บทที่6
พอได้ยินว่าการทดสอบผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว
ผมไม่รู้หรอกว่าการทดสอบคืออะไร แต่ดูเหมือนว่ามนุษย์จะไม่ค่อยชอบมันเท่าไร ทุกครั้งที่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องการทดสอบในหัวของมนุษย์ มักจะเป็นความคิดแง่ลบเป็นต้นว่า ไม่อยากทำหรือเครียดเป็นต้น
ดังนั้นผมเลยกลัวมาก แต่พอถึงเวลาจริงเซียกลับเหมือนแค่นั่งถามคำถามผมไปเรื่อยๆ หรือถ้าจะเรียกให้ถูกคือเป็นการพูดคุยสนทนากันธรรมดาๆ มากกว่า
“นายอ่านใจมนุษย์ได้นี่เอง” เซียว่าขณะที่โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แววตาแสดงความสนใจอย่างเห็นได้ชัด “มีสัตว์น้อยตัวที่ทำแบบนั้นได้ ตัวไหนที่มีความสามารถพิเศษนั้นก็จะกลายเป็นที่รู้จักในพวกมนุษย์ อย่างเช่น หมาที่คาบใบไม้มาแลกกับอาหารน่ะ”
“มีเรื่องแบบนั้นด้วย?”
“มีสิ” ทันทีที่เซียเอ่ยจบก็ค้นหนังสือพิมพ์แล้วส่งให้เขาดู “นี่ไง”
ผมรับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมาดูถึงได้เห็นว่าบนหน้าหนังสือเป็นภาษาของมนุษย์ แล้วก็เป็นเรื่องของมนุษย์ด้วย แต่มันเก่ามากแล้ว น่าแปลกที่ผมสามารถอ่านภาษาของมนุษย์ออกทั้งที่ไม่เคยเรียนวิธีการอ่านตัวอักษรด้วยซ้ำ ผมเลื่อนสายตาไปมองวันที่ จากนั้นจึงได้เห็นว่ามันเป็นปีบนโลกที่ผมอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้
“ทำไมฉันถึงอ่านออก”
“ที่โลกนี้ไม่มีข้อจำกัดด้านภาษาแต่แรกแล้ว” เซียพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ “ไม่มีใครรู้ว่าทำไม แต่เราอ่านได้ทุกภาษาของมนุษย์ ไม่ว่าสื่อสารกันด้วยภาษาไหน เราก็เข้าใจเหมือนกันหมด”
แปลกดี ผมหยุดคิดตามคำพูดของเซีย จากนั้นก็คิดว่าคงเพราะมนุษย์ใช้ภาษาในการสื่อสาร แต่สัตว์ใช้สัญญะในการสื่อสารหรือเปล่านะ
พอหยุดคิดแล้วมองใบหน้าของเซียอีกรอบ ผมถึงเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับรอยยิ้มอีกฝ่าย บางครั้งการยิ้ม สีหน้าหรือท่าทางของเซียทำให้ผมนึกถึงจิ้งจอกหรืออะไรแบบนี้มากกว่าฉลาม ถ้าไม่รู้คำตอบจากปากเจ้าตัว ผมคงเดาว่าเขาเป็นจิ้งจอกไปแล้ว
“แล้วทำไมที่นี่ถึงมีกฎห้ามถามสัตว์ที่เคยเป็นมาก่อนล่ะ”
“มันคือการเหมารวมน่ะ” เซียเอ่ยขึ้น จากนั้นก็เว้นจังหวะครู่ใหญ่แล้วค่อยพูดต่อ “ถ้าฉันไม่บอกว่าเป็นฉลาม นายคิดว่าฉันจะเป็นอะไร”
“จิ้งจอก..?”
“แล้วทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
นั่นสิ ทำไมก็ไม่รู้ เพราะว่าคำพูดกับท่าทางของเซียดูเจ้าเล่ห์หรือเปล่านะ ผมกะพริบตาปริบๆ “เพราะว่านายดูเจ้าเล่ห์..”
“พอรู้ว่าใครเป็นอะไรมาก่อน เราจะเกิดอคติต่ออีกฝ่ายทันที” ทันทีที่เอ่ยจบ เซียก็หยุดเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้วค้นหนังสือที่วางอยู่ข้างๆ ส่งให้ “อย่างเช่นถ้าฉันรู้ว่านายเป็นสลอท ฉันก็จะคิดว่านายขี้เกียจ พอคิดแบบนี้แล้วก็จะเกิดการแบ่งแยกกันแล้วก็เกิดสงครามเหมือนมนุษย์”
ผมคิดว่าคำพูดของเซียค่อนข้างเกินจริงไปหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า ผมเคยได้ยินจากความคิดของมนุษย์ในหัวว่ามีสงครามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในอดีต แต่ไม่เคยได้รู้จริงๆ ว่าตกลงแล้วมันเกิดสงครามขึ้นเพราะอะไร
พอเหลือบตามองหนังสือที่เซียส่งมาให้ ผมถึงเห็นว่ามันเป็นหนังสือที่เล่าเกี่ยวกับสงครามของมนุษย์ ผมเปิดอ่านผ่านๆ รู้สึกว่าเยอะมากจนอ่านแค่วันเดียวไม่น่าจบ
แต่ยิ่งเปิดอ่านผ่านๆ มากเท่าไรผมก็ยิ่งคิดตาม ดูเหมือนว่าคำพูดของเซียน่าจะเป็นเรื่องจริง มนุษย์เริ่มทำสงครามกันตั้งแต่ตอนที่มีการตั้งชื่อดินแดนหรือชนชาติของตนเอง พอเปิดอ่านไปสักพักผมถึงปิดหนังสือ แล้วเอ่ยถามในประเด็นอื่นต่อ
“สัตว์ทุกตัวจะได้มาที่นี่หมดหรือเปล่า”
“ส่วนมากก็มาหมดนะ” เซียเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่บางตัวก็ไม่อยากมาที่นี่เพราะเหนื่อยที่จะปรับตัว ไม่ก็เหนื่อยที่จะมีชีวิตรอด”
“คือฉันอยากหาสัตว์ที่ตนเองรู้จัก มันจะมีโอกาสเป็นไปได้หรือเปล่า”
ตอนที่พูดประโยคนี้ ในหัวผมก็นึกถึงปลาหมึกไปด้วย ผมอยากรู้ความเป็นไปของเขาจะแย่แล้ว ถ้าเจอกันในโลกนี้อีกครั้งก็คงดี ผมอยากสื่อสารได้ อยากรู้มานานแล้วว่าเขาคิดเกี่ยวกับผมอย่างไร
“โดยปกติสัตว์ที่รู้จักกันในโลกนั้นจะมาเจอกันในโลกนี้อยู่แล้ว แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าทำไม” พอเซียพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดไปสักพัก “แต่พอนายมาอยู่ที่โลกนี้ ทุกคนจะเป็นสัตว์ที่ตัวเองต้องการ เลยมีโอกาสหากันเจอจริงๆ น้อยมาก”
แสดงว่าอย่างน้อยผมก็มีโอกาสได้เจอกับเขาที่นี่ใช่ไหมนะ ผมถอนหายใจเฮือกรู้สึกว่าภาระในอกเบาลงไปหนึ่งอย่าง
"ว่าแต่นายมีชื่อหรือยัง"
"ชื่อ? "
"มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ไว้ใช้สร้างความเป็นตัวตนของตนเอง" ทันทีที่เซียเอ่ยจบก็เลื่อนกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา "หรือถ้านายยังเลือกไม่ได้ ฉันมีชื่อให้นะ"
ผมก้มมองกระดาษแผ่นหนึ่ง สายตากวาดมองข้อความในนั้น ถึงได้เห็นว่ามันเป็นชื่อที่มนุษย์ใช้กัน
ที่จริงผมยังไม่ได้คิดเรื่องชื่อ ไม่มีชื่ออะไรเป็นพิเศษที่ชอบเลยด้วย ผมกะพริบตา หยุดคิดสักพัก "ชื่อโนอาดีไหม"
"นายเป็นคนใช้ชื่อ นายจะมาถามความเห็นฉันทำไม"
"ก็ปกติเห็นมนุษย์ดูใช้เวลากับการตั้งชื่อนานมาก"
"แต่เราไม่ใช่มนุษย์สักหน่อย มีชื่อเรียกก็พอแล้ว" เซียพูดค้างไว้สักพัก "นายนี่มีความเป็นมนุษย์สูงดีนะ"
ฟังจากน้ำเสียงของเซียแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ "เป็นคำชมหรือคำด่า"
"ทั้งคู่มั้ง มนุษย์เข้าใจยากจะตาย บางครั้งมนุษย์ยังไม่เข้าใจกันเองเลย"
ในเมื่อเป็นได้ทั้งคู่ งั้นผมคิดไว้ก่อนว่าน่าจะเป็นคำชม "แสดงว่าฉันผ่านการทดสอบใช่ไหม"
"อย่าเรียกการทดสอบเลย" พอพูดมาถึงตรงนี้เซียก็หลุดหัวเราะ "ปกติก็ผ่านกันหมดอยู่แล้ว ความเป็นมนุษย์มีเกณฑ์วัดที่ไหน ขนาดมนุษย์แต่ละคนยังให้ความหมายไม่เหมือนกัน"
สรุปว่าผมกดดันไปเองตั้งแต่ต้น ผมกะพริบตา เริ่มอยากรู้คำตอบของคำถามข้อนี้ขึ้นมาอย่างจริงจัง "แล้วความเป็นมนุษย์ในมุมมองนายคืออะไร"
"คืออิสระในการหาความสุขมั้ง" เซียตอบผมแบบที่ไม่เหมือนคำตอบเท่าไร ฟังแล้วผมไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม "เพราะปกติมนุษย์ชอบแสวงหาความสุข ส่วนพวกเราทำเพื่อเอาชีวิตรอด ตรงนี้อาจจะเป็นจุดที่แตกต่างระหว่างเรากับมนุษย์"
ผมงง รู้สึกเข้าใจและก็ไม่เข้าใจไปพร้อมๆ กัน เลยตัดสินใจเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน "ว่าแต่ฉันจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน แล้วพวกเรื่องเงิน.."
"แล้วนายอยากได้บ้านแบบไหนล่ะ? "
………………….
………...
เซียพาผมออกมานอกห้องทำงาน ตอนที่ออกมาข้างนอกผมถึงได้เห็นว่าโลกข้างนอกจริงๆ เป็นยังไง
ที่โลกนี้แตกต่างจากโลกมนุษย์มาก อาคารแต่ละหลังไม่สูงเท่าไรนัก ที่นี่มักจะเป็นอาคารชั้นเดียวมากกว่าตึกสูงอย่างที่มนุษย์ชอบทำ
ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นถึงเพิ่งเห็นว่าสัตว์ส่วนมากที่เดินข้างทางมักจะเป็นพวกกึ่งคนกึ่งสัตว์มากกว่า พวกเขาแทบไม่ต่างอะไรกับมนุษย์เลยเพราะส่วนใหญ่ก็สวมเสื้อผ้ากันหมด
ระหว่างทางที่เดินพวกเขามองมาทางพวกเราด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้หลายคน ผมรู้สึกแปลกๆ กับการโดนจับจ้องขนาดนี้ ปกติแล้วถ้าถูกคุกคามขนาดนี้ผมจะหดตัวเองเข้าไปในเปลือกหอย แต่ตอนนี้ตัวเองไม่มีเปลือกหอยแล้ว ผมเลยรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร
"ปกติมนุษย์ไม่มีอะไรปกปิดร่างกายเลยเหรอ"
เซียที่กำลังพาผมเดินชมเมืองก็กวาดตามองตั้งแต่หัวจดเท้า "นายก็ใส่เสื้อผ้าอยู่ไม่ใช่หรือไง"
"ก็ใช่ แต่มันไม่ปลอดภัย"
เซียกลอกตาไปรอบๆ “งั้นลองซื้อพวกเสื้อฮู้ดหรือหมวกอะไรแบบนี้ดีไหม”
ผมยังไม่ทันตอบว่าไอเดียของเขาดีหรือไม่ดี เขาก็พาผมเข้าไปในร้านแล้ว ไม่รู้ว่าจะถามทำไมถ้าตั้งใจไม่ขอความเห็นตั้งแต่แรก ผมกวาดตามองรอบๆ อยู่ครู่หนึ่งก็เลยเลือกซื้อหมวกแก็ปมา
แน่นอนว่าผมไม่มีเงินหรอก ตอนที่เซียเห็นราคาถึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แล้วอย่าลืมเอาเงินมาคืนฉันด้วยล่ะ”
ตอนที่ซื้อของเสร็จแล้วเดินออกมาจากร้าน ผมหยิบหมวกขึ้นมาใส่แล้วถึงพูดขึ้นลอยๆ “ปกติแล้วยูโทเปียมีเงินด้วยหรือ”
“ถ้าที่โลกมนุษย์ก็ไม่มี แต่โลกนี้มีเพื่อจูงใจให้สัตว์ทำงาน” พอเซียพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดเดิน “ถึงแล้ว ไปเลือกงานกับลงทะเบียนกัน”
สถานที่ที่เซียพามาหน้าตาเหมือนกับอาคารอื่นๆ ในละแวกนี้ อย่างเดียวที่แตกต่างจากอาคารอื่นมีแค่ป้ายชื่อที่ระบุว่าสำนักงานศูนย์กลางเท่านั้น ผมเดินตามเข้าไปแบบงงๆ ก่อนจะเห็นว่ามีปลาหมึกนั่งจุมปุ้กอยู่บนเก้าอี้
ผมยืนนิ่งด้วยความงุนงงไปสักพักหนึ่ง จากนั้นถึงเพิ่งรู้สึกว่าหมึกตัวนี้หน้าตาเหมือนกับปลาหมึกตัวที่ผมเคยเจอเลย
ถึงจะรู้ว่าไม่ควรคิดเองเออเองไปก่อน แต่ผมก็หันไปมองเซียที่ยืนอยู่ด้านข้างทันที “ปลาหมึกที่นั่งตรงนั้นทำงานมานานหรือยัง”
เซียมองผมสลับกับหมึกตัวที่นั่งอยู่ “คิดว่าน่าจะเพิ่งมาที่นี่เมื่อสัปดาห์ก่อนมั้ง”
“ฉันทำงานที่นี่ได้ไหม”
ผมคิดแค่ว่าถ้าทำงานในศูนย์นี้ อย่างน้อยก็น่าจะพอหาโอกาสใกล้ชิดกับปลาหมึกมากขึ้น ถึงผมจะไม่รู้ว่าโลกที่แล้วปลาหมึกตัวที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นปลาหมึกเดียวกันหรือเปล่า แต่ถึงไม่ใช่ การทำงานที่นี่ก็น่าจะเพิ่มโอกาสในการเจอเขามากขึ้น เพราะที่นี่จะต้องพบเจอกับสัตว์ทุกชนิด
“อะไรนะ” เซียพูดกับผมเหมือนไม่เชื่อหู “นายอยากทำงานที่นี่หรือ คิดดีแล้วใช่ไหม”
“ทำไม”
“ปกติไม่ค่อยมีสัตว์ตัวไหนอยากทำงานที่นี่” พอเซียพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็เบาเสียงลง “อะไรทำให้นายอยากทำงานที่นี่กัน”
“ก็แค่รู้สึกว่าน่าจะได้เจอกับสัตว์เยอะดี”
เซียมองหน้าผมเหมือนจะบอกว่าบ้าหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้พูดตรงๆ อีกฝ่ายเบือนสายตามองไปทางอื่น “เอาที่นายเลือกแล้วสบายใจล่ะกัน”
“ทำงานที่นี่ไม่ดีหรือ”
“ถ้านายทำงานตรงนี้ นายจะเจอสัตว์มากมาย แล้วก็ต้องนั่งนิ่งๆ ในนี้ทั้งวัน แต่สัตว์หลายตัวไม่ชอบอยู่ร่วมกับสัตว์ตัวอื่น และไม่ชอบนั่งเฉยๆ ไม่ค่อยได้ขยับตัว” พอพูดมาถึงตรงนี้เซียก็หยุด “แต่งานที่นี่ให้เงินเดือนเยอะสุดในบรรดางานทั้งหมด”
“สัตว์ตัวอื่นไม่ได้เลือกงานที่เงินหรือ”
“ปกติเลือกเพราะความสบายใจหรือความคุ้นชินมากกว่า” พอเซียพูดมาถึงตรงนี้ อีกฝ่ายก็เดินนำมาที่เคาน์เตอร์ “เซธ หมอนี่จะทำงานที่นี่แน่ะ”
เซธหรือปลาหมึกหันมามองทางผม ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกมองก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาแล้วลองยิ้มแบบที่มนุษย์ชอบทำกันเวลาทักทายกับคนอื่น “สวัสดี ฉันโนอา”
“สวัสดี” เซธว่าก่อนจะยื่นหนวดปลาหมึกอันหนึ่งมาให้ผมเหมือนเป็นการทักทาย น้ำเสียงของเขาค่อนข้างทุ้ม “คนนี้มาใหม่หรือ”
“ใช่ เพิ่งมาเมื่อกี้นี้เอง” เซียพูดขึ้นมาก่อนโดยไม่รอให้ผมได้ตอบ
“เลือกเป็นมนุษย์ตั้งแต่แรกเลย” ปลาหมึกพูดขณะเลื่อนสายตามามองที่ผม “แปลกดี”
ผมจับหนวดปลาหมึกอันนั้นเพื่อเป็นการทักทาย ความรู้สึกหนึบหนับทำให้ผมเริ่มคิดถึงเขาคิดมาแบบจริงจัง จากนั้นผมก็ปล่อยมือออก ที่แท้ความรู้สึกของการได้สัมผัสสัตว์ตัวอื่นได้ก็ดีแบบนี้นี่เอง
“แล้วที่นี่มีตำแหน่งอะไรเหลือบ้าง” ผมพูดขึ้นเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูเงียบจนเกินไป เซธใช้หนวดปลาหมึกเคลื่อนที่ไปยังคอมพิวเตอร์ที่วางไว้อยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็เลื่อนจอดูตำแหน่งงานที่เหลือ
“เหลือแค่งานต้อนรับ”
“เอางานนั้นก็ได้” ผมว่า ขณะที่เซธเลื่อนกระดาษใบหนึ่งมาให้ผมกรอกข้อมูลส่วนตัว ยังไม่ทันที่จะได้กรอก เซียก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“โนอา นายอยากได้บ้านแบบไหน”
“มีบ้านแบบไหนบ้าง?”
“หลักๆ จะมีบ้านบนบกกับใกล้น้ำ” เซียเอ่ย ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้แล้วหยิบกระดาษเคลือบแผ่นหนึ่งขึ้นมา “ปกติสัตว์น้ำสามารถหายใจบนบกของโลกนี้ได้ก็จริง แต่สัตว์น้ำบางตัวก็ยังชอบที่จะอยู่ใกล้น้ำ หรือถ้านายเลือกบ้านบนบก ก็จะมีสภาพแวดล้อมหลายอย่างให้เลือกเช่นอยู่ที่สูงหรืออยู่ในที่มืด”
“สัตว์ตัวอื่นเลือกตัวไหนกัน”
“ปกติก็เลือกบนบกแล้วก็ที่ราบกันเป็นส่วนใหญ่”
“งั้นเอาอันนั้นนะ”
เซียเงียบไป ผมไม่แน่ใจว่าเขากำลังอึ้งอยู่หรือว่าอะไร “ตอนแรกฉันนึกว่านายเป็นสัตว์น้ำเสียอีก ตกลงว่าไม่ใช่หรือ”
“นายรู้ได้ยังไง”
“พออยู่ไปนานๆ ก็จะเริ่มแยกออกน่ะ” พอเซียพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “ฉันคิดว่าพอเดาได้ด้วยว่านายคืออะไร”
“ที่นี่มีกฎห้ามถามไม่ใช่หรือ” ผมทวนความจำเขา
“ก็ไม่ได้ถามนี่ แค่เดาเฉยๆ” เซียว่าก่อนจะวางกระดาษในมือลง “ฝากเขาด้วยล่ะเซธ สอนเรื่องโลกนี้ให้เขาทีนะ”
หลังจากเอ่ยจบเซียก็เดินไปทางประตูอย่างรวดเร็ว ผมรีบละสายตาจากกระดาษที่กำลังกรอกทันที “เดี๋ยว จะไปแล้วหรือ”
“ใช่ ก็หมดหน้าที่ฉันแล้ว” เซียว่า ก่อนจะผลักประตูออกไป “แต่ถ้าอยากมาหาหรือมีอะไรสงสัยก็แวะมาหาได้”
หลังจากที่เอ่ยจบเซียก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองอีก ผมกะพริบตาก่อนจะยื่นใบข้อมูลที่เพิ่งกรอกเสร็จให้อีกฝ่าย
เซธใช้หนวดรับข้อมูลของผมไป ก่อนคีย์ข้อมูลอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องคิดมากหรอก เซียก็เป็นแบบนั้นแหละ”
เป็นแบบนี้หมายถึงแบบไหน ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูด เท้าก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย เริ่มลังเลว่าควรจะหาที่นั่งดีๆ “ฉันต้องทำงานวันนี้เลยหรือเปล่า”
“ยังไม่ต้องทำงานวันนี้หรอก รออีกสักสามวันแล้วค่อยเริ่มงานก็ได้” เซธพูดขณะที่ยังคงใช้หนวดปลาหมึกจิ้มแป้นพิมพ์ขนาดใหญ่ไปด้วย “มานั่งตรงนี้ก็ได้ จะได้เลือกแบบบ้านถนัด”
ผมนั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาใช้หนวดปลาหมึกชี้ สายตาก็มองไปรอบๆ อาจจะเพราะว่าเซธเริ่มเห็นท่าทางประหม่าของผมเลยเอ่ยขึ้นมาเพื่อสร้างความคุ้นเคย “ฉันเซธนะ นายชื่ออะไร”
“โนอา” ผมพูด ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ อาจจะเพราะได้นั่งใกล้กับปลาหมึกที่หน้าตาคล้ายตัวเดียวกับที่เคยเจอมั้ง ผมเลยรู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “ทำไมนายถึงมาเลือกทำงานนี้ล่ะ”
“เพราะได้เจอสัตว์เยอะน่ะ” พอพูดมาถึงตรงนี้เซธก็เงียบไป ท่าทางดูเหมือนจะหงอยลงอย่างบอกไม่ถูก “ตอนอยู่ที่โลกนั้นฉันอายุสั้นมาก ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยก็ตายก่อน”
ไม่คิดว่าจะเจอสัตว์ที่มีความคิดคล้ายผมด้วย ผมขยับตัวชะโงกหน้ามาดูสิ่งที่อีกฝ่ายทำอยู่ด้วยความสนใจ แต่ก็ไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้มากเพราะความกลัวบางอย่างที่มีต่อสัตว์นักล่ายังคงอยู่ “ทำอะไรน่ะ”
“กรอกข้อมูล” พอเซธพูดจบ อีกฝ่ายก็ใช้หนวดเลื่อนหนังสือรวมแบบบ้านให้ดู “เลือกบ้านสิ อันนี้คือบ้านที่ยังว่างอยู่”
ผมเปิดหนังสือรวมรูปแบบบ้านผ่านๆ บ้านที่อยู่ในนี้สวยแทบทุกหลังเลย แถมมีหลายสภาพภูมิแวดล้อมให้เลือกต่างหาก “บ้านพวกนี้คือฟรีหรือ”
“ว่ากันตามตรงก็ไม่ฟรี บ้านพวกนี้ก็ได้จากการหักเงินเดือนเราไปสร้างบ้านกับพัฒนาสภาพแวดล้อมเมืองต่อ”
ผมส่งเสียงอืมในลำคอ จากนั้นก็ชี้ที่บ้านหลังหนึ่งในสมุด “บ้านหลังนี้ยังว่างอยู่ใช่ไหม”
เซธหันหัวมามอง จากนั้นก็มองผมสลับกับภาพของบ้านด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“แน่ใจนะว่าจะเอาบ้านหลังนี้”
-------------------------------------------------
(Talk)
ตอนแรกว่าจะเขียนให้ถึงตอนทำงาน แต่ปรากฎยาวไปเลยขอตัดตอนก่อน
ป.ล.ทำไมคนอ่านเหมือนจะเชียร์เซียให้เป็นพระเอก55555