บทที่ ๑๖ (ตอนจบ) ไม่เพียงชาคริตเท่านั้นที่รอฟังคำตอบ ปรมินทร์เองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก คนที่ชนกตั้งใจทำงานเพื่อเก็บเงินซื้อของชิ้นนี้ให้นั้นเป็นใคร เช่นเดียวกับสาวิตรีและบุณฑริกที่ออกมายืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
“ของ ... ของ” ชนกอิดออดเหมือนไม่อยากบอก
“หือ” ชาคริตส่งเสียงเหมือนถามอีกครั้ง พร้อมกับเลิกคิ้ว
“สัปดาห์หน้าอะ” ชนกก้มหน้าพูดเสียงอู้อี้
“อะไร ก้มหน้าก้มตาพูด จะรู้เรื่องกันมั้ย” ชาคริตพูดเสียงเข้มขึ้น
“สัปดาห์หน้าวันเกิดป๊ะไง นกซื้อให้ป๊ะแล้วจะไปขอเงินป๊ะมาซื้อได้ไงอะ นกเลยมาทำงานพิเศษ จะได้ใช้เงินของตัวเองซื้อของให้ป๊ะ” ชนกเงยหน้าขึ้นมาพูดเร็วปรื๋อ ใบหน้าเป็นสีระเรื่อ
“ให้ป๊ะ” ไม่เพียงชาคริตที่แปลกใจ ปรมินทร์กับบุณฑริกหันมองหน้ากันด้วยความคิดไม่ถึง
“อื้อ สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะครับ ป๊ะเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกของนก นกรักป๊ะที่สุดเลย”
พูดแล้วชนกก็ยกแขนขึ้นเหนี่ยวคอชาคริตให้โน้มลงมา แล้วหอมแก้มชาคริตฟอดใหญ่ ชาคริตเองก็ใช้แขนโอบกอดชนกไว้ ใบหน้าแดงกล่ำ ปรมินทร์สังเกตเห็นดวงตาที่มักจะฉายแววดุน่าเกรงขาม อ่อนโยนลงอย่างประหลาด ทั้งยังแฝงได้ไว้ด้วยความรัก ความปลาบปลื้มใจอยู่ในดวงตาทั้งคู่
“ลำบากมั้ยลูก” ครู่ใหญ่ชาคริตจึงได้เอ่ยปากถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“ก็มีบ้างอะ แต่สนุกมากกว่า” ชนกยิ้มร่า “นกรู้แล้วว่าทำไมป๊ะกับมะถึงได้รักงานที่ทำอยู่ เวลาที่เราเห็นคนที่กินของที่เราทำด้วยความเอร็ดอร่อย มันมีความสุขอย่างที่ป๊ะกับมะบอกจริง ๆ ด้วย”
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ชาคริตเข้ามาในร้าน ปรมินทร์และเพื่อนเพิ่งจะได้เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนและอบอุ่นของชาคริต มันช่างดูแตกต่างกันเหลือเกิน กับใบหน้าเคร่งขรึมแฝงความดุ ที่คนทั้งสามเห็นอยู่แทบจะตลอดเวลา วูบหนึ่งที่ปรมินทร์คิดไปถึงรอยยิ้มของบุพการีของตัวเอง
“ขอบใจนะลูก” ชาคริตก้มหน้าลงหอมแก้มซ้ายขวาของชนก ภาพนั้นทำให้สาวิตรีถึงกับน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้ง “กลับบ้านกันเถอะ มะรอแย่แล้ว”
“งั้นพรุ่งนี้นกมาทำงานต่อนะ ป๊ะเคยบอกว่าเราต้องรับผิดชอบงานของเราจนวินาทีสุดท้าย” ชนกเริ่มต่อรอง
“ไปคุยกันต่อที่บ้านแล้วกัน”
ชาคริตโอบไหล่ชนกพาเดินออกไปจากร้าน ชนกหันมาโบกมือพร้อมกับยิ้มกว้างให้คนทั้งสามก่อนจะออกจากร้านไป
บ่ายโมงกว่า ลูกค้าเริ่มบางตา ปรมินทร์จึงหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านเรื่องที่สนใจ ซึ่งอ่านค้างไว้เมื่อตอนเช้า
“สามวันแล้วนะคะ สงสัยไม่มาแล้ว” สาวิตรีเดินเข้ามาบอกหน้าละห้อย
“ทนหน่อยนะ เมื่อวานติดป้ายประกาศหาคนมาช่วยงานแล้ว เดี๋ยวคงมีคนมาสมัคร” ปรมินทร์เหมือนจะเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นแทน
“พี่ป๊อบไม่โทรไปถามหน่อยเหรอคะ” สาวิตรีไม่ยอมแพ้
“พ่อเขาคงไม่ให้มาแล้ว” ปรมินทร์ตอบทั้งที่ยังก้มหน้าเหมือนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“แต่หนูว่าต้องมาอีกแน่ ๆ เงินค่าจ้างก็ลืมหยิบไป หมวกก็ยังไม่ได้คืน แล้วก็ ...” สาวิตรีแกล้งหยุดคำพูดไว้ ซึ่งก็ได้ผล ครู่หนึ่งปรมินทร์ก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอ
“แล้วก็อะไร” ปรมินทร์อดถามไม่ได้
“ก็ที่นี่น่ะ” สาวิตรีหัวเราะคิก ก่อนจะพูดต่อ “มีคนที่เหมือนผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกของน้องเค้าอยู่อีกคนนี่นา” พูดแล้วหญิงสาวก็หัวเราะคิกคักรีบเดินออกไปจากเคาเตอร์ พร้อมกับรอยยิ้มเหมือนจะล้อเลียนชายหนุ่ม แต่ปรมินทร์ทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้าลงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
ครู่ใหญ่ พอชายหนุ่มรู้ตัวว่าไม่มีใครมารบกวนแล้ว จึงเปิดลิ้นชักออกมองดูซองสีขาวที่เป็นเงินค่าจ้างของเด็กหนุ่มแล้วถอนหายใจ ปรมินทร์เลื่อนซองนั้นไปข้างๆ ทำให้มองเห็นรอยยิ้มกวน ๆ ของเจ้าเสือทิกเกอร์ อดไม่ได้ที่จะคิดถึงรอยยิ้มยียวนของเจ้าของหมวกใบนี้ ความรู้สึกสับสนว่าควรจะโทรไปหาแล้วสานต่อความรู้สึกของตัวเองต่อไป หรือจะปล่อยให้มันค่อย ๆ หายไป เพราะอีกฝ่ายยังเด็กเหลือเกิน
ติ้ง ... ต่อง
“ลุ๊งงงง ... ป้ายนี้ติดไว้กี่วันแล้ว ยังไม่มีคนมาสมัครอีกเหรอ”
ปรมินทร์เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงใสๆ รู้ตัวว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว เจ้าของเสียงเดินยิ้มร่าเข้ามาเกาะเคาเตอร์ กระดาษเขียนประกาศรับสมัครพนักงานที่ติดไว้หน้าร้าน ตอนนี้อยู่ในมือของเด็กหนุ่ม ซึ่งโบกกระดาษไปมาตรงหน้าปรมินทร์
“ต้องยังไม่มีแน่ๆเลยใช่ป่ะลุง ก็ดูดิ” เด็กหนุ่มก้มลงอ่านข้อความบนแผ่นกระดาษที่อยู่ในมือ “รับสมัครพนักงานที่สามารถทำงานได้สองกะ กะแรกสิบเอ็มโมงเช้าถึงบ่ายสองโมง กะที่สองห้าโมงเย็นถึงสองทุ่ม” อ่านแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาส่ายหัวเบาๆสองสามที “เวลาแบบนี้ใครจะมาทำ”
ปรมินทร์จำได้ว่าคำพูดของเด็กหนุ่ม เหมือนกับวันที่เดินเข้ามาหาเขาในวันแรก ชายหนุ่มขยับตัวเดินออกจากหลังเคาเตอร์ มายืนใกล้เด็กหนุ่ม
“ยังจำได้อีกเหรอ” ปรมินทร์ถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“ว้า ... ไม่ต่ออะลุง หรือลุงลืมแล้ว” เด็กหนุ่มเบ้หน้า
“ไม่ลืม ไม่ได้ลืม” พูดแล้วชายหนุ่มก็เข้าไปกอดเด็กหนุ่มไว้แน่น “ลืมได้ยังไง ไอ้ตัวกวน หายไปไหนมาตั้งหลายวัน”
“ก็ป๊ะกับมะอะสิ ไม่อยู่หลายวัน พออยู่พร้อมหน้าเลยต้องอยู่บ้านให้ป๊ะกับมะชื่นใจ” พูดแล้วก็หัวเราะคิกแกล้งขยับตัวไปมาในอ้อมกอดของชายหนุ่ม “ว่าแต่ลุงอะ คิดถึงละสิ กอดซะแน่นเชียว จะหายใจไม่ออกและ”
“มั้ง” ปรมินทร์ตอบเบา ๆ อดไม่ได้จะยกมือขึ้นลูบปอยผมตรงท้ายทอยของเด็กหนุ่ม
“ตกลงรับผมทำงานรึเปล่า” ชนกพูดแล้วก็เบิกตาโตอย่างรอคำตอบ
“แล้วคราวนี้จะทำกี่วัน” ปรมินทร์คลายวงแขน เลื่อนมือทั้งสองมาจับไหล่เด็กหนุ่ม
“อืม” ชนกทำท่าคิด “ไม่รู้ดิ๊ ต่อสัญญาทีละสัปดาห์ได้ป่ะ”
“ใครเขาทำกัน” ปรมินทร์ขมวดคิ้ว “งั้นทำไปตลอดเลยแล้วกันนะ”
“ไม่ได้อะ” ชนกรีบปฎิเสธ ทำเอาปรมินทร์รู้สึกใจหาย “เดี๋ยวเปิดเทอมก็มาทำไม่ได้แล้ว ต้องไปเรียน เดี๋ยวจะมีคนหาว่าโดดเรียนอีก”
“เฮ้อ ...” ชายหนุ่มถอนหายใจเหมือนโล่งอก “แล้วเริ่มงานได้เลยรึเปล่า”
“ได้เลย” ชนกยิ้มร่า “งั้นเข้าไปเปลี่ยนชุดเลยนะ” พูดจบก็หมุนตัวเตรียมจะวิ่งไปห้องครัว
“เดี๋ยว” ปรมินทร์คว้าแขนเด็กหนุ่มไว้ ทำให้ชนกหันมามองด้วยความสงสัย “สัปดาห์หน้ามีวันหยุด ก็ว่าจะปิดร้านสักวัน ... เราไปเที่ยวด้วยกันมั้ย"
“ไปเที่ยวเหรอ” ชนกหันกลับมาทำท่าสนใจ “ไปไหนอะ”
“นกอยากไปไหนล่ะ”
“ดรีมเวิลด์” ชนกตอบโดยไม่เสียเวลาคิด ทำหน้าเหมือนจะบอกว่า ... นะ ๆๆ
“ดรีมเวิลด์เหรอ” ปรมินทร์ทำหน้าแหย ๆ “ก็ได้”
“เย้” ชนกทำท่าทีใจ ชูมือสอข้างขึ้นสูง “เดี๋ยวต้องรีบโทรบอกป๊ะ จะได้ไม่วางแผนไปเที่ยวไหน”
พูดแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดหมายเลขแล้วกดปุ่มโทรออก พลางหมุนตัวเดินไปทางครัว ปรมินทร์มองดูชนกแล้วอมยิ้มเดินกลับไปนั่งที่เคาเตอร์ ครู่เดียวก็ทำหน้าตกใจเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ รีบเดินเข้าไปในครัว แต่เหมือนจะช้าไปเสียแล้ว
“จริง ๆ เมื่อกี้ลุงชวนไปเที่ยวกัน ป๊ะบอกว่าจะชวนมะกับลุงนินทร์ไปด้วยกัน พี่บัวกับพี่สาก็ไปด้วยกันนะ คนเยอะ ๆ หนุกดี” ชนกชวนบุณฑริกกับสาวิตรี พอบุณฑริกหันมาเห็นปรมินทร์ก็เดินเข้าไปหา
“ตั้งใจจะไปกันแค่สองคนละสิ” บุณฑริกยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูปรมินทร์กระซิบถาม ปรมินทร์พยักหน้ายอมรับ “แย่หน่อยหว่ะ เด็กมันซื่อ พยายามเข้านะเว้ย” พูดแล้วบุณฑริกก็หัวเราะเสียงดัง ตบไหล่เพื่อนเบา ๆ แล้วเดินกลับเข้าไปหาสาวิตรีกับชนกที่กำลังวางแผนสำหรับการเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน
ปรมินทร์มองดูชนกแล้วอดคิดไม่ได้ว่า เด็กหนุ่มช่างไม่รู้ความรู้สึกของเขาเอาเสียเลย แต่มันคงไม่เกินความพยายามของเขา สักวันเขาคงมีความสำคัญพอจะเทียบได้ผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกของเด็กหนุ่ม
ถึงแม้ความรักของเขาคงจะไม่เทียบเท่าผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกคนนั้น แต่เขาคิดว่าไม่ยอมแพ้แน่นอน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้
แล้วพบกันอีกกับนิยายเรื่องต่อไป