---ตอนที่ 44---
แฟง's part
ไลน์กลุ่มพี่น้องตระกูลพิสุทธิ์รังสรรค์
TiGeRR: บางคนมีเรื่องดีๆ แล้วเก็บเงียบ
????N*Y????: บางคนกำลังมีความสุขแล้วเมินเราคะเฮียเกอร์
TiGeRR: ใช่สิ
????N*Y????: คำว่าพี่น้องมันสั้น!
TiGeRR: เรามันคนไม่สำคัญเนอะเยียร์เนอะ
????N*Y????: น้องน้อยใจ น้องท้อคะเฮียเกอร์
TiGeRR: มันยังไงคะน้องเยียร์ที่รักของเฮีย
????N*Y????: พี่ชายคนกลางไม่รักน้องแล้ว เค้าไม่สนใจเราคะเฮียเกอร์
TiGeRR: นั่นสิเนอะ คำว่าพี่น้องมันสั้นจริงๆด้วย
????N*Y????: สั้นมากๆเลยคะ
FanG: ....
FanG: เอะอะ อะไรกันแต่เช้า
TiGeRR: มาแล้วเหรอ สิบโมงนี่ไม่เช้าแล้วนะแฟง
FanG: ก็เพิ่งได้นอนมั้ยละเฮีย
????N*Y????: อุ้ย ทำไรอะ เพิ่งได้นอน
FanG: ทะลึ่งนะนิวเยียร์ เป็นเด็กเป็นเล็ก
TiGeRR: อย่าดุน้อง แล้วนี่ทำไรมาถึงเพิ่งตื่น
????N*Y????: รักเฮียเกอร์ที่สุด
FanG: อย่าคิดไปไกลกัน
FanG: เพิ่งออกเวรมาเมื่อเช้า
TiGeRR: อ้อ
????N*Y????: อ้อออออ
FanG: ยาวไปมั้ย แล้วนี่โวยวายอะไรกันเยอะแยะแต่เช้า ยาวเหยียดเลย
????N*Y????: ต้องกลับขึ้นไปอ่านคะพี่แฟง
FanG: ไม่อะ ขี้เกียจ จะนอนต่อง่วง ไปละ
????N*Y????: อย่างพึ่งงงงงงง พี่ชายยยย อย่าพึ่งปายยยยย
TiGeRR: เดี๋ยวนี้เค้าไม่ค่อยแคร์เราเลยเนอะเยียร์
????N*Y????: +1
FanG: อะไรกันอีก ดราม่าสุดๆ
FanG: แล้วสรุปมีเรื่องไร พูดมาเลย
????N*Y????: ให้น้องพูดหรือเฮียจะเริ่มคะ
TiGeRR: เยียร์เปิดเลย
????N*Y????: แงงงง จะดีอ่อ
FanG: ไว้ตกลงกันได้ค่อยทักมานะ ขอนอนก่อน
????N*Y????: ม่ายยยย พี่แฟงอย่าปายยยย
????N*Y????: คือ เค้ากับเฮียอะ
????N*Y????: แค่จะมา แบบว่า....
????N*Y????: แบบว่า....
????N*Y????: เขินอะ ทำไงดี
TiGeRR: ได้ยินข่าวว่านิรันดร์หอบเงินสามสิบล้านไปขอสาวให้หรอ
????N*Y????: ขอบคุณมาเลยคะเฮียเก้อออ น้องเขินอะพูดไม่ออก
TiGeRR:
????N*Y????: ข่าวลือ หรือ ข่าวมีมูลคะพี่ชายคนกลางงงง
FanG: ใครบอกละ
????N*Y????: พี่รัน
TiGeRR: นิรันดร์
FanG: งั้นก็คงจริง
????N*Y????: กรี๊ดดดดดดด น้องจะกรี๊ดดดดดด
FanG: กรี๊ดไปแล้วมั้ย
TiGeRR: เงียบเลยนะ ลืมหัวเฮียคนนี้ไปเลยนะ
FanG: ไม่ใช่อย่างงั้น กำลังจะบอกพอดี
TiGeRR: กำลังนี่คือเมื่อไหร่
FanG: วันนี้แหละ ว่าจะเล่าให้ฟังตอนเย็นไง เดี๋ยวก็เจอกันแล้วมั้ย ค่อยเล่าตอนนั้น
????N*Y????: โนเวย์ เล่ามาตอนนี้คะพี่ชาย อย่าลีลา น้องอยากรู้จะแย่
????N*Y????: เร็วๆๆๆๆ
????N*Y????: อยากรู้มากมายยย
TiGeRR: +1
FanG: ก็ไม่ไง แค่ให้นิรันดร์ไปขอคุนคุนให้ แต่ฝ่ายโน้นเค้าให้หมั้นไว้ก่อน ปิดเทอมค่อยแต่ง ส่วนเรื่องสินสอดฝ่านโน้นเรียกมายี่สิบ แต่นิรันดร์บอกจะให้สามสิบ คุยไปคุยมาป๊าคุนบอกว่าแค่หยอกเล่นไม่ได้จะเอาอะไร แต่คือนิรันดร์เตรียมไปแล้วไง เลยไม่เอาคืน
????N*Y????: OMG?!!!
TiGeRR: คุนคุนนี่ของจริงวะ ทำนายหยุดได้เนี่ย
FanG: ไม่เถียง
TiGeRR: แล้วคือนิรันดร์ถูกใจคนนี้ด้วยอ่อ? ถึงยอมถอนขนสามสิบล้าน
FanG: อือ
????N*Y????: ไม่ใช่แค่พี่รันนะคะเฮียเกอร์ คุณแม่ก็ปลื้มคะคนนี้ นิวเยียร์ก็ปลื้มด้วยเหมือนกัน คุนน่าร้ากกกกก เพื่อนกานนน
TiGeRR: อยากเจอซะแล้ว เย็นนี้พามาด้วยสิ
FanG: กะว่าจะพาไปอยู่แล้ว แต่คงไปถึงช้าหน่อยนะ คุนเลิกเรียนหกโมง
TiGeRR: มาเหอะ กี่โมงก็มา จะรอเจอว่าที่น้องสะใภ้เสียหน่อย
FanG: ได้ ถ้าไม่มีไรแล้วขอไปนอนต่อนะ ง่วงมาก เพิ่งนอนไปไม่กี่ชั่วโมงเอง
TiGeRR: K เจอกันคืนนี้
????N*Y????: เคคร้าบบบบผม
.
.
.
.
.
คุน's part
"โอ้ย กว่าจะจบคลาส ตาจะปิดอยู่แล้ว" ขุนพลยืนขึ้นบิดตัวก่อนจะอ้าปากหาวฟอดๆ หน้าตายังดูงัวเงียตามแบบฉบับของคนพึ่งตื่น
"ตาจะปิดอะไร เห็นปิดสนิทกว่าครึ่งคาบ" กองทัพที่กำลังเก็บชีทเรียนใส่กระเป๋าสะพายถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้น้องชายฝาแฝดเอ่ยขึ้น จริงอย่างที่ทัพพูดนั่นแหละครับ ขุนพลเล่นหลับตั้งแต่ครึ่งหลัง หลับไปชั่วโมงกว่าๆเลยนะนั่นนะ หลักฐานการนอนหลับยังแปะอยู่บนแก้มอยู่เลย ก็เจ้าตัวเล่นนอนหน้าฟุบลงบนโต๊ะจนหน้าเป็นรอยโทรศัพท์ที่ตัวเองนอนเอาแก้มทับชั่วโมงกว่า ตลกดี ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้ตัวรึเปล่าเนี่ยว่าหน้าตัวเองเป็นรอยกดทัพยาวเหยียด ผมเกือบจะหัวเราะออกไปแต่ถูกกองทัพห้ามไว้เสียก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้ามากระซิบข้างหูผมที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในคลาสเรียน
"อย่าไปบอกมัน ให้มันออกไปแบบนี้แหละ" ผมพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับไอเดียนี้ พยายามหุบยิ้มอย่างสุดความสามารถไม่ให้คนที่กำลังบิดขี้เกียจรู้ตัว
เราใช้เวลาไม่นานในการเก็บของ ไม่ถึงห้านาทีเราทั้งสามคนก็มายืนอยู่ที่ใต้ตึกคณะ คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองรอยบนแก้มขุนพลก็หัวเราะกันคิกคัก แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกผิดสังเกตใดๆทั้งสิ้น คงคิดว่าสาวๆแอบมองแล้วเขินความหล่อของตัวเองเหมือนทุกครั้ง
"อยากกินชาบู" ขุนพลที่ตอนนี้สลัดอาการงัวเงียทิ้งไปแล้วเอ่ยขึ้น
"เออไปดิ คุนคุนไปป่าว"
"ไม่อะ"
"แล้วเอารถมาป่าววันนี้" กองทัพถามขึ้นเพราะเมื่อก่อนสองแฝดจะไปรับไปส่งผมตลอดเพราะนอกจากเราจะอยู่คอนโดเดียวกันแลเวเราสามคนยังลงเรียนวิชาเดียวกันทุกตัวอีกต่างหาก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ส่วนมากผมจะขับรถพี่แฟงมา แต่ถ้าวันไหนพี่แฟงไม่เข้าเวรดึกก็จะมารับส่งผมตามปกติ ทำให้ช่วงหลังมานี้ผมไม่ได้ใช้เซอร์วิสของแฝดบ่อยนัก หรือจะบอกว่าตั้งแต่เปิดเทอมมานี้ผมแทบจะไม่เคยใช้เลยน่าจะใกล้เคียงความจริงมากกว่า
"เราไม่ได้เอามา พี่แฟงมาส่งตอนเช้า" เอ่ยบอกไปตามความจริง เมื่อเช้าผมมีเรียนตั้งแต่แปดโมง เวลาเดียวกันกับที่พี่แฟงราวด์วอร์ดเช้า วันนี้เลยไม่ต้องขับรถมาเองเพราะพี่แฟงแวะมาส่งผมก่อนไปราวด์วอร์ดที่โรงพยาบาลด้านหลังมหาวิทยาลัย
"งั้นเดี๋ยวทัพไปส่งที่คอนโดก่อนละกัน ค่อยเลยไปกินชาบู" กองทัพเอาแขนพาดบ่าผมก่อนจะพาผมเดินออกมาจากใต้ตึกคณะ ช่วงนี้เป็นเวลาที่คนพลุกพล่านมาก เพราะนักศึกษาส่วนมาจะเลิกเรียนกันตอนหกโมง ทำให้คนเดินไปมาขวักไขว่ใต้ตึกเต็มไปหมด แถมตึกคณะเรายังมีเด็กคณะอื่นมาเรียนเยอะด้วยเนื่องจากชั้นบนของอาคารนี้เป็นชั้นเรียนบรรยายห้องใหญ่
"มึงไม่ต้องไปส่งมันหรอก โน่นคนขับรถมันเดินกระดิกหางมาโน่นแล้ว" ขุนพลที่เดินไปกดโทรศัพท์ไปด้วยเอ่ยขึ้นก่อนจะใช้ปากชี้ไปทางลานจอดรถหน้าอาคาร ผมมองไปตามทิศทางที่ขุนพลบอกก่อสายตาจะไปปะให้กับร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคย วันนี้อีกคนมาในชุดกาวน์สีขาวที่สวมทับชุดนักศึกษา ผมไม่ค่อยเห็นพี่แฟงในลุคนี้นอกโรงพยาบาลหรอกครับ เจอข้างนอกทีไรก็ถอดเสื้อกาวน์ออกก่อนตลอด ยกเว้นตอนที่ไปหาอีกคนที่โรงพยาบาล ว่าแต่พี่แฟงในชุดกาวน์สีขาวเดินออกมาจากรถนี่ทำไมมันดูน่ามองอะ ปกติตอนอยู่ในโรงพยาบาลมันดูธรรมดาอะเพราะใครๆก็ใส่กัน แต่พอพี่แฟงมาอยู่จรงนี้คนเดียวในชุดสีขาวตัวยาวแบบนี้มันดูน่ามองจัง แล้วยิ่งอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ๆ ฝ่าฝูงชนท่ามกลางชุดนักศึกษามาแบบนี้ ทำไมเค้าดูเท่กว่าทุกวันอย่างไงไม่รู้ วันนี้แฟนผมหล่อมากๆเลยนะเนี่ยขอบอก
"เชี่ยยย กระดิกหางเลยหรอวะ"
"เออดิ มึงคอยดู คุนพูดไรไอ้พี่มันแม่งเออออคล้อยตาม คร้าบบๆๆ น้องคุนงั้นงี้ มึงคอยดู"นายขุนพลคนนี้ก็แบบนี้ตลอด ชอบแหย่พี่แฟงให้พี่แฟงว่าเอา ชอบให้พี่แฟงจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้ตลอด ไม่รู้อะไรนักหนา สงสัยเสพติดความกระโชกโฮกฮากของแฟนน้องคุน
"มึงก็พูดไป" กองทัพเอ่ยตอบเหมือนไม่เชื่อ
"นินทาไรกูไอ้แฝดนรก" ว่าที่คุณหมอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเราสามคน ก่อนจะเอ่ยทักทายสองแฝดที่ยืนอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่คำทักทายของว่าทีาคุณหมอดูจะรุนแรงไปสักหน่อยนะน้องคุนว่า
"พี่แฟงอะอย่าว่าเพื่อนคุนสิครับ พูดไม่เพราะด้วยเนี่ย" เลยโดนผมเอ็ดไปเล็กน้อย
"โอ๋ๆ ไม่ว่าก็ไม่ว่าครับน้องคุน งั้นพี่เปลี่ยนคำพูดใหม่ละกัน หวัดดีไอ้เพื่อนน้องคุน เป็นไงแบบนี้ดีมั้ยครับ " ดูเหมือนว่าที่คุณหมอจะสำนึกผิดเล็กๆ ยื่นมือมาขยี้หัวผมเล่นสองสามที ก่อนจะเอ่ยคำทักทายที่สุภาพกว่าประโยคก่อนหน้านั้น อืม ต้องแบบนี้สิพี่แฟงของน้องคุน น่ารักขึ้นทุกวันอะคนนี้เนี่ย อดไม่ได้ที่จะยื่นมือสองข้างไปบิดแก้มคนตัวโตอยู่เกือบนาที
"เป็นไงมึงกูบอกแล้ว หมาตัวโต"
"อือ หมาจริงๆด้วยวะ ฮ่าๆๆๆ"
"ไง มึงเห็นหางหมากระดิกป่าววะ"
"เห็นวะ"
"หัวเราะเ*ยไรกัน จะไปไหนก็ไรไปเลยพวกมึง รำคาญ" ดูเหมือนหมาตัวโตของสองแฝดจะได้ยินที่สองพี่น้องกระซิบกระซาบกัน จนถูกชี้หน้าคาดโทษรายตัวเลยก็ว่าได้
"อ้าวไรวะ ยืนเฉยๆก็ผิดอ่อ" ขุนพลพูดออกมาก่อนจะทำหน้าเมือนคนไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับว่าตัวเองเพิ่งว่าอีกฝ่ายว่าเป็นหมาตัวโต ยกคิ้วสูงส่งรอยยิ้มกวนๆกลับมาให้ว่าที่คุณหมอของผม เหมือนคนอยากถูกด่ายังไงยังไง
"อย่าว่าแต่ยืนเฉยๆเลย แค่เห็นเงามึงโผล่มาดูก็รำคาญละ" นั่นไง คุณหมอเค้ายอมซะที่ไหน
"อุ้ยตาย ว้ายกรี๊ดดด ไอ้พี่อย่ารำคาญเค้านะตัวเอง" ขุนพลยกมือขึ้นสองข้างก่อนวิ่งเอาหน้ามาถูแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของพี่แฟง นี่ก็อะไรไม่รู้ เล่นเป็นเด็กอีกแล้ว คนเดินผ่านไปมามองแล้วก็ไม่อายรึไง
"หวีดอะไรของมึง ทุเรศ ตัวยังกะควาย มาเค้ากะตัวเองอะไร คิดว่าน่ารักนักรึไง แล้วหน้ามึงไปโดนตีนใครมา รอยโคตรชัด"
"รอยไรพี่ บ้าน่า ผมเพิ่งเลิกเรียน รอยตงรอยตีนไร มั่ว" ผมกับกองทัพมองหน้ากันแล้วก็แอบอมยิ้ม ส่วนคนที่มีรอยบนหน้าก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งหน้าตัวเองทันที
"เชี่ยยยย นี่กูหลับทับโทรศัพท์จนเป็นรอยแบบนี้เลยหรอวะ แล้วทำไมมึงสองคนไม่บอกกู ปล่อยให้กูเดินรอบตึกเลยนะ มิน่าละคนมองกูจัง"
ขุนพลเห็นรอยบนหน้าตัวเองก็โวยวายคาดโทษเราสองคนยกใหญ่ จนผมเองอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับกองทัพที่เหมือนจะเก็บอาการไว้มานาน ขุนพลดูเหมือนจะไม่พอใจพอสมควรจับแขนผมบิดไปมาอยู่สักพัก
"คุนคุน ไปกันเหอะ ไอ้สองคนนี่มันไร้สาระอยู่ไปก็บั่นทอนอารมณ์เปล่าๆ" ว่าที่คุณหมอแกะมือหนาของขุนพลออกจากแขนผม ก่อนจะเอาเอื้อมแขนตัวเองมาโอบเอวผมแล้วดึงออกไปจากตรงนั้น
"คืนนี้อย่าลืมโทรหาเค้านะตัวเอง" ยังเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ขุนพลก็ตะโกนตามมา ก่อนคนข้างๆผมจะชูนิ้วกลางให้เป็นรางวัล ผมเห็นแล้วก็ขำ สองคนนี้เป็นแบบนี้ตลอด
.
.
.
.
.
"ไหนบอกว่าไปหาเฮียเกอร์ไม่ใช่หรอครับ" ผมถามขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อรถหรูของคนข้างๆเลื่อนเข้ามาจอดในบ้านย่านฝั่งธนที่ผมคุ้นเคย พี่แฟงบอกไว้เมื่อวานว่าวันนี้จะพามาทานอาหารกับพี่ชายคนโตของตระกูลพิสุทธิ์รังสรรค์คนที่ผมเคยได้ยินแค่ชื่อ แต่ยังไม่มีโอกาสได้เห็นตัวเป็นๆเลยสักครั้ง และก็จำได้ด้วยว่าเมื่อคืนพี่แฟงบอกว่าจะไปทานอาหารที่ร้านแถวคอนโดพี่ชายตัวเอง แต่ทำไมตอนนี้ถึงเคลื่อนรถเข้ามาจอดในบ้านของคุณแม่พริ้งได้เนี่ย
"ก็ใช่ แต่แม่กลับมาพอดี เลยเรียกให้มาทานที่บ้านเลย นิวเยียร์ก็อยู่"
"อยู่กันครบเลยหรอครับเนี่ย"
"ใช่ ยกเว้นนิรันดร์ รายนั้นกลับเชียงใหม่ไปคืนเดียวกันกับป๊าม๊าคุนนั่นแหละ"
"อ้อ"
เครื่องยนต์รถคันหรูถูกดับลง ผมปลดสายเข็มขัดออกก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดประตู แต่มือหนาของคนข้างๆกันนั้นดันดึงมือผมมากำไว้เสียก่อน ผมรีบมองตามอย่างไม่เข้าใจ ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆตรงนิ้วนางข้างขวาเลยชายตาลงไปมอง
"พี่แฟง"
"ชอบรึเปล่า"
"..."
"อ้าวเงียบ"
"..."
"ไม่ชอบหรอ ไม่ชอบงั้นเดี๋ยวพี่เอาไปเปลี่ยนให้"
ที่เงียบไปไม่ใช่ว่าไม่ชอบวัตถุสีเงินทรงกลมที่ถูกสวมอยู่ในนิ้วของผม แต่ผมแค่กำลังตกใจและทำตัวไม่ถูก รู้สึกเหมือนใจกำลังพองฟู ฟู จนจะระเบิดออกมาให้ได้
"คุน อย่าร้องไห้สิ นี่ไม่ชอบจนร้องไห้เลยเหรอ" พี่แฟงมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด แถมหน้าที่ปกติจะมีเลือดฝาดตามแบบฉบับของคนออกกำลังกายนั้นก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด มือหนาละออกจากมือผมก่อนจะเคลื่อนมันมาปาดน้ำใสๆตรงแก้มทั้งสองข้างของผมออกให้อย่างเบามือ
"ปะ เปล่า"
"แล้วเป็นอะไร ร้องไห้แบบนี้พี่ใจไม่ดีรู้มั้ย" คนตัวหน้าขมวดคิ้วเข้าหากันบ่งบอกให้รู้ว่าคงเป็นกังวลมากพอสมควรที่จู่ๆผมก็ร้องไห้ออกมา
"คุน แค่ดีใจ"
"..."
"แล้วแหวนนี่คุนก็ชอบมาก ชอบมากที่สุดในจักรวาลเลยด้วยซ้ำ" ผมยกมือขวาขึ้นมาดูแหวนวงสวยบนนิ้วนาฃของตัวเองไปมา
คนตัวหนาไม่ปล่อยผมไว้เขาดึงร่างผมเข้าไปในอ้อมกอดในทันที ก่อนจะกดจมูกโด่งของเขาลงบนหน้าผากผมอย่างอ่อนโยน
"ร้องไห้ขนาดนั้น พี่ก็นึกว่าไม่ชอบ ใจหายหมดเลย"
"ชอบสิครับ บอกแล้วไงว่าชอบมาก ที่ร้องไห้คือดีใจ แล้วก็ตกใจนิดหน่อย"
"โอ๋ ขวัญเอ๋ยขวัญมา ตกใจเลยหรอเรา"
"อื้อ ก็ใครจะไปคิดเล่าว่าจู่ๆจะมีคนมาสวมแหวนให้แบบนี้ เราก็คิดว่าจะมีคนมาคุกเข่าสวมแหวนให้บนยอดตึกวิวสวยพร้อมดอกไม้ช่อโตซะอีก"
"หือ อยากได้แบบนั้นหรอ แต่โทษที พี่ไม่โรแมนติกขนาดนั้นวะ ได้แค่นี้แหละ"
"หยอกเล่นน่า ไม่ได้หวังแบบนั้นซะหน่อย ขนาดแบบนี้คุนยังไม่หวังเลย แค่นี้ก็โรแมนติกมากพอแล้วที่เห็นคุณลภัสทำแบบนี้เนี่ย" รู้ครับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนโรแมนติก อย่าหวังจะได้ดอกไม้จากว่าที่คุณหมอเลย ไม่มีทางซะหรอก แต่ผมเองก็ไม่ใช่พวกชอบดอกไม่อยู่แล้วเลยไม่ได้รู้สึกอะไร ผมไม่ได้ชอบเขาที่สิ่งของเสียหน่อย ชอบความตรงไปตรงมาของอีกฝ่ายต่างหาก ชอบเขาก็บอกว่าชอบ รักเขาก็บอกว่ารัก เขาอยากบอกรักผมตรงไหนเขาก็ทำแม้จะมีสักขีพยานนับร้อยเขาก็ไม่สนใจ ผู้ชายที่ชื่อลภัสไม่เคยอายที่จะแสดงความรักกับผมและเขาไม่เคยปิดบังการมีตัวตนของผมเลยสักครั้ง และนั่นทำให้ผมรักเขามากมายขนาดนี้
"เดี๋ยวเหอะ ไอ้ตัวเล็กนี่ มันก็ต้องมีบ้าง ความโรแมนติกที่ฝังอยู่ในผู้ชายดิบเถื่อนแบบผมคนนี้เนี่ย"
"อือฮึ"
"..."
"แหวนสวย คุนชอบ"
"ชอบก็ดีแล้ว ใส่ให้แล้วห้ามถอดด้วย ไม่งั้นโดนดี"
"แน่นอน พี่เองก็ห้ามขอคืนด้วยนะ คุนไม่คืนให้เด็ดขาด อ้าว มีอีกวงหรอครับ" ผมเหลือบไปเห็นแหวนสีเงินลักษณะคล้ายกันกับวงที่อยู่บนนิ้วผมที่วางอยู่ในกล่องกำมะหยี่
"ใช่ ของพี่ สวมให้พี่บ้างสิคับที่รัก" คุณเคยเห็นหมาตัวโตอ้อนมั้ยครับ นั่นแหละ ท่าทางของพี่แฟงเป็นแบบนั้นเปี๊ยบเลย พี่แฟงผละผมออกจากอ้อมกอด ก่อนที่ผมเอื้อมมือไปดึงแหวนวางที่ใหญ่กว่าของผมขึ้นมาจากกล่อง
"ทำไมซื้อให้ตัวเองละครับ ของพี่แฟงคุนต้องซื้อให้สิถึงจะถูก"
"ใครซื้อก็เหมือนกันแหละ เพราะตอนสุดท้ายมันก็เป็นแหวนของเราอยู่ดี"
ผมยิ้มกว้างให้กับคำว่า แหวนของเรา
มันไม่ใช่คำที่แต่งแต้มให้พิเศษเลิศเลอ เป็นเพียงแค่คำธรรมดา ที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรง ผมยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะหันไปยิ้มให้ว่าที่คุณหมอ
"ขอมือหน่อยครับ" ว่าที่คุณหมอยื่นมือหนาๆของตัวเองมาให้ผม ก่อนที่ผมจะบรรจงสวมแหวนสีเงินเกลี้ยงลงบนนิ้วนางข้างขวาของอีกคนบ้าง
"คุนใส่ให้แล้ว พี่แฟงก็ห้ามถอดเข้าใจมั้ยครับ"
"ใครจะไปถอด ถึงอยากได้คืนพี่ก็ไม่ให้ ถ้าอยากได้คืนก็ต้องตัดนิ้วพี่ไปแล้วละ"
"เวอร์"
"รักคุนแบบเวอร์ๆด้วยเหมือนกัน อื้อออ" ยังไม่ทันที่ผมจะตอบรับรักอีกคนกลับไปริมฝีปากหนาก็เคลื่อนมาประกบริมฝีปากของผมเสียแล้ว แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ได้รุกล้ำเข้ามาด้านในเหมือนทุกครั้ง มีเพียงรสสัมผัสนุ่มๆด้านนอกที่มันช่างอ่อนโยนเหลือเกิน อ่อนโยนจนผมรู้สึกว่าตัวเองล่องลอยอยู่ในอวกาศ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"จะเข้ามั้ยบ้าน จอดรถนานละนะไอ้น้องชาย!"
"จะสวีทกันเกินไปมั้ยเนี่ยพี่!"
เราสองคนผละออกจากกันก่อนจะมองออกไปตามเสียงเคาะกระจกรถฝั่งคนขับ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ก็น้องสาวว่าที่คุณหมอนั่นแหละ ที่ยืนกอดอกทำหน้าล้อเลียนเราสองคนอยู่ แต่นิวเยียร์ไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว ข้างเธอมีผู้ชายร่างสูงใหญ่อีกคนยืนอยู่ข้างกัน ถ้าให้เดา คงเป็นเฮียเกอร์ ลูกชายคนโตของบ้านพิสุทธิ์รังสรรค์
#คุนแฟง
by ppeachmm