บรรทัดติ่ง
กับข้าวกับปลาที่ผู้เป็นแม่ฝากมาให้ลูกชาย บัวลอยแสนอร่อยที่เจ้าของร้านคนสวยฝากมาให้ลูกค้าคนพิเศษ รวมถึงลูกกวาดสีหวานที่เด็กหญิงฟันหลอฝากมาให้คุณหมอฟันใจดี ทั้งหมดนี้ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ ส่วนคนที่อาสาหอบหิ้วทุกอย่างเดินทางจากจันทบุรีมาส่งให้ กลับนอนหลับตาพริ้มโดยอาศัยตักของผู้รับเป็นหมอนหนุน
นุพันธ์กดตาลงต่ำทอดมองดวงหน้าสะอาดสะอ้านที่ไม่ได้พบกันเสียหลายวัน นึกย้อนไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วที่อีกฝ่ายขับรถมาถึงอาคารที่พักบุคลากรของโรงพยาบาล นอกจากจะมีขนมและลูกอมที่พี่เอยและน้องอิงฝากมาให้แล้ว ยังมีกับข้าวที่แม่ทำพร้อมกับถ้อยคำตัดพ้อยาวเหยียดอย่างที่ได้ฟังอยู่บ่อย ๆ ผ่านโทรศัพท์ติดไม้ติดมือมาด้วย ซึ่งธานัทก็สามารถถ่ายทอดได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่นเลยสักคำ ซ้ำยังทำท่าขึงขังราวกับแม่ตัวเป็น ๆ มายืนอยู่ตรงหน้า คิดถึงตรงนี้ทันตแพทย์หนุ่มก็เผลอยิ้มออกมา
มันคือความโชคดีที่ได้รู้ว่าอีกคนมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ คงต้องขอบคุณอดีตคุณครูประจำชั้นกระมังที่ช่วยเปิดประตูเวลาให้ตัวเขาได้มีโอกาสหวนความทรงจำเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีตอีกครั้ง ได้หยิบเอาอัลบั้มภาพถ่ายเก่า ๆ มาเปิดดูและได้สังเกตเห็นว่าในหลาย ๆ ภาพมีใครบางคนเฝ้ามองเขาอยู่ไม่มุมใดก็มุมหนึ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะใส่ใจ...
คนคนนั้น...ที่บอกว่าเสน่ห์ของการแอบบรักคือคนถูกรักไม่มีวันได้รู้ มันตรงข้ามกับความคิดของเขาอย่างสิ้นเชิง เพราะคนอย่างเขาถ้ามีความรักเกิดขึ้นกับใครแล้วก็ต้องบอกกันให้รู้ ไม่สนใจว่าผลที่ได้จะออกมาเป็นเช่นไร หากหัวใจของอีกฝ่ายไม่ได้คิดตรงกัน ความรักนั้นก็ไม่ได้จืดจางลงเพียงแต่เปลี่ยนแปลงไปเป็นความรักแบบเพื่อนพี่น้องก็เท่านั้น
นุพันธ์ใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามเส้นผมนุ่มแล้วเปลี่ยนไปเกลี่ยที่ข้างแก้มเนียนเบา ๆ แก้มที่มักจะคอยเปลี่ยนสีเวลาที่เขาพร่ำบอกว่ารักซ้ำ ๆ และนี่ก็คือผลลัพธ์ของการบอกความในใจครั้งนี้ของเขา เห็นไหมว่า...การบอกรักมีเสน่ห์กว่าการแอบรักตั้งเยอะ...
คงเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ดังนั้นแม้จะถูกแกล้งอย่างไรแต่คนบนตักก็หลับสนิท เมื่อเห็นว่าเปล่าประโยชน์ที่จะทำให้อีกฝ่ายปรือตาขึ้น เจ้าของห้องจึงละความพยายาม คว้าหนังสือบนหัวเตียงมาเปิดอ่านเงียบ ๆ
ไม่รีบ...ไม่ร้อน...
เพราะอย่างไร อีกไม่นาน...
ดวงตาคู่นั้นก็จะเปิดขึ้น...
...แล้วสบกันหวานซึ้งอีกครา...
ธานัทขยับตัวนอนตะแคง ซุกหน้ากับหน้ากับตักอุ่น หูได้ยินเสียงกระดาษถูกพลิกไปหน้าแล้วหน้าเล่า แต่ก็ยังไม่อาจยกหนังตาที่หนักอึ้งได้ ในขณะที่กำลังจะจมดิ่งลงในห้วงนิทราอีกครั้งจู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งตกกระทบลงกับใบหน้า
"อื้อ..." ชายหนุ่มครางในลำคออย่างขัดใจบิดกายหงายมุ่นคิ้วพร้อมกับถอนใจเฮือกก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น เห็นเจ้าของตักใหญ่กำลังถือบางสิ่งอยู่ในมือ
"อะไรเหรอครับ" พูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
"พวงกุญแจน่ะ พี่ซื้อไว้ตั้งแต่คริสต์มาส" นุพันธ์กล่าวพลางมองคนบนตักที่ยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับเด็กนอนไม่เต็มอิ่ม
"สลักชื่อด้วย เอ็น...ยู...อืม...มีทีอีกสองตัว ไม่ใช่ชื่อพี่นุนี่นา หรือว่าเขาทำให้ผิดครับ" ถือโอกาสดึงต้นเหตุที่ขัดจังหวะการนอนจากมืออีกฝ่ายมาพลิกดู
"ไม่ผิดหรอก พี่ให้ร้านเขาสลักแบบนี้" ว่าแล้วคุณหมอก็รั้งซองพลาสติกใส่พวงกุญแจหนังตอกตัวอักษรภาษาอังกฤษกลับคืน
"ชื่อใครครับ"
"ชื่อน้องโรงเรียนเก่าน่ะ เจอกันที่บุ๊กคาเฟ่ เขาลืมสมุดบันทึกเอาไว้ พี่เลยอยากให้พวงกุญแจอันนี้ ให้เขาคล้องไว้ เผื่อไปลืมวางไว้ที่ไหนอีก"
"แล้วทำไมไม่ให้ล่ะครับ" ธานัทกล่าวพร้อบกับขยับกายตาม แนบแก้มลงกับแผงอกแกร่งเงยหน้าขึ้นสบตาคนอายุมากกว่า
"ก็เขาไม่ได้ชื่อนี้นี่นา เห็นเพื่อนเขาเรียกแบบนี้เลยเข้าใจผิด"
"ถ้าอย่างนั้นเอ๋ยขอ" ไม่รอให้อนุญาต คนพูดก็คว้าซองพวงกุญแจมาถือไว้ ตาคมเลื่อนลงมองพร้อมกับอมยิ้มพอใจ
"เอ๋ยจะเอาไปทำอะไร"
"เก็บไว้ พี่นุจะได้ไม่เอาไปให้คนอื่น" เสียงอู้อี้ของคนพูดทำให้นุพันธ์อดยิ้มไม่ได้ ทันตแพตย์หนุ่มวาดแขนโอบเอวในขณะที่มือข้างที่เหลือวางลงบนศีรษะของคนรัก...
"ลิงน้อยเอ๊ย”
...
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ จริง ๆ เทศกาลนี้ไม่ค่อยมีความหมายกับเราเท่าไร
คิดไว้ว่าคงไม่มีตอนพิเศษใด ๆ แต่พอดีติ่งนี้เขียนขึ้นสำหรับเล่นเกมในเพจเลยเอามาฝากกัน
อย่าเรียกว่าตอนพิเศษเลยค่ะ มันสั้นไป เรียกว่าบรรทัดติ่งก็แล้วกัน
หวังว่ามันจะได้ขยายออกเป็นตอนพิเศษไม่วันใดก็วันหนึ่งค่ะ ^^