คุณนาถลดาได้ยินเต็มสองหู เธอเหยียดหลังตรง หันมาปะทะพี่สาว "งามอะไรกันพี่จี แฟนแกงเข้าตามตรอกออกตามประตู ผู้ใหญ่รับรู้ทั้งสองฝ่าย" น้ำเสียงคุณครูค่อนแคะและเต็มไปด้วยโทสะ "น้ำแกงเป็นเด็กดี มีอะไรก็บอกนาถทุกอย่าง นาถไม่เห็นว่าจะงามหน้าตรงไหน!"
น้ำแกงยิ่งเห็นแม่ปกป้องยิ่งสะอื้นหนัก ร่างเล็กๆ ร้องไห้จนตัวโยน
"หนอย... มีลูกผิดเพศจะไม่งามหน้าได้ยังไง! ฉันบอกแล้วว่าเอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม นี่คงแรดๆ หาผู้ชายเหมือนแม่มันสินะ!"
"แม่จี!" คุณหญิงตวาดลั่น ประคองหลานชายให้ขึ้นมานั่งบนตั่ง "หุบปากไม่สร้างสรรค์เดี๋ยวนี้นะ!"
"คุณแม่! แล้วพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน! มีหลานนอกใส้ไม่พอ ยังมาวิปริตอีก!"
"ก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละ!" หญิงชราตอบทันควัน "หน้าหล่อนก็เหี่ยวเท่าเดิม นิสัยก็เสียเหมือนเดิม ฉันไม่เห็นว่าการที่ 'หลานฉัน' มีแฟนเป็นผู้ชายแล้วมันจะทำให้หล่อนเป็นอะไรไป!" คุณหญิงเน้นที่คำว่าหลาน
"คุณแม่ก็เข้าข้างทั้งนาถทั้งลูก! ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หลานคุณแม่..."
ยิ่งป้าจีพูด ยิ่งคุณยายและคุณแม่ปกป้อง น้ำแกงยิ่งทรมาน เด็กชายอยากหายตัวไปจากที่นี่เหลือเกิน
อยากลบความจริงที่ว่าไม่ใช่ลูกคุณแม่ไปเสีย...
เป็นลูกกาเหว่าให้แม่กาฟักไม่พอ... ยังหน้าไม่อายอีกน้ำแกงเพิ่งตระหนักถึงความผิดตัวเองได้เพราะป้าจี ที่ผ่านมา ทั้งคุณพ่อคุณแม่รักและถนอมน้ำแกงมาตลอด น้ำแกงจึงเอาแต่ใจ ไม่สนใจใคร ตอนนี้น้ำแกงสำนึกแล้ว...
"พอเถอะครับ" ไตรภพโพล่งเสียงดัง ดึงแขนมารดาเชิงปราม "แม่พอเถอะ เรากลับกันก่อนวันนี้"
"ตาไตร!"
"ไตร พาแม่แกไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ" คุณหญิงโบกมือไล่
ร่างสูงของหลานชายดึงมารดาออกจากเรือนไป ได้ยินเสียงก่นด่าของรุจีราดังไม่ขาดสาย คุณหญิงถอนหายใจ ลูบหัวหลานชายในอ้อมแขนเบาๆ
"เลิกร้องเถอะ"
"แกง... ขอโทษ..." ภาพตรงหน้าพร่ามัว มองเห็นเพียงหยาดน้ำตา น้ำแกงโบยตีตัวเองด้วยคำพูดเจ็บแสบ รังเกียจตนเองสุดใจ ทว่าอ้อมแขนกลับอ่อนโยน ท่านยายที่ทั้งๆ ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดใดๆ ช่วยหลานชายซับน้ำตา
"ขอโทษยายทำไมลูก"
"กะ... แกงรักผู้ชาย... แกงไม่ใช่ลูก..." เสียงขาดห้วง ก้อนสะอื้นจุกที่คอจนพูดต่อไม่ได้ คำพูดของป้าจียังกรีดลงบนหัวใจดวงน้อย
ลูกกาเหล่าที่ดีแต่ทำเรื่องงามหน้า...
บางทีถ้าน้ำแกงไม่เกิดมาเสีย...ป้านวลได้ยินเข้าจึงได้สติ ส่งเสียงร้องดังอย่างสงสาร "โถ คุณน้ำแกงของป้า"
น้ำแกงไม่อาจสู้หน้าใครได้ แม้คุณแม่จะส่งเสียงปลอบ แต่ร่างโปร่งบนตั่งกลับยังร้องไห้เงียบๆ จนได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น คุณหญิงแสมดูคนเอวบางที่ตาแดง ก้มหน้าร้องไห้ไร้เสียงแล้วชวนให้คิดถึงบุตรสาว... คุณนาถลดาก็ร้องไห้เช่นนี้ ร้องคนเดียวเงียบๆ ไม่ต้องการให้ผู้ใดเห็น ไม่ต้องการคำปลอบโยนหรือความสงสาร แต่น้ำตาแต่ละหยดที่หลั่งรินกลับเสียดแทงได้เจ็บปวดนัก
น้ำแกงเหมือนแม่มาก แม้ไม่มีเลือดหยดใดที่เกี่ยวข้องกันเลย
คุณหญิงลูบศีรษะน้อย "นวล ไปเอาน้ำหวานมาให้หลานฉันที ร้องจนสะอึกแล้ว" ป้านวลรับคำคุณท่านแล้วลากเด็กแนนเดินตุ้บตั้บออกไป เมื่อทั้งสองลงจากเรือนไปแล้ว ท่านยายจึงหันกลับมาปลอบเด็กน้อยในอ้อมแขน
น้ำแกงของยาย... น่ารักน่าสงสารเสียจริง เหมือนวันแรกที่ยายเห็นไม่มีผิด ทารกน้อยผิวเข้มตาคมผมยาวมองท่านแป๋วแหววมาจากห่อผ้า บุตรสาวผู้เข้มแข็งของท่านประกาศกับทุกคนว่าจะเลี้ยงดูเด็กน้อย
เด็กทารกคนนี้ส่งยิ้มให้ท่านอวดเหงือกแดงแจ๋ ไม่รับรู้ว่าผู้ใหญ่เดือดร้อนกันขนาดไหน ท่านที่เคยนึกชังเด็กน้อยมาก่อนก็ค่อยๆ ยิ้มตาม เคยได้ยินฝรั่งเล่าว่า ทุกครั้งที่ทารกหัวเราะ จะเกิดเทวดาขึ้นหนึ่งองค์ ก็คงเป็นเช่นนี้ ทารกน้อยช่างน่ารัก บริสุทธิ์ดังผ้าขาว แม้ใครๆ จะพากันค่อนขอดว่ารูปชั่วตัวดำ แต่ท่านก็นึกรักทันทีที่เห็น ผิวของน้ำแกงเป็นสีน้ำผึ้งนวลเนียน ตาหวาน ขนตางอนหนา รูปงามตั้งแต่ยังแบเบาะ เมื่อน้ำแกงตัวน้อยของท่านโตขึ้นก็ยิ่งน่ารัก ใบหน้าสะสวยโฉบเฉี่ยวจนโดดเด่นที่สุดในหมู่หลานๆ กริยามารยาทไม่มีที่ติ นิสัยใจคออ่อนหวาน จึงทำให้ญาติๆ และคนรอบตัวถูกดึงดูดเข้าหา
แม้จะเป็นลูกกาเหว่า แต่เป็นกาเหว่าที่เป็นที่รัก ใครเห็นก็เกลียดไม่ลง
ท่านยิ้มปลอบใจ โอ๋หลานชายคนเล็กเหมือนเมื่อตอนยังอ้อแอ้ "ยังร้องไม่หยุดอีก แกงรักผู้ชายแล้วยังไง ยายไม่สนหรอก แกงเป็นเด็กดี เป็นหลานยาย... อย่าร้องนะลูก"
"แต่... แต่..." เด็กน้อยช้อนตาชุ่มน้ำขึ้นมอง ใบหน้าที่งดงามอยู่แล้วบวกกับกริยาที่ไร้เดียงสายิ่งทำให้ชวนสงสาร
"แมวน้อยของยาย... ใครเค้าไม่รักลูก ยายจะรักเอง เข้าใจไหม ? ใครเค้าจะว่ายังไง ยายไม่สน" น้ำแกงเห็นรอยยิ้มเอ็นดูผ่านม่านน้ำตา
"ดีแล้วที่กล้ามาบอกยาย ยายรักน้ำแกง ยายไม่อยากได้ยินจากคนอื่น... น้ำแกงกล้าหาญมาก ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ดีเสียอีก ยายจะได้หลานชายเพิ่มอีกคน" ท่านดึงแก้มนุ่มๆ หยอกล้อ "ยิ้มหน่อยแมวน้อย อย่างนั้น... เด็กดี"
น้ำแกงยิ้มตามอย่างง่ายดาย... ตั้งแต่เล็กๆ ท่านยายมักจะเรียกน้ำแกงว่าแมวน้อยเสมอ... จนกระทั่งน้ำแกงโต ท่านยายจึงหยุดเรียก โดยบอกว่าน้ำแกงเป็นหนุ่มแล้ว ไม่ควรเรียกเป็นเด็กเล็กอีก
น้ำแกงรักท่านยาย รักคำเรียกแมวน้อยของท่านยาย ถึงจะรู้สึกเหงา แต่ก็ฝืนบอกตัวเองว่าเพราะท่านยายเป็นห่วง เพราะอยากเป็นหลานรักของท่านยาย เพราะไม่อยากให้ใครๆ ด่าว่าเป็นหลานนอกใส้หรือลูกกาเหว่าอีก น้ำแกงจึงฝืนตัวเองเรื่อยมา
ฝืนทำตัวเข้มแข็ง ทั้งที่จริงแล้วอยากร้องไห้
ทำตัวสุภาพเรียบร้อย ทั้งที่อยากเล่นซุกซนเหมือนคนอื่นๆ
เป็นเด็กดีของใครๆ ทั้งที่น้ำแกงก็อยากอาละวาด อยากกรีดร้องบ้าง
จนกระทั่งได้พบฟงอวิ๋น... ถึงรู้ตัวว่าตัวเองฝืนแค่ไหน
และเป็นเหตุผลว่าทำไมน้ำแกงจึงเปิดหัวใจให้พี่ชายแปลกหน้าอย่างง่ายดาย
อยู่กับฟงอวิ๋น น้ำแกงไม่ต้องฝืนอะไรทั้งนั้น... จะเอาแต่ใจแค่ไหนก็ได้ จะแกล้งฟงอวิ๋นแค่ไหนฟงก็ไม่ว่า
น้ำแกงถึงรักฟง... เพราะอยู่กับฟง... แกงสบายใจ
น้ำแกงซุกหน้ากับอกท่านยาย ท่านตบหลังแปะๆ แล้วบอกให้ดื่มน้ำ น้ำแกงจึงค่อยสงบใจลง
"ไหน เล่าเรื่องแฟนเราให้ยายฟังซิ เป็นคนที่ไหนยังไง มีหัวนอนปลายเท้าไหม ?"
เด็กน้อยยิ้มเขิน ดวงตาหวานเป็นประกายด้วยความสุข ตอบช้าๆ "เป็นลูกศิษย์คุณแม่ครับ..."
คุณหญิงนั่งฟังหลานชายเล่าถึงแฟนหนุ่มอย่างเพลิดเพลิน ท่านซักถามหลานราวกับเป็นสาวรุ่น ท่าทางยินดีเมื่อหลานชายมีความสุข
น้ำแกงปาดน้ำตา...
.
..แกงโชคดีกว่าใครรู้ไหมฟง มีคุณแม่ที่รักแกงขนาดนี้ มีท่านยายที่รับแกงได้...
...แล้วแกงก็มีฟง...
...แกงมีความสุขจังเลย...ก่อนจะกลับ คุณหญิงให้ป้านวลตักขนมจีนน้ำยาปูใส่กล่องถนอมอาหารฝากให้ครอบครัวน้ำแกงไปกินที่บ้าน
หลานชายท่านตาแดงๆ กอดเอวท่านแน่น จนผู้เป็นยายต้องเตือน "กลับบ้านได้แล้วแกง"
"ท่านยาย..."
มือของผู้ชราตบที่ไหล่ปลอบประโลม "อย่าคิดมากเลย ป้าจีเค้าก็ปากอย่างนั้น แต่จริงๆ แล้วเค้ารักน้ำแกงไม่แพ้ใครนะ"
น้ำแกงรู้ดี... เพราะรู้ว่าป้าจีมีนิสัยแบบนี้นั่นแหละ ถึงเกลียดไม่ลง หลายครั้งที่คุณป้าพูดจาทำร้ายหลานโดยไม่รู้ตัว อีกวันมาก็รีบส่งขนมนมเนย ของเล่น เสื้อผ้าดีๆ มาง้อหลานเสียทุกครั้ง หลานชายพยักหน้ารับ แล้วยกมือไหว้ท่านยาย
"ไปก่อนนะครับ ท่านยาย"
"รีบกลับเถอะลูก เดี๋ยวค่ำรถจะติดอีก" รอยยิ้มอ่อนโยนวาดบนใบหน้า น้ำแกงรู้สึกขอบตาร้อนชื้น น้ำตาพาลจะไหลลงมาอีกเสียให้ได้
คุณแม่แตะศอกลูกชายเบาๆ แล้วพาลูกขึ้นรถ
ในความเงียบระหว่างทางกลับบ้านนั้น คุณแม่เพียงยิ้มให้ "แกงกล้าหาญมากลูก เก่งมากคนดี"
น้ำแกงยิ้มทั้งน้ำตา "ขอบคุณคุณแม่ครับ... ขอบคุณที่อยู่ข้างแกงเสมอ"
"แม่เป็นแม่น้ำแกงนี่ลูก ต่อให้คนทั้งโลกเป็นศัตรูกับลูก แม่ก็จะอยู่ข้างลูกเอง"
ก้อนสะอื้นจุกอยู่ที่คอ น้ำแกงหลุบตาลง ความรักอันดีงามรายล้อมน้ำแกง ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ท่านยาย พี่ไตร ฟงอวิ๋น หรือกระทั่งป้าจี...
ป้าจีแล่นมาหาน้ำแกงตั้งแต่เช้าในวันถัดมาอย่างที่ท่านยายบอก พี่ไตรเป็นคนขับรถมาส่งด้วยตนเอง
แม้ปากจะบอกว่า 'แค่นึกได้ว่าผ่านมาทางนี้ เลยมาขอโทษ' แต่ข้าวของของใช้ที่น้ำแกงชอบกลับกองพะเนินอยู่ด้านหลังรถ
ป้าจียังคงเป็นป้าจี ปากร้ายใจดี ท่าทางเย่อหยิ่งราวกับเกลียดชังทุกคนบนโลก น้ำแกงยกมือไหว้ขอบคุณคุณป้า แล้วปล่อยให้ป้าจีกอดๆ หอมๆ แก้ม ก่อนผู้เป็นป้าจะปรู๊ดปร๊าดออกจากบ้านไป รวดเร็วปานสายฟ้าแลบไม่แพ้ขามา
คุณแม่ช่วยน้ำแกงขนของเข้าห้อง แยกของใช้เป็นกองๆ มีเสื้อใหม่สองตัว กางเกงยีนส์แบบที่น้ำแกงเคยเห็นฟงอวิ๋นใส่หนึ่งตัว หนังสือสามเล่ม
"แกง ป้าจีถามมา" คุณแม่ช่วยเอาหนังสือใส่ชั้น หันมาคุย
"ครับ ?"
"ป้าจีชวนน้ำแกงไปอยู่บ้านโน้นจริงๆ เพราะใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ เห็นว่าพี่ไตรไปอยู่คอนโดแล้ว ป้ากับลุงเลยเหงาน่ะ"
น้ำแกงส่ายหน้ารัวเร็ว คุณนาถลดาหัวเราะขำ "นี่ยังกลัวฝีปากป้าจีอยู่สิเนี่ย เอาเถอะนะ แล้วนี่นายยุทธจักรจะมารับกี่โมง ?"
ลูกชายดูนาฬิกา "อีกสักพักก็คงมาครับ"
"อืม งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไปดูที่เรียนกันดีๆ ล่ะ อย่ามัวแต่เที่ยวเล่น"
"ครับ คุณแม่"
วันนี้น้ำแกงใส่เสื้อเชิ้ตตัวสวยที่ฟงอวิ๋นให้มา พอลองสวมคู่กับกางเกงยีนส์ที่ป้าจีเพิ่งเอามาไถ่โทษก็เข้ากันดี คุณนาถลดาใจไม่ดีเมื่อเห็นเอวคอดกิ่วและสะโพกกลมเด้งของลูกชาย
แต่... จะทักก็ใช่ที่ เรื่องบางเรื่องไม่ควรให้ลูกชายรู้ตัว
ไม่นานนัก ฟงอวิ๋นก็มารับตรงเวลา เด็กหนุ่มเข้ามาไหว้คุณนายแผล็บๆ เหมือนทุกทีแล้วรีบควงแฟนคนสวยขึ้นรถ
ฟงอวิ๋นชอบใจนักที่เห็นร่างโปร่งสวมเสื้อผ้าที่ซื้อให้ "แกง ใส่แล้วดูดีมากเลย"
"จริงเหรอ" น้ำแกงหน้าแดง ดึงเสื้อเบาๆ อย่างไม่มั่นใจนัก "เสื้อที่ฟงซื้อให้ไง ขอบคุณมากนะ"
"เข้ากับแกงก็ดีแล้ว" ฟงอวิ๋นพูดสบายๆ "วันนี้เราลองไปแวะดูที่เรียนก่อนไหม แล้วค่อยไปหาของกิน ?"
น้ำแกงพยักหน้ารับ ไม่เถียงสักคำ
เด็กทั้งสองมาถึงย่านพลุกพล่านเกือบเที่ยง ทั้งฟงอวิ๋นและน้ำแกงตั้งใจจะมาตระเวนดูสถานที่เรียนพิเศษสำหรับเปิดเทอม
วันก่อน มารดาฟงอวิ๋นมาถึงบ้านอีกครั้งเพื่อชวนน้ำแกงไปเรียนพิเศษที่สถาบันสอนพิเศษโดยเฉพาะ ตอนนี้ฟงอวิ๋นเรียนทันหลักสูตรที่โรงเรียนแล้ว แต่นางคิดว่าไม่ควรปล่อยให้ลูกชายใช้เวลาโดยไร้ประโยชน์ นั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้าน อย่างน้อยถ้าไปเรียนพิเศษก็จะได้เข้าสังคมบ้าง
หรือพูดให้ตรงคือ... ฟงอวิ๋นอยากเจอน้ำแกง พอเปิดเทอมมา น้ำแกงก็ต้องไปเรียน ช่วงเย็นๆ ก็คงยากที่คุณนาถลดาจะปล่อยลูกชายให้ออกไปตะลอนกับเด็กหนุ่ม ดังนั้น ทางแก้ที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้เจอคนงาม พ่อแม่ไม่หนักใจและคุณนาถลดาอนุมัติ จึงเป็นการเรียนพิเศษ
คุณนาถลดารู้ทันลูกศิษย์ดี แต่ทนการรบเร้าของลูกชายไม่ไหว แล้วไหนทางนั้นจะส่งแม่มาชักชวนอีก
อย่างน้อยๆ ถ้ามารดาฟงอวิ๋นรับรู้ ติดตามให้อยู่ในสายตาตลอดก็ยังดีกว่าให้เด็กทั้งสองไปลอบเจอกัน
คิดแบบนั้น... โดยที่นางเองก็ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกหรือผิด
ฟงอวิ๋นมีรายชื่อสถาบันสอนชื่อดังอยู่แล้วสองสามแห่ง หลังจากจูงมือแฟนเข้าที่นั่น ออกที่โน่น ก็ถูกใจบรรยากาศและการสอนของสถาบันแห่งหนึ่ง ทั้งเขาและน้ำแกงลงทะเบียนเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษและวิทยาศาสตร์สำหรับมอปลาย น้ำแกงค่อนข้างตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะต้องเรียนหลายวิชาขนาดนี้ ที่ผ่านมา น้ำแกงทบทวนบทเรียนด้วยตัวเองมาตลอด
เมื่อชำระเงินและจองที่นั่งแล้ว ฟงอวิ๋นก็ชวนน้ำแกงออกไปกินข้าวเที่ยงที่ห้างใกล้ๆ
"แกงอยากกินอะไร ?" ฟงอวิ๋นยืนถาม ช่วยคนตัวเล็กบังแดด ให้คนสวยยืนด้านหลังในร่ม ส่วนตัวเองยืนอยู่ริมฟุตบาธ
น้ำแกงหน้าแดงเพราะความร้อน เหงื่อเม็ดน้อยหยดลงบนแพขนตาหนาเหมือนน้ำค้างต้องกลีบดอกไม้ แก้มนวลสีน้ำผึ้งขึ้นสีระเรื่อน่ารัก ใครเดินผ่านก็อดมองไม่ได้
ผิวสีเข้มแปลกจากคนไทย ใบหน้าคมหวาน ดวงตาทรงอัลมอนด์ แผ่นหลังเหยียดตรง ท่วงท่าการเดินสง่างาม ดูอย่างไรก็เหมือนชาวต่างชาติ... ราวกับเป็นนางแบบหรือเจ้าหญิงจากแดนไกล
"กิน... กระทะร้อนได้ไหม ?" น้ำแกงเงยหน้าขึ้นถาม ยื่นทิชชู่ออกไปให้ฟงอวิ๋นหยิบเพื่อซับเหงื่อ แต่คนตัวสูงกลับเจ้าเล่ห์ บุ้ยปากให้
"เช็ดให้หน่อยสิ"
"แต่..." จะทำอย่างไรดี ผู้ชายสองคนจะมาซับเหงื่ออะไรกันหน้าธารกำนัล แต่จะให้มายื้อยุดกันตรงนี้ก็ยิ่งน่าอาย น้ำแกงจึงตัดสินใจ เขย่งตัวเพื่อใช้ทิชชู่ซับเหงื่อให้ใบหน้าตี๋จืด
พอทั้งคู่อยู่ใกล้กัน ยิ่งเห็นความต่างชัดเจน คนหนึ่งผิวขาวจัด ตาเป็นขีดเดียว โหนกแก้มสูงกว้าง กรามใหญ่ จมูกบานและปากหนา หน้าตาดูอย่างไรก็ไกลกับคำว่าหล่อ แต่อีกคนมีผิวนวลสีน้ำผึ้ง ตาคมหวาน จมูกโด่งเรียว ปากอิ่ม สวยเฉียบโดดเด่น คนเดินผ่านไปมาจึงพากันชะงักมอง
น้ำแกงข่มความอาย ใช้ทิชชู่เช็ดให้จนหมด พอกำลังจะหยุดมือ เสียงทักก็ดังขึ้น
"อ้าว นั่นฟงไม่ใช่เรอะ ?"
ใครกัน... ? หน้าสวยขมวดมุ่น รีบทิ้งทิชชู่ลงถังขยะใกล้ๆ
ฟงอวิ๋นมีสีหน้าน่ากลัว น่ากลัวยิ่งกว่าเจอน้ำแกงครั้งแรก ตาขีดเดียววาวโรจน์ "ชิน กาญจน์"
เด็กสาวท่าทางเปรี้ยวที่เดินคู่กันมากับคนแปลกหน้านั้นส่งยิ้มให้ หล่อนเข้ามาทักอย่างสนิทสนม... เกาะไหล่ฟงอวิ๋น "โฮ้ย ไม่เจอกันนานนะฟง เห็นว่าโดนตำรวจซิว ?"
ผู้ชายอีกคนที่ตามมาหน้าตาดี แต่ใบหน้าลึกตอบ ขอบตาคล้ำ ตัวผอมผ่าย ผิวเหลืองซีด น้ำแกงเห็นแล้วนึกถึงฟงอวิ๋นเมื่อเจอกันครั้งแรก
...หรือว่า... จะติดยา ?
ฟงอวิ๋นถามเสียงต่ำ "มีอะไร ?"
"แหมๆ ทำเป็นห่างเหิน" ผู้ชายคนนั้นยิ้มกริ่ม เห็นใบหน้าซูบผอม ดวงตาลึกโหลจนน่ากลัว เสียงแหบแห้งเหมือนเล็บขูดนั้นดังต่อไป "ออกจากโรงเรียนแล้วเหรอ ? บ้านมึงรวยนี่ ไม่แบ่งเพื่อนฝูงยืมใช้สักหน่อยเหรอ ?"
น้ำแกงเข้าใจในทันที ขบริมฝีปาก คว้าแขนคนตัวสูงแล้วกระตุกเบาๆ "ฟง ไปเถอะ"
เด็กสาวที่ใบหน้าดูแก่โทรมไม่แพ้กันนั้นหันกลับมาหา ส่งเสียงอุทานเสแสร้ง "อ้าว คนสวยนี่ใครจ๊ะ ? อ๊ะ ผู้ชายนี่หว่า อย่าบอกนะว่าเมียมึงน่ะฟง" หล่อนเหยียดยิ้ม หัวเราะเสียงดังเรียกความสนใจ มือเลื่อนออกไปหมายจะคว้าคนตัวบาง แต่น้ำแกงถอยหนีทัน ฟงอวิ๋นรีบเอาตัวมาบัง หล่อนหัวเราะเสียงแห้ง ดวงตาไร้แววนั้นมองร่างงามตั้งแต่หัวจรดเท้า
"โถ อีตุ๊ด ทำเป็นสะดิ้ง... อะไรกันวะฟง ที่ออกจากโรงเรียนไปเพราะได้เมียเป็นตุ๊ดหรือไง!"
เด็กหนุ่มไม่ทนอีกต่อไป หมัดหนักเงื้อขึ้นจะทำร้าย ฟงอวิ๋นแม้จะเคยติดยา แต่ก็ได้รับการบำบัด ออกกำลังอย่างหนักจนร่างกายแข็งแรงกำยำ เรี่ยวแรงย่อมมากกว่า เด็กสาวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็หวีดร้องรีบหลบ น้ำแกงต้องรีบคว้าแขนคนรักไว้
"อย่านะฟง!"
เรื่องราวชักไปกันใหญ่ เมื่อผู้ชายอีกคนเข้ามาร่วมวง ผลักอกฟงอวิ๋น น้ำเสียงยียวน "หวงอะไรวะ กะอีแค่ตุ๊ด มึงติดใจตูดก็ไม่บอก ว่าไงล่ะน้อง สวยขนาดนี้กูก็โอเคนะ" เขาจ้องตรงมาที่น้ำแกงด้วยสายตาโลมเลีย
น้ำแกงที่ถูกมองอย่างจาบจ้วงกลับสบตากลับ ไม่มีหลบ ดวงตาคู่งามไม่มีร่องรอยความกลัว ปากอิ่มสวยค่อยๆ เผยรอยยิ้มบางๆ ชวนขนลุก มองคนทั้งด้วยสายตาสูงส่ง ผู้มาใหม่ทั้งสองขนลุกเกรียว ผงะโดยไม่รู้ตัว
แค่รอยยิ้มเดียวกลับทำให้คนถอยกรูดได้... แฟนฟงช่างไม่ธรรมดา
แล้วเด็กหนุ่มก็ค่อยๆ แตะที่ศอกคนรัก พูดเบาๆ "ไปกันเถอะ ฟง"
ฟงอวิ๋นพยักหน้า แม้จะไม่พอใจ แต่ก็เห็นด้วยกับน้ำแกง... ทั้งชินและกาจญ์เมื่อเห็นเหยื่อกำลังจะหนี ร่างผอมแกร็นของชินจึงรีบกระชากแขนบางจากคนตัวโต ร่างน้ำแกงเซถลา ฟงอวิ๋นปฏิกิริยาไวกว่า เขาดึงน้ำแกงกลับมาทันที ร่างเล็กๆ ที่ถูกยื้อยุดไปหยุดอยู่ที่แผ่นหลังแฟนหนุ่ม ฟงอวิ๋นก้าวขึ้นมาข้างหน้า มือปัดชายหนุ่มออกอย่างแรง ส่งเสียงคำราม
"ไสหัวไป... อย่ามายุ่งกับคนของกู"
ชินส่งเสียงหัวเราะลั่น แม้ดวงตายังดูหวาดกลัวคนตัวเล็กที่ยืนด้านหลังเด็กหนุ่ม "ฮ่าๆ คนของมึง... สวยก็จริง แต่มีคว*! ว่าไงจ๊ะ สวยแบบนี้เป็นเมียไอ้ฟงมันเหรอ ?" ชินยื่นหน้ามาใกล้ๆ น้ำแกง เด็กน้อยเพียงขมวดคิ้ว ริมฝีปากอ้าขึ้นจะกล่าวอะไรสักอย่าง แต่ฟงอวิ๋นกลับหมดความอดทน ร่างสูงใหญ่ชกหน้าซูบผอมโดยที่น้ำแกงห้ามไม่ทัน คนรอบๆ พากันส่งเสียงร้องอุทาน น้ำแกงตกใจจนรีบดึงแฟนหนุ่มไว้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ทันเสียแล้ว...
แย่แล้ว...
สายตาที่ทุกคนมองฟงอวิ๋นนั้นไม่ดีเลย
น้ำแกงไม่ชอบ...
ไม่ชอบเลย... ดวงตาคมกวาดมองดูคนรอบตัว เลื่อนมือกุมฝ่ามือใหญ่ไว้ ถ้ายังปล่อยไว้แบบนี้ เรื่องต้องถึงตำรวจแน่ และถ้าเป็นอย่างนั้น... ฟงอวิ๋นจะเดือดร้อน
ฟงอวิ๋นอาจเคยมีอดีตที่ไม่ดีมาก่อน แต่เขาก็เอาชนะมันได้ กลับตัวกลับใจเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ น้ำแกงจะยอมให้อดีตมันกลับมาฉุดดึงเขาไปอีกไม่ได้
เด็กชายก้าวมาข้างหน้า ร้องบอกกับคนที่ยืนมุงว่า "ช่วยด้วยครับ! คนพวกนี้มาหาเรื่องแฟนผม!"
ดูอย่างไรก็ผู้ชายทั้งคู่ แต่ท่าทางที่เด็กคนสวย ตัวเพรียวบางกุมมือกับเด็กตัวโตอีกคนนั้นน่าสงสารกว่า อีกทั้งการแต่งตัว ท่าทางก็เป็นผู้ดี ใครคนหนึ่งในฝูงชนเสริมขึ้นว่า
"ผมเห็นตั้งแต่ต้น เด็กสองคนนั้น" ชี้ไปที่คู่กาจญ์และชิน "มาหาเรื่องเด็กพวกนี้"
"เด็กสองคนนั้นเพิ่งออกจากสถาบันเรียนเสริมนี่ ?"
"นั่นสิ เด็กดีๆ ต้องมาถูกหาเรื่อง"
"น่าสงสาร..." เสียงพึมพำเริ่มดังไปทั่ว ความเห็นใจและความคิดเห็นเริ่มเหมือนไฟลามทุ่ม น้ำแกงรีบพยักหน้า ก่อนปล่อยประโยคเด็ด "ใครก็ได้! ช่วยเรียกตำรวจทีครับ!"
พอได้ยินคำว่าตำรวจ ชินและกาจญ์ก็หน้าซีด เด็กทั้งสองรีบผลักคนที่มุงอยู่โดยรอบออกแล้วเผ่นหนี ยิ่งทำให้ฝูงชนเข้าข้างน้ำแกงและฟงอวิ๋น แม้กระทั่งป้าที่ขายล็อตเตอรีข้างๆ ก็เข้ามาช่วยพยุงเด็กทั้งสองพร้อมปลอบใจ
"ขวัญเอ๊ยขวัญมา เจอพวกขี้ยาเข้าล่ะสิลูก พวกนี้อย่าไปต่อความยาวสาวความยืดกับมันนะ เดี๋ยวมันทำร้ายเอา"
ทั้งน้ำแกงและฟงอวิ๋นยกมือไหว้ขอบคุณคุณป้า ยิ่งสร้างความประทับใจมากขึ้น "นี่แหละนะ พวกเด็กดีๆ ก็พลอยอันตรายไปด้วย แย่จริงๆ"
ตำรวจมาหลังจากนั้น น้ำแกงและฟงอวิ๋นยืนยันว่าไม่ต้องการมีเรื่อง จึงไม่แจ้งความ แต่ทั้งสองก็ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณลุงตำรวจ
ฟงอวิ๋นพาน้ำแกงออกเดินจากสน. ด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง...
"ไม่ถามเหรอแกง ?" ฟงอวิ๋นพูดหลังจากที่ทั้งสองเงียบกันมาสักพัก น้ำแกงพาฟงอวิ๋นไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นกระทะร้อน เด็กชายสั่งอาหารของตัวเองและแฟนหนุ่มให้ หลังจากนั้นก็นั่งเงียบๆ โดยที่ไม่ได้กดดันหรือเร่งเร้า
ไม่มีร่องรอยความโกรธเคืองหรือไม่มีพอใจ... ฟงอวิ๋นสัมผัสได้เพียงความเป็นห่วงและความรัก จนเขาเกลียดตัวเอง... หากน้ำแกงโกรธโวยวายคงดีกว่านี้
น้ำแกงยิ้ม "แกงรอให้ฟงเล่า"
เด็กหนุ่มตัวโตท่าทางเงอะงะ รอยยิ้มของน้ำแกงหวานบาดใจ... สวยจนเขาเผลอไป ตาชั้นเดียวหลุบลง ยิ่งน้ำแกงสวยเท่าใด แสนดีเท่าใด ฟงอวิ๋นก็ยิ่งละอายใจ
เขาเริ่มต้นเล่าช้าๆ ทั้งๆ ที่ยังหลบตา "กาจญ์กับชินเป็นเพื่อนเก่าฟง... ที่โรงเรียนเก่าน่ะ"
"ค่อนข้างสนิทกัน..."
"ฟงเคยนอนกับกาจญ์"
"แต่ไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกนะ" รีบเงยหน้าขึ้นดูคนตรงหน้า แต่น้ำแกงยังคงสงบ พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงบอกให้เล่าต่อ
"ตั้งแต่ฟงลาออกมา ก็ไม่เคยเจอทั้งคู่เลย... ฟงขอโทษนะ" เสียงเด็กหนุ่มเบาหวิว น้ำแกงเลื่อนมือออกไปแตะหลังมือคนตรงหน้าเบาๆ
"ฟงขอโทษอะไร ?"
"ขอโทษที่ทำให้แกงลำบาก... ทั้งๆ ที่แกงไม่ควรเจอเรื่องพวกนี้แท้ๆ... ฟงขอโทษ..." ดวงตาใสกระจ่างตรงนี่คืออะไรกัน น้ำแกงมองเขาด้วยความสงบนิ่ง ไม่ต่างจากนางฟ้าผู้บริสุทธิ์ ไม่เคยโกรธหรือเกลียดใคร ทั้งๆ ที่ฟงอวิ๋นเป็นคนลากน้ำแกงให้เจอกับอันตราย...
...ตอนนั้นที่น้ำแกงถูกชินกระชากตัวหรือกาจญ์เข้ามาใกล้นั้น หัวใจเขาหลุดจากขั้ว สองมือรีบตะเกียกตะกายหา ทั้งชีวิตตั้งแต่เกิดมา ฟงอวิ๋นไม่เคยใจหายขนาดนี้มาก่อน ราวกับที่ชินดึงไปนั้นไม่ใช่ตัวน้ำแกง แต่เป็นหัวใจของเขาเอง
ฟงอวิ๋นรักน้ำแกงกว่าที่ตัวเองคาดไว้เสียอีก รักจนทนไม่ได้ที่เห็นคนรักตกอยู่ในอันตราย
สองไหล่หนาสะท้อน จินตนาการไปถึงว่า... ถ้าน้ำแกงไปตกอยู่ในเงื้อมมือชินจริงๆ เขาคงสู้ตาย ไม่สนใจอนาคตที่เพียรสร้างมา ไม่สนใจบิดามารดาคนรอบข้าง ไม่สนใจว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บหรือ รู้เพียงแค่ต้องเอาน้ำแกงกลับมา!
"ฟง... ฟงฟังแกงนะ" ปลายนิ้วสวยเคาะหลังมือเบาๆ "เงยหน้าขึ้นมาสิ"
ฟงอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองตามคำเรียก เจอกับใบหน้าหวานสดใส แจ่มแจ้ง กล้าหาญ แผ่นหลังน้ำแกงยังคงเหยียดตรงสง่างาม สูงส่งต่างจากคนทั่วไป สำหรับฟงอวิ๋น... น้ำแกงเป็นเช่นนั้นจริงๆ
"ฟงรักแกงไหม ?" น้ำแกงถาม แก้มสวยขึ้นริ้วสีแดง ฟงอวิ๋นปากคอแห้งผาก ยิ่งคิดว่าคนสวยขนาดนี้ หากถูกชินกระชากไป...
...ไม่เอา ไม่เอาเด็ดขาด!กลัว... กลัวเหลือเกินว่าน้ำแกงจะเป็นอะไรไป
กลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย... ล้วนทำให้ฟงอวิ๋นคลุ้มคลั่งได้ทั้งสิ้น
"ฟง ?"
ฟงอวิ๋นสูดลมหายใจลึก ตอบตามตรง "ฟงกลัว... กลัวว่าแกงจะเป็นอะไร เพราะรัก... เลยกลัว"
รอยยิ้มบนใบหน้าอ่อนละมุน ดวงตานั้นสบตรงมาที่เขาโดยไม่ลังเล "แล้วฟงจะปกป้องแกงไหม ? เหมือนที่ฟงทำเมื่อกี้ ?"
เด็กหนุ่มตอบทันที "ฟงต้องปกป้องแกงอยู่แล้ว... ไม่ว่าอะไร...ใคร... ฟงจะไม่ยอมให้มาทำอะไรแกงเด็ดขาด!"
น้ำแกงรวบมือใหญ่ทั้งสองไว้ในอุ้งมือน้อย "ถ้าอย่างนั้นแกงก็ไม่กลัว... ถ้าหากฟงจะรักจะปกป้องแกง แกงก็จะรักและปกป้องฟงเหมือนกัน" เด็กชายยิ้มกว้าง ดวงตาหวานระยิบระยับ "เราเป็นแฟนกันนะฟง เราจะผ่านมันไปด้วยกัน"
มือทั้งสองของฟงอวิ๋นสั่นระริก ความรู้สึกท่วมท้นจากใจ ไม่คาดคิดเลยว่าชีวิตอันเละเทะของเขาจะมีสิ่งดีงามเกิดขึ้นมา และพร้อมยอมอยู่เคียงข้าง
คนที่เกิดมาเพื่อฟง เพื่อดูแลกันและกันฟงอวิ๋นยังเด็ก แต่รู้ดีว่า คนเช่นน้ำแกง ต่อให้หาทั้งชีวิตก็คงไม่มีวันพบอีก
ปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด... ให้คนอื่นได้สัมผัสความอ่อนโยนและเข้มแข็งนี้ไม่ได้เด็ดขาด ฟงรักแกง แกงเป็นของฟงเพียงคนเดียวเท่านั้น
เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบ มีเพียงมือที่กระชับมือน้อยแน่นเข้าและเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกจากปากเท่านั้น
"แกง... ได้โปรด... อยู่กับฟง..."
น้ำแกงยิ้มสวยแทนคำตอบ...
...
// มาล้าววว แก้หลายรอบมากตอนนี้ ไม่นึกว่าความลับของน้ำแกงจะแตกไวขนาดนี้ แต่คิดว่าหลายคนคงเดาได้เหมือนกัน ถึงกริยา ท่าทางอะไรของน้ำแกงจะเหมือนแม่มาก แต่จริงๆ แล้วคุณนาถเอามาเลี้ยงตั้งแต่เป็นเบบี๋ค่ะ น้ำแกงถึงได้สวยไม่เหมือนคุณนาถเลย พอดีกับช่วงวันแม่พอดี เลทนิดหน่อยไม่ว่ากันนะคะ สำหรับน้ำแกง คุณนาถก็คือแม่แท้ๆ ถึงจะไม่มีสายเลือดเดียวกันเลยค่ะ
คิดว่าคงมีคนเกลียดป้าจี จริงๆ แล้วป้าจีไม่ใช่ตัวร้ายนะคะ แค่ปากร้ายแต่ใจดี เป็นคนที่คิดยังไงก็พูดยังงั้น ปากไม่ค่อยดี ชอบเอาชนะ ไม่ค่อยถูกกับน้องสาว(คุณนาถ) แต่รักน้ำแกงค่ะ ที่จะพาน้ำแกงไปเรียนก็ตั้งใจจริงๆ
รอบตัวน้ำแกงมีแต่คนรักเนอะ ทั้งท่านยาย คุณแม่ ป้าจี พี่ไตร ป้านวล เพราะเป็นเด็กดีมาตลอดนั่นแหละค่ะ ผู้ใหญ่ท่านถึงว่าไว้ว่า ความดีจะเป็นเกราะคุ้มภัย ค่ะ
ตอนนี้จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วน้องใจแข็ง ใจเด็ดมาก ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ตัดสินใจลงไปแล้วก็ไม่กลัวอะไร ออกมาปกป้องฟงด้วย ประมาณว่า ผัวข้าใครอย่าแตะ 555 ส่วนฟงก็ไม่มีงบค่าตัว ออกมาแป๊บๆ หลบอยู่หลังเมีย
ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ
ปล เจ้ากาเหว่า มาจากบทอาขยานสมัยก่อนค่ะ เผื่อใครไม่รู้จักเนอะ
'เจ้านกกาเหว่าเอย
ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก
แม่กาก็หลงรัก
คิดว่าลูกในอุทร
คาบเอาข้าวมาเผื่อ
ไปคาบเอาเหยื่อมาป้อน
ถนอมไว้ในรังนอน
ซ่อนเอาเหยื่อมาให้กิน'