ตอนที่ 1 : สังหารองค์ชาย
ตามประเพณีดั้งเดิม รัชทายาทจะถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์กษัตริย์เมื่ออายุ 21 ปีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ถ้าหากองค์แรกนั้นเสียชีวิตก็ให้เลือกตามลำดับขั้นไปเรื่อยๆ หรือถ้าหากไม่มีทายาทก็จะมีการเสี่ยงทายโดยโหนหลวงเพื่อหาเด็กมาชุบเลี้ยงเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของเมือง
อีกไม่ถึงเดือน
จะถึงพิธีแต่งตั้ง
นับว่าเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดสำหรับเวสเปอร์
องค์ชายคนโตที่ปัญญาอ่อน
ไม่สามารถเรียนรู้ด้านการปกครอง เศรษฐกิจ หรืออะไรที่สามารถเป็นประโยชน์
เป็นเพียงองค์ชายอ่อนแอที่ไม่ได้รับความเคารพ
ทั้งภายในและภายนอก
ข่าวลือหนาหูเรื่ององค์ชายคนโตมีมากมายเกี่ยวกับความผิดปกติ
สาวใช้คนสนิทปากมากมักจะเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับองค์ชายที่ตนดูแล ให้เป็นที่จะตลกขบขัน
เคราะห์ดีที่มันไม่ถึงหูของกษัตริย์
ไม่เช่นนั้นคอของนางอาจจะถูกบั่น
สรุปได้ถ้าหากเวสเปอร์ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์กษัตริย์จริงๆ
ไม่ใช่เพียงแค่ขุนนางจะไม่ยอมรับ
นั่นจะรวมถึงชาวเมืองทั้งหลายด้วย
กษัตริย์ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนมักจะถูกต่อต้านและนำพาไปสู่สงครามกลางเมือง
เพื่อป้องกันสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าทุกกรณี
คือ การสังหารรัชทายาท !
“ เจ้าแมว เจ้าหิวไหม ถ้าหิวบอกข้าได้นะ ข้าจะ ข้าจะเอามาให้ เจ้ากินปลาใช่รึเปล่า ? เอ แต่ถ้าจะกินปลาข้าก็ต้องตกปลา แล้วข้าจะไปตกที่ใดกัน ” องค์ชายพูดด้วยความร่าเริง
นานแล้วที่เขาไม่มีเพื่อนพูดคุย
เสือขาวกระดิกหูตอบและเอาหัวไซร้คอด้วยท่าทีออดอ้อนส่งเสียงเครือครางในลำคอ
“ น่ารัก เจ้ามันน่ารักชะมัด คิกๆ ”
องค์ชายหัวเราะเบาๆ ลูบหัวมัน
ตั้งแต่วันที่องค์ชายได้เจอพยัคฆ์ขาวก็ขลุกอยู่กับมันเกือบจะตลอดเวลาที่สามารถอยู่ได้
จะกินข้าวจะนอนก็กินอยู่กับเจ้าเสือ
คนที่หงุดหงิดไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากสาวใช้คนสนิท
เจ้าแมวขององค์ชายดุร้ายกับทุกคนที่ไม่ใช่เจ้าของ
หากก้าวขาในบริเวณมันเพียงนิดก็จะถูกจ้องเขม็งด้วยสายตาวาวโรจน์
ทำให้การที่จะเรียกองค์ชายไปอาบน้ำกินข้าวทำได้ยากกว่าปกติเป็นเท่าตัว
ไม่สามารถแสดงอารมณ์หงุดหงิดอะไรใดๆ ออกมาได้
เพราะดูแล้วพยัคฆ์ขาวจะไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับนายของมัน
“ องค์ชายทานข้าวได้แล้วนะเพคะ ”
พูดเสียงหวานด้วยความรู้สึกขยะแขยงในตัวเอง
น้ำเสียงกระแทกกระทั้นไม่สามารถนำออกมาใช้ได้เมื่อมีพยัคฆ์ขาวคุ้มกะลาหัวองค์ชาย
สาวใช้คนนี้มักจะแสดงท่าทีวางก้ามกับองค์ชายเสมอเมื่อกี้โอกาส ใช้ความผิดปกติขององค์ชายเป็นเครื่องมือในการกดขี่แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีฐานะเป็นถึงองค์ชาย
ในเมื่อพ่อขององค์ชายยังไม่สนใจ
เหตุใดที่ใครก็ตามต้องเคารพองค์ชายล่ะ ?
เมื่อได้ยินชื่อตัวเองก็หันไปตามเสียง สีหน้าบูดบึง ตบหัวเจ้าเสือเบาๆ แทนคำกล่าวลา “ ข้าไปกินข้าวก่อนนะเจ้าเสือ ไว้ค่อยมาเล่นกันใหม่ ข้าจะ ข้าจะหาปลามาให้เจ้าด้วย ! ”
พยัคฆ์ขาวคำรามตอบเบาๆ ก่อนจะหลับต่อ แต่ฉับพลันนัยน์ของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ลุกพรวดกระโจนเข้าหาองค์ชายที่ยังเดินไม่ทันพ้นประตู คาบคอเสื้อมาหยุดยืนที่นอนเดิมของตัวเอง
องค์ชายถึงกับห้อยต่องแต่ง
“ เจ้าแมว เจ้าแมว ข้าไม่ใช่ลูกเจ้านะ มาคาบคอข้าได้ยังไงกัน ”
ขนาดตัวที่ต่างจากพยัคฆ์ทั่วไปขับให้พยัคฆ์ขาวดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
มันวางองค์ชายไว้ข้างกายเลียหน้าแผล่บเบาๆ ก่อนจะจ้องหน้าสาวใช้นิ่ง
“ อะไร.. อะไรของเจ้า ข้าจะพาองค์ชายมากินข้าว ”
สาวใช้พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
สายตาของมันพร้อมที่จะฆ่านางในทุกวินาที
ราวกับรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนไว้ภายในเสื้อ
ยาพิษที่ใช้ผสมอาหาร ที่กินไปเพียงนิดก็สามารถตายได้ง่ายๆ
มันถูกฝากฝังมาจากขุนนางคนสนิทของกษัตริย์
สาวใช้คาดเดาเองว่าไม่แน่อาจจะเป็นกษัตริย์เสียเองที่ฝากมา
ชายผู้นั้นถ้าหากเจอสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์
จะตัดออกทันที
ในครั้งนี้อาจจะรวมถึงบุตรชายคนโตของเขา
เพื่อเปิดทางให้กับองค์รัชทายาทคนรองที่อายุห่างกันไม่กี่ปีเท่านั้น
สติปัญญาความเฉียบแหลมถึงขั้นอัจฉริยะ
คล้ายกับว่าองค์ชายรองได้รับทุกอย่างในสิ่งที่คนพี่ไม่มี
เรียกว่าเป็นความโชคร้ายของคนพี่โดยแท้จริง
ความผิดปกติที่ไม่มีใครเห็นใจ
“ เจ้าเสือ ข้าหิวนะ เมื่อไหร่เจ้าจะให้ข้ากินอะไรสักที ” องค์ชายบ่นแต่หน้าตายังเจือไปด้วยรอยยิ้ม “ ไม่เช่นนั้นข้าจะกินหางเจ้านะ ! หางเสือขาว คิกๆ ข้าเคยกินแค่ซุปหางวัวเอง ”
เจ้าเสือสะบัดหางหนีเมื่อถูกมือองค์ชายตะปปเล่น
“ ข้าหิวจริงๆ น้า ”
องค์ชายเริ่มงอแง
“ เจ้าไม่สงสารข้าบ้างเหรอเจ้าเสือ ฮือ ”
เจ้าเสือมองหน้าองค์ชายนิ่งก่อนจะเลียหน้าแผล่บๆ ราวกับกำลังปลอบใจ
ตึก ตึก ตึก
“ ฆ่า !! ฆ่า !! ฆ่า !! ”
เสียงฝีเท้าจำนวนมากพร้อมคำปลุกใจดังแว่วเข้ามาในห้อง
องค์ชายสะดุ้งเฮือกเอามืออุดหู
“ ฮือ ฆ่า จะฆ่าใครกัน ”
น้ำตานองหน้า
ความกลัวถูกปลุกขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
พยัคฆ์ขาวคำรามออกมาเสียงดังลั่น
ทุกอย่างล้วนสั่นไหว
ไม่เว้นแม้แต่ประตูเหล็กหนักๆ
เหล่าทหารกล้าอาวุธครบมือเดินเรียงแถวเข้ามา ผู้นำนั้นสวมเสื้อคลุมสีแดง ดาบปลายแหลมสลักด้วยลวดลายประหลาดถูกชี้เข้าที่หน้าพยัคฆ์
“ ฆ่ามัน !! ”
เสียงเฮดังลั่นเป็นการตอบรับพร้อมกับบุกโรมรันใส่เจ้าเสือขาว
เจ้าเสือคาบคอเสื้อองค์ชายกระโดดข้ามไปบนกำแพง หน้าต่างสีสวยถูกพังด้วยร่างยักษ์ของมัน
“ เหวออ เจ้าเสือ เจ้าจะบินเหรอ ” องค์ชายร้องดังลั่นเอามือปิดตาแน่นจนกระทั่งได้เหยียบพื้นอีกครั้งถึงได้ยอมปล่อยมือออก
องค์ชายที่ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ไม่เคยออกนอกเขตปราสาทแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนี้กำลังยืนอยู่หลังกำแพงปราสาท
เสียงระฆังหลังกำแพงดังกึกก้องบอกถึงเหตุร้ายที่กำลังเกิดขึ้น
“ จะหนีไปไหนเล่า องค์ชาย ? ”
น้ำเสียงยียวนชวนให้คุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างหลัง
ขัดจังหวะองค์ชายที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับโลกภายนอก
ที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสแม้สักครั้งเดียวในชีวิต
“ มีอะไร ”
องค์ชายเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็พูดเสียงเบา
เกาะเจ้าเสือแน่น
น้องชายของเขานั่นเอง
ร่างองอาจสวมชุดหรูหราเข้ากับผมทองสนิทนัยน์ตาสีเดียวกัน
ต่างจากเขา
ที่มีผมสีขาวโพลนนัยน์ตาสีทอง
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ผมกลายเป็นสีที่ผิดแผกจากตระกูล
“ ข้าก็แค่จะกำจัดขยะของตระกูลก็เท่านั้น พี่ชาย ”
น้ำเสียงยั่วเย้า จ้องพี่ชายด้วยสายตาเชือดเฉือน
องค์ชายไม่สามารถตีความหมายโดยนัยได้จึงได้แต่ตอบกลับไปซื่อๆ
“ ถ้าหากเจ้าต้องการกำจัดขยะ ข้า ข้าจำได้ว่ามันอยู่หลังครัวนะ ”
เส้นเลือดขึ้นปูดบนหน้าผาก
ดาบยักษ์ส่งแสงเรืองตามอารมณ์ของเจ้าของ
เจ้าเสือขู่คำรามในลำคอย่างเท้ายืนขวางองค์ชาย
“ แค่แมวอย่างเจ้าคิดว่าจะคณามือข้างั้นเหรอ ? ”
ส่งเสียงหึในลำคอ ก่อนจะตวัดดาบใส่
พยัคฆ์ขาวใช้กรงเล็บในตั้งรับดาบ สี่เท้าจิกบนพื้น ขู่คำรามเสียงดังลั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
องค์ชายรองถึงกับเผลอเอามืออุดหู
“ เที่ยวเล่นพอแล้วงั้นเหรอ ฟินด์ ”
ปรากฏร่างของชายที่สูงและองอาจยิ่งกว่าองค์ชายรอง
บรรยากาศรอบตัวเย็นเยียบชวนให้รู้สึกสันหลังวาบ ไม่มีใครกล้าสบตาชายคนนี้นาน นัยน์ตาสีแดงก่ำที่พร้อมจะจ้องลึกถึงก้นบึ้งของจิตใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผมสีดำสนิทถูกตัดสั้นเป็นทรงที่ขับให้รูปหน้าคมดูน่าเกรงขาม ผิวสีแทนที่ถูกแดดกัดกร่อนเล่าถึงการเดินทางที่ฝ่าแดดฝ่าฝนอยู่เสมอ รอยแผลเป็นน่ากลัวถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าเนื้อดีสีดำ
ทุกอย่างล้วนขับกล่อมให้ชายผู้นี้
ไม่ใช่คนทั่วไป
และเป็นที่หวาดกลัวกลับผู้ที่พบเจอ
“ หือ ? ดูเหมือนว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญนะ ”
ทั้งๆ ที่พูดด้วยน้ำเสียงปกติ
แต่องค์ชายรองกลับรู้สึกหวาดกลัว
ในรูปของประโยคนั้นดูธรรมดา แต่อารมณ์ที่แฝงนั้นไม่ใช่
เขาไม่ชอบคนที่แส่ไม่เข้าเรื่อง
“ ยังไม่ไปอีก ”
รอยยิ้มมุมปากปรากฏ นัยน์ตาสีแดงวาวโรจน์เช่นเดียวกับสัตว์ป่า
“ ที่นี้คือเมืองของข้า เหตุใดที่ข้าจะยืนที่นี่ไม่ได้ล่ะ พยัคฆ์ดำ ”
ทั้งๆ ที่รู้สึกหวาดกลัวแต่ก็พยายามข่มมันด้วยท่วงท่าขององค์ชาย
ความหวาดกลัวไม่ควรเผยให้ศัตรูเห็น
นั่นคือสิ่งที่ทั้งชีวิตขององค์ชายรองรับรู้ตั้งแต่จำความได้
เพราะเขานั้นจะเป็นกษัตริย์เหนือแผ่นดินนี้ !
คำพูดยียวนที่ถูกสวนกลับมาทำให้ผู้ที่ถูกเรียกขานว่าพยัคฆ์ดำนั่นรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
“ ถ้าเป็นเช่นนั้น ”
มองร่างขององค์ชายรองราวกับมดปลวก
“ จงระวังตัวให้ดี แม้ว่าเมืองนี้จะเป็นถึงเมืองหลวง ก็ไม่สามารถทำให้ข้ากลัวได้หรอกนะ องค์ชาย !! ” สิ้นเสียงตะโกนเสียงดังลั่น เคลื่อนไหวเข้าหาองค์ชายรองราวกับพยัคฆ์ที่โกรธจัด
แม้จะมีเพียงแค่สองเท้าและไร้กรงเล็บ
แต่การลงดาบทุกอย่างล้วนดุดันเฉกเช่นฉายา
องค์ชายรองทำได้เพียงตั้งรับคมดาบ
แม้ว่าองค์ชายจะเป็นถึงหัวกะทิในทุกด้าน
แต่ก็ต้องพ่ายแพ้กับพยัคฆ์ดำ
ที่ผ่านการต่อสู้มานับร้อยนับพันครั้ง
พยัคฆ์ดำเป็นฉายาที่ถูกตั้งขึ้นจากผู้ที่เคยพบ
การพเนจรไปเรื่อยๆ ของพยัคฆ์ดำนั้นมักจะเป็นที่กล่าวขาน
ฆ่าผู้คนได้ราวกับผักปลา
ขุนนางผู้โลภมากถูกคว้านทอง
หรือแม้กระทั่งเจ้าเมืองบ้าอำนาจบางคราก็กลายเป็นศพ
เมื่อพยัคฆ์ดำมาเยือน
พยัคฆ์ดำนั้นทั้งถูกสรรเสริญและด่าทอ
บางทีชาวบ้านธรรมดาที่ให้ที่อยู่นั้นพยัคฆ์ดำก็ถูกฆ่า
แต่สาเหตุนั้นไม่มีใครล่วงรู้
ว่าเกิดจากอะไร
พยัคฆ์ดำมักจะมาพร้อมกับพยัคฆ์ขาว
เสือจริงๆ ที่ดุร้ายเช่นเดียวกับนายของมัน
บางทีฉายาอาจจะมาจากสัตว์เลี้ยง
สีดำคู่กับสีขาว
คงจะเป็นเช่นนั้น
“ สะ เสือ เพื่อนเจ้างั้นเหรอ เจ้าแมว ” องค์รัชทายาทเพิ่งจะได้สติก็ตัวสั่นทันที มือขยำขนเจ้าเสือแน่น
เจ้าเสือคำรามในลำคอเบาๆ
“ นะ น่ากลัว ข้ากลัว เพื่อนเจ้าน่ากลัว เขา เขาจะฆ่าน้องชายของข้าเหรอ ”
องค์ชายถามเสียงสั่น
แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบน้องชายของตนเอง
แต่ก็ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายตาย
ความสัมพันธ์ทางสายเลือดอย่างไรก็ไม่มีวันตัดขาด
จะปฏิเสธให้ตายอย่างไร
ก็เป็นพี่น้องกันอยู่ดี
เจ้าเสือมองหน้าองค์ชายนิ่งราวกับกำลังใช้ความคิด ก่อนจะหันไปคำรามเรียกเจ้านายของมันมา
พยัคฆ์ดำเบ้ปากเซ็งๆ ยอมรามือจากองค์ชายรองปล่อยให้อีกฝ่ายได้หนีกลับเข้ากำแพงไปหัวซุกหัวซุน แล้วเดินมาหยุดยืนหน้าองค์ชาย
“ เจ้าไปเก็บเด็กที่ไหนมากัน ? ”
นัยน์ตาสีแดงสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า วิเคราะห์อีกฝ่ายในใจ
แต่งกายด้วยชุดเชื้อพระวงศ์แต่ไม่หรูเท่าเด็กเมื่อกี้นี้
หน้าตาคล้ายกันประมาณหนึ่งส่วน
ไม่ค่อยคมสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่หวานเช่นกัน
เด็กๆ ก็ประมาณนี้ล่ะมั้ง
มีหน้าตาชวนให้คนเอ็นดู
ไม่เหมือนข้าที่ดูดุตั้งแต่เด็ก
แต่ผมสีขาวโพลนนี่ดูแปลกตาจริง
ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นสักครั้ง
เจ้าเสือไม่ตอบเอาดุนหลังให้องค์ชายขยับเข้าไปใกล้เจ้านายของตนเอง
“ เจ้าจะเอาไปด้วย ? ข้าไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กนะ ฟินด์ เจ้าก็รู้การดูแลคนอื่นมันเป็นเรื่องน่ารำคาญ ”
เจ้าเสือขู่ตอบกัดแขนองค์ชายเบาๆ ให้ตอบอะไรเจ้านายของตนบ้าง
“ โอ้ย เจ้าแมวอย่ากัดข้า ข้าเจ็บ ”
องค์ชายลูบแขนที่ถูกกัดเบาๆ ตั้งแต่เมื่อกี้นี้องค์ชายไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับพยัคฆ์ดำ เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นเมื่อถูกอีกฝ่ายมองมากๆ
“ แมว ? ”
พยัคฆ์ดำทวนและหัวเราะในลำคอ
ฟินด์ดุร้ายถึงขนาดที่ว่าเคยโดนเรียกว่าปีศาจพยัคฆ์ด้วยซ้ำ แต่เจ้าเด็กนี่เรียกแมว
ตลกดี
องค์ชายได้ยินเสียงหัวเราะก็เงยหน้าขึ้นมากล้าๆ กลัวๆ
เห็นสีหน้าที่มีรอยยิ้มทำให้ความกลัวคลายลงไปนิดหน่อย
“ เจ้าเป็นใคร ”
พยัคฆ์ดำพูดน้ำเสียงปกติ
อยากจะทดสอบผู้ที่จะมาร่วมทางกับตน
พยัคฆ์ของเขานั้นได้เลือกบุคคลนี้มา
ย่อมต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน
องค์ชายสะดุ้งโหยงกำขนเจ้าเสือแน่น “ ขะ ข้าเป็นองค์รัชทยาท ”
พยัคฆ์ดำเลิกคิ้วด้วยความสนใจ
ดูท่าฟินด์จะไปลากบุคคลสำคัญมาร่วมทางแล้วสิ
แต่การลอบฆ่าเมื่อกี้นี้คงเป็นคำตอบได้ว่า องค์ชายผู้นี้ไม่ถูกยอมรับ
หรือไม่ก็เก่งกาจจนผู้ที่กระหายอำนาจต้องสังหารเสียก่อน
“ ข้าชื่อ ชื่อ เวสเปอร์ เจ้าจะเรียกข้าว่า องค์ชายก็ได้ มี มีแต่คนเรียกข้าแบบนี้ ทั้งๆ ที่ข้าชอบชื่อของข้ามากกว่า ”
พยัคฆ์ดำเริ่มจับความผิดปกติในการพูด
เหตุใดที่องค์รัชทายาทผู้นี้ยังพูดกระอึกกระอัก
ผู้ที่เป็นถึงองค์ชายควรจะมั่นใจในตนเอง
อาจจะเป็นการเสแสร้ง
นัยน์ตาของพยัคฆ์ดำวาวโรจน์
เขาเจอร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมมานักต่อนัก
จะมารูปแบบใดกันองค์ชาย
“ แล้วเจ้าล่ะ เจ้าชื่อ ชื่ออะไร ”
“ โลกัส ”
องค์ชายขมวดคิ้ว
“ ข้าว่า เจ้าชื่อ เจ้าเสือ ดีกว่า เจ้าเสือ ”
โลกัสหลุดหัวเราะ
ฟินด์เป็นแมว ข้าเป็นเสือ
“ แล้วเจ้าล่ะ เป็นอะไร ”
“ ข้า ข้าเป็นองค์ชาย ข้าว่าข้าบอกเจ้าไปแล้วนะ ”
โลกัสยิ้ม
แล้วสิ่งที่เจ้าทำอยู่นั้น
เป็นความจริงหรือการเสแสร้งล่ะ
องค์ชาย ?