ยามจันทร์เจ้าจูบดิน
บทพิเศษที่ ๕
วันปีใหม่
หน้าหนาวปีนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย หลังจากหนาวอยู่ประมาณสองสามวันอากาศร้อนก็เข้ามาแทนที่จากนั้นก็กลับมาหนาวใหม่ ทำเอาคนสุขภาพไม่แข็งแรงปรับตัวกับอากาศที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่ทันจนกลายเป็นหวัด
“ฮัดชิ้ว ฟืดดด”
“อย่าสั่งน้ำมูกแรงนะครับน้องข้าว มาๆ เดี๋ยวพ่อเดือนเช็ดให้นะ”
ดินที่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านอมยิ้มน้อยๆ มองสองพ่อลูกที่เอกเขนกกันอยู่บนโซฟา เดือนกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีลูกชายตัวน้อยวัยสามขวบนั่งทับอยู่ตรงหน้าท้อง ผู้เป็นพ่อใช้ผ้าเช็ดหน้าลายกระต่ายเช็ดจมูกให้ลูกชายเบาๆ
“พ่อเดือน งือออ”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง”
“หนูข้าว...หนูข้าวคันจมูก”
“มานี่มา มาให้พ่อเดือนจุ๊บเร็ว”
ชายหนุ่มผมดำยิ้มจนตาหยีกับภาพน่ารักๆ ที่คนเป็นพ่อดึงเด็กน้อยตัวกลมมาใกล้ก่อนจุ๊บลงไปบนจมูกแดงๆ ของลูกชายเบาๆ พร้อมกับพูดว่า
“หายไวๆ นะครับ เพี้ยง”
ดินเดินเข้าไปใกล้ก่อนโน้มตัวลงไปหอมแก้มลูกชาย พลางส่งเสื้อกันหนาวที่เพิ่งไปหยิบมาให้ต้นข้าวใส่ เพราะช่วงนี้อากาศเย็นลงเรื่อยๆ ทำให้เจ้าตัวเล็กของพวกเขาป่วย แผนการเที่ยววันปีใหม่จึงล่มไปโดยปริยาย จากที่วางแผนว่าจะขึ้นเหนือสุดท้ายก็ต้องนอนอยู่บ้านเพราะตอนแรกต้นข้าวไข้ขึ้นสูงจนน่าเป็นห่วง
“ตัวอุ่นๆ น่ะครับหนูข้าว เดี๋ยวกินข้าวเที่ยงแล้วทานยานอนเลยนะ ไม่ต้องอยู่เล่นกับพ่อเดือนแล้ว”
“แต่ว่า...”
“ถ้าหนูข้าวไม่นอนพักให้หาย คืนนี้หนูข้าวจะอดพูดสวัสดีปีใหม่กับคุณปู่คุณย่านะครับ”
ดินขู่ลูกชายที่กำลังงอแง พอได้ยินแบบนั้นเด็กน้อยก็เม้มปาก ทำท่าคิดหนักแต่สุดท้ายก็พยักหน้าหงึกหงัก ยินยอมทำตามที่คุณพ่อผมดำบอกแต่โดยดี เพราะเจ้าตัวอยากอยู่พูด ‘สวัสดีปีใหม่’ กับคุณปู่คุณย่าตอนเที่ยงคืนมากๆ ถ้าเป็นหวัดจนต้องนอนหลับก่อนก็น่าเสียดายแย่
“งั้นไปกินข้าวกันเถอะครับ”
“คร้าบ”
ต้นข้าวปีนลงจากโซฟาก่อนวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าไปในครัว พอคล้อยหลังลูกชายเดือนก็ยกแขนขึ้นโอบเอวคนรักของตัวเองทันทีก่อนจะออกแรงรั้งให้ลงมานั่งข้างกันบนโซฟา
“ให้ลูกอยู่ดึกคืนนี้จะดีเหรอดิน เดี๋ยวไข้ก็กลับ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เจ้าหมูน้อยน่ะอยู่ดึกสุดได้แค่สองทุ่มเท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็ฟุบแล้วเชื่อดินสิ ยิ่งเป็นไข้แบบนี้ด้วย ดินไม่ปล่อยให้นอนดึกหรอกครับ”
“อ้าว งั้นเมื่อกี้ก็หลอกเด็กเหรอครับ หืม”
“ไม่หลอกแล้วลูกจะยอมกินยาไม่ล่ะครับ”
“คุณแม่ดีเด่นแห่งปีจริงๆ”
เดือนพูดขำๆ คลอเคลียปลายจมูกโด่งลงบนแก้มขาวอย่างรักใคร่ แกล้งงับเบาๆ ให้คนสวมแว่นหันมาย่นจมูกใส่ ดินยินยอมให้คนรักฟัดจูบที่แก้มไปหลายทีก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับดึงพี่เดือนของเขาให้ลุกตาม
“มาเร็วคุณพ่อเดือน เดี๋ยวลูกชายงอแงนะครับ”
“ครับๆ”
คุณพ่อทั้งสองเดินไปในครัวก่อนจะเริ่มมื้อกลางวันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
หลังจากทานอาหารเสร็จดินก็ให้ลูกชายทานยา จากนั้นก็เป็นหน้าที่เดือนที่จะพาลูกไปกล่อมนอน ดินยืนนิ่งอยู่ในครัว เหลียวมองไปรอบด้านอย่างใจลอย
สามปี....หรือสี่ปีนะที่อยู่ด้วยกันมา
ทำไมรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาอยู่กันมานานกว่านั้น
ปีนี้ก็กำลังจะผ่านพ้นไปอีกแล้วสินะ...วันเวลาแห่งความสงบสุขเคลื่อนผ่านไปไวจนดินยังตกใจ
ต้นข้าวสามขวบ เข้าโรงเรียนแล้ว
พี่เดือนก็สามสิบแล้ว ส่วนเขาก็อายุเฉียดเลขสามเข้าไปทุกที
ผ่านไวจังเลยนะ ความสุขเนี่ย
ดินเดินกลับไปที่ห้องรับแขกก็พบลูกชายกับคนรักนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น สีเทียนและสีไม้กระจายเกลื่อนรอบตัว หนูข้าวกำลังวาดรูปโดยมีเดือนนอนมองอยู่ข้างๆ พอเห็นเขาเข้าไปคนรักก็อาศัยจังหวะที่ลูกชายไม่เห็นส่งจูบมาให้ ทำเอาดินแก้มร้อนผ่าว พอเห็นเขาเขินเดือนก็ยิ้มกว้าง ชอบใจนักล่ะที่แหย่ให้เขาเขินหน้าแดงได้
“หนูข้าววาดอะไรอยู่เหรอครับ”
“วาดพ่อเดือน พ่อดิน คุณปู่ คุณย่า อาฝน อารัน อาเฟิง อาปราณฮะ หนูข้าวอยากบอกสวัสดีปีใหม่ทุกคนเลย”
เจ้าตัวเล็กยิ้มจนแก้มพอง ลงมือระบายสีบ้านแสนสุขของตัวเองต่อ ดินหยิบหมอนลงมาวางเอนตัวลงนอนบนผ้านวมผืนหนาที่ปูรองไว้ ซุกกายลงในผ้าห่ม ก่อนจะหยิบหนังสือมาอ่าน หูได้ยินเสียงลูกชายกับเดือนคุยกันเจื้อยแจ้วแต่ไม่ได้ทำให้เขารำคาญแต่อย่างใด ดินยิ้มออกมา วางหนังสือลง จากนั้นก็โน้มกายลงไปจูบแก้มคนที่เขารักทั้งสองคน
หลังจากวาดรูปเล่นไปสักพักยาก็เริ่มออกฤทธิ์ ต้นข้าวผล็อยหลับไปทั้งที่สีเทียนยังคามือ เห็นดังนั้นคุณพ่อคนเก่งก็ดึงสีออกจากมือน้อยอย่างนุ่มนวล ก่อนที่คุณพ่ออีกคนจะอุ้มลูกชายให้ไปนอนบนโซฟาพร้อมห่มผ้าให้ ดินไล่เก็บสีเทียนกับกระดาษวาดรูปของลูก แต่ตอนที่เขาจะพับผ้าห่มนั้นเองเดือนก็ห้ามไว้
“ไม่ต้อง เอาไว้อย่างนั้นแหละ”
“หืม จะนอนเหรอครับ”
“ใช่ พี่อยากนอนกลางวันบ้างน่ะ อากาศมันเย็นๆ น่านอนจริงๆ”
“ขึ้นไปนอนบนห้องไหมล่ะครับ”
“ไม่เอา นอนข้างล่างดีกว่า”
ได้ยินดังนั้นดินจึงพยักหน้าให้ ชายหนุ่มเก็บของเล่นลูกชายลงกล่อง ก่อนจะเดินกลับมานอนบนที่นอนอีกครั้ง คราวนี้คนรักตัวโตดึงเขาเข้าไปกอดด้วย ดินซุกกายเข้าหาคนตัวใหญ่ ชอบใจอ้อมกอดอบอุ่นนี้เป็นที่สุด
“ลูกหลับแล้ว คุณแม่อยากนอนบ้างไหมครับ”
“ยังไม่ง่วงเลยครับ”
ดินตอบยิ้มๆ นานๆ ทีจะได้มีโอกาสพักผ่อนสบายๆ แบบนี้เพราะทั้งเขาและเดือนต่างยุ่งมาก ยิ่งมีลูกเล็กๆ มาให้ดูแลก็ยิ่งยุ่ง พอมีโอกาสได้พักกันแบบนี้จะให้มานอนก็เสียดายเวลาแย่
“งั้นทำอะไรดีล่ะ”
“นอนคุยกันเฉยๆ ก็ได้มั้งครับ”
ดินพูดดักหน้าคนรักพร้อมกับตะปบมือที่ทำท่าจะสอดเข้าไปใต้เสื้อของตนอย่างรู้ทัน เผลอเป็นไม่ได้เชียว!
“โธ่น้องดิน”
“เบาๆ สิครับเดี๋ยวลูกตื่น”
เดือนถอนหายใจ พอทำปากยู่อย่างน้อยใจก็ถูกดินกลอกตาใส่ แต่สุดท้ายเด็กน้อยของเดือนก็ประคองใบหน้าเดือนไว้พร้อมกับจูบลงบนริมฝีปากบางอย่างรักใคร่
อ่อนหวาน นุ่มนวล ทำให้ในอกพองฟู
ท่อนแขนของเดือนโอบรอบเอวดิน รั้งร่างเล็กให้ขยับมาใกล้ ให้เขาละเลียดชิมริมฝีปากนุ่มของคนรักได้เต็มที่ ตอนที่ผละออกมาใบหน้าหวานพร้อมกับริมฝีปากนั้นก็ขึ้นสีแดงเรื่อ เดือนมองใบหน้านั้นอย่างรักใคร่ กดจมูกลงบนแก้มนุ่มซ้ำๆ
“พี่รักดินนะ”
“ดินรักพี่เดือนมากกว่า”
“พี่รักดินมากกว่า”
“ดินรัก...อือ”
เสียงสุดท้ายหายไปเมื่อริมฝีปากของคนรักก้มลงมาทาบทับอีกครั้ง ใครรักใครมากกว่า...คำตอบนั้นพวกเขาไม่เคยหาได้ แต่ว่าหัวใจของคนทั้งคู่ต่างรู้
ว่าพวกเขา ‘เป็นที่รัก’ และ ‘หลงรัก’ มากแค่ไหน
ถึงจะบอกว่าไม่อยากนอนแต่สุดท้ายดินก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดคนรักจนได้ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเดือนทำให้เขาสบายใจ ดินรักเวลาที่ถูกคนตัวโตกอดไว้แน่นๆ มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ยังมีใครอีกคนอยู่ด้วย เป็นที่พึ่งให้เขาได้บนโลกกว้างใหญ่ใบนี้ ทุกครั้งที่ถูกกอดดินจะรู้สึกอุ่นใจและรู้ว่าเขาวางความไม่สบายใจทั้งหมดของตนลงได้
ชายหนุ่มแนบแก้มเข้ากับอกเดือน ฟังเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ภายในจนหลับไป
ดินหลับไปแล้ว...แต่เดือนยังไม่หลับ หนุ่มลูกครึ่งลูบผมคนรักเบาๆ ก่อนจูบลงบนหน้าผากมนอย่างอ่อนโยนคล้ายจะอวยพรให้หลับฝันดี
พักนี้ดินทำงานหนัก ยิ่งใกล้ช่วงสิ้นปีอีกฝ่ายก็โหมงานเพื่อทำตัวเองให้ว่างในช่วงวันหยุดยาวเพื่อจะได้อยู่กับลูกและเดือน เพราะแบบนี้เดือนจึงอยากให้ดินพักบ้าง
ชายหนุ่มกวาดตามองรอบบ้าน...บ้านที่เป็นของเขา บ้านแสนอบอุ่นที่มีคนที่เขารัก
เดือนรักที่นี่และไม่เสียดายเลยสักนิดที่ตัดสินใจลาออกจากวงการในที่สุด มีคนบอกว่าเขาโง่ที่ทิ้งชื่อเสียงเงินทองและทุกอย่างมาอยู่ที่นี่
แต่ว่าสุดท้ายแล้วในชีวิตมนุษย์สิ่งสำคัญคือชื่อเสียงกับเงินทองจริงๆ หรือ
ไม่ใช่หรอก
สำหรับเดือน เงินมีเท่าที่ทำให้ไม่ขัดสน ชื่อเสียงก็ไม่เห็นจำเป็น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขและความรักต่างหากแม่แก้ว แม่มะลิและพ่ออัลเฟรดบอกให้เขาทำอะไรก็ได้ที่มีความสุข เดือนจึงเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข คือการมาอยู่กับคนที่ตนเองรัก
ชายหนุ่มแนบแก้มลงกับ ‘ความรัก’ ที่หลับใหลอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาอ่อนโยนทอดมอง ‘ความสุข’ ตัวน้อยที่นอนอยู่บนโซฟา
เท่านี้ก็พอแล้ว
ชายหนุ่มพรูลมหายใจก่อนจะหลับตาลงค่อยๆ จมดิ่งลงในห้วงฝันดี
กว่าทั้งครอบครัวจะตื่นก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ดินลุกขึ้นนั่งนิ่งๆ เพื่อไล่อาการมึนศีรษะ ข้างกายเขาเดือนกำลังหลับสนิท ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสงบ ดินยิ้ม ไล้ปลายนิ้วไปตามโครงหน้าได้รูป
เดือนอายุมากขึ้น แต่ความหล่อเหลาของอีกฝ่ายไม่ได้ลดน้อยลงเลย สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือความสุขุม เยือกเย็น บางครั้งเดือนก็ดูนิ่งและใจเย็นขึ้น น้องปราณเรียกอะไรนะ...ดูมีเสน่ห์ในแบบชายวัยกลางคนใช่ไหม
พอนึกถึงตรงนี้ดินก็หัวเราะคิก
และทันใดนั้นมือใหญ่ของคนที่เขาคิดว่าหลับอยู่ก็กำรอบข้อมือเขา ออกแรงดึงให้ดินล้มลงไปนอนบนผ้าปูใหม่
“นึกว่าหลับอยู่ซะอีกนะครับ”
“ตื่นตั้งแต่มีเด็กซนๆ ที่ไหนไม่รู้ว่าลูบหน้าแล้ว”
“ขอโทษนะครับ ทำให้ตื่นเหรอ”
เดือนหัวเราะเบาๆ ซุกจมูกเข้ากับลาดไหล่บาง กดจูบเบาๆ สองสามทีจากนั้นก็ปล่อยตัวคุณพ่อคนสวยให้ไปวัดไข้ลูก เมื่อเห็นว่าน้องข้าวไข้ลดแล้วดินก็ยิ้มออกมาอย่างสบายใจ เดือนจึงยิ้มตาม
“ลูกเป็นไงบ้าง”
“ไข้ลดแล้วครับ ดีจริงๆ”
“นั่นสินะ”
“ตอนลูกตื่นพี่เดือนเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อให้ลูกได้ไหมครับ เดี๋ยวดินจะล่วงหน้าไปช่วยคุณแม่เตรียมอาหารเย็นก่อน”
“รับทราบครับ”
ดินอมยิ้มกับท่าทางขี้เล่นของเดือน ตรงนี้นี่แหละที่ไม่ว่าจะกี่ปีก็ไม่เปลี่ยนไป พี่เดือนยังชอบแกล้ง ชอบแหย่ให้เขาเขินให้เขาหัวเราะให้เขาเหวี่ยงได้ตลอด
หลังจากสั่งการคนรักแล้วดินก็ไปที่บ้านใหญ่ ช่วยแม่มะลิเตรียมอาหาร วันนี้มื้อใหญ่พอสมควร เพราะนอกจากครอบครัวพวกเขาแล้ว อารัน ฝน ปราณ เฟิง กวิน น้องสาวกวินและครอบครัวแม่แก้วก็จะมาด้วย วันนี้อาหารจึงปริมาณเยอะพอสมควร
ดินช่วยแม่มะลิทำแกงส้มอยู่ตอนที่เดือนเดินเข้ามา ชายหนุ่มตัวโตตรงไปหอมแก้มผู้เป็นมารดาทันที
“เจ้าหมูข้าวไปไหนล่ะลูก หืม เดือน อย่าเกะกะแม่สิลูก”
ท้ายประโยคเอ็ดลูกชายคนโตที่นอกจากจะไม่มีประโยชน์ในครัวแล้วยังทำตัวเกะกะอีกต่างหาก
เดือนที่พอถูกดุก็แสร้งทำปากยื่นอย่างน้อยใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มจนตาหยีพลางตอบ “เล่นอยู่กับพ่อน่ะครับ เห่อหลานน่าดูเลย”
“ก็หลานคนเดียวของเขานี่นา ดิน มาช่วยแม่ซอยหอมทีสิลูก ส่วนเดือนไปยืนเฝ้าหม้อแกงส้มไป”
“ได้คร้าบคุณนาย”
“แล้วนี่พี่แก้วถึงไหนแล้วเนี่ย”
“น่าจะซื้อของอยู่นะครับ คนอื่นๆ ใกล้จะถึงแล้ว”
“ดีจังน้า วันปีใหม่แบบนี้มีคนมาบ้านเยอะๆ เนี่ย”
“นั่นสินะครับ”
ยืนคุยอยู่ไม่นานสียงทุ้มของพ่ออัลเฟรดก็ดังขึ้นว่าปราณกับเฟิงมาถึงแล้ว สองหนุ่มหอบหิ้วข้าวของมากมายเข้ามาในครัว ปราณยิ้มหวานรี่ไปกอดแม่มะลิทันที ส่วนเฟิงก็ยกมือไหว้รอบห้อง
“โอ้โหป้ามะลิครับ ทำอะไรเนี่ย กลิ่นหอมเชียว”
“แกงส้มน่ะลูก ดีเลย เฟิงมาก็ดี มีลูกมือเพิ่ม เดือนออกไปรอข้างนอกเลยลูก”
“โหแม่ หมดประโยชน์ก็ไล่เดือนเลยนะ”
“ไม่ใช่ว่าพี่เดือนไม่มีประโยชน์ในครัวตั้งแต่แรกหรอกเหรอครับ”
ดินเย้า สิ้นประโยคนั้นทุกคนหัวเราะออกมา หลังจากฟัดแก้มคนรักไปจนเต็มที่เดือนก็ยอมล่าถอยออกจากห้องครัวโดยพาปราณออกไปด้วย เด็กหนุ่มตัวเล็กที่รู้ดีว่าความสามารถในการทำครัวตัวเองเท่ากับศูนย์ก็ตามออกไปแต่โดยดี
หลังจากมื้อเย็นเตรียมเสร็จและสมาชิกที่เหลือตามมาครบ โต๊ะอาหารของครอบครัวก็หนักอึ้งไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด เรียกได้ว่ากินกันจนอิ่มหนำเลยทีเดียว หลังทานเสร็จทุกคนก็ช่วยกันเก็บล้างจานและมานั่งกันอยู่ที่ชานบ้าน แสงไฟสีส้มนวลอาบย้อมให้บรรยากาศอบอุ่น สายลมเย็นหอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้มาทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
เดือนนั่งอยู่ที่พื้น ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมตัว คนรักของเขานั่งอยู่ข้างๆ อยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน ลูกชายกำลังปีนป่ายอยู่บนตักอารัณย์อย่างสนุกสนาน เดือนเลื่อนไปกุมมือของดินไว้ อีกไม่กี่นาทีก็จะล่วงเข้าปีใหม่แล้ว
แหวนที่นิ้วนางสองวงกระทบกันแผ่วเบา เดือนยกมือคนรักขึ้น จูบลงบนแหวนวงน้อย
“จะปีใหม่อีกแล้วเนอะ เวลาผ่านไปไวจัง”
“นั่นสิครับ”
“ดีใจนะ....ที่ดินยังอยู่กับพี่ ขอบคุณนะที่ปีนี้ยังอยู่ด้วยกัน”
“ปีหน้าแล้วก็ปีต่อๆ ไปด้วยครับ”
“ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณพี่เดือนเหมือนกัน”
เสียงนับถอยหลังดังขึ้น เหมือนนับถึงศูนย์ก็เป็นเวลาเดียวกับที่พลุหลากสีถูกยิงขึ้นฟ้า ดอกไม้ไฟกระจายเบ่งบานกลางราตรี อาบย้อมความมืดให้พร่างพราวด้วยสีสัน
เดือนก้มมองคนรักที่นั่งอยู่ข้างกัน ฉวยจังหวะที่ทุกคนสนใจพลุบนฟ้าจูบลงที่ริมฝีปากของดินเบาๆ
“สวัสดีปีใหม่ครับ ปีนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ”
“เช่นกันครับ สวัสดีปีใหม่ ขอให้เป็นปีที่ดีนะพี่เดือน”
“มีดินกับลูกปีไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ”
ดินหัวเราะ หอมแก้มคนตัวโตอย่างรักใคร่จากนั้นทั้งสองก็รู้สึกได้ถึงแรงโถมที่หลัง พอหันไปมองก็พบต้นข้าวกำลังเอานิ่มๆ แนบกับหลังพวกเขา ถูไถไปมา
“พ่อดิน พ่อเดือน ปีใหม่แล้ว พลุสวย”
นิ้วป้อมๆ ชี้ไปที่ดอกไม้ไฟหลากสี
“หนูข้าวชอบ”
“ครับ มานี่เร็ว เดี๋ยวพ่อเดือนให้ขี่คอ จะได้เห็นพลุชัดๆ ดีไหมครับ”
ว่าจบชายหนุ่มลูกครึ่งก็อุ้มเจ้าลูกชายตัวเล็กขึ้นให้ขี่คอ เด็กน้อยหัวเราะร่าอย่างชอบใจ ดินอมยิ้ม มองไปที่ลูกชายและเดือน มองพ่อกับแม่ มองฝนกับอารัณย์ที่นั่งเถียงกันอยู่มุมหนึ่งก่อนอารัณย์จะหยิกแก้มฝนเป็นการแก้แค้น มองเฟิงกับปราณที่นั่งคุยอะไรกันไม่รู้ท่าทางดูสนุก มองกวินกับน้องสาว มองทุกคนที่ทำให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่พิเศษ
ชายหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้าระบายยิ้มออกมา
ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่ดีและขอให้ทุกคนมีความสุขแบบนี้ตลอดไป****************************************************
วี้ดดดดดด มาลงทันคืนสิ้นปีพอดี นึกว่าจะแย่ซะแล้ว ฮืออออออ
ได้เขียนตอนพิเศษปีใหม่พี่เดือนมาสองปีแล้วนะ สุดท้ายสิ่งที่อยากบอกคือขอบคุณทุกคนจริงๆนะคะที่สนับสนุน
ที่ตามอ่านและชอบนิยายเรื่องนี้ สุดท้ายนี้ในปีหน้าก็ขอให้เป็นปีที่ดีและมีความสุขสำหรับทุกคนนะคะ
สุขสันต์วันปีใหมค่ะ