ตอนที่ 16 [ ปั้น ♥ ริว 2 ]
-กำปั้น-
ผมไม่รู้ว่าไอ้เด็กก้าวร้าวที่นั่งรถมากับผมต้องการอะไร ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากเข้าใกล้ วันนี้กลับขอติดรถมาด้วย
“นี่” ผมไม่แปลกใจสักนิดที่คำแรกห้วนสั้นไม่มีสัมมาคารวะ ดูพี่ชายก็รู้พอกัน ต้อนรับแขกได้แย่มาก
“ไม่ได้ยินเหรอ” เสียงสะบัดของคนเอาแต่ใจบ่งบอกอารมณ์เจ้าของ
“ไม่ใช่ นี่ อยากให้คุยด้วยพูดดีๆ” ผมยังใช้ไม้นิ่ง ไม่ได้นึกโกรธเหมือนวันแรกที่เจอ เริ่มชินกับมันบ้างแล้ว
“นาย” เปลี่ยนแล้วก็ยังฟังดูแย่ เด็กบ้านี่ลืมจริงใช่ไหมว่าผมแก่กว่ามันสิบสองปี
ผมยังใช้วิธีเดิม ไม่โต้ตอบไม่พูดด้วย ผมไม่โง่ขนาดดูไม่ออกว่าที่ลงทุนมาทั้งหมดคงต้องการอะไรบางอย่างจากผม
แค่ยังไม่รู้ว่าอะไร
คนข้างๆ ฮึดฮัดขยับตัวไปมา ผมเหล่มองเห็นกัดปากจนกลัวเลือดจะออก
“พี่..” ผมยังเงียบ
“พี่ปั้น”
“ยังจำได้ นึกว่าสมองเสื่อมไปแล้ว”
“เอ๊ะ” เสียงปรี๊ดสูงแต่ไม่มีคำด่าตามมา กำลังอดทนอดกลั้นสินะ ผมชักสนุกเหมือนตัวเองถือไพ่เหนือกว่า
“จะให้ไปส่งที่ไหน” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นคนที่ลงทุนยอมเรียกชื่อกลับนิ่งไปไม่พูดอะไรต่อ
“บ้าน”
ผมพยักหน้า เคยไปส่งมาก่อนอยู่ไม่ไกลมาก น่าจะตั้งใจซื้อไว้ใกล้ๆ กัน
“เดี๋ยวก่อน” เสียงห้วนดังขึ้นเมื่อผมกำลังตีไฟเลี้ยวเข้าเลนซ้าย
“แวะทานอะไรก่อนได้ไหม หิว”
จะลูกไม้อะไรอีก เอา ผมก็ว่างอยู่ เล่นกับเด็กมันเสียหน่อย ดีเหมือนกันเผื่อจะสืบอะไรได้บ้าง
“เอาสิจะทานอะไร”
“อะไรก็ได้” หึๆ พูดเองนะ
ผมขับไปเรื่อยๆ จนมองเห็นป้ายร้านถูกใจก็เลี้ยวเข้าไปจอด
ผมดับเครื่องยนต์ คนนั่งข้างๆ หันมาจ้องหน้าตาแทบถลนแต่ผมไม่สนใจเดินลงจากรถ อยากจะนั่งอยู่อย่างนั้นก็ตามใจ
ผมเดินเกือบถึงโต๊ะที่หมายตา ได้ยินเสียงปิดประตูโครมใหญ่ กะจะเอาให้พังเลยใช่ไหมไอ้เด็กบ้า
รีโมทในมือถูกยกขึ้นกดปิด ยังดีที่รัศมีไม่ไกลกันมาก
“กินอะไร” ผมส่งเมนูที่ทำจากกระดาษA4เคลือบพลาสติกให้ไอ้เด็กหน้าง้ำ
มันเอาปลายนิ้วเขี่ยคืนมาทางผม ทำหน้าเบ้
“ไหนบอกว่าหิว” คราวนี้มันเม้มปากแน่นไม่ยอมตอบ
ผมกวักมือเรียกพนักงาน สั่งอาหารตามใจปาก ไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ถามแล้วไม่ตอบก็ช่วยไม่ได้
“เอาตำปูปลาร้า ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อน คอหมูย่าง ลาบหมู ข้าวเหนียวสอง โค้ก2ขวด”
คนที่หน้าง้ำตอนนี้หงิกไปเรียบร้อย มันเอามือพัดไปมาทำอย่างกับว่าจะช่วยให้หายร้อน
ผมยาวประบ่าลีบติดคอ เออ เหงื่อมันออกเยอะแหะ
“เอ้า” ผมเลื่อนกล่องทิชชู่ของร้านไปให้ มันใช้หางตามองก่อนทำหน้าสยดสยอง
ก้มลงเปิดกระเป๋าตัวเองที่วางอยู่บนตัก หยิบผ้าเช็ดหน้าแบรนด์ดังออกมาซับเหงื่อ
ใครสั่งใครสอนมันวะ เป็นลูกเป็นหลานจะตีให้ตาย
พนักงานเอาอาหารมาเสริฟ ผมตักทานไปเรื่อยๆ รอให้อีกฝ่ายพูดขึ้นก่อน เป็นการทดสอบความอดทนว่าใครมีมากกว่ากัน
“นายหมียักษ์” ผมหรี่ตามอง คนพูดคงนึกได้รีบเปลี่ยน
“พี่ปั้น”
“จะพูดอะไรก็ว่ามา” ดอกพิกุลจะร่วงหมดต้นแล้วผมยังฟังไม่ถึงห้าประโยค
“นาย..อื้อ..พี่เป็นเพื่อนพี่ปุ่นเหรอ”
“เป็นแล้วยังไงไม่เป็นแล้วยังไง” ผมไม่ยอมตอบ อยากให้แน่ใจก่อนว่ามันคือเรื่องอะไร
“กวนตีน”
“โอ้ย” ผมเหยียบไปบนรองเท้าคู่สวย ทิ้งน้ำหนักไม่แรงแต่ก็ไม่เบา
“ไอ้นี่ถึงเรียกว่าตีน ไม่อยากเจ็บตัวอีกพูดจาดีๆ หรืออยากโดนฟาดเหมือนคราวก่อน”
“เอะอะใช้กำลัง ทำตัวเป็นคนมีการศึกษาเป็นไหม”
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุยกับใคร เด็กบางคนมันก็อ้อนมืออ้อนตีน”
“หยาบคาย”
เออมัน ตีน ใส่ผมได้ แต่พอผมสวนบ้างดันค้อนผมประหลับประเหลือก
“จะตอบไหม” มันวกกลับมาเข้าเรื่องเดิม
“กินก่อนแล้วจะตอบ” ผมยื่นข้อแม้ เสียดายของสั่งมาตั้งเยอะมันไม่แตะสักคำ
ไอ้เด็กผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิงหยิบช้อนขึ้นมา ตั้งท่าอยู่นานก่อนจะตักลาบหมูใส่ปาก
“เผ็ด” มันร้องโวยวายหยิบน้ำไปดื่มเกือบหมดแก้ว
“กินนี่” ผมผลักจานคอหมูย่างไปวางตรงหน้า
“อี๋ มันทั้งนั้นกินเข้าไปได้ยังไง” มันทำท่าขนลุกขนพอง
“งั้นก็ไม่ต้องกิน นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้โตจะเป็นควายแล้ว”
ไอ้ตัวดีโมโหทิ้งช้อนลงบนจานเสียงดัง มันคว้ากระเป๋าลุกเดินออกไป ผมไม่ตามให้เสียเวลาเสียดายของกินกำลังอร่อย
สักพักเดียวไอ้เด็กผมยาวก็เดินกลับมา มันกระแทกตัวลงนั่งแรงจนผมกลัวก้นมันจะพัง ได้ข่าวว่าพวกเกย์ต้องใช้งานเยอะ
มันไม่ต้องระวังเหรอวะ
“หึ”
“อย่ามาหัวเราะ” มันตวาดแว้ด แต่เห็นหน้ามันชุ่มไปด้วยเหงื่อก็อดสงสารไม่ได้
ร้านที่ผมนั่งเป็นร้านอาหารอีสานแบบไม่มีแอร์ แดดที่ส่องเข้ามาก็แรงเอาการ
ผมตัดสินใจเรียกเช็คบิล ไม่ต้องกงไม่ต้องกินมันแล้ว
“กลับ” ผมตั้งท่าจะลุก
“เดี๋ยวสิ” ผมชักหงุดหงิด กินก็ไม่กิน ไม่กลับจะกลับ พอผมจะกลับดันเรียกไว้
“ใกล้ๆ บ้านมีร้านเค้กอร่อยไปแวะทานได้ไหม”
ผมมองหน้าคนพูด ชั่งใจอยู่แป๊บนึงก่อนพยักหน้า เท่านั้นแหล่ะมันรีบเดินไปที่รถ
“เร็วๆ ร้อน” หันมาเร่งผมยิกๆ เอากับมันสิ
ร้านเค้กที่มันพาผมมาเป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ตกแต่งสวย เค้กน่าทานและราคาก็แพงตามหน้าตาไปด้วย
มันใช้ชีวิตแบบนี้สินะ ใช้ของหรูหรากินดีอยู่ดี ไม่เคยโดนแดด ผิวมันถึงขาว ปากแดง แก้มใส คงไม่เคยลำบากมาก่อน
“ถามจริงเป็นอะไรกับพี่ปุ่น” ไม่ต้องเสียเวลารอนาน มันเข้าเรื่องอีกครั้ง
“ถามจริงอยากรู้ไปทำไม” ผมเลียนแบบคำพูดมันบ้าง
“เป็นแฟนกันหรือเปล่า” ไอ้ตัวดีโพล่งออกมาจนได้ เมื่อคืนผมได้ยินมันพูดแบบนี้ไปหนนึงแต่ไม่ได้เอะใจอะไร
ตกลงมันคิดแบบนั้นจริงๆ สินะ
“ใช่หรือไม่ใช่ ไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่น” ผมกวนตีนมันเล่น
“ถามดีๆ ตอบเถอะนะ” เสียงมันอ่อนลงคงไม่รู้จะทำยังไงกับผม
“ไม่ใช่เพื่อน ปุ่นเป็นคนพิเศษ” ผมกั๊กเอาไว้
“พิเศษแบบไหน” ดูท่ามันอยากรู้ให้ได้ว่าระหว่างผมกับปุ่นเป็นอะไรกัน
“พิเศษมาก” ผมตอบคำถามไปอีกทาง ทำเป็นไม่เข้าใจว่ามันอยากได้คำตอบแบบไหน
“ชิ” มันทำเสียงจิ๊กจั๊กในคอ
“แค่นี้ก็รู้แล้ว” ไอ้ตัวดีตัดสินเอาเองเสร็จสรรพ มันวางส้อมเรียกเช็คบิลเหมือนธุระที่มันมาทำเสร็จแล้ว
“กินทิ้งกินขว้าง” เพิ่งมานั่งได้แป๊บเดียว สองร้านแล้วนะไม่รู้จักค่าของเงิน
“ใครจะอยากนั่งกับนาย ไปส่งเราได้แล้ว” สรรพนามเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เด็กนี่ถ้าไม่ฟาดสักทีสองทีคงไม่เข็ด
ผมเดินตามออกมาที่ลานจอดรถ คนที่รั้งผมมาตลอดบ่าย ยืนจับที่เปิดประตูรถ เหมือนเร่งให้ผมทำอะไรเร็วขึ้น
“ชักช้า” เสียงบ่นหงุดหงิด
ผมก็อยากถีบเด็กนี่ลงรถเร็วๆ เหมือนกัน
ผมกำลังคาดเข็มขัดนิรภัย ยังไม่ทันได้สตาร์ทรถ
“เป็นเกย์เหรอ”
“ไม่ใช่” ผมตอบตามความจริง ไม่ชอบให้ใครมาพูดจาแบบนี้ ผมบอกตรงๆ ว่าผมค่อนข้างจะแอนตี้อยู่นิดๆ
“ไม่ใช่เกย์แล้วทำไมชอบพี่ปุ่น”
“ไม่ใช่เกย์แต่ชอบปุ่น”
“เป็นแต่ไม่ยอมรับ?” มันทำเสียงหึในคอเหมือนดูถูกผม
“จะอยากรู้อะไรนักหนาน่ารำคาญ”
"อย่ามาว่าเราน่ารำคาญเราไม่ชอบ" มันคงไม่ชอบคำนี้เอาจริงๆ เล่นโกรธจนหูแดง ผมเลยย้ำให้มันอีกที
"โครตน่ารำคาญ"
จู่ๆ มันก็พุ่งตัวจากที่นั่งตัวเอง จับต้นคอผมให้หันไปทางมันแล้วแนบปากลงมา
“เฮ้ย!! ทำอะไรวะไอ้เด็กบ้า”
“พิสูจน์ไงว่าเป็นหรือเปล่า” ไอ้เด็กเปรตกลับไปนั่งที่นั่งตัวเองเรียบร้อย
“พี่ปุ่นชอบเข้าไปได้ยังไง ไม่เห็นได้เรื่อง” มันพูดของมันลอยๆ แต่พอมันลอยมาเข้าหูผมฟังแล้วไม่สบอารมณ์
คนอย่างปั้นไม่เคยให้ใครดูถูก โดยเฉพาะไอ้เด็กอ้อนแอ้นผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่เชิงนี่
ผมเอื้อมมือไปคว้าคอไอ้เด็กปากดี ดึงหน้ามันเข้ามาชิด ประกบปากลงไปบดคลึงเรียวปากบาง
ใช้ปลายลิ้นตวัดบังคับให้เปิดริมฝีปากออก ก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปชิมรสชาติภายใน ดูดดุนลิ้นเล็กที่พยายามหนี
เสียงอู้อี้เปลี่ยนเป็นเสียงครางลึก ร่างที่ถูกผมจับไว้สั่นน้อยๆ
Rrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ทำให้ผมมีสติขึ้นมา ถอนหน้าออกจากหน้าเรียวเล็ก ปากมันบวมเจ่อตามแรงบดขยี้ของผม
“ไอ้บ้า ไอ้หมียักษ์ ไอ้เลว” มันยกมือปิดปากแต่ยังสามารถด่าผมได้ชุดใหญ่
“หึ ใครเริ่มก่อน อยากรู้ไม่ใช่เหรอ”
มันมองผมสายตาอาฆาต พยายามเปิดประตูออกแต่ผมไม่ยอมปลดล็อคให้
“เปิด” ผมทำเป็นไม่ได้ยิน
“บอกให้เปิด” มันกรี๊ดดังลั่นรถ ท่าทางพร้อมจะตีอกชกหัวถ้าผมไม่เปิดให้
“นั่งดีๆ จะไปส่งบ้าน”
"ไอ้.."
“หยุด อย่ากรี๊ดอีกนะ เสียงดังอีกทีเดียวพี่จะให้พิสูจน์มากกว่านั้น” ผมยกนิ้วขึ้นขู่
ไอ้ตัวดีหุบปากฉับ ขยับตัวเบียดชิดประตู ไม่แน่จริงนี่หว่า
ผมขับรถออกถนนใช้เวลาครู่เดียวก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่
“เปิดประตูสิ” มันหันมาสั่งผม
ผมปลดล็อคประตู เอื้อมตัวผ่านมันไปชิงเปิดประตูให้ แกล้งเบียดชิดจนหน้าผมเฉียดจมูกมันไปนิดเดียว
ไอ้ตัวดีปลดเข็มขัดมือไม้สั่น ผมล่ะกลัวมันจะทำเข็มขัดรัดคอตัวเอง พอลงรถได้ก็จ้ำอ้าว
ผมได้แต่สั่นหัว เป็นพ่อแม่มันคงกลุ้มใจตาย เด็กอะไรแก่แดด ริอ่านจูบผู้ชายก่อน
จูบ....
เวรเอ๊ย ผมดันจูบผู้ชายเข้าให้
แม่งเสือกรู้สึกดีอีก
ผมยกมือขึ้นตบต้นคอ ไม่ได้ดื่มเหล้าสักหยด ทำไมขาดสติขนาดนี้วะกู
.........................................................TBC...................................................
Darin ♥ FANPAGE .