[ต่ออีกนิดด]
“เอ่อ ทุกคนนี่คุณชาย...” ผมเดินนำคุณชายขึ้นมายังห้องซ้อมชั้นสองเมื่อไม่กี่นาทีก่อน พอขึ้นมาแล้วก็พบว่าเพื่อนในวงอยู่กันครบแล้ว และตอนนี้พวกมันมองมายังคนที่ถือกีตาร์ตามหลังผมด้วยแววตาอึ้งๆ
“...นักร้องนำชั่วคราวแทนไอ้ยิม”
กว่าสิบวิที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย ผมหันไปหาคุณชายที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงแสล็คนิ่งๆ หน้าตาเรียบเฉย ไม่บอกความรู้สึกใดๆ มีแต่ผมเองที่ทนต่อความเงียบไม่ไหว
“พวกมึง...”
“เฮ้ๆๆๆ วู้วววว ไอ้เขาทำได้แล้วเว้ยยยยยยยย!!! ไอ้หมูรัวกลองงง”
“เชี่ย ตอนมันบอกกูยังคิดว่าโม้ ตึงตึงตึงเซี้ยบเซี้ยบ”
“เจอตัวเป็นๆ ผมใจเต้นเลยว่ะพี่ ผมชื่อแต้งครับพี่ ตอนเฮียดุกแอบถ่ายคลิปตอนพี่ร้องเพลง เสียงพี่เจ๋งโคตร พี่โชคดีแล้วที่อยู่วงเรา”
พวกมันทำท่าจะกรูเข้ามาหาคุณชาย ไอ้เขา ผู้พิทักษ์คุณชายเลยเคลื่อนตัวไปบังโดยอัติโนมัติ “พวกมึงใจเย็นๆๆ”
“วงเราต้องเป็นที่โจษอังคาร”
“โจษจัน!”
ตึง โป๊ะ แหน่ะ ตีกลองตบมุกให้อีกนะไอ้หมู
“มาๆ ผมจะแนะนำอย่างเป็นทางการ มือกลองชื่อหมู พี่คงเคยเห็นหน้าแล้ว นี่ก็เฮียดุกไม่มีตำแหน่งแข่งกับสัมภเวสี”
“เชี่ยนี่” เฮียดุกยื่นมาหมายจะตบกบาลผม แต่พอเหลือบตามองด้านหลัง มันเลยทำเป็นยกมือทักทายแทน
“สวัสดีอย่างเป็นทางการครับคุณชาย อาหารบ้านคุณชายอร่อยสั...อร่อยมากๆ ครับ”
“แล้วนี่ไอ้แต้ง คีย์บอร์ด แล้วนู่นไอ้บาส กีตาร์เหมือนกับผม”
“หวัดดีคร้าบ”
“หวัดดีครับ”
คุณชายพยักหน้าลงทีนึง แต่สีหน้าผ่อนคลายขึ้นมาก
“เอ่อพวกเรามาแนะนำให้สมาชิกใหม่รู้จักวงของเรามากขึ้นดีมั้ย” เฮียหมูเปิดประเด็น พร้อมกับชวนทุกคนมานั่งล้อมวงกันที่พื้นพรม
ผมกระตุกมือคุณชายที่ยืนอยู่ให้นั่งลง พอคุณชายนั่ง ก็หันมาหาเพื่อนๆ ...เช็ดเขร้ มองกูตะไม
“แฮ่มๆ วงเราเน้นเพลงร็อคนะครับ”
“ถนัดเลย” ไอ้บาสตอบก่อนจะหันไปถามคุณชาย “แล้วคุณชายล่ะชอบเพลงร็อคมั้ยครับ”
“พี่ พี่เคยฟังเพลงร็อคบ้างป้ะเนี่ยถามจริง” เห็นไม่ตอบผมก็เลยถามไปอีก คุณชายปรายตามองนิดๆ พร้อมกับยักคิ้วกวนหน่อยๆ ไม่ได้ตอบอะไรแต่ถามกลับมาแทน
“วงพวกนายชื่อวงอะไร”
“ชื่อว่า วารชีวิต พอรวมกับคำว่าวง”
“กลายเป็น”
“วงวารชีวิต!!” สามหนุ่มสามมุมอย่างผม ไอ้หมู แล้วก็เฮียดุก ประสานเสียงกันอย่างเฮฮา แท็กมือกันด้วยเพราะชื่อแม่งคูลที่สุดในจักรวาล ไงล่ะพี่
“ขอโทษด้วย ร้องให้ไม่ได้ละ”
“เฮ้ยๆๆๆ พี่ขอร้องงงงงง” ผมคว้าแขนคุณชายที่ทำท่าจะลุก ไอ้แต้งกับไอ้บาสหัวเราะกันใหญ่
“ชื่อวงพวกมึงนี่กวนตีนชะมัด” ไอ้บาสว่า มันหัวเราะจนไหล่สั่น
“พี่ มันไม่ดีตรงไหน คูลจะตาย”
“ไปเปลี่ยนชื่อวงไป ไม่งั้นไม่ร้อง”
“ไม่ได้ครับ ส่งไปแล้วง่า” ผมครวญคราง เฮียดุกกับไอ้หมูมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ฤทธิ์คุณชายระเบียบจัดไม่ได้มีแค่นี้นะเมิงงง
“พวกผมเคยคิดจะเปลี่ยนชื่อวงแล้ว มีหลายชื่อแต่ก็ได้ชื่อนี้อะ”
“ชื่ออะไรบ้าง”
“ไอ้เขา มึงเล่าให้คุณชายฟังสิ คุณชายอยู่อักษรจะได้ช่วยคิด” เฮียดุกแปรพรรคเรียบร้อย มันคงกลัวคุณชายจะไม่ร้องเพลงให้แหงๆ เมื่อกี้มึงยังค่อดคูลกับกูอยู่เลย
“เราเคยตั้งกันแล้ว ชื่อที่ได้รับการโหวตสูงสุดห้าชื่อคือ...” ทั้งห้องเงียบกริบ พยายามส่งสายตาให้เพื่อนรักช่วยพูดแต่พวกมันเม้มปากเน้น
“คือ?” คุณชายถามย้ำ
“คือชื่อวงกลม วงเวียนใหญ่ วงกบ วงใน แล้วก็วงวารชีวิต เลือกกันไปเลือกกันมาได้ชื่อสุดท้ายเนี่ยอะพี่”
“อุ๊บ ฮ่าๆๆๆ”
“เชี่ยบาส หยุดหัวเราะ”
คุณชายถอนหายไปแล้วสบตาผม “หาคนร้องใหม่เถอะ”
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ผมหน้ามุ่ย เดินลงมาซื้อของกินด้านล่าง เมื่อกี้ผมเล่นคอร์ดผิดเลยโดนลงโทษ คุณชายนะคุณชายไม่ช่วยผมเลย ไม่ให้ผมพิทักษ์พี่แล้วหรือไงวะ
แต่...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คุณชายเข้ากับเพื่อนผมได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ(และผมเหมือนถูกลืมไปชั่วขณะด้วย) สุดท้ายพี่ท่านก็แกล้งเรื่องชื่อวงเฉยๆ ครับ แถมคุณชายที่ผมรู้จักไม่เคยร้องเพลงร็อคของไทยแต่วันนี้ลองร้องให้ฟังท่อนนึง ผมใจพองโตออกไปนอกโลก โคตรดีเลยจริงๆ ครับ คิดไม่ผิดที่ผมเลือกคุณชายยย หลังจากนี้คุณชายต้องไปฝึกเพลงที่พวกเราจะเล่น ไม่นานวงผมต้องระเบิดระเบ้ออออ ติดอยู่อย่างเดียวหน้านิ่งไปนิดนึง ไม่เป็นไร ไอ้เขาจะช่วยให้คุณชายมีเสน่ห์บนเวทีเองงงง
คิดอย่างสุขใจแล้วผมก็เดินลั้นลามาที่ห้องซ้อม
“พี่ ไอ้เขาแม่งเรื้อนของจริง ตอนไปรับน้องนะพี่ เปิดตู้เสื้อผ้าเยี่ยวเฉย”
“หึหึ”
“ผมกับเฮียดุกถึงกับตาสว่าง ไม่ได้อึ้งนะเหม็นเยี่ยวอะพี่”
“จ้อจี้ชิบหายยยย ไอ้เขาเนี่ย”
“เผาไรกูวะ!”
ผมเดินกระแทกเท้าเข้ามาในห้อง แอบไม่พอใจที่คุณชายคุยกับไอ้พวกนี้มากกว่าผม พอผมวางเครื่องดื่มกับขนมดังโครม แล้วฝูงคนกระหายหิวก็เข้ามาหยิบจนเหลือแค่น้ำขวดเดียว ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งคุยกันที่โซฟามุมห้อง ทิ้งผมให้บ่นกระปอดกระแปดอยู่กับคุณชายสองคน
“พี่ ไม่ต้องไปฟังมันมากนะ พวกนี้แม่งโม้”
“อืม”
อืม แล้วหัวเราะทำไมมม หงุดหงิด ผมหน้าก็ทิ่มตาอยู่ได้ เสลดเป็ด แล้วน้ำส้มนี่เปิดยากอีก เหนียวมือไปหมดแล้ว!
“ใจเย็นๆ” คุณชายยื่นมือมาลูบหัวผมสองสามที ผมกลัวเพื่อนเห็นเลยรีบหันไปมองทันที แต่พวกมันก็คุยกันไม่สนใจผม ผมเลยหันไปหาคุณชายอีกครั้ง
“ผมมันยาวแล้วอะพี่ ก้มหน้าดีดกีตาร์แล้วทิ่มตาอยู่เรื่อย”
“อ้อน?”
“ไม่ได้อ้อนซะหน่อยบอกเฉยๆ มือก็เหนียวน้ำส้มไปหมดเลย มัดไม่ได้”
“หึ” คุณชายอมยิ้มซึ่งวันนี้ยิ้มบ่อยไปแล้วนะ พอเห็นผมไม่สบอารมณ์คุณชายเลยคว้าหนังยางรัดแกงตรงพื้นมามัดผมให้
คุณชายโคตรใจดีเลย เผื่อใครไม่รู้ มัดเสร็จก็ดีดหน้าผากผมไปที
“เจอแล้วๆ คุณชาย Rock bottom ที่พี่บอก โคตรน่าเล่นเลยว่ะพี่ ไม่น่าเชื่อคุณชายจะรู้จักด้วย” ไอ้หมูตะโกนขึ้นมา
“ลองฟังดูเจ๋งดีพี่”
“อะไรอะ” ผมหันไปมองหน้าเหรอหรา พูดเรื่องไรกันฟะ
“เห็นทีผมต้องหาทั้งอัลบั้มมาฟังมั่งแล้ว ไลน์กีตาร์สุดมากเลยพี่” ไอ้บาสด้วยอีกคน มันใส่หูฟังแล้วโยกหัวไปด้วย ฟังด้วยดิเฮ้ย
“ชอบบบบเว้ยพี่ โคตรดี วู้วววว” พวกมันเหมือนมันส์ในอารมณ์แล้วผมอะ ไม่รู้เรื่องด้วยเลย
“เฮ้ย มีคนหน้างอว่ะ” เฮียดุกเดินมานั่งยองๆ ข้างผม “เออ...มัดผมแบบนี้มึงช่วยพี่ตูนได้นะไอ้เขา”
“อะไร”
“หัวล้านถึงแม่สายขนาดนี้ พี่ตูนคงวิ่งได้หลายพันล้าน ฮ่าๆๆๆๆ” หัวเราะเสร็จก็เดินไปนั่งสุมหัวกับไอ้พวกนั้น
“ไอ้เหี้ยดุก พี่ดูมันดิ มันหัวล้านกว่าผมอีก ชอบเอาผมตรงท้ายทอยมาปิดหน้าผากกูยังไม่ว่าอะไรมึงเลย”
“กูเกลียดมึง ไอ้สัดเขา” ว่าแล้วมันก็ขว้างโน้ตเพลงมาแทน หูดีจริงจริ๊งงงง
“แต่...พี่ตาณ พี่ว่าผมหัวล้านมั้ยอะ” เครียดจริงจัง นี่แอบเห็นเฮียทิวเริ่มผมร่วงแล้ว
“หึ” คุณชายส่ายหน้าพลางลูบหน้าผากผม
“เหม่งเอ๊ย”
หมายความว่าไง คนโง่ไม่เข้าจรัยส์
“กลับเลยมั้ย”
คุณชายเอ่ยถามหลังจากที่พวกเราเริ่มเก็บอุปกรณ์ พอถามปุ๊บ ไอ้หมูก็โพล่งมาปั๊บ
“ไอ้เขานี่มึงไม่ได้บอกคุณชายหรอว่าเราจะไปต่อ”
“ไปต่อ? ไปไหน”
ชะอุ้ย สายตาคมกริบ
“กูลืมบอกไง” ผมกัดฟันตอบก่อนจะฉีกยิ้มให้คุณชาย
“อ้าวเวร งั้นคุยกันไปนะครับ พวกเรา ปะ! ไปรอข้างล่าง โชคดีเว้ยเพื่อน” เพื่อนรักอย่างเฮียดุกหาทางชิ่งทันที มันลากทุกคนไปหมด
“เฮ้ย รอกูก่อนดิ” ผมทำท่าจะเดินตามไปด้วยแต่ก็ถูกคว้าคอเสื้อไว้ซะก่อน
“จะไปไหน?”
“เอ่อ คือว่า...วันนี้พวกเราจะไปดริ๊งกันที่ร้านประจำอะพี่ซอยถัดไปนี่เอง แต่มันคงดึก พี่กลับก่อนเลยก็ได้”
“หมายความว่านายจะอยู่ต่อจนดึก ไม่กลับบ้าน?” คุณชายปล่อยคอเสื้อผมแล้วกอดอก หรี่ตามองไอ้เขา
“ดึกแล้วรถหมด ผมก็นอนหอเพื่อนแถวนี้ก็ได้ อีกอย่างพรุ่งนี้วันเสาร์ ไม่มีเรียนด้วย”
“จำสัญญาที่นายมาขอร้องให้ไปร้องเพลงได้มั้ย ข้อแรกน่ะ” จู่ๆ คุณชายก็เปลี่ยนเรื่องเร็วจนผมตามไม่ทัน แต่เนื่องจากสมองน้อยๆ ได้ประมวลผลแล้วผมจึงทวนคำสัญญาเมื่อสายันห์ออกไป
“ข้อแรกก็...ผมต้องให้พี่ไปรับไปส่งทุกวัน”
“อืม...ถ้าคืนนี้นายจะไม่กลับ ก็แสดงว่าฉันไม่ได้ไปส่ง งั้นก็ร้องเพลงอะไรนี่ก็เป็นโมฆะแล้วกัน”
“พี่ๆๆๆ เดี๋ยวก้อนนนน พี่จะไม่ให้ผมไปกับเพื่อนหรอ” สลดเลยกู อยากแดกไม่ใช่อะไร อาทิตย์นี้คุณชายมาคุมตลอด มาส่งผมที่บ้านไม่เกินหกโมงทุกวัน ใจมันโหยหาง่ะ
“...แล้วผมรับปากเพื่อนไว้แล้วนะ จริงๆ พวกมันดื่มเพราะจะรับน้องใหม่เข้าวง แล้วก็นัดรุ่นพี่ไว้แล้วด้วยอะพี่”
“นายอยากดื่มก็ดื่มไปสิ ฉันมีหน้าที่ส่งนายกลับบ้านตามสัญญา”
“แต่ว่า...” ผมไม่อยากให้คุณชายไปเจอความอัปปรีย์ของแกงค์สวรรค์รำไร คุณชายดีเกินไปถ้าจะมาพัวพันกับพวกมัน แล้วคุณชายก็ต้องกลับบ้านดึกด้วย อันตรายจะตายไป ข้อนี้ขีดเส้นใต้ไว้เลย
“ถ้านายไม่อยากให้ไปก็โอเค งั้นจบกันแค่นี้” ทำไมคุณชายพูดแค่นี้ ผมถึงรู้สึกว่าใจหล่นไปกองอยู่ตรงเท้า หน้าหงอยยิ่งกว่าเดิม แต่เพราะมือเร็วกว่าสมอง ผมจึงรีบคว้าเสื้อเชิ้ตด้านหลังคุณชายก่อนที่คุณชายจะเดินออกไป
“ไม่ใช่ไม่อยากให้ไปนะพี่ ผมอะนอนไหนก็ได้ แต่ว่าพี่...กลับดึกๆ มันอันตราย เเล้วถ้าผมเมาแล้วใครจะช่วยดูทางล่ะพี่ ผมเป็นห่วงนะ” ผมรีบพูด ขยุ้มเสื้อเรียบกริบของคุณชายแน่น
“...” คุณชายเงียบไปจนผมชักจะใจเสีย ยิ่งได้ยินเสียงถอนหายใจ ผมก็ยิ่งก้มหน้าลงอีก
คุณชายจับมือผมจากด้านหลังก่อนหันมาทั้งตัว เเละเพราะเสียงเรียกเบาๆ นั้นทำให้ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
“มอมแมม...”
“ฮื่อ ครับ”
“จะให้นายอยู่นี่โดยที่ไม่มีฉันน่ะ...ไม่ได้หรอก”
“ทะ...ทำไมล่ะพี่...”
“เด็กโง่ ก็เพราะฉันเป็นห่วงนายเหมือนกันไง...”
________________
มาเเล้วค่า สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า
รักเเละคิดถึงทุกคนเสมอ รวมถึงคิดถึงนังเขาเด็กโง่ด้วย
ติดเเท็ก #คุณชาย2017 (ที่อาจจะต้องเปลี่ยนเป็น2018เเล้ว 55)
หรือมาคุยกันได้ที่ทวิตเตอร์ @jaevin3
ขอบคุณทุกวิว ทุกคอมเม้นต์ ทุกกำลังใจเลย
ขอให้ทุกคนมีจิตใจที่เข้มเเข็งมากยิ่งขึ้นในปี2018นะคะ
เจอกันใหม่ปีหน้าเลยค่ะ เลิฟ