ก่อนเริ่มถ่ายทำสิงหาต้องไปแคสบทให้ผู้กำกับดูก่อนเพื่อความมั่นใจของทุกฝ่ายว่าความสามารถเขายังคงเหมือนเดิม บทที่ได้รับไม่ได้ซับซ้อนแต่ต้องแสดงออกถึงความรู้สึกให้ชัดเจนมากที่สุด ทั้งสีหน้า ท่าทาง แววตา ผู้กำกับและทีมงานให้สิงหาแสดงบทช่วงสำคัญของเรื่อง และเขาแสดงให้เห็นว่าเวลาไม่ได้พรากความสามารถไป ที่มากกว่าเดิมคือความเฉียบคมและการเข้าถึงบทที่ใช้เวลาได้เร็วกว่าเมื่อก่อน หลังเซ็นสัญญาค่าตอบแทน ฟิตติ้งชุด รับบทหนังฉบับเต็มมาอ่านได้ห้าวันก็เริ่มเข้ากองถ่ายทันที
รักนี้เหนือการเวลา เป็นเรื่องราวของรุ้งทอ หญิงสาวที่จมกับความทุกข์ของการสูญเสียว่าคนรักที่กำลังจะแต่งงานกัน เธอไม่สามารถผ่านความโศกเศร้าไปได้ ภาพจำของคนรักคอยหลอกหลอนเธอไปทุกที่จนเธออยากยอมแพ้ คนเดียวที่เฝ้ามองเธอคือปกป้อง ชายหนุ่มที่มีส่วนร่วมในอุบัติเหตุที่ทำให้คนรักเธอต้องจากไป แม้เขาจะไม่ใช่คนผิด แต่การมีคนตายจากเหตุการณ์รถชนครั้งนั้นทำให้ชีวิตเขาไม่เหมือนเดิมอีก เขาคอยเฝ้ามองผู้หญิงคนหนึ่งที่หัวใจสลาย จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เธอยังคงเศร้าเสียใจ คนที่ทนไม่ไหวก็คือเขา การใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างคนไม่มีหัวใจและมีแนวโน้มว่าจะละทิ้งทุกสิ่งแม้ชีวิตตัวเอง เขาก้าวเข้ามาในชีวิตเธอ ไม่ใช่เพื่อปลอบใจ แต่เพื่อเรียนรู้ อะไรทำให้เธอรักคนๆ หนึ่งได้มากขนาดนี้
“ชีวิตนี้มันมีอะไรอีกเยอะแยะ ยังมีอีกหลายคนที่เป็นห่วง ครอบครัว เพื่อน มองพวกเขาบ้าง อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ ได้มั้ย”
“นายไม่เข้าใจหรอก แฟนนายไม่ได้ตายนี่”
“ต่อให้แฟนฉันตายฉันก็ไม่เป็นแบบเธอ ฉันรู้นะว่าจริงๆ เธอกับแฟนก็คบกันแค่ไม่กี่เดือนเอง” เขาไม่ได้อยากสบประมาท แต่จากที่สืบมาผู้ชายที่ตายไปฐานะค่อนข้างดีกว่าผู้หญิงคนนี้ ทั้งคู่คบกันไม่นานก็จะแต่งงาน คนรอบข้างหลายคนไม่ค่อยเห็นด้วย แถมบางคนยังคิดว่าเธอน่าจะปล่อยตัวเองให้ท้องเพื่อแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่รวยกว่า แต่ผ่านมานานขนาดนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเธอไม่ได้ท้องก่อนแต่ง แต่ความรักความผูกพันของเธอกับคนตายในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้เขาไม่เข้าใจ หลายๆ คนไม่เข้าใจและบางคนก็เอือมระอาในการแสดงออกที่เหมือนจะมากเกินไป
“นั่นเพราะแฟนนายไม่ใช่คนแบบเขา ต่อให้ฉันคบเขาแค่วันเดียวฉันก็จะรักเขามากขนาดที่นายไม่มีวันนึกถึง”
“ถ้าเขาดีขนาดนั้นจริงก็พิสูจน์สิ พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคู่ควร” ส่วนหนึ่งของปกป้องร้องออกมาด้วยความอิจฉา อิจฉาผู้ชายที่ได้รับความรักจากผู้หญิงคนหนึ่งมากขนาดนี้
“คัท!! เยี่ยมมากทุกคน กัปตันสายตาแบบเมื่อกี้ดีมาก จำความรู้สึกเมื่อกี้ไว้นะ อิจฉานะแต่ไม่แสดงออก ไม่ใช่หึง ทำได้ดีมาก” พี่ธงชัยผู้กำกับเอ่ยชมกัปตันพระเอกของเรื่อง จีด้าที่แสดงเป็นรุ้งทอเดินมาแซวอีกฝ่ายที่ได้รับคำชมคนเดียวก่อนแยกกันไปพัก สิงหานั่งท่องบทและทำอารมณ์อยู่ในห้องพัก ฉากต่อไปเป็นฉากในความทรงจำของรุ้งทอ ครั้งแรกที่เจอคีตะ
บันไดหนีไฟบนตึกสูงมักว่างเปล่าเสมอ ยกเว้นวันนี้ที่มีเสียงร้องไห้ของรุ้งทอดังก้อง คีตะพนักงานหนุ่มที่หลบออกมาโทรศัพท์ยืนมองเธอจากช่องบันไดชั้นบน เขาวิ่งกลับไปโต๊ะทำงานตัวเองแล้วหยิบกล่องกระดาษทิชชู่พร้อมกดน้ำอัดลมกระป๋องที่ตู้ตรงทางเดิน แล้วรีบวิ่งกลับมาหาเธอ ไม่มีคำพูดจา แค่นั่งอยู่ข้างๆ เปิดฝาเครื่องดื่มส่งให้อีกฝ่ายรับไปถือไว้ น้ำตายังคงไม่หยุดไหล ความกดดันทุกๆ อย่างมันระเบิดออกมาเพราะคิดว่าจะไม่มีใครเห็น ตอนนี้เลยหยุดยาก คีตะคอยยื่นกล่องกระดาษทิชชู่ให้จนเธอเริ่มอายจึงหยุดร้องแล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ ก่อนรีบเดินหนีไป
รุ้งทอมักคิดว่าเธอเป็นคนดวงซวยเสมอ เข้าทำงานได้ไม่นานก็โดนหัวหน้าบ่นเรื่องการมาสาย ทั้งที่ความจริงเธอมาตรงเวลาแต่เครื่องแสกนนิ้วเข้างานมีปัญหาทำให้เธอต้องยืนรอ กว่าจะใช้ได้ก็เลยเวลาเข้างานแล้ว ฝ่ายบุคคลแจ้งว่าจะทำบันทึกแนบไว้ตอนสิ้นเดือนให้ว่าเธอมาตรงเวลา แต่พอสิ้นเดือนกลับไม่มีการแจ้งอะไรทั้งนั้น เธอมาสายถึงเจ็ดวัน ทุกวันมักมีเหตุให้ต้องล่าช้าเพราะคนอื่น ไม่ว่าจะการใช้ให้เดินเอกสารก่อนมาแสกนนิ้ว หรือแม้แต่การให้ลงไปซื้อกาแฟ เด็กใหม่ที่ยังไม่ได้บรรจุอย่างเธอจึงจำยอมอย่างพูดไม่ได้ ทางแก้ปัญหาคือมาก่อนเวลางานหนึ่งชั่วโมง ปัญหาอีกอย่างคืองานมักจะถูกโยนมาใส่ก่อนเวลาเลิกงานทำให้ต้องทำโอทีทั้งที่ยังไม่มีค่าโอทีให้ ตื่นเช้ากว่าคนอื่นกลับดึกกว่าคนอื่น อย่างเดียวที่พอจะทำให้มีความสุขจนผ่านแต่ละวันไปได้คือชายหนุ่มที่เริ่มเข้ามาในชีวิตเธอ
คีตะมักจะทำให้เธอหัวเราะอยู่เสมอ เขาเหมือนพ่อมดหรือผู้วิเศษ มีพลังในการอ่านใจคน คาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า รู้ว่าต้องซื้อน้ำอัดลมเย็นๆ ให้เธอดื่มเวลาเธอเครียด การได้เรอออกมาทำให้เธอรู้สึกตัวเบาแฝงความสะใจนิดๆ คนแรกที่เคยฟังเธอเรอคือคีตะ คนที่สองคือปกป้อง เขายกมือบีบจมูกแต่ก็ยังยืนมองผู้หญิงบ้าดื่มน้ำอัดลมไปครึ่งลิตรแล้วตั้งหน้าตั้งตาเรอไม่หยุด เธอพาเขาไปทุกๆ ที่ที่มีเรื่องราวซ่อนอยู่ ครั้งแรกที่เดท ครั้งแรกที่จับมือ ขอคบกัน ฉลองวันเกิด ฉลองวันพระ คีตะเป็นผู้ชายที่โรแมนติกกึ่งๆ บ้า มีแม้แต่วันฉลองซื้อที่เหลาดินสอ การเดินทางไปที่ต่างๆ กับรุ้งทอทำให้ปกป้องรู้สึกสนุกและเริ่ม...รักเธอ การเดินทางย้อนรอยความรักของคนทั้งคู่มาจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตคีตะ เขาย้อนกลับมาที่จุดเกิดเหตุ ถนนใต้ทางด่วนยามค่ำคืน เงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนที่มีทางด่วนพาดผ่าน แม้จะดึกมากแล้วแต่การจราจรก็ยังมีสม่ำเสมอ
“รถผมเสียบนทางด่วน รุ้งรอก่อนนะ ผมโทรตามช่างแล้วเดี๋ยวก็คงมา ใจเย็นๆ นะ” คีตะพูดอย่างร้อนรน นอกรถฝนตกหนักจนแทบมองไม่เห็นทาง เขาแทบจะบินไปถ้าทำได้ รุ้งทอเป็นคนคิดมากเขารู้ พอเริ่มเตรียมงานแต่งแล้วได้ยินคนรอบข้างพูดว่าเร็วเกินไป เพิ่งคบกันไม่นาน ฐานะไม่เท่าเทียมระหว่างพนักงานใหม่กับผู้จัดการฝ่ายการตลาด แม้กระทั่งข่าวลือว่าท้องก่อนแต่ง เธอเริ่มกังวล อยากจะเลื่อนงานแต่งงานออกไป แต่เขาไม่อยากรออีกแล้ว เขารอมานานแล้ว ในที่สุดรถช่างก็มา เขาให้ช่างลากรถไปอู่แล้วเดี๋ยวเขาจะเรียกแท็กซี่ไปต่อเอง ไม่อยากเสียเวลารอซ่อมรถ ทั้งช่างและคีตะช่วยกันเกี่ยวตะขอใต้กันชนหน้า เสียงโครมเบาๆ ทำให้ทั้งคู่สะดุ้งแล้วขยับถอยห่างจากหน้ารถ ก่อนจะเห็นรถคันหนึ่งขับปาดออกมาจากท้ายรถแล้วรีบขับหนีไป ทั้งคู่มองกันอย่างตกใจและโล่งใจ ถึงชนแล้วหนีก็ช่างเถอะ ท้ายรถมีรถจอดอีกคัน ท่าทางจะเบรกสุดตัวหลังจากคันเมื่อกี้ชนท้ายรถเขาแล้วรีบขับหนีไป รถคันนั้นเริ่มตบไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลนหลบรถเขาที่จอดเสียอยู่ คีตะมองผ่านม่านน้ำฝนเห็นคนขับรถชัดเจนเพราะแสงไฟเจิดจ้าสาดส่องเข้ามา รถบรรทุกคันใหญ่วิ่งมาด้วยความเร็วและเบรกไม่ทัน ภาพนั้นเหมือนโดมิโน่ ตัวหนึ่งล้ม ตัวที่เหลือก็เริ่มล้มตาม เมื่อคันหนึ่งโดนชนด้วยความแรง มันจึงกระแทกรถคันที่จอดอยู่ แล้วก็กระแทกกับผู้ชายสองคนที่อยู่หน้ารถ คนหนึ่งกระเด็นไปกลางถนน อีกคน...ตกลงจากทางด่วน
“คัท!!” เสียงผู้กำกับตะโกนเรียกสติทีมงานและนักแสดงที่อินกับฝีมือการแสดงของทุกคนในฉากนี้ พวกเขาแทบจะวิ่งเข้าไปดึงสิงหาออกจากหน้ารถเมื่อเห็นแววตาตกใจระคนตื่นกลัวนั้น เพียงแค่มองสบตา คำพูดนับหมื่นเหมือนไหลออก คนที่ได้รับผลมากที่คนคือตัวประกอบที่แสดงเป็นคนขับรถ เขานึกว่าตัวเองผิดคิวแล้วชนเข้าไปจริงๆ ได้แต่ลูบอกตัวเองเมื่อเห็นทีมงานปลดสลิงจากด้านล่างแล้วส่งสัญญาณมือว่าปลอดภัย
“พี่สิงเป็นไงบ้าง โอเคมั้ย” กัปตันยืนตะโกนลงไปถามคนที่นอนแผ่บนเบาะรอง รุ่นพี่นักแสดงมากฝีมือคนนี้ช่วยให้พวกเขาเข้าบทได้เร็วมากๆ ทุกฉากที่เล่นกับสิงหาแทบจะไม่มีเทค ยกเว้นมุมกล้องหรือแสงไม่ได้อย่างใจผู้กำกับเท่านั้น แม้บทสิงหาจะน้อยแต่ดันมีฉากเสี่ยงตายเข้ามาทำให้ทุกคนเป็นห่วง เมื่อจบฉากนี้ก็ไม่มีคิวที่ต้องเข้าฉากร่วมกันแล้ว กัปตันค่อนข้างเสียดาย
“จุก!! ผมจะเป็นหมันมั้ยเนี่ย!” สิงหาแกล้งตะโกนถามทีมงานให้ได้หัวเราะกัน บทที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว ที่เหลือก็แค่ถ่ายเก็บซีนเดี่ยวนิดหน่อย
“เล่นเฉียบขึ้นนี่หว่าสิง จบเรื่องนี้พี่มีเรื่องใหม่รอแก้บทอยู่ มาเล่นเต็มๆ ให้พี่สักเรื่องสิวะ”
“ได้ดิพี่ ผมว่าง” วันนี้เขาถ่ายเสร็จเป็นคนสุดท้าย ก่อนกลับพี่ธงชัยเลยชวนเขาแวะกินข้าวด้วยกัน หรือพูดอีกอย่างคือเรียกมาบ่นย้อนหลัง พี่ธงชัยเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่เขาร่วมงานบ่อย คุ้นเคยจนนับถือเป็นพี่กึ่งพ่อเพราะคอยสอนคอยให้ความรู้เขาเสมอ แต่หลังๆ นานๆ จะกำกับหนังสักเรื่อง เน้นละครมากกว่าเลยไม่ค่อยได้ร่วมงานกันไปช่วงหนึ่ง ตอนนี้ได้ข่าวว่ากลับมาทุ่มให้งานหนังเหมือนเดิมแล้ว
“ไม่รออ่านบทก่อนวะ เผื่อไม่ชอบ ไม่ได้บังคับนะเว้ยแต่อยากให้ลอง”
“ผมเชื่อพี่ ไม่ต้องพระเอกก็ได้ บอกตรงๆ นะพี่ ตอนที่กลับมาก็คิดว่าเออ ถ้าไม่กลับมาแสดงก็จะไปเปิดร้านขายของกับที่บ้านแล้ว จริงๆ ไม่กลับเข้าวงการมันก็อยู่ได้สบายดี แต่พอกลับเข้ากองถ่าย ได้ยินเสียงกล้อง เสียงพี่ เสียงทีมงาน ได้ต่อบทกับคนอื่น แม่งโคตรคิดถึงเลย”
“เออกูเข้าใจ มึงเป็นนักแสดง ไม่ต้องสนพวกข่าวบ้าบออะไร นักแสดงเกิดและตายก็ด้วยฝีมือเว้ยไม่ใช่ข่าวห่าเหวอะไรพวกนั้น กูเห็นบางคนเมายามากองถ่ายยังไม่มีใครทำอะไร มึงแม่งไม่ได้ทำเหี้ยอะไรจะไปขอโทษทำไม กูรอด่ามึงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่เสือกโทรไม่ติด”
“โทษทีพี่ ช่วงนั้นมันอ่อนไหว”
“เออ มึงมันอ่อน รู้ตัวซะ กลับมาก็ทำตัวดีๆ ใครด่าไม่เข้าหูมึงด่าตอบไปบ้างก็ได้ ถ้ามึงเลวจริงก็ไม่มีใครจ้างมึง ไม่มีงานก็พิสูจน์ได้แล้วว่าไม่มีคนเอามึง แต่ตอนนั้นมึงทำอะไร ถอนตัวไป ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญากี่ล้าน มึงติดหนังกูสองเรื่องนะบอกไว้ก่อน” พี่ธงชัยเคยเป็นพระเอกเก่า ฝีมือดี นิสัยดี เสียอย่างเดียวเวลาเมาชอบเรียกคนที่แกชอบมาด่า สิงหาจำได้ว่าตอนนั้นเขาเป็นแบรนแอมบาสเดอร์ให้สินค้าหลายตัว พอเกิดเรื่องแทบทุกบริษัทติดต่อมาขอยกเลิกสัญญา รายการบางช่องแจ้งเลื่อนออกอากาศที่เขาได้ไปถ่ายไม่มีกำหนด มีหนังแค่เรื่องเดียวที่ขอฉีกสัญญา นอกนั้นเขาเป็นคนยกเลิกเอง ซึ่งต้องจ่ายค่าเสียหายไปหลายล้าน
“เรียกว่าซื้อความสบายใจดีกว่าพี่ ตอนนั้นให้ทำงานต่อคงไม่ไหว ผมหงุดหงิด พ่อป่วยพอดีเลยได้โอกาส”
“โอกาสหรือข้ออ้าง พอๆ ไม่ต้องมาตีสำนวนกับกู ว่างๆ เข้าไปหาอาตู่ด้วย เขาบ่นถึงมึงตลอด แล้วเดือนหน้าวันเกิดซ้อมึง อย่าลืมมาด้วยล่ะ” พี่ธงชัยบ่นๆ สั่งๆ เสร็จก็เรียกคนขับรถที่นั่งโต๊ะข้างๆ ให้เดินตามออกไป ทิ้งเขาให้จ่ายเงินค่าอาหารเป็นการเอาคืนที่หนีไปไม่ร่ำลา บางความสัมพันธ์มันก็เริ่มต้นและสานต่อกันง่ายๆ แบบนี้ แต่บางอย่างหรือกับบางคน....กลับยากเหลือเกิน
“เดี๋ยวมีไปถ่ายอีกคิวก็หมดแล้วครับ จริงๆ บทนี้เขากะถ่ายแบบไม่เห็นหน้าตอนแรก แต่หน้าตาผมดีเกินกว่าจะตัดออกก็เลยต้องโชว์หน้าด้วย”
“โหคุณสิง มีใครหลงตัวเองได้เท่าคุณอีกมั้ยเนี่ย ถ้าไม่เสียดายไอติมนี่จะแหวะออกมาแล้วนะ” น่านนทีแกล้งวางช้อนที่แย่งตักไอศกรีมในกล่อง คนซื้อมาบอกว่าของฝาก แต่ไหงคอยแย่งช้อนตักแข่งกับเขาคำต่อคำแบบนี้ก็ไม่รู้
“จะแหวะแสดงว่าอิ่มแล้วใช่มั้ย งั้นที่เหลือของผม”
“อ้าว อย่าทำงี้สิครับ ไหนบอกของฝากไง ทำไมแย่งปิงกินจนจะหมดแล้วล่ะ”
“ปิงกินน่าอร่อยเกินไปผมก็อยากชิมมั่งสิ” สิงหาอมยิ้มให้กับความซื่อของคน ถ้าเป็นคนอื่นคงมีอายกับการจูบทางอ้อมแบบนี้ แต่คนนี้กลับหวงของกินอย่างเดียว หน้านิ่วคิ้วขมวด แก้มป่องเพราะพยายามตักไอศกรีมคำใหญ่ไปยัดไว้แล้วก็หลับตาปี๋เพราะความเย็นจัดภายในปาก เฮ้อ...ทำไมเป็นคนความรู้สึกช้าแบบนี้เนี่ย
“ปิงพอจะรู้จักร้านขนมไทยที่รับจัดกระเช้ามั้ย ผมอยากสั่งไปไหว้ผู้ใหญ่หน่อย”
“ร้านที่ปิงกินประจำไม่รู้รับจัดหรือเปล่า แต่น่าจะทำนะครับเพราะร้านใหญ่ เดี๋ยวปิงเช็คให้” คนบอกจะเช็คเดินถือกล่องไอศกรีมกลับไปหลังเคาน์เตอร์กดคอมพิวเตอร์หาร้านขนมที่ตัวเองชอบกิน อ่านรีวิวคร่าวๆ ว่ามีรับจัดกระเช้าก็พยักหน้าเรียกอีกฝ่ายให้มาดู ปากอมไอศกรีมจนแก้มป่อง นิ้วจิ้มหน้าจอสองครั้งให้อีกฝ่ายดูรูปตัวอย่างกระเช้าขนมไทย
“ดีครับ ผมชอบ ปิงสั่งให้หน่อยได้มั้ย เอาสามกระเช้า ไม่ๆ สี่ดีกว่า เอ้อ เปลี่ยนเป็นห้าเลย ห้ากระเช้าขอวันอังคารหน้า” วันนี้วันพฤหัส ร้านน่าจะทำทัน
“ตกลงห้านะครับ เอาแบบไหนดี ดูในเพจร้านมีหลายราคานะ”
“เอาแบบที่มีพวงมาลัยสาม แล้วก็แบบนี้อีกสอง ขนมเอาตามในรูปเลยนะครับ อ้อเพิ่มลูกชุบล้วนอีกหนึ่ง”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าปิงสั่งให้นะ” ตอนนี้ดึกแล้วไม่งั้นเขาคงไม่กล้าแอบกินขนมตรงนี้แน่ ช่วงนี้น่านนทีคิดว่าน้ำหนักเริ่มขึ้นเพราะสิงหาชอบซื้อของมาฝากบ่อยๆ ตอนนี้กลายเป็นสุดหล่อสายเปย์เบอร์หนึ่งขวัญใจชาวคอนเซียซไปแล้ว นอกจากหล่อยังใจดี ชอบซื้อของฝากมาให้พวกเขาบ่อยๆ แรกๆ ออมอยากจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกไม่ยอมกิน แต่พอหลายครั้งเข้าออมก็เริ่มชินกับดาราหนุ่มคนนี้ไปแล้ว ถามว่าชินแล้วเลิกเพ้อหรือเปล่า คำตอบคือเปล่า นับวันยิ่งหนักกว่าเดิม ตอนนี้คุณสิงของออมทำอะไรก็ดีไปหมด น่ารักไปหมด เท่ไปหมด แถมยังชอบมีคำพูดประหลาดๆ มาแซวเขาให้หัวเราะบ่อยๆ บางครั้งแซวต่อหน้าสิงหาก็ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก เหมือนจะร้อนหน้าร้อนหูนิดหน่อย
“ครับ พรุ่งนี้ปิงก็ทำงานเวลานี้ใช่มั้ย”
“ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“เสียดายจัง พรุ่งนี้ผมนัดกินข้าวกับเพื่อนที่ห้องชวิน ทำอาหารกินกันเองน่ะครับ เลยว่าจะชวนปิงไปด้วย แว้บไปได้มั้ย”
“ไม่ได้เลยครับ แต่ถ้าคุณสิงใจดีห่อมาให้ปิงชิมสักนิดจะดีมากเลย คุณชอบชวนปิงกินมื้อดึกตลอด คืนไหนไม่ได้กินนอนไม่หลับทุกที ต้องรับผิดชอบกระเพาะปิงนะ”
“รับผิดชอบทั้งตัวก็ได้”
“....แล้ว...จะทำอะไรกินกันเหรอ” น่านนทีชะงักไปนิดหน่อย ไม่ใช่แค่คำพูดแต่แววตาคุณสิงด้วยด้วย ออมเคยแซวว่าอีกฝ่ายชอบทำตาเจ้าชู้หว่านเสน่ห์ใส่เวลาคุยกับเขา กับคนอื่นก็คุยเฉยๆ ไม่มีอมยิ้มหรือทำตาวิ้งใส่แบบนี้
“ชาบูครับ ชวินมันจะเตรียมเนื้อเอง อ้อ ผมจะโชว์ฝีมือทำสเต็กด้วย เดี๋ยวผมทำมาให้ชิม รับรองติดใจ”
“ได้ครับ ปิงจะกินข้าวเย็นน้อยๆ เผื่อท้องรอสเต็กคุณสิงนะ”
“รับรองว่าอร่อยไม่ท้องเสียแน่ๆ ถ้าท้องเสียเดี๋ยวผมดูแลเอง”
“....พูดอย่างนี้แล้วปิงจะกล้ากินมั้ย”
“กินเถอะ ปกติผมไม่ทำให้คนอื่นกินหรอกนะถ้าไม่พิเศษจริงๆ”
“ก็...ก็....อืม”
“ดึกแล้วผมไม่กวนปิงละ เริ่มง่วงเหมือนกัน ตั้งใจทำงานนะครับ”
“ครับ คุณสิงก็...ฝันดีนะครับ”
“ขอบคุณครับ ฝันดีล่วงหน้าเหมือนกัน” สิงหาเดินยิ้มจากไป เขาหยอดทั้งอ้อมทั้งตรงขนาดนี้ ปิงจะทำซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกก็ให้รู้ไปสิ คนอะไร...ซื่อบื้อได้น่ารักที่สุด
วันต่อวันเจ้าของห้องที่บอกจะเตรียมอาหารเองโทรตามสิงหาตั้งแต่หกโมงเย็นทั้งที่นัดกันสองทุ่ม เนื้อทุกอย่างซื้อสำเร็จมาแล้ว สำหรับใส่ชาบูก็สไลด์มา สำหรับทำสเต็กก็เป็นชิ้นขนาดสขนาดกำลังพอดี มีหมูคุโรบูตะ ปลาหิมะ และเนื้อสันนอก แค่หมักทิ้งไว้ก็เสร็จ ที่มีปัญหาคือคนอยากกินชาบูทำน้ำชาบูไม่เป็นและไม่ได้ซื้อสำเร็จมา รวมถึงน้ำจิ้มด้วย ก่อนที่ชวินจะแก้ปัญหาโดยการโทรลงไปให้คนไปซื้อเหมือนอย่างทุกที สิงหาลากเพื่อนสนิทขับรถออกมาที่ฟูดแลนด์ใกล้ๆ เปิดดูรีวิวในเน็ตแล้วซื้อเครื่องปรุงน้ำจิ้ม ผักต่างๆ ตามกระทู้นั้น กลับมาถึงห้องก่อนเวลานัดนิดหน่อย ทุกอย่างพร้อมรอเพื่อนอีกสองคนมา
“หอมว่ะสิง มีมันบดมั้ย กูเริ่มไม่อยากกินชาบูแล้ว” ชวินเดินป้วนเปี้ยนข้างหลังพ่อครัวที่ยืนย่างสเต็กบนกระทะ กลิ่นหอมของเนื้อและเครื่องเทศอบอวลไปทั้งครัว
“มีแต่สเต็ก มีไม่กี่ชิ้นเอง มึงไม่อิ่มหรอก”
“มีอย่างละตั้งสองชิ้น ให้ไอ้สองคนนั้นแดกชาบูไป กูขออย่างละชิ้นก็อิ่มแล้ว”
“ไม่ได้ อันนี้กูทำให้ปิง”
“อะไรวะ เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน ปิงตัวแค่นั้นชิ้นเดียวก็พอ อย่างมากก็สองชิ้น ที่เหลือกูจอง”
“เสียใจ อันนี้กูจะทำฝากไปให้พ่อแม่ปิงชิม ของมึงมีแค่เนื้อสองชิ้น”
“เฮ้ย ไม่เอาดิ คุณพี่สิงที่รัก ขอหมูอีกชิ้น ปลาก็ได้ นะๆ กูจองตั้งแต่มึงหมักแล้วนะ ขอเหอะ”
“เออๆ ก็ได้ เอาหน้ามึงไปไกลๆ ดิ๊ โน่นไอ้พวกนั้นมาถึงแล้วมั้ง ลงไปรับมันดิ” สิงหาได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเพื่อนเลยรีบไล่อีกฝ่ายไปไกลๆ ระหว่างทำเขาก็ถ่ายรูปส่งไปให้น่านนทีเรื่อยๆ อีกฝ่ายส่งสติ๊กเกอร์ตลกๆ กลับมา เป็นรูปตัวการ์ตูนน้ำลายไหลบ้าง โกรธบ้าง อันล่าสุดเป็นรูปหมูร้องไห้
“เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้วนะครับ มีคุยไลน์กันด้วย” เต้เดินเข้ามายืนด้านหลังแอบอ่านข้อความเงียบๆ สิงหารีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้นของตัวเอง
“อะไร แค่นี้ต้องแอบ” โบ้ที่ยืนแอบอ่านอีกข้างบ่นเบาๆ แต่สิงหาสะดุ้งโหยงเพราะนึกว่ามีแค่เต้ที่อยู่ด้านหลัง เต้หัวเราะกับท่าทางของเพื่อนที่โดนพวกเขารุมหัวแกล้ง
“ตกลงยังไง จีบจริงจังแล้วใช่มั้ย” โบ้ถามด้วยความอยากรู้เพราะเขาเห็นรูปโปรไฟล์เล็กๆ ที่เป็นใบหน้าน่านนที หนุ่มร่างบางที่ชวินกับเต้แอบเชียร์มาสักพัก
“ก็คุยเรื่อยๆ ไม่รีบ”
“แต่ดีใช่มั้ยคนนี้ ไม่ได้จีบเพราะแรงยุพวกกูนะ” เต้รีบถามก่อน แต่จากประสบการณ์คราวก่อนสิงหาไม่น่าจะทำอะไรตามแรงยุเพื่อนง่ายๆ อีกหรอก
“เออ จีบเอง คุยแล้วสบายใจดี น่ารัก”
“ห่า ยิ้มนะมียิ้ม ชอบเขาก็บอกมา”
“เรื่องของกูน่ะ” สิงหาแกล้งยันเท้าเข้าที่สะโพกเต้ที่ยืนทำหน้าล้อเลียน วิธีทำให้พวกนั้นหยุดล้อคือย่างสเต็กมาปิดปาก แล้วรีบเริ่มมื้ออาหารอย่างจริงจัง เครื่องดื่มเต้กับโบ้เป็นคนเตรียมมา คราวนี้เน้นเหล้าสัญชาติญี่ปุ่นให้เข้ากับชาบู มีทั้งเหล้าบ๊วย สาเกและวิสกี้ ค่อยๆ ดื่มเพิ่มระดับกันไป แต่สิงหาพยายามประคองสติให้มากที่สุด เพราะเขายังต้องเอาอาหารว่างไปส่งพนักงานคนเก่งที่ล่าสุดเพิ่งส่งสติ๊กเกอร์หมูโกรธมาให้
“เอาอาหารว่างมาส่งแล้วครับ” สิงหาเดินหิ้วปิ่นโตลงมาด้านล่างเมื่อเพื่อนเริ่มตั้งวงดื่มกันจริงจังระหว่างดูบอล เขาเองก็ดื่มระหว่างมื้อไปไม่น้อย เดินยังตรงแต่หน้าอาจจะแดงนิดหน่อย
“คุณสิงหน้าแดงด้วย เมาหรือเปล่าครับ”
“นิดหน่อยครับ ยังไม่เมา ไปนั่งตรงโซฟาแป๊บนึงดีกว่า ผมเอาชาบูมาให้ชิมด้วย ยังร้อนๆ อยู่” เขาชูปิ่นโตสามชั้นให้ดู ชั้นบนสุดเป็นชาบูพร้อมเส้นอูด้งนิดหน่อยพอให้อิ่มท้อง ส่วนสเต็กสามชิ้นที่เหลือไว้ให้น่านนทีเอากลับไปกินที่บ้าน
“น้ำซุปหอมมากเลย น่ากินมาก ปิงกินเลยนะ” น่านนทียกชั้นปิ่นโตที่แยกออกมาขึ้นดมก่อนค่อยๆ ซดน้ำ ใช้ตะเกียบที่อีกฝ่ายเตรียมมาให้ค่อยๆ คีบเนื้อมาลิ้มรส ไม่ต้องจิ้มอะไรก็กลมกล่อมกำลังพอดี สิงหาพิงเบาะมองคนเคี้ยวแก้มตุ่ย ตาหยีเป็นสระอิเพราะมีความสุขกับอาหาร เห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ น่านนทีถามเรื่องวิธีหมักสเต็กวิธีย่างให้ออกมาน่ากินแบบนี้ เขาค่อยๆ ตอบอย่างไม่รู้เบื่อ กว่าจะรู้ตัวชาบูก็หมดไม่เหลือแม้แต่น้ำ แถมยังใช้ตะเกียบคีบสเต็กปลาหิมะมากินอีกเกือบครึ่งชิ้น คนกินเก่งลูบท้องที่ป่องขึ้นนิดหน่อยอย่างมีความสุข
“เห็นในรูปมีแต่พวกเหล้าญี่ปุ่น กินหลังซดซุปร้อนๆ คงฟินน่าดู ปิงไม่เคยกินเหล้านอกแปลกๆ แบบที่คุณสิงส่งรูปให้ดูเลย”
“ก็ไม่ได้แปลกอะไรนะ เหล้าบ๊วยมันก็จะหวานๆ หอมๆ หน่อย”
“แต่มันเหมือนกล่องนมเลย”
“แอลกอฮอลล์น้อยมาก อยากลองมั้ยครับ โบ้เอามาเยอะเดี๋ยวผมเอามาให้ลอง”
“ไม่เอาหรอกครับ ปิงทำงานอยู่นะอย่าลืม แค่มานั่งกินตรงนี้ก็เสี่ยงโดนร้องเรียนแล้ว” มุมนี้ก็คือมุมที่สิงหาเคยมานอน ค่อนข้างหลบสายตาคนอื่นและหลบมุมกล้องวงจรปิดที่ส่องมา มองเห็นแค่ด้านหลังไกลๆ แต่มองไม่เห็นอาหารบนโต๊ะแน่นอน
“งั้นไว้วันหยุดค่อยลองนะ ช่วงนี้พวกผมนัดกันบ่อย ยังเหลือที่ห้องชวินอีกเพียบ”
“ได้ครับ ขอชิมๆ นิดเดียวพอ ปิงดื่มไม่เก่ง”
“งั้นต้องลองอันนี้ เดี๋ยวผมเปิดรูปให้ดู กล่องชมพูแอลฯ น้อยสุด กล่องเขียวๆ นี่ก็ด้วย แต่กล่องเขียวอร่อยกว่า อันชมพูเหลือเยอะสุดเพราะไม่มีใครชอบเลย” สิงหาย้ายมานั่งข้างน่านนที หยิบโทรศัพท์เปิดอัลบั้มรูปที่ถ่ายไว้ให้ดู ปกติเขาไม่ชอบถ่ายรูปอาหาร แต่เพราะต้องการแกล้งให้คนหิวเลยถ่ายแทบทุกอย่างที่กินวันนี้
“กล่องมันน่ารักเกินกว่าจะเป็นเหล้าเนอะ ญี่ปุ่นนี่ทำแพ็คเกจเก่งจริงๆ” เขามองบรรดาเหล้าชนิดต่างๆ ที่สิงหาถ่ายรูปเก็บไว้ก็เดาได้ว่าคืนนี้คงอีกยาวไกลสำหรับชายหนุ่มกลุ่มนี้ นั่งคุยไม่นานเพื่อนๆ บนห้องเริ่มส่งข้อความมาแซว แถมน่านนทีที่กำลังดูรูปบนหน้าจอเห็นข้อความแจ้งเตือนพอดีเลยยิ่งทำหน้าไม่ถูก สิงหาอมยิ้มกับความช่างแกล้งของเพื่อนที่ช่วยให้สถานการณ์ระหว่างพวกเขาชัดเจนขึ้น
“พวกนั้นเริ่มป่วนแล้ว ผมกลับขึ้นไปก่อนดีกว่า”
“ครับ” น่านนทีแทบไม่กล้ามองหน้าคนข้างๆ อะไรคือ ‘อย่ามัวแต่จีบปิง กลับขึ้นมาได้แล้ว’
“ผมไปนะ” สิงหาลุกขึ้นยืน น่านนทีค่อยๆ ลุกขึ้นตาม หยิบปิ่นโตมาถือไว้ พรุ่งนี้ค่อยเอามาคืน
“จะไปจริงๆ แล้วนะ”
“ก็...ไปสิครับ”
“แล้ว...วันนี้ไม่บอกฝันดีเหรอครับ”
“....คุณสิงยังไม่นอนสักหน่อย”
“ปกติก็เคยบอกล่วงหน้านี่นา”
“.....ฝันดีครับ”
“ขอบคุณครับ ปิงก็ฝันดีล่วงหน้านะ” เขายื่นมือลูบผมนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนเดินจากมา ได้แต่หวังว่าคราวนี้จะเลิกแกล้งซื่อสักที อีกอย่างคือเขาได้แต่หวังว่าเมื่อครู่ปิงคงไม่เห็นรูปอื่นในโทรศัพท์เขา หรือว่าเห็นแต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดปกติ
“แม่ง...อะไรวะ” สิงหายืนอยู่ในลิฟต์เพียงลำพัง เลื่อนนิ้วดูรูปถ่ายในโทรศัพท์ ครั้งที่สองแล้วที่เขาเห็นรูปแปลกๆ พวกนี้แต่มีจำนวนมากกว่าเดิม บางรูปมีเขากำลังนอนหลับบนเตียงในห้องนอน บางรูปก็นอนงีบหลับบนโซฟา คำถามที่เคยถามตัวเองกลับมาอีกครั้ง เขากำลังนอน...แต่ใครถ่าย
—¤÷(`[ ♌ ♡ ▽ ]´)÷¤—
สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ ขอให้เป็นวันหยุดที่มีความสุข ใครเดินทางก็ขอให้ปลอดภัยน้า