สวัสดีค่ะ ขออภัยที่มาช้ากว่าเวลาปกตินะคะ ทุกครั้งจะอัพตอนเช้าประมาณสิบโมง แต่วันนี้มาอัพค่ำเลย เพราะยุ่งจริงๆค่ะ งานเข้าทั้งวันเลย ขอโทษจริงๆนะคะ และก็มีเรื่องแจ้งค่ะ อาทิตย์หน้างดนะคะ เพราะต้องปั่นเพิ่มบวกกับช่วงนี้งานยุ่งค่ะ เลยปั่นได้ช้ามาก ขออภัยอีกครั้งนะคะ ขอให้คนอ่านทุกท่านอ่านให้สนุกนะคะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยไว้ตรงนี้เลยค่ะ อ่อ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะ มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ รักนะคะ ไว้เจอกันค่ะ
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 22 Crazy with love.
Do you ever think when your all alone
เคยคิดบ้างไหมเวลาเธออยู่คนเดียว
All that we can be, where this thing can go?
ว่าเราสองคนจะเป็นอะไรกันได้บ้างและเรื่องมันจะจบลงตรงไหน
Am I crazy or falling in love
ฉันเป็นบ้าไปหรือแค่ตกหลุมรักเธอนะ
Is it really just another crush
นี่ฉันหลงเธอเข้าแล้วจริงๆ
เก้าที่นั่งแท็กซี่มาเพื่อความรวดเร็วตรงมายังห้องของพระพาย รู้ดีว่าหากพระพายคงต้องมีเรื่องอัดอั้นในใจอย่างแน่นอน เพราะวันนี้ทั้งวันและอาจจะเมื่อคืนเสียด้วยซ้ำที่พระพายอยู่กับพิธานตลอด ตอนนี้พิธานคงกลับไปแล้วและคงมีเรื่องอะไรคืบหน้าแน่นอน ไม่รอช้าเก้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปถึงไหนแล้ว
พระพายนั่งอยู่ในห้องโดยที่มีเก้าเดินมาถึงหน้าห้องและเคาะประตูทันที พระพายลุกขึ้นไปเปิดให้เพราะรู้อยู่แน่นอนว่าเป็นเก้าที่มาหา
“ไงเพื่อนรัก” เก้าทักทายก่อนที่จะถอดรองเท้าและเดินเข้ามา
“มึงกินอะไรมารึยัง?” พระพายถาม
“เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่มึงเถอะ มีเรื่องอะไรใช่ไหม?” เก้าถามอย่างคนรู้ดี
“มึงก็รู้ดีตลอด”
“พิธานมันทำไมอีกคราวนี้”
“มึง กูไม่ไหวแล้ว กูจะบ้า กู...กูเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว” พระพายเริ่มต้นประโยคที่ดูจะสติแตกพอสมควร
“เดี๋ยวๆ จู่ๆก็คลั่งขึ้นมา อะไรของมึงเนี่ยะ” เก้าพูดพลางหัวเราะ
“เริ่มเยอะไปแล้ว กูเริ่มจะวางตัวไม่ถูกแล้ว มันชอบทำให้กูเขินเป็นผู้หญิงเลย กูต้องทำไง กูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย”
“มันทำอะไรมึง?”
“มันใช้คำพูดแปลกๆ กูฟังแล้วทำตัวไม่ถูก แถมวันนี้มันพากูไปหาพี่สาวมันด้วย” พระพายว่า
“จริงเหรอ มันมีพี่สาวเหรอ?”
“เออ สวยด้วย หน้าตาไม่เหมือนกันแต่นิสัยดันเหมือนกัน แกล้งกูซะ”
“แกล้งอะไร?” เก้าถาม
“หลอกว่าตัวเองเป็นแฟนน้องชาย กูนี่แทบจะวิ่งหนีออกจากร้าน พอทีหลังมาเฉลย เล่นกับความรู้สึกกูมาก”
“เวรกรรมอะไรของมึงวะพาย โดนทั้งพี่ทั้งน้อง” เก้าส่ายหน้าในความดวงตกของพระพาย
“ใช่ แต่มีประโยคหนึ่งที่กูสะกิดใจ” พระพายพูดพลางนึกขึ้น
“ไหนเล่ามาสิ”
“ก็...กูป้อนขนมมัน แล้วพี่มันพูดว่าอิจฉาบาดตาคนไม่มีแฟน มันก็พูดรีบหาซะสิ” พระพายว่า รู้สึกหน้าร้อนๆขึ้น ไม่อยากคิดไปเองว่าคำพูดนั้นพิธานสื่อว่าเขาเป็นแฟน
“มันพูดแบบนั้นเหรอวะ” เก้าถาม
“ใช่ มึง....กูไม่อยากคิดไปเอง มันพูดแบบนั้นมันแปลว่าอะไรวะ”
“ถ้าฟังแบบไม่คิดเยอะเลย มันก็คงจะบอกพี่มันกลายๆว่ามึงเป็นแฟน” เก้าพูดพลางคิด
“กูก็คิดแบบนั้น แต่กูก็กลัวว่าจะเข้าข้างตัวเองนี่สิ” พระพายว่าอย่างสับสน
“เท่าที่มึงเล่ามา กูว่า ไอ้พิธานก็น่าจะรู้สึกอะไรกับมึงมากกว่าคู่นอนนะ” เก้าพูด
“กูบอกไม่ถูก” พระพายที่ได้ยินอย่างนั้นยิ่งสับสนไปกันใหญ่
“ทำไงดีวะ กูก็อยากรู้ว่ามันคิดอะไรกับมึงกันแน่”
“นี่กูจะเป็นบ้าแล้ว ไม่รู้ทำไมหมู่นี้ทำกูอายตลอดเวลาเลย”
“เพื่อนกู...กลายร่างเป็นสาวเต็มตัว” เก้าว่าพลางหัวเราะ
“มึงก็พูดไปเถอะ ถ้าโดนเองวันไหนแล้วจะรู้สึก”
“คนอย่างกูเหรอ ไม่มีวันเถอะ”
“ใครจะไปรู้ จู่ๆมาวันหนึ่งมึงอาจจะตกสภาพเดียวกับกูก็ได้” พระพายว่า
“ดูปากกูเลย ไม่มีทาง” เก้ายืนยันเสียงหนักแน่น
“กูจะคอยดูวันนั้นก็แล้วกัน”
พระพายพูดพลางมองเก้าที่ยักไหล่ราวกับว่าเรื่องที่พระพายพูดนั้นจะไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้ พระพายถอนหายใจก่อนที่จะหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้ส่งเสียงร้องขึ้นมา พบว่ามีคนโทรเข้าและไม่ใช่ใครอื่น..เป็นพิธานนั่นเอง
“มึง..มันโทรมาว่ะ” พระพายว่าพลางจ้องเก้า
“ก็รับสิวะ”
พระพายรีบรับสายทันทีที่เก้าบอก สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงโหวกเหวกโวยวายของกลุ่มผู้ชายที่เล็ดลอดเข้ามาในสาย ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนๆของพิธานนั่นเอง
“เอ่อ..ว่ายังไง?” นั่นคือคำทักทายแรกของพระพาย
“นายบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าถึงแล้วให้บอก” พิธานว่า
“ที่จริงไม่ต้องโทรมาก็ได้ ส่งข้อความมาก็พอ”
“โทรดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นจะวางเลยไหม?” พระพายถาม โดยที่ได้แต่เขม่นเก้าที่ทำสีหน้าล้อเลียนเขาอยู่ในขณะนี้
“ทำไมรีบวาง?” พิธานถาม
“ก็..คุณอยู่กับเพื่อนๆไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ วันเกิดเพื่อนน่ะ ดันลืมไปซะได้”
“เพื่อนๆเลยโทรมาตามสินะ” พระพายพูด รู้สึกอายยังไงชอบกลที่มายืนคุยโทรศัพท์กับพิธานที่เพิ่งห่างกันไปไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้งคุยต่อหน้าเพื่อนอย่างนี้อีก
“ใช่” จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังเข้ามาในโทรศัพท์
“คุยกับพระพายเหรอวะ?”
“โอ๊ย ไอ้คนติดแฟน”
“ทำไมไม่พามาวะ”
“วันเกิดเพื่อนโว้ย ไม่ใช่มานั่งคุยกับเมีย”
และอีกสารพัดที่ดังเข้ามา ยิ่งทำให้พระพายรู้สึกอายเข้าไปใหญ่ ยิ่งคำว่า “แฟน” หรือ “เมีย” นั่นยิ่งแล้วไปใหญ่ ยิ่งทำให้พระพายหน้าแดงก่ำเข้าไปเรื่อยๆ
“ไว้คุยกันก็ได้นะ ไปอยู่กับเพื่อนเถอะ” พระพายพูดอย่างเกรงใจ
“ไว้คุยกัน นอนได้แล้ว” พิธานบอก
“อืม เดี๋ยวก็นอนแล้วล่ะ”
“ฝันดีนะ” พิธานพูดซึ่งเสียงเบากว่าปกติมากและได้ยินเสียงเพื่อนๆโห่ร้องกันระนาว
“อืม” พระพายว่าก่อนที่จะวางสาย
หลังจากวางสาย พระพายได้แต่อมยิ้มจนแก้มจะแตก ทำไมยิ่งนานวันเข้ายิ่งรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นเด็กสาวที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักเหลือเกิน หรือเพราะคำพูดและท่าทีของพิธานหรือเพราะความรู้สึกที่มากขึ้นทุกวันๆของตนเองกันแน่
“มึงจิกชายเสื้อจะขาดแล้วพาย” เก้าพูดขึ้น ทำให้พระพายชะงักทันที ลืมไปเสียสนิทว่าเก้าอยู่ด้วย
“โทษทีๆ” พระพายว่าก่อนที่จะวางโทรศัพท์มือถือลงข้างๆก่อนจะนั่งลง
“มึงไม่ลองถามมันไปตรงๆเลยล่ะพาย นี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้ว อีกไม่นานเรื่องมันจะจบแล้วนะ”
“นั่นสิ นี่ใกล้จะครบกำหนดแล้วด้วย” พระพายเพิ่งนึกขึ้นได้
“กูไม่กล้าถามหรอก กูกลัวคำตอบ” พระพายพูดพลางหน้านิ่งไป ความรู้สึกสีชมพูอมม่วงเมื่อครู่นี้ค่อยๆละลายหายไป
“เวลาเจอกัน มันไม่ถามมึงบ้างเลยเหรอ เรื่องพวกความรู้สึกหรืออะไรน่ะ?” เก้าถาม
“มีนะมึง ชอบถามว่ากูชอบใคร เคยถามด้วยว่ากูเคยคิดจะรักมันไหม” พระพายตอบพลางนึกถึงเรื่องที่พิธานเคยถามมากกว่าหนึ่งครั้ง
“กูว่ามันคิดนะ แต่คิดอะไรนั่นอีกเรื่อง”
“ไม่รู้สิมึง กูก็ดูไม่ออกแต่รู้สึกถึงเวลามันมอง สายตาเปลี่ยนไป คำพูด หรือเวลาจับตัวกู มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนตอนแรกๆ” พระพายว่า
“เอาอย่างนี้นะมึงเจอกันรอบหน้า ถามตรงๆไปเลย” เก้าแนะนำ
“จะให้กูถามว่ายังไง?” พระพายถามกลับด้วยสีหน้าที่ดูจะหนักใจ
“ถามว่าคิดกันยังไง รู้สึกยังไง”
“จะบ้ารึไง ยากจะตายชัก ใครจะกล้าถาม” พระพายส่ายหน้าทันที
“ถ้ามึงไม่ถามตอนนี้จะถามชาติหน้ารึไง” เก้าว่า
“มันง่ายเสียที่ไหน นั่นพิธานนะ ไม่ใช่คนปกติที่จะถามตรงๆแบบนั้นได้” พระพายว่าอย่างไม่เห็นด้วย
“มึงต้องถามแล้วพาย ถ้ารอถามตอนครบเวลาตามที่ตกลง มันอาจจะเป็นอีกเรื่องก็ได้นะ”
“โอ๊ยมึง กูทำไม่ได้” พระพายขยี้ผมอย่างหาทางออกไม่ได้
“มึงทำได้ ถ้ามึงคิดจะทำเสียอย่าง ไม่รู้แหละ รอบหน้ากูเจอมึงต้องมีคำตอบของไอ้พิธานให้กูแล้ว” เก้ามัดมือชกโดยไม่เปิดโอกาสให้พระพายปฏิเสธได้
“มึง กูคงทำไม่ได้” พระพายว่าพลางมองหน้าเก้าด้วยสายตาอ้อนวอนว่าไม่อยากทำในสิ่งที่เก้าบอก
“แล้วมึงจะขอบคุณกู ที่กูให้มึงถามมันแบบนั้น” เก้าบอกเท่านั้นก่อนจะตบไหล่พระพาย
“คืนนี้กูนอนนี่ก็แล้วกัน ขี้เกียจกลับห้องแล้ว”
“เอาเสื้อผ้ามาไหม?” พระพายถาม
“เอามาๆ” เก้าว่าก่อนจะชี้ไปยังกระเป๋าเป้ที่วางอยู่ไม่ไกล
“ถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำก่อนเถอะ” พระพายบอก
“ไม่เอา มึงไปอาบก่อน” เก้าว่า
“เออๆ ก็ได้” กลับกลายเป็นพระพายที่ต้องไปอาบน้ำก่อนทั้งๆที่เป็นคนสั่งให้เก้าไปก่อนแท้ๆ
พระพายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมปิดประตูลง เก้าที่ครุ่นคิดขึ้นได้ว่าเรื่องนี้เขาอาจจะช่วยได้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือส่งข้อความหาไคทันที ทักทายไปคำแรกว่าทำอะไรอยู่ และเพียงไม่ถึงสิบวินาทีไคก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่ากำลังอยู่ในปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อน เก้าจึงถามว่าสะดวกคุยไหม เพียงเท่านั้นไคก็โทรเข้ามาทันที
“คิดถึงเหรอ?” คำแรกที่ไคส่งผ่านสายมา เสียงที่ดังรอบๆข้างไคบ่งบอกว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังอยู่ในงานเลี้ยงหรืออะไรสักอย่าง
“คิดถึงพ่อมึงมากกว่า” เก้ากรอกตาอย่างหน่ายใจก่อนพูด
“อ้าว คิดถึงพ่อแฟนก่อนแฟนได้ไง?”
“เลิกเล่นได้แล้วไอ้ไค” เพียงแค่ไม่กี่คำของไคที่ได้ยิน เก้าก็เริ่มหัวเสียแล้ว
“มีอะไรรึเปล่า” ไคเริ่มถามอย่างไม่เป็นเล่น
“กูมีเรื่องจะถามมึง เรื่องไอ้พิธานเพื่อนมึง” ไคที่ได้ยินอย่างนั้นจึงรีบหลบออกจากกลุ่มเพื่อนๆทันทีและเดินออกไปข้างนอกแทน
“พิธาน...มีอะไรเหรอ?” ไคถาม
“มันมีแฟนอยู่รึเปล่า?”
“เอ๊ะ...ไม่นะ” ไคตอบ
“ไม่ได้โกหกหรือปิดบังใช่ไหม?” เก้ายังคงไล่ถาม
“ไม่โกหกหรอก พิธานไม่มีใครทั้งนั้น” ไคเองก็ยืนยันในความจริงนั้น
“แล้ว...มันไปนอนกับคนอื่นนอกเหนือจากเพื่อนกูรึเปล่า?” เก้าค่อยๆถามลึกขึ้นเรื่อยๆ
“ทำไมถึงอยากรู้?” ไคถามกลับบ้าง
“มึงเป็นเพื่อนมัน กูเชื่อว่ามึงรู้ทุกเรื่อง”
“แล้วถ้าตอบคำถามจะได้อะไรตอบแทนล่ะ?” เก้าเงียบหลังจากประโยคนั้นของไค
“มึงจะเอาอะไร?” ในใจนั้นคิดว่าไคคงไม่ขออะไรไปมากกว่าการทำคะแนนในการจีบ
“ไปเดทกัน” ไคบอก
“เดทที่แปลว่าไปกินข้าวดูหนังน่ะเหรอ” เก้าถาม
“ใช่ แต่ตกลงกันก่อนถึงจะตอบคำถาม” ไคไม่ยอมเสียโอกาสนี้เด็ดขาด
“ถ้าอย่างนั้นทุกคำถามของกูต้องได้คำตอบครบแล้วเป็นความจริง กูถึงจะตกลง” เก้าเองก็ใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ไม่ต่างกัน
“สัญญาว่าจะตอบแต่ความจริงและทุกคำถาม” ไคพูด
“ได้ ตอนนี้พิธานมันมีใครนอกเหนือจากเพื่อนกูรึเปล่า?”
“เท่าที่เห็นก็ไม่มี ตอนนี้พิธานมีแต่พระพายคนเดียว” ไคตอบ
“แล้วมึงคิดว่าพิธานมันคิดอะไรกับพายนอกเหนือจากที่ตกลงกันรึเปล่า?”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?” ไคถามกลับ
“มึงมีหน้าที่ตอบนะไค” เก้าแหวขึ้น
“แต่มันยากนะ ใช่ว่าจะรู้ความรู้สึกของเพื่อนทุกอย่างนี่”
“แต่ทำไมกูรู้ว่าเพื่อนกูรู้สึกอะไรยังไงกับใครล่ะ?”
“นั่นเพราะพระพายเปิดใจกับนายไง แต่ของฉันพิธานไม่ใช่คนแบบนั้น ทุกอย่างต้องคอยมองแบบตั้งใจหรือเวลาเจ้าตัวเผลอถึงจะรับรู้ได้” ไคบอก
“กูต้องการคำตอบ” เก้ายืนยันพลางมองไปยังประตูห้องน้ำเพราะกลัวพระพายจะเปิดออกมาแล้วได้ยิน
“พระพาย...หลงรักพิธานใช่ไหม?” ไคพูดขึ้นมา เก้าเงียบไปก่อนจะพูดต่อ
“จะเหลือเหรอ เพื่อนกูตกหลุมไปเต็มเปาเลย” เก้าเลือกที่จะพูดกับไคตรงๆ
“เอาจริงๆ เท่าที่เห็นพิธานก็น่าจะรู้สึกอะไรอยู่บ้างนะ เพราะเมื่อกี้ตอนคุยกับพระพาย พิธานดูมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก” ไคพูดพลางนึกถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ที่พิธานโทรหาพระพาย
“กูไม่อยากให้เพื่อนกูเสียใจ แค่เรื่องที่มันต้องเจอก็หนักเกินพอแล้ว”
“จะต้องทำยังไงล่ะ เรื่องความรักเราบังคับใครไม่ได้หรอกนะ”
“กูรู้ไค นี่ก็กำลังคิดไง” เก้าว่า
“อยากเป็นพ่อสื่อให้เพื่อนเหรอ?” ไคถามพลางกลั้วหัวเราะ
“กูไม่ได้อยากเป็นพ่อสื่อ แต่กูอยากให้เพื่อนสมหวังและมึงต้องช่วยกู” เก้าว่า
“จะให้ช่วยยังไง พิธานไม่ใช่คนทั่วไปที่จะตามเกมไม่ทันหรอกนะ” ไคพูดเชิงเตือน
“จะให้ทำยังไงล่ะ ในเมื่อเพื่อนกูชอบเพื่อนมึงไปแล้วและเพื่อนมึงเองก็เหมือนจะรู้สึกอะไรกับเพื่อนกูเหมือนกัน”
“พูดแบบนี้คือต้องช่วยสินะ” ไคว่าอย่างเข้าใจในคำพูดของเก้าที่เริ่มพูดมาตั้งแต่ต้น
“ใช่ มึงต้องช่วยกู” เก้าบอก
“ถ้าอย่างนั้นต้องมากกว่าการไปเดทแล้วละนะ”
“อะไรของมึง นี่ก็เป็นหนึ่งในคำถามที่มึงต้องตอบ กูถามว่าช่วยกูไหมและมึงก็ตอบว่าช่วย” เก้าเริ่มหัวหมอ
“ไม่ต้องมาเล่นตุกติกเลย นี่มันมากกว่าคำถามแต่กลายเป็นการร่วมมือแล้วนะ” ไคดักทาง เก้าเดาะลิ้นที่ไคดันรู้ทันเสียได้
“เออๆ มึงจะเอาอะไรว่ามา แต่ถ้าเกินกำลังกูไม่เอานะ” เก้าว่า
“ไปเที่ยวแบบค้างคืนเป็นไง?” ไคเสนอมา
“ไปค้างคืนกับมึงน่ะเหรอ มึงคิดจะทำอะไรกูสินะ” เก้ากัดฟันพูดอย่างคนของขึ้น
“ไม่ทำหรอก ถ้าไม่สมยอม สรุปจะตกลงไหมล่ะ แค่คืนเดียวเอง อีกอย่างจะได้ชวนพิธานกับพระพายไปด้วยไง จะได้เริ่มแผนไปเลย” ไคเสนอข้อคิดเห็นที่น่าสนใจทีเดียว แต่เก้าก็หวั่นใจว่าไคคิดจะทำอะไรนอกเหนือกว่านี้หรือไม่
“ถ้ามึงเล่นอะไรแผลงๆกับกูล่ะมึงได้เจอตีนกูแน่” เก้ารีบขู่แต่เนิ่นๆ
“บอกแล้วว่าไม่ทำหรอก แต่ถ้านายให้ทำก็อีกเรื่อง” ไคว่า
“ไม่มาทางซะหรอก เออๆ กูตกลงก็ได้” ในที่สุดเก้าก็ต้องตกลง
“ดี เดี๋ยวจะนัดอีกที เพราะอาทิตย์ที่จะถึงนี่ก็วันหยุดนี่ใช่ไหม”
“ใช่ ได้หยุดยาวสองวัน” เก้าพูดพร้อมนึกถึงตารางวันหยุดที่จำได้แม่นตามประสามนุษย์ออฟฟิศ
“เดี๋ยวจะโทรไปล่ะกัน เตรียมตัวไว้ด้วย”
“เออ” เก้าทำท่าจะวางแต่ไคก็รีบส่งเสียงร้องขึ้น
“เดี๋ยวๆอย่าเพิ่งวาง”
“อะไรของมึงอีก นี่พระพายมันอาบน้ำเสร็จแล้วนะ” เก้าพูดเสียงเบาเพราะตอนนี้เสียงฝักบัวหยุดไปแล้ว
“บอกฝันดีก่อนเร็ว” ไคว่า
“ฝันดีบ้านน้ามึงสิ มึงไปกินเหล้าไม่ได้เข้านอนนี่” เก้าว่า ตอนนี้พระพายเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว พลางหรี่ตามองเก้าที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“ถ้าอย่างนั้นไม่ยอมวางนะ” ไคว่า เก้าเริ่มหงุดหงิดและพระพายก็เริ่มจ้องมองอย่างอยากรู้ว่าเพื่อนคุยกับใคร
“ฝันดี” เก้าว่า
“ขอเพราะๆ” ไคยังคงไม่ยอม เก้าเองก็เริ่มใจคอไม่ดีเพราะพระพายเดินมานั่งข้างแล้ว จึงยอมทำตามเพื่อให้เสร็จๆไป
“ฝันดีครับ” เก้าพูดเสียงเบา พระพายที่ยังคงนุ่งผ้าเช็ดตัวและนั่งอยู่ข้างๆถึงกับแอบยิ้ม
“ดีใจจัง ยอมวางแล้วก็ได้” ไคพูด เก้ารีบตัดสายทิ้งทันที เพราะรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องมาพูดจาหวานๆเช่นนี้
“เอ๊ะๆ ฝันดีครับ นี่บอกใคร?” พระพายถามทันทีที่วางสาย
“เพื่อน” เก้าว่าพลางทำทีเปิดทีวีดู
“ใช่เหรอ กูไม่เคยได้ยินมึงพูดกับเพื่อนคนไหนแบบนี่นะ” พระพายยังคงถามด้วยใบหน้าทะเล้น
“โอ๊ย มึงนี่เซ้าซี้จัง” เก้ารีบกลบเกลื่อน
“ทีของกูยังบอกมึงได้เลย แต่ทำไมมึงไม่ยอมบอกกูล่ะ” พระพายว่า
“ก็...ก็มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” เก้าพูด
“แต่ท่าทางมึงไม่ใช่เลยนะเก้า ไอ้ท่าทางลุกลี้ลุกลนของมึงนี่มันแปลกๆ” พระพายยังคงจับสังเกต
“กูดูแปลกๆเหรอ?” เก้าถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าตนแสดงท่าทางเช่นนั้นออกไป
“ใช่ มึงไม่รู้ตัวหรอก แต่กูรู้สึกมาพักหนึ่งแล้ว มึงดูเปลี่ยนไป เหมือนเห็นมึงในมุมที่กูไม่เคยเห็นมาก่อน” พระพายอธิบายสิ่งที่รู้เห็นในตัวเก้า
“กูก็เป็นแบบนี้มาตลอดแหละ” เก้าไม่เชื่อในคำพูดของพระพาย
“จริงๆนะ ถึงเมื่อก่อนมึงจะกุ๊กกิ๊กกับหญิงไปเรื่อย แต่มึงไม่เคยทำท่าแบบนี้มาก่อน กูรู้สึกว่ามึงเปลี่ยนไป...คนนี้จริงจังเหรอ?” พระพายถาม
“มะ...ไม่หรอก เขา...เขาบุกหากูก่อน” เก้าอ้อมแอ้มตอบ
“เขารุกมึงเหรอ ว้าว ดูร้อนแรงจัง” พระพายพูดพลางยิ้ม
“แต่ไม่หรอกกูไม่ชอบ” เก้าตอบพลางเบือนหน้าไปมองทางอื่น
“ก็ไม่แน่ โดนรุกหนักๆเข้าอาจจะใจอ่อนก็ได้นะ”
“กูคิดว่าไม่” เก้ายืนยันเสียงแข็ง
“เอาเป็นว่า ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงก็บอกกูนะ” พระพายสำทับอย่างไม่เซ้าซี้เพื่อนไปมากกว่านี้
“ถ้ามีเมื่อไหร่กูบอกเองแหละ” เก้าบอกพลางมองหน้าพระพาย
“เอาเถอะ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกกูล่ะกัน อยากรู้สาวไหนมาตกหลุมรักเพื่อนกูนะ” คำพูดของพระพายทำให้เก้าชะงัก...จะบอกได้อย่างไรว่าใครคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิง
“มึงก็ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นทำงานแต่เช้าอีก” พระพายว่า
“เออ รู้แล้ว..นี่มึง วันหยุดสองวันติดที่จะถึงไปเที่ยวกันไหม?” เก้าเริ่มชวน
“เอาสิ ไปไหนดี” พระพายตอบตกลง
“เดี๋ยวกูบอกอีกที แต่กูจองตัวมึงแล้วนะ ห้ามเบี้ยวกูอีกล่ะ” เก้าชี้หน้าเป็นการเตือน
“แน่นอนๆคราวนี้ไม่เบี้ยว” พระพายชูสามนิ้วเป็นการรักษาสัญญา
“ดี กูไปอาบน้ำก่อนล่ะกัน”
เก้าใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก จากนั้นทั้งสองก็มานอนบนเตียงคุยกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนที่จะค่อยๆหลับกันไปเพื่อพักผ่อนเอาแรงพร้อมจะทำงานในวันรุ่งขึ้นต่อไป...
Lyrics : Crush By David Archuleta