## เรื่อง “เรื่องของเค้ากะแก” ๑๓ ##
มาลงให้อีกตอนนะ................... มาต่อกันเลย
ตอนนี้แหละ............ได้เคลียร์กันให้รู้เรื่องซะที
*******************************************************************
แม้ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นจะผ่านมาแล้วหลายวัน..... แต่สำหรับเราภาพในวันนั้นยังคงชัดเจนอยู่และมันก็ทำให้เราหลับทั้งน้ำตาในเกือบทุกๆคืน..................
ถึงแม้ว่าเราจะอยากรู้เหลือเกินว่าภาพที่เห็นในวันนั้นมันหมายความว่าอย่างไร?? แต่เราก็เลือกที่จะไม่ถามภีมเพราะยังมีความเชื่ออยู่เล็กๆว่า....... มันต้องไม่มีอะไรเค้าอาจจะเป็นแค่เพื่อนกัน...
ทุกๆวันที่มารร.เราพยายามที่จะทำตัวร่าเริงสนุกสนานอยู่กับเพื่อนๆ .... ด้วยความที่เราเป็นคนสนุกสนานและมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆอยู่เสมอ เมื่อไหร่ที่เราดูเงียบเหงาลงก็คงไม่ยากที่เพื่อนๆจะจับผิดได้...ว่าเราต้องมีเรื่องไม่สบายใจ.....
มันอึดอัดนะที่เวลาเราคบกับใครแล้วบอกให้คนอื่นรู้ไม่ได้.... มีปัญหาก็ปรึกษาใครไม่ได้ ในเวลาที่เราเห็นเค้าอยู่กับคนอื่นเราอยากจะแสดงความหึงหวงแล้วบอกให้คนอื่นรู้ว่า “คนนี้เค้าเป็นแฟนฉัน” เราก็ทำไม่ได้...ต้องพยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้.........
ในช่วงนั้นยังดีที่มีละครเวทีเรามีงานที่ต้องคิดต้องทำอีกเยอะ.... มันก็ช่วยให้เราลืมเรื่องไม่สบายใจเหล่านั้นได้บ้าง แต่มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาที่ทำงานยุ่งๆเท่านั้นที่เราจะลืมคิดได้..... เพราะเวลาที่เหลือก็มักจะถูกใช้ไปในการคิดเรื่องเศร้าๆนั้นอีก.... ยิ่งเป็นช่วงก่อนนอนเมื่อหัวถึงหมอนแต่นอนไม่หลับเมื่อไหร่เราก็ต้องนึกถึงมันอีก แล้วสุดท้าย...เราก็นอนหลับทั้งน้ำตา......
เวลาที่อยู่ในห้องเราก็จะคอยมองภีมอยู่เสมอ... ว่าภีมกะกิ๊บเป็นไงบ้าง แต่มันก็เหมือนเดิมทุกครั้งก็คือ...เมื่อถึงเวลาว่างเมื่อไหร่.....ไอ้โอ๊ตก็มักจะลุกไปที่อื่นแล้วคนที่มานั่งแทนที่ไอ้โอ๊ตก็คือ “กิ๊บ” แล้วกิ๊บกะภีมก็จะพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
เมื่องานละครผ่านไป..... เราก็ตั้งใจว่าจะถามภีมเรื่องกิ๊บให้รู้เรื่องว่า... ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่?? แล้วความสัมพันธ์ของเราล่ะ????...มันยังเหมือนเดิมอยู่รึเปล่า???
หลังเลิกเรียน...วันนั้นเป็นวันที่เราบอกภีมว่ามีเรื่องจะคุยด้วยแล้วขอร้องให้โดดเรียนพิเศษไปกัน.. แล้วนัดเจอกันที่โต๊ะหินอ่อนหน้าอาคารวิทยาศาสตร์
พอดีวันนั้นเราเป็นเวรทำความสะอาดห้องพอดีเราก็เลยกะว่าจะรีบทำเวรแล้วไปคุยกะภีมตามเวลาที่นัด ซึ่งก็เหลือเวลาอีกครึ่งชม. เราซึ่งมีหน้าที่ยกเก้าอี้และปิดหน้าต่างพอเราทำเสร็จก็เห็นว่ากระดานดำยังไม่มีใครเช็ดเพราะเพื่อนที่เหลือก็ช่วยกันกวาดห้องและเก็บขยะกันอยู่ ด้วยความรีบและงานยังไม่เสร็จเราก็เลยรีบเอาผ้าเช็ดกระดานไปชุบน้ำซึ่งต้องเดินลงไปชุบที่ห้องน้ำด้านล่างของตึกซึ่งต้องเดินผ่านห้องคอมพิวเตอร์ด้วย
ตอนที่เราเดินกำลังจะถึงหน้าห้องคอมเราก็เห็นภีมนั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องคอม ก็รู้สึกแปลกใจ......ว่าทำไมภีมมาอยู่ที่นี่หรือว่าจะมาทำงานในห้องคอม แต่ท่าทีภีมดูเหมือนกำลังรอใครอยู่... เราก็เลยแอบดูอยู่ข้างต้นเสาแล้วภาพที่เห็นก็คือ..... กิ๊บเดินออกมาจากห้องคอมเพื่อมาหาภีมแล้วเราก็เห็นภีมยื่นพวงกุญแจตุ๊กตาหมีให้กิ๊บ ซึ่งพวงกุญแจอันนั้นเราเป็นคนซื้อให้ภีมเอง
เราน้ำตาไหลขึ้นมาทันที..... ทำอะไรไม่ถูกเลยอยากจะเดินออกไปให้ไกลๆแต่ตอนนั้นขาไม่มีแรงเลย.. พอเราหันหลังเดินกลับ... เราก็พบกับเพื่อนผู้ชายในห้องกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ด้านหลังเรา พวกมันก็ตกใจที่เห็นเราร้องไห้ เราก็เลยออกแรงเท่าที่มีวิ่งไปให้เร็วที่สุด พวกมันก็ตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วงแต่เราก็ไม่สนใจ
เรารีบวิ่งกลับไปที่ห้องพอคว้ากระเป๋าได้ก็รีบวิ่งไปที่รถแล้วบึ่งรถกลับบ้านทันที เรานอนห้องไห้อยู่จนค่ำพ่อก็เลยมาตามให้ไปกินข้าว พอพ่อเข้ามาเห็นเราร้องไห้พ่อก็ตกใจเราก็เลยโกหกพ่อว่าปวดหัวมากก็เลยน้ำตาไหล พ่อก็ดูออกว่าเราโกหกแต่ท่านก็ไม่ว่าอะไรแค่ให้เราไปอาบน้ำกินข้าวกินยาแล้วนอนซะ.... เราก็ทำตามอย่างว่าง่าย.... แต่ไอ้สิ่งที่ไม่ง่ายเลยก็คือการข่มตาให้หลับ....
สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น... แล้วพ่อก็เดินไปรับเราก็นอนฟังเสียงพ่อคุยโทรศัพท์
“ฮัลโหลครับ......” “ปอหลับไปแล้ว...” “มีไรค่อยคุยกะปอวันอื่นนะ”
แล้วเสียงพ่อก็เงียบลง แล้วพ่อก็เดินเข้ามาหาเราในห้องแล้วก็พูดกับเราว่า
“ที่ปอเป็นแบบนี้....เพราะมีปัญหากับคนที่เพิ่งทามาใช่มั้ย???” เราก็พยักหน้ารับ แล้วพ่อก็พูดอีกว่า
“พ่อเลี้ยงลูกมาแบบที่ให้ลูกมีอิสระที่จะคิดเองทำอะไรเอง..... ลูกจะได้เรียนรู้ว่าอะไรที่ทำแล้วมันดี/ไม่ดี มันเป็นยังไง โดยพ่อจะยืนดูอยู่ห่างๆ ” เราก็พยักหน้ารับ แล้วพ่อก็พูดอีกพร้อมกับเอามือมาลูบหัวเราว่า...
“ครั้งนี้พ่อก็จะไม่บังคับปอ...ว่าปอต้องทำยังไง.... แต่พ่ออยากบอกปอจำคำพ่อไว้อย่างนึงว่า สิ่งใดก็ตามที่มันจะเป็นของเรา... ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นของเราวันยันค่ำ แต่ถ้ามันไม่ใช่..ต่อให้เราดิ้นรนยังไง.... มันก็ไม่มีทางเป็นของเราได้ แม้ว่าสิ่งนั้นมันคือความรักก็เถอะ.... ปอนอนเถอะนะ ”
คำพูดของพ่อช่วยเราได้เยอะเลยทำให้เราคิดอะไรได้มากขึ้น เข้าใจสัจธรรมของความเป็นคนมากขึ้น..................... ทำให้เราหันกลับมามองตัวเองแล้วทบทวนสิ่งที่ผ่านมา เมื่อก่อนที่เราแอบรักจนวันนึงเราได้รับรักตอบมันทำให้เรารู้สึกดีมาก แต่เมื่อเรามองตัวเองมองภีมมองกิ๊บ...... เราก็คิดได้ว่าโลกนี้เค้าสร้างผู้หญิงกับผู้ชายมาให้คู่กัน เป็นของกันและกันเรามันก็แค่คนผิดเพศคนนึงที่ไขว่คว้าและดิ้นรนเพื่อมีรักทั้งๆที่มันไม่ใช่ของๆเรา....
สักวันสิ่งที่มันคู่กันก็ต้องหากันจนเจอ...................
*******************************************************************
รุ่งเช้าเราตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่สดชื่นนัก แม้ว่าการที่เราเข้าใจทุกอย่างแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เสียใจถ้าต้องเสียสิ่งที่รักไป เราอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกไปรร.เช่นเคย เราสัญญากับตัวเองว่าเราจะไม่ร้องไห้อีก ยังไงเราก็รักภีมไปแล้วเราก็ขอรักภีมต่อไปไม่ว่าภีมจะมีใครก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาไม่นานนักที่เรากะภีมได้คบกันแต่เวลาสั้นๆเหล่านั้นมันก็ช่วยเป็นกำลังใจให้เราได้ทุกครั้งในเวลาที่เรารู้สึกท้อแท้หรือหมดกำลังใจ.....
เมื่อเราเดินเข้ามาในห้องก็รู้สึกว่า..................
ทำไมวันนี้เพื่อนๆในห้องมองเราแปลกๆ รู้สึกว่ามันจะคอยมองเราตลอดว่าเราทำอะไรเดินไปไหนหรือคุยกะใคร จนเพื่อนผู้หญิงและกระเทยในกลุ่มเรียกเราไปคุยด้วย พวกมันก็ถามเราว่า..............
“ปอ...... แกแอบชอบภีมเหรอ” งงอ่ะดิ ????? นี่มันรู้กันได้ไงเนี่ย??? แล้วมันรู้ไรกันมาบ้าง???
“ทะ....ทาม มะ..ไม่เหรอ” เราถามด้วยความตกใจ แล้วบัวก็พูดขึ้นว่า
“ก็พวกไอ้นพนะสิ .... มันบอกว่า..พวกมันเห็นแกวิ่งร้องไห้มาหลังจากที่เห็นภีมกะกิ๊บแอบสวีทกัน”
“...................” เอ๋อออไปเลย พูดไรไม่ออก
“แกอย่าเงียบดิ!!!” เสียงนิดดุ (เราไม่ได้อยากเงียบนะ...แต่แค่พูดไรไม่ออก )
“โอ๊ย!!!!!!! ... งงไปหมดแล้วเนี่ย ... ว่าตกลงมันเป็นไง??? แกยังไงกะภีม??? แล้วภีมกะกิ๊บนี่ยังไงกัน???” เสียงฝนพูดขึ้นด้วยความงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
".............." เราก็ยังคงเงียบ ยิ่งทำให้เพื่อนๆรู้สึกเป็นห่วงไปกันใหญ่
"แกจะมามัวเงียบแบบนี้อยู่ไม่ได้นะ..... แกรู้มั้ย?? ว่าตอนนี้.... เรื่องรักสามเศร้าของแกนี่...เค้ารู้กันทั้งห้องแล้วนะ" บัวพูดขึ้น
"ปอ... พวกเราเป็นเพื่อนแกนะ... แกมีอะไรทำไมแกมองข้ามพวกเราว้ะ.... เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนนะ" ต๊ะพูด
"ก็แล้วจะให้เราอะไรล่ะ....." ตอนนั้นรู้สึกสับสนไปหมด ว่ามันยังไง
"มีอะไรก็เล่ามาทั้งหมดนั่นแหละ .." อันนี้นิดพูด
"ก็คือว่า..........." แล้วเราก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนๆฟัง ว่าเราเริ่มชอบภีมตั้งแต่ตอนไหน แล้วระหว่างเรากับภีมเป็นไงบ้างแต่เราก็ไม่ได้บอกเพื่อนๆหรอกนะ ว่าเราคบกันเป็นแฟนเพราะเราเคยสัญญากันไว้แล้วอีกอย่างตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเรากะภีมยังเป็นแฟนกันอยู่รึเปล่า??
พอเพื่อนๆได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากเราซึ่งรวมถึงเรื่องที่เราเห็นภีมกะกิ๊บอยู่ด้วยกันด้วย เพื่อนก็เลยบอกว่าให้เราถามภีมไปเลยว่ามันเป็นยังไงแต่ถึงเพื่อนๆไม่บอกให้ถามแต่สถานการณ์มันเป็นแบบนี้แล้ว เราเองก็คิดอยู่แล้วว่าจะถามภีมให้รู้เรื่อง............
ยังเป็นโชคดีที่เรามีเพื่อนที่ดี..... เพื่อนที่คอยอยู่ข้างๆเราเข้าใจเรา.... คอยช่วยเหลือคอยให้กำลังใจเรา มันก็ช่วยให้เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้น เบาบางลงได้บ้าง
การเรียนวันนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า เป็นวันที่น่าเบื่อมากๆสำหรับเรา เรียนก็เรียนไม่รู้เรื่องสมองมันเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว...........
ภีมก็ดูเหมือนจะห่างๆออกไปจากกลุ่มไม่ค่อยมานั่งคุยกับเพื่อนในกลุ่มเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ถ้าว่างภีมก็จะนั่งอยู่กับที่แล้วก็จะนั่งคุยกะกิ๊บตลอด มันยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่ไปกันใหญ่ แต่มันก็คงไม่แปลกเพราะเพื่อนในห้องเข้าใจว่าเราชอบภีม ภีมมันก็เลยทำตัวห่างเหินกับเรามันคงกลัวว่าถ้ามันยังคุยเล่นกับเราเหมือนเดิมคนอื่นๆจะคิดว่า...เรากะมันคบกัน
หลังจากเลิกเรียน...... หลังจากเรียนพิเศษเสร็จแล้วกลับมาบ้านเราก็โทรหาภีมทันที
"เออ....ปอว่าไง" ภีมก็ถามทั้งๆที่รู้ว่าเราจะโทรมาคุยเรื่องอะไร
"ภีมก็น่าจะรู้"
"อืม....ปอก็ว่ามาสิ"
จากนั้นเราก็คุยกะภีมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดรวมถึงภาพที่เราเห็นในวันนั้นด้วย......................
สำหรับเรื่องกิ๊บ...ภีมบอกว่าภีมกับกิ๊บไม่ได้คบกันยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่.... เพียงแต่ว่ากิ๊บบอกภีมว่ากิ๊บชอบภีม...จะขอคบกับภีม ภีมก็ไม่กล้าบอกกิ๊บว่าภีมมีแฟนแล้วคือเรา ภีมก็เลยบอกกิ๊บว่า...ยังไม่มีแฟน ระหว่างกิ๊บกับภีมก็ให้ดูๆกันไปก่อน แต่ยังไงภีมก็ไม่คบกับกิ๊บหรอกเพราะภีมมีปอแล้ว ตอนนั้นมันทำให้เราอึดอัดมาก การที่เราต้องแอบคบกะภีมมันทำให้ภีมทำตัวลำบากขนาดนี้เลยเหรอ???
เราก็เลยบอกภีมว่า...เรื่องระหว่างน่ะ..ช่างมันเหอะ ตอนนี้เพื่อนๆในห้องต่างก็เข้าใจว่าเราแอบชอบภีมก็ยิ่งทำให้ภีมทำตัวไม่ถูกแล้วอีกอย่างกิ๊บก็ชอบภีมอยู่ ระหว่างเรากะภีมก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเถอะ.... เพราะยังไงภีมก็เป็นผู้ชาย..มันคงไม่ดีกับภีมแน่ถ้าใครๆรู้ว่าเราคบกัน ภีมก็ลองเปิดใจให้กับกิ๊บดูเหอะ..... แต่สำหรับปอแล้ว...ปอรักภีมไปแล้วปอก็จะขอรักภีมต่อไป....
*******************************************************************
หลังจากวันนั้นมา......ระหว่างเรากะภีมก็ไม่มีอะไรต่อกันมากนัก เราคุยกะภีมน้อยลงจากเดิมที่โทรไปคุยทุกวัน...ก็เปลี่ยนมาเป็น สามวันครั้งนึง เวลาอยู่รร.ช่วงแรกๆที่เพื่อนๆรู้กัน ภีมก็ทำตัวห่างๆจากเรา........ เราก็เข้าใจอ่ะนะ
แต่พอหลังจากนั้น....เราก็คุยกันเป็นเพื่อนเหมือนเดิม แล้วภีมก็บอกเราว่า..ภีมกะกิ๊บก็ไม่ได้คบกัน... เพราะภีมคิดกับกิ๊บแค่เพื่อน.................
ส่วนเรื่องของเรากะภีมก็ขอให้เราดูกันไปก่อนได้มั้ย ??? เราอาจจะไม่ต้องใช้คำว่าแฟน .. เราไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน .. แค่เราเป็นห่วงกันคอยช่วยเหลือดูแลกัน แต่สถานะภาพภายนอกก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เราไม่ต้องปิดกั้นตัวเองถ้ามีใครที่ตัวเองพอใจก็ไปคบกับคนนั้นได้ เพื่อดูว่า... ระหว่างเรา..มันสมควรเป็นแบบไหน???
เราไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน......................
เราอาจจะเป็นมากกว่าเพื่อน แต่เราก็ไม่ได้เป็นแฟนกัน.........
นี่คือ... คำนิยามความสัมพันธ์ของเราสองคน
*********************************************************************
หลังจากวันนั้นเรามาก็ดีกับภีมเหมือนเดิม...... อ้อ.. ไม่สิ.. เราดีกับภีมมากขึ้น เพราะว่ามันก็ไม่ได้ลำบากอะไรที่เราจะดีกับคนที่เรารัก... เราทำมันด้วยความเต็มใจ
เราไม่อยากจะเสียเวลาไปเปล่าๆ เราอยากให้ทุกวันที่ผ่านไปเราได้ทำดีกับภีมอย่างที่อยากทำ เพราะถ้าวันนึงมันมีอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงไป...... เราจะได้ไม่มานั่งเสียใจ เพราะเราได้ดูแลคนที่รักอย่างดีที่สุดแล้ว
“เราไม่มองว่า..วันนี้ภีมทำอะไรให้เรา แต่เราจะมองว่าวันนี้เราทำไรให้ภีมรึยัง”
#################################################################
ตอนนี้มันอาจตึงๆหน่อยนะ............. เพราะมันมีอะไรเกิดขึ้นเยอะมาก....
บางคำพูดบางประโยคที่เราคิดและทำในตอนนั้น.... มันอาจจะดูเวอร์ๆไปหน่อย..
แต่มันก็เพราะความรักอะน่ะ.... บางทีความรักมันก็ทำให้เราคิด...เราทำ.. อะไรบางอย่างที่มันดูงี่เง้ากับคนรอบข้าง
ขอบคุณ...... คุณผู้อ่านทุกคนที่ยังอยู่เป็นกำลังใจ... และคอยติดตามเรื่องของเรา
เราจะตอบแทนด้วยการขยันๆมาลงให้อ่านกันก็แล้วกันนะ..................................
เจอกันใหม่ตอนหน้า