แถม
.
.
.
.
.
ถอนหายใจกับเสียงรายงานข่าวสถานการณ์น้ำท่วมจากผู้สื่อข่าว มือกดรีโมทเปลี่ยนช่องเพื่อดูความเคลื่อนไหวของมวลน้ำที่กำลังเข้า กทม. ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เมื่อนึกถึงมวลน้ำก้อนใหญ่ที่เข้าท่วมแถวบ้านอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันท่วมอย่างทั่วถึงจริง ๆ กระสอบทรายที่เราใช้ทำคันป้องกันน้ำ มันไม่สามารถขวางกระแสน้ำได้ บ้านผมอพยพกันมาพักที่บ้านปู่กันทั้งครอบครัว พ่อกับปู่ดีใจที่ได้มาอยู่ใกล้กัน แม่ก็ดีใจที่ได้เจอญาติ ๆ พ่อที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ผมก็รู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดปู่กับย่า แต่ว่า..ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่กับความคิดถึงคนแปลกหน้าที่เจอกันใต้ต้นแก้วเหมือนกัน
จากวันที่ผมกับพี่รักเจอกันผ่านมาไม่ถึงอาทิตย์ผมก็ย้ายมาอยู่บ้านปู่แถวชลบุรี บ้านพี่รักก็น้ำท่วมเหมือนกัน แต่ไม่ท่วมมากจนถึงกับไปไหนไม่ได้ ปริมาณน้ำที่เข้าท่วมอยู่ที่หัวเข่า ที่บ้านพี่เลยยังไม่ทิ้งบ้านไปไหน โชคดีที่สัญญาณโทรศัพท์มันไม่ถูกตัดเหมือนกระแสไฟฟ้า ความคิดถึงของผมกับพี่รักเลยส่งผ่านเครื่องมือสื่อสารได้ตลอดเวลา เสียงเรียกเข้าดังขึ้นขัดความคิดถึงของผมที่กำลังก่อตัวเงียบ ๆ ยื่นมือหยิบมือถือมากดรับ
“ทำอะไรอยู่ครับ?..” ปลายสายทักมาแบบไหนผมก็ทักตอบไปแบบนั้นเหมือนกัน เอนหลังนอนฟังการบรรยายสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจุบันของคนตาโศก นอนนิ่งหลับตาแล้วนึกภาพตาม
“ตุ๊..เบื่อรึเปล่าครับ?” ส่ายหน้าแล้วเอ่ยเสียงเบา ‘เปล่าครับ’ พี่รักเงียบไปนานจนผมเริ่มใจไม่ดี
“ผมไม่ได้เบื่อจริง ๆ นะครับ ผม..คิดถึงพี่นะครับ” พี่รักเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“พี่กับเพื่อนรวมเงินกันซื้อของมาจัดเป็นถุงยังชีพ ว่าจะไปแจกที่..ไปกับไหมรับ? ไม่สิ..อยากไปด้วยกันไหมครับ?” หน้านิ่วกับคำชวนของพี่
“อยากไป! พี่ไปไหนผมไปด้วยทั้งนั้นครับ ให้ผมไปเจอที่ไหนดี?” พี่รักบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับที่บ้านแต่เช้าก่อนจะรีบวางเพราะจะได้โทรบอกปลายทางที่จะไปแจกของกับขนของขึ้นรถ วางหูจากพี่ผมก็นั่งนิ่ง เพราะผมกับพี่ยังเพิ่งจะเริ่มต้นแต่กลับต้องห่างกันเพราะน้ำท่วม พี่เลยรู้สึกไม่มั่นคงทางความรู้สึกของผม ผม..แสดงออกน้อยไปสินะ
เดินไปหาพ่อที่กำลังคุยกับปู่ในสวนเงาะหลังบ้าน ปู่หันมามองก่อนจะยิ้มให้ผม ยิ้มตอบแล้วหันไปหาพ่อที่มองผมอยู่
“พ่อครับ พรุ่งนี้พี่รักจะมารับไปช่วยแจกของน้ำท่วมตอนเช้า พี่รักเปิดบริษัทรับสร้างและออกแบบสิ่งปลูกสร้างทุกอย่าง รู้จักกันนานแล้ว เป็นคนดี ไว้ใจได้ครับพ่อ” รีบบอกรายละเอียดที่พอจะเปิดได้กับพ่อ เบือนหลบดวงตาสีดำที่ยังคงจับจ้องหน้าผม..รอให้ผมขยายความสัมพันธ์ที่ยังดู..คลุมเครือระหว่างผมกับพี่ ถอนหายใจทิ้งแล้วหันกลับมามองตาพ่อ
“เป็นแฟน เพิ่งคบกันได้อาทิตย์เดียว ผมอยากไป..กับพี่ครับ” พ่อหน้านิ่งก่อนจะหันมามองปู่ ปู่ยิ้มบางแล้วชวนพ่อเล่นหมากรุก พ่อมองปู่ที่กำลังตั้งกระดานแล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผม
“ไปเถอะ ถ้ามันเดินทางลำบากก็ค้างได้ หาที่พักดี ๆ แล้วดูแลตัวเองด้วยตุ๊ พ่อเป็นห่วง” ผ่อนลมหายใจออกด้วยความโล่งอก พยักหน้ารับคำพ่อเรื่องดูแลตัวเองก่อนจะรีบเดินมาหาแม่ บอกเรื่องจะไปช่วยแจกของพรุ่งนี้ รายละเอียดที่ระบุ..ผมบอกน้อยกว่าที่บอกพ่อ
“พ่อว่าไงล่ะตุ๊ แม่แล้วแต่พ่อ..เอาน้ำไปช่วยเขาด้วยสิตุ๊ เดี๋ยวแม่ให้ป้าสั่งน้ำให้” แม่หันไปคุยกับป้าแล้วจัดการเรื่องน้ำดื่ม ผมโทรย้อนกลับไปหาพี่แล้วบอกเรื่องน้ำที่จะเอาไปช่วยแจกด้วย วางหูจากพี่แล้วหันไปบอกแม่
“แม่..พี่เขาทำ 2,000 ชุดครับ” แม่พยักหน้าแล้วสั่งน้ำเพิ่มจากที่พี่ทำอีก 500 แพค เป็น 2,500 ร้านที่ป้าสั่งน้ำไม่มีน้ำพอเท่าที่แม่อยากได้ แต่สั่งจากที่อื่นเพิ่มให้ครบตามจำนวนได้ น้ำที่สั่งจากร้านเขามาส่งที่บ้านปู่ได้ แต่เราต้องไปขนอีกที่เอาเอง แม่หันมาหาผม ผมเลยรีบกดโทรปรึกษาพี่ ไม่ลืมที่จะเดินห่างแม่ออกมาคุยเพราะแม่เริ่มจะจับผิดท่าทางผมมากขึ้น
“ไปรับน้ำที่ร้านได้ไหมครับพี่ มันต้องไป 2 ที่เพราะน้ำที่ร้านแรกมันไม่พอครับ ครับผม” พี่ให้เพื่อนหารถ 6 ล้อมาขนน้ำที่ร้านแล้วบอกผมว่าไม่ต้องกังวล พี่จะออกไปให้เร็วกว่าเดิมประมาณ 1 ชั่วโมง นัดเวลากันใหม่ก่อนจะวางสายเพื่อให้ผมเตรียมตัว เดินกลับมาบอกแม่และให้แม่นัดที่ร้านให้เตรียมของไว้แต่เช้า ขอเบอร์ร้านไว้แล้วสำทับแม่เรื่องเงินค่าน้ำดื่มที่สั่งไว้ เลี่ยงออกมาหาข้าวเย็นกินก่อนคนอื่นแล้วให้เหตุผลการขึ้นไปนอนก่อนเวลากับแม่ว่า ‘ผมต้องตื่นแต่เช้า เลยต้องนอนก่อน’ ตั้งปลุกไว้แล้วรีบนอน ตื่นตามเสียงปลุกจากมือถือ เข้าห้องน้ำจัดการตัวเองภายใน 10 นาที แต่งตัวแล้วรับโทรศัพท์พี่ที่โทรปลุกผม
“ตื่นแล้ว อาบน้ำแล้ว แต่งตัวแล้ว แล้วก็กำลังจะออกมานั่งรอครับ” ปลายสายหัวเราะอารมณ์ดีแล้วบอกจะรีบมา ผมเดินลงมาข้างล่าง เปิดตู้เย็นหาอะไรกินรองท้อง หยิบนมกล่อง น้ำ ผ้าเย็นมาใส่กระติกน้ำเตรียมไว้ หยิบเกี๊ยวกุ้งของซีพีออกมาเวฟ ดูเวลาแล้วโทรหาร้านน้ำดื่ม ร้านน้ำเปิดร้านและประสานร้านน้ำอีกร้านให้แล้ว ผมวางโทรศัพท์ หย่อนลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหันกลับไปเปิดเตาเอาเกี๊ยวกุ้งมาตักกิน รอไม่นานพี่ก็มาถึงตัวเมือง ผมบอกทางให้แล้วเดินมารอหน้าบ้าน แสงไฟรถกระบะโฟร์วีลที่สาดเข้ามาทำให้ผมวางโทรศัพท์ หัวใจเต้นดังจนไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่เคลื่อนมาจอดตรงหน้า ยิ้มกว้างส่งให้หน้าคม ตาโศกที่เดินลงมาหา รอยยิ้มอบอุ่นส่งกลับพร้อมมือใหญ่ที่ยื่นมาจับมือผม
“หิวรึเปล่าครับ? เหนื่อยไหม?” เอ่ยปากถามแล้วกระชับมือกลับ พี่ส่ายหน้าแล้วมองเข้าไปในบ้าน ผมดึงมือให้เดินตาม พอเข้าประตูบ้านก็หันมายิ้มให้พี่แล้วคลายมือออก พี่รักยิ้มกว้างแล้วก้มหัวเข้าใจ เดินเข้าไปก็ให้พี่นั่งรอที่โซฟาก่อน เดินขึ้นไปหาแม่กับพ่อในห้องก็ไม่เจอ เดินลงมาก็เห็นพ่อนั่งอยู่กับพี่ ยิ้มสู้แล้วเดินเข้าไปนั่งข้างพ่อ พ่อหันมามองผมแล้วหันกลับไปมองพี่
“ไปแจกของที่ไหนหนุ่ม?” พ่อถามพี่ก็ยืดตัวตรงตอบฉะฉาน นั่งเกร็งแทนพี่อยู่พักใหญ่พ่อก็หันมาบอกให้ผมกับพี่ไปกันได้แล้ว ก่อนจะออกจากบ้านปู่พ่อก็บอกพี่เสียงดัง
“ขับรถดี ๆ ไอ้หนุ่ม ถ้ามันดึก เดินทางลำบากก็ไปค้างที่บ้านได้ ผ่านใช่ไหมหนุ่ม? ตุ๊เอากุญแจบ้านติดไปด้วย ขึ้นไปหยิบที่ห้องพ่อไป” พ่อหันมาหาแล้วมองหน้าผมนิ่ง กลืนน้ำลายลงคอแล้วหันหลังขึ้นไปหยิบกุญแจบ้านที่ห้องพ่อ ก่อนจะรีบวิ่งลงมาหาพี่ สัญชาติญาณผมบอกว่า..พี่น่าจะโดนหนักตอนที่ผมไม่อยู่นี่ล่ะ!
“..กลับไปดูบ้านลุงให้ด้วย แล้วก็..ดูแลน้องด้วย..จงรัก” ผมวิ่งมาทันได้ยินประโยคที่พ่อบอกพี่ให้กลับไปดูบ้านและดูแลผมด้วย พ่อหมุนตัวเดินผ่านหน้าผมเข้าบ้านไปทันที พี่มองตามหลังพ่อแล้วหันมายิ้มให้ผมที่ยืนมองแผ่นหลังพ่อเหมือนกัน
“ไปครับ พ่อให้เพื่อนพี่ที่ขับ 6 ล้อไปรับน้ำแล้ว เราไปกันก่อนได้เลยครับ” เดินตามพี่ออกมาจากบ้านด้วยใจที่เต้นโครมคราม ขึ้นรถได้ก็ถามเรื่องตอนที่ผมไม่อยู่ทันที
“พ่อว่าอะไรรึเปล่าครับ?! พี่รัก..บอกผมเถอะ” พี่รักเลิกคิ้วแล้วหันมายิ้มให้ผม ส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วดึงมือมากุม
“พ่อไม่ได้ว่าอะไรพี่สักคำ ตุ๊กลัวอะไรครับ” นิ่งมองหน้าด้านข้างที่ยิ้มสดใสก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ ถ้าพี่ยืนยันว่ามีอะไร ผมก็เชื่อพี่ ขยับตะแคงตัวหันมามองคนขับ กระชับมือแน่นขึ้นแล้วยิ้มให้กำลังใจพี่รักขับรถไปตลอดทาง นั่งรถจากบ้านปู่มาจนถึงที่บ้านผมใช้เวลาร่วม 5 ชั่วโมงครับ ตามทางก็เห็นแต่น้ำ คนอพยพหนีน้ำ และอาคารบ้านเรือนที่ถูกน้ำเข้าท่วมแทบทั้งหมด แต่ในสายน้ำที่ท่วมท้นสร้างความเดือดร้อน..ผมกลับมองเห็นธารน้ำใจของคนไทยที่ไหลเข้าช่วยคนที่ประสบภัย..ยิ่งกว่าน้ำที่กำลังท่วมอยู่เสียอีก
รถทหารวิ่งให้บริการชาวบ้านที่เดินทางลำบากออกมาจากพื้นที่น้ำท่วม เรือสีส้มของกรมป้องกัน หน่วยงานราชการที่เป็นเจ้าของพื้นที่ และชาวบ้านที่แสดงน้ำใจต่อกันเอาของมาช่วยกัน..อย่างที่เรากำลังทำอยู่ น้ำใจ..มีให้เห็นทุกพื้นที่ที่ความลำบากไปถึงครับ
พี่รักโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ของเทศบาลให้เอาเรือออกมารอรับทีมของเราให้เข้าไปแจกของข้างใน ส่วนของก็มีรถทหารมาช่วยขนเข้าไปอีก 2 คัน เรือท้องแบนลำใหญ่อีก 2 ลำ ผมกับพี่ช่วยเพื่อนพี่กับทหารขนน้ำกับถุงยังชีพใส่รถทหารจนหมด
มือใหญ่หยิบผ้าเย็นมาซับเหงื่อที่ขมับให้ผมเบามือ เงยหน้ายิ้มให้คนตัวสูงที่เหงื่อท่วมตัวไม่ต่างจากผม ดึงผ้าออกจากมือแล้วเช็ดคืนพี่ เราเหงื่อท่วมตัว ร้อน และเหนื่อย ไอแดด ไอความร้อนที่สะท้อนผิวน้ำสร้างความเหนื่อยกายให้เราทุกคน แต่หัวใจ..เราไม่เคยให้สิ่งเหล่านี้ล้างความตั้งใจที่จะช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนได้ครับ
ขึ้นเรือเข้าไปตามหมู่บ้าน ชาวบ้านที่มีเรือก็พายออกมารับถุงยังชีพเอง แต่คนที่ออกมาไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็พาเราเข้าไปหาถึงหน้าต่างบ้าน บ้านบางหลังอยู่กันถึง 30 คนก็มีครับ ผมรู้สึกว่าของที่เราเอามา..มันไม่พอหรอกครับ คนข้างในเขาลำบากกันมากจริง ๆ แจกถุงยังชีพจนหมดเราก็ยกพลกลับ ผมโทรเล่าให้พ่อฟังถึงความลำบากของชาวบ้านที่นี่ อาทิตย์หน้า..พ่อกับพี่รักจะขนของมาช่วยคนที่นี่อีกครับ
ผมยกมือไหว้ลาเพื่อนพี่รักทุกคน บางคนก็ยิ้มให้ผม บางคนก็มองเราด้วยสายตาไม่ชอบใจ ผมรู้..บางคนก็รับไม่ได้กับความรักแบบเรา ขึ้นรถได้พี่รักก็ดึงมือผมมากุม
“พี่ดีใจที่ตุ๊เป็นเด็กดี ไม่งอแงที่พี่พาตุ๊มาเหนื่อย..” ผมยิ้มบางแล้วพูดขัดพี่ที่กำลังจะพูดต่อ
“ผมเหนื่อย ผมร้อน แต่มันเป็นความเหนื่อยที่ผมเต็มใจจะเหนื่อย ช่วยคนนะพี่ ถึงเหนื่อยกว่านี้ผมก็ทนได้ ที่สำคัญ..พี่ไม่เหนื่อย ผมจะเหนื่อยได้ยังไง” พี่รักฟังผมจบก็ตบไฟเข้าข้างทาง มืออุ่นปล่อยมือผมก่อนจะรวบผมเข้ามากอดไว้ทั้งตัว ปลายจมูกเย็นชื้นกดลงที่ขมับสลับแก้มผมหลายที
“ชื่นใจ..” ตาโศกระยับจับจ้องดวงตาผมก่อนจะผละไปมองทางข้างหน้า พี่รักขับรถออกจากจังหวัดที่เรามาช่วยน้ำท่วมตรงไปที่บ้านผมทันที มือข้างหนึ่งจับพงมาลัยตลอดเวลา อีกข้างจับพวงมาลัยสลับจับมือผมไปตลอดทาง พี่รักจอดรถไว้หน้าปากซอยบ้านผม เพราะน้ำข้างในสูงประมาณขา ผมกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อน ไอ้ปั้นไปอยู่บ้านแม่ ไอ้ตูนตามไปอยู่ด้วยเพราะทนห่างไอ้ปั้นไม่ไหว เพื่อนคนอื่นก็ย้ายออกไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมด เราลงจากรถได้ก็เดินลุยน้ำเข้าไปเพราะไม่มีเรือชาวบ้านหรือรถวิ่งเข้าออกเลย น้ำมันค่อนข้างแรงและลึกขึ้นเรื่อย ๆ มือพี่รักเลื่อนลงมากอดเอวผมไว้แน่นขึ้น
“กลับเถอะครับ น้ำมันลึกขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้เราอย่าไปเลย ไว้ให้น้ำมันตื้นกว่านี้..พี่จะพามาใหม่” มองหน้าพี่แล้วมองทางข้างหน้าที่มีแต่น้ำสุดลูกหูลูกตา ผมพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับ คนที่ชวนกลับขืนมือที่เกาะเอวผมไว้..
“ไปอีกหน่อยค่อยกลับดีกว่าครับ” ขมวดคิ้วแล้วเดินตามแรงประคองที่เอว ผมเดินตามพี่รักมาหยุดใต้ต้นแก้วของผมเอง วันนี้ดอกแก้วที่เคยปลิว ลมที่เคยพัดวนรอบตัวผมมันหายไปกับสายน้ำที่ท่วมหมู่บ้านของผม จะหลงเหลือก็เพียง..กลิ่นความหอมของดอกแก้วยังคงลอยอบอวลอยู่ใต้ต้นเหมือนเดิม
พี่รักกอดเอวผมไว้หลวม ๆ แล้วเงยหน้ามองกิ่งไม้ใบเขียวสดของต้นแก้ว มือใหญ่ลูบลำต้นเบามือแล้วหันมาสบตาผม
“วันนั้น..พี่เดินผ่านต้นแก้วไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีลมจากไหนพัดดอกแก้วปลิวมาเยอะมาก เยอะจนพี่ต้องหยุดเดินแล้วมองหาต้นแก้ว ถ้าพี่ไม่มองหาต้นแก้วต้นนี้..พี่คงไม่เจอ..คนแปลกหน้าที่ยืนร้องไห้อยู่ใต้ต้นแก้วต้นนี้แน่นอน” ยิ้มบางให้ดวงตาโศกของพี่แล้วหลับตารับความอ่อนโยนที่สัมผัสที่แก้มผมแผ่วเบา เลื่อนมือสวมกอดคืนเบามือ เงยหน้าจูบปลายคาง เลื่อนปลายจมูกหอมแก้มสากที่คลอเคลียแก้มผมไม่ห่าง น้ำเย็นฉ่ำไหลรินใต้ต้นแก้ว สายลมเอื่อยพัดกลิ่นหอมอ่อนของดอกแก้วปะทะผิวกาย สัมผัสอ่อนโยนแตะไล้ไปทั่วใบหน้า หัวใจอิ่มเอมกับสัมผัสนั้น..จนเวลาเลยเข้ายามเย็น
พี่รักกดปลายจมูกที่แก้มผมเบา ๆ ก่อนจะซุกหน้าเข้าที่ไหล่ผมนิ่ง เราจูงมือกันเดินออกจากซอยแล้วขึ้นรถกลับบ้านปู่ น้ำที่กรมชลปล่อยมามันเอ่อท้นขึ้นมาเพิ่มอีกหลายจุด โชคดีที่รถพี่รักยกสูง ไม่อย่างั้นเราคงไปไหนไม่ได้แน่ ขับออกจากตัวเมืองก็เจอกับรถที่ติดยาวเป็นแถว เราจอดรถแช่น้ำนานเป็นชั่วโมงจนทนไม่ไหว ผมเปิดประตูเดินออกไปดูว่ามันติดอะไรมากมาย พี่รักรีบเดินตามผมมาทันที รถทัวร์ 2 ชั้นคันหนึ่งจอดเสียอยู่ตรงช่วงที่ต้องปิดอีกเส้นทางมาใช้ถนนเส้นนี้เส้นเดียวพอดี รถที่จะเข้าก็เข้าไม่ได้ ออกก็ออกไม่ได้ พี่รักถอนหายใจยาวแล้วหันมามองหน้าผม
“วันนี้กลับไม่ได้แน่ เดี๋ยวพี่โทรบอกพ่อว่าเราจะค้างที่บ้านพี่ก็แล้วกันนะครับ” ยืนนิ่งมองหน้าคมที่ล้วงโทรศัพท์โทรบอกพ่อว่าการเดินทางค่อนข้างลำบาก ต้องพาผมค้างที่บ้านพี่รัก..
“ครับคุณลุง ที่บ้านผมคนเยอะครับ น้องปลอดภัยแน่นอนครับคุณลุง..” พี่รักยื่นมือถือให้ผมแล้วยิ้มบางส่งมาให้ ผมยื่นมือรับมือถือแล้วมองหน้าจอที่มีเวลาการใช้งานขยับขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ แล้วกดรับสาย
“ครับพ่อ มันใช้ถนนได้แค่เลนส์เดียวครับพ่อ แล้วมันมีรถทัวร์จอดเสียอยู่ครับ ค้างบ้านพี่รักครับ ไม่เคยไปครับ ครับ..” หูฟังคำถามพ่อ ปากตอบคำถามชัดเจน ดวงตาผมมองตาโศกที่มองผมด้วยแววตาอ่อนโยนไม่วางตา มันอุ่นในใจจนไม่อยากจะละสายตาไปไหนเลยครับ พ่อถามผมหลายคำถามก่อนจะบอกให้ผมส่งมือถือคืนพี่รัก
“ครับคุณลุง ผมพาน้องกลับก่อนเที่ยงครับ ครับ ครับ” มองตาโศกทอประกายหวานจับจ้องใบหน้าผม มือใหญ่วางโทรศัพท์แล้วจับจงมือผมไปขึ้นรถ หักพวงมาลัยกลับทางเดิม ขับเข้าเมืองไม่นานก็ถึงทางเข้าบ้านพี่ พี่จอดรถต่อท้ายรถยนต์อีกหลายคันก่อนจะจับมือผมเดินลุยน้ำเดินเข้าไปในซอย พี่หยุดเดินก่อนจะบอกให้ผมรอตรงนี้ก่อน จับมือแน่นขึ้นแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ พี่ไปไหน ผมก็พร้อมจะไปด้วย เดินฝ่ากระแสน้ำที่ไหลแรงขึ้นไปขึ้นเรือที่พี่ผูกไว้กับรั้วบ้านใครสักคน ผมก้าวขาขึ้นเรือก่อน มีมือใหญ่คอยประคองตัวและจับเรือให้นิ่ง นั่งได้ผมก็ไม่กล้าขยับตัว พี่ก้าวขึ้นง่าย ๆ ก่อนจะแก้เชือกที่ผูกเรือไว้ มองพี่พายเรือด้วยความทึ่ง
“พี่รักเก่งจัง” พี่ยิ้มกว้างแล้วเบือนหน้าซ่อนความเขิน พี่เล่าให้ฟังว่าพี่โตมาในบ้านสวน เพราะฉะนั้นเรื่องพายเรือ หาปลาก็เลยพอทำได้ จับกาบเรือแล้วหันมองไปรอบตัว พี่บอกผมว่าตรงที่เราพายเรือไม่ใช่ถนน แต่เป็นตลาดนัดแถวบ้านพี่เอง น้ำท่วมจนผมคิดว่าตรงนี้เป็นถนนเสียอีก นั่งมองคนตาโศกพายเรือด้วยท่าทางทะมัดทะแมงให้ผมนั่งไปจนถึงบ้านหลังใหญ่ พี่พายไปจนถึงประตูบ้านที่เปิดทิ้งไว้ แล้วหันมายิ้มให้ผม
“บ้านพี่เองครับ ค่อย ๆ ลงเรือนะ พ่อแม่พี่กับคนอื่นรออยู่ข้างบนครับ” ยิ้มตอบแล้วก้าวขาแตะผืนน้ำแล้วก้าวช้า ๆ หันมองพี่ลงจากเรือแล้วผูกไว้กับประตูบ้าน พี่เดินมาหาแล้วแตะหลังเบา ๆ ให้เดินไปพร้อมกัน มือใหญ่ดึงลูกบิดเปิดประตูตรงหน้าออกช้า ๆ ผมกลั้นหายใจแล้วยกมือไหว้ผู้ชายกับผู้หญิงที่ยืนรอข้างหลังบานประตู เสียงทักทายผมดังเซ็งแซ่
“เข้ามาก่อนลูก หิวรึเปล่า? รักพาน้องไปกินข้าวก่อนไป ผัดมาม่านะลูก” ผมยิ้มกว้างให้กับน้ำใจของแม่พี่รักแล้วเดินตามพี่เข้าไปนั่งกลางวงล้อมของหมู่ญาติพี่ ก้มหน้าก้มตารับผัดมาม่าแล้วตักกินจนหมด รับน้ำจากพี่แล้วนั่งนิ่งตัวตรง
“โทรบอกพ่อรึยังครับ ไปโทรที่ห้องพี่ดีกว่า ตรงนี้คนเยอะ” เงยหน้าขึ้นสบตาโศกแล้วยิ้มน้อย ๆ ลุกตามพี่เข้าไปในห้องมุมข้างในสุด พี่เปิดประตูทิ้งไว้แล้วหันมายิ้มให้ผม ยิ้มตอบพี่แล้วหยิบมือถือพี่โทรหาพ่อ
“พ่อ..ตุ๊เองครับ ถึงบ้านพี่แล้วครับ คนอยู่เยอะครับ ญาติพี่เยอะครับพ่อ นอนห้องพี่ครับ” ส่งโทรศัพท์ให้พี่คุยกับพ่อ เบือนไปมองรอบ ๆ แล้วยิ้มบางให้เด็กตัวเล็กที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงพี่ พี่วางโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามากอดเอวผมจากข้างหลัง กระซิบเสียงเบา
“หลานพี่เองครับ ลูกของลูกพี่ลูกน้องน่ะ บ้านเขาชั้นเดียว อยู่ท้ายซอยด้วย แม่พี่เลยให้มาอยู่รวมกันที่บ้าน นอนห้องนี้ด้วยกันนะครับ มีเด็กเล็กแบบนี้นอนได้เนอะ หลานพี่ไม่งอแงหรอก” ผมมองหลานพี่แล้วยิ้มบางให้กับภาพมือเล็กจิ๋วจับมุมผ้าห่มไว้หลวม ๆ เอียงคอซบผมนุ่มที่คลอเคลียที่ไหล่
“พี่นอนได้ผมก็นอนได้ครับ” พี่ยิ้มกว้าง ผมยิ้มตาหยีส่งกลับ พี่เดินมาหยิบเสื้อผ้าให้ ไฟกับน้ำถูกตัดครับ เราเลยต้องรีบอาบน้ำตอนที่มันยังมีแสงอยู่ ผมรับผ้าขาวม้ามามองก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปผลัด เดินออกมาจากห้องน้ำก็รีบเดินหนีตาโศกที่มองโน่นมองนี่ผม..ไม่เกรงใจผมเลย พี่พาผมเดินไปหลังบ้าน แล้วให้ผมนั่งอาบน้ำตรงนี้เลย ต้องอาบน้ำที่มันท่วมครับ ดีที่น้ำไหลตลอดเวลา จะว่าไป..เหมือนเราเล่นน้ำในคลองเลยครับ มือใหญ่ตักน้ำมาช่วยราดตัวผม ผมก้มหน้าก้มตารีบฟอกสบู่แล้วรีบฉวยขันน้ำในมือพี่มาตักราดล้างฟอง เดินเลี่ยงออกมาแล้วรีบเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...
แต่งตัวเสร็จผมก็เดินเข้ามาในห้อง เจอแม่หนูน้อยกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กอยู่ ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเดินเลี่ยงออกมาหาพี่ นั่งมองพี่อาบน้ำจนเสร็จ พี่ยิ้มให้ผมยิ้มบางให้..
“แม่น้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้องในห้อง ผมเลย..เดินออกมาหาพี่ครับ” พี่พยักหน้าแล้วเดินนำผมกลับไปที่ห้อง ยิ้มให้หนูน้อยที่มองหน้าผมนิ่ง พี่แต่งตัวเสร็จก็จับมือผมให้ลุกตาม เดินตามพี่ผ่านห้องใหญ่ออกมา เลี่ยงน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมาจนเกือบถึงพื้นบ้าน เดินตัวลีบตามพี่ออกมานั่งตรงระเบียงบ้าน ชะงักเท้าที่เดินตามพี่เมื่อเห็นมือพี่กวักเรียกให้มานั่งตัก ผมหันรีหันขวางก่อนจะเอามือลูบท้ายทอยตัวเอง พี่หัวเราะเสียงใสแล้วตบพื้นที่ข้างตัวดังปุ นั่งลงข้างพี่แล้วมองแสงสีส้มแดงที่สะท้อนทั่วท้องน้ำ หรี่ตามองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า พี่ยื่นมือมาบังแสงให้ ผมหันหน้าไปมองคนข้าง ๆ ที่อุตส่าห์เอามือบังแสงให้ ตาโศกอยู่ใกล้จนเห็นขนตาหนา..ชัดเจน
มือที่บังแสงลดลงมาประคองหน้าผมไว้ หลับตารับริมฝีปากอุ่นที่ทาบประทับ ลมอุ่นเป่ารดแลกลมหายใจกับผม ความชื้นขยับเชื่องช้าไปตามรูปริมฝีปากผม นุ่มนวล อ่อนโยน จนผมต้องเผยอริมฝีปากเพื่อรับความอุ่น..ที่มากกว่านั้น
หัวใจเต้นรัวเมื่อปลายลิ้นผมสัมผัสความร้อนจากเรียวลิ้นพี่รัก ความมืดรายล้อมรอบตัวเหมือนมือใหญ่ที่กำลังโอบกอดตัวผม ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เมื่อพี่ผละริมฝีปากออก ลืมตาขึ้นมองตาเชื่อมที่จับจ้องทั้งดวงตาและริมฝีปากผม หัวใจเต้นเสียงดังโครมคราม ดันไหล่พี่เบา ๆ เมื่อริมฝีปากนุ่มเคลื่อนเข้ามาหาอีกครั้ง
“พอแล้ว..” พี่เลื่อนสายตาจากริมฝีปากผมขึ้นมาสบตานิ่ง ลมอุ่นจากปลายจมูกพ่นใส่หน้าผมก่อนจะรวบผมเข้ามากอดไว้ทั้งตัว นิ่งฟังเสียงตึกตักข้างในอกกว้าง ยื่นมือโอบกอดกลับเบามือ พี่คลายแรงกอดออกแล้วจับผมมานั่งตัก มองท้องฟ้ามืดมิดที่มีแสงดาวระยิบพร่างกระจายประดับฟากฟ้ายามค่ำคืน พี่หยิบมือถือออกมาดูเวลาแล้วกระซิบบอกผมให้นั่งรอตรงนี้ พักหน้า ขยับตัวให้พี่ลุกไป หายไปไม่ถึง 10 นาทีพี่ก็กลับมาพร้อมหมอนและผ้าห่ม
ยิ้มกว้างรับผ้าห่มกับหมอนจากมือพี่ ขยับตัวลุกให้พี่รักปูผ้าห่มแทนฟูก นั่งลงให้พี่รวบเข้ามากอด ยิ้มรับผ้าห่มที่คลุมกายเราทั้งคู่ไว้ ซุกตัวเข้าไออุ่นของคนตาโศก กระชับแขนแกร่งที่กอดผมให้คลายหนาว นอนมองดาวพราวระยับในคืนเดือนมืด บรรยากาศที่น่าหดหู่กลับอบอุ่นเพียงเพราะคืนเดือนมืดในวันนี้..ผมอยู่กับคนที่ผมรัก
พลิกตัวเข้าหาอกแกร่ง หลับตารับริมฝีปากที่พรมจูบไปทั่วหน้า ฝ่ามือสอดประสาน หัวใจเต้นตึกตักเป็นจังหวะเดียวกัน ริมฝีปากคลอเคลียไม่ห่าง หลับตานิ่งฟังเสียงลมหายใจที่ดังระดับเดียวกัน สลับกับเสียงกระซิบรัก..จนค่ำคืนที่ยาวนานผ่านล่วงเข้าวันใหม่
หลับไปเพราะสัมผัสอุ่นที่ทาบริมฝีปากกับแก้ม แต่ตื่นด้วยปลายลิ้นที่เข้ามาเกี่ยวพันแย่งลมหายใจ ลืมตามองตาเชื่อมก่อนจะหลับลงไปใหม่ ผ่อนลมหายใจตามจังหวะการตวัดรัดปลายลิ้น ดันไหล่เบามือให้พี่หยุด คนตาโศกครางงึมงำก่อนจะยอมถอนจูบโดยดี
“ไม่อยากไปส่งเลย..คิดถึงแย่” เสียงทุ้มกระซิบอ้อนไม่อยากส่งผมกลับ ผมได้แต่ยิ้มกว้างกลับไปเท่านั้น พี่รักพลิกตัวคร่อมจูบผมอีกหลายครั้งจนแสงจ้าของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า เราผละออกจากกันอย่างอ้อยยิ่ง ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว ลาพ่อแม่กับญาติพี่รักแล้วรีบออกจากบ้าน เราพยายามใช้เวลาเดินทางให้อยู่ในเวลาที่กำหนด เที่ยงตรง..พี่รักก็พาผมไปส่งถึงหน้าบ้านพอดี
พ่อยืนชะเง้อคอมองหารถเราอยู่หน้าบ้าน พอเห็นรถเราเข้าไปพ่อก็รีบเสไปมองต้นไม้ใบหญ้าเรื่อยเปื่อย พ่อยกมือรับไหว้พี่รักแล้วถามว่าออกมากันกี่โมง ถามเสร็จก็พาเข้าบ้านไม่ฟังคำตอบ ให้ผมพาพี่รักเข้าไปหาแม่ที่เก็บผักอยู่ในสวน แม่เก็บผักใส่ตะกร้าแล้วบอกพี่รักว่าให้เอาไปฝากแม่พี่รักด้วย ผมช่วยพี่รักยกผักขึ้นรถ ยืนมองตากันพักใหญ่ พ่อผมก็บอกให้พี่รักกลับได้แล้วเพราะต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง
“กลับเถอะรัก เดี๋ยวขับรถเข้าบ้านยาก” พ่อบอกพี่รักแล้วหันหลังกลับเข้าบ้าน พี่รักมองตามแล้วเหลียวมองรอบตัว เผลอตัวเหลียวมองตาม เพียงเสี้ยวนาทีที่ผมไม่ทันตั้งตัว สัมผัสอุ่นแตะที่แก้มผมรวดเร็วเหมือนสายลมพัด อมยิ้มแล้วเบือนไปมองเท้าตัวเอง หูร้อนวูบวาบ เงยมองพี่รักที่กำลังยิ้มอยู่แล้วยกมือไหว้พี่
“หวัดดีครับ ขับรถดี ๆ นะ โทรหาตุ๊ด้วยนะถ้าถึงบ้านแล้วอ่ะ” พี่รักยกมือแตะมือที่ผมกระพุ่มไหว้แล้วพยักหน้ารับ มองส่งรถกระบะสีเข้มขับออกจากบ้านสวนของปู่ อดยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบา ๆ ไม่ได้ ก้มหน้าเดินเข้าบ้านแล้วเข้าห้องล้มตัวลงนอน
อยากให้น้ำลดเร็ว ๆ ผมกับพี่จะได้เจอกันง่ายขึ้น ห่างกันแค่ 2 นาทีผมก็เหงาแล้ว หลับตาลงช้า ๆ ให้ในหัวอยู่กับพี่จนกว่าจะลืมตาตื่น สัมผัสอุ่นที่มือยังคงมีไออุ่นของพี่ติดแนบ หัวใจเต็มตื้นเมื่อคิดว่า..ข้างกายผมมีพี่อยู่
ยิ้มพราย ดวงตาโศกแววตาพราวระยับ..ติดตา อยากให้ตรงนี้เป็นระเบียงบ้านพี่ หัวใจเต้นตึกตัก ยอมรับอย่างจนใจ..
ว่าตอนนี้..
..ผมรักคนแปลกหน้าคนนี้จนหมดหัวใจไปแล้วครับ..
END.
…………………………………………………
บวก ๆ หอม ๆ กอดดดค่ะ หน้าร้อนนี่มันร้อนจริง ๆ นะคะ แดดเผาไปถึงท้ายทอยเลยค่ะ
คุณ Mouse2U หนุ่มในตลาดนี่น่ารักทุกนายค่ะ จิชอบบบบ5555 ส่วนน้องวีพี่โตและเอ้ต๊อบ เจ้าของคอนเซ็ป คู่ขี้อายและคู่ขี้เอา(กรี๊ดดดด ยืมขันแตก ๆ ของเตงมาตบปากจิ 10 ที) ก็ฉีกอารมณ์ดังแควก ๆ เลยทีเดียว น้องใสปิ๊งน่าถนอมมากค่ะ อยากได้น้องงงงง
คุณ PURE LOVE เนอะคะ น้องน่ารักมวากกกกกกก น่าถนอม น่ากกกอด ผิดกับเอ้..แตกต่างมากจริง ๆค่ะ(เอ้กอดอกมองเชิดหน้าแล้วเลียปาก) ว่าแต่..ไม่สนใจเขียนแฟนฟิคจริงเหรอคะ จิก็อยากอ่านน้องตังในมุมมองของคุณ PURE LOVE นะคะ(โน้มน้าว)
คุณ BlueCherries กอดต้อนรับค่ะ คู่หลังนี่ร้อนเข้ากับหน้าร้อนค่ะ เดือนนี้ร้อนได้อีก จิกลายร่างเป็นจิแดดเดียวไปแล้วเรียบร้อย เกรียมได้อีกกกกก
คุณ N.T.❁ กอดนุ่นนนนนนน ว่างค่อยมาอ่านย้อนนะคะ เรางานยุ่ง พี่เข้าใจ(เพราะพี่ก็ไม่ต่าง55) ขอบคุณที่ช่วยพี่ตามนิยายอีกครั้งนะคะ(จูบแก้ม)
คุณ KKKwanGGG คู่ขี้อาย น่ารัก ใสปิ๊ง กุ้งกิ้งมากมายค่ะ คู่ขี้เอา..จิเพลียแทนต๊อบค่ะ5555
คุณ nekko คู่ขี้อาย น้องวีมีขีดความอาย 1 เมตร และพี่โตมีขีดความอดทนหนา 1 เมตรค่ะ ส่วนคู่ขี้เอา..เอ้มีขีดความอ่อยหนา 10 เมตร ต๊อบมีขีดความอดทน 0.1 มิล เข้ากั้นเข้ากันค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ