เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน เอาคืน
กิจวัตรบางอย่างคล้ายจะเป็นปกติไปซะแล้ว ทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ควรเรียกว่าปกติ คุณไอศูรย์ไม่คิดว่าจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ
แต่ก็ไม่รู้จะหาคำตอบของเหตุการณ์พวกนี้ได้ยังไง
“เนคไทด์คุณแน่นเกินไป คุณจะผูกแน่นขนาดนี้ไปทำไม”
หลังจากนอนมองจุมพลที่เดินไปเดินมาในห้องอยู่นาน คุณไอศูรย์ก็รู้สึกทนไม่ได้กับการผูกเนคไทด์ของจุมพล
ลุกขึ้นจากเตียงมาจัดการกับเนคไทด์ของจุมพลที่ยิ่งผูกยิ่งไปกันใหญ่ นี่อย่าบอกนะว่าไม่มีสติที่จะผูกเนคไทด์ให้ตัวเอง
“แน่นไปเหรอ ปกติผมก็ผูกแบบนี้ตลอด”
ใช่ แน่นไป ทำไมไม่ผูกเงื่อนตายไปซะถ้าจะผูกแน่นขนาดนี้
“ถ้าอยากผูกคอตาย เงื่อนแบบนี้ผมว่าเหมาะ”
อ่อ เหรอครับ คุณประชดได้เจ็บปวดมากครับคุณไอศูรย์
ยืนอยู่เฉย ๆ ให้คุณไอศูรย์จัดการบางอย่างได้ตามใจชอบ และจุมพลก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่ตั้งใจผูกเนคไทด์ให้ใหม่
“คุณนี่เป็นคนหน้าตาดีจริง ๆ เลยนะคุณไอศูรย์”
พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คล้ายจะชม แต่แปลกที่คนที่ถูกพูดแบบนี้ใส่ กลับต้องขมวดคิ้วมุ่น และไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร
“แล้ว........”
ก็ไม่แล้ว
“หน้าตาก็ดี หน้าที่ฐานะการงานก็ดี”
หมายความว่ายังไง ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ และยิ่งไม่เข้าใจหนักขึ้นเมื่อจุมพลพูดประโยคต่อมา
“ทำไมคนหน้าตาดีขนาดนี้ไม่มีแฟนวะ ใครจะไปอยากเชื่อ”
อะไรของคุณ
“ผมไปบอกตอนไหนว่าไม่มี”
อ่อ.....สรุปว่ามี
“นั่นไงผมว่าแล้วว่าต้องมี”
คิดว่าตัวเองเดาถูก และก็พยักหน้าตามแถมยังยิ้มระรื่นเมื่อคิดได้ว่าตัวเองคาดเดาเรื่องนี้ได้อย่างถูกต้อง
ไม่ให้มีได้ยังไง หน้าตาก็ดี นิสัยก็ไม่ได้แย่อะไร แถมเรื่องฐานะ หน้าที่การงานยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“แล้วผมอยู่ที่นี่ คุณจะไม่มีปัญหาเหรอ”
ปัญหาอะไร
“ผมไม่ได้บอกว่ามีแฟน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีแฟน”
แปลว่าอะไรวะ ตกลงจะมีหรือไม่มี
“แล้วถ้าแฟนคุณเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไง นี่ขนาดแค่ไอ้เจี๊ยบไปค้างบ้านผม เล่นกันนิด ๆ หน่อย หญิงยังตามด่าไอ้เจี๊ยบไม่จบไม่สิ้น แต่ผมกับคุณมันไปไกลกว่านั้นเยอะ ถ้าเกิดแฟนคุณรู้ขึ้นมา ผมไม่โดนน้ำกรดสาดเหรอ”
แล้ว...........
“ไกลกว่านั้นเยอะ ......... แล้วมันไกลแค่ไหนล่ะ”
ไกลแค่ไหน
ไกลแค่......... ตอบไม่ถูก และจุมพลก็มีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด แต่คนที่กำลังจัดเนคไทด์ให้กลับทำหน้าเฉย
คุณเคยยิ้มบ้างป่าววะคุณไอศูรย์ ถามจริง ๆ
“แบบที่ซัดกันไปแล้วหนึ่งรอบ”
หนึ่งรอบเหรอ
“หนึ่งรอบที่ว่า ก็แค่ภายนอก คุณว่ามันต่างจากการช่วยตัวเองตรงไหน ถ้าคุณมองว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ความต้องการของร่างกาย มันก็จบ”
จบเหรอ
“เข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง แล้วคุณร้องโอดโอยข่วนผมจนหลังมีแต่รอย.........คุณเรียกมันว่าการมีเซ็กส์กันงั้นเหรอ”
เออว่ะ
“แล้วคุณมาเรียกร้องว่าไม่เคยนอนกับผู้ชาย แล้วต้องช่วยกันแก้ปัญหามันหมายความว่ายังไงครับคุณไอศูรย์”
ก็ไม่หมายความว่ายังไง
“ผมคิดว่าผมกำลังถูกกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ผมก็เรียกร้องตามสิทธิ์ ที่ผมควรเรียกร้อง”
ห๊ะ เรียกร้องสิทธิ์เนี่ยนะ
“แต่คุณเป็นฝ่ายพยายามจะยัดเยียดเข้ามาในตัวผมให้ได้นะ”
“แต่คนที่ทำให้ผมต้องยัดเข้าไปมันก็คือคุณเองไม่ใช่หรือไง”
เออใช่ จริงด้วยว่ะ กูแม่งเสียศูนย์ไง แต่คุณมึงก็ไม่ควรจะฉวยโอกาสตอนที่คุณกูเสียศูนย์ โดยการปล่อยให้คุณกูทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นนี่หว่า ก็น่าจะห้ามกันบ้าง ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลยแบบนั้น
“ตกลงผมผิดเหรอวะ”
จุมพลขมวดคิ้วมุ่น และเริ่มโมโหที่ตัวเองกำลังเสียเปรียบทุกทาง
“ผมโดนยัดเข้ามานะโว้ย ตกลงผมผิดเหรอ คนเริ่มไม่ได้แปลว่าต้องผิดเสมอไปนี่ คนที่ไม่ยอมห้ามทั้งที่รู้ว่าผมประชดแฟนน่าจะผิดกว่าสิ คุณควรห้ามหรือบอกให้หยุด ไม่ใช่ปล่อยให้เลยตามเลย”
ชักจะไปกันใหญ่ และคุณไอศูรย์ที่กำลังจัดการเนคไทด์ที่คอให้จุมพลก็ยิ่งทำหน้าขรึมยิ่งกว่าเดิม
“มันน่าตื่นเต้นจะตาย อะไรที่ไม่เคยลอง พอลองดูผมว่ามันก็ช่วยสร้างความแปลกใหม่ให้กับชีวิตผมดีนี่ มันก็ไม่ได้แย่อะไรนะ มาคิด ๆ ดู ถ้าผมมองว่าคุณอยากระบายอารมณ์แล้วผมก็ช่วยคุณระบาย มันก็วิน วิน กันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ คุณจะให้ใครผิดล่ะ กรณีแบบนี้”
เออ กรณีแบบนี้ กูผิดเต็ม ๆ เลยก็ได้ครับ ก็ได้ กูผิดเองก็ได้
“เพราะฉะนั้น ถ้าใครซักคนจะมีปัญหากับกรณีนี้ ผมซึ่งถูกคุณชักจูงก็ควรได้รับโอกาสในการแก้ตัว เพราะผมไม่ผิด....ผมถูกคุณล่อล่วง และถึงแม้ท้ายที่สุด เราต่างก็เต็มใจและทั้งผมกับคุณก็ถึงจุดหมายด้วยกันทั้งคู่ แต่ถ้าต้องมีใครรับผิดชอบ คนแรกก็ต้องเป็นคุณ ส่วนผมเป็นผู้เสียหาย”
แม่ง ตอกย้ำกันเข้าไป กูผิดไง เออ กูผิด ยิ่งพูดกูก็ยิ่งผิดใช่มั้ย
จุมพลหน้าหงิก เพราะโดนว่าแต่ทำอะไรไม่ได้
“งั้นไม่ต้องมาผูกเนคไทด์ให้ผมเลย ผมจัดการเองได้”
ดึงเนคไทด์ออกจากมือของคนที่กำลังจัดการความเรียบร้อยให้ แต่คุณไอศูรย์ก็ไม่ยอมปล่อย
“เรื่องนั้น กับเรื่องเนคไทด์ที่ผมกำลังผูก มันคนละเรื่องกัน คุณจะเอาสองเรื่องนี้มาปนกันแล้วงอนผมไม่ได้.......เข้าใจมั้ย”
ห๊ะ งอน กูเนี่ยนะงอน ไม่ได้งอนโว้ยยยยยยยยย ถึงไม่เข้าใจที่คุณไอศูรย์พูดก็เถอะ แต่ผมไม่ได้งอนเว้ย
ทำไมต้องงอนด้วยวะ ไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นแค่รูมเมทกัน แล้วทำไมผมต้องงอนคุณด้วย
“นอนไม่พอแล้วอย่ามางี่เง่าใส่กันแบบนี้”
ไม่ใช่เลย ใครที่เคยบอกว่ากูพูดจาไม่รู้เรื่องนะ มึงมาดูนี่เลย
แล้วแม่งจะรู้ว่าตอนนี้มี คุณไอศูรย์เป็นคนที่พูดจารู้เรื่องแต่ระดับความเกรียนมากกว่ากูร้อยเท่า
อยากจะโทรหาไอ้เจี๊ยบมาก มึงมาดูเลยเจี๊ยบ ตอนนี้มีคนเกรียนยิ่งกว่ากูแล้ว เผลอ ๆ จะเกรียนยิ่งกว่า พี่เกรียนศักดิ์แผนกการเงินซะอีก
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว”
จัดเนคไทด์ให้เข้าที่เข้าทาง และจุมพลก็ก้าวขาเดินออกจากห้องทันทีด้วยใบหน้าบึ้งตึงไม่มีการขอบคุณ ไม่มีคำพูดอะไรทั้งนั้น
เตรียมตัวไปทำงาน โดยมีคนที่เพิ่งลุกขึ้นจากเตียง เดินตามออกมาด้วย
“ผมไปเองได้ ไม่ต้องไปรับไปส่งหรอก แฟนผมคงไม่ตามไปกระซวกผมถึงบริษัทหรอกน่า”
งั้นเหรอ
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไปส่งนี่”
อะไรนะ
ไม่ได้ไปส่งแล้วเดินตามออกมาทำไม แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอวะ แม่งปั่นหัวกูตั้งแต่เช้าเลยเหรอ นี่เรียกว่าการปั่นหัวใช่มั้ย
กูกำลังถูกปั่นหัวใช่มั้ยวะ
“เมื่อคืนนี้คุณอาจไม่รู้ตัว ว่าคุณเป็นสาเหตุทำให้ผมได้นอนไม่เต็มที่”
อ้าวววววววววววว ยังไงกันล่ะครับคุณไอศูรย์ ก็ผมบอกกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าจะนอนใต้เตียง แต่คุณไม่ยอมให้ผมไป
แล้วมาโทษผมได้ยังไง อีกอย่างเมื่อคืนผมก็หลับสนิทไม่ได้พลิกตัวไปมา หรือทำเรื่องงี่เง่านะครับแล้วยังจะบอกว่ากูทำให้คุณมึง นอนไม่พออีกเหรอ เห็นตื่นมาหน้าตาแจ่มใสซะขนาดนี้ นี่ยังเรียกว่านอนไม่พออีกหรือไง
“นั่งก่อนสิ ที่โซฟา”
“ทำไมผมต้องนั่งด้วยวะ ผมจะรีบไปทำงานแล้ว”
“หกโมงเช้า บริษัทคุณเปิดทำการแล้วหรือไง ไปเช้าขนาดนี้ ไม่มีใครมอบโล่พนักงานดีเด่นให้คุณหรอกนะ”
ไม่มีก็ไม่มีสิวะ ไม่ได้คิดจะเอาโล่มาทำอะไรซักหน่อย
“เช้า ๆ คุณควรได้รับน้ำตาลไปหล่อเลี้ยงสมองซะบ้าง คนเราควรได้รับน้ำตาลในตอนเช้าในปริมาณที่พอเหมาะมันจะทำให้กระปรี้กระเปร่าทั้งวัน ขนมปังกับเครื่องดื่มธัญพืชร้อน ๆ คงพอให้คุณเลิกทำตัวงี่เง่าใส่ผมได้ คุณว่างั้นมั้ย”
อะไรของคุณวะ คุณไอศูรย์ แม่ง จะกวนประสาทผมหรือไง
“กรุณารอซักครู่ ผมกำลังต้มน้ำอยู่ และผมขออนุญาตไปล้างหน้าล้างตาซะหน่อย”
เออเอาเหอะครับ คุณจะไปทำอะไรก็ไปเถอะครับ
กูจะนั่งรอที่โซฟานี่แหละ จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร แล้วจะเดินทางไปทำงานตามคำสั่งของคุณครับ
สิ่งที่จุมพลทำอยู่เรียกว่าประชด และจุมพลก็ลงไปนั่งที่โซฟาด้วยท่านั่งหลังตรง มือสองข้างวางอยู่ที่หัวเข่า หน้านิ่งสนิท ทั้งที่อารมณ์เริ่มเดือดขึ้นมาทีละนิด คุณไอศูรย์หายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ไปล้างหน้าล้างตา ใช้เวลาไม่นานก็เดินออกมาโดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดเอาไว้ที่บ่า
ชุดที่ใส่ยังเป็นชุดเมื่อคืน เสื้อกล้ามสีดำ กับกางเกงวอร์ม ทำอย่างกับจะไปออกกำลังกายที่ไหน ใส่แบบนั้นนอนเนี่ยนะ อึดอัดตายห่า
“อรุณสวัสดิ์คุณจุมพล”
อรุณสวัสดิ์.........
บ้า
บ้าหรือไงวะ เราตื่นขึ้นมาปะทะคารมกันไปชุดใหญ่แล้ว อยู่ดี ๆ มาบอกว่าอรุณสวัสดิ์เนี่ยนะ
อยากจะหันไปถามว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกันแน่
แต่กลับพบว่า คนที่กำลังจะเดินเข้าไปในครัว หยุดเดิน และมายืนอยู่ที่ด้านหลังของโซฟาที่จุมพลนั่งอยู่
ไม่ใช่แค่หยุด แต่เจ้าตัวยังยื่นหน้ามาจากด้านหลังและหอมแก้มด้านขวาของคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวแรง ๆ จนจุมพลถึงกับเอนไปทางขวาจนแทบสุด และรีบหันไปมองให้แน่ชัดว่าคนที่ทำแบบนี้ต้องการอะไร
“คุณไอศูรย์ คุณทำอะไรของคุณวะ......ฮึ่ยยยย”
ยกหลังมือขึ้นเช็ดที่แก้มของตัวเอง และขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิดโมโหที่โดนหยอกแบบแปลก ๆ การหยอกล้อที่อีกฝ่ายไม่สมควรทำอย่างยิ่ง
“ก็ชดใช้ให้คุณไง เมื่อกี้เรื่องก่อนหน้านี้ ผมให้เป็นความผิดของคุณ........งั้นตอนนี้ ก็เป็นความผิดของผมไปแล้วกัน เพราะผมทำบางอย่างที่คุณไม่พอใจ และไม่สมัครใจให้ทำ และผมดึงดันจะทำโดยที่คุณไม่เต็มใจ.......งั้นเราก็หายกัน”
หายกัน หายกันเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว มันจะหายกันได้ไงวะ
“หรือถ้าคุณไม่อยากหายกัน และอยากจะร่วมรับผิดชอบกับผม คุณก็มาหอมแก้มผมกลับสิ ไม่เห็นจะยาก”
โว้ยยยยยยยยยยยยย กูจะไปทำแบบนั้นทำไมวะ มันใช่เรื่องที่ควรทำหรือไงล่ะเฮ้ย
“ผมไม่ทำหรอกโว้ย ไอ้เรื่องบ้า ๆ แบบนั้นน่ะ”
ใช่ คุณคงไม่ทำหรอกคุณจุมพล เพราะเวลาที่คุณทำ คุณทำยิ่งกว่านั้นหลายเท่า
“คุณเคยทำมากกว่าที่ผมทำนะ เสียดายจริง ที่คุณไม่เคลิ้มไปกับผม เหมือนที่ผมเคยเคลิ้มไปกับคุณ”
แม่ง อะไรวะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ กูกำลังโดนปั่นหัวอยู่ใช่มั้ยวะ
“คุณแกล้งผมเหรอ”
รู้ก็ดีแล้ว
“แล้วที่คุณเคยแกล้งผมไว้ล่ะ เวลาที่คุณมึนใส่ผม ทำให้ผมเหมือนโดนปั่นหัว คุณเคยทำแบบที่ผมกำลังทำกับคุณอยู่ตอนนี้ไม่ใช่หรือไง”
ไม่...........ใช่.... แต่......ก็มีส่วน.....ใช่.... จุมพลนิ่งเงียบไปแล้ว และไม่มีอะไรจะโต้ตอบ
เออ กูยอม เอาไงก็เอาเหอะ จะว่ากูยังไงก็ได้ กูยอม
“...................”
จุมพลนั่งเงียบ และไม่มีคำพูดใด ๆ อีก เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยกแก้วเครื่องดื่มชงมาส่งให้ แต่จุมพลก็ไม่รับมาถือเอาไว้ ปล่อยให้อีกฝ่ายวางแก้วไว้บนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าแทน
“คุณทำเหมือนงอนเลยนะ”
งอนห่าอะไร กูจะไปงอนได้ยังไงล่ะ แปลไปซะไกลแล้ว กูไม่ได้งอน กูแค่โมโหที่ยิ่งพูด ยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งพูดยิ่งโดนเอาคืนก็แค่นั้น
“..................”
ไม่มีคำตอบ แต่การไร้คำตอบ มันทำให้คนที่มอง เริ่มอมยิ้มขึ้นมาทีละนิด ก่อนจะค่อย ๆ หัวเราะออกมาเสียงเบา เพราะขำกับท่าทางแบบนั้นของจุมพล
ตลกมากป่าว คุณตลกมากมั้ยครับคุณไอศูรย์
“คุณสนุกมากมั้ยคุณไอศูรย์”
ก็พอประมาณนะคุณจุมพล
“ผมไม่ได้อยากแกล้งคุณนะ ผมแค่อยากสนิทกับคุณมากขึ้นเท่านั้น คนเราถ้าไม่สนิทกันไม่มีใครทะเลาะกันหรอก และคุณเชื่อมั้ย คนที่สนิทกัน หลังจากทะเลาะกันแล้ว เดี๋ยวก็ดีกัน”
หมายความว่ายังไง
“ผมเคยมีรูมเมทนะ สมัยเรียน แต่น่าแปลก พวกเขาทนผมกันไม่ค่อยได้ มีกี่คนก็ต้องมีอันโบกมือลากันทุกคน เพราะเขาหาว่าผมพูดจารู้เรื่องเกินไป”
แล้ว.........
“ผมก็เลยไม่คิดจะมีรูมเมทอีก ผมว่าคุณก็เป็นคนที่พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องคนหนึ่งนะ.....บางทีการที่คุณพูดไม่รู้เรื่องอาจจะทำให้ผมอยากรู้เรื่องทุกอย่างที่คุณพูดก็ได้”
นี่ชมหรือด่าวะ
“............ผมอยากลองเป็นรูมเมทกับคุณ........ผมอยากรู้ว่าระหว่างคุณกับผม เราจะสื่อสารให้เข้าใจตรงกันได้ยังไง”
กูไม่สื่อสารอะไรทั้งนั้นแหละโว้ย กูจะไปทำงานแล้ว คุณไอศูรย์แม่งบ้ากว่ากูอีก เกรียนเกินไปแล้วโว้ยยยยย
กูนึกว่าเป็นพวกนิ่ง ๆ เฉย ๆ ซะอีก ที่ไหนได้ แม่งร้ายลึก
จุมพลไม่พูด ไม่ตอบ แต่ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นซัดรวดเดียวหมดแก้ว และลุกขึ้นเตรียมจะไปทำงาน
“ผมไปส่ง”
ไปส่งได้ไง
“แต่คุณบอกว่าไม่ไปส่งผมเองนะ”
ผมพูดแบบนั้นเหรอ
“ผมไม่ได้บอกว่าจะไปส่ง แต่ผมก็ไม่ได้พูดซักคำว่าจะไม่ไปส่ง”
อีกแล้ว คำพูดชวนปวดหัวแบบนี้อีกแล้ว
“คุณไอศูรย์”
“ว่าไงครับคุณจุมพล”
“ปั่นหัวผมสนุกมากมั้ย”
ไม่รู้สิ
“แล้วตอนคุณปั่นหัวผม คุณสนุกมั้ย”
กูไม่ได้.........
“ฮึ่ยยยยย แกล้งผมเหรอวะ”
สู้ไม่ได้ เถียงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้มีแค่ยกมือขึ้นขยำหัวของตัวเองและร้องออกมาอย่างขัดใจ
แต่อาการที่แสดงออกว่าขัดใจ มันทำให้คนที่กำลังอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากต้องนิ่งชะงัก และใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในนาทีถัดมา
“ผมไม่เล่นกับคุณแล้วก็ได้ ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวจะสาย”
คุณไอศูรย์เดินนำออกจากห้องพัก และจุมพลก็เดินหน้าหงิกไปยืนรอที่ลิฟท์
อะไรวะ
ปั่นหัวกูซะจนหัวหมุน พอสะใจแล้วก็เลิก แล้วก็กลับมาเป็นคุณไอศูรย์หน้าดุ ไม่พูดไม่จาอีกแล้ว
“คุณไม่ต้องไปส่งหรอกนะ”
ยังคงยืนยันคำเดิม แต่คุณไอศูรย์ไม่คิดจะฟัง ลงจากลิฟท์และเดินลิ่ว ๆ นำไปที่ชั้นจอดรถ โดยมีจุมพลเดินตาม
“ตอนเย็นเดี๋ยวผมไปรับ”
ทำไมต้องมารับวะ กูกลับเองได้ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องปกป้องคุ้มภัยด้วย นั่นผู้หญิงนะ แถมยังเป็นแฟนกูด้วย กูต้องกลัว แล้วก็หนีหัวซุกหัวซุนขนาดนี้เลยหรือไง
“ไม่เอา”
ตอบกลับไปแบบไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย และคุณไอศูรย์ที่เดินนำมาที่รถก็หันมามองหน้าของจุมพลเพราะถูกขัดใจ
“ผมไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณ.... คุณเป็นตัวของตัวเองได้ แต่คุณก็เป็นคนของผมครึ่งหนึ่งแล้ว คุณทำให้ผมต้องเข้าร่วมวงกับเรื่องนี้ด้วย มันเป็นความผิดที่คุณต้องรับผิดชอบ"
อะไรวะ มันเป็นความผิดของผมได้ยังไงกันคุณไอศูรย์
"............ปัญหาของคุณผมแก้ให้ไม่ได้ แต่ปัญหาของเรา คุณกับผมต้องช่วยกันแก้.....ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ มันไม่ใช่ปัญหาระหว่างคุณกับแฟนของคุณอีกต่อไปแล้ว แต่มันมีปัญหาเรื่องของผมขึ้นมาด้วย....ความจริง ยังไงก็คือความจริง...... คุณทำอะไรลงไปง่าย ๆ เพราะอยากประชดแฟนคุณ....แต่ผมไม่ตลกกับสิ่งที่คุณทำด้วยหรอกนะคุณจุมพล....... เรื่องนี้ คุณต้องเป็นคนรับผิดชอบ.... และถ้าคุณไม่รับผิดชอบเรื่องที่คุณทำกับผมเอาไว้ ผมจะเอาคืนทั้งคุณ...และผู้หญิงที่คิดจะฆ่าคุณ”
TBC.