E p i l o g u e ♥
เฟิร์ส
นิยามศัพท์ในความหมายของภาษาไทยแปลได้ว่า..ที่หนึ่ง
ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายในรูปประโยค
แต่ไม่ใช่ในชีวิตจริง
หากเปรียบเทียบรอบข้างเป็นจักรวาลอันกว้างใหญ่ จำกัดวงแคบลงมาให้เป็นระบบสุริยะ สิ่งที่แทนตัวตนของเขาจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากดาวเคราะห์ที่เรียกว่า..โลก
ในวันสุดท้ายของปี สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆได้กำเนิดขึ้นในบ้านหลังใหญ่ มีพ่อแม่ เครือญาติมากมายร่วมอวยพรให้เด็กชายตัวน้อยเติบใหญ่เป็นคนดี คำอธิษฐานนั้นดูเหมือนจะเป็นจริง เขาโตขึ้นท่ามกลางความอบอุ่นที่รายล้อมรอบตัว หล่อหลอมจิตใจให้กลายเป็นเด็กหนุ่มผู้เพียบพร้อมและเป็นอย่างที่อวยพรไว้ในวันนั้น รอยยิ้มประกายสุกใสที่มอบให้ผู้คนรอบข้างมีชีวิตชีวาจนไม่อาจเปรียบเทียบเป็นอย่างอื่นไปได้
จะเรียกว่าศูนย์รวมจักรวาล..คงไม่ใช่ เขาไม่เปรียบเปรยตัวเองว่าเป็นดวงอาทิตย์หรือเป็นดาวฤกษ์ดวงไหน เด็กหนุ่มไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เขามีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่และคิดว่าคงจะไม่ดิ้นรนหาอะไรให้วุ่นวาย
หากจะบอกว่าเป็นเพราะคำอธิษฐานของพ่อแม่อาจไม่ถูกเต็มร้อย ต้องบอกว่าเป็นเพราะดีเอ็นเอที่ส่งต่อมาน่าจะถูกต้องเสียมากกว่า ระดับมันสมองของเขาไม่ใช่ธรรมดา ต้องบอกว่าเก่งโดยกำเนิดอย่างแท้จริงและเรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ได้เต็มปากเต็มคำ
แต่ใช่ว่าเขาจะนิ่งเฉยหรือทระนงในความเก่งกาจของตัวเอง ตรงกันข้ามเด็กหนุ่มยังมุมานะ ขวนขวายหาความรู้อยู่เสมอ ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาใช้มันอย่างคุ้มค่า ทุ่มเทให้กับการเรียนสุดทางจนสมชื่อที่แปลว่า..ที่หนึ่ง
เนื่องจากโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี ย่อมมีคนรักคนหลงเป็นธรรมดา ยิ่งเพียบพร้อมก็ไม่แปลกที่จะมีคนเข้าหาทุกครั้ง เขาชินกับตัวตนที่ได้รับความรักและความสนใจมาทั้งชีวิต
จนกระทั่ง...ได้พบเจอกับคนหนึ่ง
คนที่ไม่เคยเชื่อในโชคชะตาฟ้าลิขิตหรืออะไรก็ตามอย่างเขา แต่กลับตกอยู่ในห้วงภวังค์หลังจากเพียงสบตาใครคนนั้นเข้า
‘อย่างนี้ก็ชื่อเหมือนที่หนึ่งเลยดิ หัวหน้าห้องเราอะ’
และใครคนนั้นชื่อว่า...เป็นที่หนึ่ง
นับจากนั้นเขาก็เชื่อในเรื่องโชคชะตามาตลอด ความรู้สึกยามได้สบตากันในวันแรกไม่เคยจางหายไปจากจิตใจ มันส่งผลรุนแรงขึ้นทุกครั้งเมื่อมองหาอีกคน นิสัยเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการถูกงัดขึ้นมาใช้จากที่เก็บซ่อนมันมาไว้ภายใต้จิตใจ เขาใช้ความพิเศษด้านหัวสมองของตัวเองจัดการเข้าไปอยู่ในสายตาของเป็นที่หนึ่งโดยไม่รอให้เจ้าตัวเอ่ยปากอนุญาต
ความสัมพันธ์เริ่มต้นด้วยคำว่าคู่แข่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่เขาก็หาทางอื่นไม่ได้แล้ว ยิ่งได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสนใจใคร ปิดกั้นตัวชัดเจน หนทางที่จะก้าวเข้าหาก็เป็นทางอื่นไม่ได้เลย เขายอมแลกคำว่าคู่แข่ง เพื่อให้ได้เข้าใกล้คนตัวเล็ก แม้จะโดนสายตาไม่ชอบใจกลับมาทุกครั้งก็ตาม
แต่เขาประมาทเป็นที่หนึ่งมากเกินไป คิดว่าการเข้าใกล้จะทำให้เจ้าตัวใจอ่อน ผลลัพธ์ดันออกมาตรงข้าม นอกจากคู่แข่งของเขาจะไม่สนใจใยดี ซ้ำยังตีตัวออกห่างมากขึ้น จนในที่สุดกลายเป็นช่องว่างระหว่างเขากับร่างเล็กที่ไม่ว่าจะใส่ความรู้สึกลงไปมากแค่ไหนก็เหมือนกับโยนมันลงหลุมดำขนาดใหญ่
กลืนกิน..จนหายไป
ตั้งแต่เกิดจนอายุสิบหกปี จากวันนั้นทำให้เขารู้ว่า..ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบจริงๆ
ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ ยอมถอยออกมา เว้นระยะห่างกับคนตัวเล็กไว้เช่นเคยและได้เพียงแอบมองอยู่ไกลๆเท่านั้น แต่สถานการณ์ที่ควรจะดีขึ้นก็ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นที่หนึ่งยังคงเส้นคงวา วางเขาไว้ในจำกัดความของคำว่าคู่แข่งมาตลอด
เพราะเป็นฝ่ายเริ่มต้นจึงต้องเดินเกมต่อไปแล้วรับผลที่ตัวเองก่อไว้ สุดท้ายก็ขยับขึ้นมาตีตนเสมออีกคนได้ งานแข่งขันวิชาการกลายเป็นชนวนสงคราม การชิงชัยชนะคว้าอันดับหนึ่งกลายเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี แต่ใครจะรู้ว่ามีความรู้สึกบางอย่างค่อยๆก่อตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสองคน
ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน...ในใจของเขากลับสวนทาง ซ้ำยังฉุดรั้งไว้ไม่อยู่
ความชอบที่ไต่ระดับเพิ่มมากขึ้นในทุกๆวัน ให้ตายก็ลบออกจากจิตใจไม่ได้เลยจริงๆ
หากจะลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง...มันจะคุ้มค่าหรือเปล่า
เขาได้แต่เฝ้าถามตัวเองเงียบๆ
กึก
คนสูงเพียงปลายจมูกชะงักไปเมื่อหันกลับมาเจอเขายืนขวางทางเดิน สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อตัวขึ้นอีกครั้ง พอเจ้าตัวเบี่ยงหลบไปอีกทาง เขาก็รีบเข้าไปขวางทันที
‘เอ่อ...’
‘...’
‘วันนี้..ซ้อมนะ ที่ห้องเดิม’
‘อื้อ’
‘...’
‘ขอทางหน่อยสิ’
เขาหลีกทางให้อย่างง่ายดาย ลอบมองคนตัวเล็กเดินออกไปจนลับสายตา
..หรือจะไม่มีหวังแล้วจริงๆ
เวลาล่วงเลยมาเป็นปี ก้าวเข้าสู่ระดับชั้นมัธยมปลายปีที่สอง ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมรวมถึงความรู้สึกที่ หยั่งรากลึกลงในจิตใจ
เขาใช้เวลาคิดทบทวนทั้งปิดเทอมว่าควรไปต่อหรือหยุดเพียงแค่ตรงนี้ สุดท้ายก็ได้คำตอบที่ซื่อตรงต่อตัวเองออกมา
ต่อให้ยอมโดนเกลียดก็ยังดีกว่าไม่มีอยู่ในความทรงจำ...
แผนการฉบับที่สองจึงได้เริ่มต้นขึ้น ทำใจดีสู้เสือเสนอตัวไปเป็นตัวแทนห้องตั้งแต่วันแรกของเปิดเทอม หวังแค่เพียงได้ใกล้ชิดอีกสักหน่อย แต่ใครจะรู้ว่าตัวเองดันไปทำให้อีกคนชิงชังขึ้นอีกแล้ว
‘สรุปคือเฮดกีฬาสีเป็นเฟิร์ส มอห้าห้องสิบสอง’
ยังจำแววตาหม่นแสงของคนตัวเล็กในวันนั้นได้อย่างขึ้นใจ
เขาเข้าใจความรู้สึกของเป็นที่หนึ่งดี การถูกตีตัวขึ้นมาเสมอแล้วกลายเป็นถูกนำหน้าไปหนึ่งก้าวแทบทุกครั้ง เป็นใครก็ไม่พอใจ
อยากทำแบบนั้นเสียที่ไหน...แต่สถานการณ์มันบีบบังคับให้ต้องทำ หากเขาไม่ดึงความสามารถตัวเองออกมาก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้าไปอยู่ในสายตาของอีกคน
เขาลอบมองอีกคน
หยุดนึกคิดก่อนจะพูดออกไป
หากเป็นที่หนึ่งปล่อยให้เขาก้าวนำไปหนึ่งก้าว...เขาก็จะเป็นฝ่ายลดลงมาอยู่ข้างๆเอง
‘เป็นเฮดเราอีกทีนะ’
‘…’
‘เราทำคนเดียวไม่ได้แน่ๆไม่มีที่หนึ่ง’
ไม่เคยอยากให้เสียใจเลยจริงๆ
โชคชะตาเข้าข้างเป็นอย่างดี
พาคนตัวเล็กมาอยู่ในสถานที่เดียวกับเขาโดยไม่ต้องใช้ความจงใจ
ตอนที่รู้ว่าที่นั่งข้างตัวเป็นที่หนึ่ง ใจเต้นแรงแทบคุมไม่อยู่ แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้เพราะไม่อยากให้อีกคนกระอักกระอ่วนไปมากกว่านี้
แต่สุดท้ายก็ฉุดรั้งตัวเองไม่ไหว จึงเอ่ยชวนอีกฝ่ายไปกินข้าว แน่นอนว่าคนตัวเล็กกว่าปฏิเสธทันที แต่เขาก็เตรียมหมัดฮุกสวนไว้เรียบร้อย
‘ไม่ชอบหน้าอะไรเราขนาดนั้น’
ถามเองก็เจ็บเอง โชคดีที่คนตรงหน้าไม่ตอบออกมาตรงๆ ไม่งั้นคงทนรับไม่ไหว
แล้วก็สมหวังเมื่อออกคำสั่งบังคับเป็นที่หนึ่งมาได้
เป็นการกินข้าวที่อึมครึมที่สุดในชีวิต แต่ในใจของเขาลิงโลดยิ่งกว่าสิ่งใด ได้จ้องมองที่หนึ่งอยู่แบบนี้ ไม่กินข้าวเขาก็อิ่มอกอิ่มใจไปถึงวันพรุ่งนี้แล้ว
โคตรดีใจเลย...
คนตัวเล็กกำลังคุยกับใคร
สมาธิในการซ้อมกระจัดกระเจิงหายไปภายในพริบตาเมื่อหันไปเห็นคนที่แอบชอบคุยกับรุ่นพี่ในชมรมของตัวเอง
จากตรงนี้มองเห็นรอยยิ้มนั้นชัดเจน...รอยยิ้มที่ไม่มีวันมอบให้แก่เขา
อยากทำเป็นเมินไปซะ แต่ทั้งคู่กลับหันมามองพอดีจึงเดินเข้าไปร่วมวงสนทนาให้มันรู้แล้วรู้รอด
และก็กลายเป็นตัวเองมานึกเสียใจ
‘เออนี่ ไม่รู้จักกันเหรอ ก็นึกว่าอยู่ห้องเดียวกัน’
ให้ตาย เขาเก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่มิดจริงๆ
น้องมอสี่ที่ลงแข่งฟิสิกส์ด้วยก็น่ารักอย่างที่คิด
อัธยาศัยดี ยิ้มเก่ง ต่างจากคนตัวเล็กที่ยืนเงียบตั้งแต่เดินเข้ามา
จะโกรธก็ไม่ใช่ จะน้อยใจก็ไม่เชิง เขาขอเวลาเยียวยาตัวเองสักพักก่อนกลับไปเดินกำลังต่อเท่านั้น
จนกระทั่งพีชถามขึ้น เห็นสีหน้าลังเลของอีกฝ่าย ความรู้สึกน้อยใจก็ตีตื้นขึ้นมา จึงตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่ทว่า...
‘อยู่ห้องเดียวกัน..’
‘…’
‘อยู่ห้องเดียวกันครับ’
เพียงคำพูดเดียว...กลับหล่อเลี้ยงจิตใจเขาให้เบิกบานอีกครั้ง
ร่างสูงไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะมีวันนี้
เพราะมันเกินความคาดหมายไปมากโข..
ภาพตอนที่เป็นที่หนึ่งทรุดลงกับพื้นทำเอาใจหายใจคว่ำ แต่คนตัวน้อยก็ยังไม่ละทิ้งทิฐิตัวเอง จนเขาทนไม่ได้ ขึ้นเสียงใส่เป็นครั้งแรกแม้จะรู้สึกผิดในใจก็ตาม
เขาเป็นธุระให้ด้วยความเต็มใจ ถึงจะว่าอย่างนั้น...คนเจ้าเล่ห์ก็ยังเจ้าแผนการอยู่วันยังค่ำ
ใช้โอกาสนี้หลอกล่อให้ลูกแมวเข้ามาอยู่ในกำมือ และได้ผลดีเสียด้วย
แต่ยังไงถ้าย้อนเวลากลับไปได้
เขาก็จะไม่บอกความจริงหรอก
ว่าเขาน่ะ..ชอบขับรถตอนกลางคืนมากกว่าตอนกลางวันเสียอีก
เหมือนโชคชะตาจะให้โอกาสเขามากเกินไป
ทะเลาะกับเป็นที่หนึ่งอีกแล้ว..
มันไม่ใช่การมีปากเสียง แต่สร้างบรรยากาศอึมครึมรอบตัวจนน่าอึดอัด
คนตัวสูงโกรธที่อีกฝ่ายปฏิเสธน้ำใจทั้งทีเขาหวังดีมาโดยตลอด ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่รับสิ่งดีๆที่เขาหยิบยื่นให้บ้าง
เกลียดกัน...มากขนาดนั้นเลยเหรอ
เป็นที่หนึ่งกำลังจะร้องไห้ ทำไมเขาจะไม่รู้ ต้องห้ามตัวเองแทบตายที่จะไม่ตามเข้าไปปลอบ เพราะอยากให้อีกคนเข้าใจบ้างเหมือนกันว่าเขาต้องรู้สึกยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่เหมือนความคิดของพวกเขาทั้งสองคนสวนทางกัน..
แน่นอนว่าเขาโกรธเป็นที่หนึ่งไม่ได้นาน อย่างไรก็ตามร่างสูงก็ต้องกลับไปเดินหน้าแผนที่ตัวเองวางไว้ จนลืมนึกไปว่า...ที่หนึ่งไม่ได้คิดแบบเดียวกัน
เพราะคิดว่าเดี๋ยวคนตัวเล็กก็หาย กลับกลายเป็นว่าเขาเทเชื้อเพลิงราดสุมไฟให้โหมลุกมากยิ่งขึ้น เป็นที่หนึ่งเรียกเขาออกมาคุย แววตาเฉยชานั้นยังไม่เท่าคำพูดที่บีบหัวใจเขาให้เละไม่เป็นชิ้นดี
ได้โดนเกลียดสมใจอยากแล้วสินะ...
ไม่หลาบจำ
สมองบอกว่าให้เลิกสนใจ แต่การกระทำกลับสวนกับความคิด
นับตั้งแต่ทะเลาะกันในวันนั้น คนตัวเล็กก็ไม่เฉียดเข้าใกล้อีก ระยะห่างยิ่งกว้างมากขึ้นไปอีกเท่าตัว แต่ทุกครั้งที่เป็นที่หนึ่งเผลอ สายตาเขาก็มักจะไปวางที่อีกฝ่ายตลอดโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้
ขี้ขลาดเกินที่จะสบตาตรงๆ..
อดเป็นห่วงไม่ได้ ลูกแมวต้องเจ็บคอแน่หลังกล่าวเปิดงานไปเสียยืดยาว ไหนจะต้องรับผิดชอบโครงงานของตัวเองอีก
นั่นแหละ จิตใต้สำนึกของเขาเลยสั่งการให้ดูแล แม้ความรู้สึกกรุ่นๆในใจจะยังไม่จางหายไปก็ตาม
จากที่ไม่ได้คุยกันมาเกือบเดือน พอได้มานั่งข้างๆก็ไม่รู้จะเปิดบทสนทนาเรื่องอะไร ดูเหมือนอีกคนก็ใช่ว่าอยากจะพูดด้วย จึงนั่งนิ่งๆปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมัน
จนเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นขึ้น เป็นสายที่เขาฉงนในใจนิดหน่อย เพราะรุ่นน้องคนนี้ไม่เคยโทรเข้ามาก่อนสักที
‘ว่าไงพีช’
คนตัวเล็กจะสงสัยหรือเปล่านะ
หรือจะไม่สนใจเลย...
เขาทนไม่ไหวแล้ว
มันทิ้งระยะเวลานานมากเกินไป
ปากบอกว่ายอมโดนเกลียด เอาเข้าจริงก็ทนไม่ได้
ไม่ไหว...โดนเมินอีกต่อไปคงไม่ไหวแน่ๆ
ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้กลับไปคุยกันได้เหมือนเมื่อก่อน..
ดีหน่อยที่เดินผ่านกันได้แล้ว ไม่ต้องเจ็บใจที่ต้องเห็นคนตัวเล็กเลี่ยงเดินหนีทุกครั้งที่เขาเดินเฉียดเข้าใกล้
แต่จุดประสงค์ของเขาไม่ใช่แค่นี้ อย่างน้อยก็ควรได้คุยกันบ้างสักคำสองคำ ไม่ใช่ทำเมินเหมือนร่างสูงเป็นธาตุอากาศ
เขานึกคิด ถอนหายใจ แม้สายตาจะจดจ้องไปที่จอโปรเจ็คเตอร์ก็ใช่ว่าสติจะจดจ่ออยู่กับเนื้อหาการเรียน
พลันก็มีบางอย่างสะกิดให้หันไปมองทางริมหน้าต่าง
ตอนนั้นเอง...เขาได้สบตากับเป็นที่หนึ่งครั้งแรกหลังจากที่ไม่มองหน้ากันมานับเดือน
และหัวใจก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง...
ถ้าไม่ติดว่าเป็นเด็กมัธยมต้นเขาจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
คนตัวสูงทะนุถนอมมาโดยตลอด แม้จะแตะต้องตัวก็เขาก็ไม่กล้าทำ
แล้วเด็กเปรตพวกนั้น...กล้าดียังไง
ใจกระตุกวูบเมื่อเห็นลูกแมวล้มพับไปต่อหน้าต่อตา นึกคาดโทษตัวในใจว่าทำไมถึงไม่ดูแลให้ดีกว่านี้
ทำไมถึงต้องเมิน ทำไมต้องปล่อยให้เวลายืดเยื้อ
ทำไม..ปล่อยให้ทิฐิเข้ามาบังจนละเลยอีกฝ่ายไป
ยิ่งเห็นร่องรอยบอบช้ำบนผิวกายก็แทบอยากจะชกหน้าตัวเอง ในวินาทีนั้นเขาคิดได้ทันทีว่าต่อให้โดนผลักไสมากกว่านี้ ทะเลาะกันไปมากกว่านี้ก็จะไม่มีวันล้มเลิกแผนการของตัวเองอีกเป็นอันขาด
อยากปกป้อง อยากดูแล ถึงจะอยู่ในสถานะที่ไม่คู่ควร..ก็ไม่เป็นไร
ราวกับคำอ้อนวอนสัมฤทธิ์ผล จิตใจแห้งเหี่ยวกลับมาพองโตอีกครั้ง
เหมือนกำแพงตรงหน้าพังทลายลง
ม่านหมอกที่บดบังจางหายไป
เมื่อเป็นที่หนึ่งเอ่ยปากพูดประโยคที่ทำให้คลายความทุกข์ใจไปหมดสิ้น
‘เราไม่เคยเกลียดมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว’
ในตอนนั้น
เขาไม่เสียดายความพยายามของตัวเองเลย...
เป็นที่หนึ่งน่ารัก
น่ารัก...มากๆ
ใครไม่รู้ เขาจะบอกให้รู้ไว้เลยตรงนี้
ไม่ใช่แค่ใบหน้า ไม่ใช่แค่แววตา แต่รวมถึงนิสัยที่เจ้าตัวแสดงออกมาด้วย
โลกของเขาสดใสไปหมดเมื่ออีกฝ่ายเปิดใจยอมให้เข้าใกล้ กลายเป็นคนหน้ามืดตามัวขึ้นมาทันที ยอมแพ้ทุกอย่างที่ขึ้นชื่อด้วยคำว่าเป็นที่หนึ่ง
ยิ่งตอนคนตัวเล็กเขิน ใจเขาเหมือนจะคลั่งตายเสียให้ได้ คนอะไรใช้คำว่าน่ารักได้สิ้นเปลืองจนร่างสูงสะกดจิตสะกดใจไว้แทบไม่ไหว ต้องคอยหักห้ามตัวเองทุกครั้งไม่ให้ทำอะไรผลีผลาม ทำทุกอย่างแบบค่อยเป็นค่อยไป เขาไม่อยากให้ลูกแมวน้อยตกใจกลัว เพราะถ้าอีกฝ่ายหนีไปอีก เขาคงใจสลายแน่ๆ
‘เคยมีแฟนมาแล้วกี่คนเหรอ’
ไม่คิดว่าจะถูกถาม แต่พอมาเข้าใจย้อนหลังว่าอีกคนกำลังค่อยๆเรียนรู้ตัวเขามากขึ้นก็ใส่คำตอบไปไม่ยั้ง บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังจนหมดเปลือก และไม่ลืมหยอดนิดหยอดหน่อยให้คนตรงหน้าแก้มแดงอย่างที่เขาชอบเห็น
โอ้ย น่ารักโว้ย!
เช้าวันพุธตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำว่าไม่สบาย
สบถด่าตัวเองออกมาแรงๆสักที ร่างกายหนักอึ้งจนจะลุกจากเตียงไม่ไหว
แต่พอนึกได้ว่าวันนี้ต้องไปเข้าค่าย หน้าของเป็นที่หนึ่งก็ลอยเข้ามา
พลันดีดตัวเองลงจากที่นอนอย่างรวดเร็วราวกับลืมความเจ็บป่วยได้ไข้ไปหมดสิ้น
จะล้มหมอนนอนเสื่ออย่างไรก็ช่าง เขาต้องไปให้ได้
และตัวเองก็คิดไม่ผิด
คนเจ้าแผนการใช้ความไม่สบายให้เป็นประโยชน์ แม้ใจจะกลัวว่าอีกฝ่ายจะติดไข้ แต่ในเมื่อเป็นที่หนึ่งเสนอ เขาก็สนองรับไม่รีรอ
การได้จับมือนิ่มๆไปพร้อมกับเอนซบตลอดทาง ทำเอาคนป่วยไม่อยากหายเลย..
ลูกแมวน้อยของเขาได้แผล
โกรธจัด...อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ถ้าไม่ไว้หน้าครูหรือเป็นที่หนึ่งไม่ห้ามเขาไว้ สาบานว่าจะสวนหมัดไปไม่ยั้งแรงแน่ๆ ตัวเขาเองยังไม่เคยแม้แต่จะทำให้มีรอยขีดข่วน ทั้งไอ้เด็กพวกนั้นกับไอ้ห่าตรงหน้ามันกล้าดียังไงกัน..
ได้แต่โทษตัวเองอีกครั้ง ถ้าห้ามไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
อารมณ์คุกรุ่นในใจยังคงชัดเจน เขาสาบานกับตัวเองอย่างแน่วแน่
‘จะไม่ปล่อยให้เจ็บตัวอีก’
เพราะสถานะ ‘เพื่อน’ ยังค้ำคอไว้
เขาทำอะไรมากไม่ได้
จะแสดงออกชัดเจนมากกว่านี้..ก็ไม่ได้
เขาจ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่ตัวเองชอบมาได้เป็นปี ทบทวนเรื่องราวต่างๆนานาที่ผ่านพ้นมาได้ด้วยกัน
สำหรับเป็นที่หนึ่ง..มันคงเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น
แต่กับคนตัวสูง ทุกอย่างมันก่อตัวมานานมากแล้วจริงๆ
หากจะขยับความสัมพันธ์ขึ้นไปอีกขั้น..จะเป็นไปได้หรือเปล่า
คำถามที่ตอบได้แค่คนตัวเล็กแต่เพียงผู้เดียว
‘เราชอบที่หนึ่ง’
พูดออกไปแล้ว..ความรู้สึกที่เก็บมาตลอดหนึ่งปี
คนตัวเล็กมองหน้าเขา
ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเอง สายตาของเป็นที่หนึ่งก็สะท้อนใบหน้าของร่างสูงเช่นเดียวกัน..
เขายังมีโอกาสใช่หรือเปล่า
‘เป็นแฟนกันไหม...’
หากแต่ได้รับเพียงความเงียบงันกลับมา..
เขาเข้าใจ ไม่คิดจะเร่งรีบอยู่แล้ว แค่คนตัวเล็กรับความรู้สึกนี้ไว้ก็ดีมากโข จริงๆก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาถึงจุดนี้เลยด้วยซ้ำ มันออกนอกแผนการที่วางไว้ไปไกลเกินคาดหมาย เขาจึงยินดี..และพร้อมรอ
รอจนกว่าจะได้รับคำตอบ
แม้จะ...ไม่รู้เลยก็ตาม
คิดถึงเป็นที่หนึ่ง
ใจจะขาดแล้ว...
หนึ่งอาทิตย์มีเจ็ดวันเจอคนตัวเล็กไปแล้วหกวันเขายังรู้สึกว่ามันไม่พอ
แล้วให้ไม่เจอหน้ากันตั้งสามวันเต็มๆเขาไม่ทรมานใจตายก่อนหรือยังไง
เอนหัวพิงหน้าต่างรถ พรูลมหายใจออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนหลับตาหนีความเป็นจริงทุกอย่าง
เสียงลั่นชัตเตอร์ดังเข้ามาแต่เขาไม่คิดจะสนใจ
ในหัว...มีแต่เรื่องเป็นที่หนึ่ง
ป่านนี้ลูกแมวกินข้าวแล้วหรือยังนะ
เขาอยู่ซ้อมแข่งจนดึกดื่น ตั้งท่าจะโทรหาคนตัวเล็ก แล้วก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าคงรบกวนการพักผ่อนของอีกคน
ไว้พรุ่งนี้เช้าแล้วกัน..
ทว่าแสงสว่างวาบบนหน้าจอพร้อมข้อความจากคนสำคัญเร่งให้เขาตอบกลับไปในทันที คนตัวสูงอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ปกติแล้วถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นหรือเรื่องด่วนอะไร เป็นที่หนึ่งจะไม่ทักมาดึกขนาดนี้
เกิดอะไรขึ้น?
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ จัดการโทรหาอย่างรวดเร็ว ไม่นานปลายสายก็รับ อาการอ้ำๆอึ้งๆของคนตัวเล็กยิ่งทำให้ขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เค้นคำตอบอะไร
หรือว่า..
กดเข้าแอพที่เล่นเป็นประจำและเจอกับภาพที่แท็กมาล่าสุด
ถ้าไม่คิดไปเอง..ก็เพราะรูปนี้สินะ
ควรจะโกรธพีชที่ทำให้ลูกแมวของเขาเข้าใจผิดหรือควรดีใจที่เป็นที่หนึ่ง...หึง
เขาจัดการทำสิ่งที่คนอื่นไม่คาดคิด
อินสตาแกรมที่เคยมีแต่รูปต้นไม้ใบหญ้าและท้องฟ้าสีคราม
ตอนนี้มีรูปของคนน่ารักของเขาแล้ว
‘คิดถึง
’
หวังว่าจะไม่โดนลูกแมวข่วนเอาหรอกนะที่แอบลงแบบนี้..
ความรู้สึกที่โดนเป็นห่วงจากคนที่ตัวเองชอบแทบจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย
ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนทำแผลให้ก็ปิดอาการดีใจไม่ไหว
ย้ำอีกที เป็นที่หนึ่งโคตรน่ารัก!
แอบแทะเล็มไปเล็กน้อยให้พยาบาลจำเป็นอายม้วน และในตอนนั้นเองพีชก็เดินเข้ามา
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ารุ่นน้องคนนี้คิดอะไร เป็นที่หนึ่งตั้งท่าจะลุกแต่เขาก็ฉุดแขนให้นั่งอยู่กับที่ ใจจริงก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกดีๆที่รุ่นน้องมีให้ แต่ในเมื่อใจเขาเลือกคนตัวเล็กไปแล้ว การให้ความหวังยิ่งมีจะแต่จะทำให้เลวร้ายไปมากกว่าเดิม
เขาซื่อสัตย์กับตัวเอง
ซื่อสัตย์กับเป็นที่หนึ่ง..
เขาใจไม่ดีเลย
เรื่องราวในครอบครัวของเป็นที่หนึ่งใช่ว่าเขาจะไม่รู้
ผลพวงจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวทำให้เป็นที่หนึ่งปิดกั้นตัวเองจากทุกคน เขาเพิ่งได้รับรู้เมื่อสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของเป็นที่หนึ่ง
ในส่วนลึก..ที่มีแต่ความเหงาและเคว้งคว้าง
คนที่ได้รับความสนใจมาโดยตลอดอย่างเขาแม้จะไม่สามารถเข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้ง แต่สิ่งที่มั่นใจว่าจะทำได้คือการมอบความหวังดี ความห่วงใยทดแทนหลุมลึกในจิตใจของเป็นที่หนึ่งให้เต็มอีกครั้ง
จะไม่ทำหน้าที่แค่เป็นคนนั่งข้างๆ เขาจะดูแล เยียวยาทุกอย่างให้คนตัวเล็กวางใจที่จะอยู่ตรงนี้
และ...
‘ขอบคุณที่ทำให้เราชอบใครสักคนได้มากขนาดนี้’
เขารักเป็นที่หนึ่งมากจริงๆ