30
หลังจากที่ได้รับคำขอที่แปลกประหลาดจากปรมาจารย์หานเกิงเว่ย แบงค์ก็คิดว่าอาจจะต้องอยู่จีนยาวกว่าแผนเดิม ในตอนที่ได้รับคำเชิญจากเกาเฉียนเพื่อนนักเปียโนชาวจีน เขาก็คิดว่าจะแค่มาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านดนตรีตะวันออกกับคนในวงการนี้ของจีนเท่านั้น อย่างมากก็อาจจะทำงานดนตรีร่วมกันในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เมื่อเสร็จเขาก็จะถือโอกาสไปปรึกษาบรรดาแพทย์ฝังเข็มผู้มีชื่อเสียงของจีนว่ามีใครจะช่วยฝังเข็มรักษาความสามารถมือทั้งสองข้างของเขาให้ถาวรได้บ้าง แต่ไม่คาดว่าเรื่องจะออกมาเป็นการตามหาคนเช่นนี้
ถ้าเป็นคนทั่วไปเขาคงไม่ลังเลที่จะให้ข้อมูลออกไป แต่นี่เกี่ยวพันถึงคุณานนท์แถมเรื่องราวบทเพลงสมบัติของชาติอะไรนั่นก็ฟังดูเกินจริงไปมาก เขาแอบสงสัยว่าเป้าหมายที่แท้จริงจะเป็นตัวคุณานนท์เองโดยใช้เรื่องบทเพลงที่หายสาบสูญเป็นข้ออ้าง
ถึงเขาจะชอบเป็นนักเปียโนมากกว่า แต่เขาก็ถูกสอนให้เป็นนักธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก ทำไมเขาจะประเมินไม่ออกว่าความรู้ที่คุณานนท์ครอบครองอยู่มีมูลค่ามหาศาลขนาดไหน สูตรขี้ผึ้งจักรพรรดิที่ไม่รู้ว่าคิดหรือได้มายังไงนั่นมหัศจรรย์มาก หากสามารถผลิตได้ในระดับโรงงานคงจะปฏิวัติอุตสาหกรรมเครื่องสำอางทั่วโลกได้เลย
แต่ที่น่าตกตะลึงมากกว่านั้นคือการฝังเข็มที่สามารถเพิ่มความสามารถทางกายภาพได้ ในกรณีของเขาคือการเปลี่ยนนักเปียโนพรสวรรค์คนหนึ่งที่มีข้อจำกัดด้านสรีระมือให้กลายเป็นนักเปียโนระดับโลกได้ในชั่วข้ามคืน เขาไม่รู้ว่าความสามารถในการฝังเข็มของคุณานนท์จะมีถึงระดับไหน แค่ความเป็นไปได้ที่เขาคิดก็ทำให้รู้สึกกังวลแทน ลองนึกดูว่าหากนำไปใช้ในวงการกีฬาอาชีพที่มีเงินสะพัดมากมายกว่าวงการดนตรีคลาสิกเป็นไหนๆ จะเกิดอะไรขึ้น โปรกอล์ฟระดับโลก นักเทนนิสแกรนด์สแลม ดารานักเตะในลีกฟุตบอลต่างๆ นักบาสเอ็นบีเอทีมดัง ไม่ว่าใครก็ย่อมมีข้อจำกัดทางร่างกายกันทั้งนั้น ถ้าแก้ไขด้วยการฝังเข็มได้ เม็ดเงินที่ได้จากเงินรางวัลและสปอนเซอร์จะเพิ่มพูนขนาดไหน นี่ยังไม่รวมศักดิ์ศรีหน้าตาของประเทศหากเอาไปใช้กับนักกีฬาโอลิมปิกหรือการแข่งกีฬาอื่น
เสียดายที่คุณานนท์บอกว่ายังไม่สามารถคิดค้นการฝังเข็มรูปแบบที่ห้าที่จะทำให้ความสามารถของเขาคงอยู่ถาวรได้ นั่นทำให้เขาต้องตระเวนไปปรึกษาหมอฝังเข็มชื่อดังของจีนหลายต่อหลายคนอยู่ในตอนนี้ แต่ยิ่งแบงค์ไปพบผู้เชี่ยวชาญในการฝังเข็มจีนมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้ว่าสิ่งที่คุณานนท์ทำให้เขาดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เอาเลยสำหรับคนในวงการนี้ หมอส่วนใหญ่จะค่อยๆ อธิบายว่าการฝังเข็มแม้จะช่วยรักษาโรคได้หลากหลายแต่ไม่สามารถทลายขีดจำกัดของร่างกายได้ แต่บางคนแค่ได้ยินความต้องการของเขาผ่านล่าม ก็ด่าออกมาล้งเล้งแล้วไล่ออกมาเลย แบงค์เห็นแบบนี้ก็ยิ่งแน่ใจว่าคุณานนท์คือความหวังเดียวของตัวเอง จะทำให้ขุ่นข้องหมองใจไม่ได้โดยเด็ดขาดถ้าเขายังคิดที่จะเป็นนักดนตรีต่อ
ยิ่งได้ข้อสรุปแบบนี้แบงค์ก็ยิ่งระวังตัว เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกหลอกใช้ ในระหว่างที่อยู่เมืองจีนเขาจึงลองหาช่องทางอื่นตรวจสอบเรื่องของปรมาจารย์หานเกิงเว่ยกับบทเพลงแห่งชาติที่หายสาบสูญไปด้วยว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาหรือไม่ แบงค์ประสานไปทางคณะดุริยางค์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งเพื่อเข้าไปคุยกับอาจารย์ด้านดนตรีโบราณของจีน ข้อมูลที่ได้ออกมาตรงกัน ข้อแรกปรมาจารย์หานเกิงเว่ยเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในวงการดนตรีจีนโบราณจริงๆ โดยรูปถ่ายที่ได้มาก็เป็นคนที่แบงค์ได้พูดคุยด้วยในตอนนั้นไม่ใช่ตัวปลอมแน่ๆ ข้อที่สองบทเพลงสายธารครวญขุนเขาคนึงในคืนจันทร์เสี้ยวนั้นก็เป็นเรื่องในประวัติศาสตร์ที่มีบันทึกชัดเจน และท่วงทำนองที่แท้จริงยังไม่ถูกค้นพบตรงตามที่เขาได้รับฟังมาจากปรมาจารย์หาน
ขณะที่แบงค์ยังคิดไม่ตกว่าจะบอกเรื่องของคุณานนท์ออกไปเพื่อสร้างบุญคุณกับบุคคลระดับนี้ดีหรือไม่ ก็พอดีได้รับทราบเรื่องที่ขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิถูกลอกเลียนพร้อมกับข้อสงสัยของคุณานนท์ว่าบริษัทของครอบครัวเขาจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แบงค์ก็ตกใจจนเกือบช็อค ในโลกนี้เขาจะล่วงเกินใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เด็กหนุ่มคนนี้ เขาเคยทำผิดไปครั้งหนึ่งแล้วที่ทั้งขับรถชนและพยายามโยนความผิดกลับไปให้อีกฝ่าย ถ้าครั้งนี้เรื่องมันเกิดจากตระกูลเขาจริง มือสองข้างนี้ไม่เหลือแน่
แบงค์สังหรณ์อะไรบางอย่าง ก่อนหน้านี้พี่ชายต่างแม่ที่ไม่ค่อยลงรอยกันเคยมาปะเหลาะถามว่าเรื่องขี้ผึ้งที่เขาส่งไปให้พี่สะใภ้ใช้ทุกเดือนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของใคร มีโอกาสที่จะร่วมมือทางธุรกิจด้วยไหม แต่เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาดไปหลายครั้ง พี่ชายคนนี้เรียกว่าไม่มีอะไรดีเลยในสายตาเขา ฝีมือทางธุรกิจก็ไม่เท่าไหร่ แต่ทะเยอทะยาน ไม่พัฒนาตัวเองชอบใช้แต่ทางลัด เลือกคบเพื่อนก็ไม่เป็นมีแต่คนที่หวังประโยชน์รุมล้อม แถมยังขี้อิจฉาเรื่องที่เขาถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดกิจการต่อ
ที่จริงเขาเองก็อยากจะมุ่งไปทางสายดนตรีให้เต็มที่เหมือนกัน แต่ก็ทำใจไม่ได้หากธุรกิจครอบครัวจะต้องมาล่มสลายในมือของพี่ชาย นักดนตรีคลาสสิคถึงจะมีชื่อเสียงแต่รายได้ไม่ได้ดีขนาดนั้น เขายังติดการใช้เงินทองอย่างสบายแบบไฮโซอยู่ ถ้าปล่อยให้พี่รับช่วงธุรกิจไปคงต้องกินแกลบในเวลาไม่นาน โชคดีที่ตอนนี้พ่อของเขายังแข็งแรงดีอยู่เรื่องการสืบทอดธุรกิจถึงยังชะลอออกไปได้ก่อน
ในบรรดาข้อเสียมากมายพี่ชายยังมีข้อดีอยู่บ้างคือความหล่อเหลามีเสน่ห์ที่ได้รับจากแม่ผู้เป็นภรรยาเก่าของพ่อเขา แบงค์ต้องยอมรับว่าพี่ชายตัวเองหน้าตาดีกว่าดาราเสียอีก ข้อดีนี้ทำให้ลูกสาวเพื่อนพ่อที่เขานับถือเป็นพี่สาวคนสนิทตกลงแต่งงานด้วยเมื่อหลายปีก่อนโดยไม่ฟังคำทัดทานของเขา แบงค์เสียดายจับใจ พี่สะใภ้เขาคุณสมบัติเพียบพร้อมทุกอย่างยกเว้นบ้าผู้ชายหน้าตาดีทำให้ต้องมาตกล่องปล่องชิ้นกับคนแบบพี่ชายเขา
แบงค์ไม่ค่อยชอบพี่ชายตัวเอง แต่เขาก็สนิทกับพี่สะใภ้และหลานชายหญิงสองคนดี โชคดีที่พี่สะใภ้เป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่งมีธุรกิจของตัวเองไม่ต้องพึ่งพาผู้เป็นสามีแถมยังสามารถกุมอำนาจในบ้านได้หมด พี่สะใภ้เลี้ยงลูกเองเด็กๆ จึงได้มาเฉพาะดีเอ็นเอความหน้าตาดีแต่ไม่ได้มีนิสัยเหมือนพ่อ ตอนที่เขาเป็นตัวแทนขายขี้ผึ้งจักพรรดิก็ทราบว่าเป็นของดี จึงซื้อมาใช้เองและส่งให้มารดากับพี่สะใภ้ด้วยทุกเดือน ไม่นึกว่าจะเป็นเหตุให้พี่ชายสนใจสินค้าของคุณานนท์ขึ้นมา
แบงค์รีบติดต่อคนของตัวเองให้สืบความจริงเรื่องนี้ระหว่างที่เขายังติดพันอยู่ที่จีน เขาน่าจะเป็นคนเพียงน้อยนิดที่รู้ว่าถ้าทำให้คุณานนท์โกรธขึ้นมาจะน่ากลัวขนาดไหน ถ้าเรื่องนี้เป็นฝีมือของพี่ชายจริงก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเพิ่งทำอะไรที่รุนแรงเลยเถิดไปไม่งั้นเขาคงจะรับสิ่งที่ตามมาจากคุณานนท์ไม่ไหว เพียงแค่คิดถึงตรงนี้ ไฮโซหนุ่มก็รู้สึกหนาวสั่นอย่างบอกไม่ถูก
เพราะเรื่องนี้เป็นการสืบข้อมูลภายในธุรกิจของตัวเอง ผลจึงออกมาในเวลาอันรวดเร็ว ตอนนี้แบงค์ทราบแล้วว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของพี่ชายจริงๆ เจ้าตัวเห็นโอกาสที่เขาชะลอการรับช่วงธุรกิจออกไปเพื่อทุ่มเทให้กับอาชีพด้านเปียโน จึงกลับไปขอพิสูจน์ฝีมือทางธุรกิจของตัวเองอีกครั้งจากผู้เป็นพ่อหลังจากที่เคยทำโครงการล้มเหลวไม่เป็นท่ามาแล้วเมื่อหลายปีก่อน ครั้งนี้พี่ชายเสนอที่จะแตกธุรกิจออกไปทำเครื่องสำอาง ถึงแม้จะใช้เงินลงทุนสูงมากทั้งจากการพัฒนาสูตรขี้ผึ้งฮองเฮา การซื้อโรงงานผลิตแบบเร่งด่วน และการทุ่มโฆษณาอย่างไม่อั้น แต่ผลตอบรับในช่วงเดือนสองเดือนแรกกำลังไปได้สวยจนผู้เป็นบิดาออกปากชม
เรื่องอื่นที่พี่ชายทำเขาไม่แปลกใจ ถ้ามีการสนับสนุนทางการเงินและทีมผู้เชี่ยวชาญจากเครือธุรกิจของตระกูล การซื้อโรงงานหรือการโหมโฆษณาอย่างที่ทำก็เป็นเรื่องง่ายๆ แต่หัวใจของความสำเร็จที่แท้จริงอยู่ที่สูตรของขี้ผึ้งฮองเฮาเป็นหลัก ไม่รู้ว่าพี่ชายงี่เง่าของเขาทำอย่างไรถึงแกะสูตรขี้ผึ้งของคุณานนท์ออกมาได้ไม่เลวอย่างนี้ เขารู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะที่ผ่านมามีผู้ผลิตมากมายที่พยายามจะเลียนแบบสินค้าตัวนี้แต่ไม่มีใครทำได้แม้แต่จะใกล้เคียง
ไฮโซหนุ่มร้อนตัวอย่างหนัก เขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มผู้กุมความสำเร็จทางด้านดนตรีของเขาไว้ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ตัวนี้แค่ไหน ที่ผ่านมาเขาอุตส่าห์ได้รับความไว้วางใจก็เพราะทุ่มเทเดินสายขายขี้ผึ้งอย่างไม่ห่วงหน้าตาจะปล่อยให้ถูกทำลายไปไม่ได้ ถ้าหาความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ เขานั่นเองที่จะเป็นคนที่ถูกสงสัยมากที่สุด
แบงค์ทุ่มเงินส่วนตัวจ้างนักสืบมือดีไปสอบสวนความจริงเรื่องนี้ เขาถึงกับให้งบไปซื้อตัวลูกน้องคนสนิทของพี่ชายให้บอกความจริงออกมาก เขาทำแทบจะทุกอย่างเหลือแค่จับตัวคนไปข่มขู่เท่านั้น ถ้ายังหาความจริงมาไม่ได้ ใครจะรู้ว่าครั้งหน้าที่เขาเจอกับคุณานนท์จะเกิดอะไรขึ้นกับมือของเขา อย่างเบาะๆ คงจะเล่นเปียโนไม่ได้ตลอดชีพกระมัง
ในที่สุดความพยายามก็บรรลุผล ข้อมูลที่ได้บอกว่าเมื่อหลายเดือนก่อน พี่ชายเขาได้เอาขี้ผึ้งจักรพรรดิไปส่งห้องแลบที่ทันสมัยที่สุดในไทยเพื่อพยายามถอดส่วนผสมออกมาแต่ไม่สำเร็จ ทราบเพียงแต่ว่าน่าจะมีส่วนผสมของสมุนไพรจีนหลายชนิด พี่ชายไม่ละความพยายาม นำตัวอย่างใหม่ส่งไปส่งไปที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ชั้นนำของจีนที่เชี่ยวชาญเป็นอันดับหนึ่งในด้านสมุนไพรจีนโดยเฉพาะ ไม่คาดว่าสถาบันแห่งนี้ปฏิเสธที่จะรับงานที่ต้องใช้ทรัพยากรในการวิจัยจำนวนมากเช่นนี้หากไม่ได้เป็นคำขอจากหน่วยงานหรือองค์กรธุรกิจที่มีชื่อเสียงเป็นที่น่าเชื่อถือของประเทศจีนเอง
แต่ก่อนที่พี่ชายจะถอดใจ เขาก็ได้รับการติดต่อจากนักวิจัยคนหนึ่งของสถาบันแห่งนั้นบอกว่าทีมวิจัยที่ตนร่วมงานอยู่เคยได้รับตัวอย่างที่มีบรรจุภัณฑ์แบบเดียวกัน และสามารถถอดสูตรออกมาได้ระดับหนึ่ง ถึงประสิทธิภาพจะยังไม่สามารถเทียบเคียงได้กับของจริงแต่ก็ดีกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไปในท้องตลาดมาก คนที่ลักลอบเอาสูตรมาเสนอบอกว่าสามารถให้เภสัชกรที่มีความสามารถของจีน ช่วยออกสูตรปรับปรุงที่เสริมด้วยสารบำรุงสังเคราะห์สมัยใหม่ ที่จะช่วยลดความแตกต่างของประสิทธิภาพไปได้อีก
แบงค์ได้ข้อมูลว่าพี่ชายเขาคว้าโอกาสนี้ไว้โดยจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวนมาก จากนั้นก็ไปเร่งรัดบีบซื้อโรงงานผลิตยาและเครื่องสำอางคุณภาพดีของบริษัทเอสเอ็มอีแห่งหนึ่งมาได้ ในที่สุดก็สามารถออกผลิตภัณฑ์ขี้ผึ้งสมุนไพรฮองเฮาออกมาวางจำหน่ายอย่างรวดเร็ว
ไฮโซหนุ่มเหงื่อแตกซ่กเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด พี่ชายเขาจะโชคดีในเรื่องชั่วๆ มากเกินไปหน่อย ถ้าไม่มีคนบัดซบคนหนึ่งเอาตัวอย่างขี้ผึ้งจักพรรดิไปส่งให้สถาบันวิจัยแห่งนั้นแต่แรก เรื่องนี้คงเกินกำลังพี่ชายไปนานแล้ว แบงค์ไม่แน่ใจว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี ต่อให้นำเรื่องนี้ไปบอกพ่อก็คงจะไม่เกิดผลอะไร ในทางธุรกิจ ถ้าไม่นับเรื่องติดสินบนให้เอาข้อมูลในสถาบันวิจัยออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต เรื่องอื่นที่พี่ชายทำก็ไม่ถือว่าผิด ทางบ้านเขาอยู่ในธุรกิจเครื่องดื่มที่มีการแข่งขันรุนแรงมานาน การเลียนแบบสินค้า ตัดราคา กีดกันช่องทางการจำหน่าย อัดโปรโมชั่นฆ่าคู่แข่ง มีเรื่องไหนบ้างที่ไม่เคยผ่านมา ทั้งในฐานะผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ
แต่ถ้าปล่อยไปนานกว่านี้ ถึงตัวเองจะไม่ได้รู้เห็นเป็นใจแต่แรกแต่ในสายตาของคุณานนท์ก็คงไม่ต่างกัน ยิ่งพอเขาเดินสายพบกับหมอฝังเข็มตามรายชื่อจนหมด เขาก็ได้ข้อสรุปว่าฝีมือฝังเข็มของคุณานนท์นั้นล้ำเลิศกว่าต้นตำหรับในประเทศจีนเสียอีก แบงค์ตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทยทันทีโดยปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวจริงของผู้เล่นพิณที่ครอบครองสมบัติแห่งชาติจีนให้กับปรมาจารย์หาน เขาไม่คิดจะเสี่ยงต่อความไม่พอใจของคุณานนท์ไปมากกว่านี้
น่าเสียดายที่แบงค์มัวแต่ลังเลคิดล่าช้าไป ในตอนที่เขากลับถึงไทยก็พบว่าตัวเองไม่มีโอกาสช่วยคลี่คลายสถานการณ์คับขันของคุณานนท์แล้ว โอกาสนั้นได้ถูกตัดหน้าไปโดยนักธุรกิจลึกลับชาวจีนเจ้าของกู่ฉินล้ำค่าผู้ที่เขาไม่ชอบหน้ามาตั้งแต่วันแสดงละครเวที
………………………
จางอี้หลงก็เป็นคนจริงคนหนึ่ง ในวันถัดมาจากการประชุมผู้ถือหุ้นเขาก็โอนเงินสดก้อนโตซื้อหุ้นฉางอันโอสถอีกสิบเปอร์เซ็นต์จากหลี่คุนจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ในบริษัท และดูเหมือนว่าดวงของเขาจะสมพงศ์กับบริษัทนี้ไม่น้อย หลังจากวันนั้นลูกค้าเก่าก็เริ่มกลับมาขณะที่ลูกค้าใหม่ที่เคยลังเลดูท่าทีพอได้ข่าวว่ามีคนเริ่มสมัครก็รีบสมัครตามเพราะกลัวสมาชิกจะเต็มอีก แน่นอนว่าต้องโดนที่ราคาใหม่ ตอนนี้ลูกค้าเริ่มรู้แล้วว่าขี้ผึ้งฮองเฮาคุณภาพไม่ดีเท่าขี้ผึ้งจักรพรรดิเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง นี่เป็นการเปรียบเทียบกับขี้ผึ้งจักรพรรดิตัวเก่า ส่วนขี้ผึ้งจักรพรรดิกตัญญูเพิ่งออกมาได้สองเดือน แต่ก็มีเสียงร่ำลือว่ายอดเยี่ยมกว่าตัวเก่าขึ้นไปอีก สถานการณ์ของฉางอันโอสถจึงมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากจัดการเรื่องหุ้นแล้ว จางอี้หลงก็ยังไม่ยอมกลับทั้งๆ ที่ดูงานยุ่งมาก บอกว่าควรจะมีการฉลองกันในโอกาสที่เขาได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นหลักอีกคนของฉางอันโอสถ ซูกัสทราบเรื่องก็สนับสนุนตามประสาเด็กที่ชอบความครึกครื้น พร้อมกับออกความคิดว่าควรจะทำสุกี้กินกันเพราะจางอี้หลงเป็นคนจีนน่าจะชอบของแบบนี้ ในระหว่างที่สองพี่น้องเตรียมของกันอยู่ตินก็มาถึงที่คอนโด
“ผมลืมไปว่านัดตินมาเอาของเย็นนี้ งั้นให้มันอยู่กินข้าวเย็นด้วยแล้วกัน พี่อี้หลงชวนมันคุยไปก่อนนะ ผมต้องใช้เวลาเตรียมของกับซูกัสอีกพักนึง”
หลี่คุนเอาของให้ตินแล้วก็ฝากฝังเพื่อนไปกับแขกก่อนที่จะกลับไปที่ครัวซึ่งแยกอยู่คนละห้อง จางอี้หลงรับไหว้ตินอย่างเป็นกันเอง ทั้งคู่คุ้นเคยกันอยู่แล้วตั้งแต่ตอนฝึกงาน ในบรรดาคนรู้จักของหลี่คุน ไม่รู้ทำไมเขาถึงถูกชะตากับเด็กคนนี้ที่สุดต่างจากคนอื่นที่เขาไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่
“น้องคุนนัดมาเหรอติน”
“ครับพี่ จริงๆ แค่มาเอายาสมุนไพรอะไรไม่รู้ของมันอ่ะครับ เห็นว่าเพิ่งทำเพิ่มมาได้อีกเยอะ เลยอยากให้ผมกินให้ต่อเนื่อง”
“หือ ยาสมุนไพรเหรอ รักษาโรคอะไรล่ะ”
ตินเห็นจางอี้หลงสนใจ ก็หยิบขวดหยกใบเล็กๆ ที่เพิ่งได้มาส่งให้ดู
“นี่ครับ เห็นว่าเป็นยาบำรุง คงไม่ได้รักษาอะไรเป็นพิเศษ กลิ่นหอมดี แต่กินแล้วซู่ซ่ายังไงไม่รู้ ถ้าคุนมันไม่ยัดเยียดให้ ผมคงไม่เอาหรอก”
“เม็ดเล็กแค่นี้เอง น้องคุนให้ทานวันละกี่เม็ดนี่”
“สัปดาห์ละเม็ดครับ ขวดนี้อยู่ได้หลายเดือนเลย ผมว่ากินไปคงไม่ได้อะไรอ่ะ น้อยเกิ๊น”
จางอี้หลงสนใจยาสมุนไพรของหลี่คุนมาก เขาขอตินมาลองกินไปหนึ่งเม็ดก็รู้สึกแปลกๆ อย่างที่ตินบอก
“จริงแฮะ ซ่าๆ แปล้บๆ คล้ายๆ ถูกไฟซ๊อตนิดๆ แต่ก็รู้สึกว่ากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาหน่อยนะ”
“ฮ่าๆ พี่คิดไปเองมั๊ง ผมว่าแปลกๆ ไม่ค่อยอยากทานเท่าไหร่ แต่ถ้าพี่ชอบก็แบ่งไปสิครับ หรือไม่ก็ไปขอที่ไอ้คุน กับพี่มันไม่หวงหรอก”
“แบ่งจากตินไปดีกว่า พี่เป็นผู้ใหญ่แล้ว อยู่ๆ จะให้ไปขอมันดูน่าเกลียด แต่ตินไม่ต้องไปบอกน้องคุนนะ เดี๋ยวเขาหาว่าพี่มาแย่งของเรา”
จางอี้หลงกับตินคุยกันต่ออีกพักใหญ่จนอาหารเสร็จ งานเลี้ยงฉลองง่ายๆ ค่ำนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนาน จะมีขลุกขลักบ้างตรงที่ซูกัสเอาผงหมาล่ามาปรุงสุกี้ในถ้วยของจางอี้หลงให้เป็นพิเศษเพราะคิดว่าคนจีนทุกคนจะชอบแต่เจ้าตัวกลับทานเผ็ดไม่เก่งนัก ในที่สุดก็ต้องแบ่งให้ทุกคนช่วยกันรับชะตากรรมนี้ด้วยกัน
จางอี้หลงเป็นกันเองมากไม่มีท่าทีน่าเกรงขามแบบในเวลาปกติ ตินรู้สึกว่าเหมือนเป็นคนละคนกับที่ปรึกษาจากสำนักงานใหญ่ที่แม้แต่ประธานของบริษัทตอนฝึกงานยังต้องเกรงใจ หลี่คุนเองก็ยังลืมไปเลยว่าแต่ก่อนตัวเองเคยขยาดและระแวงปราณอำนาจของอีกฝ่ายขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึงซูกัสที่เห็นจางอี้หลงเป็นพี่ใหญ่ใจดีอีกคนไปนานแล้ว จนเมื่อทานเสร็จเปลี่ยนเป็นของขบเคี้ยวเล็กๆ น้อยๆ ประกอบการพูดคุย จางอี้หลงก็ไปหยิบขวดกระเบื้องจากในห้องพักตัวเองออกมาวางบนโต๊ะ
“งานฉลองจะขาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ยังไง นี่พี่เอามาจากจีนเลยนะ”
จางอี้หลงรินของเหลวในขวดออกมาแจกทุกคน ทันทีที่ได้กลิ่นหลี่คุนก็ตาลุกวาว
“หนูเอ่อฮง!!! เหล้านารีแดงหรือนี่”
หลี่คุนรีบกระดกแก้วซดสุราคำโตลงไปทันทีโดยไม่รอคำเชิญชวนแล้วทำเสียงในคออย่างมีความสุข
“นารีแดงเหมือนในหนังจีนเหรอ ผมดื่มมั่ง”
ซูกัสเรียกร้องส่วนแบ่งของตัวเอง
“ไอ้คุน น้องมันยังอายุไม่ถึง”
ตินรีบร้องห้ามทันที
“เหลวไหล เป็นบุรุษห้าวหาน อายุสิบหกขวบปีก็ถือเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะหัดลิ้มรสสุราบ้างมีอันใดไม่ดี ซูเอ๋อร์ พี่ชายรินให้เจ้าหนึ่งจอก”
“ผู้น้องขอคารวะพี่ชาย”
ซูกัสรีบรับลูก อยู่ๆ ภาษาประหลาดของพี่คุนก็กลับมาอีก แต่ใครจะสนล่ะ เพื่อให้ได้ลองดื่มเหล้า จะให้เล่นงิ้วร้องลิเกก็ยอม โอกาสดีๆ แบบนี้ต้องประจบเอาใจไว้ก่อน ไม่นึกว่าพี่คุนที่แต่ก่อนเข้มงวดเรื่องนี้นักหนาจะยอมให้เขากินเหล้าได้ง่ายๆ
ตินทำท่าไม่ยอม สุดท้ายจางอี้หลงก็ไกล่เกลี่ยว่าเหล้านารีแดงไม่แรงมาก ให้ลองสักแก้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ซูกัสยิ้มย่องเมื่อมีสองแรงสนับสนุน แต่จิบไปนิดเดียวก็เริ่มออกอาการแก้มแดงหูแดง
ยิ่งมีเหล้าการพูดคุยก็ยิ่งออกรส ตินไม่ได้ร่วมวงดื่มด้วย เขาเป็นนักมวยค่อนข้างรักษาสุขภาพ นั่งฟังหลี่คุนคุยโม้อยู่พักใหญ่หันมาอีกทีซูกัสก็ฟุบลงไปแล้วทั้งที่เหล้าแก้วแรกยังเหลือเกือบครึ่ง เห็นอีกสองคนยังคุยกันติดลมเขาก็พาเด็กคออ่อนเข้าไปนอนในห้อง กลับมาอีกทีก็ทนนั่งฟังคำพูดแนวๆ ‘กระบี่ออกจากฝักต้องได้ดื่มโลหิต คนพบมิตรสหายต้องได้ลิ้มรสสุรา’ ‘พบคนรู้ใจ ดื่มกันพันจอกยังนับว่าน้อย’ หรือ ‘เราดื่มสุรากลัวเพียงฟ้าสว่าง’ หนักเข้าก็ทนไม่ไหว จึงขอตัวกลับบ้านไปก่อน
หลี่คุนเทเหล้าหยดสุดท้ายออกมาอย่างเสียดาย สุราไหเท่านี้เขาดื่มอีกสิบไหยังไม่สะทกสะท้าน แต่พอเห็นจางอี้หลงหยิบไหใหม่ออกมาจากในห้องก็ร้องอุทานอย่างยินดี ยิ่งได้กลิ่นหอมใบไผ่ระคนสมุนไพรก็รู้ว่านี่คือสุราไผ่เขียวที่เขาโปรดปรานในรสชาติลุ่มลึกของมันยิ่งนัก เสียดายมีเพียงไหเดียวไม่พอให้เขาได้มึนเมาสักนิด
จนไหที่สองหมดไปสุราไหที่สามก็ตามออกมาอีก คราวนี้เป็นสุราสามดอกไม้ที่หลี่คุนชื่นชอบในความแรงที่ผ่านการกลั่นหลายครั้งของมันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว แต่พอดื่มๆ ไปไม่ถึงครึ่งไหหลี่คุนก็รู้สึกว่าผิดท่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเขาในชาติก่อนที่คอแข็งยิ่งนัก พอรู้สึกตัวอย่างนี้ อาการมึนเมาก็เหมือนจะถาโถมมาในครั้งเดียว หลี่คุนพยายามโคจรพลังไล่พิษสุราแต่ปรากฎว่าช้าไปเสียแล้ว เขาน่าจะเอะใจตั้งแต่ที่เห็นซูเอ๋อร์ออกอาการแก้วเดียวจอด คนเป็นญาติกันร่างกายคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ นั่นเป็นความคิดสุดท้ายของหลี่คุนก่อนจะหลับไหลไปภายใต้สายตาที่มองมาอย่างสมใจของใครอีกคน
...z z z Z Z Z
พี่อี้ : จะสงสารหรือสงสัยผมคร๊าบ เอาให้แน่
ติน : ผมไม่ดื่มครับ พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง
ไฮโซแบงค์ : ผมใกล้จะโดนเชือดแล้วใช่ไหม
น้องคุน : ผมก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังจะโดน... /เมาหลับต่อ