ตอน ๑ โจรหน้าซื่อ
พ.ศ. 2505
“คุณชายครับ ถึงแล้วขอรับ” ตะวันเปิดประตูรถลงมายืนเต็มความสูงมองบ้านพักไม้สองชั้น ขนาดของมันใหญ่โตโออ่าไม่น้อยผิดจากที่เขาจินตนาการไว้ว่าคงจะเป็นบ้านพักแพทย์หลังเล็กๆ เพราะที่ที่คุณชายหมอเลือกมาประจำการนั้นคือหมู่บ้านเขาล้อม หมู่บ้านในอำเภอไกลปืนเที่ยงแถบภาคกลางที่ ‘หม่อมราชวงศ์อิทธิ เศวตนิวัฒน์’ก้าวลงจากรถยนต์ที่จอดครางฮึมๆ เล็กน้อย
“ใหญ่สมเป็นบ้านพักข้าราชการเก่าจริง” คุณอิทธิที่มีความสูงใกล้เคียงกับตะวันเดินมาสมทบ ใบหน้างดงามมองบรรดากระเป๋านับสิบที่แทบทับเขาตายคารถ เนื่องด้วยคำสั่งของหม่อมเพ็ญแข มารดาที่ทัดทานเขาไม่สำเร็จ ความตั้งใจที่จะเป็นแพทย์ในพื้นที่ห่างไกลนั้น ทำให้เขากับตะวันมาที่นี่
เพราะทำงานในโรงพยาบาลที่พระนครมาสองปีเศษ คุณชายอิทธิจึงได้ฤกษ์ทำตามเจตนารมณ์ของตัวเองอย่างลับๆ จวบจนเรื่องโยกย้ายเสร็จสิ้น ถึงได้เอ่ยขอหม่อมเจ้าอรุณวัฒน์พระบิดาและหม่อมเพ็ญแขมารดา เทียวแรกได้ยินนั้นหม่อมเพ็ญแขถึงกับเป็นลมกลางโต๊ะรับประทานอาหารมื้อเย็น ณ วังเศวตนิวัฒน์ จนหม่อมราชวงศ์แสงฉาย พี่สาวคุณชายต้องรีบหายาดมมาให้มารดาแทบไม่ทัน ส่วนพี่ชายคนกลางอย่างหม่อมราชวงศ์เลิศยศนั้นได้แต่ขยับแว่นหัวเราะหึๆ จนคุณชายอิทธิขนลุกเกรียว เพราะพี่ชายคนนี้ดุกว่าหม่อมเจ้าอรุณวัฒน์ พระบิดาเป็นไหนๆ
“ฉันช่วยขนนะวัน” คุณชายอิทธิกล่าวอย่างอารีก่อนจะขยับตัวมาจับกระเป๋า จนตะวันตะโกนห้ามวิ่งหน้าตั้งลงมาจากชั้นสองของบ้านพัก
“วางเลยครับ!” ตะวันหน้าตื่นพลางหอบหนัก เจ้านายผู้สูงศักดิ์นั้นหน้ามุ่ยเพราะถูกขัดใจจนเดินปลีกไปนั่งที่เก้าอี้หวายในห้องรับแขก ชั้นล่างของบ้านพักนั้นโล่งมีเพียงชุดโต๊ะเก้าอี้ทำงานติดหน้าต่างรับลม นาฬิกาตั้งพื้นกับตู้ไม้อีกสองตู้เท่านั้น ตะวันมองพลางคิดคำนวณ กำนันสมิงผู้ใหญ่ของที่นี่คงให้คนมาทำความสะอาดไว้แล้ว เขาจึงไม่ต้องทำอะไรมากกว่าขนของ
“คนอุตสาห์มีน้ำใจ” ตะวันจึงรีบมานั่งย่อตัวลงที่เก้าอี้หวายหลังคุณชายอิทธิคล้ายจะงอนเขาขึ้นมาจริงๆ
“คุณชายครับ งานนี้เป็นงานของวันนะ ให้วันทำเถอะ”
“พ้นคุณแม่ฉันแล้วนะวัน เราไม่ต้องทำเหมือนเจ้านายลูกน้องกันอีกแล้ว ฉันเห็นวันเป็นเพื่อนมาตั้งแต่ยังน้อย” สายตาอาทรของคุณชายอิทธินั้นยังให้ตะวันยิ้มๆ ตั้งแต่เด็กนั้นด้วยความที่อายุเกือบเท่ากัน เพราะเขาอ่อนกว่าคุณชายอิทธิสองปี เขากับคุณชายจึงสนิทกันมาก แม้กระแสรังเกียจ เดียดฉันท์จากหม่อมเพ็ญแขหรือพี่ชาย พี่สาวของคุณชายจะมากเท่าไหร่ก็ตาม หลายครั้งที่เขาโดนหม่อมราชวงศ์เลิศยศในวัยเด็กรังแกก็ได้คุณชายอิทธิคนนี้ที่ช่วยเขาไว้เสมอ
จุดเริ่มต้นคงมาจากหม่อมเพ็ญแข ท่านคงจักหึงหวงในตัวหม่อมท่านเพราะแม่บุหงาของเขานั้นเป็นเพื่อนเล่นของหม่อมท่านมาตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยยายของเขาก็เป็นต้นห้องของวังเศวตนิวัฒน์มาเนิ่นนาน นั่นก็แค่เรื่องเล่าจากป้าพริ้งคนเก่าแก่ของที่นี่เท่านั้น ทุกคนคล้ายไม่อยากเอ่ยถึงเพราะร่องรอยความเจ็บปวดนั้นไม่เคยจางหาย เขาจึงเลือกใช้ชีวิตต่อไป ได้แต่อาลัยถึงพ่อแม่เท่านั้น
ตอนพวกคุณๆ พาลรังแกไม่ใช่สู้ไม่ได้ แต่เขายอมโดนรังแกนั้นเพราะเป็นเพียงคนรับใช้ หากคิดสู้ลูกเจ้านายคงไม่พ้นไร้ที่ซุกหัวนอน เขากำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่หกขวบ แม่บุหงา พ่อเชิดจมน้ำเสียชีวิตในสระบัวท้ายวังกว่าคนงานคนอื่นๆ จะมาเจอก็สายไปเสียแล้ว เขาในตอนนั้นได้แต่กอดศพพ่อ ศพแม่ร้องไห้แทบขาดใจ แม้ไม่เข้าใจเรื่องความตาย แต่ใครหลายคนบอกว่าตายแล้วจะ
ไม่มีวันได้กันอีก เด็กน้อยตะวันจึงยิ่งกว่าใจสลาย ภาพพ่อแม่ยามมีชีวิตผุดขึ้นในหัวไม่ยอมหยุด
เพราะจากตายนั้นไม่มีวันจะได้สัมผัสรอยยิ้ม เสียงหัวเราะจากคนที่รักได้อีกตลอดกาล
คราวนั้นหม่อมเจ้าอรุณวัฒน์ทรงเศร้าโศกจนตรอมตรมทั้งกายใจ ด้วยแม่บุหงาเป็นเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กของท่าน งานศพของพ่อแม่เขาจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเพียงไม่กี่วัน หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องงานศพ หม่อมท่านก็ตกลงรับอุปการะเขาให้มาคอยเป็นทั้งเพื่อนเล่นและรับใช้คุณชายอิทธิ จนคุณชายไปเรียนต่อที่อังกฤษตามพี่สาวและพี่ชายตั้งแต่จบชั้นประถม จวบจนจบกลับมาเป็นแพทย์ที่พระนคร เขาจึงกลับมาเป็นคนรับใช้คุณชายดังเดิม ด้วยเพราะติดต่อกันทางจดหมายสม่ำเสมอ ความสนิทสนมดุจเพื่อนจึงไม่ได้ล่องลอยหายไปตามกาลเวลา
“ก็ได้ครับ แต่วันจะขอให้คุณอิทธิทำแค่เพียงบางเรื่องเท่านั้นนะครับ” คุณชายอิทธิจึงก้มลงมาใช้สองมือขาวนุ่มบิดแก้มเขาน้อยๆ พลางส่งเสียงหัวเราะ
“เจ้าเล่ห์จริงๆ ก็ได้ๆ ฉันจะทำเท่าที่ทำเป็น”
“เรื่องอาหารกับทำความสะอาดจะมีคนของกำนันสมิงมาช่วยดูแล แกชื่อป้านุ่ม ส่วนเสื้อผ้าวันจะเป็นคนดูแลให้นะครับ”
“กำนันสมิง พูดถึงฉันก็รังเกียจจริง” คุณชายอิทธิเบ้ปาก แรกเริ่มที่มาถึงเขาล้อมนั้น ตะวันขับรถไปยังจุดหมายแรกก็คือบ้านกำนันสมิง เพื่อแจ้งข่าวการมาถึงของหม่อมราชวงศ์นายแพทย์คนใหม่จากพระนคร แต่กิริยาที่กำนันสมิงแสดงออกนั้นมันแพรวพราวจนออกนอกหน้า ไม่นึกเกรงใจบรรดาเมียอีกสามสี่คนในเรือน คุณชายอิทธิกรุ่นโกรธในใจไม่น้อย แต่ก็ยังรักษาท่าทีไว้ได้จนตะวันนึกชื่นชม กว่าจะขอปลีกตัวกลับมาได้นั้นก็นานโขจนบ่ายคล้อย
“อย่าห้ามวันนะครับ ถ้ามันมาเกาะแกะคุณชาย คงได้อัดกันให้เลือดกบปากเสียบ้าง”
“คงไม่ต้องถึงวันหรอกกระมัง”
ตะวันหัวเราะกับท่าทีของคุณชายอิทธิ เพราะยังหัวเสียไม่หาย แสงพระอาทิตย์ที่ใกล้ตกดินเต็มที ตะวันจึงต้องเร่งยกของในรถยนต์เข้ามาในบ้านพักให้เร็วที่สุด ในบ้านมีสามห้องนอนใหญ่ ตะวันจึงเลือกห้องใหญ่ที่สุด ปัดฝุ่นจัดที่นอนจนเรียบนิ่ม เสื้อผ้าขึ้นไม้แขวนไว้เรียบร้อย ข้าวของอย่างอื่นก็เข้าที่พร้อมใช้งาน ร่างโปร่งจึงเดินลงมาที่ชุดเก้าอี้หวายที่คุณชายอิทธินั้นนอนหลับ ตอนที่เขากำลังยกของเข้าบ้านพัก
“คุณอิทธิครับ” ไร้เงาร่างบางที่เก้าอี้หวายเบาะนิ่ม ตะวันจึงเดินไปทางหน้าบ้านพลางส่งเสียงร้องหา เพราะใกล้มืดค่ำ เขาเกรงว่าคุณชายอาจะจะโดนงูเงี้ยว เขี้ยวขอกัดเอาได้ เพราะหน้าบ้านพักยังมีพงหญ้ารกสูงอยู่ไม่น้อย
“คุณอิทธิครับ คุณอิทธิครับอยู่ที่ไหน ตอบวันหน่อยสิครับ!”
ตะวันวิ่งเข้าออกหาคุณชายอิทธิจนทั่วบ้าน หากแต่ก็ไร้เงา จนร่างโปร่งตัดสินใจเดินออกมาตามหาที่ถนน หมู่บ้านเขาล้อมเป็นเทือกเขาโอบไว้ อากาศจึงหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำสวน ทำนากัน ทิวทัศน์สองข้างทางจึงเป็นต้นข้าวกำลังโตเขียวขจียามลมล่องพัดผ่าน ยิ่งใกล้ค่ำยิ่งไม่มีใครสัญจรผ่าน
ปัง!
ตะวันตกใจจนตัวโยนนึกห่วงคุณชายอิทธิจับใจ ร่างโปร่งจึงรีบวิ่งไปยังจุดที่กระสุนปืนดังสนั่น เขาวิ่งตัดผ่านป่าเข้าไป จากป่าโปร่งเป็นรกทึบ ต้นไม้น้อยใหญ่แน่นขนัด ใจเต้นรัวริ้วภาวนาอย่าให้คุณชายอิทธิอยู่ตรงนั้น ตะวันหอบหนักเมื่อวิ่งไปเกือบถึงจุดหมาย กลิ่นคาวเลือดนั้นลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ จนตัวเขาเย็บเฉียบ กายเนื้อค้างแข็งแทบขยับไม่ได้
ศพคน…
นอนก้มกองเลือด เกิดมาเพิ่งเจอภาพสังหารคนตรงหน้า ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่กลับเป็นสามศพ!
ร่างโปร่งอิงแอบอยู่ในพุ่มไม้หนา โชคดีที่ความมืดช่วยพรางตาอีกหน กลุ่มคนตรงหน้าจึงไม่ทันได้สังเกตการมาของเขา กลุ่มคนตรงหน้าเป็นหนุ่มฉกรรจ์สี่ห้าคนและอีกคนที่รูปร่างสูงใหญ่อยู่บนหลังอาชาพันธุ์สีขาว หางของมันเป็นพู่สวย ลักษณะดีจนช่วยเสริมให้คนที่อยู่บนหลังของมันทั้งน่ากลัว ทั้งมีบารมี ร่างสูงใหญ่บนหลังม้ากระโจนลงมาก่อนจะกระชากผ้าปิดหน้าออก
“จับตายนะพี่เมฆ พวกเหี้ยนี่แม่งขัดขืน”
“ให้มันลงนรกสมกับกรรมที่มันทำ”
“แล้วทางบ้านเสี่ยซ้งล่ะพี่”
“กูให้พี่มืดขนของกลับชุมไปแล้ว ก่อนกูจะย้อนมาดูพวกมึง” คนชื่อเมฆนั้นเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ รูปร่างเหมือนจะซัดคนให้ตายได้โดยง่าย ตั้งแต่กรามมีหนวดเครารกครึ้ม แต่ดวงตายาวรีสีดำเหมือนทะเลยามกลางคืนที่ยากหยั่งถึงมีนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กวาดมองไปรอบบริเวณราวกับระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ตะวันแทบลืมหายใจ หัวใจเต้นระส่ำ ขอให้มันอย่ามองเห็นเขาเลย
“พวกมึงจัดการให้ศพให้เรียบร้อย” คนที่ชื่อเมฆดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า ก่อนมือของมันจะไปแตะไหล่สั่นทึ่มของหนึ่งในสี่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตะวัน
“ลูกสาวลุงเชื่อมไปสบายแล้วนะ ไอ้พวกเหี้ยนั่นมันชดใช้ให้ชมกลิ่นแล้ว”
“ยัยชมมันตายตาหลับแล้วนายเมฆ” คนที่ชื่อลุงเชื่อมนั้นดูจะอายุมากแล้วพูดด้วยเสียงสั่นครือ
“ไป” คนชื่อเมฆหันไปสั่งพวกลูกน้องก่อนพวกมันจะลากศพไปทำอะไรต่อตะวันก็ไม่กล้าจินตนาการ ที่นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนหรืออย่างไร ใจตีรนไปคิดถึงคุณชายอิทธิทันทีตามสัญชาตญาณ เขาเป็นห่วงคุณชายอิทธิจับใจ
“พี่เมฆ ฉันได้ข่าวว่ามีคุณชายหมอหน้าตาสะอาดสะอ้านมาเป็นหมอคนใหม่ของอนามัยเขาล้อม ว่ากันว่าไอ้พวกหนุ่มๆ ในหมู่บ้านอยากต่อคิวรักษากันเป็นทิวแถว” ตะวันตกใจแทบสิ้นสติ พวกมันมีเป้าหมายที่คุณชายอิทธิด้วยหรือ แล้วต่อจากนี้คุณชายจะอยู่ในหมู่บ้านได้อย่างสงบสุขได้อย่างไร
“ทะลึ่ง ไอ้เปล่ง มึงไปจัดการให้เรียบร้อย ถ้ากูได้ยินอีกล่ะก็ว่ามีคนเจอศพพวกมัน มันจะได้ตายตามมันไป” คนชื่อเมฆตอบก่อนจะตวัดตัวขึ้นหลังม้าไปอย่างคล่องแคล้ว ก่อนจะขี่ห้อขึ้นไปทางเทือกเขาที่เป็นป่ารกทึบกว่าที่นี่ มันน่ากลัว ดูเร้นลับจนตะวันไม่อาจจะคาดเดาได้
ตะวันกอดตัวเองที่ตัวสั่นจนแทบคุมไม่ได้ แต่เจ้าตัวก็ฝืนปิดปากเงียบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของพุ่มไม้จนพวกมันหายลับไป นานจนดวงจันทร์เคลื่อนคล้อยลอยเด่นกระจ่างอยู่เหนือน่านฟ้า ตะวันเดินออกมา เขาตั้งใจจะหันหลังกลับวิ่งออกจากป่าบ้าๆ นี่ให้เร็วที่สุด แต่หางตากลมไปสะดุดกับถุงผ้าป่านที่ตกอยู่ไม่ไกล ตะวันตัดสินใจแกะดูก่อนจะเบิกตาขึ้น
พลอยหลากสีเม็ดโตอยู่ในนั่นแต่ดูเหมือนจะยังไม่ถูกเจียระไน ก่อนมือเรียวจะหยิบเม็ดหนึ่งติดมือขึ้นมา มันอยู่ในห่อผ้าอีกชั้น เสมือนผู้เป็นเจ้าของจะทะนุถนอมเป็นอย่างดี
เพชร…
ถึงจะไม่ได้จบสูง แต่ตะวันก็ไม่ใช่คนโง่ที่ดูไม่ออกว่ามันเป็นเพชรที่ผ่านการเจียระไนมาอย่างดี ดูท่าจะเป็นเพชรน้ำงาม เหมือนฟ้าจะประทานทุนชีวิตมาให้เขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ตะวันกำถุงผ้าป่านนั้นแน่น ปากเรียวอิ่มเผลอกัดอย่างลำบากใจ สำนึกผิดชอบชั่วดีปะปนในใจจนยากจะตัดสิน
เขาฝันมาตลอดว่าจะเป็นครู แต่ทุนชีวิตคนเรามีไม่เท่ากัน ฝันนั้นจึงเลื่อนลอยไกลออกไป หากจะรบกวนไปถึงหม่อมท่านตะวันยิ่งไม่กล้าเอยปาก แค่ข้าวสามมื้อกับที่ซุกหัวนอนตั้งแต่เด็กจนโตแค่นี้พระคุณของครอบครัวเศวตนิวัฒน์ก็ไม่อาจทดแทนได้หมด ผิดชอบชั่วดีไม่แพ้ แต่อนาคตต่างหากที่ตะวันเลือก ของโจรนั้นไม่แคล้วจะ
เอาไปบำรุงปรนเปรอด้วยเหล้ายา สู้ให้มันไปทำประโยชน์ทางการศึกษาต่ออนาคตให้เขา อย่างน้อยมันก็เป็นประโยชน์กว่าอยู่กับโจร
มนุษย์คือคนที่มีทั้งด้านดีและเลวสลับกันไป จะเรียกว่าเขาเห็นแก่ตัวเพราะคือมนุษย์ก็คงไม่ผิดนัก
ตะวันรีบเก็บถุงผ้าป่านนั้นเข้ากางเกงก่อนจะรีบวิ่งตัดผ่านป่าออกไปทางถนนแล้วตรงกลับบ้าน เขาหวังเหลือเกินว่าคุณชายอิทธิจะอยู่ที่นั่น ดวงตากลมมองเห็นแสงตะเกียงของหญิงสูงวัยที่จุดชูรี่ตามองเขาในระยะไกล แต่นั่นไม่เท่ากับร่างของคนที่ตามหาหยุดยืนอยู่เคียงข้างหญิงชรา
“คุณอิทธิ!” ตะวันตะโกนเรียกอย่างดีใจ คุณชายเองก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
“วันหายไปไหนมา ฉันตามหาเสียให้ใจหายใจคว่ำ” กลับกลายเป็นว่าเขาอาจจะเป็นคนที่โดนตามหาเสียเอง
“วันลงมาจากห้องแล้วไม่เจอคุณอิทธิเลยไปตามหาแถวป่าฝั่งนู้นน่ะครับ” ตะวันกล่าวหน้าเจือน รู้สึกผิดไม่น้อยเลย ยิ่งมือแตะโดนของในกระเป๋ากางเกงก็ยิ่งรู้สึกผิด
“ฉันก็ต้องขอโทษนะวัน ฉันออกไปเดินเล่นแล้วเกิดหลงทาง บังเอิญเจอป้านุ่มเข้าพอดีเลยนำทางกลับมาบ้านถูก” ป้านุ่มที่อยู่ข้างๆ ยิ้มยิงฟันให้เขาอย่างเป็นกันเอง แต่มันไม่ได้ทำให้ตะวันรู้สึกดีขึ้น
“วันสิครับต้องขอโทษ” ขอโทษที่เห็นแก่ตัว
“ไม่เป็นไรนะวัน กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว” คุณชายอิทธิเข้ามากุมมือเขาอย่างตื่นตระหนกจนเขาต้องเงยหน้าขึ้นมามองดวงตากลมแต่ยาวรีสีน้ำตาลอ่อนต้องแสงตะเกียงที่สั่นระริกปนหวาดกลัว
“สัญญานะครับว่าต่อจากนี้จะไม่ไปไหนคนเดียว” ตะวันนึกห่วงผู้ที่ทั้งเป็นเจ้านายและเพื่อนสนิทไม่ได้ ยิ่งมีกลุ่มคนน่าสงสัยกำลังเล็งเป้าหมายมายังคุณชาย หากคุณชายเป็นอะไรไป เขาคงไม่มีหน้ากลับไปวังเศวตนิวัฒน์อีกแล้ว
“วันก็ด้วยนะ”
“รีบเข้าบ้านกันเถอะพ่อคุณของป้า เสียงรัวกระสุนปืนตอนเสือเมฆมันบุกปล้นพ่อเสี่ยซ้งตอนหัวค่ำ ทำเอาป้าหัวใจจะวายให้ได้”
“เสือเมฆ?”
ชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหน
ป้านุ่มใช้มือดันหลังให้เขาและคุณชายรีบเปิดรั้วสีน้ำตาล เพื่อเข้าบ้านอย่างเร่งรีบชื่อที่ป้านุ่มเอ่ยออกปากนั้น ทำเอาตะวันทั้งคุ้นเคยและตกใจในเวลาเดียวกัน อย่างบอกนะว่า…
ไอ้คนหุ่นหมี หน้าหนวดเหมือนคนบ้านั่นคือ ‘เสือเมฆ’
“คุณชายมาอยู่ใหม่คงยังไม่เคยได้ยินชื่อเสือเมฆหรอกเจ้าค่ะ” เมื่อคุณชายอิทธิมานั่งที่เก้าอี้หวายแล้ว ป้านุ่มก็จัดการหันซ้ายมองขวาก่อนจะจัดการลงกลอนทั้งประตู หน้าต่างจนสนิท ตะวันที่นั่งลงบนพื้นเคียงข้างป้านุ่มยังอกสั่นขวัญแหวนไม่ได้ ยิ่งมันจับจ้องการมาของคุณชายด้วยแล้วก็ยิ่งอันตราย
“มันเป็นโจรใช่ไหมครับป้า” ตะวันเอ่ยถามอย่างตกใจ
“ใช่สิจ้ะ พ่อคงชื่อตะวัน คุณชายท่านเล่าเรื่องพ่อให้ป้าฟังแล้ว ตัวจริงหล่อแถมยังหน้าหวานอีกนะพ่อ” ตะวันแต่หัวเราะแหะๆ ตอบกลับไปไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนกันระหว่างเสือกับคำชมของป้านุ่ม
“ที่นี่มีโจรด้วยหรือครับ” เป็นคุณชายอิทธิที่ครองสติได้ดีกว่าใคร เอ่ยถามคนสูงวัยที่สุดในวงสนทนา
“ที่นี่เขาเรียกพวกนั้นว่าเสือ แต่หัวหน้าเสือ มันชื่อ เสือเมฆชุมมันอยู่เทือกเขาล้อมค่ะคุณชาย มันมีคนสนิทที่เป็นทั้งพี่ชายและคู่หูอีกคนชื่อว่า เสือมืดที่ว่ากันว่าชอบคนสวยๆถ้ามันถูกใจใคร ไม่เคยมีใครที่รอดพ้นมือมันไปได้ แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นหน้าพวกมัน
ชัดๆ สักคน ใครที่เห็นหน้ามันแล้วต้องตายทุกคน” ป้านุ่มเอ่ยขึ้นมาอย่างหวาดกลัว
“แต่ผมไม่กลัวหรอกครับ ผมมาทำหน้าที่ไม่ได้มาทำร้ายใคร”
“แต่พวกนั้นก็ยังเอาโฉนดของชาวบ้านที่ติดหนี้ที่ปล้นได้จากเสี่ยซ้งมาโปรยที่หน้าบ้านกำนันสมิงเลยเจ้าค่ะคุณชาย ป้าเองก็ยังไม่รู้ว่ามันว่าร้ายหรือมาดี”
คุณชายอิทธิมีสีหน้าวิตกอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ ใบหน้างดงามนั้นมองมายังเขาอย่างขอความคิดเห็น
“คนที่นี่ดูจะรักเสือสางจังเลยนะครับป้า” ตะวันกล่าวอย่างติดตลก ป้านุ่มเองก็ไม่ได้ต่อต้านที่เขาเอ่ยถามแถมยังเล่าอย่างไม่ติดใจอะไร
“เขาช่วยชาวบ้านหลายเรื่องจ้ะพ่อตะวัน เรียกว่ามีผู้คุ้มครองจะดีกว่า เพราะที่นี่ตำรวจอันตรายกว่าโจรเสียอีก พ่ออยู่ๆ ไปจะเข้าใจชาวบ้านที่นี่”
“ยังไงก็ดึกดื่นแล้วป้านุ่มนอนที่นี่เลยก็ได้ครับ ผมเกรงว่าถ้ากลับบ้านคนเดียวจะอันตราย”
คุณชายอิทธิเอ่ยตัดบท ก่อนตะวันจะจัดที่นอนที่ห้องโถงชั้นล่างให้ป้านุ่ม ร่างโปร่งรีบอาบน้ำอาบทาเสร็จก็รีบขึ้นมาที่ห้องนอนใหญ่ของคุณชายอิทธิ เพื่อดูแลความเรียบร้อยให้คุณชายอีกครั้ง คุณชายอิทธิที่สวมชุดนอนเนื้อดีเรียบร้อยนั่งลงบนเตียง เอ่ยถึงเรื่องเสืออีกครา ยามไร้ป้านุ่ม
“ถ้าที่นี่มีโจรเราคงต้องดูแลตัวเองให้มากกว่านี้” คุณชายอิทธิเอ่ยขณะเปิดลิ้นชักข้างหัวนอน หยิบปืนลูกโม่งออกมาเช็คสภาพ
“คุณชาย..”
“ฉันกะจะพกไว้เฉยๆ ไม่คิดเลยว่าอาจจะได้ออกมาใช้จริงๆ”
“เราให้คนของกำนันสมิงมาเฝ้าที่นี่ดีไหมครับ” ตะวันเสนอทางเลือก เขากังวลยิ่งว่าคุณชายอิทธิจะเป็นอะไรไป ยิ่งของที่เก็บกลับมาวันนี้ด้วยแล้วล่ะก็ ตะวันก็ยิ่งกดดัน กลัวเจ้าของมันจะกลับมาทวงคืน
“ยังไม่ต้องขนาดนั้นหรอกวัน ถ้าให้คนของกำนันสมิงมาเฝ้าที่นี่ ฉันเกรงว่าจะเป็นจุดเด่นมากเท่านั้น”
“เอ่อ..คุณชายครับ” ตะวันเหมือนน้ำท่วมปาก นาทีนี้เขาไม่แน่ใจอีกแล้วว่าการเก็บของโจรกลับมามันจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่
“ดึกมากแล้วนะ วันไปนอนเถอะ” คุณชายอิทธิรีไฟที่หัวเตียง ตะวันจึงได้แต่เดินคอตกกลับมาที่ห้องนอนเล็กที่ชั้นล่าง ไม่รู้เลยว่าเจ้าของถุงผ้าป่านจะหัวเสียจนชุมเสือแทบแตก ใครก็เข้าหน้าไม่ติด
โครม!
ฝ่าตีนหนักแตะเข้าให้ที่ไหเหล้าจนตกแตกไปหลายใบ ไอ้เปล่งได้แต่มองด้วยความเสียดาย อดอยากปากแห้งมาหลายวัน ไหเหล้าชั้นดีตกเป็นที่ระบายอารมณ์ใต้ฝ่าตีนพี่เมฆไปโดยปริยาย ยังไงก็ดีกว่าให้เขาตายคาตีนพี่เมฆนั่นแหละ
“มึงหาดีแล้วนะไอ้เปล่ง” เมฆเอ่ยเสียงเย็บเย็นกับลูกน้องคนสนิท ดวงตาทรงอำนาจมองใครก็ต่างขนลุก
“ฉันไปหาถึงชายป่านู้นก็ยังไม่เห็น”
“ใครมันเอาของกูไป มันได้เห็นดีกับกูแน่”
“ละ แล้วพี่เมฆจะให้ฉันไปสืบที่หมู่บ้านไหมพี่”
“ได้เรื่องแล้วมารายงานกู”
เมฆนั่งลงที่แคร่พลางเอ่ยคำสั่งเด็ดขาด ตวัดเอาจอกเหล้าเข้าปากบรรเทาความหงุดหงิด ถุงผ้าป่านนั่นมีรัตนชาติหายาก เขาเก็บสะสมมาหลายปี เมฆมั่นใจว่ามันคงจะตกอยู่แถวชายป่าที่เขาขี่ม้าไปดูศพไอ้พวกเดนนรกตอนหัวค่ำ ถ้าไอ้เปล่งไปหาแล้วไม่เจอ มันคงไม่ได้ล่องหนไปไหน มีแต่คนบางคนที่มันริอาจลักของโจร เขาจะทำให้มันรู้ซึ้งเลยว่าผลของการ ‘ลัก’ ของโจรมันเป็นยังไง
------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานมากจริงๆ ขอกลับมาเขียนเรื่องนี้ด้วยเนื้อหาใหม่นะคะ