หึ... ดูท่าจะเลี้ยงไม่ยากด้วยกันทั้งคู่นะ
kamin
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะคะ โชคครั้งที่ • 10.2 •• • • ต่อค่ะ 100% • • •
พี่เรนอ่า...
ทำไมภาพข้างหน้ามันไม่ค่อยชัดเลยนะ มองอะไรก็เบลอๆ ไปหมดเลย มันเห็นนะแต่เห็นแบบไม่ชัด ไม่ถึงกับมองไม่เห็น แต่มันเห็นไม่ชัดอะ...
ผมยกมือขยี้ตาอีกสองรอบเพื่อที่ว่าผมจะมองเห็นตรงหน้าชัดขึ้น แต่มันก็ยังไม่ชัดอยู่ดี ผมเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปข้างหน้าต่อ มือก็กระชับสายสะพายของกระเป๋าย่ามใบโตเอาไว้ อีกข้างก็หนีบกระดานวาดรูปเอาไว้ด้วย
ปึก!
อูย... เจ็บจังครับ
ผมเดินชนอะไรสักอย่างเต็มแรง แรงขนาดที่ผมล้มลงก้นจ้ำเบ้าแถมมือยังกระแทกพื้นถนนอีก
“พี่เรน!” ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อผมเอง พยายามหรี่ตามองว่าคนตรงหน้าเป็นใครแต่ก็เห็นไม่ค่อยชัด รู้แต่ว่าเขาตัวสูงแล้วก็... น่าจะตัวใหญ่กว่าผม ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ชนเขาแล้วล้มหรอกครับ
คนที่เรียกชื่อผมบ่นอะไรไม่รู้ออกมาเยอะเลยแต่ไม่ได้บ่นดังผมเลยไม่ได้ยิน แต่เขาก็ทิ้งตัวลงนั่งยอง คว้ามือผมไปดู ผมเบ้หน้านิดเพราะรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือ
“มือถลอกนิดหน่อย แต่ก็คงต้องไปล้างแผลแล้วก็ใส่ยา พี่ลุกไหวไหม” คนตรงหน้าที่ผมก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครถามออกมาอีกรอบ แต่จะว่าไป... เสียงคุ้นๆ นะครับ เหมือนจะได้ยินบ่อยๆ
เขาคว้าเอาย่ามของผมไปสะพาย เอากระดานวาดรูปผมไปหนีบแล้วก็ประคองผมลุกขึ้น ตอนนั้นแหละที่ผมเริ่มเห็นหน้าเขาชัดขึ้นเพราะเขาขยับเข้ามาใกล้
“กาย...”
“ก็ผมน่ะสิ พี่ลืมใส่แว่น ลืมใส่คอนแทคเลนส์หรือยังไงกัน”
ผมยกมือจับหน้าตัวเองทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ก็ว่า... ทำไมถึงมองเห็นไม่ชัดแล้วทำไมถึงขยี้ตาได้ง่ายนักเพราะผมลืมใส่แว่นตามานี่เอง ผมตั้งใจจะใส่แว่นตามาแล้วเมื่อเช้าก็รีบด้วย... ก็เลยลืม
“แหะๆ... ก็ว่าทำไมมองไม่ชัดเลย”
เพราะระยะใกล้ชิดผมเลยเห็นหน้าน้องเขาค่อนข้างชัด กายทำหน้าเหมือน... ยังไงดีละ เหนื่อยใจปนอึ้งๆ หรือยังไงก็บอกไม่ถูก ทำท่าเหมือนอยากจะบีบแก้มผมหรือขยี้หัวผมด้วย แต่เขาก็ไม่ทำนอกจากถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ... พี่นี่นะ เป็นคนที่ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าเกิดคนที่ชนไม่ใช่ผม แล้วถ้าคนที่ชนเขาไม่สนใจขึ้นมาจะทำยังไง” กายบ่นออกมาอย่างดุๆ ผมเลยได้แต่ยิ้มกลับไปให้
“แต่ก็เป็นกายไง...”
หือ... อะไรนะ เมื่อกี้น้องเขาพูดอะไรนะ ฟัดๆ ซัดๆ หรืออะไรสักอย่าง ผมไม่ได้ยินอะ เลยได้แต่ทำหน้ายู่ออกไปเพราะไม่ได้ยินที่กายพูด
งือ...
กายบีบปากผมอะ“ทำตัวน่ารังแก... ไปครับ เดี๋ยวไปใส่แผลที่มือก่อนแล้วเดี๋ยวผมไปส่งที่คณะ ว่าแต่ว่าพี่มีคอนแทคเลนส์ติดตัวไหมเนี่ย วันนี้จะเรียนได้ไหมครับไม่ใส่แว่นมาแบบนี้”
“คอนแทคเลนส์ อ่ะ! น่าจะมีอยู่ในกระเป๋านะ เฮ้อ... ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ เลย วันนี้มีสเก็ตด้วยสิ” พอพูดถึงคอนแทคเลนส์ผมก็นึกได้ เหมือนว่าจะมีอยู่ในกระเป๋า ก็ได้แต่หวังว่ามันจะมีจริงๆ นะครับ ไม่อย่างนั้นก็ต้องยอมกลับไปเอาแว่นที่หอหล่ะ เพราะว่าวันนี้จะมีสเก็ตงานส่งในคาบด้วย ถ้ามองไม่เห็นแล้วจะวาดรูปได้ยังไงละครับ จริงไหม...
ผมได้แต่เดินตามน้องกายไปที่ห้องพยาบาลที่อยู่ในตึกใกล้ๆ นี่ ผมไม่แน่ใจแหะว่าตรงนี้คือส่วนไหนของมหา’ลัย มองไม่ค่อยเห็นทาง ตอนเดินเข้ามาในมหา’ลัย ก็เดินไปเรื่อยๆ ด้วย
“อ๊ะ! แสบอะ” ผมร้องออกมาเมื่อมือของผมโดนน้ำ ตอนนี้รู้สึกว่าผมจะถูกพามาล้างมือที่อ่างล้างมือในส่วนของห้องพยาบาล
“เดี๋ยวผมใส่ยาให้ โชคดีนะที่เป็นมือซ้ายไม่อย่างนั้นวันนี้พี่คงเขียน หรือวาดอะไรไม่ได้หรอก” น้องกายบอกก่อนจะจูงผมกลับไปนั่งที่เตียงพยาบาล
ผมยกมือข้างซ้ายของตัวเองขึ้นดูใกล้ๆ มันถลอกแล้วก็แดงๆ แต่ไม่ได้เยอะมาก แล้วก็โชคดีอย่างที่น้องเขาว่าที่เป็นมือซ้าย ไม่อย่างนั้นลำบากแน่นอนเลยครับ ผมนั่งให้กายทำแผลใส่ยาให้ ได้แต่นั่งนิ่งๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร มองก็ไม่ค่อยชัดด้วย
“เพี้ยง! เดี๋ยวก็หายแล้ว”อ่า...
ผมได้แต่อมยิ้มกับการกระทำนั้น นึกถึงตอนผมเด็กๆ เวลาผมเป็นแผลเพราะหกล้มแม่กับพ่อก็จะชอบเป่าเพี้ยงให้ ตอนนั้นผมคิดว่าแม่กับพ่อผมมีมนต์วิเศษเพราะแค่พวกท่านเป่าผมที่ร้องไห้จ้าก็หยุดร้อง แผลที่เจ็บก็ไม่เจ็บ ถึงแม้ว่าพอโตขึ้นหน่อยผมจะรู้แล้วก็ตามว่าไม่ได้มีมนต์วิเศษอะไร แต่ผมก็ชอบให้ทั้งสองคนเป่าแผลให้เสมอ แม้กระทั่ง... ตอนนี้
“ขอบคุณนะ” ผมพูดขอบคุณเสียงเบา ดึงมือข้างซ้ายตัวเองมากุมเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าทำไมแต่แก้มผมเหมือนมันร้อนๆ จนต้องใช้มือยกขึ้นจับดู มันร้อนหน่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังป่วยหรือไม่สบายนะ แค่มันร้อนๆ เท่านั้นเอง
“ไม่เป็นอะไรครับ” กายพูด ผมได้ยินเสียงเขารื้ออะไรอยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะเห็นเขาชัดขึ้นเมื่อเขาเดินมายืนอยู่หน้าผม ไม่สิ... เดินมายืนอยู่กลางหว่างขาของผมที่นั่งอยู่บนเตียง
ผมว่า... มันน่าอายนิดๆ นะ
“เดี๋ยวผมใส่คอนแทคเลนส์ให้” เขาบอกแบบนั้นแล้วก็จัดการใส่คอนแทคเลนส์ให้ผม ส่วนผมก็ได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้กายใส่คอนแทคเลนส์ให้
ผมกระพริบตาปริบๆ เมื่อเขาถอยห่างออกไปแล้ว และผมก็เห็นทุกอย่างชัดเจน “ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ไปเถอะ... เดี๋ยวผมเดินไปส่งขืนปล่อยให้พี่เดินไปคณะคนเดียว ได้หลงทางอีกแน่นอน” กายว่า คว้าเอาย่ามผมไปสะพายแล้วยังเอากระดานวาดรูปผมไปถือเอาไว้อีกด้วย แล้วก็คว้ามือของผมไปจับเอาไว้
น้องกายผมหันไปมองคนที่เดินตามผมไม่ห่างแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะเบนสายตาลงไปมองมือของผมเองที่กำลังจับมือของพี่เรนเอาไว้ มือของพี่เรนเล็ก... เล็กกว่ามือของผม เล็กจนผมแทบจะกุมมือของเขาเอาไว้จนมิด
ผมเก็บรอยยิ้มของตัวเองไม่ได้เลย ผมรู้ว่าผมกำลังยิ้ม แต่ผมไม่รู้หรอกว่าผมยิ้มกว้างมากแค่ไหน และผมแทบจะไม่ละสายตาไปจากคนข้างกายเลยสักนิดเดียว
“แต่พี่นี่ก็นะ... เดินเข้าไปได้ยังไงแบบที่มองอะไรก็ไม่เห็นแถมยังหลงไปจนเกือบจะถึงคณะผมอีก” ผมอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา ถ้าพี่เรนยังขี้ลืมและขยันหลงทางแบบนี้บ่อยๆ ผมว่ามันไม่ดีเลย นี่ถ้าเกิดออกไปไหนแล้วไปหลงทางขึ้นมาจะกลับหอถูกไหม ถ้าเกิดหลงทางไปที่ในแปลกๆ ขึ้นมาจะทำยังไง จะเอาตัวรอดได้ยังไง
ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดนะครับ
ผมเป็นห่วงจริงๆ นะ นี่ขนาดในมหา’ลัย แถมอยู่มาตั้งหลายปีพี่เรนยังหลงทางได้เกือบทุกวัน บวกกับนิสัยขี้หลงขี้ลืมอีก
“กาย...” ผมหันไปมองคนที่เรียกผมเสียงเบา พร้อมกับดึงมือผมเอาไว้ด้วย
“ครับ”
“ขอโทษ... พี่ทำให้ลำบากมากเลยใช่ไหม” พี่เรนพูด “พี่ไม่ได้อยากจะหลงทางนะ ไม่ได้อยากจะขี้ลืมด้วย แต่ว่า... แต่... มันก็แก้ไม่หายสักที”
ผมยืนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ของพี่เรน บีบมือที่จับมือของพี่เรนเอาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม “ไม่ๆ พี่เรนไม่ใช่ ผมไม่ได้ลำบาก ไม่ได้ไม่ชอบใจหรืออะไร แต่ผมเป็นห่วง ผมเป็นห่วงพี่กลัวว่าถ้าเกิดพี่เผลอไปหลงทางที่ไหนอะไรยังไงมันจะเป็นยังไง ถ้าเกิดผมไม่เจอพี่จะทำยังไง”
“พี่...”
“ผมเป็นห่วงพี่นะพี่เรน”
“อ... อือ” คนตรงหน้าผมชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับผิวแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อจางๆ
“เอาอย่างนี้นะ” ผมปล่อยมือจากพี่เรน ค้นกระเป๋าพี่เขาก่อนจะถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์พี่เรนออกมากด แล้วชูให้พี่เขาดู “นี่เบอร์ผม ต่อไปนี้ถ้าพี่จะไปไหนมาไหนก็ส่งข้อความ ส่งไลน์หรือจะโทรก็ได้ แต่ต้องบอกผมตลอด บอกด้วยว่าไปกับใครบ้าง แล้วจะกลับตอนไหน ผมจะได้รู้แล้วก็ถ้าต้องไปไหนเองคนเดียวให้โทรหาผม ผมจะไปด้วย ถ้าต้องกลับคนเดียวก็ให้โทรหาผม ผมจะไปรับ”
พี่เรนได้แต่ยืนฟังผมตาปริบๆ แต่ผมก็ไม่ปล่อยโอกาสให้พี่เขาได้คิดหรืออะไรเพราะผมพูดต่อทันที “ที่ผมทำแบบนี้เพราะผมเป็นห่วง พี่เข้าใจใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น... ทำตามที่ผมขอร้องได้ไหม”
คนตรงหน้าผมนิ่งไปเพียงนิดก่อนจะพยักหน้ารับ ผมเชื่อว่าพี่เรนคงยังมึนๆ งงๆ อยู่นั่นแหละครับ จะหาว่ามัดมือชกก็ได้แต่ผมก็หวงของผม ห่วงของผมเหมือนกัน
ผมยิ้มรับเมื่อพี่เรนพยักหน้า ก่อนจะคว้ามือพี่เรนมาจับอีกรอบแล้วพาเดินไปส่งที่คณะของพี่เขา แน่นอนว่าตลอดทางมีแต่คนมองมาที่ผมกับพี่เรน แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกครับ ส่วนพี่เรน... ก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ หรือไม่ก็กำลังคิดถึงสิ่งที่ผมพูดอยู่ก่อนหน้านี้ก็ได้
“พาเด็กหลงทางมาส่งครับ” ผมเดินเข้าไปหาพวกพี่ตินาที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้หน้าคณะ ที่จริงผมส่งข้อความไปบอกพี่เขาก่อนแล้วว่าเจอพี่เรนแถวๆ คณะผมเดี๋ยวจะพามาส่ง พวกพี่เขาเลยมานั่งรอกันอยู่ตรงนี้
“งือ... พี่ไม่ใช่เด็กหลงทางสักหน่อย” คนข้างๆ ผมร้องประท้วงเหมือนเด็กๆ ทันที ขอซื้อได้ไหมไอ้ งือ นี่น่ะ ขอซื้อคนร้องให้ไปร้องให้ฟังที่ห้อง จะฟังมันทั้งวันเลย
“แกน่ะยิ่งกว่าเด็กหลงทางเสียอีก เด็กประถมยังไม่หลงทางบ่อยเท่าแกเลย” พี่ใบหม่อนพูด “อ้าวแล้วนี่มือไปโดนอะไรมา”
พอพี่ใบหม่อนทัก พี่คนอื่นๆ ก็หันมามองกันทันที คนที่มีแผลอย่างพี่เรนก็อึกอักไปเล็กน้อยก่อนจะอ้อมแอ้มตอบเพื่อนเสียงเบา “เราล้มน่ะ เดินชนกายแล้วก็ล้ม มือกระแทกพื้นเลยถลอก”
“แล้วเดินยังไงให้ชน” คราวนี้พี่สาเป็นฝ่ายสอบสวนบ้างครับ
“ง่า... ก็... เราลืมใส่แว่นมาเมื่อเช้า ลืมใส่คอนแทคเลนส์ด้วย เราก็มองไม่เห็นไง แล้ว... แล้วทีนี้พอเรามองไม่เห็น เราก็เลยชน...”
“แล้วนี่มองเห็นไหมเนี่ย”
พี่เรนพยักหน้ารับกับคำถามของพี่ตินา “เห็นๆ เรานึกขึ้นได้ว่ามีคอนแทคเลนส์อยู่ในกระเป๋าก็เลย... น้องกายใส่ให้แล้ว”
ชะอุ้ย
พอพี่เรนพูดแบบนั้นทุกคนก็เบนสายตาจากพี่เรนมาเป็นผมแทน เห็นแล้วสะดุ้ง สั่นสะท้านเบาๆ เลยทีเดียว “ก็พี่เรนมือเจ็บไง ผมเลยใส่ให้”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” พี่ตินาว่าแต่ก็ยังไม่วายหรี่ตาใส่ผม
ผมเลยได้แต่ยกมือเกาหัวตัวเองนิดๆ ก่อนจะวางกระเป๋าแล้วก็กระดานวาดรูปของพี่เรนลงบนโต๊ะ “ยังไงผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวกลับไปเรียนไม่ทัน แล้วเอาไว้เจอกันใหม่นะพี่ๆ ทุกคน”
แล้วผมก็เผ่นสิคร้าบบบบ
“เอาแต่เล่นโทรศัพท์นะมึงอะ”
“นั่นดิวะ ไม่สนใจเรียนนะมึง”
เสียงแรกเป็นเสียงของไอ้เกลียวครับ เสียงที่สองก็คู่หูมันไอ้ไม้ แต่ผมไม่สนใจครับ ปล่อยพวกมันเห่ากันไป
“ไม่ตั้งใจเรียนนะมึงอะ” คราวนี้เป็นไอ้แม็คครับ
ผมเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะส่งเสียงจิ๊อย่างรำคาญนิดๆ กับเสียงก่อกวนของพวกมัน “ไม่ได้เรียนไหมมึง”
ที่จริงคาบนี้มีเรียนนะครับ เป็นวิชาในคณะแต่พอดีคณะบดีเรียกอาจารย์ทุกคนประชุมแบบกะหันทันพวกผมก็เลยว่างครับ ว่างยาวตั้งสี่ชั่วโมงก่อนจะไปเรียนวิชานอกคณะกันต่อ
“แล้วตกลงมึงเล่นอะไรของมึงเนี่ย กูเห็นมึงเอาแต่กดโทรศัพท์ยิกๆๆๆ ไม่หยุดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” ไอ้เป้ถามผมก่อนจะชะโงกหน้ามามองโทรศัพท์ของผมครับ ผมก็ไม่ได้ปิดหรือหนีอะไร มันอยากดูก็ดู
แล้วพอมันเห็นมันก็ทำตาโตทันที “ว้าวๆๆๆๆ พี่กายนี่ไม่ธรรมดานะครับพี่น้อง”
“อะไรของมึง / วะ” พวกที่เหลือร้องถามออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน
“พี่กายเขาคุยแชทนะครับ” ไอ้เป้พูด ส่วนคนอื่นๆ ทำหน้างงเหมือนว่าแค่ผมคุยแชทแล้วมันไม่ธรรมดาตรงไหน มันก็เลยเฉลยทุกคนครับ “คุยแชทกับพี่เรนนะครับพี่น้อง”
แค่นั้นแหละพวกมันก็พากันชะโงกหน้ามาดูโทรศัพท์ผมกันใหญ่ ไอ้แม็คทำท่าจะแย่โทรศัพท์ผมไปกดอ่านแต่ผมไม่ยอมครับ ก็คุยกับพี่เรนอยู่จะให้มันแย่งไปได้ยังไงกัน
ครับผม... ผมกำลังคุยแชทกับพี่เรนอยู่ครับ ไม่ได้คุยอะไรมากหรอกครับ ผมไลน์ไปชวนพี่เรนหาอะไรกินกันตอนเย็น แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธกลับมาเพราะว่าต้องอยู่วาดรูปส่งอาจารย์ก่อนสองทุ่มเลยไปด้วยไม่ได้
ก็เข้าใจนะ... เพราะบางทีผมก็เจออาจารย์สั่งงานแบบนี้เหมือนกัน ตอนเช้าให้หัวข้อถ่ายรูปมาแล้วให้ส่งตอนเย็น วิ่งวุ่นกันแทบตายเลยครับ พี่เรนก็คงจะเหมือนกัน จะว่าไป... ผมซื้ออะไรไปให้พี่เรนกินตอนเย็นดีกว่า เห็นพี่เรนบอกว่าอาจารย์ปล่อยให้วาดรูปกันอิสระแค่เอางานไปส่งก่อนสองทุ่มก็พอ
เพราะอย่างนั้นหลังเลิกเรียนผมกับเพื่อนก็ไปหาอะไรกินกันก่อนที่ผมจะแวะซื้อของกิไปฝากพี่เรน อ๋อ... รวมไปถึงพวกพี่ตินาด้วยครับ จะเอาใจพี่เขาก็ต้องได้ใจเพื่อนๆ พี่เขามาด้วย ผมเดินหิ้วถุงเสบียงเต็มสองมือครับ มีทั้งข้าวกล่อง (คือโทรไปถามมาแล้วว่าพวกพี่เขาจะกินอะไรกัน) ขนม แล้วก็น้ำ
ผมเดินเข้าไปในอาคารของคณะศิลปกรรมศาสตร์ หลายคนหันมามองเหมือนจะงงๆ ว่าไอ้นี่มันมาได้ยังไง คือแบบเหมือนมีพลังงานบางอย่างแอบแฝง เหมือนอย่างเวลามีคนของคณะอื่นเดินเข้าไปในตึกคณะเราเอง เราก็เหมือนจะมีญาณหยั่งรู้ใช่ไหมละครับว่าคนนี้ไม่ได้เรียนคณะเรา อะไรแบบนั้นแหละ
“เสบียงมาแล้วครับ” ผมส่งเสียงทักเมื่อเห็นพี่เรนกับเพื่อนๆ นั่งล้อมวงกันวาดรูปอยู่ตรงลานกลางคณะ
อาคารของคณะนี้เป็นลักษณ์สีเหลี่ยมที่มีคอร์ดตรงกลางเป็นสวนครับ บรรยากาศดูร่มรื่นผิดกับคณะผม คณะผมจะเน้นแบบอะไรที่ค่อนข้างทันสมัย มีห้องคอมอย่างเยอะ ร้านไอที ร้านกาแฟ ต้นไม้ไม่ค่อยเน้นครับ แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีนะ แต่ถ้าเทียบกับคณะของพี่เรนแล้วบรรยากาศร่มรื่นกว่าคณะผมเยอะ
“เยี่ยมๆ ขอข้าวด่วนๆ คือหิวมากมายอะ” พี่สากวักมือเรียกผมก่อนจะดึงถุงใส่กล่องข้าวไปแล้วก็หยิบข้าวแจกเพื่อนๆ แต่ละคน ผมวางถุงที่เหลือลงตรงกลางวงแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พี่เรน หยิบน้ำผลไม้มาเปิดเอาหลอดใส่ให้เรียบร้อยแล้วส่งให้พี่เรน
“ขอบใจนะ” คนน่ารักยิ้มกว้างมาให้รับน้ำของผมไปดูดใหญ่ คงจะหิวน้ำ
ผมหันไปรับข้าวกล่องของพี่เรนมาจากพี่สา จัดการเปิดฝาหยิบช้อนให้เรียบร้อยครับ นี่ถ้าป้อนได้ป้อนไปแล้วแต่ป้อนไม่ได้ไง เลยได้แต่ส่งข้าวให้พี่เรนกิน ระหว่างนั้นผมก็ชะโงกหน้าดูภาพที่พี่เรนวาดไปด้วย
พี่เรนวาดรูปสวยมากจริงๆ ครับ เคยเห็นแต่ในโทรศัพท์ที่พี่เขาอัพงานลง นั่นก็ว่าสวยแล้วนะแต่พอมาเห็นจริงๆ แบบนี้คือโคตรสวยเลยครับ พี่เขากำลังวาดภาพภายในของห้องอะไรสักห้องอยู่ครับ น่าจะเป็นแนวแบบห้องจัดแสดงงานอะไรประมาณนี้
“มีวาดรูปส่งแบบนี้บ่อยเหรอ” ผมหาเรื่องชวนคุย
“อือ! อาทิตย์ละวัน แต่บางอาทิตย์ก็สองวันแล้วแต่อาจารย์น่ะ” พี่เรนตอบ ก่อนจะตักข้าวกินต่อ
หลังจากพวกพี่ๆ เขากินข้าวกันเสร็จก็หันกลับไปลงมือวาดรูปกันต่อเพราะเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้นก็ต้องเอางานไปส่ง ผมเองก็ไม่ได้กวนอะไรนั่งมองพี่เรนวาดรูปไปสลับกับคุยแชทกับเพื่อนๆ ในคณะไปด้วย
“อ่ะ” ผมแกะป๊อกกี้รสช็อคโกแลตก่อนจะหยิบป้อนพี่เรน พี่เขาชะงักนิดหนึ่งแต่ก็ยอมอ้าปากรับป๊อกกี้ที่ผมป้อน ผมเลยเปลี่ยนจากนั่งมองพี่เรนวาดรูป เป็นป้อนป๊อกกี้พี่เขาสลับกับคุยกับเพื่อนแทน
อีกสิบนาทีจะสองทุ่มพวกพี่ๆ เขาวาดรูปกันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ แต่ก็ต้องรีบเอาภาพไปส่งให้ทันก่อนสองทุ่ม ผมเลยอาสาจะนั่งเฝ้าของไว้ให้เองแล้วให้พวกพี่เขาวิ่งเอางานไปส่งกันแล้วค่อยกลับมาเก็บของกลับกัน
“หิวไหมครับ” ผมถามพี่เรน ตอนนี้ผมกับพี่เรนกำลังเดินกลับหอด้วยกันครับ พี่คนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว
“ไม่หรอก อิ่มแล้วกายหิวเหรอ”
“เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่าพี่จะหิว”
พี่เรนส่ายหน้าไปมา “ไม่หิวหรอก แต่อย่างนอนมากกว่าวันนี้เหนื่อยมากเลย” พี่เรนว่าเสียงยานคาง ฟังแล้วน่ารักดีครับอยากจะยื่นมือไปหยิกแก้มขาวๆ นั้น
“ฮ่ะๆๆ นี่ไงถึงหอแล้ว” ผมว่าเดินไปส่งพี่เรนที่หน้าหอ “รีบอาบน้ำแล้วก็นอนนะครับ ฝันดีนะพี่เรน”
พี่เรนพยักหน้ารับแล้วก็ยิ้มให้ผม “อื้อ! ฝันดีนะ”
แล้วคืนนี้... ผมก็ฝันดีอย่างที่พี่เรนอวยพรด้วยละครับ[color=#2a7286 ]************************************************
ครบ 100% แล้วค่าาาาาาา พี่เรนเขินน้องด้วยอะ เขินแต่ไม่รู้ว่าเขิน รู้แต่ว่าหน้าตัวเองมันร้อนๆ ไม่ได้จะเป็นไข้นะ แต่หน้ามันร้อนๆ แล้วพี่เรนคะ... ไม่ทันคนแบบนี้ก็ไม่ทันเจ้ากายมันน่ะสิ ดูสิได้ทั้งเบอร์ ได้ทั้งไลน์พี่เขาครอบครองแล้วนั่น แต่ก็นั่นแหละเนอะ จีบคนไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้งที ก็ต้องจีบกันแบบนี้แหละค่ะ ฮี่ๆๆๆๆ
ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ
อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ
https://www.facebook.com/fgc32yaoiสำหรับทวิตเตอร์ค่ะ
https://twitter.com/Fangiily_GCเข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเมนต์ กดโหวด คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ
[/color]