ต้องรีบกลับมาโพสอ่ะ... ใจร้ายจัง จะแช่งให้กระทู้ตกไปหน้าสี่เลยเหรอ
ผมน่ะ ทำงาน หัวหกก้นสะบัด... เอ้ย ขวิด (ก้นสะบัดน่ะทำอย่างอื่น...) โดนรีวิว งบประมาณจะเอาชีวิตไม่รอด ออกมาจากห้องประชุม เสื้อขาด ขนติดปาก... เฮ้อ... ไม่เห็นใจกันเล้ย... คนอ่านคนดีของไอ้ดิน
................................................................
ตอนที่ 25 ตามรอยอดีตกันยายน 2552
“พี่ดิน... วันออกพรรษาปีนี้ตรงกับ ต้นเดือนหน้า วันเสาร์ อาทิตย์พอดี เราไปเที่ยวอีสานกันเถอะ...”
เสียงน้องๆ ในออฟฟิสเอ่ยชวนผมซึ่งค่อนข้างเครียด ในระยะสองสามเดือนที่ผ่านมา ทั้งเรื่องส่วนตัว และเรื่องงาน ที่เพิ่งทำงบประมาณของปีหน้าเสร็จไปไม่นาน... ‘ไปเที่ยวพักผ่อนซักหน่อยก็ดีนะ’ ผมคิด
“ไปสิ... แล้วไปที่ไหนกันล่ะ...” ผมถามเพราะประเพณีออกพรรษาของอีสานมีน่าสนใจอยู่หลายที่....
“เราว่าจะไปงานบวงสรวงพระธาตุพนม กันค่ะ” น้องผู้หญิง ขาเที่ยวหันมาตอบ “ตอนเช้ามีบวงสรวงพระธาตุฯ บ่ายๆ มีแข่งเรือ ไทย – ลาว ที่มุกดาหาร แล้วก็กลางคืนเราจะไปดู ไหลเรือไฟที่นครพนม หรือไม่ก็ไปดู บั้งไฟพญานาค ที่โพนพิสัย หนองคายค่ะพี่...”
“อืมมมม น่าสนใจ” ผมบอก... “แต่ จากมุกดาหารน่ะ ถ้าไปโพนพิสัย พี่ว่าจะไม่ทันเอานา...”
“ยังไม่สรุปกันค่ะ... เรื่องโปรแกรมกลางคืน เพราะ บางคนบอกว่า ลาไม่ได้จะต้องกลับมาทำงานตอนเช้าวันจันทร์...
ผมพยักหน้า... ถึงผมจะเป็นหัวหน้าของหัวหน้าพวกน้องๆ พวกนี้อีกที แต่เรื่องการลา... ต้องลากับหัวหน้า แผนก... ผมไม่เคยก้าวก่าย หรือล้วงลูกในงานของน้องๆ...
“ไปไงล่ะ...”
“ว่าจะเอารถตู้ไปกันค่ะ... ออกคืนวันศุกร์ ไปเช้าที่มุกดาหาร เที่ยวตลาดอินโดจีน บ่ายข้ามไปลาว แล้วเย็นๆ มานอนที่ อำเภอพระธาตุ...” น้องผู้หญิงคนเดิมบอก...
“ท่าทางจะสาหัสนะ งวดนี้...” ผมบอก เพราะเท่าที่ฟัง โปรแกรมของพวกมันยาวเหยียด... แต่ผมคงไม่ยอมเหนื่อยอย่างนั้นหรอก เพราะวันลาผมเหลือพอสมควร... และโปรแกรมที่พวกนี้บอก หลักๆ ก็คือนครพนม... อำเภอพระธาตุ... บวงสรวง และ ไหลเรือไฟ... ทั้งหมด มันคือความหลังของผมกับไอ้ชลเหมือนกัน...
...............................................................................
... ความคิดผมย้อนเวลากลับไปเมื่อยี่สิบสามปีที่แล้ว...
...............................................................................
“ดิน... มึงปิดเทอมเมื่อไร...” ไอ้ชล ที่นอนซบอกผมอยู่บนเตียง ถามขึ้นมา... ระยะหลังผมมานอนบ้านมันบ่อยขึ้น เพราะขี้เกียจนั่งรถแท็กซี่กลับตอนกลางคืน ไว้ตอนเช้านั่งรถเมล์กลับ ประหยัดกว่า (เป็นข้ออ้างอ่ะ... หุ หุ)
“อีกสองอาทิตย์...” ผมบอก
“แล้วแฟนมึงล่ะ”
“เหมือนกัน แต่เห็นน้องษาบอกว่าจะไปออกค่ายอาสาฯ กับเพื่อนๆ ที่คณะ” ผมตอบ
ไอ้ชลเงยหน้าขึ้นมามองผม ตาเป็นประกาย... “งั้นมึงก็ว่างสิ... ไปเที่ยวบ้านป้ากูไม๊”
“เมื่อไรล่ะ แล้วป้ามึงอยู่ที่ไหน...” ผมเริ่มสนใจ เพราะนานแล้วที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดอย่างที่ผมชอบ
“นครพนม... อำเภอพระธาตุ...” ไอ้ชลบอก “บ้านป้ากูอยู่เกือบติดริมโขงเลยนะมึง... ไปตอนออกพรรษาเค้ามีบวงสรวงพระธาตุ กูอยากให้มึงไปเห็น...” มันทำตาอ้อน อยากให้ผมไปเต็มที่
“ไปสิ...” ผมยิ้ม ขยี้หัวมันเหมือนเด็กๆ ที่จริงไอ้ชลมันอายุมากกว่าผมหลายปี แต่เวลาอยู่ด้วยกันโดยไม่มีคนอื่น มันทำเหมือนกับเด็กขี้อ้อนคนนึง
“ไปสักสี่ ห้าวันนะ ดิน... กูอยากให้มึงเที่ยวให้ทั่ว...”
“ตามใจมึง” ผมบอก ก่อนจะหลับตาลง รู้สึกเพลินกับมือของไอ้ชลที่ลูบไล้ ไอ้ดินน้อยเล่นอยู่ไปมา... หลังจากจบศึกไปแล้ว อาบน้ำเสร็จ ยังไม่หลับเราก็นอนคุยกันเรื่อยเปื่อย...
ไอ้ชลเห็นผมหลับตา มันก็เงยหน้าขึ้นมาจุ๊บที่คางผมทีนึง... ก่อนจะก้มลงไปจุ๊บราตรีสวัสดิ์ ที่หัวเห็ดของไอ้ดินน้อยซะอีกหนึ่งที ซึ่งมันมักจะทำเป็นประจำ ก่อนนอนทุกๆ ครั้ง แล้วกลับมานอนหนุนไหล่ผมหลับไปทั้งสองคน
...............................................................................
คืนวันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2552 ผมกับพวกน้องๆ ในออฟฟิส ออกเดินทางด้วยรถตู้วีไอพี ที่เราว่าจ้างมา... น้องๆ นั่งร้องเพลงคาราโอเกะในรถที่มีจอติดอยู่บนเพดานกันสนุกสนาน... คงมีแต่ผมที่นั่งอยู่แถวหน้า กับ ผู้ช่วยอีกคนนึง ที่พอขึ้นรถมาประมาณ สามทุ่มกว่า ก็เอนหัวหลับไปตลอดทาง
ผมนั่งมองวิว มองความมืดข้างทางไปตลอด... นานๆ ครั้ง ที่ผมจะเดินทางด้วยรถตู้แบบนี้ เพราะไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก แต่ครั้งนี้ ผมจงใจที่จะเดินทางแบบนี้... ยังไม่ง่วงมากนัก เพราะปรกติเป็นคนนอนดึกอยู่แล้ว
หลังพิงพนัก ปรับเบาะเอนลงเล็กน้อย... สองตามองฝ่าความมืดออกไปนอกรถ แต่ ความคิดของผม นึกย้อนความหลังกลับไปเมื่อครั้งโน้น... ครั้งที่ผมเดินทางพร้อมกับ... “ไอ้ชล”
...............................................................................
ผมกับไอ้ชล ออกเดินทางด้วยรถทัวร์ปรับอากาศ จากขนส่งหมอชิตเก่า (ซึ่งขณะนี้กลายเป็น โรงซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าไปแล้ว) ประมาณสามทุ่มกว่า ผมกับไอ้ชลได้เก้าอี้ประมาณกลางๆ รถ ค่อนไปทางท้าย ผมนั่งอยู่ด้านใน
หลังจากแจกของทานเล่นพร้อมกับเครื่องดื่มให้ผู้โดยสารแล้ว เปิดวีดีโอให้ดูหนึ่งเรื่อง พอจบก็ปิดไฟให้ผู้โดยสารนอนพักผ่อน อากาศค่อนข้างเย็นเพราะก่อนหน้ามีฝนตกลงมาค่อนข้างหนัก
ผมกับไอ้ชลปรับที่นั่งให้เอนหลังลงมาจนสุด ห่มผ้าห่มที่ได้รับแจกมาคนละผืน ผ่านไปสักพัก ไอ้ชลก็พลิกตัวตะแคงเอาหัวมาพิงใหล่ผมพร้อมกับเอามือลอดใต้ผ้าห่มของผมมากุมของโปรดของมันไว้... ไม่นานมันก็แข็งเป็นท่อน ดันกางเกงยีนส์ของผมจนโป่งนูน...
“หนาวว่ะ ดิน...” มันกระซิบที่หูผม ปลดหัวเข็มขัดของผมออก ก่อนจะดึงกระดุมกางเกงยีนส์ออก...
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับKกรูวะ...” ผมกระซิบตอบ...
“Kมึง อุ่นดีอ่ะ...” มันบอก พร้อมกับจุ๊บที่ติ่งหูของผมเบาๆ สอดมือลงไปในกางเกงในของผมกำท่อนไอ้ดินน้อยไว้เต็มมือ... มิหนำซ้ำยังบีบเบาๆ เป็นเชิงกระตุ้นอีกต่างหาก...
ผมเอามือตบกระโหลกมันเบาๆ ในความทะลึ่งของมัน แล้วขยับตัวให้มันจับถนัดๆ (หุ หุ ของโปรดนี่ครับ)... ก่อนจะหลับตาลงพักผ่อน ปล่อยให้ไอ้ชลมันจับตามสบายไปตลอดทาง จนรถจอดแวะพักให้กินข้าวต้มแถวๆ โคราช
...............................................................................
นึกมาถึงตอนนี้ ผมก็อดยิ้มกับตัวเองในความมืดไม่ได้... เวลามันอ้อน เหมือนกับลูกแมวไม่มีผิด...
...............................................................................
พอผู้โดยสารขึ้นรถ เดินทางออกจากโคราชได้ไม่นาน คนขับก็ปิดไฟมืดให้ผู้โดยสารพักผ่อน ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็ปรับที่นั่งเอน เอาผ้าห่มๆ หลับกันไปตามๆ กัน
กำลังเคลิ้มๆ จะหลับ เสียงไอ้ชลก็กระซิบเข้าหู...
“ดิน... หลับแล้วเหรอ”
“อือมม...” ผมรับคำเบาๆ แอบยิ้มในความมืด... กรูนึกแล้ว...
“กูนอนไม่หลับอ่ะ...”
“ไมล่ะ...” ผมแกล้งถาม...
“อยาก...” มันกระซิบที่หูผม “อมK...” เอื้อมมือมาจับที่เป้ากางเกง ไอ้ดินน้อย เริ่มชูคอผงกสู้มือมันใต้ผ้าห่ม
ผมหัวเราะหึๆ ในลำคอ...ขยับตัวให้มันก้มตัวลงไปใต้ผ้าห่มผม เหมือนนอนหนุนตัก ปากไอ้ชลคาบที่กลางท่อนKของผมพอดี... ติดกางเกง... ไอ้ชลค่อยๆ ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของผมออกจนหมด... ดึงถลกลงไปด้านล่างพร้อมกางเกงใน ผมยกก้นขึ้นนิดนึงอำนวยความสะดวกให้มัน
แล้วผมก็ต้องสูดลมหายใจหนักๆ กัดฟันแน่น ไม่ให้ครางออกมา เพราะอีกวูบเดียว Kผมค่อนลำก็เข้าไปอยู่ในปากมันเรียบร้อยแล้ว...
มันทำไม่ค่อยถนัดหรอกครับ เพราะ ที่นั่งแคบ ไม่สะดวกเท่าไร มันอมKของผมเข้าไปได้แค่ค่อนลำเท่านั้นเอง แต่แค่นั้น ไอ้ชลมันก็ทำเอาผมตัวเกร็ง จับพนักข้างติดหน้าต่างไว้แน่น เพราะลีลาการอมKขั้นเทพของมัน ที่เม้มริมฝีปากไว้แน่นๆ ค่อยๆ รูดขึ้นลงช้าๆ ส่วนลิ้นทำหน้าที่ กระหวัดเลียไปตามเงี่ยง หัวบาน บางทีก็แหย่ลงไปตรงรอยแยกตรงส่วนปลายตวัดเบาๆ
ผมต้องคอยเหลือบสายตามองไปรอบๆ ว่ามีใครตื่นขึ้นมา หรือรู้หรือเปล่าว่า ผู้โดยสารสองคนกำลังทำอะไรกัน... ความเสียว บวกกับความตื่นเต้น ทำให้อารมณ์ผมเตลิดจนรั้งไม่อยู่
“ชล... กู แตกแล้ว ซี๊ดซซซซ” ผมบอกมันก่อนจะสูดปากเบาๆ ตัวเกร็ง Kกระตุก ทะลักน้ำเงี่ยนเข้าปากไอ้ชลเป็นระลอกๆ เกือบสิบครั้ง....
ไอ้ชลกลืนน้ำเงี่ยนของผมลงไปจนหมด มิหนำซ้ำยังจับKผมรีดลำท่อใต้Kให้น้ำเงี่ยนที่ค้างอยู่ที่ลำกล้องไหลออกมาให้หมด ก่อนจะตวัดลิ้นเลียเข้าปากมันจนเกลี้ยง... จนมันมั่นใจว่าไม่เหลือไว้สักหยดแล้วจึงค่อยดึงกางเกงของผมขึ้นมา จัดแจงติดกระดุม คาดเข็มขัดให้ผมอย่างเรียบร้อย....
มันผงกหัวขึ้นมานอนเอาหัวพิงใหล่ผม กระซิบเบาๆ
“มีความสุขไหม... ดิน...”
“ฮื่อ...” ผมรับคำ... “มึงล่ะ...ยังไม่แตกไม่ใช่เหรอ...”
“ไม่เป็นไรหรอก... กูอยากทำให้มึงอ่ะ... ไม่เอาน้ำออก เดี๋ยวมึงนอนไม่หลับ...หุ หุ...”
“อยากดูดKกู แต่พูดเอาดีใส่ตัวเลยนะ ไอ้เวร...” ผมกระซิบ พอได้ยินกันสองคน
ไอ้ชลหัวเราะคิกคัก ผมขยับโอบแขนไปรั้งใหล่มันให้เข้ามานอนหนุนอกผมอย่างที่มันชอบ... เขกหัวมันเบาๆ ไปทีนึง
“กูนอนอย่างนี้มึงไม่เมื่อยเหรอ ดิน...” มันเอนหน้าซบที่อกผม
“อือ... ไม่เป็นไรหรอก ชล... กูรู้ว่ามึงชอบ...”
ไอ้ชลจูบที่หน้าอกผมเบาๆ... กระซิบอีกที... “กูรักมึง ดิน” มันบอกผมเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้....
...............................................................................
เฮ้อ... เขียนภาคนี้ ยากมั่กๆ... พยายามจะถ่ายทอดความหวานของอารมณ์ออกมา แต่ก็ได้แค่เนี่ยะแหละครับ... ซึ่งจริงๆ แล้ว อารมณ์นั้นน่ะ มันหวานกว่านี้เยอะ...
เด๋ววันหลังมาต่อครับ สัญญาว่าจะมาไห้ไว นะครับ....
ดิน
...............................................................................