(ต่อครึ่งหลัง)
อาการหงุดหงิดเล็กๆ ของคะน้าเป็นมาตั้งแต่กลับมาจากไซด์งานคอนโด
กระทั่งเวลานี้ที่ห้องรอตรวจโรงพยาบาล กระทั่งผักกาดผู้เป็นพี่สาวต้องเอ่ยถาม
“ต่ายน้อยเป็นอะไรน่ะ ดูแปลกๆ น่ะ คิ้วนี่ ผูกเป็นโบว์เชียว”
“เอ้ย ไม่มีอะไรนะ แค่คิดอะไรเพลินๆ”
คนเป็นพี่สาวเอานิ้วจิ้มหัวน้องชายแรงๆ หนึ่งที “รู้ไหม ความเครียดเนี่ย มีผลต่อความดันในลูกตาเรานะ
เดี๋ยวหมอตรวจ แกก็จะไม่ได้ทำเลสิคเอา ซึ่งมันไม่ใช่แค่ตัวแกนะ ชั้นก็จะอดได้ส่วนลดค่าทำเพราะแกไปด้วย!”
“โหยยยย... ผักกาด เขี้ยวมาก” คะน้าบ่นปอดแปด หญิงสาวหัวเราะชอบใจ
“หิวน้ำ เจ้หิวป่ะ” ผักกาดส่ายหน้า คะน้าจึงขอตัวออกมาหาน้ำดื่มทาน “งั้นเดี๋ยวมา”
“เร็วๆ ล่ะ เดี๋ยวเค้าเรียก ก็ไม่ต้องคุยกันพอดี”
คะน้ารับคำแล้วเดินไปเรื่อยเปื่อยหาตู้กดน้ำขายแต่ก็หาไม่เจอ
หนุ่มแว่นหนาเลยวนๆ เวียนๆ ไปทั่ว กระทั่ง...
“คุณ... คุณๆๆๆ คุณมะพร้าวเมื่อวันก่อนน่ะ” คะน้าชะงัก เสียงหอบหยุดอยู่ด้านหลัง
“จำผมได้ไหมครับ คนที่อยู่ข้างๆ ห้องคุณน่ะ”
คะน้าหันกลับไปมอง เห็นตุลอยู่ในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตา
บุคลิกท่าทางต่างไปจากชุดอยู่บ้านที่เขาเห็นเมื่อวันก่อน ไม่มีกีต้าร์โปร่ง
แต่เป็นเนคไทสีน้ำเงินเข้มที่ผูกเข้ากับเชิ้ตสีขาวดูกระจ่างตา
“แต่นแด๊นนน... ผมเป็นหมอล่ะครับ” ตุลหัวเราะสดใส
“คงไม่ใช่หมอตาใช่ไหมครับ” จู่ๆ คะน้าก็ถามขึ้นมา
ยอมรับว่าคำทำนายไพ่ยิปซียังตามหลอกหลอนอยู่
“ไม่ใช่หรอกครับ มาหาจักษุแพทย์เหรอครับ”
“พี่ผักกาดบังคับให้มาทำเลสิคเป็นเพื่อนน่ะครับ”
“อ้อ... มีโปรโมชั่น”
“ครับ โปรโมชั่น” คะน้าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ตาเหลือบมองที่ป้ายชื่อตรงหน้าอก “...นายแพทย์ตุลชัย”
“ฮ่ะๆๆ ครับ เรียกว่าตุลก็พอครับ ว่าแต่คุณ...”
“คะน้าครับ”
“ชื่อแปลกดีจังครับ แต่ก็เพราะดีนะครับ ผมว่าน่ารักดีด้วย” หมอตุลยิ้ม
“ว่าแต่ทำอะไรอยู่หรือเปล่าครับ” เจ้าถิ่นมาถามแบบนี้ คะน้าจึงชวนตุลไปดื่มน้ำด้วยกัน
ไม่นานนักก็ถึงตู้กดน้ำที่วางแอบๆ อยู่มุมอาคาร มิน่าล่ะ หาไม่เจอ
“เก็กฮวยกระป๋องนี้ แทนน้ำใจเมื่อวันก่อนครับ” คะน้าส่งให้คนสวมชุดกาวน์ข้างๆ
“ก็นึกว่าจะเลี้ยงน้ำมะพร้าวเสียอีก” ตุลหยิบกระป๋องขึ้นมาเปิดดื่ม
คะน้าหัวเราะแหะๆ ก่อนเปิดออกดื่มเช่นกัน
“อ้าว... ตุล ทำอะไรตรงนี้น่ะ”
เสียงทักทายจากคุณหมอผู้หญิงท่านหนึ่งดังขึ้น คะน้าแอบหันไปมอง
“กินน้ำน่ะ” ตุลทักทายกลับอย่างสนิทสนม
“เราเองก็อยากดื่มบ้างนะ ตุลซื้อให้เราหน่อยสิ”
“ได้เลยครับ ก้อย” ว่าแล้วตุลก็หยอดเงินลงตู้ก่อนจะเลือกกด
แต่ก็คิดไม่ตก “น้ำอะไรดีนะครับ”
“ขอน้ำส้มแล้วกันตุล” หมอหนุ่มยิ้มให้แล้วเลือกกดน้ำส้มคั้นจากตู้
ก่อนหยิบขึ้นมาแล้วเจาะหลอดให้ “บริการครับ”
“วันหลังป้อนให้ก้อยด้วยเลยแล้วกันนะ”
“ฮ่าๆๆ ได้เลยครับ”
“แล้วอย่าลืมล่ะ”
“สัญญาครับ” ตุลชูนิ้วก้อยขึ้นมา หมอผู้หญิงคนนั้นที่ดูเหมือนว่าจะชื่อก้อยก็หัวเราะชอบใจ
เธอหันมาพยักหน้าให้คะน้าหนึ่งทีแล้วขอตัวเดินจากไปทำงานของเธอต่อ
“แฟนเหรอครับนั่น” คะน้าถามไปจิบน้ำเก็กฮวยไป
“โอ้ย ไม่ใช่หรอกครับ ใครเค้าจะมาชอบคนอย่างผมกันเล่า”
“อ้าวเหรอครับ ผมดูว่าเธอน่าจะชอบคุณหมอเอามากๆ เลยนะครับ” คิดแบบนั้นจริงๆ
“ไม่หรอกครับ รู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ถ้าเค้าชอบผมจริงๆ คงเป็นแฟนไปนานแล้วมั๊งครับ”
คะน้าพยักหน้ารับ ไม่เห็นด้วยกับความคิดของตุล ฝ่ายหมอหนุ่มก็ยิ้มให้คะน้า เป็นยิ้มที่ดูดีมากๆ อีกแล้ว
“จริงๆ เรียกผมว่าตุลก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกว่าคุณหมอหรอก”
“อ้อครับๆ งั้นผมเรียกว่าคุณตุลแล้วกันนะครับ” หมอหนุ่มทำสีหน้าครุ่นคิด
“ขอโทษนะครับ คุณคะน้าอายุเท่าไหร่นะครับ”
“ยี่สิบแปดน่ะครับ”
“จริงดิ? รุ่นเดียวกันเลย งั้นเรียกผมว่าตุลเฉยๆ ก็ได้ครับ ตอนแรกคิดว่าจะเรียกว่าน้องคะน้าเสียอีก
ผมว่าคะน้าดูไม่น่าถึงคนรุ่นผมเอาเสียเลย ผมนี่มันน่าแก่จริงๆ สินะ”
คะน้าแทบจะสำลักน้ำเก็กฮวยเอา เขาเนี่ยนะ ดูเด็ก ความรู้สึกของเขานั้น คุณลุงยังน่าจะเรียกเขาว่าพี่ด้วยซ้ำ
ผมก็เชย หน้าก็เชย แว่นยังหนาเตอะอีก นี่ยังไม่นับเรื่องแต่งตัวนะ
“ไม่หรอกครับ ไม่เลย คุณตุลดูดีมากๆ ด้วยซ้ำไป สาวๆ ชอบกันเพียบ เชื่อผมสิ”
“พี่ตุลคะๆ” ไม่ทันขาดคำเสียงทักหวานก็ดังขึ้น ตุลหันไปมอง
คะน้าก็เช่นกัน เห็นพยาบาลสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักตุล
“เห็นไหมล่ะครับ ฮ่าๆๆ” คะน้าหัวเราะชอบใจ ตุลก็ได้แต่ยิ้มรับแบบทุกที
“แต่งตังหล่ออีกแล้วนะคะพี่ตุล”
“น้องจิ๋วนี่เอง นึกว่าใคร จะว่าไงดีล่ะ ก็คนมันไม่หล่อ
ก็ต้องแต่งตัวช่วยนิดนึงล่ะ เผื่อจะได้ดูน่ากลัวน้อยลงบ้าง”
“โหย ถ้าพี่ตุลไม่หล่อ แล้วที่นี่จะมีใครหล่ออีกล่ะคะ” พยาบาลสาวเอ่ยแย้ง
ซึ่งนั่นเป็นคำพูดที่คะน้าเห็นด้วยอย่างเป็นที่สุด อย่างตุลเนี่ยนะ ไม่หล่อ
ถ้าตุลไม่หล่อนี่อย่างเขาจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ...สัตว์ประหลาดเลยไหมนั่น
“น้องจิ๋วก็พูดเกินไป พี่เขินหมดแล้ว ฮ่าๆๆ”
หญิงสาวยิ้ม เธอแย้งว่าพูดเรื่องจริง ก่อนจะกระเซ้าหมอหนุ่มแล้วเอ่ยชวน
“พี่ตุลคะ เย็นนี้ไปทานข้าวกับจิ๋วอีกนะคะ”
“อ้าว น้องจิ๋วไม่มีเพื่อนไปทานด้วยเหรอครับ” หญิงสาวส่ายหน้า “เอ... น่าจะได้นะครับ ไม่น่าติดอะไรครับ”
“โอเคค่ะ เจอกันนะค่ะ” ว่าแล้วพยาบาลที่ชื่อจิ๋วก็ขอตัวไปทำงานต่อ
และตลอดทางระหว่างตู้กดน้ำไปจนถึงแผนกจักษุ
คะน้าเห็นสาวๆ หลายคนยิ้มให้และทักทายชายหนุ่มข้างๆ เขาตลอดจนนับไม่ถ้วน
ส่วนตุลเองก็ยิ้มให้กลับและทักทายตอบด้วยดีกับทุกๆ คน
“คุณตุลแฟนคลับเพียบเลยนะครับ สาวๆ ติดตรึมเลย”
“ไม่หรอกครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กันหมดน่ะครับ ผมไม่มีใคร”
“แต่ผมรู้สึกว่าเค้าชอบคุณตุลจริงๆ ล่ะครับ ไม่น่าคิดแต่นั้นแบบที่คุณตุลคิดหรอกครับ
ระวังนะครับจะถูกสาวๆ หาว่าเจ้าชู้เอาได้”
“อ้าว ผมกลายเป็นคนเจ้าชู้ไปแล้วเหรอครับเนี่ย” ตุลหัวเราะร่วน ยิ้มอีกแล้ว ยิ้มนั่น...
“ไม่ชอบ แล้วคุยดีด้วยทำไมล่ะครับ” จู่ๆ คะน้าก็โพล่งออกมา
อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับคนหน้าตาดีอีกคนที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน
ทิมแตกต่างกับตุลอย่างสุดขั้ว วิศวกรหนุ่มรุ่นน้องพูดจาสั้นๆ ห้วนๆ
แสดงออกความรู้สึกตรงๆ ไม่ชอบก็ไม่คุยด้วย ผิดกับหมอตุลผู้อัธยาศัยดี
น่าคบหาพูดคุย แต่กลับอัธยาศัยดีจนเกินไป...หรือเปล่า? คะน้าคิดแบบนั้นจริงๆ
ตุลยืนนิ่ง ชะงักไปกับคำถามที่ได้ยินจากเพื่อนใหม่
“บางทีมันก็ยากนะครับ ที่จะแยกแยะความรู้สึกระหว่างคนที่อัธยาศัยดีจริงๆ
ทักทาย พูดคุยกับเราแบบเพื่อน กับคนที่รู้สึกชอบพอเรา”
ตุลยันมายิ้มอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่บอกไม่ถูกว่าเจ้าของรอยยิ้มรู้สึกอย่างไร
“ผมไม่กล้าที่จะคิดหรอกครับ กลัวที่จะตีความไปเองคนเดียว
มันก็คงจะดีกว่าถ้าเราทักทายทุกคนด้วยดี”
“แต่นั่นดีเกินไปหรือเปล่าครับ มันอาจจะทำให้ใครคิดมากไปก็ได้หรือเปล่าครับ”
คะน้าแย้งขึ้นตามความคิด “เอ่อ... ขอโทษนะครับ จริงๆ ก็เพิ่งรู้จักกัน ผมไม่ควรวิสาสะอะไรแบบนี้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรู้สึกดีใจมากกว่าที่มีคนที่พูดตรงๆ ได้ ขอบคุณนะครับสำหรับความห่วงใย”
คำตอบของตุลทำเอาคะน้ารู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก คิดไม่ตกจริงๆ ทำไมคนแบบเขาถึงยังไม่มีใครสักคน
“ก็เล่นทักทายมันทุกคนล่ะนะ” สุดท้ายก็ได้แต่พูดแก้เขิน
“ผิดแล้วล่ะครับ แค่บางคน” คะน้ายืนนึก ...แค่บางคนน่ะเหรอ แล้วใครมั่งล่ะ เขาก็จำไม่ได้
แต่กินเก็กฮวยเนี่ยล่ะ ตุลยิ้มแล้วเล็งกระป๋องน้ำไปที่ถังขยะก็โยนลงถังไป
คะน้าชื่นชมในความแม่นยำ ลืมเรื่องที่กำลังคิดหาคำตอบอยู่ไปเสียสนิท
ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงที่หมาย ตุลก็ชี้ไปที่แผนกจักษุที่อยู่ตรงหน้า
“ถึงแล้วครับ เดี๋ยวผมเองก็ต้องขอตัวไปทำงานก่อนแล้วกันครับ แล้วพบกันครับคุณคะน้า”
ตุลเดินจากไป ส่วนคะน้าก็แยกตัวเดินเข้าไปในแผนกสายตาที่มีผักกาดนั่งรออยู่
“หายไปนานเลยนะต่าย หลงทางเหรอไง” ผักกาดบ่นอุบ จะว่าไปเขาก็หลงจริงๆ นี่นา
“เอาน่า ถึงคิวเราหรือยังล่ะ” คนเป็นพี่สาวส่ายหน้าเซ็งๆ ไม่นานนักก็ถึงคิวของทั้งสองคน
สภาพตาไม่มีปัญหา อีกทั้งคิวของเครื่องทำเลสิคยังว่าง ผักกาดจึงคะยั้นคะยอน้องชายให้รีบๆ ทำไปพร้อมๆ กับเธอ
ลงท้ายผักกาดก็มัดมือชกให้คะน้ามาทำพร้อมกับเธอในวันพรุ่งนี้ โดยให้คะน้าทำก่อน ถ้าโอเค เธอก็จะทำต่อทันที
คืนนั้นที่คอนโด คะน้ายืนมองตัวเองที่หน้ากระจก รู้สึกโหวงๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก
พระจันทร์ไม่ได้เต็มดวงสวยแบบที่คาดคิด คะน้าไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
ไม่ได้ชอบที่มันจะต้องเต็มดวงสวยแบบนั้น เป็นความรู้สึกที่ได้จ้องมองต่างหากที่เขาชื่นชอบ
ชายหนุ่มสำรวจรูปร่างหน้าตาตัวเองผ่านกรอบแว่นหนาๆ ก่อนจะค่อยๆ ถอดมันออกวางบนโต๊ะใกล้ๆ ตัว
มีสองอย่างที่คะน้าคุ้นเคย คือแว่นตาที่เค้าใส่มาตลอดหลายสิบปี
กับความเหงาที่เป็นเหมือนเพื่อนมาทักทายทุกค่ำคืน แต่พรุ่งนี้แล้วสินะ พรุ่งนี้แล้วที่เขาจะทิ้งสิ่งหนึ่งไป
คะน้าจะไม่ต้องใส่แว่นหนาๆ นี่อีกแล้ว ปราศจากแว่นสายตาเก่าๆ ที่คุ้นเคย
ภาพตรงหน้าเลือนมัวจนมองแทบไม่เห็นอะไร
หากแต่แสงนวลตาของพระจันทร์ยังคงน่าหลงใหลเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่เป็นไร ...ยังมีความเหงาเป็นเพื่อนเสียงกีต้าร์ข้างๆ ห้องแว่วดังขึ้นพร้อมกับบทเพลงรักที่ชวนเคลิบเคลิ้ม
เสียงทุ้มๆ นั้น ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงรอยยิ้มที่น่ามองของเจ้าของ
เขา...ยังมีความเหงาเป็นเพื่อน
...หรือเปล่า?+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอโทษที่หายไปนานนะครับ ว่าจะแวะอาอัพ ปรากฏว่าหากระทู้ตัวเองไม่เจอ ฮ่าๆๆๆ เอ๋อได้อีก
พอดียุ่งๆ เลยไม่มีเวลาคุ้ยหาน่ะครับ พอว่างแล้วเลยแวะมาอัพครับ ไม่ได้ลืมเน้อ
ช่วงแรกๆ ของเรื่องจะค่อนข้างเอื่อยๆ นิดนึงนะครับ ขอปูคาแรกเตอร์ตัวละครให้ชัดหน่อยนะ
ท่าทางหนทางยังอีกยาวไกลน่าดูเลยล่ะครับ ยังไงฝากแนะนำติชมด้วยนะครับ ฮิฮิ