค์ มึงต้องลงนรกก่อนไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์”
“ว้ายยยยยยย!!!!” หญิงสาวร้อนรักร้องเสียงตกใจ กำลังจะส่งเสียงด่าทออย่างขัดใจก็ต้องปิดปากเงียบเพราะอาวุธที่อยู่ในมือของผู้มาเยือน หล่อนเก็บเสื้อผ้าแล้ววิ่งออกไปนอกห้องทันที
“ไอ้ศิขรินทร์!” เสี่ยจักรกัดฟันเอ่ยเสียงเครียดแค้น เพราะร่างที่อยู่ปลายเตียงคือศัตรูตัวฉกาจที่ไม่เคยโค่นได้เลยแม้สักครั้งเดียว
“มัจจุราชที่กำลังจะมาเอาชีวิตมึงไง” สิ้นเสียงศิขรินทร์ก็กระชากร่างเปลือยของศัตรูลงมากองบนพื้นข้างเตียง พร้อมทั้งกระทืบลงไปกลางลำตัวอย่างจัง
“โอ๊ยยย! ปล่อยกู!” ร่างใหญ่ดิ้นไปมาอยู่บนพื้นเมื่อเจอทั้งหมัดทั้งเท้าจนยากที่จะทัดทาน
“มีทางเดียวที่กูจะปล่อยมึง ก็คือปล่อยมึงลงนรกเท่านั้น!” ศิขรินทร์ยกปืนขึ้นมาแล้วลั่นไกทันทีสองนัด กระสุนถูกขาทั้งสองข้างของเสี่ยใหญ่เข้าอย่างจัง เสียงร้องโหยหวนดังสนั่นขึ้นมาทันที
“ปล่อยกูไปเถอะ แล้วกูจะไม่ไปยุ่งกับมึงอีก” เสี่ยจักรโอดครวญพยายามลากร่างของตัวเองเข้าไปเกาะขาของอีกฝ่าย “แล้วตอนที่เมียกูโดน เมียกูร้องขออย่างนี้ไหมห๊ะ! มึงกล้าดียังไง!!” ดวงตาสีคมเข้มก้มมองร่างของหนุ่มใหญ่ด้วยสายตานิ่งเรียบ เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลไม่ได้ทำให้ศิขรินทร์สงสารแต่อย่างใด
“กูขอโทษ! มึงอยากได้อะไรกูจะให้หมดเลย” เสี่ยจักรเอ่ยเสียงสั่นอย่างหวาดกลัวแต่ก็พยายามดิ้นรนหาทางรอด ยิ่งเห็นศัตรูหันหลังให้ก็พยายามมองหาอาวุธที่จะใช้ปลิดชีพอีกฝ่าย พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเศษแจกันที่ตกอยู่ข้างๆ มืออวบอูมจึงคว้าเอามากุมไว้แล้วซ่อนไว้ด้านหลังแล้วรอโอกาส
“กูไม่อยากได้ เงินเน่าๆของมึงน่ะเก็บไปใช้ในนรกเถอะ”
“ถ้ากูลงนรก มึงก็ต้องลงนรก!” สิ้นเสียงเสี่ยใหญ่ก็รวบรวมกำลังลุกขึ้นยืน แต่ก็ช้ากว่าศิขรินทร์อยู่ดีที่หันร่างมาอย่างรวดเร็วแล้วจ่อปืนยิ่งฝ่ามืออวบอูมของศัตรูอย่างไร้ความปราณี
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!”
“งูเห่าก็ยังเป็นงูเห่าวันยันค่ำ” ร่างสูงมองร่างที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยแววตาที่สมเพชเวทนา
“ไอ้ศิขรินทร์ อย่าให้กูหลุดไปได้นะมึง”
“มันไม่มีวันนั้นแน่นอน”
ศิขรินทร์ลุกยืนอย่างช้าๆ สายตาคมเข้มไม่สื่อแววใดๆมองใบหน้าของอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจ่อปลายกระบอกปืนไปยังร่างข้างใต้ เสียงปืนนัดสุดท้ายดังสนั่น วิถีกระสุนพุ่งเข้าไปเจาะหน้าผากของเสี่ยใหญ่เข้าอย่างจัง ร่างที่นอนจมกองเลือดไร้ลมหายใจอีกต่อไป
“ทำเมียกูเจ็บ มึงต้องใช้ด้วยชีวิต”
ร่างสูงมองร่างไร้วิญญาณเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสิบกว่านายก็เข้าไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อทันที ปาร์ตี้ริมหาดปิดฉากลงอย่างสวยงาม ศิขรินทร์พาผู้พิทักษ์สันติราชมางานนี้งานเดียวก็รวบหัวหน้าใหญ่ไปได้หลายคน วินัยเดินเข้ามารายงานสถานการณ์ที่ปกติดีแล้ว ลูกน้องของเสี่ยจักรคนไหนขัดขืนก็ยิงทิ้ง คนไหนยอมแต่โดยดีก็จับส่งตำรวจ แม้แต่นางฟ้าที่เข้ามามอบความสุขให้หนุ่มกลัดมันก็ต้องถูกรวบตัว เพราะบางคนมีสารเสพติดไว้ในครอบครอง
“เล่นถึงตายเลยเหรอไอ้ศิ” ลุงของศิขรินทร์ที่ดำรงตำแหน่งใหญ่ในสถานีตำรวจที่กรุงเทพเดินเข้ามาถามหลานชาย
“ก็แลกกับหัวหน้าใหญ่ไงครับลุง”
“ก็คุ้มนะ” ลุงกับหลานคุยกันเพียงไม่นานก็แยกย้ายกับกลับ แต่ก่อนที่ศิขรินทร์จะก้าวเท้าขึ้นรถก็หันร่างมาบอกวินัยที่ยังคงยืนอยู่ด้านล่าง
“เผาให้หมด แม้แต่ซากก็ไม่ต้องเหลือ” ในเมื่อเจ้านายมันลงนรกไปแล้วก็ต้องสงเคราะทรัพย์สินที่มาจากเงินผิดกฏหมายต่างๆให้ลงนรกไปอยู่กับเจ้านายมันซะ เดี๋ยวจะหาว่าศิขรินทร์คนนี้ใจร้าย ฝ่ามือคู่นี้ยอมเปื้อนเลือดถ้าต้องแลกกับความสงบสุขของภัสดาและครอบครัว
๐ หายไปนาน ขอโทษนะคะ เห็นเป็นลมกันหลายคน ฮ่าๆ ยาดมแล้วววววววว
๐ จะจบแล้วน้า คนไหนสนใจนิยายนี่ เตรียมเงินเลยยยยยย <3
๐ อัพดึกๆอย่างนี้ก็ อยากจะบอกว่า ฝันดีๆ จุ๊บๆๆ
๐ กด+ กดเป็ดด้วยน้า อิอิ
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~