•ตอนที่ 2•...............
“เฮ้ย ไอ้อาร์มครูเรียกมึงอ่ะ”
“ฮ่ะ ไอ้นนท์มึงว่าไงนะ” ผมหันไปถามไอ้นนท์เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างผมครับ
“กูบอกว่าครูเรียกมึง.....”
“ค...ครับ”
“นี่เธอ ได้ยินที่ครูถามเมื่อกี้มั้ย”
“เอ่อ ได้ยินไม่ค่อยชัดครับ”
“ครูถามว่าเธอวางแผนไว้รึยังว่าจะเรียนต่ออะไร”
“เอ่อ ยังเลยครับ”
จบประโยคที่ผมพูดเสียงหัวเราะของเพื่อนทั้งห้องก็ดังขึ้น ผมไม่เข้าใจว่าการที่เรายังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปในอนาคตมันเป็นสิ่งที่ตลกมากนักหรือไง
แค่ปัจจุบันอย่างทุกวันนี้ผมยังไม่อยากจะวาดฝันหรือมีความหวังอะไรทั้งนั้น แค่ผ่านไปหนึ่งวันล้มตัวลงนอนแล้วก็ตื่นขึ้นมาใหม่ในเช้าของวันถัดไป
“เธอต้องคิดบ้างแล้วนะนี่ก็จะจบม.หกกันแล้ว”
“ครับ” ผมตอบรับอาจารย์ไปแต่ในใจผมก็ยังไม่มีคำตอบให้กับคำถามเมื่อกี้ที่ผมตอบครูไม่ได้อยู่ดี
“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อน วันนี้ครูจะปล่อยเร็วกว่าเวลาดีมั้ย”
“คร้าบ/ค่า” เสียงประสานของเพื่อนร่วมห้องผมที่ตอบครูอย่างพร้อมเพรียงกัน
“แหม อยากพักกันขนาดนั้นเลยเหรอ อะ พักได้จ้า”
“นักเรียนเคารพ...ขอบคุณครับ/ค่ะคุณครู”
พอครูเดินออกไปจากห้องไอ้นนท์ก็หันมาคุยกับผมว่า
“อาร์มมึงเป็นไร เหม่อจัง ขนาดครูเรียกมึงยังไม่ได้ยินเลย”
“กูคิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ” ผมตอบมันไป
“มีอะไร คุยกับกูได้นะโว้ยยังไงกูก็เพื่อนสนิทมึงนะ” ไอ้นนท์พูดไปก็ตบไหล่เชิงให้กำลังใจผมไป
“อืม กูรู้ถ้ามีอะไรจริงๆกูจะบอกมึงเป็นคนแรกเลย”
“มึงนี่ก็พูดแปลกๆ ... เอาเหอะยังไงก็อย่าลืมนะว่ามีกูอยู่”
“ขอบใจว่ะ”
“เฮ้ย เพื่อนกัน...ป่ะไปกินข้าวกัน วันนี้มีเวลาพักเที่ยงเพิ่มตั้งเยอะนะโว้ย แม่งอาจารย์ใจดี”
“ป่ะ”
ข้าวมื้อเที่ยงคงเป็นมื้อที่ผมกินได้มากที่สุดในแต่ละวันแล้วมั้งครับ กินไปคุยกับเพื่อนไปรู้ตัวอีกทีก็หมดจานแล้ว
ที่จริงกับข้าวก็อย่างเดียวกันแต่ทำไมเรากินต่างที่ต่างเวลากันรสชาติมันถึงได้แต่ต่างกันขนาดนี่นะ
“อาร์มโทรศัพท์มึงดังอ่ะ แม่ง...เหม่ออยู่ได้”
ครับทำไมผมถึงเป็นอย่างนี่นะขนาดโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ามันดังแถมเปิดระบบสั่นไว้ด้วยแต่ผมก็ยังไม่รู้สึกตัว เหมือนผมไม่มีตัวตนยังไงก็ไม่รู้
“ครับ........ครับ...ตกลงครับ...ครับ”
“ว่าไงมึง” ไอ้นนท์ถามผมหลังจากที่ผมวางโทรศัพท์แล้ว
“วันนี้กูคงแวะร้านเกมส์ก่อนกลับบ้านกับพวกมึงไม่ได้แล้วว่ะ”
“เฮ้ยทำไมว่ะ”
“เดี๋ยวเย็นนี้พี่กูแวะมารับ”
“โห...แม่ง น้องโตจนเป็นควายแล้วยังไม่เลิกห่วงอีก”
“อือ”
ผมไม่เถียงอะไรเพื่อนกลับไปเพราะที่มันพูดมานั่นเป็นความจริง พี่นพยังคงเป็นห่วงผมในทุกๆเรื่องอยู่เสมอ
บางเรื่องที่ไม่น่าเป็นห่วงพี่นพก็เอามาคิดมากให้เป็นเรื่องใหญ่โตได้ หลังเลิกเรียนผมก็รอพี่นพมารับหน้าตึกสี่สิบปีเหมือนเดิม
พักหลังมานี่ผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเองหรอกครับ ถ้าวันไหนที่พี่นพเลิกจากานเร็วก็จะให้ผมรออยู่ที่โรงเรียนแล้วพี่นพจะมารับ
แต่ถ้าวันไหนเลิกช้าพี่นพก็จะไปรอก่อนที่คอนโด จากที่ทำงานพี่นพกับคอนโดใกล้กว่าจากโรงเรียนผมไปคอนโดทำให้ส่วนใหญ่คนที่ถึงบ้านก่อนก็คือพี่นพ
ถึงจะกลับถึงคอนโดก่อนแต่พี่นพก็รอกินข้าวเย็นพร้อมผมทุกวัน
“อาร์ม รอพี่นานมั้ย”
“ไม่นานครับ”
“ขึ้นรถเร็ว”
“ครับ”
วันนี้พี่ทันติดรถพี่นพมาด้วยครับ ผมเลยนั่งเบาะหลัง
“พี่ทัน หวัดดีครับ”
ผมยกมือไหว้พี่ทันหลังจากที่เข้าไปนั่งในรถแล้ว
“อืม หวัดดี เป็นไงบ้างเรา พี่ไม่เจออาร์มนานเลย”
“สบายดีครับ”
“โตเป็นหนุ่มแล้วนะเนี่ย”
“ครับ”
พี่ทันเป็นเพื่อนพี่นพตั้งแต่สมัยเรียนมหา'ลัยแล้วครับสนิทกันมาก พอเรียนจบพี่นพก็เลยชวนพี่ทันมาทำงานที่บริษัทพี่นพ
เป็นบริษัทที่รับงานต่อมาจากพ่อกับแม่น่ะครับ พี่นพเริ่มงานบริษัทตั้งแต่ยังเรียนไม่จบรียนไปทำงานไปไหนยังจะต้องคอยดูแลผมอีก
ผมรู้ว่าพี่นพเหนื่อยมากแต่พี่นพก็ไม่เคยบ่นให้ผมได้ยิน
“นพ เดี๋ยวมึงจอดร้านข้างหน้านี่แหละ กูนัดพลอยไว้ร้านนี้”
“จัดให้เพื่อน”
พี่นพพูดเสร็จก็เลี้ยวเข้าไปจอดในที่จอดรถสวนอาหาร
“ขอบใจเพื่อน” พี่ทันหันมาบอกพี่นพก่อนเปิดประตูลงจากรถ
“ไม่เป็นไร”
“พี่ทันหวัดดีครับ”
“ดีอาร์ม ไว้เจอกัน”
“ครับ”
พอที่ทันลงจากรถไปผมก็ไปนั่งข้างหน้ากับพี่นพ
“อาร์ม เย็นนี้อยากกินอะไร” พี่นพถามขณะที่ออกรถจากร้านอาหารที่แวะมาส่งพี่ทัน
“เอ่อ อะไรก็ได้ครับ อาร์มไม่ค่อยหิว”
“งั้นเดี๋ยวแวะซื้อกับข้าวเข้าไปกินที่ห้องแล้วกันนะ”
“ครับ”
กับข้าวที่ซื้อมาวันนี้เป็นของโปรดผมทั้งนั้นเลยครับ ผมไม่ได้เป็นคนลงไปเลือกซื้อเองหรอก พี่นพเป็นคนลงไปซื้อมาให้
กลับมาถึงห้อของที่ซื้อมายังไม่ทันได้เก็บผมก็โดนมือจากข้างหลังมารวบตัวไว้
“คิดถึงอาร์มจัง” พี่นพเข้ากอดผมจากทางด้านหลัง
“เพิ่งไม่เจอกันไม่ถึงสิบสองชั่วโมงเลยนะพี่นพ”
“แต่พี่คิดถึงนี่” พี่นพพูดเสร็จก็หอมเข้าที่แก้มผม
“พี่นพอย่า” ผมพยายามเบี่ยงตัวหนีจากจมูกและปากของพี่นพ
“ทำไมล่ะ” พี่นพถามผมหลังจากที่ผมพยายามแกะมือพี่นพออกจนสำเร็จแล้ว ตอนนี้ผมกับพี่นพยืนหันหน้าเข้าหากันแทน
“...”
“ไม่ตอบถือว่าไม่ปฏิเสธนะ”
“อย่านะพี่นพ”
ผมพูดพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาผลักตัวพี่นพออกไป ผมจะไม่ยอมให้สิ่งที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นต้องมาเกิดขึ้นอีกแล้ว
“ทำไม” พี่นพถามผมโดยที่มือทั้งสองข้างของพี่นพจับข้อมือของผมไว้
“...”
“พี่ถามว่าทำไม”
“...”
“พี่ถามว่าทำไม ไม่ได้ยินรึไงอาร์ม” เสียงพี่นพดังขึ้น มือก็บีบข้อมือผมแรงขึ้นด้วย
“ฮ...ฮึก...มันไม่ถูก...ฮ...”
ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วครับ ทำไมผมอ่อนแออย่างนี้นะ
“อะไรไม่ถูก” พี่นพถามผมต่อ แต่น้ำเสียงเริ่มเบาลงแล้ว
“ฮ...ฮึก...ก็...เราเป็นพี่น้องกัน...มันไม่ควรเกิดขึ้น”
“....” ตอนนี้พี่นพปล่อยมือออกจากข้อมือผมแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา
พี่นพนั่งก้มหน้าอยู่สักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามผมว่า
“อาร์มไม่รักพี่แล้วเหรอ”
เป็นคำถามที่ผมไม่อยากได้ยินมากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมันออกจากปากของพี่นพแล้วด้วย
“ว่าไงอาร์ม”
พี่นพถามย้ำเพื่อจะรอคำคอบจากผม
“ร...รัก...แต่ว่าพี่นพเป็นพี่ของอาร์ม”
“แล้วอาร์มจะให้พี่ทำยังไง...”
“...”
“พี่ถามว่าจะให้พี่ทำยังไง”
พี่นพพูดพร้อมกับลุกขึ้นตรงมาที่ผม ผมจะไม่ยอมให้เกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว ผมจะไม่ยอมเด็ดขาด ผมคว้ากระเป๋านักเรียนแล้ววิ่งเข้าห้องตัวเองทันที
ปัง ปัง ปัง“เปิดประตูอาร์ม คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“...” ผมไม่ห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้แล้วครับเพราะตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ต่อหน้าพี่นพแล้ว
“อาร์ม พี่ขอร้องล่ะ อาร์มไม่รักพี่แล้วเหรอ” เสียงพี่นพอ่อนลงมากครับดูเหมือนจะสั่นๆด้วย
นั่นเป็นความจริงที่เจ็บปวดที่สุดครับ เพราะอย่างนี้ไงพี่นพผมไม่อยากให้พี่ต้องมาทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
“...ฮ...ฮึก ...กับ...............อาร์ม”
“อาร์มว่าไงนะ บอกพี่มาสิ”
ผมพยายามรวบรวมและพูดออกไปให้เป็นคำมากที่สุด สักวันยังไงผมก็ต้องพูดมันออกไปทั้งที่ใจผมไม่ต้องการจะพูดเลย
“...ฮ...ฮึก...เลิกยุ่งกับอาร์ม...”
//---------------------------------------------------------------------//
ตอนที่ 2 มาแล้ว
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและreplyจ้า
ไว้จะเข้ามาตอบเม้นน้า ^^ วันนี้อ่านตอนที่ 2 กันไปก่อนนะปล.เฮ้อ กว่าจะเข้าบอร์ดได้แทบตาย มันเป็นอะไรก็ไม่รู้เข้าไม่ได้ซะทีตั้งแต่บ่ายล่ะ
ใครรู้สาเหตุที่เข้าบอร์ดไม่ได้ช่วยpmมาบอกกันหน่อยนะ ฮือ เศร้า
ปล.againรักคนอ่านทุกคนเหมือนเดิมจ้า