@@@Writer's Talk@@@
เหลียวซ้าย.....และขวา..... อ๊ะ !! ถูกจับได้แล้วซิ่ว่าคนเขียนอู้ (ฮา)
มาแล้วค่ามาแล้ว ปล่อยให้รอนาน แต่ไม่ได้ให้รอเก้อนะคะ (อย่างน้อยก็คงไม่ปล่อยให้รอจนกระทู้โดนลบ ฮา...) (ไม่ตลกละ)
เอาล่ะค่า ไม่พูดพล่ามทำเพลง โพสต์ต่อล่ะนะคะ
................................................"แต่พี่ก็มีเงินจ้างหนู แล้วก็ดูแลร้านได้นี่คะ...แค่พี่สบายก็ดีแล้วล่ะค่ะ”
เสียงของฟ้าดังขึ้นเรียกสติของวรัญญูให้ตื่นจากภวังค์ ชายหนุ่มยิ้มเศร้าๆให้กับอีกฝ่าย สองมือลูบหัวโตๆของเจ้าเคนไปมา ซึ่งเจ้าเคนเองก็คลอเคลียวรัญญูเหมือนกำลังอยากจะบอกข้อความบางอย่างออกไป
“ดูท่าเจ้าเคนมันอยากไปกับพี่นะ" ฟ้าบอกเพราะมันเป็นเวลานานเลยทีเดียวตั้งแต่วรัญญูจากร้านนี้ไป ตั้งแต่วันนั้นมาเธอจะเห็นเจ้าเคนที่ตัวโตเกินกว่าจะอยู่ในตู้โชว์เหมือนหมาแมวตัวอื่นๆได้ ไปนั่งรออยู่ที่หน้าประตูกระจกหน้าร้าน มองคนเดินผ่านไปมา จนกระทั่งร้านปิด มันรอให้วรัญญูกลับมาทุกวัน เหมือนกับว่ามันไม่เคยลืมเจ้านายที่รักเลย
"ก็อยากจะพาไปอยู่ด้วยหรอกนะ...แต่
"คุณพ่อ" ท่านจะว่ายังไงพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน" แววตาของวรัญญูอ่อนแสง
ตั้งแต่วันที่คุณพ่อภูธรรับเขาเป็นลูกบุญธรรม แผนการทุกอย่างที่เคยวางไว้ในชีวิตก็เปลี่ยนไป เขาจำเป็นต้องเลิกทำงานที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงที่เขารัก หันไป
"พยายาม" จะเอาดีทางด้านเลขานุการ แต่มันก็ดูจะไม่เข้ากับคนอย่างเขาเอาเสียเลย ภูธรเองก็แปลกทั้งๆที่รู้ว่าเขาทำงานออกมาได้ไม่ดีนักแต่ก็ยังคงให้เขาทำงานในตำแหน่งนี้ต่อไป พอถามถึงเหตุผลก็มีหลายครั้งที่จะตอบว่า
“เดี๋ยวเหตุผลก็มาเอง” ได้ยินแบบนั้นแล้วใจนึกอยากจะเถียงแต่วรัญญูก็ได้แต่ปิดปากเงียบเก็บความสงสัยเอาไว้ จนทุกอย่างมันเริ่มสะสมหาที่ระบายความกลัดกลุ้มนี้ออกไปไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นจะมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีพร้อมกับคำพูดของพ่อบุญธรรมที่โต้ะอาหารว่า
“เอาไปเที่ยวซะ” ซึ่งเขาก็ทำเช่นนั้น จนการออกไปเที่ยวกลางคืน ดื่มกินเต้นให้มันชุ่มปอดในเกือบจะทุกๆคืนเท่านั้นกลายเป็นเรื่องปรกติไปเสียแล้ว
" งี๊ด " เจ้าเคนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเจ้านาย มันเข้าไปคลอเคลีย หางที่แกว่งไปมา ตกลง รู้สึกเศร้าตามไปด้วย
" พี่รัน เจ้าเคนฉลาดออก หนูว่าพ่อบุญธรรมพี่ต้องชอบมันแน่ๆเลย ถึงมันจะสอนอะไรไม่ค่อยจำให้ยกขาตีลังกาหมอบคลานไม่ค่อยได้ แต่มันรู้เรื่องนะ หนูสงสารมัน เอามันไปด้วยนะ " ฟ้าขอร้องนายจ้างของตนเอง
"อืม... "มือเรียวของชายหนุ่มลูกหัวของเจ้าเคนอย่างเอ็นดู ก่อนจะมองหน้าของฟ้าเด็กสาวเองก็ส่งสายตาออดอ้อนไม่แพ้กัน "เดี๋ยวพี่จะลองไปถามดูก็แล้วกันนะ ยังไงจะมาอีกทีก็แล้วกัน นี่แค่อยากจะมาเยี่ยมเฉยๆน่ะ "
" งี๊ดๆๆ " ราวกับรู้เรื่องว่าเจ้านายของมันกำลังจะกลับไปอีกแล้ว เจ้าเคนคลอเคลียเจ้านายอยู่ไม่ห่าง ดวงตาสีนำตาลกลมโตของลูกหมาตัวใหญ่มองคนทั้งคู่สลับกัน แล้วส่งเสียงเห่าเหมือนจะบอกให้วรัญญูพามันกลับไปด้วย
"ไม่ได้หรอก...อย่างน้อยก็ตอนนี้นะ เคน รอหน่อยนะ พี่ไปแล้วนะฟ้า...ถ้ายังไงจะมาเยี่ยมอีกก็แล้วกันส่วนเรื่องเงินพี่ก็จะเอาเข้าให้เรื่อยๆ ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ" วรัญญูยิ้มให้ลุกจ้างของตัวเองก่อนจะขยี้เส้นขนสีทองของเจ้าลูกหมาตัวโต แล้วหันหลังเดินกลับออกมา โดยที่ห้ามตัวเองเหลือเกินที่จะไม่หันกลับไปมอง ทั้งที่เจ้าเคนนั้นกำลังร้องและเห่าเสียงดังพลางใช้ลำตัวตัวใหญ่เกินวัยของมันกระโดดตะกุยประตูกระจกของร้านด้วยอยากจะวิ่งตามเจ้านายออกไป
วรัญญูหลับตาลงเมื่อได้ยินเสียงนั้น เขาไม่อยากจะฝืนพาเจ้าเคนไปลำบากด้วยตอนนี้
....แม้แต่เรื่องของตัวเองฉันยังจัดการมันไม่ค่อยได้เลย ขอโทษนะ เคน... จนเมื่อวรัญญูเดินลับสายตาไปเจ้าเคนถึงได้เงียบเสียงลงท่าทางซึมลงไปทันตาเห็นใบหูโตๆของมันตกลู่ ปลายจมูกก้มลงแทบติดพื้นก่อนจะหมอบตัวลงตรงหน้าประตูเหมือนเช่นทุกที
" เคน " ฟ้าเรียกเจ้าสี่ขาด้วยน้ำเสียงสงสารจับใจ ก่อนจะพยายามหาเรื่องที่มันชอบ อย่างเช่น .. สายจูง..ทันทีที่เห็นสายจูงสีชมพูสดใสที่ฟ้าบรรจงเลือกให้ เจ้าเคนก็กระโดดเกาะโต๊ะพยายามชูคอให้ใส่สายจูงให้ทันที หางของมันแกว่งไปมา ดูท่าการได้ออกไปเดินเล่นจะสำคัญเหนือเรื่องอื่นใด
" ฮะ ฮะ แกเนี่ยน้า .. ปะ ไปเที่ยวกันๆ " เด็กสาวใส่สายจูงให้มันก่อนจะพามันออกนอกร้านเพื่อพาไปเดินเล่น
………………………………
ใครจะไปคิดว่าหนุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศเสียส่วนใหญ่จะชอบเดินชมย่านเก่าแก่ของเมือง และบางครั้งก็เตลิดเลยมาจนถึงฝั่งธนบุรีอยู่บ่อยครั้ง อินทัชเดินเรื่อยเปื่อยในวันหยุดจะว่าไป นี่ก็เป็นวันแรกตั้งแต่กลับจากเมลเบิร์นที่ได้พักผ่อนจริงๆแบบนี้ ที่จริงเขากะจะใช้วันว่างวันนี้กับวรัญญูซักหน่อย จะด้วยการแกล้ง หรืออะไรก็ตามแต่วรัญญูก็กลับหนีกลับไปเสียก่อนในตอนเช้า ทำให้อดขำไม่ได้ว่าทำไมอีกฝ่ายจะต้องรีบหนีเขาไปไหนนักหนา หรือเป็นเพราะว่าจะกลัวการใช้เวลาในยามเช้าร่วมกัน
..ทีแบบนี้ทำเป็นไร้เดียงสา.. อินทัชคิด ขณะที่เดินดูตึกรามบ้านช่องไปเรื่อย น่าแปลกที่เขาอชอบมองดูอาคาร และสิ่งก่อสร้างต่างๆ มันทำให้เขาสงบอย่างประหลาดเมื่อได้มอง
“แท่งคอนกรีต” และ
“ส่วนผสมของอิฐ เหล็ก และปูน” เหล่านั้น อาจจะเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่เคลื่อนไหว แต่ก็เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ไม่เหมือนกับผู้ที่อาศัยอยู่ คนพวกนั้นเปลี่ยนไปเรื่อย เอาแน่เอานอนไม่ได้ ความจริงแล้วเขาอยากจะทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ สิ่งปลูกสร้างอะไรแบบนั้น แต่ในเมื่อธุรกิจที่บ้านเป็นด้านอิมพอร์ทแอนด์เอ็กซ์ปอร์ตมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องมาดูแลด้านนี้ อินทัชพยายามหาจุดที่เขาชอบในงานนี้อยู่นานจนกระทั่งคิดได้ว่า ถ้าหากเป็นเรื่องเงินแล้วล่ะก็เขาก็คงจะนั่งมองมันได้อย่างสบายใจ เงินมันไม่มีชีวิต แต่มันก็เปลี่ยนไปตามฤดูกาลเช่นกัน ความผันผวนของค่าเงินมันน่าสนุกกว่าการมานั่งเดาใจคน ทั้งคนในบ้าน คนนอกบ้าน ไม่ว่าใครเขาก็ไม่ค่อยอยากจะสนใจนัก สู้ทำงานให้สบายใจให้มีเงินให้ได้กำไรจะไม่ดีกว่าอย่างนั้นหรือ....แต่ตั้งแต่กลับมาเมืองไทยนี่ ดูเหมือนว่าความคิดนี้ของเขาจะค่อยๆจางหายลงไป...เพราะเหตุใดนั้นอินทัชก็ได้ยิ้มน้อยๆเหมือนเช่นทุกที
"เคน...โอ้ย ช้าๆหน่อยจะเดินตามไม่ทันอยู่แล้ว"
เสียงเด็กสาวโวยวายขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงวิ่งทั่กๆมาตามทางเดิน เบื้องหน้าของเธอคือสุนัขพันธ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ที่ดูจะพยายมลากเธอให้เดินกึ่งวิ่งเสียมากกว่า
" แฮ่ๆๆ " เจ้าเคนวิ่งจนลิ้นห้อย จมูกของมันพยายามหาที่มาของกลิ่น หางของมันประดิกไม่มาอย่างดีใจ มักลากเจ้าของสายจูงมาจนกระทั่งถึง..
"โฮ่งๆๆๆ " เจ้าเคนเดินไปนั่งลงตรงที่อินทัชยืนอยู่แล้วส่งเสียงเฮ่า พลางมองคนแปลกหน้าที่มีกลิ่นเดียวกับเจ้านายของมันสลับกับใบหน้าตกใจของฟ้า
"เคน ไม่เอา อย่าไปเห่าเขาซิ่" ฟ้าพูดพลางพยายามดึงให้ลูกหมาตัวโต ลุก แต่ก็ดูจะไม่เป็นผล แต่ ก็อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมกับคนแปลกหน้า แล้วเจ้าเคนถึงยอมนั่งเสียเรียบร้อย แทนที่จะเห่าเสียงดังใส่อย่างเดียว
"ขอโทษนะคะ เจ้าตัวนี้มันดื้อไปหน่อย" อินทัชเห็นตาใสๆของเจ้าเคนที่แสดงให้เห็นถึงความแสนรู้น่าเอ็นดูนั่นก็ต้องยิ้ม
" ชื่อเคนรึไง เราน่ะ " ชายหนุ่มลูบหัวมันเบาๆ ซึ่งเจ้าเคนก็เงยหน้าให้ลูบหัวของมันอย่างเต็มใจ มันเห่าอย่างดีอกดีใจราวกับเจอเจ้านายตัวเองยังไงยังงั้น
"เคน.... "ปฏิกริยานั้นทำเอาฟ้าแปลกใจไม่น้อย "ดูท่ามันจะชอบพี่มากเลยนะคะ กับหนูบางทียังไม่ยอมเลย ..."ฟ้าว่าพลางหัวเราะ
"ได้ทีล่ะอ้อนอย่างกับได้เจอเจ้านายเลยนะ แก "
" บางที ผมอาจจะมีกลิ่นเหมือนเจ้านายมันก็ได้นะ .. ว่าไง เจ้าเคน” ว่าพลางร่างสูงก็ลูบหัวของเจ้าตูบไปมา เคนซุกหัวกับขากางเกงราคาแพงของชายหนุ่มแทนคำตอบ แววตาของมันที่มองเขา ราวกับขอให้เขาพามันไปด้วย " ............ อะไรของแกน่ะ .. อยากไปด้วยรึไง? " ชายหนุ่มถามมันขำๆ ซึ่งเจ้าเคนก็เห่ารับทันที
"ฮ่ะๆ เหรอคะ อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ เจ้านี่ป่วยน่ะค่ะ ...ไม่มีใครซื้อไปเลี้ยงซักที ทางร้านก็เลยต้องดูแลมัน ตั้งแต่ตัวเท่านี้..."ฟ้าทำมือ
" จนตัวโตป่านนี้แล้ว..."
" ป่วยงั้นเหรอ? " ชายหนุ่มนั่งลงตรงหน้ามันลองพิจารณราและนึกถึงหมาพันธ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่เขาเคยเห็น หูของเจ้าเคนนี่คงจะใหญ่และยาวกว่าปรกติของหมาพันธ์เดียวกันกระมัง " เขาคงคิดว่าเป็นพาคินสันซินโดรม แต่ มันก็ไม่เคยเดินตัวสั่น ใช่ไหม? "
"ไม่ค่ะ..จะสั่นก็เวลา กลัวฟ้าร้องเท่านั้นเอง "ฟ้าพูดติดตลกพลางลูบหัวเจ้าเคนเบาๆ
" ถ้าแบบนั้นมันก็ไม่ป่วยหรอก ผมว่ามันฉลาดมากเลยนะ ใครได้ไปคงรักมัน” อินทัชว่าพลางยิ้มเขานึกเอ็นดูเจ้าตูบตัวนี้อย่างบอกไม่ถูก
" โฮ่ง " เจ้าเคนเห่ารับคำราวกับรู้เรื่องที่ทั้งสองคนพูด
"ถ้าอย่างนั้น พีี่ไม่เอาไปเหรอคะ ...เนี่ย เจ้านายสุดที่รักของมันก็อยู่ๆ ต้องย้ายไป...คงจะเหงา และดูท่ามันก็ชอบคุณมากๆเสียด้วยซิ่" ฟ้าเริ่มพูดยาวไม่พอยุให้คนแปลกหน้าคนนี้รับเจ้าเคนไปเลี้ยงเสียอีกต่างหาก
" จะไม่เป็นปัญหาเหรอครับ? "ชายร่างสูงถามย้ำพลางลูบขนนุ่มๆของมันไปมา
"ไม่หรอกค่ะ...เจ้านายของมันก็คงจะดีใจด้วย ทางนั้นเขาก็ อืม จะให้พูดยังไงดีล่ะคะ น่าสงสารมาก ทำร้านเพ็ทช๊อปอยู่ดีๆ ก็ต้องเลิกไป
เพราะมีคนมารับไปเป็นลูกบุญธรรมเศรษฐี...เป็นคุณตาเลยนะคะ ต้องไปสืบทอดกิจการอะไรนั่นล่ะค่ะ "ฟ้าว่าพลางนั่งลงลูบหัวลูกหมาของเจ้านาย
“เจ้าเคนเลยต้องอยู่ตัวเดียว บางทีพี่เขาก็เปรยๆนะคะ ว่าถ้ามีใครมารักเจ้าเคนแทนเขาได้ก็คงดี”
ลูกบุญธรรม...คุณตา?..สืบทอดกิจการ? ชายหนุ่มขมวดคิ้วข้อมูลที่เขาได้ทำให้สมองทำงานประมวลผล ถึงแม้จะไม่มั่นใจนัก แต่ ณ เวลานี้ตอนนี้จะมี ตาแก่บ้าที่ไหนจะมารับคนไม่รู้จักไปเป็นลูกบุญธรรมได้ถ้าไม่ใช่ ตาภูธรของเขาเอง
....ก็สวยซิ่..... ริมฝีปากของอินทัชเหยียดยิ้มก่อนจะล้วงประเป๋าเงิน
" เท่าไหร่ครับ สำหรับค่าเลี้ยงดูเจ้าเคน ที่ผ่านมา "
"อุ้ย...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ...เอาเป็นราคาเดิมก็แล้วกันค่ะ....อืม...ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ที่ หกพันนะคะ”ฟ้าว่า ข้อเสียของเด็กสาวคนนี้คือคิดไวทำไวจนบางครั้งก็เหมือนจะไม่ได้คิดอะไรมากเสียด้วยซ้ำไป
" งั้นพี่ให้น้องสองหมื่นก็แล้วกันนะครับ บวกค่าแสนรู้ของเจ้าเคน " อินทัชว่าก่อนจะแบมือขอสายจูงจากหล่อน
" ไปด้วยกันไหมเคน? "เจ้าเคนนั่งลงมองหน้าเจ้านายคนใหม่ของมันตาเป็นประกายแทนคำตอบ...แต่ดูท่าเจ้าเคนจะมองสายจูงเสียมากกว่า ทั้งสองทำการแลกเปลี่ยนสายจูงเป็นเงินสดทันควัน
"อ่ะ...ขอบคุณมากค่ะ ยังไงหนูจะรีบติดต่อเจ้านายคนเก่าของมันทันที...เอ่อ ไม่ทราบขอชื่อกับที่อยู่ของพี่จะได้ไหมคะ คือ...ทางนั้นเขาก็จะได้ไม่เป็นห่วง" ฟ้ากุลีกุจอส่งสายจูงให้ก่อนจะรีบ ดึงเอาสมุด ปากกาออกมา แต่อินทัชกลับยื่นนามบัตรของตนให้แทนคำตอบ
"บอกเขาว่าถ้าจัดการชีวิตตัวเองได้และยังต้องการมันอยู่ก็ให้มาหาผม "
"อ่ะ..ค่ะ" ฟ้ารับนามบัตรของอีกฝ่ายมาอย่างงงๆ แต่ถึงกระนั้นก็ ไม่ได้ถามอะไรต่อ
" ไป..เคน " เขากระตุกสายจูงเล็กน้อย เจ้าเคนยืนขึ้นแล้วขืนตัวหันไปทางฟ้าเห่าเสียงดัง
"เดี๋ยวฉันบอกเจ้านายแกเอง ไม่ต้องห่วงนะเคน" ฟ้าว่าพลางโบกมือให้ บนดวงตาของหญิงสาวนั้นมีน้ำตาคลอหน่วย อดใจหายไม่ได้ ทาอยู่ๆลูกหมาขายไม่ออกที่ดูแลมาตลอด ก็จะมาขายออกเอาปุบปับและถูกพาไปง่ายๆแบบนี้
" งี๊ดๆ " เจ้าเคนยังคงหันหน้าหันหลังอยู่ตลอด แต่มันก็เดินตามผู้เป็นนายคนใหม่ของมันไปเมื่อสายจูงสีชมพูดถูกเขย่าไปมาเรียกความสนใจของมันอีกครั้ง
………………………………………………
เสียงโทรศัพท์มือถือของวรัญญูดังขึ้นกลางดึก เลขานุการหนุ่มยังไม่หลับ เขายังง่วนอยู่กับการถอดการประชุมเมื่อวันก่อน แล้วต้องจัดการพิมพ์มันให้เรียบร้อย มือเรียวคว้าโทรศัพท์มารับ
"ฮัลโหล ฟ้าว่าไง " วรัญญูรับโทรศัพท์ทั้งๆที่ยังไม่ละตาละมือจากคีย์บอร์ด ผมยาวประบ่าถูกมัดรวบหลังหัวเหมือนทุกที ด้วยคิดว่ามันจะทำให้มีสมาธิขึ้นอีกนิดกับการทำงาน
" พี่รัน พี่ดีใจกับหนูหน่อยซิ่ เจ้าเคนน่ะขายออกแล้วนะ " ฟ้าบอกเพราะเธอก็เฝ้ารอวันที่จะมีคนมาซื้อเจ้าเคนไปอยู่เป็นนานสองนาน จนในวันนี้อยู่ๆจะมี่คนมาจ่ายเงินซื้อก็เอาไปกันง่ายๆแบบนั้น
"
หา! ขาย? ขายให้ใคร ? ฟ้า เธอขายเจ้าเคนเหรอ..."ทันทีที่ได้ยิน วรัญญูแทบจะตะโกนถามด้วยความตกใจเกือบจะโกรธด้วยซ้ำไป
" อ้าว ก็พี่บ่นๆไม่ใช่รึไง ว่ามันขายไม่ออก เลยต้องเลี้ยงเอาไว้น่ะ แถมคนที่ซื้อไปนะ เขาให้ตั้งสองหมื่นแน่ะ สองหมื่นเชียวนะพี่ สำหรับหมาป่วยอย่างเจ้านั่นน่ะ " ฟ้าบอกอย่างตื่นเต้น
"สองหมื่นยังไงแต่ทำไมเธอไม่ถามฉันก่อน ฟ้า
เคนนั่นนะ หมาของฉันนะ!! " เสียงของวรัญญูสั่น เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ โกรธเด็กสาวที่ตัดสินใจโดยพละการหรือว่าอะไรกันแน่
" ก็พี่ไม่ได้บอกหนูนี่ว่า เจ้าเคนไม่ได้มีไว้ขายน่ะ .. ทำไงดีล่ะ หนูขอโทษๆ เนี่ย หนูมีนามบัตรของเขาด้วย พี่ไปเอามันคืนมาซี่ " ฟ้าระล่ำระลักบอกรีบบอก
"เหรอ ที่ไหน บอกที่อยู่พี่มา " วรัญญูเองก็ถามอย่างร้อนรน
" เขาชื่อ
อินทัชนะพี่ ส่วน เอ่อ....ที่อยู่ก็.. "
"
ชื่ออะไรนะ " วรัญญูแทบจะตะคอกถามด้วยความตกใจ
" อินทัช ทำงานที่พีทีกรุ๊ปอ่ะ ทำไมเหรอพี่? "ฟ้าถามอย่างงงๆ อดคิดไม่ได้ว่านอกจากขายเจ้าเคนไปแล้วเธอไปทำผิดอะไรเอาไว้อีก
"ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องบอกแล้ว
พี่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน" ชายหนุ่มหน้าสวยกัดริมฝีปากด้วยความแค้นใจ ที่ลุกสุนัขตัวโปรดของตัวเองถูกขายไป และ แค้นใจกับความที่โลกใบนี้มันกลมมากเสียจะส่งใครมาซื้อเจ้าเคนไปไม่ส่ง จะต้องมาส่งผู้ชายที่ชื่ออินทัชคนนี้มาเสียด้วย!!
...............................
เช้าวันรุ่งขึ้นรถมินิฯของวรัญญูขับพุ่งออกไปตามถนน มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มปล่อยจากพวงมาลัยมากดปุ่มโทรศัพท์หาเบอร์ที่เขามักจะโทรเข้ามาเสมอๆในช่วงนี้ เนื้อหานั้นหรือก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการ “จิก” ให้เขาวิ่งเข้าไปหาที่ห้อง หรือวิ่งไปทำนั่นนี่ให้ระหว่างที่อยู่ที่บริษัทอยู่เสมอๆ
หมายเลขโทรศัพท์ที่อินทัชบันทึกเอาไว้ แต่ไม่เคยได้รับสายสักครั้งเพราะอีกฝ่ายไม่เคยที่จะโทรหาเขาก่อนเลยปรากฎตรงหน้าจอโทรศัพท์ราคาแพง ชายหนุ่มละสายตาจากหนังสือพิมพ์ยามเช้า แล้วกดรับมัน โดยที่ไม่ไกลจากเขาคือมารดาที่กำลังจัดโต๊ะอาหารโดยที่มีเจ้าลูกหมาตัวโตอยู่ข้างๆ เดินไปเดินมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
"
คืนหมาของผมมานะ!! " เสียงของวรัญญูดังขึ้น จากปลายสาย วิธีการพูดนั้นดูจะต่างไปมากเหลือเกินจากเวลาปรกติไม่ต่างอะไรกับเด็กที่ถูกแย่งของเล่นไป
" หมาของนาย? " เสียงทุ้มทวนคำ ก่อนจะยิ้มออกมา "อ้อ แน่ใจน้า...ว่าหมาของนาย? จัดการชีวิตตัวเองเรียบร้อยแล้วรึไง ถึงโทรมาน่ะ? "
"
ชีวิตของผม ก็เรื่องของผม หมาของผม ก็คือหมาของผมเหมือนกัน บอกมาว่ามันอยู่ที่ไหน " วรัญญูขมวดคิ้วแน่น ดูเขาจะเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาได้ง่ายทีเดียวเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกหมาตัวนี้
" ฉันจ่ายไป สองหมื่นกับหมาที่เด็กที่ร้านนายบอกว่ามันป่วย ง่ายไปมั๊ง ไอ้หนู " อินทัชกวนประสาทผู้อ่อนวัยกว่าอย่างนึกสนุก
"ใครเป็นไอ้หนูของ
เธอไม่ทราบ..." ทันทีที่อีกฝ่ายขึ้นคำแบบนั้น วรัญญูก็สวนกลับแทบจะทันที " อินทัช อย่าลืมว่า
ต่อให้อายุเท่าไรฉันก็เป็นน้าของเธอนะ "
" หึ หึ .. นายรู้จักบ้าน
”พี่สาว” นายไหมล่ะ? มันอยู่นี่ล่ะ รีบมาแล้วกัน "ชายหนุ่มบอกก่อนจะกดวางสายโทรศัพท์ สัญญาณถี่ๆจากสายที่ถูกตัดไป ทำให้ วรัญญู แทบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปอีกทาง พลางเท้าก็กดเร่งคนเร่งไปยังสถานที่ที่เขาเองก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงที่จะไปอยู่เสมอ
...บ้านของพี่สาว...
...................................................To be con