Chapter 21 Hidden desire
เสียงฝนปนฟ้าร้องยังดังอยู่เนืองๆ ผมเดินขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเลเพราะต้องแบกร่างหนักๆนี่ขึ้นห้องพัก เดชะบุญที่ร้านอาหารร้านนี้มีห้องพักด้วย และเจ้าอัศวินนี่ก็พักที่นี่พอดี ผมเลยไม่ต้องลำบากฝ่าฝนพามันกลับ แต่กว่าจะพาขึ้นชั้นสองมาได้ก็แทบแย่ ถึงอย่างนั้นเป็นผมก็ดีกว่าให้คนแปลกหน้าคนอื่นพาคุณชายขึ้นห้อง อย่างน้อยมันก็ปลอดภัยกว่า
..............................................
30 นาทีก่อนหน้า
ผมรีบตามเร็กซ์เข้าไปในร้านด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ไปทำอะไรถึงได้เกิดเรื่องชกต่อยกันขึ้น จะบอกว่าชกต่อยกันก็ไม่เชิงเพราะดูแล้วมันไม่บาดเจ็บเลย
ร้านอาหารร้านนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นบ้านไม้สองชั้น ภายในตกแต่งเรียบง่าย มีโต๊ะไม้ยาวๆวางเรียงกันเป็นทางคล้ายโรงอาหาร หน้าต่างที่แตกเมื่อครู่ถูกบานไม้ปิดสนิท มีลูกค้านั่งอยู่ในร้านไม่กี่คน บางคนดูตื่นตกใจแต่ไม่นานก็เลิกสนใจเพราะไม่ใช่เรื่องของตน
ปัง!!!
“เอ้านี่ ค่าเสียหาย” เร็กซ์ตบเหรียญทองลงบนโต๊ะเสียงดังแล้วกลับไปนั่งดื่มต่อ
“โอ้ ค่าเสียหายไม่จำเป็นหรอกท่าน ต้องขอบคุณท่านมากเลยที่ช่วยลูกสาวของดิฉันไม่ให้ถูกเจ้าพวกนั้นลวนลาม” หญิงวัยกลางคนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านรีบมากล่าวขอบคุณโดยมีหญิงสาวสวยตามเกาะหลังไม่ห่าง
“เออๆ ช่างมันเถอะ” เจ้าคุณชายตอบแบบไม่ใส่ใจแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดก
“ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ดิฉันตอบแทนได้ไหม”
“แค่เอาเบียร์มาอีกก็พอ” มันกระแทกเสียงดังแบบไม่สบอารมณ์ เป็นเร็กซ์แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
<เอาไงดีหว่า> ผมถามตัวเองในใจ จะเดินเข้าไปหามันเลยดีไหมนะ แต่ตอนนี้มันไม่ค่อยปกติด้วย พึ่งทะเลาะกันมาหมาดๆอาจจะโดนชกปากแตกได้ หรือไม่ก็แย่กว่านั้น
แต่มันก็ดูปลอดภัยแล้วนี่หน่า คอยนั่งเฝ้าห่างๆก็พอมั้ง รอมันกลับมาปกติก่อนแล้วค่อยคุยกันก็ได้
แต่ก็ไม่ใช่ทุกวันที่จะเห็นมันในสภาพนี้นะ หึหึ
“ขอนั่งด้วยคนสิพี่ชาย” และแล้วผมก็โดนความคิดอันชั่วร้ายครอบงำ ผมเดินไปอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะของคุณอัศวินโดยไม่ได้ถอดผ้าคลุมออก ...ขอโทษที่ทำร้านเปียกนะครับ...แต่ขอสักครั้งแล้วกัน
มันละสายตาจากแก้วไม้ของมันแล้วมองผมด้วยหางตา ในใจคงคิดว่ามีที่ว่างตั้งมากมายจะมากวนมันทำไม
“จะทำอะไรก็ทำ ไม่ค่อยมีคนสนใจความต้องการของข้าอยู่แล้ว” มันตอบกลับแล้วกระดกเบียร์ดื่มต่อ ข้างๆมันมีแก้วแบบเดียววางอยู่อีก 2-3 แก้ว เต็มบ้าง ว่างเปล่าบ้าง
เมื่อได้รับอนุญาตผมก็หย่อนก้นลงนั่ง
<โถๆคุณชายผู้สุภาพเรียบร้อยมากคุณธรรม พอเบียร์เข้าปากก็กลายเป็นคนฉุนเฉียวซะแล้ว> ผมลอบมองมันแล้วแอบยิ้ม ดีนะมีผ้าคลุมปิดหน้าปิดตาบังไว้ คิดถูกจริงๆที่ซื้อเสื้อคลุมนี้มา
“มองอะไร มีปัญหาเหรอไง” มันหันมาจ้องหน้าผม พยายามมองผ่านผ้าปิดใบหน้าของผม
“ไม่มีอะไรหรอก แค่สงสัยว่าคนจะไม่สนใจความต้องการของพี่ชายได้ยังไง ทั้งแข็งแรงกำยำขนาดนี้ จะช่วงชิงอะไรมามันก็ง่ายดายไม่ใช่เหรอ”
“หึ ช่วงชิงอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ ลองมาเป็นข้าดูแล้วจะรู้ว่าทำแบบนั้นไม่ได้” มันตอบกลับแล้วหยิบแก้วถัดไปขึ้นดื่ม
“ทำไมเป็นแบบนั้นซะล่ะ”
“ด้วยฐานะของข้าทำให้ผู้คนมากมายตั้งความคาดหวัง พวกเขาคาดหวังให้ข้าต้องเป็นคนดี มีคุณธรรม มีเกียรติ จะให้ข้าใช้พละกำลังที่มีทำอะไรตามอำเภอใจแล้วทำให้คนเหล่านั้นผิดหวังได้ยังไง”
“...” อืม...นั่นสินะ เจ้านี่เป็นลูกชายของตระกูลใหญ่ ผู้คนต้องตั้งความคาดหวังไว้มาก ผมพอจะเข้าใจอยู่บ้าง
“อย่าว่าแต่จะช่วงชิงอะไรมาเลย แค่อยากจะไปไหน อยากจะทำอะไรยังไม่สามารถทำได้เลย” มันยังคงพูดต่อพร้อมแววตาเจ็บปวด
“ถ้าไม่ชอบก็เลิกแล้วหนีออกมาสิ”
“จะไปทำแบบนั้นได้ยังไง...ว่าแต่เจ้าเป็นใครมาซอกแซกอยู่ได้ เปิดหน้าออกมาเดี๋ยวนี้ ข้าไม่ชอบคนมีลับลมคมใน” มันกระโจนข้ามโต๊ะมาจะกระชากฮู้ดของผม ดีที่ไหวตัวทันผมรีบแอ่นตัวออกห่างโต๊ะ
“อ่า...อย่าเลยพี่ชาย พอดีข้าไม่ค่อยสบายน่ะ ปิดไว้แบบนี้ดีแล้ว”
“เครื่องดื่มที่ท่านสั่งมาแล้วค่ะ” หญิงสาวเข้ามาได้จังหวะพอดี หล่อนนำเหยือกเบียร์มาเทเพิ่มให้เร็กซ์จนเต็มทุกแก้ว
“หึ” มันเลิกสนใจผมแล้วยกแก้วขึ้นกระดกต่อ
“ฟู่ห์” ผมลอบถอนให้ใจโล่งอกเบาๆก่อนจะกลับขึ้นมานั่งหลังตรง
“ทั้งเรื่องคัดเลือก เรื่องแต่งงาน เรื่องบ้าๆนี่ใช่สิ่งที่ข้าอยากทำเลยด้วยซ้ำ แต่เพื่อท่านพ่อและชื่อเสียงวงศ์ตระกูล...” เสียงมันหายไปในลำคอ สายตาว่างเปล่าของมันจับจ้องไปยังน้ำสีอำพันในแก้วที่หมุนวนไปมาตามแรงแกว่ง
“ไม่เข้าใจยัยเดลซ่า (Delza) จริงๆทำไมต้องทำให้มันวุ่นวาย แทนที่จะใช้วิธีดวลกันให้จบๆไปจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว” มันพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“...? ” เดลซ่าคือใคร ชื่อเล่นองค์หญิงเรอะ เรียกแบบนี้ได้เลยเรอะ นี่เอ็งเมาแล้วนอกจากจะพูดมากแล้วเนี่ย ยังพาลไปทั่วอีกเรอะ
“ข้าละอิจฉาเจ้านั่นจริงๆ” ว่าแล้วมันก็กระดกต่อ
“ใครหรอ” ผมถามไปด้วยความสงสัย
“เจ้าโจรกระจอกนั่น”
“ไม่ใช่โจ...” ผมเกือบจะหลุดออกไปแล้ว ดีนะยั้งตัวไว้ทัน
“จะพูดอะไร” เร็กซ์เหลือบตามาจ้องผม
“เอ่อ...เปล่า เชิญพี่ชายเล่าต่อเลย แหะๆ”
“หึ เจ้านั่นมันเหยียดหยามเกียรติของข้า ทั้งเกียรติวงศ์ตระกูล อัศวิน และความเป็นลูกผู้ชายของข้า ข้าควรจะกระทืบมันให้จมดินแล้วจัดการลากขึ้นห้องไปลงโทษต่ออีกสัก 2-3 ยกให้รู้แล้วรู้รอด” มันไม่ว่าเปล่าทุบโต๊ะเสียงดังปั้ง จนผทสะดุ้ง
“เอื้อก” ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากเมื่อนึกภาพตาม นี่ถ้ามันรู้ว่าคนที่นั่งอยู่นี่คือคนที่มันเล่าถึงอยู่แล้วล่ะก็...ศพน่าจะไม่สวย
“แต่ข้าก็ทำไม่ได้...” มันขัดแขนไว้บนโต๊ะแล้วก้มตัวเอาคางไปเกยไว้
“เจ้านั่นเลือกที่จะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ จะไปไหนก็ได้ จะเลือกงานอะไรก็ได้ แล้วก็จะนอนกับใครก็ได้...ยกเว้นข้า” เร๊กซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงและแววตาเศร้าสร้อย สายตามันเอาแต่จับจ้องไปที่ลวดลายไม้บนโต๊ะ
ผมเนี่ยนะน่าอิจฉา แต่ถ้านับเรื่องอิสระแล้วก็จริงอยู่ เห็นคุณอัศวินแบบนี้แล้วก็สงสาร
“ทั้งคำพูดคำจา ทั้งน้ำเสียง และแววตาเจ้าทำให้ข้านึกถึงเจ้านั่นจริงๆ แต่คงเป็นฤทธิ์เครื่องดื่มเล่นตลกกับสายตาของข้า” มันเงยหน้าขึ้นมาจ้องผ่านฮู้ดผมอีกรอบ “แต่ยังไงเขาก็ไม่มีทางกลับมาหาข้าหรอก”
“...”
“ข้ามันน่าสมเพศเนอะ...ว่ามั้ย” มันว่าพร้อมก้มหน้าหายไปในวงแขนของมัน
“ทั้งๆที่ควรจะเตรียมตัวเดินทางแต่มาสำมะเลเทเมาแบบนี้ แถมยังมาพล่ามอะไรก็ไม่รู้ให้คนแปลกหน้าฟัง”
“...” ผมไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่เบือนหน้าไปทางอื่นแล้วทอดสายตามองผ่านกระจกดูสายฝนที่เริ่มซาลงบ้าง
“จะเลือกไปไหนก็ไม่ได้…จะเลือกคู่ครองเองก็ไม่ได้…จะอยู่กับคนที่…ชอบ…ก็ไม่ได้”
ผมจมหายไปในความคิดของตนเอง หากผมอยู่ในตำแหน่งเดียวกับมัน ผมก็คงเครียดและต้องเก็บกดแบบเร็กซ์ ทั้งๆที่มีอำนาจมากมาย ทั้งๆที่มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าใคร แต่ก็ไม่สามารถเลือกทำในสิ่งที่ชอบได้ เพียงเพราะความคาดหวังของคนรอบตัว เพียงเพราะความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่คนอื่นมอบให้
“...รอส...”
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง นี่มันรู้ตัวแล้วเหรอเนี่ย
“ทำไมเจ้าต้องไปด้วย...”
แต่เมื่อหันไปมองเจ้าของเสียงก็พบว่า...มันฟุบหลับไปแล้ว
........................