ผมอยู่ที่ไหนกัน
ความรักอยู่ที่ไหนกัน
แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอกัน
ลมหนาวพัดพาเอาความเหงามาเกาะกุมจิตใจ ผมถามตัวเองว่าทำไมคนเราชอบจับเอาอากาศเย็นมาเคียงคู่กับความเหงา อาจจะเป็นเพราะมือเย็นเฉียบของผมที่ซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างเรียกร้องหามืออีกคู่มาสัมผัส หรืออาจจะเป็นเพราะสิ่งอื่นที่อยู่ลึกลงในข้างในจิตใจที่โหยหาโอบกอดมาแลกเปลี่ยนไออุ่นระหว่างกัน
เสื้อหนาวตัวใหญ่โบกลู่ตามแรงลม ผมพาตัวเองมาที่สยาม ผมแค่อยากจะหลุดพ้นจากอะไรเดิมๆ เลิกงาน กลับบ้าน นอน ตื่น ทำงาน เลิกงาน กลับบ้าน นอน ... วนเวียนอยู่แบบนี้จนทางเดินของชีวิตผมมันกลายเป็นวงกลม เวลาผ่านไปเรื่อยแต่ตัวของผมเหมือนกับเดินวนอยู่กับที่ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า หรือไม่ได้ถอยหลัง เหนื่อยแสนเหนื่อย สุดท้ายก็วนกลับมาตรงที่ที่เราเริ่มออกเดินทาง
เด็กนักเรียนกลุ่มใหญ่เดินผ่านผมไปพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ผมหวนคิดถึงอดีต ผมเองก็เคยมีวัยแห่งความฝัน มีพลังที่พร้อมจะเผชิญทุกสิ่ง มีก้าวกระโดดที่ไกล หัวใจกระตือรือร้นที่จะฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายทั้งมวล
ตอนนี้เด็กคนนั้นหายไปแล้ว
ผมใช้ชีวิตให้ผ่านไปเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ความเป็นผู้ใหญ่ล่อลวงผมเข้าไปในเขาวงกต และสุดท้ายผมก็ลืมเลือนจุดหมายของการออกเดินทาง ...คำถามก็คือเมื่อไหร่ที่ผมทำความฝันหายไป ตรงจุดไหนกันที่ผมทิ้งความฝันเอาไว้ สิ่งที่ผมเคยวิ่งไล่ตามไขว่คว้านั้นคืออะไร มันเหมือนอดีตแสนไกลที่เราหลงลืมมันไปแล้ว ผมตอบคำถามเหล่านั้นไม่ได้เลย ผมเหม่อมองแสงไฟที่พร่ามัวเพราะแสงที่หักเหผ่านน้ำตาซึ่งปริ่มล้น ตัวของผมสั่นเทิ้มทั้งจากความหนาวและความท้อแท้
ผมพยายามจะก้าวเท้าออกจากตรงที่ที่ยืนอยู่ เพียงแต่ผมคิดสถานที่ซึ่งผมควรจะไปไม่ออก อพาร์ตเมนราคาแพงลิบที่ผมเป็นเจ้าของนั้นสวยงามไร้ที่ติ แต่มันอ้างว้างเหลือเกิน ผมเกลียดผ้าห่มที่ไม่ว่าจะหนาขนาดไหนก็ไม่ทำให้ค่ำคืนเย็นเยียบนี้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้ ผมไม่อยากกลับไปนั่งเปิดทีวีไปเรื่อยๆ จนตัวเองผลอยหลับไป ผมไม่อยากกินอาหารเย็นชืดที่อุ่นจากตู้ไมโครเวฟอีกแล้ว ดังนั้นผมจึงยืนอยู่ตรงนั้น ผ่านผู้คนที่เคลื่อนไหว ผ่านเวลาที่หยุดนิ่ง
นานแสนนานที่ผมยืนอยู่ตรงนั้น ผมกลายเป็นเหมือนเสาไฟ เหมือนวัตถุบางอย่างที่ตั้งอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครสังเกต ท่ามกลางค่ำคืนหนาวเย็นแห่งกรุงเทพผมรู้สึกตัวเล็กเหลือเกิน โทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผมล้วงหยิบมันขึ้นมาอ่านข้อความที่ส่งมาถึง
‘เป้ เป็นอะไรหรือเปล่า อย่ากลับบ้านดึกนัก มีอะไรโทรหาเรานะ/โฟน’
โทรศัพท์ถูกปิดลง และเก็บกลับเข้าไปอยู่ในที่เดิมของมัน เหมือนกับความรู้สึกที่ผมมีให้กับเจ้าของข้อความ
ถ้าให้คุณเลือกระหว่างทนต่อสู้ความเหงา กับทนรักต่อไปอย่างทรมานคุณจะเลือกอย่างไหน... แน่นอนครับความผมเลือกอย่างหลัง แต่ความรักต้องเกิดขึ้นจากหัวใจสองดวง นั่นเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ มันเป็นกฎฟิสิกส์ของความรัก ความรักในแบบของผมเองที่มีหัวใจดวงเดียวคอยบีบเต้นเอาคำโกหกมาปลอบประโลมตัวเองมันคงไปได้ไม่ยั่งยืน หลายต่อหลายปีผ่านไปผมจึงเรียนรู้ที่จะเหงา และหลีกเลี่ยงที่จะทำให้ตัวเองเจ็บปวดกับความรักข้างเดียว ความพยายามหลายครั้งที่จะแสวงหาคนอื่นเข้ามาแทนที่ประสบความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า จนผมได้เข้าใจว่าการรักคนอื่นหมดใจมันเป็นยังไง
“พี่ครับ พี่ครับ” กางเกงของผมถูกดึงอย่างเบามือ ผมหันไปผมกับเด็กชายวัยประถมตัวจ้อย ยืนทำหน้าคล้ายจะร้องไห้อยู่
“ม... มีอะไรเหรอน้อง”
“ผมหลงกับแม่ พี่ช่วยผมหน่อยได้ไหมฮะ” เด็กน้อยพูดเสียงสั่นเครือ แม้น้ำตาจะไหลผ่านแก้มใสๆ แต่เขาก็เช็ดมันทิ้งไป พยายามจะอดกลั้นความกลัวเอาไว้ ถ้าจะให้เทียบแล้ว บางทีเด็กคนนี้อาจจะเข้มแข็งกว่าผมด้วยซ้ำไป
“ได้สิ มีเบอร์โทรศัพท์คุณแม่ไหม” เด็กน้อยส่ายหัว ผมจึงอุ้มเขาเข้าไปในห้างสรรพสินค้าที่พลัดหลงกับแม่ ไม่นานนักเสียงประกาศก็ดังกึกก้องขึ้นทั่วห้าง
“เดี๋ยวคุณแม่ก็ได้ยินครับน้องต้าร์ เอางี้พี่ซื้อไอติมให้กินรอไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน เอารสอะไรดี”
เด็กน้อยทำหน้าอายอยู่นิดหน่อย แต่ก็ตอบว่า ช๊อคโกแลต เสียงดัง
ผมซื้อไอศครีมให้ต้าร์กับตัวเอง และนั่งลงพักอยู่ตรงม้านั่งแถวนั้น
“พี่ชายทำอะไรหายเหรอฮะ” น้องตาร์ถามผมพร้อมกับไอติมที่เปื้อนแก้ม
“ทำไมถึงคิดว่าพี่ทำของหายล่ะ” ผมตอบพร้อมกับหยิบทิชชู่มาเช็ดออกให้
“ก็พี่ชายยืนร้องไห้อยู่ ผมก็นึกว่าพี่ทำของหายเหมือนที่ผมทำแม่หาย”
“พี่ทำความฝันหายไปแหละ”
“เหรอฮะ แล้วพี่หาเจอหรือยังฮะ”
“ยัง... พี่ยังหาไม่เจอเลย”
“ผมฝันว่าโตขึ้นผมจะเป็นหมอ แบบนี้ผมให้พี่ชายยืมความฝันของผมก่อนก็ได้นะฮะ”
“ให้พี่ยืมแบบนี้ น้องต้าร์จะทำยังไง”
“ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวผมก็ฝันใหม่ได้”
.... ใช่แล้ว จริงด้วย
เดี๋ยวฝันใหม่ก็ได้
“ต้าร์ ต้าร์หายไปไหนมา” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากฝั่งของโต๊ะประชาสัมพันธ์
“แม่ฮะ อยู่นี่ฮะๆ” เด็กน้อยวิ่งไปหาคุณแม่
“แม่ฮะ พี่คนนี้ช่วยน้องต้าร์หาแม่ พี่เขาก็ทำความฝันหายฮะ”
“...ความฝันเหรอ” ผู้หญิงคนนั้นมองผมพร้อมกับรอยยิ้ม ยิ้มแบบที่เข้าใจ ยิ้มแบบคนที่เคยทำความฝันสูญหายมาเหมือนกัน
“ขอบคุณนะคะน้อง”
“ไม่เป็นไรครับ ลูกพี่น่ารักดีครับ คุยเก่งมากเลย”
“ขอบคุณค่ะ ถ้าไม่ได้น้องพี่ต้องแย่แน่ๆเลย”
ผมรับคำขอบคุณมาไม่หวาดไม่ไหว หลังจากหมดเรื่องวุ่นวายผมก็เดินออกมาสู่อากาศเย็นข้างนอกอีกครั้ง พี่สาวคนนั้นก็เคยเป็นเหมือนเรางั้นเหรอ ผมนึกอยากจะมีความสุขเหมือนกับพี่เขาบ้างเหมือนกัน เธอบอกลาไปก่อนโดยที่ผมยังไม่ทันจะถามว่าทำอย่างไรจะหาความฝันที่สูญหายไปพบ แต่คงไม่สำคัญแล้วเพราะผมได้วิธีแก้ปัญหาในแบบฉบับของผมเองแล้ว
‘เราสร้างความฝันขึ้นมาใหม่ก็ได้ เราฝันใหม่ได้!’
ในเมื่อผมจำไม่ได้ว่าความฝันในอดีตของผมคืออะไร ผมก็จะไม่ค้นหามันต่อไป และในเมื่อสิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือความรักความห่วงหาจากใครสักคนหนึ่ง
ใช่แล้ว ฉะนั้นฝันของผมตอนนี้ก็คือการตามหาความรัก
ลมหนาวยังคงพัดโบกอยู่ทั่วบริเวณ
หัวใจของผมก็ยังเต้นอยู่ดวงเดียว
แต่เท้าของผมได้ก้าวออกเดินอย่างมีจุดหมาย
เวลาที่หยุดหมุนไว้แสนนานก็ได้เริ่มต้นการเดินทางของมันอีกครั้งหนึ่ง