บทที่ 18
ตำนานรักสองราชวงศ์ : องค์ชายใหญ่แห่งเซเรียล
ณ ท้องพระโรงแห่งอาณาจักรเซเรียล ราชนิกุลและเหล่าขุนนางต่างมารวมตัวกันในที่แห่งนี้ เพื่อคัดเลือกผู้ที่จะเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบ 5000 ปี แห่งอาณาจักรเฟรนเซีย
องค์ชายเฮเซียตรัสกับทุกคนในท้องพระโรงว่าพระองค์จะขอเป็นผู้เดินทางไปร่วมในงานครั้งนี้เอง... สร้างความฮือฮาให้แก่ผู้คนในที่แห่งนี้ยิ่งนัก
ในเวลานี้ องค์ชายผู้เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของเซเรียลได้เสด็จไปประทับอยู่ที่เฟรนเซียแล้วหนึ่งพระองค์ แล้วนี่ องค์รัชทายาทจะทรงเสด็จไปยังอาณาจักรแห่งนั้นอีกพระองค์... โอ้ สวรรค์โปรด
“เฮเซีย ลูกจะเป็นตัวแทนไปร่วมงานฉลองครบรอบ 5000 ปี อาณาจักรเฟรนเซียจริงๆเหรอ ลูก”องค์ราชินีตรัสถามพระโอรสของพระนางอย่างเป็นห่วงเป็นใย ด้วยความที่พระนางทรงทราบดีแล้วว่า โอรสของพระนางคิดอย่างไรกับองค์ชายคาเซีย องค์ชายผู้เสียสละแห่งเซเรียล
“พะยะค่ะ เสด็จแม่ ลูกจะไปเองพะยะค่ะ”องค์รัชทายาทเฮเซียตอบพระมารดาเสียหนักแน่น “ลูกอยากไปดูให้เห็นกับตาของลูกเองว่า น้องยังสบายดี ยังมีความสุข”
“เฮเซีย... ลูกยังไม่ตัดใจจากคาเซียใช่ไหม”องค์ราชินีตรัสถามเบาๆ
“คาเซียคือรักแรกของลูก... แม้ลูกจะไม่ได้เขามาอยู่เคียงข้างกายลูก แต่ลูกก็อยากเห็นเขามีความสุข ขอแค่ให้เขามีความสุข ลูกก็พอใจแล้วพะยะค่ะ”องค์ชายเฮเซียตรัสด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เพราะฉะนั้นให้ลูกไปร่วมงานฉลองของทางเฟรนเซียเถอะพะยะค่ะ เสด็จแม่”
“ตามใจเจ้าแล้วกัน...”สุรเสียงนุ่มทุ้มขององค์ราชาแห่งเซเรียสตรัสดังขึ้น ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบทันทีเมื่อได้รับฟัง “พ่อฝากให้เจ้าดูแลน้องด้วย... แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ช่วยทดแทนให้น้อง ในสิ่งที่พ่อไม่ได้มอบให้แก่เขา สิ่งที่พ่อทำผิดพลาดไปด้วยนะลูก”
“พะยะค่ะ เสด็จพ่อ”
“แล้วเจ้าจะไปเมื่อไร เฮเซีย”องค์ราชินีตรัสถามอีกครั้ง
“สัปดาห์หน้าพะยะค่ะ เสด็จแม่”
“แต่งานมันอีกตั้งเดือนเศษนะ... เจ้าจะรีบไปทำไมกัน”
“ลูกอยากไปดูแลคาเซียให้นานขึ้น ได้เห็นความเป็นอยู่ของเขา เผื่อมีอะไรที่เขาไม่สะดวกหรือถูกรังแก ลูกจะได้ช่วยเขาก่อนที่จะลายเกินไปน่ะพะยะค่ะ”องค์ชายทรงตอบด้วยรอยยิ้ม
ไม่มีใครสามารถที่จะคัดค้านองค์ชายได้ ไม่ใช่เพราะเกรงกลัว แต่ด้วยความเป็นจริง เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เฟรนเซีย องค์ชายรัชทายาทสมควรที่จะเป็นผู้เสด็จไปจริงๆ
เอ... แล้วทำไมองค์ราชินีถึงมิอยากให้องค์ชายเฮเซียไปล่ะ?
เพราะข้าอยากจะไปเองนี่น่า ถ้าเฮเซียไปเช่นนี้ ข้าก็ไม่ได้เห็นหน้าของลูกชายของคนที่ข้ารักน่ะสิ โถ่....++++++++++++++++++++++++++++++++
องค์ชายเฮเซียทรงเสด็จไปยังอาณาจักรเฟรนเซียตามกำหนดการที่ได้กำหนดไว้ พระราชสารส่งไปแจ้งกับทางเฟรนเซียล่วงหน้าแล้ว
การเสด็จไปเยือนอาณาจักรเฟรนเซียขององค์ชายรัชทายาทเป็นไปอย่างราบรื่น แม้จะเป็นเวลาฟ้าสางแต่เหล่าราษฎรพร้อมใจกันมาส่งเสด็จกันตั้งแต่หน้าประตูวังถึงหน้าประตูเมือง สร้างความประทับให้กับองค์ชายและผู้ตามเสด็จเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความที่องค์ชายเฮเซียเสด็จออกจากเมืองตั้งแต่รุ่งเช้า อีกทั้งเดินทางอย่างไม่หยุดพัก ทำให้พระองค์เสด็จมาถึงอาณาจักเฟรนเซียก่อนเวลาที่คำนวนเอาไว้
“ยินดีต้อนรับองค์ชายทายาทเฮเซียสู่อาณาจักรเฟรนเซียพะยะค่ะ”มหาเสนาบดีทั้งสองออกมาต้อนรับพระองค์ทันที่เมื่อรถม้าพระที่นั่งมาถึงหน้าท้องพระโรง “กระหม่อมคริส ดำรงตำแหน่งมาเสนาบดีฝ่ายซ้าย และผู้นี้คือเพนซ์ ดำรงตำแหน่งมหาเสนาบดีฝ่ายขวา พวกเรายินดีที่ได้พบพระองค์เป็นอย่างยิ่งพะยะค่ะ
“ยินดีที่ได้พบพวกท่านเช่นกัน ท่านมหาเสนาบดีทั้งสอง”องค์ชายทรงตรัสเสียงเรียบ
“เพลานี้พระชายาทรงออกไปนอกวัง กระหม่อมจะให้นางกำนัลนำเสด็จพระองค์ไปยังตำหนักที่ประทับก่อนนะพะยะค่ะ”มหาเสนาบดีฝ่าขวาส่งสัญญาณให้นางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างหลังตนมานำเสด็จองค์ชายและคณะไปสู่ตำหนักรับรอง
เมื่อทรงเสด็จมาถึงพระตำหนัก องค์ชายเฮเซียก็ทรงตรัสถามนางกำนัลสาวในเรื่องที่ทรงค้างคาพระทัยอยู่
“เมื่อครู่ ท่านมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายบอกเราว่าพระชายาไปนอกวัง... แล้วองค์ราชาล่ะ”
“ฝ่าบาททรงประชวรอยู่เพคะ พระชายาจึงเสด็จว่าราชการแทนพระองค์ในช่วงนี้”นางกำนัลผู้นำเสด็จทูลตอบพระองค์ตามตรง
“ถ้าเราจะขอเข้าเฝ้าองค์ราชา... จะได้ไหม”องค์ชายทรงตรัสถามอย่างลังเลพระทัยเล็กๆ
“พระชายารับสั่งไว้ว่าให้เข้าเฝ้าได้ แต่ไม่เกินครึ่งชั่วยามนะเพคะ”นางกำนัลน้อยทูลตามที่พระชายาทรงรับสั่งเอาไว้ก่อนจะเสด็จออกไปในเมือง
“เท่านั้นก็พอแล้ว”พระองค์ตรัสรับ “รบกวนเจ้านำทางไปยังตำหนักที่ประทับขององค์ราชาหน่อยได้ไหม”
“เชิญทางนี้เพคะ”
นางกำนัลสาวนำเสด็จพระองค์ไปยังตำหนักใหญ่ อันเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองแผ่นดินเฟรนเซีย
สองข้างทางในราชวังแห่งนี้เป็นไปด้วยบุปผาที่งดงาม หลากสีสัน ปลูกเรียงรายเป็นจำนวนมากตลอดทางที่เสด็จผ่าน
“เซร่า...”เสียงใสของนางกำนัลเมร่าดังขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนของตนเดินมาใกล้ “ท่านนั้นคือ...”
“องค์ชายเฮเซีย องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรเซเรียลน่ะ พระองค์มาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท”เซร่าตอบเพื่อนนางกำนัลเสียงใส “เจ้าไปทูลฝ่าบาทให้หน่อยสิ”
“ช่วงนี้ฝ่าบาทประชวร พระอารมณ์แปรปรวนนัก ยิ่งตอนนี้พระชายามิได้ประทับอยู่ด้วย ขืนเข้าไปตอนนี้ข้าก็โดนพระองค์ไล่ออกมาน่ะสิ”นางกำนัลคนงามทำหน้างอน้อยๆ “แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าให้คนอื่นเข้าไปแทน เชิญองค์ชายเข้ามาประทับในตำหนักก่อนนะเพคะ”
เมร่าหันกายกลับเข้าไปในตำหนัก แล้วลากสององครักษ์ประกำกายขององค์ชายคาเซียไปผจญกับพระอารมณ์ขององค์เหนือหัวทันที
“ฝากด้วยนะ ถ้าฝ่าบาททรงอนุญาต รีบออกมาบอกข้าล่ะ”
เรฟกับเซทมายืนอยู่หน้าห้องบรรทมอย่างงงๆ ทั้งคู่สบสายตากันก่อนจะเปิดห้องบรรทมเข้าไป
“ฝ่าบาทพะยะค่ะ”เซทเอ่ยเรียกผู้สูงศักดิ์เบาๆ
“มีอะไร”เสียงทุ้มตรัสกลับมาอย่างเย็นชา
“องค์ชายเฮเซียขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”เซททูลต่อพระองค์เสียงเรียบ
“ข้าไม่อยากพบใครทั้งนั้น”
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”พระองค์ขัดขึ้นทันที
“ฝ่าบาท... องค์ชายเฮเซียเป็นพระเชษฐาของพระชายานะพะยะค่ะ”เรฟทูลต่อองค์ราชารวดเดียวจบ ไม่เว้นจังหวะให้ทรงตรัสแทรกแม้แต่วินาทีเดียว
“จะทรงให้เข้าเฝ้าไหมพะยะค่ะ”เซททูลถามอีกครั้ง
“หืม... องค์ชายเฮเซียแห่งเซเรียลเช่นนั้นหรือ”พระองค์ตรัสทวนอีกครั้ง เมื่อทรงได้ยินชื่อของผู้ที่ขอเข้าเฝ้าอย่างชัดเจน
“พะยะค่ะ”
“ให้เขาเข้ามาได้”สุรเสียงที่ทรงตรัสเปลี่ยนไปทันที จากที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย
“พะยะค่ะ”เซทหายตัวออกไปบอกกับนางกำนัลเมร่าที่ยืนรออยู่หน้าห้องบรรทม ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้ง
เรลทูลลาองค์ราชาไปชงน้ำชาและเตรียมเครื่องหวานมาถวายแด่พระองค์และองค์รัชทายาท เนลเช้ามาพยุงพระองค์ให้ประทับนั่ง เรฟหันไปส่งสัญญาณให้คนของพระชายาที่แอบเข้ามาในวังให้รีบไปทูลเชิญพระชายากลับวังหลวง
“ฝ่าบาททรงเชิญให้ไปเข้าเฝ้าที่ห้องบรรทมเพคะ”นางกำนัลสาวออกมาทูลแก่องค์ชายที่ประทับรออยู่ ก่อนจะผายมือออก “ห้องบรรทมอยู่ทางนี้เพคะ”
นางนำเสด็จองค์ชายเฮเซียไปสู่ห้องบรรทมขององค์ทริสเซย์อย่างรวดเร็ว
เมื่อพระองค์ก้าวเข้ามาภายในห้องบรรทม พระองค์ก็ทรงรู้สึกตกพระทัยเป็นอย่างยิ่งที่เห็นคนสนิททั้งสี่ของอนุชาแห่งตนองค์ในห้องนี้อย่างพร้อมหน้า
“ถวายบังคมองค์ชายเฮเซียเพคะ/พะยะค่ะ”ทั้งสี่ถวายบังคมอย่างนอบน้อม
“เชิญท่านนั่งก่อน”องค์ชายประทับนั่งลงบนโซฟานุ่มตามคำเชิญขององค์ราชา “ท่านอยากพบเรา มีเรื่องอันใดเช่นนั้นหรือ”
“กระหม่อมอยากสนทนากับพระองค์... เรื่องคาเซีย พระอนุชาของกระหม่อม”
+++++++++++++++++++++
“สวนกลางเมืองนี้ ถ้านำดอกไอริสมาปลูกรอบๆคงดีไม่น้อยนะ”องค์ชายคาเซียตรัสกับเจ้ากรมพิธีการ เจ้ากรมโยธา เจ้ากรมกลาโหมและเจ้ากรมเกษตรที่ตามเสด็จมาเบาๆ “ภายในสวนนี้ปลูกดอกไม้ที่แสดงถึงความรักเอาไว้หลายชนิด เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมีความรักจริงๆ”
“พะยะค่ะ พระชายา เดี๋ยวกระหม่อมจะให้คนมาจัดการปลูกแล้วกันพะยะค่ะ”
“อืม... ที่ประชุมกันก่อนหน้านี้ ร้านค้าต่างๆที่จะให้มาขายในงาน คือจัดรอบๆนี้ใช่ไหม”
“พะยะค่ะ”
“ถ้าเราเสนอให้เปลี่ยนเป็นว่า ออกร้านกันตามถนนทุกเส้นที่มุ่งเข้าสู่สวนกลางเมืองนี้ แล้วจัดงานประกวดแทนล่ะ เจ้าว่าดีไหม”
“เป็นความคิดที่ดีนะพะยะค่ะ พวกท่านว่าเช่นนั้นไหม”เจ้ากรมกลาโหมหันไปถามเพื่อนขุนนางของตน
“ดี...เดี๋ยวประชุมครั้งหน้าเราลองเสนอความคิดนี่ของพระชายาดู”
เจ้ากรมทั้งสี่ต่างหารือกันเรื่องการประกวด ในขณะที่องค์ชายคาเซียทรงถือแผนที่เอาไว้ แล้วทรงขีดๆเขียนๆลงไปในนั้นอย่างตั้งใจ
ยังไม่ทันที่พระองค์จะได้ตรัสอะไรออกมาหลังจากที่ทรงร่างรูปแบบงานเสร็จ ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งมาหาพระองค์เสียก่อน...
“เครท มีอะไรงั้นหรือ”องค์ชายตรัสถามขึ้นเมื่อร่างนั้นมาหยุดตรงหน้าพระองค์ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนมาหาเราเช่นนี้”
“องค์ชายเฮเซียทรงประทับอยู่กับพระราชาพะยะค่ะ”เครททูลต่อองค์ชายสั้นๆ แต่สร้างความตกพระทัยให้กับพระองค์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“องค์รัชทายาทอยู่กับฝ่าบาท... สวรรค์โปรด”เสียงหวานพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะหันไปหาสี่เจ้ากรม “เราขอตัวก่อนนะท่านเจ้ากรม... ถ้ามีเรื่องอันใดให้คนไปตามเราที่ตำหนักโพรเทียแล้วกัน”
วรกายบอบบางตัวกายขึ้นหลังอาชาแล้วทรงควบกลับพระราชวังอย่างรวดเร็ว
ให้ตายสิ องค์ชายเฮเซียคิดจะทำอะไรกันแน่นะ พระองค์คิดว่าจะสามารถต่อกรกับฝ่าบาทได้หรืออย่างไร ถึงพระองค์จะทรงเฉียบแหลมแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่มีทางที่จะสู้กับพระปรีชาของฝ่าบาทได้แน่ระหว่างทางที่องค์ชายคาเซียทรงควบม้าผ่าน มีเหล่าขุนนาง ทหาร นางกำนัล ทำความเคารพระองค์ตลอดทาง แต่พระองค์ก็มิได้ใส่พระทัยเลยแม้แต่น้อย
เมื่อทรงเสด็จกลับมาถึงพระตำหนัก องค์ชายคาเซียก็ทรงรีบเสด็จไปยังห้องบรรทมขององค์ราชาทันที แต่ยังไม่ทันที่พระองค์จะได้เปิดบานทวารเข้าไป ก็ทรงได้รับฟังบทสนทนาของผู้สูงศักดิ์ทั้งสองที่ดังลอดออกมาเสียก่อน
“พระองค์มั่นใจได้อย่างไรว่าคาเซียจะมีความสุขเมื่ออยู่กับพระองค์”
“เราทุกอย่างให้แก่คาเซียได้ ไม่ว่าคาเซียจะต้องการอันใดก็ตาม”
“พระองค์ย่อมตรัสเช่นนั้นได้ ถ้าวันใดพระองค์ไม่ใยดีอนุชาของข้าแล้ว เขาจะทำอย่างไร”
“เหตุการณ์แบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะคาเซียคือคนสำคัญในชีวิตของข้า”
“ฝ่าบาททรงมีพระสนมมากมาย พระองค์มั่นใจหรือ ว่าคาเซียจะเป็นคนสำคัญของพระองค์จริงๆ มิใช่ชั่วคราว”
“ข้าย่อมมั่นใจในสิ่งที่ข้าบอกท่านออกไป”
“ด้วยเหตุใด”
“ข้ารักคาเซีย”
บทสนทนาเงียบไปหลังจากที่คำบอกรักถูกตรัสออกมาจากองค์ราชาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
องค์ชายผู้เป็นหัวข้อสนทนาทรงประทับนิ่งอยู่หน้าห้องบรรทม พระหัตถ์เรียวประสานกันที่พระอุระ พระหฤทัยของพระองค์เต้นระรัวด้วยความยินดี แต่พระองค์มิสามารถหลั่งน้ำอัสสุชลแห่งความปลื้มปิติออกมาได้ในเพลานี้
“ฝ่าบาทพะยะค่ะ”พระองค์เปิดบานทวารเข้าไปหลังจากที่ทรงตั้งสติได้ องค์ชายทรงทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่
“คาเซีย”สุรเสียงอบอุ่นเอ่ยนามของคนตรงหน้า “ไม่มีงานอะไรแล้วหรือ”
“ยังมีอยู่พะยะค่ะ แต่ไม่เร่งด่วนนัก”วรกายบอบบางเข้ามาใกล้เจ้าชีวิตอย่างรวดเร็ว “ทรงได้พักผ่อนบ้างไหมพะยะค่ะ”
“เรานอนทั้งวันนั่นแหละ...”พระองค์ตรัสตอบพระชายาเสียงนุ่ม “จนองค์ชายเฮเซียขอเข้าเฝ้าเราถึงลุกขึ้นมาต้อยรับ”
“จริงหรือพะยะค่ะ”พระชายาทรงถามซ้ำอีกครั้ง
“จริงสิ”
“จริงหรือเนล”องค์ชายเซียทรงหันไปถามนางกำนัลที่พระองค์รับสั่งไว้ว่าให้ดูแลฝ่าบาท
“ไม่จริงเพคะ”เนลทูลตามตรงอย่างมิกลัวสายพระเนตรขององค์ราชาแม้แต่น้อย “ฝ่าบาททรงมิบรรทมเลยตลอดชั่วงเช้าจนถึงบ่ายเพคะ เดี๋ยวทรงลุก เดี๋ยวทรงนั่ง จนเวียรพระเศียร ฝ่าบาทจึงทรงบรรทมไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ทรงตื่นขึ้นมาแล้ว”
ทำไมนางถึงทูลกับองค์ชายตามตรงเช่นนั้นหรือ... แน่สิ องค์ราชาถ้าทรงกริ้วแค่ไหนคงไม่สั่งให้เอานางไปประหารหรอก แต่กับองค์ชาย... ถ้าทรงกริ้วนางยอมถูกประหารจะดีกว่าแต่... ความคิดของเนลจะถูกอย่างนั้นหรือ... ถ้านางรู้ถึงนิสัยขององค์ทริสเซย์ดี... นางอาจจะขอลาจากเองโดยไม่ต้องมีใครมาคาดโทษนางเป็นแน่
“ฝ่าบาท...”องค์ชายทรงหันไปหาองค์เหนือหัวพร้อมตรัสเสียงเย็น
“คาเซีย... น้องเป็นอย่างไรบ้าง”องค์ชายเฮเซียตรัสถามขึ้นหลังจากที่ทรงรู้สึกว่าอนุชาของพระองค์มิสนพระองค์แม้เพียงน้อย
“กระหม่อมสบายดีพะยะค่ะ”เสียงหวานตรัสตอบอย่างนุ่มนวล
ทั้งสองพระองค์สนทนากันพักใหญ่ ทั้งนี้เกี่ยวกับเรื่องความเป็นอยู่ขององค์ชายคาเซียและความเป็นไปของอาณาจักรเซเรียลทั้งสิ้น
“วันนี้พี่คงต้องกลับตำหนักก่อน แล้วเจอกันนะ คาเซีย”องค์รัชทายาทเอ่ยลาอนุชาของพระองค์เบาๆ “ทูลลาฝ่าบาท... คาเซีย ความรู้สึกพี่ที่มีกับน้องยังคงเหมือนเดิม มิเคยแปรเปลี่ยน... พี่อยากให้ร้องรู้เอาไว้”
“พระองค์ควรตัดกระหม่อมออกจากพระหฤทัยตั้งแต่วันที่กระหม่อมตัดสินใจมายังเฟรนเซียแล้วพะยะค่ะ องค์ชายเฮเซีย”องค์ชายคาเซียตรัสแผ่วเบา
องค์เฮเซียยิ้มให้กับพระองค์อย่างอ่อนโยน ก่อนจะทรงเสด็จกลับตำหนักรับรอง
“คาเซีย เจ้าคิดอย่างไรกับองค์ชายเฮเซีย”องค์ราชาตรัสถามเสียงเย็น ภายในพระทัยของพระองค์เริ่มหวั่นวิตกกับสิ่งที่ทรงคิด
“องค์ชายเฮเซียเป็นพระเชษฐาที่แสนดีของกระหม่อมพะยะค่ะ”องค์ชายทูลตอบด้วยความสัตย์จริง “และเขาก็จะเป็นพระเชษฐาของกระหม่อมตลอดไป”
“แล้วข้าล่ะ...”พระองค์ตรัสถามอีกครั้งอย่างแผ่วเบา...
“ฝ่าบาท... ก็จะทรงเป็นพระสวามีของกระหม่อม ตลอดไปพะยะค่ะ”
องค์ทริสเซย์ทรงมอบจุมพิตหวานล้ำให้กับพระชายาของพระองค์... ด้วยความรัก
+++++++++++++++++++++++
บทที่ 18 มาแล้วค่ะ^^