แรงรัก กระแทก❤ ลึก...29
‘ก๊อกแก๊กๆ’
เสียงไม่ดังไม่เบาที่ดังเล็ดลอดมาจากด้านนอกประตูห้องนอน แสงไฟที่ลอดเข้ามาภายในห้องนอนทำให้คนร่างบางที่อยู่บนเตียงรับรู้ได้ว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก
‘แอ๊ด’
ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงเปิดประตูห้องนอน และเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินเข้ามาใกล้ เตียงที่ยุบตัวลงทำให้รู้ว่ามีใครบางคนขึ้นมานอนข้างๆ อ้อมกอดแข็งแกร่งที่คุ้นเคย วางพาดลงบนเอวบาง ใบหน้าหล่อที่ซุกลงที่ซอกคอ เสียงลมหายใจที่เข้าออกช้าๆ เสียงเข็มนาฬิกาบนฝาผนังที่ดังให้ได้ยินเรื่อยๆ นานพอรู้ว่าคนที่โอบกอดไว้ทั้งตัว ตอนนี้ได้หลับฝันดีไปนานแล้ว ร่างบางขยับตัวนิดๆ หลังจากที่แกล้งนอนหลับอยู่นาน เงยหน้าไปมองนาฬิกาที่ตัวเลขเป็นสีสะท้อนแสง ทำให้มองเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ตี3 กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่โชยเข้ามาแตะจมูก กลิ่นน้ำหอมหวานๆที่แน่นอนว่าไอ้รบไม่ใช้ ไม่อยากจะคิดในแง่ร้าย แต่ก็ทำใจสบายๆแบบไม่สนใจไม่ได้จริงๆ
ทั้งๆที่มันก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง ทั้งๆที่มั่นใจว่าสิ่งที่มันบอกก็คงจะเป็นเรื่องจริง แต่มันก็เหมือนมีเรื่องบางเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ในความรู้สึกของผมอยู่ดี
รู้สึกแบบนั้นจึงเอื้อมมือไปวางทับบนฝ่ามือหนาที่วางไว้บนเอวของผม ให้ได้รู้ว่าอย่างน้อยวันนี้เราก็ยังอยู่ด้วยกัน
อย่างน้อยคนที่อยู่ข้างๆผม ก็ยังคือนักรบ คนที่วันนั้นผมเคยรัก และมันก็รักผม
.
.
.
แสงแดดยามเช้าที่สาดเข้ามาผ่านหน้าต่างห้อง ทำให้คนร่างบางที่ถูกรบกวนจากไอความร้อนเริ่มรู้สึกตัว ไออุ่นข้างกายที่เมื่อคืนมีอยู่ตอนนี้ได้จากหายไปแล้ว คนที่เคยอยู่ข้างตัว ตอนนี้ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว … ดวงตาสวยค่อยๆปรือตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหยีตาเพราะสายตาที่ปรับกับแสงแดดได้ไม่ดีนัก ใบหน้าขาวใสหันมองซ้ายมองขวาอย่างงงๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ ... เมื่อคืนนี้รอนักรบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะกลับมาไหม รู้แค่ว่านอนไม่หลับ และสุดท้ายมันก็กลับมา
“อืม กลับมาพร้อมน้ำหอมของผู้หญิง”
พึมพำกับตัวเอง พร้อมแค่นยิ้มหน่อยๆ สุดท้ายก็ตัดสินใจยอมลุกลงจากเตียง สาวเท้าออกไปจากห้องนอน กลางห้องรับแขกเห็นไอ้นักรบกำลังนั่งคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ ฝาที่ยืนมองอยู่จากหน้าประตู แค่นยิ้มออกมาอีกรอบ ความรู้สึกวนลูป เหมือนเหตุการณ์มันซ้ำกับเมื่อวานชอบกล เพียงแค่เปลี่ยนจากระเบียง มาที่โซฟา ได้แต่ยิ้มขำ เป็นความขำที่ไม่ได้ขำเอาซะเลย ‘
“ป๊า! ทำไมถึงพูดไม่รู้เรื่อง บอกว่าไม่อยากไปไง!”
เสียงเข้มที่รู้ดีว่ามันก็คงไม่พอใจ เป็นความไม่พอใจที่ขัดไม่ได้ หรือมันไม่ยอมขัด?
“ทำไมไม่บอกไอ้รุกวะ เฮียทัพก็ได้...ก็บอกว่าไม่ชอบไงวะ”
“อะไรนักหนาอ่ะป๊า เออ! ก็ได้!!”
เสียงตะคอกที่ดังลั่นเท่าที่ผมจะเคยได้ยินมันตะคอก คาดว่าคงเป็นความฟิวขาดจริงๆ มันที่กดวางสายแรงๆ และเขวี้ยงมือถือลงบนพื้น ถือว่าโชคดีมากที่ตรงนั้นเป็นพื้นพรม ไอโฟนของมึงเลยๆไม่ได้รับอันตรายมากนักอ่ะนะ
“เป็นไรวะ เสียงดังเลย”
ผมที่ถามมันออกไป อีกฝ่ายที่สะดุ้งหน่อยๆ ก่อนจะหันกลับมามองผม มันที่หน้ายังตึงๆเพราะหงุดหงิด แต่ผ่านไปไม่กี่นาทีมันก็ยกยิ้มออกมาให้น้อยๆ
“ตื่นแล้วหรอ” มันที่ถามพร้อมยื่นมือออกมา และแน่นอนว่าก็เป็นผมที่เดินเข้าไปหา จับฝ่ามือที่คุ้นเคยของมันไว้ เป็นมันที่ดึงผมเข้าไปนั่งลงข้างๆ ยกขาขึ้นขัดถหมาดหันหน้าเข้าหามัน เป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่....มันก็เป็นอะไรสักอย่างที่สามารถดึงดูดคนแบบผมได้เสมอ
“ตื่นแล้ว ว่าแต่มึงเป็นอะไร?”
“ก็เปล่าหรอก”
“อ่อ....” พยักหน้าตอบรับมันไป มันที่ยื่นมือมาลูบแก้มผมหน่อยๆ
“ป๊าโทรมา บอกว่าจะจัดงานเลี้ยง” เลิกคิ้วตอนที่มันพูดแบบนั้น
“งานเลี้ยงตอนรับบ้านของหลิน กูไม่อยากไป”
“แล้วทำไมต้องเลี้ยง?” ไม่ค่อยเข้าใจในจุดๆนี้ ไม่ได้เป็นญาติ ทำไมต้องไปวุ่นวายอะไรมากมาย
“ก็พ่อหลินมันเป็นเพื่อนกับพ่อกู” อ่อ...
“แล้ว?”
“แล้วป๊าก็อยากให้กูไป ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องวุ่นวายกับกู”
“ก็มึงเป็นแฟนเค้า”
“แฟนเก่า พูดให้มันดีๆ” มันว่าแบบนั้น ขมวดคิ้วมองหน้าผมแบบไม่พอใจ มือมันที่บีบแขนผมแรงขึ้นจนต้องเบ้หน้า เบาๆก็ได้ไหมไอ้เหี้ย
“แล้วเมื่อคืน....”
“เมื่อคืนกว่าจะจัดการได้โคตรน่ารำคาญ ไม่เข้าใจว่าเมื่อก่อนกูคบกับมันได้ไง หรือจริงๆไม่ได้คบวะ อาจจะแค่อยากแล้วเอาๆกันไปก็แค่นั้น”
“สัดพี่ พูดเชี่ยไร เค้าเป็นผู้หญิง”
“ก็มันจริงนี่หว่า...มึงรู้ไหม แม่งไปหาป๊ากูที่บ้านใหญ่ โวยวายว่ากูไม่เทคแคร์ดูแล เลยไม่ยอมกลับบ้านจนกว่ากูจะมาพากลับ อยากด่าว่าฬวย บ้าเปล่าวะ ไปเองได้ เสือกกลับเองไม่ได้”
“แล้วไง มึงก็พาเค้ากลับบ้าน”
“อืม แต่กลับคอนโดนะ หลินอยู่คอนโด”
“แล้ว...มึงกลับมากี่โมง” ถามทั้งๆที่ตัวเองก็รู้อยู่ กูนอนไม่หลับด้วยซ้ำตอนที่ไม่มีมึงนอนอยู่ด้วย
“กูก็ไปไม่นานนะ ตี1ล่ะมั้ง”
มันที่ว่าแบบนั้น ... จริงๆตี1กับตี3ก็ต่างกันเยอะอยู่นะ แต่ผมก็เลือกที่จะยิ้มออกมาและพยักหน้าให้มันไปแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“หรอ กูหลับไม่รู้เรื่องเลย”
“เออ กลับมาถึงมึงก็นอนละ เลยไม่อยากปลุก กลัวมึงตื่นแล้วจะไม่ได้นอนอีก”
“เลิกยุ่งยากกับช่วงล่างกูบ้างได้ไหมวะ”
“ไม่ได้หรอกกูขาดใจ”
“เสื่อมสัด”
“ฮ่าๆ อยู่กับมึงแล้วสบายใจว่ะฝา”
“หรอ ทำไม”
“ก็มึงแม่งน่ารัก ไม่เหมือนตอนกูคบกับพวกผู้หญิงเลยว่ะ ยุ่งยากวุ่นวาย ยากตั้งแต่หาถุงยางละ”
“สัดพี่”
“ฮ่าๆๆ” หัวเราะอารมณ์ดี ก่อนจะเอื้อมมาดึงตัวผมเข้าไปกอด หน้ามันที่ซุกอยู่ที่ไหล่ผม
“ไม่อยากไปเลยว่ะฝา ไม่อยากไปเลย” เสียงของมันที่อู้อี้อยู่ที่ไหล่ของผม
“แต่ก็ต้องไปใช่ไหมล่ะ”
“น่าเบื่อชะมัด ทำไมต้องกู เหตุผลป๊าโคตรน่าเบื่อ ไอ้รุกมีเมีย เฮียทัพต้องดูแลเมียที่ท้อง น่าเบื่อ โยนขี้ให้กู”
“บ่นอะไรนักหนาวะ”
“ก็กูไม่อยากไป อยากอยู่ห้องกอดมึงไปทั้งวันมากกว่าอ่ะ”
“ทำไมวันนี้มึงปากหวานจังวะพี่ มึงอ้อนแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามมัน พรางเอียงหัวหลบหัวใหญ่ๆที่ส่ายไปมาที่ไหล่ หลังๆเริ่มลามลงมาที่หน้าอกกู กูอยากจะฟาด
“กูก็ปากหวานตลอด มึงชิมบ่อย ถามกูทำไมวะ”
“กามว่ะ”
“กามกับหนูไงครับ”
“พี่แม่ง”
“ฮ่าๆ รักมึงนะฝา กูรักมึง”
“อื้ออ กูก็รักมึง รักก่อนมึงรักกูอีก”
“อย่าพูดแบบนี้ เหมือนกูทำมึงเสียใจมามากกว่ากูจะรักมึง”
“ก็รู้นี้หว่า”
ผมที่ว่าแบบนั้น ทำให้มันผละตัวออกมามองหน้าผม มือที่เอื้อมมาลูบแก้มผมเบาๆ สายตาของมันที่มองมา อธิบายไม่ถูกว่ามันคิดอะไรอยู่ และก่อนที่มันจะได้พูดอะไรออกมา ก็เป็นผมเองที่เอื้อมไปจับมือมันที่วางอยู่บนแก้มของผม วางมือทับมือของมันไว้แบบนั้น
“รบ”
“หื้ม...”
“อย่าทำกูเสียใจอีกนะ”
“กูรักมึงฝา”
...
เวลาประมาณ5ทุ่ม ที่ผมนั่งโง่ๆอยู่ในคอนโดสี่เหลี่ยมของไอ้รบคนเดียว วันทั้งวันนั่งๆนอนๆนัวเนียอยู่กับไอ้พี่ มันที่มีท่าทางแปลกๆ แต่ก็ดูน่ารักดีไปอีกแบบ ดูรักกูจนแทบจะสิง แต่อย่าคิดลึก ก็แค่กอดๆจับๆ ห้องก็มีอยู่แค่นี้ แต่มันแทบจะไม่ปล่อยให้ผมได้ห่างตาเลย
ผมส่งพี่มันที่แต่งตัวดูดีด้วยชุดสูธดูดีมากๆไปงานเลี้ยงที่บ้านของมันตอนประมาณ6โมงเย็น ก่อนไปก็จูบหน้าจูบหลังจนหน้ากับหัวกูเปียกไปหมด แต่ไม่รู้ทำไม มันรู้สึกใจหายแปลกๆ ตอนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง รอจนมันเดินลับสายตาไปจนถึงลิฟ ความรู้สึกแปลกๆ อาจเป็นเพราะจริงๆผมไม่อยากให้มันไปงานนี้ล่ะมั้ง ถึงผมจะเชื่อที่ไอ้พี่มันเล่าให้ฟังมากแค่ไหน แต่คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าผมไม่ชอบ ก็จริงไหมล่ะ มันคงไม่มีใครพอใจที่แฟนของเรา ยังต้องไปวุ่นวายกับแฟนเก่า แฟนเก่าที่ครั้งนึงมันเคยนอนด้วย แฟนเก่าที่ครั้งนึงมันเคยนอนครางกันอยู่บนเตียงแบบที่ผมทำ แค่คิดก็รู้สึกหายใจไม่ออกไปหมดแล้ว
“เฮ้อ พอๆไอ้ฝา คิดแบบนี้ไม่คูลเลยเว่ย”
บอกตัวเองแบบนั้น มือก็หยิบป๊อบคอนที่พึ่งเอาไประเบิดในไมโครเวฟมากิน ตรงหน้ากูอินมากครับ เปิดรายการโปรดิ้วท์ เอาทีวีต่ออินเตอร์เน็ตเปิดดูคุณแดนเต็มที่ เมื่อคืนกูดูค้างไว้ กำลังอินเลย อยากรู้ว่าอีพีนี้แต่ละกลุ่มจะได้คะแนนเท่าไหร่
“เชรดดด โฮกฮากซิกแพ็ค” แทบจะปาป็อบคอนตอนที่เห็นซิกแพ็คคุณแดน หืดหาดดดด
“เอ๊ะ...แต่ไอ้พี่รบก็มีเหมือนกันนี่หว่า” พูดกับตัวเองแบบนั้น อยู่ๆก็นึกถึงเวลาที่มันอยู่บนตัวของผม ไรขนอ่อนๆที่เสียดสีกับหน้าท้อง มือที่เคยลูบไล้ไปตามลอนกล้ามท้องของมัน
“อ๊ากกกก คิดไรวะพี่ฝา ไม่คูลเลอออ” พุ่งตัวซุกหมอนบนโซฟาแม่ม พี่ฝาว่าพี่ฝาเขินหน่อยๆ
‘Rrrr Rrrr’
เสียงสั่นจากมือถือที่วางไว้บนโต๊ะหน้าทีวี ทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาดู หมดกันความเขินอายและป๊อบคอนคั่วของกู ใครมันโทรมาขัดจังหวะกูวะ
“หือ” เลิกคิ้วจนคิ้วแทบจะชิดติดไรผมเลยกู
“เบอร์ใครวะ...” ถึงแบบนั้นพี่ก็กดรับสายไป
“ฮัลโหลฝารับสายใครโทรมาโทรมาทำไมครับ”
[[เอ่อ...]]
น่ะ...งงเลย คนไม่คูลก็จะไม่เข้าใจในจุดๆนี้อ่ะ
[[ฮัลโหล ฝา...นี่เลิฟนะ]] หืออออ เลิฟไหนนะ เดี๋ยวขอคิดสักแป๊บ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจอีกฝ่ายเท่าไหร่
[[เลิฟแฟนพี่รุกน้องชายพี่รบน่ะ]]
“อ๋ออออ หวัดดีๆนะ ว่าไงหรอ”
[[คือ....เอ่อ ฝารู้ใช่ไหมว่าวันนี้ที่บ้านใหญ่มีงาน]]
“อ่ะหะ รู้ๆ”
[[เอ่อ...งั้นฝามารับเฮียรบหน่อยได้ไหม คือเฮียไม่ค่อยดี]]
“ห๊ะ มันเป็นอะไรอ่ะเลิฟ เดี๋ยวจะไปเดี๋ยวนี้”
[[ไม่มีไรมากหรอก คือเมาน่ะ....ช่วยมารับ]]
“โอเคเดี๋ยวฝาไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ผมที่รีบตอบรับ ก่อนจะวางโทรศัพท์ หยิบมือถือและกระเป๋าตังค์วิ่งออกไปทั้งแบบนั้น เป็นห่วงมันมากจนลืมไปว่ากูใส่ชุดนอนออกมา ใช้เวลาไม่นานในการเรียกแท็กซี่ ใช้นวัตกรรมที่เรียกว่าแอฟสีเขียวใช้เรียกแท็กซี่ ใช้เวลาชั่วโมงนิดๆก็มาถึงคฤหาสบ้านของพี่มัน รถของแขกเริ่มน้อยลงแต่ยังมีอยู่บ้าง ก็ไม่เข้าใจว่าคืองานอะไร มองเห็นพวกคนชุดดำเหมือนในหนังมาเฟียยืนรายล้อมรอบบ้านไปหมด ถ้าเป็นปกติคงกลัว แต่นี่ก็เดินดุ่มๆเข้าไป และจากสภาพแน่นอนว่ายามที่บ้านมันไม่ให้กูเข้า เชี่ย!
เลยกดโทรหาเลิฟแม่ง ทำไมต้องดูถูกคนใส่ชุดนอนด้วยวะพี่
“ฮัลโหลเลิฟ ฝามาถึงหน้าบ้านแล้ว แต่พี่ยามชุดดำไม่ให้เข้าอ่ะ คนยั้วเยี้ยเลย มีไรหรอ”
[[อ่า ก็พวกที่ทำธุรกิจกับคุณป๊าแหล่ะ แต่เดี๋ยวเลิฟให้พี่รุกบอกยามให้นะ ฝาแต่งตัวยังไงมาจะได้บอกลักษณะถูก]]
“อ่อ...เอ่อ คือ...ชุดนอนอ่ะ”
ชุดนอนลายกล้วยหอมจอมซนด้วยกูอยากจะบอก พี่รบแม่งชอบ
[[อ่า เบอร์นั้นเลย ได้ๆเดี๋ยวบอกให้นะ]]
“ฮ่าๆ ขอบใจมากนะเลิฟ”
จ๊ะ วางสายไปในที่สุด และกูก็ยืนเป็นไอ้โง่ตบยุงอยู่ตรงนี้ในชุดนอนสีเหลืองลายกล้วยหอมจอมซน หล่อเลยกู
“นี่ หนู เพื่อนคุณรบใช่ไหม”
เสียงเหี้ยมที่ดังมาจากข้างหลังทำเอาพี่ฝาสะดุ้ง และแน่นอนว่าไม่ได้เหี้ยมแต่เสียง หน้าก็เหี้ยมจ๊ะ แข็งและตึงมาก หมายถึงยืนตัวแข็งและหน้าตึงมาก
เดินเข้ามาในบ้านมันอย่างเกร็งๆ ไม่บอกอะไรกูเลย แค่ชี้ๆให้เดินมาแบบโง่ๆ แต่เห็นว่าคนส่วนใหญ่ก็อยู่กันในสวน ที่มีโต๊ะสังสรรค์ บรรยากาศเหมือนเป็นงานคอกเทล ยืนมองอยู่นาน ไม่แน่ใจว่าพี่ฝาคนคูลควรไปทางไหนดีวะ หันซ้ายหันขวาอยู่นานสองนาน ก่อนจะตัดสินใจหันหลังหนี เพราะการแต่งตัวของพี่ คงไม่เหมาะที่จะเข้าไปอยู่ในงานนั้น ที่คุณหญิงคุณนายและเจ้าสัว (มั้ง) เดินอู้ฟู่กันอยู่ในนั้น
ถอยหลังหนีแม่ง
‘กึก’
เฮือก
สะดุ้งสุดตัวเมื่อถอยมาชนเข้ากับ... เบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นคนตรงหน้า คนที่กูก็ไม่รู้ว่าใคร รู้แต่หล่อจ๊ะ แต่ดูนิ่ง ตาดุเหมือนจะจับแดก ช่วยพี่ฝาด้วยยยยย
“อ่ะ เอ่อ....” แดกจุด พี่ฝาแดกจุดจ๊ะ
“มาหาไอ้รบ” เสียงเข้มที่ถามออกมา พร้อมๆกับหน้าตาที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังคงเรียบนิ่งอยู่แบบเดิม
“เอ่อ ครับ”
“ในนู้น ไม่ใช่ตรงนี้”
ว่าแบบนั้นพร้อมชี้มือเข้าไปในบ้าน ผมที่ได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ อีกคนที่ปรายตามอง ก่อนจะพยักหน้าให้น้อยๆและเดินกูไปแบบไม่ใส่ใจอีก เดี๋ยวนะ พฤติกรรมแบบนี้มองเห็นกูไหมอ่ะครับ โคตรเหมือนไอ้พี่รบตอนเจอครั้งแรกๆเลย หันไปมองอีกที แต่เค้าก็ไม่อยู่แล้ว ขนลุกเลยกู คนใช่ไหมอ่ะ โว้ยยยยย สับขาเดินเร็วเลยกู เดินมึนๆเข้าไปในคฤหาสของมัน ที่เงียบมาก สาบานว่าเมื่อกี้ไอ้คนนั้นไม่ได้หรอกกูนะครับ
เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆตามทางที่ปูด้วยหินอ่อน จนไปถึงห้องๆนึงที่รับรู้ได้ว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่ภายใน แสงสลัวสีส้มที่สะท้อนออกมาจากบานประตูที่ปิดไว้ไม่สนิท จริงๆตั้งใจจะเดินหนี ไม่ได้ไม่อยากเสือก แต่บรรยากาศของบ้านนี้มันน่าเกรงขามเกินกว่าจะมาเสือกเรื่องนู้นเรื่องนี้ได้ครับ
“มึงทำเชี่ยไรวะ!”
เสียงตะคอกดังลอดมาจากประตูบานนั้น เสียงที่คุ้นเคยจนผมต้องชะงักขาที่จะก้าวเดินหนี ยืนอยู่กับที่เหมือนขามีตะปูตอก
“ก...กู....”
“มึงอย่าพูดคำว่าไม่ได้ตั้งใจไอ้เฮียเหี้ย! มึงบ้าป๊ะ”
“ฮึก ฮื่ออ”
“หยุดร้องเหมือนเป็นผู้หญิงซิงสักที รำคาญ!” เสียงตะคอกแรกที่ดังขึ้นมาอีกเพราะหันไปตะคอกใส่เสียงสะอื้นของผู้หญิง เป็นสถานการณ์ที่ดูสับสน ดูเหมือนว่าภยในห้องจะมีคนอยู่หลายคน
“ก็กูไม่ได้ตั้งใจ กู....”
“เชี่ยเอ๊ย มึงรีบจัดการตัวเอง! เลิฟ ไปดักฝาไว้”
“อะไรนะ ฝามา มาได้ไง!”
“กูให้เลิฟโทรไปบอกไงไอ้ห่าเฮีย ก็กูเห็นมึงเมากึ่มๆ แล้วนี่คือเหี้ยไร มึงเอาหลินมาฟัดแบบนี้เนี่ยนะ ไอ้สัด มึงมีเมียแล้ว!”
เปรี้ยง!
รู้สึกเหมือนตัวการ์ตูนญี่ปุ่นที่โดนสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางหัว ตัวชา หน้าชาไปหมด ความรู้สึกเย็นไปทั้งตัวแต่เหงื่อกลับออกไม่หยุด หัวใจสั่นๆจนเหมือนจะควบคุมไม่อยู่ ในใจที่บอกกับตัวเองว่า ‘ฝา มึงวิ่งสิ วิ่งออกไปจากตรงหนี หนีไป หันหลังกลับไป!’ เสียงเรียกร้องในใจที่ดังบอกแบบนั้น แต่หัวสมองมันกลับไม่ยอมทำตาม มันไม่เคยจะเชื่อฟัง ผมที่ก้าวเดินไปช้าๆ ค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ประตูบานนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ แสงสว่างสีส้มนวลๆที่เคยลอดออกมาสว่างจ้ามากขึ้นเมื่อเดินมาถึงหน้าประตู ตัวผมที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตัวสั่นแบบควบคุมไม่อยู่ ภาพตรงหน้าที่ทำให้น้ำตาไหลลงมาแบบไม่รู้ตัว มือที่เอื้อมไปคว้าบานประตูไว้เพื่อพยุงตัว ขาสั่นจนแทบจะยืนไม่ไหว
“ฝ...ฝา!”
เสียงเรียกชื่อของผม จากปากของผู้ชายที่หน้าตาคุ้นเคยที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงนอน สภาพของมันที่เปียกไปทั้งตัว หน้าตาจของคนที่ผมเห็นเหมือนคนที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่กอดผมไว้กับตัว ริมฝีปากของมันที่กดจูบลงหน้าผาก เสียงสะท้อนทุ้มนุ่มที่บอกว่ารักผม ยังดังอยู่ในหู แต่ตอนนี้...คนตรงหน้าที่ไม่ได้เสื้อใส่ กางเกงที่ถูกปลดกระดุมออกและรูดซิปลง ส่วนกลางตั้งขึ้นเด่นชัดจนมองจากตรงนี้ยังเห็น ข้างๆตัวมันมีผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนั่งสะอื้นอยู่ใกล้กัน ผู้หญิงที่ครั้งนึงมันเคยมีอะไรกันมาจนเหนื่อย ผู้หญิงที่มันบอกว่ารำคาญ ... คนที่มันไม่เคยบอกอะไรกับผม คนที่มันพยายามปิดผม คำพูดมากมายที่ตีรวนอยู่ในหัวจนรู้สึกอยากจะอ้วก
“ฝา”
เสียงแหบแห้งของมันที่เอ่ยเรียกชื่อผมสั่นๆ มันที่มองมาทางผมแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ไอ้เชี่ยรบ”
เป็นเสียงของผมที่เรียกมัน เบาจนผมยังตกใจ น้ำตาผมยังไหลลงมาแบบนั้น มองภาพตรงหน้าโดยไม่ต้องมีคำอธิบายอะไร ก็เข้าใจเรื่องราวได้ดี...
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
“ป๊า!”
ผมที่หันกลับไปมอง ชายสูงวัยที่ครั้งนึงผมเคยมองเห็นท่านจากที่ไกลๆตอนงานวันเกิดของไอ้รบ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพ่อมัน หน้าตาพิมพ์เดียวกัน และมีไอความกดดันแปลกๆโปล่ออกมาจากร่าง ด้านหลังของท่านคือชายร่างสูงในชุดสูธ เป็นคนที่ผมเคยเจอมาก่อน คนที่บอกทางผม พ่อของไอ้รบมองมาทางผมนิดนึงก่อนจะเดินผ่านเข้าไปในห้อง จ้องมองลูกชายตัวเองที่อยู่ในสภาพไม่สู่ดี กับสตรีที่เป็นลูกของเพื่อน ความเงียบโรยตัวลงมากดดัน
“ไอ้รบ”
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะป๊า”
“คุณลุง ฮึก หนูอาย หนูไม่ยอมนะคะ!”
“พูดอะไรของเธอ!”
“พอ! หยุดพูดให้หมดทุกคน”
เสียงเข้มของประมุกในบ้านทำให้ทั้งนักรบและหลินหลินหยุดเถียงกันได้ทันที ท่านยังใช้สายตาที่อ่านไม่ออกมองไปโดยรอบ กดดันจนน้ำตาผมเผลอหายไปจากใบหน้า
“ไอ้รบ ฉันสอนให้แกทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงหรอ”
“มันไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่ได้ทำ มันแบบ....”
“รบทำ ไม่งั้นหลินจะเป็นแบบนี้หรอ รอยจูบนี่ ดูเสื้อผ้าหลินสิ ฮึก” ผมที่หันไปมองตามสิ่งที่เธอพูด หลักฐานก็ชัดดี พอมองกลับไป ไอ้นักรบนี่นั่งนิ่งเหมือนมีอะไรมาอุดปาก มันที่ไม่ได้ปฏิเสธ ทำเอาผมหลุดยิ้มเป็นครั้งแรก ผมรู้จักนิสัยพี่มันดี ถ้ามันไม่ได้ทำ มันจะเถียงจนกว่ามันจะชนะ แต่มัน...ถ้ามันทำ มันจะไม่ปฏิเสธ นี่อาจเป็นหนึ่งในข้อดีของมันที่พอมีอยู่
“ถ้าทำก็ต้องรับผิดชอบ”
“ป๊าพูดบ้าอะไร ทำไมผมต้องทำแบบนั้น! ผม....”
“แล้วนี่ใคร”
คำถามที่มาพร้อมสายตากดดันจ้องมองมาทางผม สายตาทุกคู่จ้องมาที่ผม ไม่ต่างจากถูกแสงสปอร์ตไลฟ์สาดใส่ตอนที่อยู่ในห้องมืด แสบจ้าจนต้องเสหน้าหลบ
“อ่ะเอ่อ...นี่ฝาฮะคุณป๊า” เลิฟที่ค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ คุณป๊าหันไปมองเลิฟหน่อยๆก่อนจะยิ้มให้
“เพื่อนเราหรอ”
“เอ่อ...คือก็ใช่ฮะ คือพี่รบ เอ่อ”
เลิฟที่ไม่รู้จะอธิบายว่าผมเป็นใครให้คุณป๊าเข้าใจได้ ก็ได้แต่อึกอักอยู่แบบนั้น จนผู้สูงวัยหันหน้าไปหาลูกชายที่ถูกเอ่ยชื่อถึง
“รู้จัก?”
“อืม”
“เพื่อนแก?”
ผมที่หันไปมองพี่มัน อีกฝ่ายที่มองมาทางผมเหมือนคนที่ไม่คุ้นเคย เราจ้องมองกันได้ไม่นาน ก็เป็นมันที่หันกลับไปมองหน้าพ่อของตัวเองที่มองมันนิ่งๆอยู่ก่อนแล้ว มันที่ค่อยๆอ้าปากบอกสถานะของผมออกไป พร้อมๆกับน้ำตาของผมที่ไหลลงมาเงียบๆอีกครั้ง
“เปล่า...รุ่นน้อง”
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไม่ต่างจากใจของผมที่มันรู้สึกว่างเปล่าที่สุดในตอนนี้
เจ็บหรอ?
เสียใจหรอ?
เสียความรู้สึกอย่างนั้นหรอ?
เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกที่ตีรวมกันอยู่ในตอนนี้ มันประเดประดังเข้ามาในตัวผม ถาโถมเข้ามาใส่เหมือนเกลียวคลื่นใหญ่ที่สัดเข้ามาใส่ตัว จะหนีก็ไม่ได้ จะไปต่อก็ไม่ถึง ... ความรู้สึกเหมือนโดนกระชากลงมาจากที่สูง ไม่ต่างจากเวลาที่เราฝันว่าตกลงมาจากตึกสูง แล้วสะดุ้งตื่นในยามวิกาล เป็นความรู้สึกแบบนั้นที่มันกำลังเกิดขึ้นกับผมในตอนนี้
นี่สินะ สิ่งที่ผมรอมา...
นี่ใช่ไหมคือความชัดเจนที่ผมต้องการ
“ค...ครับผมเป็นรุ่นน้อง ขอโทษทีที่มาวุ่นวาย ขอตัว”
ไม่กี่วินาทีต่อมา เมื่อหาเสียงตัวเองเจอ ก็รีบเอ่ยออกไปแบบนั้น ไม่ไหวที่จะทนยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ได้มองเห็นคนที่คุ้นเคย แต่มันกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าของผมไปแล้ว
พอกันที
.
.
.
ผมที่ทิ้งความรู้สึกตรงนั้น แล้ววิ่งออกมา ได้ยินเสียงโวยวายตามหลังมา ผสมปนเปจนงุนงง แต่ผมไม่คิดที่จะหันกลับไปมอง รู้แค่ว่าต้องวิ่งออกไปจากตรงนี้ แค่ตรงนี้ที่ไม่ไหวแล้ว ทางข้างหน้าที่พร่าเบลอมากขึ้นเรื่อยๆจากม่านน้ำตา ทางข้างหน้าที่มืดมนพอๆกับความรู้สึกของผมตอนนี้ รั้วบ้านหลังใหญ่ที่มองไม่เห็นบ้านด้านในเรียงรายกันไปในบริเวณนี้ ไม่รู้ตัวว่าอยู่ตรงไหน ที่ไหน รู้แค่ไม่อยากหันกลับไปอีกแล้ว เลยได้วิ่งๆ วิ่งออกไป
“ฮึก...ฮื่ออ”
แสงสว่างจ้าที่สาดเข้ามาจนต้องหยีตามอง แต่เพราะน้ำตาที่บดบังสายตาจึงช้าเกินกว่าที่จะวิ่งหลบได้ทัน ทำได้แค่เพียงยกแขนขึ้นป้องเพื่อป้องกันแสงนั่นไว้ ก่อนที่สติจะดับไปในตอนนั้น
‘เอี๊ยด!’
“เห้ย! ยัย.....”
------------------------
มาแล๊ววววววว เป็นมิสมามาเลทตล๊อดดดดดด ขอโทษนะคะ แต่มาแล้ว มาพร้อมไม้กระบอกฟาดหน้าพี่รบ
นี่พระเอกหรอวะ เออ...คนอ่านคงจะเกรี้ยวกราดแบบนี้แน่ๆ ก็อยากจะถามตัวเองเหมือนกันว่า นี่พระเอกหรอวะ?
เหมือนกันในจุดๆนี้ แต่เพราะความไม่ชัดเจน ก็ต้องเจอจุดจบแบบนี้ คนมักง่าย ... สงสารน้องฝา ฝาลูกฮึบนะลูก (จูบเหม่งน้อง) หวังว่าคนอ่านจะชอบไม่มากก็น้อยนะคะ แคทจะพยายามมากขึ้น แม้สมองจะตีบตันและกดดันมากๆก็ตาม
แง้ๆๆๆๆ
ฮึบๆๆ