ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เมืองไทยถึงสามเดือน แต่เส้นทางการขับรถไปขอนแก่นยังคงเป็นเสื้นทางเดิม ชายหนุ่มขับรถด้วยความเร็วสูง โดยที่จุดหมายปลายทางมีเพียงที่เดียวคือ..วัดใหญ่ในหมู่บ้านที่เด็กหนุ่มบวชเมื่อหกเดือนก่อน...พศวัตจอดรถที่หน้าวัดเมื่อเวลาเกือบตีสี่ หลังจากที่แวะซื้อของใส่บาตรที่ร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมงในปั๊มน้ำมันใหญ่ที่เขาแวะพักผ่อนเมื่อครู่
ในถุงพลาสติกที่ซื้ออกมาจากร้านมีทั้ง ฮอทดอกไส้ชีสที่อีกฝ่ายเคยบอกว่าชอบนักหนา พศวัตใส่ซอสลงมาให้เต็มพิกัด เพราะจำได้ว่าเด็กหนุ่มชอบใส่ซอสเยอะๆ นอกจากนั้นยังมีขนมปัง และแกงเขียวหวานแช่แข็งที่ขอให้อุ่นเสียจนร้อนมาให้อีกด้วย ชายหนุ่มยิ้มให้กับของในถุงที่วางอยู่ข้างๆตัว อีกเพียงแค่ชั่วโมงเดียว พระและเณรในวัดก็คงเดินออกมารับบิณฑบาต และเขาจะเป็นคนแรกของวันนี้ที่ได้ใส่บาตร ที่หน้าวัดนี้ล่ะ คิดได้แบบนั้นจึงเอนเบาะลงนอนพักซักชั่วโมงก็ยังดี แล้วก็ต้องสะดุ้งกับเสียงเคาะที่กระจกรถ ชายหนุ่มรีบเปิดกระจกรถทันที
"มีอะไร น้อง? "
"พี่ๆ...มาจอดตรงนี้ไม่ได้นะครับ...เดี๋ยววันนี้มีงานบวช ขวางทางรถขนของอ่ะ.." เสียงเด็กวัดเอ่ย
"เออ เดี๋ยวย้าย เฮ้ย พระท่านไปบิณฑบาตรึยัง? "เขาถามพลางมองเข้าไปในวัด
"เนี่ยกำลังจะออกเนี่ยพี่... มาทำบุญเหรอครับ ...เร็วนะเดี๋ยวไม่ทัน หลวงตาแกเดินเร็ว" ว่าพลางก็ชี้เข้าไปด้านในที่พระกำลังจะออกบิณฑบาตร ชายหนุ่มจากกรุงเทพรีบลงจากรถทันที ไม่ลืมคว้าถุงจากร้านสะดวกซื้อข้างตัวลงมาด้วย ชายหนุ่มแทบจะวิ่งไปยังขบวนของพระสงฆ์และเณรกว่าสิบรูปทันที เขานั่งยองๆลงกับพื้นที่ปูด้วยตัวหนอน แล้วพนมมือนิมนต์เจ้าอาวาส มือแกร่งคว้าอะไรก็ตามที่อยู่ในถุงใส่ลงไปในบาตรของท่าน เขาไม่ทันดูหรอกว่ามันเป็นห่อเวเฟอร์รสชอคโกแลต จนเมื่อหลวงตาให้ศีลให้พรเสร็จจึงได้เอ่ยถามชายหนุ่มที่พกขนมมาเต็มถุง
"โยม...ที่เคยมางานศพแม่เดือนใช่ไหม"
"ใช่ครับ .. ผมเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ไม่ทราบว่าเณรสบายดีไหมครับ? "พศวัตเงยหน้าขึ้นถามพลางพนมมือไปด้วยหัวใจของเขาเต้นรัว กับสิ่งที่ถามออกไป
"เณร..?....อ้อ...เณรสมปองน่ะเหรอโยม..." หลวงตาทำท่าคิดเล็กน้อย
"ตอนบวชก็เรียบร้อยนะ ตั้งใจเรียน ตั้งใจช่วยงานวัด"
"แล้ว เณรไม่สบายหรือครับ วันนี้ ผมไม่เห็น... "ชายหนุ่มมองไปจนสุดปลายแถว แต่ก็ยังไม่เห็นเณรสมปองเลย
"สมปองน่ะ เขาสึกไปตั้งแต่สามเดือนที่แล้วแล้วล่ะโยม..." หลวงตาเอ่ยเสียงเบา
"ทำไมโยมไม่ลองไปถามที่บ้านหรือพ่อแดงที่อยู่บ้านข้างๆกันล่ะ อาตมาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าโยมสมปองจะยังอยู่ที่บ้านหรือเปล่าเพราะตั้งแต่สึกไปก็ไม่ได้เข้ามาหาอาตมาที่วัดอีกเลย แต่ก็ได้ข่าวแค่ว่าน้าสาวเขาก็กลับไปกรุงเทพแล้ว"
ราวกับฟ้าผ่าลงตรงหน้า .. สึกไปได้สามเดือน และเมื่อวานนี้เขาโทรหา ก็ไม่รับสาย ...
........แล้วเมียกูหายไปไหนวะ...........เวลาผ่านไปไม่ทันจะนับได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงดี พศวัตกราบลาหลวงพ่อกลับมายังกรุงเทพหลังจากที่แวะไปดูทีบ้าน ถามลุงดำที่อยู่บ้านข้างๆก็ได้ความว่าคล้ายกับที่หลวงตาบอกมาว่าสมปองย้ายกลัยมากรุงเทพได้สามเดือนแล้ว เขาตัดสินใจกดโทรศัพท์อีกครั้งและเช่นเคย เสียงตอบรับอัตโนมัติยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่เอาเสียมากๆ
++++++++++++++++
รถสปอร์ตคันงามแล่นเข้ามาจอดในที่จอดรถ...ใครฟังเสียงล้อดุก็รู้ว่าอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย รามินทร์ที่เพิ่งจะกลับเข้ามาจากการไปตรวจดูความเรียบร้อยที่ร้านหลักก็จอดรถข้างๆพี่ชาย เดินลงมาจากรถในเวลาไล่เลี่ยกันเลยทีเดียว
"อ้าว ...ไปเร็วมาเร็วจริงนะ..เคลมเร็วด้วยไหม ..."
"อารมณ์ไม่ดี อย่ามากวนโมโห "พศวัตเดินดุ่มๆเข้าไปในบ้าน โดยไม่รอผู้เป็นน้องเลย
"อ้าว...พี่แมนดูพี่แมกซ์ดิ่ ไม่รอฟังน้องนุ่งพูดอะไรเลย" ว่าพลางก็ก้มลงมาหาคนที่ทำตัวเป็นสารถีให้
"ได้ยินใช่ป่ะเมื่อกี้ อย่ามากวนโมโห" รามินทร์ยังไม่วายทำเสียงล้อเลียน
++++++++++++++++
หลังจากนอนพักผ่อนได้หนึ่งวันเต็มๆ ยังไม่ทันที่จะได้ไปช่วยงานของคุณหญิงจิตตรา เพราะเป็นคืนวันเสาร์พอดี พศวัตเลือกที่จะออกไประบายความหงุดหงิดของตัวเองที่ผับร้านประจำที่เคยไปเสมอ
"เฮ้ย มานั่งกินอะไรคนเดียววะ..." เสียงคุ้นหูดังขึ้นพร้อมแรงกระแทกจากด้านหลังของพศวัต
" เบื่อ เหงา .. เรื่องของกู "พศวัตวางแก้วเหล้าลงกับโต๊ะ ไม่ต้องกันไปมองด้วยซ้ำ เขารู้ว่าใครที่เป็นคนทัก
" แล้วเมียมึงไม่ว่ารึไง มาเที่ยวแบบนี้? "
"ไรวะ ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายเดือนมึงตอบกูได้แค่นี้?" ทินกฤตหัวเราะก่อนจะนั่งลงข้างๆอีกฝ่าย
"เมียกู?...มึงนี่ตกข่าวชิบ กูหย่าแล้วเว้ย"
"หย่า?" คราวนี้ชายหนุ่มต้องหันไปมองหน้าเพื่อนทันที
" เชี่ย แต่งอะไรของมึงวะ ครึ่งปี? "
"เออดิ่วะ...ย้ำไมเนี่ย ดีใจเหรอ?" ทินกฤตถามแหย่พลางหัวเราะออกมาเบาๆ พลางยื่นมือซ้ายให้อีกฝ่ายดู
"ไม่มีแหวน เห็นยัง….แต่งแล้วก็หย่าเว้ย...เข้ากันไม่ได้..พวกกูบอกพ่อแม่ไปแบบนั้นแล้วก็ได้เงินมาหารสองไง เจ๋งไหมล่ะ " หนุ่มโสดหมาดๆขยายความ พลางพูดราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เช่นทุกครั้ง
"หึ... "ชายหนุ่มเพียงแค่เค้นเสียงหัวเระาในคอเท่านั้นก่อนจะสั่งเหล้าแก้วต่อไปมาดื่ม ในหัวของเขามีแต่เรื่องตามหาน้อยเท่านั้นจึงไม่ได้สนใจทินกฤตอีก
"นี่มึงไม่อยากรู้จริงๆเหรอวะ กูถามหน่อย... " ทินกฤตเห็นท่าทีของอีกฝ่ายก็ชักสงสัย ในเมื่อพศวัตเป็นคนเดียวที่คัดค้านหัวชนฝาไม่ให้เขาแต่งงาน อย่างน้อยก็น่าจะเทศนาเขาอีกซักหนึ่งกัณฑ์ในเรื่องนี้
"มึงน่าจะดีใจดิ่ กูโสดแล้วนะนี่ กูเลิกกับเจนแล้วนะเว้ย... "
"เหรอ? "น่าแปลกที่พศวัตไม่ได้สนใจอะไรกับสิ่งทีทินกฤตเล่าเลย รวมถึงคนอื่นๆที่พยายามเดินผ่านหน้าเขาไป-มา เลี้ยงเหล้ารวมถึงเดินมาทักทายด้วย คืนนี้ เขาไม่สนใจใครเลยจริงๆ
ทินกฤตเลิกคิ้ว...เริ่มหมดสนุกกับการแหย่เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานเสียแล้ว
"เออ กูไม่ยุ่งกับมึงล่ะ...แม่ง ขนาดบอกเรื่องน่ายินดีขนาดนี้ มึงยังไม่สนใจ ...สาด...แล้วเป็นห่าไรนี่...ทะเลาะกับเจ้าน้อยมันหรือไง"
"ทะเลาะเหี้ยอะไรล่ะ ตั้งแต่กูกลับมาโทรหาก็ไม่ติด ขับรถไปหาถึงขอนแก่น กูนึกว่ามันยังไม่สึก ที่ไหนได้... "พอพูดถึงบุคคลที่สาม พศวัตก็ระเบิดอารมณ์ใส่เพื่อนรักทันที
"สึกมาได้สามเดือนแล้ว กูไม่รู้จะไปหามันที่ไหนแล้ว .. บ้านน้ามันก็ไม่อยู่ "มือแกร่งยกขึ้นกุมศีรษะตนเอง
"มึงก็เลยมานั่งเมาอยู่เนี่ยนะ... หมาบ้าชะมัด... ที่ร้านน่ะ ไปดูรึยัง..."
"ร้านอะไร? "พศวัตถามเสียงดัง
"ร้านกาแฟของมินอ่ะดิ่" ทินกฤตตอบพลางส่ายหน้า
"แม่งเวลาจะไม่สนเรื่องของกู มึงนี่ก็ไม่สนห่าอะไรเลยจริงๆซิ่นะ...เออดีเหมือนกัน...เอาเป็นว่ามึงไปดูที่ร้านก่อนก็แล้วกัน ดีกว่ามานั่งเมาเป็นหมาแบบนี้"
...ร้านเหรอ?..
...พี่ไม่ลองแวะไปดูที่ร้านใหม่ของพวกเราก่อนล่ะ พี่ต้องชอบแน่เลย...
คำพูดของรามินทร์ดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง หรือว่า?..."น้อง เก็บเงิน! "พศวัตเรียกบริกรของร้านมาทันที ก่อนจะจ่ายเงินไปอย่างรีบร้อน
"อัาวเฮ้ย ไอ้แมกซ์ ...แม่ง...
ทีเรื่องเด็กละไวชิบ" ทินกฤตจะเรียกเพื่อนไว้ก็ไม่ทันร่างสูงวิ่งออกไปจากร้านเสียแล้ว
ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาให้กับเพื่อนที่รีบร้อนออกไป ก่อนจะมีโทรศัพท์ดังขึ้นมา พอหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นข้อความส่งเข้ามาพร้อมภาพถ่ายหนึ่งใบ...ทินกฤตยิ้มน้อยๆให้กับภาพนั้น
....กูก็คงต้องทำตัวเร็วๆตามมึงบ้างแล้วซิ่....คิดได้แบบนั้นก็หยิบเงินค่าเครื่องดื่มวางไว้บนเคาท์เตอร์ก่อนจะเดินออกจากร้านไปเช่นกัน
++++++++++++++++
Talk : แวะมาสั้นๆนะค้า~ ไปดูละครก่อนละ ส่วนโคไรเตอร์ยังคงไม่สบายต่อไปค่ะ เลยแวะมาอวยเจ้าน้อยไม่ได้ หวังว่าพีจังจะหายเร็วๆนะ!