〖New!〗Falling in ✓♥ หลุมพรางหัวใจ ของนายหน้านิ่ง Chapter:53〖13/02/61〗
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 〖New!〗Falling in ✓♥ หลุมพรางหัวใจ ของนายหน้านิ่ง Chapter:53〖13/02/61〗  (อ่าน 31538 ครั้ง)

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Falling In Love

หลุมพลางหัวใจของนายหน้านิ่ง

Chapter:36 ใครคนนั้น

ตลอดทางจากบ้านกายมาถึงที่ร้าน ผมเหมือนคนจิตใจเหม่อลอยเพราะมัว แต่คิดเรื่องอะไรต่างนาๆ จนฟุ้งซ่านไปหมด...
รถแท็กซี่ขับออกไปได้นานแล้วแต่ตัวผมยังคงยืนมองขึ้นที่ชั้นสองอย่างเหม่อๆไม่เดินเข้าไปสักที
ครืดดด!! เสียงโทรศัพท์สั่นๆอยู่ที่กระเป๋ากางเกงด้านขวาของผม แรงสั่นจากเครื่อง ทำให้ผมที่กำลังเหม่อๆถึงกับสะดุ้งโหยง


"กาย" ผมยิ้มเฟื่อนๆก่อนจะกดรับ

"อื้อ"

"ถึงบ้านรึยัง"

"เมื่อกี้เอง พึ่งลงจากรถเนี้ย"

"แล้วทำไมยังไม่เข้าบ้าน" หือ แล้วมันรู้ได้ไงละเนี้ยว่าผมยื่นอยู่ข้างนอก ผมหันซ้ายหันขวา มองดูรอบๆก็ไม่เห็นมีใคร

"มึงอยู่ไหนไอคุณชาย"

"ข้างหลังมึง"ผมกันฟึ้บทันทีที้มันพูดจบแต่ไม่ยักจะเห๋นสิ่งมีชีวิตตนไหนอยู่ข้างหลังผมเลยสักตัว

"สาดกูหลอน"

"ฮ่าๆ นึกแล้วว่ามึงต้องหัน ตลกวะ" ยังมีหน้ามาขำอีก

"หึหึ แล้วนี้ไม่หลับไม่นอนรึไง ถึงโทรมาดึกๆเนี้ย "ผมก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือตอนนี้สี่ทุ่มยี่สิบกว่าๆ

"ก็แค่คิดถึง โทรหาไม่ได้หรอ..."แล้วทำไมต้องทำน้ำเสียงหงอยๆแบบนั้นใส่กูด้วยวะ ห่า เอาซะผมรู้สึกฺผิดเลย

"ได้ข่าวพึ่งเจอเมื่อกี้ อย่ามาเพ้อกาย"

"ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้นดิ"

"อะๆโอเคคร้าบๆ แล้วสรุปที่โทรมานี้จะบอกคิดถึงอย่างเดียวเลยหรอ"

"ก็ที่อยากบอกก็มีแค่นี้อะ แล้วมึงอะไม่พูดอะไรให้กูฟังบ้างหรอ ถามอะไรก็ได้ กูอยากตอบ"ในตอนแรกผมก็คิดอะไรไม่ค่อยออก เพราะสมองยังเบลอๆอยู่ แต่แล้วคำถามๆนึง ที่มันค้างคาอยู่ในใจผมก็ค่อยๆผุดขึ้นมา

"เอ่อ...กาย"

"อือว่าไง"

"คือ..."น้ำเสียงผมเริ่มสั่นๆ

"มีอะไรรึเปล่า ทำไมเสียงสั่นๆ"

"เมื่อวาน...มึงไปไหนมาวะ...ทำไมถึงปล่อยให้กูรอ"ประโยคหลังๆผมพึมพัมกับตัวเอง

"ก็......"กายเงียบไปพักใหญ่กว่าจะตอบผมนี้ก็แทบลืมเลยว่ามีมันอยู่ในสาย

"ไปทำธุระกับเพื่อนมาอะไอบอสไอเบลมึงน่าจะรู้จักนะ"คำตอบของกายมันอาจจะดูมีน้ำหนักมากกว่านี้ หากมันไม่เว้นระยะเวลาในการตอบคำถามของผมมากเกินไป

"ป่าวก็ถามไปงั้นแหนะเห็นเงียบหายไปไงแค่สงสัย"เป็นอีกครั้งที่ผมเก็บเอาเรื่องราวต่างๆเก็บมาคิดมากอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่คนทางนั้นไม่เคยรับรู้อะไรเลย

"เออ งั้นเดี้ยวกูขึ้นไปนอนแล้วนะ มึง"

"อ้าวนี้อยู่ข้างล่างจริงๆหรอ"

"ลงมาฉี่แปปนึงอะ"

"หรอ ถ่ายมาให้ดูหน่อย-///-"น้ำเสียงของมันเริ่มเปลี้ยนไปในทางแบบว่า.....

"อย่ามาทะลึ่งกายนี้ขนาดกูอยู่ในสายนะเนี้ย"ถ้าเกิดอยู่ข้างๆกับมันในตอนนี้มีหวัง...แน่ๆ

"นะก่อนนอนขอสักหน่อย"

"ไอ้กาย!"

"ฮ่าๆโม้เล่นเฉยๆ งั้นไม่กวนแล้วครับคนดี ก่อนนอนอย่าลืมห่มผ้าด้วยนะ.

"เออ"

"พูดเพราะๆกับกูหน่อยดิ"มีแอบทำเสียงหงอยด้วยแหะ

"คร้าบ...ครับผม ผมจะทำตามที่คุณชายสั่งทุกอย่างเลยครับ พอใจยัง - 3 -"

"เออ รีบๆนอนละอย่าให้กูรู้นะว่ามึงแอบคุยกับใครหลังจากที่วางสายกูอะ "

"บอกตัวมึงเองเถอะกาย ..ถ้าไม่มีอะไรแล้วกูวางนะ"

"ครับผมฝันดีครับ"หลังจากวางสายผมก็รีบขึ้นไปนอนตามที่ได้บอกกับมันไว้ เสื้อผ้าก็ชุดเก่านี้แหละครับหัวถึงหมอนได้หนังตาผมก็หนักอึ้งขึ้นมาทันที ใช้เวลาเพียงไม่นานผมก็พล้อยหลับไปพร้อมกับความเพลีย ที่สะสมมาทั้งวัน



..............


วันเวลาสองสัปดาห์ผ่านไป ความสัมพันธ์ของผมกับกายยังคงเหมือนเดิมแต่สิ่งที่เปลี่ยนไป น่าจะเป็นเวลา..
ถึงแม้ช่วงนี้กายจะโทรหาผมบ่อยมากกว่าปกติ แต่ทุกครั้งที่เราได้คุยกันไม่เคยเกินห้านาทีเลยสักครั้ง ถ้าเทียบจากเมื่อก่อนผมกับกายเรานอนคุยกันจนฟ้าสว่าง หรือบางครั้งก็คุยกันโดยที่โทรศัพท์ยังเสียบสายชาทค้างเอาไว้ แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นเหมือนที่เคย.
มันแค่โทรมาถามว่าผมทำอะไรอยู่กับใครที่ไหนแค่นั้นแล้วก็วางไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่เป็นฝ่ายโทรหามันนะ ผมโทรหามันแทบจะทุกๆต้นชั่วโมงแต่หลายครั้งก็ต้องนอยแดกเพราะกายมันตัดสายและส่งแมทเสท บอกว่าติดธุระอยู่ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าธุระของมันจะสำคัญมากน้อยแค่ไหนเพียงแต่ผมรู้สึกไม่ชินเลย ที่กายไม่มีเวลาให้



ช่วงสายของวันวินมันทักไลน์มาบอกผมว่า จะมาหาที่ร้านแต่มา ด้วยเหตุผลอะไรผมเองก็ไม่อาจทราบได้
เพราะทันที่ที่มัน ส่งสติ๊กเกอร์หัวกลมดุ้กดิ้ก ให้ผมเสร็จมันก็เงียบหายไปเลย กว่าจะโผล่หน้ามาให้ผมเห็นอีกทีนู้น เกือบๆเที้ยง....

"ฮัลโหลมีใครอยู่มั้ยครับ"เสียงตะโกนเรียกดังมาจากหน้าร้าน ....แล้วไอที่ยืนหัวโด่อยู่กลางบ้านคงไม่มีใครอยู่มั้ง...

"ไม่มีใครอยู่หรอกครับเชิญออกไปเถอะ..."

"อ้าวแล้วนั้นเสียงหมาที่ไหนตอบกูครับ"

"กูเองไอสัดเมื่อกี้มึงพูดว่าไงนะ ว่าใครเป็นหมาห้ะ "

"แหะๆ กูกลัวมึงจะหงอยแดก เพราะผัวตัวดีมึงไม่อยู่ให้กูแซวไงกูถึงต้องมาเล่นกับมึงถึงที่เนี้ย"

"ผัวเผออะไรมึง"ผมแกล้งๆขึ้นเสียง

"อย่ามาทำแถหน่อยเลยไอเจ เรื่องของมึงกับไอกายอะพวกกูรู้กันหมดแล้ว แหม่ทำใสไม่รู้เรื่องเดี้ยวโดดตบ"ตอนแรกก็กะจะเขิน
อายแต่แล้วอยู่ๆผมก็คิดเรื่องๆนึงออก

"แต่อย่างน้อยกูก็เปิดเผยละวะ ใครจะไปเหมือน...."ผมยิ้มกรุ่มกริ่มมองไอวินจนมันทำหน้าสยองใส่ผม

"อะไรเหมือนอะไรมึง ห้ะไอเปี้ยก.."ไอวินทำเสียงหงุดหงิดใส่ผมแุถมตึงหน้าใส่ด้วย

"ก็เรื่องของมึงกับเด็กคณะกูไงละครับเพื่อนวิน " ไอวินทำหน้าอึ้งๆจนเกือบจะเกิดแสดงอาการลนลาน ออกมาจนผิดสังเกตุ
"บ..บ้า..ไม่มีเหอะ..เด็กคณะไหนอะไรมึง..กุไม่มี๊" พยายามแถต่อไปครับเพื่อนแต่ทานโทษครับกูมีหลักฐาน ผมเอื้อมมือหยิบไอโฟนที่อยู่ขอบโต๊ะเปิดรูปพร้อมวีดีโอ ที่ผมแอบถ่ายเก็บไว้ตอนมันจู๋จี๋กับน้องคณะผม
วีดีโอถูกปิดลงกลายเป็นจอดำ จากใบหน้าทะเล้นของไอวินตอนเดินเข้าร้านมา กับตอนที่มันดูวีดีโอจบนี้ห่างไกลกันมากครับ. คงไม่ต้องให้ผมบอกหรอกนะว่าหน้ามันเสียแค่ไหน


"มีใครเห็นแล้วมั้งวะ ไอกายละมันเห็นรึยัง"ทำไมตอนได้ยินชื่อมันผมถึงต้องรู้สึกหงุดหงิดด้วยวะ

"ยังอะจะมีก็แต่กูนี้แหละ "จากอารมณ์แรกๆที่อยากจะแกล้งไอวินตอนนี้ผมขอเปลี้ยนโหมดเป็นคนฉุนเฉียวแทนได้มั้ยวะ รู้สึกอารมณ์เปลี่ยนตั้งแต่ได้ยินชื่อเพื่อนมันอะ

"เจเจคร้าบ.."

"หืม?"ไหงเสียงเปลี่ยน

"มึงอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกไอกายมันนะเว้ยกูไม่อยากโดนมันล้อกลางโรงอาหารอะ"

"แล้วทำไมถึงต้องเป็นโรงอาหาร.."ทำไมไม่เป็นห้องน้ำห้องสมุดห้องเก็บของอะไรงี้

"ก็คราวก่อนกูก็ล้อ เรื่องมึงกับมันกลางโรงอาหารนี้แหละ...แถวมันยังบอกว่าถ้าถึงคราวของกูบ้างมันจะเปิดโทรโข่ง ป่าวประกาศไปทั่วมอ"

"ห้ะ!เรื่องของกู ..อย่าบอกนะว่า" ไอวินทำหน้าสำนึกผิดและผงกหัวสองทีเป็นการยืนยันในสิ่งที่ผมอยากรู้

"รู้กันทั้งวิศวะแล้ว!"เยดเข้ร

"มึงบอกตั้งแต่เมื่อไหร่"

"ก็หลังจากที่กูรู้เรื่องของมึงกับไอกายอะแหละ" โอ้ยกูจะไม่แปลกใจเลย ว่าที่น้องๆ วิศวะพวกนั้นมันเข้ามาไหว้ๆก้มหัวยิ้มให้ผมแบบนี้เป็นเพราะอะไร.. ถถถ


"กูเอาบ้างไอสัด"แล้วผมจะเอาหน้าไหนแบกไปวิศวะได้อีกละเนี้ย"

"เห้ย เจ อย่านะ มึงถามอะไรกูก็ตอบมึงแล้วนี้ไง อย่าทำแบบนี้กับกูดิกูเพื่อนมึงนะเจ"

"แล้วที่มึงทำกับกูเขาเรียกอะไรวะ.."

"กูผิดไปแล้ว วันนั้นกูก้แค่นึกสนุกปากก็เลยพูดไปๆไม่นึกไม่ถึงว่าข่าวมันจะไปเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง ขนาดนี้. นะๆเจ ถือว่ากูขอร้องนะ อย่าพึ่งเอาเรื่องนี้ไปบอก ใครเลยนะเว้ย เดี้ยวกูกับน้องจะมีปัญหากัน"

"งั้นมึงต้องบอกกูก่อนว่ามึงกับน้องเป็นอะไรกัน?"ไอวินถึงกับสะอึกตอนผมถามเข้าประเด็น

"คือ..."

"ไม่บอกกูจะแฉ..1....2...สสส"

"เออๆ กูบอกก็ได้..กูกับน้อง เราพึ่งเริ่มคบกัน..ไม่สิเรียกว่าพึ่งเริ่มคุยจะกว่า.." หือคบกันอเกนพลีส

"คบกัน คบแบบไหนวะแบบแฟนไรงี้อ่อ"


"ก็ผัวเมียแบบมึงกับไอกายนั้นแหละ"ฉึก!!ไหงกลับมาแควะกูได้

"งั้นแสดงว่ามึงกับน้องเขาก็สะบะละฮึ้มจึ๊กจึ๋ยกันแล้ว ละสิ ไวไฟดีวะ"

"พ่อง ยังไม่ถึงขั้นนั้นเว้ย "อ้าวแล้วเมื่อเสือกบอกคบแบบผัวเมียสรุปอะไรยังไง

"กูตกใจนะเนี้ย ปกติก็เห็นมึงชอบผู้หญืงนิหว่า แล้วไหง ถึงมาคบกับผู้ชายได้วะ"เออจริงๆผมแอบตกใจมากกว่าไม่ไดินึกรังเกลียดอะไรมันหรอก


"จะให้เล่าพรุ่งนี้กผ้คงไม่จบแต่ถ้าอยากรู้ ลองเล่าเรื่องของมึงกับไอกายให้กูฟังก่อนดิ่แล้วกูจะบอก.."อารมณ์สนุกๆของผมจบลงในทันที

"ได้"

"มึงจะยอมเล่า?"

"ป่าวกูจะแฉเรื่องมึงเดี้ยวนี้เลย สัด ชอบทำให้กูหงุดหงิด"

"หงุดหงิดเรื่องที่กูถามมึงอะหรอ ถ้าเป็นเรื่องนั้นกูขอโทษนะกูไม่ได้ตั้งใจจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว...กูแค่.."สีหน้าวินมันสลดอย่างเห็นได้ชัดแต่ผมคงอธิบายให้มันเข้าใจความรู้สึกของผมในตอนนี้ไม่ได้ จริงๆผมก็แค่คิดมากเรื่องของเพื่อนมันนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่หน้าผมมันคงแสดงอาการเกินจริงไป


" กูหงุดหงิดเพื่อนมึงต่างหาก"

"เพื่อนกู?"วินมันทำท่าเกาคางนั่งคิด" ไอคุณชายอะนะ" จะมีใครที่ผมสนใจมากกว่าเพื่อนสนิทมันรึเปล่าละก็ต้องเป็นมันนะสิ

"มันทำอะไรให้มึงไม่สบายใจวะปกติกูก็อยู่ห่างกันไม่เกินสองเซน"สองเซนมันยังน้อยไปครับตอนนี้ผมกับมันเหมือนอยู่กันคนละทวีปสงสัยป่านนนี้คงหนีไปอยู่กับไอเสือติ้งต๋องที่ป่าร้อยเอเคอร์ แล้วมั้ง. (ผมพึ่งแอบรู้ตอนไปบ้านกายว่ามันสะสมคอลเลคชั่นทิกเกอร์และพูอยู่

"เอางี้กูว่านะบุกไปหามันดีบ้านเลยเป็นไงมึงว่าดีป่ะ"น้ำเสัยงมันดูหนักแน่นขึ้นมาทันที

"ดีห่าอะไรละมึงก็รู้ว่ากูไม่กล้า "

"เฮ้อ ชีวิตมึงนี้ทำห่าอะไรได้บ้างเนี้ย เอางี้ให้กูเข้าไปเป็นเพื่อนด้วยเลนเอามั้ย เผื่อมึงจะเลิกป๊อดซักที กูไม่ว่างมานั่งฟังมึงเพ้อทั้งวันหรอกนะเว้ย "ถึงแม้ข้อเสนอแนะของไอวินมันอาจจะเป็นเรื่องดีกับตัวผม แต่ผมเองก็ยังลังเลไม่กล้าที่จะทำ

"มันจะไม่ดูงี้เง้าไปหรอวะ"ผมถามเพราะไม่รู้ใจมันจริงๆว่าจะมองว่าการกระทำแบบนี้มันดูงี้เง้าไหม

"โอ้ยสัด ไอกายมันก็ผัวมึงป่ะ!!"ผมตะคุบปากมันแถมจะทันทีห่าเดั้ยวข้างบ้านได้ยินหมด

"ถรุ้ยสัดเจ มือเค็ม มีอะไรก็พูดกันตามตรงดิวะ มัวแต่ห่วงความรู้สึกคนอื่นอยู่นั้นแล้วความรู้สึกของมึงเองละ ไม่ห่วงบ้างเลยรึไง"มันพูดอีกก็ถูกอีก ผมมัรเป็นพวกแคร์คนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอเลย จนลืมคิดไปว่าความรู้สึกของผมเองมันก็สำคัญเหมือนกัน

"เอ้า สรุป"วินมันยืนขึ้นและยื่นมือมาข้างหน้าผมใบกน้าที่เคร่งเครียดของมันแฝงไปด้วยความเป็นห่วงที่มันเอ่อล้นออกมาจนผมสัมผัสถึงมันได้


"อือ"เพียงอือแค่คำเดียวของผมก็เหมือนเป็นเชื้อเพลิงหลักในการเริ่มต้นทำสิ่งๆนึงในทันที วินมันลากผมออกมาจากร้านแล้วบรรจงยัดตัวผมเข้าไปในรถ บีเอ็มดับเบิลยู คันใหม่ป้ายแดงที่ผมรู้สึกไม่ค่อยคุ้นตามาก่อน แต่นั้นคงไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อจากนี้. . . .
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2017 13:26:22 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
บีเอ็มป้ายแดงคันใหม่เอี่ยมถูกจอดอยู่คณะวิศวะกรรมศาสตร์ เหล่านิสิทที่ลงเรียนซีมเมอร์หลายชีวิตยังคงเดินวุ้นกันอยู่ในคณะ ผมหันมองซ้ายขวาผ่านกระจกสีทึบ ภายในรถเพ่งมองหาบุคคลที่ตั้งใจจะมาหา . ในตอนแรกผมคิดไว้ว่ากายมันอาจจะช่วยงานที่บ้านอยู่จนไม่มีเวลาแต่ระหว่างที่ขับมาวินมันก็เล่าให้ผมฟังพลางๆเกี่ยวกับเรื่องเรียนซัมเมอร์ว่ากายมันอาจจะลงเรียน แต่ที่น่าแปลก คือวินมันรู้...แต่ผมที่เป็นแฟนของมันดันไม่รู้นี้สิที่น่าเคือง


ผ่านไปหลายสิบนาทีที่ผมได้แต่นั่งซุ้มมองอยู่ในรถกับไอวินสองคน นักศึกษาในตึกเริ่มบางตาลงคงเป็นเพราะเป็นช่วงพักเที่ยงด้วยคนส่วนใหญ่เลยออกไปหาอะไรกินกัน ข้างนอก แทบจะไม่มีใครอยู่ในตึกเวลานี้้เลย

"ทำไมมันยังไม่ออกมาอีกวะ"เสียงไอวินบ่นอุบอิบอยู่ข้างๆหูผม นี้ขนาดอาสามายังบ่นขนาดนี้แล้วถ้าผมบังครับมันมาละครับจะขนาดไหนไม่อยากจะคิดเลย

"มันอาจเรียนอยู่ก็ได้มั้ง"แม้ปากผมจะพูดแต่สายตาผมยังคงจดจ้องอยู่กับการมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาอยู่หลายครั้ง

"เรียนห่าอะไรนี้เวลาพัก"

"เดี้ยวก็คงออกมาแหละมั้ง"

"เชี้ยเจ มึงอยากมาจริงๆปะเนี้ย"


"ทำไมถึงถามงั้นวะ "

"ก็ดูมึงรู้สึกจะชิวเกิ๊นอยากมาตามมันจริงป่ะเนี้ย ช่วยทำตัวเดือดร้อนบ้างไรบ้างก็ได้ปะวะ แบบเห้ยแฟนกูอยู่ไหนวะตอนนี้ทำอะไรอยู่ คิดถึงชิบหายเลยวะ อะไรแบบเนี้ย ร้อนรนอะเจ มึงทำเป็ยมั้ย"

"คู่กูไม่ได้หวานเหมือนคู่มึงนะครับผม ไม่มีโมเม้นป้อนน้ำให้กันหรอก หึหึ"ได้ทีผมก็ขอแควะมันหน่อยละกันชอบเสี้ยมดีนัก

"เชี้ยเจ อย่าพูดเสียงดัง เดี๋ยวคนอื่นได้ยินหมด"

"ทานโทษนะครับ กูอยู่ในรถกับมึงสองคน กระจกก็ปิดซะถึบขนาดนี้ มึงยังจะกลัวอะไรเล็ดลอดออกไปอีกห้ะ กูว่ามึงควรจะบอกตัวเองให้ใจเย็นให้เป็นก่อนนะไอวิน ไม่ใช่เอะอะอะไรก็พุ่งเข้าใส่อย่างเดียว มันไม่มีเหตุผลว่ะ"

"ครา้บๆ พอคนใจบุญ แสนดีรึเกินมึง พูดซะกูดูเหี้ยเลยนะมึงอะ"

"อ้าวนี้มึึงไม่ได้เหี้ยก่อนที่กูจะด่าหรอกเหรอ "

"สัด กูไม่น่าพามึงมาเลยวะแม้ง"ไอวินเบ้ปากใส่ผมและกันไปส่งใจไอโฟนของมันที่มีเสียงไลน์เด้งมารัวๆ

"แล้วมึงจะให้กูร้อนมาทั้งๆที่ยังไม่รู้เรื่องห่าอะไรดีเลยเนี้ยนะ" ผมบ่นออกมาโดยที่สายตายังคงจ้องมองอยู่ที่หน้าคณะไม่วางตา

"เออๆเอาไงก็เอาเถอะ"ระหว่างที่ผมกับไอวินเรากำลังถกเถียงกันเรื่องไร้สาระ ระหว่างนั้นก็มีรถคันสีดำอีกคันเข้ามาจอดใกล้กับที่รถที่ผมอยู่


"จอดแบบนี้ไม่ชนตูดกูเลยวะสัด"วินมันละสายตาจากจอหันไปมองอาเมร่าผ่านกระจกหลังพร้อมกับสบถคำด่าต่างๆมากมาย ก็แน่ละป้ายแดงด้วยนิ เป็นผมๆก็คงโวยเกิดชนกันขึ้นมาจริงๆ คงเคลียกันยาวยิ่งมันเป็นคนอารมณ์ร้อนด้วย เกิดผีบ้าเข้าสิงมันขึ้นมาผม้องก็รับมือไม่ไหวหรอกนะ

แต่พอไอวินมันเห็นคนที่เดินออกมาปากที่เอาแต่บ่นๆก็เงียบกริ้บทันที ผมไม่รู้ว่าที่มันเงียบเป็นเพราะคนที่เดินออมาเป็นผู้หญิงหรืออาจเป็นเพราะความสวยของเธอกันแน่ที่ทำให้ไอวินเพื่อนผมถึงกับติดอ่าง พูดอะไรไม่ออกเหมือนคนเป็นใบ้ (หรือมันสตั้นความสวยของเธอคนนั้นกันวะ)


"กาย!!"ผมกู่้ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจเพราะผู้ชายหน้าหล่อที่ผมตั้งใจจะมาหาตอนนี้มันรีบวิ่งหน้าตั้งออกมาจากในตึกแล้ว หน้าตาดูเร่งรีบเชียวสงสัยไอวินมันจะเป็นสายส่วนตัวรายงานเพื่อนรักมันว่าผมจะมาหาไงมันถึงได้รีบจนเกือบสะดุด อยู่หลายที ผมเผลอยิ้มออกมากับการกระทำเชิงเล่นๆของมันแบบไม่รู้ตัว แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง แค่ชั่วครู่ รอยยิ้มที่เคยมีของผมหุบลงทันทีที่ได้ยินชื่อๆนึงจากปาก ของไอวิน

"นิ้ง" นิ้งคือใครผมก็ไม่อาจรู้และที่สำคัญคือผมไม่เคยเห็นเธอมาก่อนไม่รู้ว่าหน้าตาของเธอเป็นยังไงแต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้แน่ชัดจริงๆเลย คือนิ้ง คืออดีตแฟน ของกาย ซึ้งเคยเลิกลากันไปแล้วแต่สิ่งที่กำลังผุดขึ้นเป็นตะกอนในใจผมตอนนี้คือ กาย เดินเข้าไปหา ผู้หญิงคนนั้นทำไม?

ผมได้แต่มองทุกการกระทำตั้งแต่การวิ่งจนเดินมาหยุดที่รถด้านหลังผม และเหมือนกายเอง ก็คงยังไม่รู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ในรถที่จอดอยู่ข้างหน้ารถของเธอคนนั้น...
เมื่อนานมาแล้วกายเคยบอกกับผมว่าเรื่องของมันกับนิ้งจบกันไปนานแล้ว แต่ก็มีคำถามมากมายหลายคำถามถาโถมเข้ามาที่หัวผม และคำถามที่ดูจะเด่นชัดที่สุดในตอนนี้คงจะเป็น ความจริง. ความจริงที่กายเคยพูดเมื่อนานมาแล้วทุกสิ่งที่มันบอกผมมันใช่เรื่องจริงเหรอ มันถูกทุกๆคำพูดที่กายเคยบอกกับผมเลยรึเปล่า

หรือบางทีมันอาจจะพูดเพื่อให้ผมสบายใจ และยอมทำในสิ่งที่มันต้องการ ของมัน ความคิดต่างๆมากมายกำลังวิ่งเล่นอยู่ในหัวผม และดูเหมือนมันจะไม่มีวันหยุดง่าย ๆ
และเมื่อสมองของผมสั่งการอะไรไม่ได้ผมก็เลือกที่จะนั่งอยู่ในรถเงียบๆและมองทุกๆการกระทำของคนสองคน อย่างใจจดใจจ่อ

"เจ...มึง.." วินใช้นิ้วสะกิดที่ไหล่ผมเหมือนมันอยากจะถามผมด้วยแหละว่าโอเคมั้ย แต่ผมในตอนนี้ไม่อยากพูดอะไรเลยสักอย่าง กลัวจะเผลอเหวี่ยงใส่มัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2017 15:00:13 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ใบหน้าของมันตอนที่พูดคุยกับเธอคนนั้นดูจะมีความสุขมาก ดูจากกายหยอกล้อและเล่นกันมันดูสนิทเกินกว่าที่คนเป็นเพื่อนเขาควรจะทำกัน จนผมต้องเก็บมานั่งคิดแล้วถามตัวเองให้ชัดอีกครั้ง
ว่าสถานะจริงๆของผมในตอนนี้ มันคืออะไรกันแน่ ?

TBC. . .

(เนื่องจากมันพิมพ์ต่อจากด้านบนไม่ได้ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไรจึงนำมาต่อให้จบนะครับผม)

 :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2017 14:59:59 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Falling In Love

หลุมพลางหัวใจของนายหน้านิ่ง

Chapter:37 ไม่คาดคิด

หลังจากที่อาเมร่าสีดำขับออกไปก่อนหน้าโดยมี ไอกายอาสาเป็นคนขับให้เธอคนนั้นก็ยืนยิ้มแก้มปลิอยู่หน้ารถก่อนจะเปิดประตูและเข้าไปนั่งพร้อมกับรถที่ค่อยๆเคลื่อนตัวไปช้าๆ สายตาผมยังคงอาลัยอาวร มองมันจนลับสายตาไป ไอวินทำท่าจะรีบขับตามไปแต่ผมห้ามมันไว้ เพราะไม่อยากไปขัดขวางเวลาของคนสองคน เลยปล่อยระยะให้ห่างไปสักพักจึงค่อยออกรถตามมา
ระหว่างทางที่ขับรถกลับมาที่ร้านวินมันเอาแต่ถามผมตั้งแต่ขับออกมาจากมอจนใกล้จะถึงร้าน มันก็ยังไม่หยุดถาม และอาจจะเป็นเพราะ ผมเองที่ไม่ได้ตอบอะไรมันเลยถามผมต่อเีรื่อยๆจนกว่าผมจะตอบมัน


"เจ..มึงเป็นโอเคป่าว อย่าเงียบได้มั้ยวะ" ผมควรจะตอบมันตามความรู้สึกหรือควรจะตอบให้มันสบายใจดีผมคิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ

"แต่กูขอความจริงนะ อยู่กับกูไม่ต้องฟอร์มก็ได้"และแล้วสิ่งที่ผมอัดอั้นมาก็ไม่อาจเก็บงันไว้ได้อีกต่อไป หยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างราวกับสายน้ำที่ไหลกรรโชกไหลออกมาไม่หยุดหย่อน ผมสะอื้นจนตัวเองหายใจไม่ทัน จนวินมันต้องหยุดรถระทันหันและหันมาคุยกับผมอย่างจริงจังและดึงตัวผมเข้าไปกอด

"...กูอยู่ตรงนี้..เจ.มึงอยากร้องอยากระบายอยากทำห่าอะไรก็ทำมันออกมาให้หมด "แรงกอดจากวินกระชับทำให้ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยหยาดน้ำตาค่อยๆไหลอาบแก้มอย่างช้าๆจนเหือดแห้งลงไปในที่สุด วินมันถอนตัวเองจากอ้อมกอดและจับหน้าผมไว้ให้สายตาของผมโฟกัสที่หน้าของมันเพียงอย่างเดียว

"ฟังกูนะเจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกูจะอยู่ข้างมึง และถ้าสิ่งที่มึงเห็นวันนี้มันคือเรื่องจริงกูจะจัดการกับมันให้เอง

มึงไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องต่อจากนี้มึงจะเอายังไงก็แล้วแต่มึง มึงต้องตัดสินใจเพราะนี้คือเรื่องของมึงกับไอกาย กูคงเข้าไปเสือกอะไรด้วยไม่ได้ แต่ถ้าจะให้กูแนะนำกูอยากให้มึงลองคุยกับมันดีๆก่อนวะ บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะเว้ย อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันก็ได้"

"กูกับนิ้งเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"

"นิ้งคือแฟนเก่ากู"

"กูไม่ได้คิดอะไร"

"เรื่องของกูกับนิ้งมันเป็นแค่อดีต" ภาพความคิดจากอดีตกับปัจจุบันผม แยกไม่ออกว่าสิ่งไหนที่เกิดขึ้นก่อนหรือสิ่งไหนที่เกิดขึ้นทีหลังและในเมื่อให้คำตอบอะไรกับตัวเองไม่ได้ผมก็เลือกที่จะหันหน้ามองบรรยากาศรอบข้างแทนเพื่อมันจะช่วยดับอารมณ์ร่อนรุ่มในใจผมได้บ้าง


เวลาบ่ายสองกว่าๆ วิน พาผมมาส่งที่ร้านด้วยสภาพที่ดูเป็นปกติที่สุด (ถ้าตาไม่บวม)

"อ้าวน้องวินพากันไปไหนมาหืม ไปกันซะนานเชียว"เสียงพี่อินร้องทักทันทีที้ผมและวิน มายืนเสนอหน้าอยู่กลางร้าน

"อ่อไปมอมาอะครับพี่อินพอดีมีธุระนิดหน่อย"

"ขยันกันจังขนาดปิดเทอมแล้วยังมีเรียนกันต่อด้วย"

"พอดีไปหาเพื่อนเฉยๆอะครับพวกผมไม่ได้ลงเรียนซัมเมอร์กันหรอก"ขอบใจนะมึงที่พยายามเบี่ยงประเด็นไม่พูดถึงมันเองก็น่าจะสัมผัสได้แหละว่าผมเองก็ไม่อยากได้ยินชื่อมันในตอนนี้เหมือนกัน

"อะ แล้วทานอะไรกมารึยังหนุ่มๆ เดี้ยวๆ เย็นๆพี่ทำอะไรให้กินนะ ขึ้นไปรอกันข้างบนห้องก่อนถ้าเสร้จแล้วเดี้ยวพี่ให้ยัยเอิร์นขึ้นไปตาม "

"ครับ ผม ปะมึง"วินเดินนำหน้าผมและเป็นฝ่ายยื่นมือมันมาจับผมและเดินนำขึ้นห้องไป

ทันทีที่หัวผมแตถึงหมอนภาพเมื่อครู่ที่มีหญิงชายยืนพูดคุยกันก็กลับเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง คนที่มันเคยบอกกับผมว่าไม่มีอะไรและไม่คิดจะสานความสัมพันธ์ต่อแต่คำพูดในวันนั้นกับการกระทำในวันนี้ของมันกับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง จนผมชักแยกไม่ออกแล้วว่าสรุป เรื่องไหนคือเรื่องจริงกันแน่

"เจกูว่ามึงใจเย็นก่อนนะ มันอาจไม่มีอะไรอย่างที่มึงคิดก็ได้นะเว้ย เชื่อกู"เป็นอีกครั้งที่ผมได้ยินประโยคทำนองนี้จากปากไอวินเป็นรอบที่ล้านสองได้แล้วมั้ง

"กุพยายาม พยายามแล้วจริงๆวิน แต่กูห้ามไม่ให้ตัวกูคิดไม่ได้วะ "มันไม่ได้ยืนอยู่ในจุดๆเดียวก้บผมนิ มันไม่มีทางรู้หรอกว่ามันยากแค่ไหน

"มึงมีสิทธิคิดได้นะแต่อย่ามึงอย่าพึ่งด่วนสรุปอะไรไปเอง มึงเข้าใจที่กูพูดใช้มั้ยเจ"เสียงของมันดูหนักแน่นและจริงจังต่างจากเสียงผมที่เริ่มอ่อยลงทุกที

"แต่ยังไงคนที่ยืนอยู่ข้างมันเมื่อกี้ ก็เคยได้ชื่อว่าเป็นแฟนเหมือนกับกู"น้ำเสียงผมเริ่มสั่นอีกครั้ง

"มึงรู้จักนิ้งด้วยเหรอ"ตอนแรกผมเองก็ไม่มั่นใจแต่่ตอนนี้น่าจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าคนที่กายเคยพูดถึงกับคนที่ผมพึ่งเจอ คือคนๆเดียวกัน

"กูว่าอย่าพึ่งพูดถึงในตอนนี้เลย กูขออยู่เงียบๆสักพักนะ"วินขยับเข้ามานั่งใกล้ๆกับผมและจับหัวผมให้อิงไหล่กว้างๆของมัน


" กูจะอยู่ตรงนี้นะเจ" ผมเคยมีความคิดแผลงๆ ในช่วงเวลานึงว่า ถ้าหากผมกับวิน เราสองคนเป็นแฟนกันอะไรๆมันคงจะดีมากกว่านี้ แต่ผมก็ต้องยกมือเสยกระบาลตัวเองอยู่หลายทีเพื่อไล่ความคิดบ้าๆและ ย้ำเตือนตัวเอง อยู่บ่อยๆว่า ความสุขที่ผมมีอยู่ทุกวันนี้คือการได้มีกายอยู่เคียงข้าง แม้มันอาจจะคลุมเครืออยู่บ้าง แต่ผมก็ยิ้มได้ทุกครั้งเมื่อนึกถึงหน้ามัน

........




เวลาหกโมงเย็นผมนั่งๆนอนๆลุกเดินไปมาภายในห้องโดยมีวินนั่งอยู่ด้วย คอยมองการกระทำของผมทุกฝีก้าวไม่ว่าจะเดินเกือกกลิ้งนอน ยังไง มันก็มองผมไม่ยอมวางตา

ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น คงได้เวลาทานอาการเย็นส่วนพี่อินก็คงบอกให้เอิร์นขึ้นมาตามผมกับไอวินแน่ๆ
แต่ทันทีที้ประตูแง้มออกก็ปรากฏใบหน้า ของคนที่ผมยังไม่อยากจะเจอหน้าในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าผมโกรธหรืออะไรแต่ผมแค่กลัวจะหลุดพูดอะไรบางอย่างออกไป ในตอนที่ใจมันยังไม่โอเค


"เจ" เสียงพูดเรียบๆและใบหน้าที่แอบอมยิ้มของมันทำให้ผมหงุดหงิด
ผมเดินไปที่ประตูและดึงบานประตูออกอย่างแรง พร้อมกับเดินลงมาโดยไม่ได้หันไปสนใจ บุคคลที่ยืนอยู่ตรงประตูอีกเลยว่ามันตะแสดงสีหน้ายังไง


........


"ไหงทำหน้าแบบนั้นละหืม "ทันทีที่ผมนั่งลงที่เก้าอี้พี่อินก็ถามผมแทบจะทันที

"แบบไหนละครับ?"ผมตอบเสียงอ่อย จริงๆไม่อยากจะพูดด้วยซ้ำกลัวจะเหวี่ยงคนอื่น

"ก็หน้าเหมือนคนอมทุกข์นี้ไง มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า". ผมเองก็พึ่งรู้นะว่าอารมณ์ความรู้สึกของผมมันถูกส่งออกมาทางสีหนัาและแววตาได้ด้วย ผมได้แต่ฝืนๆยิ้มบางๆส่งให้พี่อินแทนคำตอบ อย่างน้อยถ้ามันช่วยให้พี่อินสบายใจขึ้นผมก็ควรทำ และสิ่งที่ผมรู้แน่ๆตอนนี้คือ ผมไม่อยากหลอกตัวเอง...ไม่อยากยิ้มเลยวะ

ไม่นานนักไอวินกับเพื่อน ของมันก็เดินตามลงมาโดยวินเลือกมันเลือกที่จะนั่งหัวโต๊ะแล้วปล่อยที่ว่างข้างๆผมให้เพื่อนมันมานั่งแทนแต่ผมตั้งตัวทันก่อนเลยยื่นขาขึ้นมาก่ายอยู่เก้าอี้ตัวข้างๆ ก่อนจะหันไปส่งค้อนสายตาอาฆาตให้ไอวินและหันมาสนใจอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะแทน ... ระหว่างเวลาที่เรากำลังทานอาหารกันอยู่บนโต๊ะผม รู้สึกได้ว่ามันแอบมองผมอยู่หลายครั้งจนบ้างทีถึงกับจ้องจนผมต้องหันไปมองกลับแต่ก็แค่แวปเดียว(แวปเดียวจริงๆ) แล้วก็หันมาสนใจสิ่งตรงหน้าต่อ





ตื่อดื่อ......!!!





เสียงประตูหน้าร้านถูกเปิดออกตอนเวลาสองทุ่มกว่าสงสัยลูกค้าน่าจะเข้า พี่อินส่งสายตาขู่ๆบอกให้ผมออกไปดูผมถึงต้องยอมลุกไปแบบเซ็งๆ

ผมอาจจลืมบอกไปอย่างว่าช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมเหล่าๆลูกค้าที่เคยเข้ามาอุดหนุนส่วนใหญ่(ที่เป็น นักศึกษา) หลังจากสอบเสร็จก็หายหน้าหายตากันไปหมดจนแถวระแวกบ้านผมนี้เงียบจะเป็นป่าช้าอยู่แล้ว แต่ส่วนร้านที่ปังๆหน่อยด็นู้นร้านก๋วยเตี๋ยวอาม้าตรงข้ามนู้น ไม่ว่าจะวันไหนช่วงเทศกาลอะไรคนก็ยังแน่นเอี๊ยด ต่างจากร้านผมเลยลิบลับ



แต่แล้วความคิดวุ้นๆทุกอย่างในหัวของผมก็ถูกหยุดเมื่อผมเดินมาถึงประตู บุคคลตรงหน้าของผมทั้งสองคนที่กำลังยื่นยิ้มกรุ่มกริ่มจนเกือบจะหลุดขำออกมานั้นไม่ใช่ลูกค้า แต่เป็น....


"ป๊า .....เจมส์".

TBC (อาจจะสั้นไปหน่อยแต่จะมาลงต่อให้ไวใน อีพีหน้านะครับผม ^ ^  :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2017 15:03:34 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Falling In Love

หลุมพลางหัวใจของนายหน้านิ่ง

Chapter:38 How...To


(เจ&วิน)




ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้ตัวของผมวิ่งกรู่ไปกอดคนตรงหน้าจนทั้งสองเซถอยหลังจนติดประตู และอาจเป็นเพราะผมดีใจหรือเพราะความคิดถึง จนน้ำตาของผมถึงกับพรั้งพรูออกมาเกมือนสายน้ำที่ไหลกรรโชก แบบไม่ทันได้ตั้งตัว

"เจมส์น้องมึงมันเป็นอะไร ..."เสียงของป๊ายืนยิ้มถามพี่เจมส์ผมอย่างอารมณ์ดี

"มันคงโดนไอวินแกล้งอีกแล้วละมั้งผมว่า"

"ไหนใครมาดึกๆดื่นๆ......ทึ่รัก!" เสียงของพี่อินร้องโหวกเหวกโวยวาย ดังขึ้นพร้อมกับ วิ่งกรู่เข้ามากระโดดกอด พี่เจมส์ จนทั้งผมและพ่อถูกเตะกระเด็นออกจากเฟรม

"ปล่อยให้เขารำรึกความหลังกันไป " ป๊ากระซิบเบาๆที่ข้างหูผม ก่อนจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มของผมพร้อมกับผลักหัวผมไปมา(เหมือนสนุก)และเดินเข้ามาข้างใน

ผมเดินนำป๊าเข้าห้องครัวไปจากในตอนแรกที่มีเสียงคุยกันเจี๊ยวจ๊าวกลับเงียบสงบลงทันทีที่ป๊าผมเดินเข้ามา. . สายตาของไอวินมองมาทางผมเหมือนอยากถามแบบไร้เสียงว่า

"พ่อมึงมาได้ยังไง "ผมเองได้แต่้ส่ายหัวเพราะไม่รู้จริงๆว่าป๊ามาได้ยังไง เหมือนกัน

"สวัสดีครับคุณพ่อ"เสียงหวานๆ(ตอแหล)ของเพื่อนมันเสนอหน้าเข้ามากราบสวัสดีป๊า
ผมจนแทบจะก้มลงไปจูบกับพื้นกระเบื้อง

"ไหว้พระเุถอะไอหนุ่ม แล้วนี้ข้ามาขัดจังหว่ะอะไรเอ็งกันรึเปล่า"ป๊าพูดพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบห้อง

"ไม่เลยครับคุณพ่อ ผมแค่มาทานข้าวเฉยๆครับ"

"อ้าวนี้สรุปเอ็งเป็นชู้ เมียไอเจมส์มันรึไงกัน" พรวด น้ำเปล่าแทบพุ่งออกทางรูหูผม

"ไม่ใช่แล้วครับป๊า. ไอกายมัน ชอบไซด์มินิแบบไอเจต่างหาก" ไอนี้้ก็เสร่อพูดขึ้นมารึเกิน คิดก่อ กบฏ รึไงกัน

แถมไอห่านั้นยังกันมายิ้มใส่ปมไม่ยอมปฏิเสธห่าอะไรสักอย่าง

"เออดีๆบ้านนี้ไม่มีลูกสาว ถ้าอยากได้ก็เอาไป เลยข้า ยกให้ฟรี สำหรับเอ็งข้าแถมข้าวให้สองกระสอบเลย. ฮ่าๆ"นี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่มุกฝืดๆของป๊าไม่ได้ทำให้อารมณ์ผมดีขึ้นเลยแม่แต่น้อยจัมีก็เพียงใบหน้าเรียบๆ เท่านั้นที่ผมจะแสดงออกมาให้เห็นได้ ป๊าหันมามองหน้านิ่งๆของผมและรีบเก็บรอยยิ้ม และเสหน้ามองไปทางอื่นแทน. . .. . . ป๊าคงจะรู้แน่ๆว่าผมในโหมดนี้ไม่พร้อมรับแขกหน้าไหนทั้งสิ้น โดยเฉพาะมัน. .




(วิน)
"มันเป็นอะไรของมันวะไอเสือ " จู่ๆป๊าของไอเจก็หันมาถามผม

"ผมว่าอย่าพึ่งเซ้าซี้มันตอนนี้ดีกว่าครับป๊า ป๊าน่าจะรู้ดีว่าตอนมันวีนแตกมันเป็นยังไง.." ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เจมันโมโหจนเกือบจะพังบ้านได้มันเป็นยังไง เจมันเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก็บความรู้สึกเก่งมากครับแต่ถ้าวันไหนมันเกิดบ้าขึ้นมา รับรองนั่งเหวอ้าปากค้างกันแน่นอน แถมถ้าอยู่ในช่วงอารมณ์นั้น มันจะไม่ฟังใครด้วย ขนาดหัวผมมันยังไม่เห็น จำได้ลางๆว่าครั้งนั้นเกือบโดนนาฬิกาตั้งโต๊ะมันเขวี้ยงใส่หัวเอาตอนผมไปถามเซ้าซี้มัน

"อย่าบอกนะว่ามันโดนสาวหักอก..."ป๊าทำทีถามผมติดขำเหมือนคิดว่ามันเป็นเรื่อง เล็กๆน้อยๆ

"ป๊าคิดว่าอย่างไอเจจะมีสาวๆเข้ามาหาหรอครับ จะมีก็แต่...ป๊าน่าจะรู้ดี"ผมแอบขำหึหึในลำคอ

สมัยตอนเรียนมัธยม หน้าเจมันยังไม่ค่อยปังเหมือนสมัยนี้หรอกครับ เมื่อก่อนมันตัวคล้ำๆหน่อยแต่ก็ไม่ถึงว่าดำอะไรมากออกเหลืองๆ หน้าก็เฉิ่มๆ ถ้ามองผ่านๆมันก็อาจจะดูเฉยๆไม่มีอะไรน่าดึงดูดนัก แต่ถ้าหากใครได้เห็นเวลามันอารมณ์ดีๆหน่อย รอยยิ้มของมันจะมีเสน่ห์มากครับ มันเหมือน ถูกปล่อยออกมาพร้อมกับออร่าของความสุขทำให้คนรอบข้างที่อยู่ใกล้ตัวมัน ต้องยิ้มตามไปด้วย . . . แต่ถ้าหากถามว่าผมรู้ได้ยังไงนะหรอ หึหึ ถ้าพวกคุณๆรู้แล้วอย่าไปแอบบอกมันหลังไมค์นะครับ ว่าผมเองนี้แหละคือหนึ่งในคนพวกนั้น ที่แอบหลงรอยยิ้มของมันโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว มันไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มของมันนั้นมีดาเมทมากแค่ไหน วันๆมันเอาแต่นั่งเอ๋อ อ่านการ์ตูนฟังเพลง ดูผมเล่นบอล แต่ถ้าจะพิลึกๆหน่อยก็ช่วงอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยนี้แหละครับ ช่วงนั้นมันนั่งเครียดกังวนว่าจะสอบไม่ติดที่เดียวกับผมแต่เหมือนนรกยังเปิดทางให้ผมกับมันอยู่ร่วมโลกด้วยกัน เจมันนั่งลุ้นผลสอบจนตัวโก่งและพอประกาศออกมาในเว็ปมันก็ร้องดีใจลั่นร้านคอมและหันมาดึงคอผมไปกอดและหอมอยู่หลายครั้ง และนั้นแหละครับคงเป็นครั้งแรกที่ผมเกิดอาการใจเต้นแรงกับผู้ชายธรรมดาๆอย่างมัน

. . . นอกเรื่องมาซะเยอะเข้าเรื่องในตอนนี้ก่อนดีกว่า
ถ้านึกย้อนเวลากลับไปได้เมื่อช่วงเย็นผมจะไม่พาเจมันไปด้วย เพราะภาพต่างๆเหล่านั้น มันคงกำลังหลอกหลอนจิตใจของเพื่อนผมอยู่ตลอดเวลา ผมรู้จังนิ้ง ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมผ่านจากไอกายแล้วเธอก็หายจากวงโคจร
รของมันในเวลาไม่นาน ผมกับกายเราสนิทกันขั้นหนึ่ง ช่วงนั้นถือว่าแค่พอรู้จักชื่อ ไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ค่อยบ่อย จะเรียกว่าสนิทเลยก็ไม่ได้ เพราะเวลาส่วนใหญ่ผมจะใช้กับเจมันหมดเลย กับกายจึงเป็นเพื่อนที่รู้จักแต่ไม่ค่อยสนิทอาจจะเป็นเพราะเราอยู่คนละห้องด้วยแหละ

แต่ที่ทำให้ผมสนิทกับจนแทบจะเป็นแฝดสยามนี้ก็ตอนเจอหน้ามันในตึกวิศวะ วันปฐมนิเทศ นั้นแหละครับม มองหน้ากันแว็ปเดียวก็ซี้กันแล้ว แต่ผมคงต้องขอให้เราพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเพราะใจความสำคัญตอนนี้ึืคือเพื่อนของผม มันยังซึมทำหน้าหงอยเป็นหมาแดกแฟ็บอยู่เลย

"ไอวิน" เสียงเรียกชื่อผมดังมาจากด้านข้าง

"เออมีไรทำไมต้องกระซิบเนี้ย"ผมหันไปขานรับ ไอเจมัน

"กูไม่อยากให้มันได้ยิน"คงหมายถึงไอกายสินะ

"แล้วสรุปมึงจะบอกอะไรกู"

"เมื่อไหร่มันจะกลับวะ"

"อ้าวกูจะไปรู้หรอ ไม่ได้ผูกจู๋ติดกันนะเว้ย ขามามันก็มาเองขากลับก็คงกลับเองนั้นแหละเชื่อกู"

"เรื่องนั้นกูรู้ แต่ตอนนี้กูไม่อยากคุยกับแม้งวะ ขนาดแค่เสียงหายใจมันกูยังหงุดหงิด "เป็นเอามากนะเพื่อนผมเนี้ย --'

"เอาหน่าป๊ามึงก็อยู่อย่าห่วงเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้เดี้ยวกูเคลียให้เอง แต่ถ้ามึงไม่ไหวก็รีบเดินขึ้นห้องไปพักใจก่อน เดี้ยวกูตามไป โอเคมั้ย " เจมันตอบตกลง และหันไปมองหน้าไอคนที่กำลังประจบพ่อมันก่อนจะเดินขึ้นไป ผมแอบเห็นไอกายมันมองตามเจลากยาวตั้งแต่ตอนที่เดินผ่านมันแล้วทำเมิน จนถึงตอนที่มันก้าวขึ้นบรรไดหายไปบนชั้นสอง สีหน้าของมันนี้ผมคงจะไม่ต้องเอ่ยนะครับว่าหงอขนาดไหน

"คุณพ่อครับเดี๋ยวผมขอตัวออกไปทำธุระก่อนนะครับ"กายมันไหว้ป๊า ไอเจก่อนจะเดิน ตามรอยเมียรักของมันขึ้นชั้นสองไป
. . . . . .
เวลาผ่านไปราวๆชั่วโมงกว่าๆเจมันเดินลงมาพร้อมกับไอคุณชายที่ยืนยิ้มแกล้มปริ จนผิดสังเกตก่อนจะเดินออกไปข้างนอก ขนาดน้องเอินทึ่่นั่งฟุบๆจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ยัง หันไปมองและยิ้มตามทุกกากระทำของมันทั้งสองคน

"ไงมึงเสร็จแล้วดิ"ผมส่งเสียงแซวไอเพื่อนตัวดีที่กำลังเดินกะเพกๆเข้ามานั่งใกล้ๆกับผม เจมันไม่ตอบอะไรได้แต่สงสายตาค้อนมาที่ผม และนั่งหงิมๆดังเดิมแต่ที่เพิ่มเติมน่าจะรอยแดงๆที่คอ สงสัยด้านบนยุงคงจะตัวใหญ่กัดซะเห็นเขี้ยวเลยหึหึ

"ป๊าไปไหน"จู่ๆไอเจก็หันมาถามผมแล้วทำตัวรุกรี้รุกรน

"ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ส่วน พี่เจมส์มึง น่าจะขึ้นห้องไปกับพี่อิน แล้วสรุปเรื่องของมึงกับมันนี้ยังไง"
"อะไรยังไงวะ"ผมทำท่าลนลานหลบสายตาตอนผมถาม

"ก็เรื่องเมื่อเย็นไง หายงอลละสิห่าโดนจัดหนักเลยสิมึง คอแดงเชียว "

"เฮ้ย เห็นรอยด้วยเหรอวะ "เหมือนมันจะยังไม่รู้ตัวครับ

"ไม่เห็นมั้งครับห่า โจ่งแจ้งขนาดนี้"

"แต่กูกับมันไม่ได้มีอะไรกันนะเว้ย มึงอย่าพึ่งเข้าใจผิด"

"จ้าๆไม่มีอะไรๆ"

"กูพูดจริง!"เสียงของมันดูจริงจังขึ้นมาทันทีแสดงว่ามันคงไม่มีอะไรอย่างที่มันบอกนั้นแหละครับ

หลังจากที่มันนั่งแถกับผมจนเหนื่อยน้องเอิร์นสุดที่รักของมันก็เขยิบเข้ามาคุยอะไรกันจุ้กจิ๊ก จนผมทนจั๊กจี๊รูหูไม่ไหวเลยขอตัวออกมา สูบบุหรี่ข้างนอกแต่ทันทีที่ผมกับไอกายกำลังจ่อมวนบุหรี่ไว้ที่ปากภาพของไอเจที่สำลักควันสีขาวๆก็ผุดขึ้นมาในหัวผม อาจจะเป็นเพราะความเคยชินผมถึงหยิบขึ้นมาสูบอย่างไม่คิดอะไรแต่พอสำนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน ผมกับกายเรากันมามองหน้ากันและพร้อมใจหยิบบุหรี่ที่คาบไว้โยนลงถังขยะไป อย่างไม่นึกเสียดายทีหลัง

"กาย"น้ำเสียงเรียบๆติดจะเบาของผมเรียกชื่อกายแต่แปลกที่มันดันได้ยิน

"เออมีไรวะ"

"มึงง้อเจมันวิธีไหนวะ"นี้อาจจะเป็นคำถามที่คาอยู่ในหัวผมตั้งแต่เมื่อกี้แล้วและนี้คงจะเป็นโอกาศดีที่ผมจะได้พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดซักที

"ก็อธิบายให้ฟัง แต่กว่าจะยอมฟังเล่นเอาซะเหนื่อยเลย"กายมันแอบขำเล็กๆตอนพูด

"มึงบอกมันไปว่าไงวะ"อาจจะดูเหมือนผมอยากรู้อยากเห็นจนเกินควรที่ถามมันไปแบบนั้นแต่เจมันก็เป็นเพื่อนผม เรื่องของเจก็เหมือนเรื่องของผมเหมือนกัน

"มึงเป็นอะไรวิน จับผิดอะไรกูอยู่รึป่าว"กายมันเริ่มทำท่าทีแปลกๆตอนผมถามมัน

"ก็แค่อยากรู้ เพื่อนอะเพื่อน " พอเอาคำว่าเพื่อนเข้ามาขู่หน่อยไอกายนี้ก็หวั่นง่ายเหมือนกันครับ

"โหๆมีงอลเว้ย อะๆกูบอกให้ก็ได้"ผมตั้งใจจดจ่อรอฟังที่มันพูด

"กูก็บอกไปว่ากูติดเรียนทำธุระที่คณะเลยไม่ว่างรับสาย"

"แค่นั้น?"

"ก็เออแค่นั้น" แล้วเรื่องที่มันยืนคุยกับนิ้งที่หน้าคณะละเรื่องนี้มันไม่ได้บอกเจหรอกเหรอ

"แล้วหลังจากพักเที่ยงมึงไปไหนต่อ"ผมเริ่ม ถามเกินประเด็นไปแต่ผมก็ไม่ได้สนใจถ้ากายมันจะมองผมไม่ดี

"ก็เรียนเสร็จ กูก็ออกมารอพวกไอบอสไอเบล แล้วก็ออกไปหาอะไรกินกันก็เท่านั้น" ผมเริ่มรู้สึกเคืองๆแทนเจมันขึ้นมา

"หรอ"

"ก็เออดิวะ มึงจะเซ้าซี้กูทำไมเนี้ย"

"กูป่าว ..แล้วตอนมึงบอกเจมันทำหน้ายังไงบ้าง"

"วินกูถามจริงนะมึงมีอะไรอยากพูดกับกูรึเปล่า ไม่ต้องอ้อมค้อมนะถามกูมาตรงๆเลย"ใจจริงผมก็อยากจะถามมันไปตรงๆเลยแต่กลัวว่าจะ มีปากเสียงกันเลยเลืิดที่ตะเงียบไว้

"ช่างมันเหอะ"เซ้าซี้ไปยิ่งทำให้อารมณ์ผมเดือด

"มึงโกรธอะไรกุอีกคนป่าวเนี้ยวิน " กูควรตอบไงดีวะไม่ได้โกรธแต่กูเคืองแทนเจมัน แบบนี้มันจะดูสมเหตุสมผลป่่าววะ

"ก็ป่าว "

"ตอนกูบอกเจมันก็ทำหน้านิ่งๆ ก็แค่นั้นอะ " แค่นั้นของมึงแต่มันแอบซ้อนไปด้วยความจริงที่เถียงไม่ออกผมว่าถ้ากายมันรู้เรื่องที่ผมไปหามันกับเจที่คณะมันคงพูดไม่ออกแน่ๆ


"กูจะบอกอะไรให้นะกาย ความรู้สึกของคนแต่ละคนมันไม่เหมือนกันหรอกนะเว้ย บางคนโมโหง่ายโกรธง่ายแต่หายไวส่วนบางคน อาจจะไม่แสดงความรู้สึกอะไรทั้งๆที่ข้างในมันอาจจะไม่โอเค"

"มึงกำลังจะสื่ออะไรให้กูฟังเนี้ย" ผมพยายามจะบอกอ้อมๆให้มันรู้ไว้ว่าภายนอกที่ดูปกติของไอเจมันแฝงไปด้วย อารมณ์ขุ่นมัวที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของมัน หลายปีที่ผมกับเจเป็นเพื่อนกันมาทำให้ผมได้รู้ ตัวตนของมัน ดี. เจมันเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายกับทุกๆเรื่องโดยเฉพาะการไว้เนื้อเชื่อใจ เรื่องนี้อาจจะเป็นจุดออ่นสำหรับมันมาก และในวันนี้ ผมก็ได้รู้ว่า คนที่ยืนอยู่ข้างมันในตอนนี้เริ่ม แสดงในสิ่งที่เจมันแพ้ทางออกมาให้เห็น

.....
ผมเดินเข้ามาในร้านอย่างหัวเสียหลายคนอาจจะมีคำถามว่า ทำตัวเวอ่ร์ไปรึเปล่า แต่สำหรับผมแล้วเจมันก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของผม ความรู้สึกเจคือสิ่งที่ผมต้องคอยดูแลอยู่ห่างๆ แม้มันเองอาจจะไม่เคยรู้่เลยก็ตาม
แต่พอผมเดินเข้าครัวก็เห็นเจมันนั่งก้มๆซะลึมซะลือเหมือนคนเมา เลยเดินเข้าไปหามัน

"เจ" ผมยื่นมือเขย่าตัวมันที่อยู่ตรงหน้า

"อื่อ..."เจมันเงยหน้าขึ้นมองผมและยิ้มโชวฟันครบสามสิบสองซี่

"กูออกไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไหง สภาพเป็นงี้วะ"แค่ลมหายใจเบาๆของมันผมก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นละมุด ที่ถูกพ่นออกมา
ผมพยายามเพ่งเล็งหา สิ่งของที่เป็นต้นเหตุทำให้เพื่อนผมมีสภาพเป็นแบบนี้ และสายตาผมก็ดันไปสะดุดกับขวดวอดก้าใสๆ ที่วางอยู่ตรงหัวมุมโต๊ะ ผมไม่รู้ว่าเจมันกินไปมากเท่าไหรแต่่สำหรับมันที่ไม่ค่อยถูกกับของพวกนี้แยู่แล้ว ช็อตเดียวผมว่าก็น่าจะเกินพอที่จะ สามารถทำให้สติของเพื่อนผมหลุดลอยเมาจนหัวทิ่มแบบนี้ได้

"ไหวมั้ยมึง จะขึ้นไปนอนป่าวเดี๋ยวดูขึ้นไปส่ง"

"อื่อ...ไหว... ของแค่นี้เองจิ๊บๆ "จิ๊บๆของมันนี้ยกหัวแทบไปพ้นโต๊ะแล้ว

"แล้วเครียดห่าอะไรถึงกินเนี้ยไหนบอกกูว่าเคลียกันแล้ว" พอผมพูดจบเจมันก็พยายามดันหน้าของมันขึ้นจากโต๊ะและกลายมาเป็นซบที่ไหลผมแทน..

"วิน" เสียงๆเรียบๆแต่แอบสั่นๆของมันทำให้ผมต้องเอียงคอหันไปมอง มันใกล้ๆ

"เออ"

"มึงว่ากายมันจริงจังกับกูป่าววะ". คำถามของมันทำเอาผมถึงกับสะอึก

"มันมีอะไรใช่มั้ย"แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ผมก็ัยังอยากได้ยินจากปากของมัน

"กาย...มันโกหกกู" น้ำเสียงของมันเริ่มสั่นๆ

"เรื่องนิ้งใช่มั้ย"มันไม่ได้ตอบอะไรได้แต่พยักหน้าอยู่กับไหล่ของผม

"มันบอกกูว่ามันติดเรียน เลยไม่ว่างรัีบสาย แล้วพอเรียนเสร็จมันก็ออกไปกับเพื่อนมัน ทั้งๆที่มึงและกูก็เห็นว่ามันอยู่กับนิ้ง ...กูจะไม่โกรธไม่คิดมาก หรือโมโหใส่เลยถ้ามัน ยอมบอกความจริงกับกู แต่..."เสียงสะอื้นของเจมันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
"แต่กูก็ฺยัง..แกล้งโง้เชื่อมันไป... ไม่รู้ทำไมวะ.ฮึก..."แขนยาวๆของผมโอบกอดเจไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

"มึงนี่นะ...เจ็บแต่ก็ไม่เสือกพูด "อารมณ์ผมในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะปลอบหรือด่ามันดี

"แล้วจะเอาไงต่อ จะปล่อยให้มันคาใจไปแบบนี้ รึไง"เจมันเอียงหน้าซับน้ำตากับเสื้อของผมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมพูด

" กูยังไม่รู้ว่าควร. .ทำยังไงต่อเลยวะ. ."เจมันตอบผมโดยที่คาบน้ำตายังคงติดอยู่ที่แก้มทั้งสองข้าง

" แล้วมึงจะทนเก็บความรู้สึกพวกนี้ไปตลอดเลยหรอวะ"ผมรู้ว่าเจมันเก่งเรื่องเก็บความรู้สึกแต่ผมสงสารความรู้สึกของมันกลัวว่าถ้าหากมันปล่อยเรื่องนี้ให้คาใจต่อไปเรื่องต่างทันอาจจะยิ่งแย่ไปมากกว่านี้

"กูจะพยายาม. . .มึงก็รู้..กูเก่งจะตาย"แม้มันจะหันหน้ามาส่งยิ้มใหผม้้แต่ ทำไมรอยยิ้มของมันในตอนนี้ถึงได้รู้สึกเหวงแปลกๆเวลาที่ผมมอง ไม่เหมือนร้อยยิ้มที่น่าหลงไหลแบบเมื่อก่อนเลย

"เอาเถอะกูก็ไม่อยากพูดอะไรมากเหมือนกันเพราะกูเป็นคนนอก คงไม่มีสิทธิ์ แต่ยังไงก็คิดดีๆนะมึง ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อ กูจะอยู่ข้างมึงเอง. . ."

"เชี้ยวิน..."เจมันฉีกยอ้มกว้างอีกครั้ง

"เอออะไร"

"กูโคตรรักมึงเลยวะ"มันไม่พูดเปล่ายื่นมามาดึงตัวผม

ตื่อดื่อ...!! เสียงประตูหน้าร้านดังขึ้นเจมันรีบยกมือเช็ดคราบน้ำตาที่ติดอยู่ก่อนจะรีบเดินหลบมุมไปสั่งน้ำมูกและเดินกลับมานั่งที่ดังเดิมด้วยสภาพเบลอๆ




"กาย!!....อยู่ไหนวะ"เสียงที่ดูไม่ คุ้นหูตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังลั่นร้านผมกับเจเรามองหน้ากันอย่างงงๆ พร้อมกับคำถามที่วิ่งเข้ามาในหัวและเอ่ยปากพูดพร้อมกัน

เสียงใครวะ? อันที่จริงแอบตกใจมากกว่าครับดึกๆขนาดนี้แล้วยังมีลูกค้าอีกเหรอวะ หรือจะเป็นญาติโกฝั้งไหนของใครอีก
เจมันยู่ปากเป็นเชิงบอกให้ผมออกไปเปิดถ้าเป็นช่วงอารมณ์ปกติผมคงนั่งเถียงกับมันแล้ว แต่ตอนนี้ผมอยากให้มันพักใจไปก่อนไม่อยากให้มาเครียดเรื่องเกี่ยงกันเล็กๆน้อยๆผม เลยจำเป็นต้องเดินออกมา ดูให้แทน

"กาย..ไอกายมึงอยู่ไหนเนี้ย..."

"โว้ยใครมาตะโกนอะไรเสียงดังวะ นี้บ้านคนนะไม่ใช่ตลาดสด.."ผมส่งเสียงตะโกนแข่งตั้งแต่ยังไม่เห็นต้นตอของเสียงที่ได้ยิน
"กาย..มึง....."เสียงตะโกนเงียบลงทันทีที่ผมเดินมาออกเจอหน้าเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนมัธยมปลาย

"มึงเป็นใครวะมาตะโกน ทำห่าอะไรในบ้านคนอื่น"ไอเด็กนั้นดูหน้าเสียไป รึเป็นเพราะผมตะโกนเสียงดังไปวะมันเลยกลัว

"พี่หวัดดีครับ"อ้าวผมก็งงสิอยู่ๆมาหวัดดีกันทำไม ไม่ได้รู้จักกันซักหน่อย แต่ เอ้ ทำไมไอเด็กนี้มันถึงหน้าคุ้นๆวะแต่นึกยังไงผมก็นึกไม่ออก

"เออหวัดดี"ผมรับไหว้มันปลงๆ "ว่าแต่มันเป็นใครวะแล้วนี้มาหาใครดึกๆดื่นๆ "

"ผมมาหาพี่"

"หากูเนี้ยนะ?"

"ไม่ใช่พี่ผมหมายถึงพี่ผมพี่ชายอะ"อ๋อแล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก

"หน้ามึงนี้คุ้นๆดีวะเคยเจอกูมาก่อนปะ"

"พี่จำผมไม่ได้จริงๆอ่อ" อ้าวไอนี้จำได้กูจะถามเรอะ.

"เออกูความจำสั้น"

"ที่สยาม คราวก่อนไง ที่พี่ช่วยผมจากไอพวกหัวโจกชอบไถตังอะ"และนั้นก็ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายๆเดือนที่แล้ว

"อ๋อ!!!"ผมร้องเสียงหลง "ไอเด็กห่าที่พานักเลงมาชนของที่เพื่อนกูขายสินะ เออๆกูจำได้และ แล้วสรุปมึงมาทำไมวะ"

"โว๊ะพี่พึ่งบอกไปเมื่อกี้ว่ามาหาพี่ชาย ความจำพี่สั้นไปป่ะเนี้ย"เออวะมัวแต่นึกหน้าของไอเด็กนี้อยู่จนลืมไปเลย

"แล้วไหนละเจอยัง"

"ยังอะพี่ผมกำลังหามันอยู่เนี้ย เห็นแม่บอกว่ามันมาหาพี่ที่ชื่อเจเจอะไรนี่หล่ะ"

"แล้วพี่มึงชื่ออะไร"

"ชื่อกายครับ"หือ..ว่าไงนะ

"ใครนะกูขออีกที"

"กายครับกาย "

"นี้มึงบ้านเจริญเกียรติพานิช หรอเนี้ย"

"ครับผม"ตั้งแต่รู้จักกับไอกายมาหลายปีผมไม่เคยรู้เลยว่ามันมีน้องกับเขาด้วย

"ไม่ยักรู้แหะ ...พี่มึงมันอยู่ข้างนอกกับกูเมื่อกี้อะ ตอนมึงเดินเข้ามาไม่เห็นรึไง"

"อยู่แต่รถอะพี่แค่ตัวมันไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน"

"อ้าว งั้นมึงก็ลองโทรหามันสิ"

"ผมโทรแล้วพี่ ไม่มีคนรับอะ "

"วิน มึงมีคนโทรมาหาเพื่อนมึงอะ. . " จู่ๆเจมันด็เดินก้มมอวโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเดินออกมาจากในครัวและเดินมาหาผม

"นี้ไง พี่มึงมันลืมโทรศัพทฺ์ไว้"

"อ้าวพี่หน้าหวาน หวัดดีครับ .." เหมืิอนไอเจมันคงไม่ได้สังเกตุว่าตอนนี้มีใครอีกครยืนอยู่ด้วย มันเงยหน้าขึ้นมองไอเด็กนั้นก้อนจะรับไหว้พร้อมกียทำสีหน้าแบบเดียวกับที่ปมทำเมื่อครู่ เห็นมันแอบหันมาถามผมแบบไร้เสียง

"ใครวะ"

"พี่ก็จำผมไม่ได้อีกคนหรอเนี้ย โห่ ผมไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยรึไง"ไอเด็กนั้นมันทำหน้าจ๋อยใหญ่เลย

"เดี้ยวๆนะ กูคุ้นๆ ขอนึกแปป. . . ใช่ไอเด็กที่เดินชนที่สยามวันนั้นป่ะ"

"ใช่ครับพี่"ไอเด็กนั้นมันวิ่งกรู่เบ้าไปจับไม้จับมือไอเจพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนแกล้มแทบแตก

"โหโคตรดีใจอะ พี่จำผมได้ด้วย ..."

"แล้วทำไมถึงต้องดีใจขนาดนั้นด้วยวะ "

"ก็พี่จำผมได้อะ. . "

"ต้องขนาดนั้น?" ตอนนี้พวกมันสองคนเข้าสู่โหมดสองคนแล้วครับรู้สึกเหมือนตอนนี้ ไร้ตัวตนยังไงไม่รู้. .

"เออๆ แล้วมึงมาทำอะไรที่บ้านกูดึกๆดื่นๆเนี้ย"

"ผมมาหาพี่อะ"

"กูเนี้ยนะ" เหมือนเดจาวูเลยวะ คำถามเดียวกันคำตอบเดีนวกีนเป๊ะๆ

"ป่าว ไอกายอะ"นั้นไง จี้จุดดีมั้ยละ เจมันขมวเคิ้วชนกันทันทีที่ได้ยอนชื่อของไอกาย

"มันมีน้องด้วยหรอวะ ทำไมกูไม่เห็นรู้"

"เป็นปกติเพราะค่อยมีใครรู้หรอก มันไม่อยากให้คนอื่นรู้ผมเองก็ไม่อยากให้ใครรู้เหมือนกัน"

"ทำไมวะ"

"ไม่มีอะไรหรอกพี่ อย่าใส่ใจเลย"

"มึงจะมาตามมันกลับหรอ"

"ป่าวอะ ผมจะมาถามว่ามัน ได้เอา อดิดาสผมไปใส่รึเปล่า ผมหาที่ห้องแล้วมันไม่เจออะ"

"อ๋อ . . เดี้ยวมันก็มาแหละมั้ง ถ้าสงสัยอะไรก็ถามไอนี้ละกันกูจะไปนอนแล้ว."อ้าวเวรโยนขี้มาให้กูอีก

"ทำไมรีบไปจังอะพี่ อยู่รอมันเป็นเพื่อนผมก่อนดิ่"

"ไอนี้ไง ให้พี่ชายกำมะลอของมึงอยู่สิ กูง่วงแล้ว"

"พี่เขาจะฆ่าผมอะดิ่" เอ้าไอเด็กนี้ใส่ไฟกูอีก

""อะไรของมึง กูจะไปทำแบบนั้นกับมึงตั้งแต่เมื่อไหร่"


ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ป้าบบบ!! ฝ่ามือไอเจลอยเข้าที่หัวของผม

"โอ้ย..ไอเจทำอะไรของมึงเนี้ย"เหวอสิครับอยู่ๆก็โดนตบ

"มึงจะไปขู่น้องมันทำไม. . ."ไอเด็กตัวดีนั้นเดินไปหลบอยู่ข้างหลังไอเจ พร้อมกับทำปากพูดแยบไร้เสียง

"ผมขอโทษ"

"ก็มันแม้ง..."

"เออน่าๆมันยังเด็ก อย่าไปทำมัน"

"เดี้ยวๆพี่ใครเด็ก.."จู่ๆมันก็ปล่อยมือจากไหล่ของไอเจและกลับมายืนที่เดิม

"ก็มึงไง ทำตัวเด็กชิบ" ไอด็กนั้นทำหน้าโกรธๆ เหมือนมันจะเคืองที่ไอเจเรียกมันว่่าเด็ก คงจะจี้จุดมันสินะ

"มานี้เลยมึงอะ เมื่อกี้่ ใส่ไฟกูหรอ.. "ผมเดินไปล็อคคอไอเด็กนั้นจากด้านหลังตอนที่มันยังไม่ทันได้รู้ตัว มันพยายามดิ้นหนีผมใหญ่เลยแต่ดิ้นไปก็เสียแรงเปล่าครับยังไงก็ไม่มีทางหลุด

"โอ้ยพี่ผมเจ็บ...ปล่อยดิพี่"

"หึ ปล่อยให้โง่ เมื่อกี้พูดให้ร้ายกูหรอ ไอเด็กเปรต มานี้เอาหัวมึงมาประเคนฝ่ามือกูซะดีๆ "ได้ทีเอาคืนผมก็รัวฝ่ามือเข้าที่กลางหัวของมันไม่ยั้ง แต่ก็ไม่ได้แรงมากหรอก(รึแรงวะ)กะตบแค่หยอกๆเล่นก็เท่านั้น

ตื่อดื่อ....


เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง บุคคลที่สี่ ที่กำลังตกเป็นผู้ถูกกล่าวขานปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางชายหนุ่มทั้ง สามถรุ้ยย. . . ทั้งผมไอเจ แล้วก็ไอเด็กเวนนี้ห้นไปมองพร้อมก้น กับบุคคลที่เข้ามาใหม่

"เกม"

"กาย"

"มึงมาที่นี้ทำไม"เสียงพี่ชายกำลังยื่นหน้ามุ้ยถามน้องมันที่กำลัง ยื่นหายใจ หอบๆอยู่ตรงหน้าผม

"กู..แฮ็กๆ...พี่..ปล่อยผมเถอะ.."เออวะผมลืมไปเลยว่ากำลังล็อคคอมันอยู่ ผมรีบปล่อยให้มันเป็นอิสระแล้วปล่อยให้มัน ยืนคุยกับพี่ชายของมันต่อ


"กูแค่จะมาถาม... ว่ามึง ได้เอาอดิดาทกูไปรึเปล่า..เห็นแม่บอกว่าวันก่อนมึงเข้าห้องกู"

"อย่ามาประสาทกูแค่เข้าไปเอาของ ไม่ได้ยุ่งกับรองเท้าของมึง"

"ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใครวะ"

"แล้วอะไรทำให้มึงมันใจว่าเป็นกูละ"

"ก็มึง...เกลียดกูไง...มึงเลยอยากแกล้งกู อยากทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ มึงอยากให้พ่อเห็นใจมึงใช่มั้ยละ "ผมรู้สึกชาๆตอนทีีได้ยินประโยคเทือกๆนี้

"มึงว่าไงนะ.."ไอกายมันดูจะโมโหที่ถูกน้องตัวเองด่ามันกรู่วิ่งเข้ามาหวังจะกระชากคอเสื้อ แต่ผมวิ่งไปบังไว้ทัน

"เห้ยกาย มึงใจเย็นๆ นี้น้องมึงนะ"ผมพยายามพูดปลอบประโลมให้มันใจอ่อน

"มันไม่ใช่น้องกู. .แล้วกูก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นน้องกูด้วย" ผมสตันกับคำพูดที่มันพูดกับไอเด็กนี้ แรงไปป่าววะ

"อ๋อทำยังกับกูอยากมีพี่อย่างมึงนักสิ ทำนิสัยเห็นแก่ตัวไม่เคยเห็นหัวคนอื่น มองคนรอบข้างเป็นแค่เศษอะไร มึงมันมันไม่มีหัวใจ ไอ้คนไม่มีหัวใจ"จบคำพูดของไอเด็กนี้กายมันถึงกับยืนเงียบไม่พูดอะไรสักคำ..จนบรรยากาศรอบตัวผมในตอนนี้แม้งโคตรจะวังเวง ไอเจรายนี้ก็เงียบยืนฟังตั้งแต่ต้นแล้ว ไหงผมต้องมาเจอกับไอคู่พี่น้องนี้อีกเนี้ยโอ้ว ชีวิต


"พี่ๆงั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ .."ไอเด็กนั้นหันมาไหว้ผมกับไอเจ พร้อมกับพาหน้าจ๋อยๆของมันเดินชนไหล่ไอกายออกประตูไป..

"เจ กูต้องกลับก่อนนะ ไว้ถึงบ้านแล้วโทรหานะ " ผมรับรู้ได้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่ถูกส่งจากทางสายตาและคำพูดของมัน แม้ใบหน้าจะยิ้มกริ่มแต่ผมว่า มันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น ไม่รู้สิ ผมดูหนังบ่อยเห็นอาการมันคล้ายๆกันก็เลยว่าตามกันไป กร้ากก!!! (เงียบกริ้บ)


. . . . . .. . . .


เวลาเกือบเที่ยงคืนกว่าๆ ผมยังคงนั่งหน้าสหลอนอยู่ในบ้่านคนอื่นเขาหน้าตาเฉย ไอกายและน้องของมันกลับไปได้สักพักแล้ว ส่วนเพื่อนตัวดีของผมมันก็เอาแต่นั่งเอาคางเกยกับโต๊ะพลิกโทรศัพท์ไปมาเป็นชั่วโมงแล้วหลังจากที่มันวางสายจากไอกายได้แค่ห้านาที

"เจ".. . .ผมไม่รู้จะชวนมันคุยอะไรเลยวะ


"ฮือ.."

"ไปนอนกันเถอะป่ะดึกแล้ว".

"มึงก็ขึ้นไปนอนดิ กูยังไม่ง่วง"

"กูกลัวผีไม่อยากไปคนเดียว.."

"โตขนาดนี้แล้วมึงยังจะกลัวอีกหรอวะ.." มันบ่นๆแตหน้า่ก็ยังแนบหน้าไว้ที่โต๊ะ
"เออกุป๊อดพากูไปนอนทีดิ"ผมนั่งเซ้าซี้มันอยู่นานจนมันทำเสียงจึ๊ปากใจอ่อนยอมพาผมขึ้นมาบนห้องนอน


. . . . .

"พามาส่งถึงที่แล้วนะครับคุณชายวิน คราวนี้ก็นอนให้หลับละแล้วไม่ต้องเสือกสะดุ้งตื่นมาอีกนะ"พอมันพูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไปลูกเดียว แต่ผมเรียกรั้งท้ายมันไว้ทัน

"เจ"

"เออ"มันเบรคกระทันหันและแนบหน้าแบ้วๆของมันไว้ที่ประตู

"คือ..."โอ้ยผมไม่อยาก แสร้งถามละโว้ยถามแม้งไปตรงๆนี้ละ

"มีอะไรวิน.."น้ำเสียงมันดูอ่อนลง เมื่อเห็นผมทำหน้าจ๋อย

"มึงยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่ใช่มั้ย" เท้าที่กำลังก้าวเข้ามาหยุดชะงักเมื่อผมเปิดประเด็นขึ้น

"ป่าวซะหน่อย"มันพยายามยิ้มกลบเกลื่อน แต่เพราะผมรู้จักมันดีไง ถึงรู้ว่า มันกำลังแกล้งยิ้มให้ผมอยู่

"แล้วทำไมมึงยังไม่นอน"

"ก็กูยังไม่ง่วง ..แล้วไหนมึงบอกอยากนอนไงถึงห้องแล้วก็นอนไปสิ อย่าเซ้าซี้ดิ่"

"เจ!"

" ไม่มีอะไรจริงๆ ดูดิกูยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหูแล้วเนี้ย"

"ไอเจ"...น้ำเสียงผมเริ่มดุดันขึ้น เจมันเริ่มหลบสายตาผมและยืนก้มหน้ามองพื้นแทน

"กูเป็นเพื่อนมึงมาสิบกว่าปีแล้วนะเจ ต่อให้้มึงจะเก่งเรื่องเก็บอาการแค่ไหน แต่่มึง หลอกกูไม่ได้หรอกนะ . แขนขามันเริ่มไม่อยู่สุข เขี่ยนั้นนี้ไปมา ..นั้นแหละครับอาการของเด็กขี้โกหกอย่างมัน

"กูเกลียดมึง.วะ วิน"...อะอ้าวเมื่อกี้ตอนอยู่ข้างล่างยังบอกรักกูอยู่เลย. . .

"เกลียดกูทำห่าอะไรอีกเนี้ย.."

"ก็มึงแม้ง... มันใช้มือข้างนึงปาดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม และแม้สายตาคู่นั้นจะเอ่อล้นไปด้วยน้ำใสแต่ปากของมันดันหลุดขำออกมาซะนี้ ผมเลยไม่รู้เลยว่าสรุปมันอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่

"สู่รู้ไปซะทุกเรื่อง.. เรื่องของชาวบ้านนี้รู้ดีจังนะมึงอะ. . ."ผมเดินลุกจากเตียงเดินตรงไปที่มันและดึงเข้ามากอดและกดหน้าของมันให้ซบลงที่อกของผม อย่างน้อยก็ขอให้มันช่วยผ่อนคลายอะไรได้บ้าง แม้อาจจะอุ่นไม่เท่า ไอกาย(คิดไปเอง)แต่ผมว่า อย่างน้อยเวลากอดผมเจมันก็คือเจ ไม่ใช่ใครอื่นและไม่ต้องแกล้งแสดงอะไรเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกดี

"กูได้มึงมาทั้งนั้นไม่ต้องแปลกใจหรอก ว่ากูขี้เสือกเหมือนใคร. . "เจมันฟุบหน้ามันลงกับอกใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อของผมข้างนึง(แอบสยิว)และ ฟู่ดดดด!!

น้ำมูกครับเต็มเสื้อกูเลย แต่พอได้เห็นรอยยิ้มมัน ผมก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากด่าอะไรมัน . . .

"ไง สบายใจแล้วสิมึง. . ทั้งหายทุกข์และสะใจในเวลาเดียวกัน ทรูอินวันมั้ยละมึง "

"มึงยังมีหนี้แค้นกับกูอยู่นะไอวินกูยังไม่ลืม..." อ้ะ..อ้าวผมก็นึกว่า..การที่ผมดูแลเทคแคร์เอาใจใส่อาจจะช่วยลบล้างความผิดที่ได้เคยทำไว้ ให้ลดลงได้บ้าง แต่เปล่าเลยครับ แม้งความจำดี... โดยเฉพาะไอเรื่องจิกกัดผมเนี้ย ดีนักแล. . .

"นอนเถอะ..กูง่วงแล้ว..." ระหว่างที่ผมกำลังเหม่อๆคิดอะไรคนเดียวไอเจมันก็รีบวิ่งกรู่กระโดดขึ้นเตียงยึดอาณาเขตผมไปเป็นที่้เรียบร้อยแล้วครับ แต่มีหรือผมจะยอม. ..

กูไม่นอนข้างล่างหรอกโว้ย...

และแล้วสงครามหมอนข้างสำหรับผมและไอเจเพื่อแย่งชิงอาณาเขต(ที่นอน)ก็เกิดขึ้นอย่างทุลักทุเล. . .ด้วยขนาดร่างกายที่ต่างกันเจมันเลยแทบใช้หมอนตีไม่ถูกผมเลย จะมีก็แต่ผมนี้แหละ ตีมัน จน ตัวเองแอบขำหึหึอยู่ในหัว แต่ใจนึงก็แอบสงสารมันนะครับ เลยปล่อยโอกาสให้มันตีผมคืนบ้าง . . . .ผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงทั้งผมและมัน ต่างหมดแรงที่จะเล่นกันแล้วเลยหยุดสงครามไว้เพียงเท่านี้ (เหตุด้วย ป๊าไอเจมันเดินขึ้นมาบนห้องแล้วบอกถ้ายังไม่หลับไม่นอนกันจะเอาลูกซองมายิง )ได้ยินอย่างงั้น ทั้งผม และไอเจก็รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมโปงเลยละครับ

และใช้เวลาเพียงไม่นาน จากร่างกายที่พึ่งออกกำลัง ลมแอร์เย็นๆ ทั่วห้องเลยทำให้ผมและไอเจ เผลอหลับไปโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน . . .


รุ่งเช้าของวันใหม่ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้น ด้วย กลิ่นข้าวต้มหอมฉุยที่ลอยมาจากห้องครัวข้างล่าง แต่ไอคนที่นอนอยู่ข้างๆผมนี้สิมันยังไม่ยอมตื่น ไอช่วงเสี้ยววินาทีแรก ผมมีความคิดอยากจะแกล้งมันตอนหลับแต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า(กลัวบาป) แต่ในอีกแว็ปนึงผมก็นึงอะไรเจ๋งๆออก แล้วก็คิดทบทวนแล้วแหละว่ามันน่าจะดี(สำหรับตัวผม) เลยรีบจัดแจงท่า และแช๊ะ ไปหลายรูปก่อนที่จะรีบวิ่งลงมาข้างล่างอย่างอารมณ์ดี. . .


ผมรีบวิ่งตรงดิ่งเข้าห้องครัว กะจะมาบอกมอนิ่งป๊ากับเจมส์ซะหน่อยแต่แป่ว. . . มีแต่พี่อินครับที่ยืนวุ่นๆอยู่ในครัวเพียงคนเดียว

"พี่อินแล้วป๊ากับเจมส์ละครับ ยังไม่ตื่นกันหรอ" พี่อินวางทัพพี่ที่กำลังคนๆอยู่หม้อ ก่อนจะหันมาตอบผม

"ออกไปทำธุระดันตั้งแต่เช้ามืดแล้วหล่ะ กลับมาอีกทีคงดึกๆ"

"โห เช้าไปป่าวอะนี้พึ่งหกโมงกว่าๆเองนะพี่"

"เผื่อเวลาเดินทางด้วยน่ะกลัวสายๆแล้วรถจะติด. .."

"ไอเราก็เกือบจะดีใจแล้วเชียว นึกว่าที่มาหาเพราะคิดถึง ทีีแท้. . ก็เพราะงาน โถ่.." คิดแล้วมันน่านอยนะครับทั้งพ่อทั้งพี่เลยเฮ้อ

"ไหงพูดอย่างนั้นละ ไม่รู้เหรอว่าจริงๆ เขาต้องเดินทางกันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เลือกที่จะมาบ้านก่อนเพราะทนคิดุถึงลูกชายของเขาไม่ไหวถึงต้องรีบมาหาไง. . ลองคิดดูดีๆสิ"

"หึ จะถูกตะผิดยังไง พี่อินก็คงเข้าข้างเจมส์มันสินะ

. .

"ก็มันคือเรื่องจริง เอ๊ะกรือจะเถียง. . "แล้วทำไมต้องทำหน้าโหดขนาดนั้นด้วยละค๊าบผมแค่หยอกเล่นเองพี่อินก็..

"แหม่ๆคนอะไรเนี้ยขนาดโมโหยังสวยอยู่เลย เอิ้กๆ "


"อย่ามาปากหวานกลบเกลื่อน ชั้นไม่เขิลอายหรอกย้ะ"แล้วไอที่บิดไปบิดมานั้นคืออะไรเหรอคร้าบพี่อิน

"แล้วนั้นเองนังไม่ตื่นอีกเหรอ ขี้เซ้าแน่ๆเลยอย่างนี้พี่คงต้องขึ้นไปปลุกด้วยตัวเอง"

"เอ่ออย่าเลยครับพี่อินปล่อยให้มันนอนไปนั้นแหละเดี้ยวถึงเวลามันก็คงมาเองนั้นแหละ" พี่อินพยักหน้าเข้าใจให้ผมและหันหลังกลับไปตั้งใจทำอะไรอยู่ในหม้อต่อ ระหว่างนั้นผมก็นั่งๆนอนๆหยิบนิตยสาร หลายแหล่ที่วางกองอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน

"เออ จริงด้วย เจ.!!!."ระหว่างที่ผมกำลังส่องนางแบบลูกตฝครึ่งนางหนึ่งอย่างสบายอารมณ์พี่อินก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังจนผมนี้แอบสะดุ้งตามเลย

"ผมอยู่ตรงนี้ค้าบ ตกใจหมด . . "

"เมื่อคืนอะ. . ตอนเจขึ้นไปนอน. . มีคนมาหาแหนะ"คนมาหา. .. ตอนที่ผมขึ้นไปนอน.(ผมเริ่มคิดๆตาม) . .ตีหนึ่งตีสองอะนะ . .ใครจะมาวะดึกดื่นขนาดนั้น

"ใครหรอพี่. ."

"น้องอะตอม"ผมรู้สึกแปลกๆตอนได้ยินชื่อของมัน แต่ก็ไม่ใช่เพราะผมโกรธอะไรมันหรอกนะครับเพียงแค่ช่วงนี้ผมกับมันไม่ได้เจอกัน(นานมาก)กี่อาทิตย์แล้วก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆหลังจากที่มัน เอ่อ


...
บอกชอบ ผมในวันนั้น มันก็หายลิบลิ้วไปจากวงโคจรผมเลย ทั้งๆท ี่คนที่ควรจะคิดมากควรเป็นผมไม่ใช่มันแต่ก็นะ

. .
ตื่อดื่อ. .. . เสียงประตูหน้าร้านดังขึ้นผมและพี่อินหันมามองหน้ากันและกำลังเกี่ยงว่าใครจะเป็นคนออกมาดู. .แต่ก็ไม่ต้องลุ้นให้เสียเวลาครับ. ..คนที่มาก็คือผมนี้แหละเล่นส่งสายตาพิฆาตมาขนาดนั้นมีหรือผมจะกล้าหือ...

"มาแล้วคร้าบบ"ถ้าวที่จะก้าวของผมหยุดชะงักเมื่อคนตรงหน้าส่งยิ้มที่สดใสของมันมา ใบหน้าหล่อๆคิ้วเข้มๆ ของมันในวันนี้ยังดูมีเสน่ห์เหมือนทุกๆที....

"ไงมึงได้ข่าวเมื่อคืนมึงมา...."ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยคบุคคลตรงหน้าก็เดินกรู่เข้ามากอดผมไว้ซะแน่น...

"เฮ้ย อะตอม มึงปล่อยก่อนเดี้ยวมีใครมาเห็น...จริงๆแอบตกใจครับอยู่ๆเดินมากอดเสย ไม่พูดไม่จาอะไรด้วย ผมพยายามใช่มือทับที่แผ่นหลังของมันอยู่หลายทีแต่เหมือนจะไร้ผลครับแม้งไมได้่รู้สึกห่าอะไรเลยสักนิด สิ่งที่ผมทำได้ต่อจากนั้นก็คือ ยืนนิ่งๆใก้มันกอดอยู่อย่างนั้น เดี้ยวมันเมื้อยก็คงจะยอมปล่อยไปเอง...

"เจ..กูมีเรื่องจะบอก..."หลังจากที่เงียยไปนานในที่สุดมันก็ยอมพูด

"เออ..แต่ก่อนจะบอกช่วยปล่อยกูก่อนได้มั้ยห่ากูอึดอัด..."แต่เหมือนเสียงของผมยังดังไม่ถึงโสตประสาทของมัน พูดขนาดนี้แล้วยังนิ่งอยู่อีก ...เออเอาวะ อยากทำไร ทำเลย...ยังมึงก็ไม่ได้ยินกูอยู่แล้วนิ่

"คือ..เรื่องที่กูบอกกับมึงในวันนั้น มึงยังจำได้ใช่มั้ย"ผมเผลอกลืนน้ำลายดังเอื้อกก็มันเล่นเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาซะได้...

"เรื่องไหนวะ.."ผมแกล้งโง่ไปตามระเบียบแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความจริงที่เถียงไม่ออก

"ที่กูบอกชอบมึง..."

"กูนึกว่ามึงพูดเล่น"ผมละอยากให้มันเห็นสีหน้าของผมในตอนนี้จริงๆเหวอชิบหาย

"กูจริงจังนะ....แล้วกูก็กลับไปคิดทบทวนความรู้สึกของกูมาแล้วด้วยจนในที่สุดกูก็ได้คำตอบ..."ทำไมแรงกดดันในข่วงนี้มันเหมือนตอนที่ผมกำลังลุ้นหวยเลยวะ

"แล้วคำตอบของมึง..."

"คำตอบของกู...ก็คือ...กูชอบมึงจริงๆเจ"เชี้ยหน้าผมตอนนี้คือช็อคมากคือไม่ได้รังเกลียดแต่คือช็อคช็อคอะช็อค...

"เจ"

"หะ...ห้ะ"น้ำเสียงผมโคตรสั่น

"ให้โอกาสกูได้มั้ย...."

"โอกาส..โอกาสอะไรวะ"เคยมั้ยครับแม้เราจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็ยังอยากได้ยินจากปากของคนๆนั้น

"ขอโอกาส ให้กู..ได้จีบมึงได้มั้ย..."

ช็อคซีนีม่า..รอบที่สาม....กูควรตอบไงดีวะเนี้ย

จะบอกว่ากูไม่เคยคิดกับมึงในทางแบบนั้นเลยก็กลัวจะทำลาย ความสัมพันธ์ ในเวลาแบบนี้ ผมควรจะพูดอะไรออกไปดีวะ
ใครก็ได้ช่วย ผม!!ด้วยยยยยยยยนยยย!!!!

TBC. . . . .. #kim


 :katai4: กำลังรีบปั่นอย่างต้อเนื่องไว้จะมาลงต่อนะคร้าบ !!

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Falling In Love

หลุมพลางหัวใจของนายหน้านิ่ง

Chapter:39 เปิดเทอม..


"ให้โอกาสกูนะ.."ถ้าพวกคุณๆตกอยู่ในสถานการณ์แบบผมๆเชื่อว่าความรู้สึกของทุกคนคงไม่ต่างจากผมในตอนนี้เลย...ทั้งๆที่คำถามมันง่ายแต่การให้คำตอบนี้โคตรยาก. . ผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มที่ตรงไหนดี..


"ว่ายังไงละ..."อีกฝ่ายนี้ก็คะยั้นคะยอจะเอาคำตอบจากผมให้ได้ . . . . มึงไม่ได้รู้ห่าเหวอะไรเล๊ยว่ากูจะหนักใจมากแค่ไหนในการให้คำตอบพร้อมกับรักษาน้ำใจไว้ด้วยเนี้ย

"เอ่อ..คือ..อะตอม..คือยังไงดีละ. . .คือกูก็รู้สึกดีนะเว้ย แล้วก็ขอบใจด้วยที่มึง...มีความคิดที่ชอบคนบ้าๆแบบกู..แต่..."
"มึงไม่ได้ชอบกูใช่มั้ยละ"น้านไงรู้ใจกูอีก. . .

ผมพยักหน้าเบาๆจริงๆไม่อยากทำด้วยซ้ำอะกลัวมันเฟลและหนีหายไปเหมือนคราวที่แล้วอีก อย่างน้อยอะตอมมันก็ถือเป็นเพื่อนที่นิสัยดีใช้ได้เลยคนนึง แล้วถ้าอะไรๆมันต้องเปลี่ยนไปเพียงเพราะผมปฏิเสธ..เรื่องทุกอย่างมันคงแย่...


"กูขอโทษนะอะตอม .." อะตอมมันทำหน้านิ่งจนผมเดาทางอารมณ์ของมันไม่ถูกสรุปตอนนี้มันรู้สึกยังไงวะเสียใจรึเปล่าผมควรจะปลอบมันดีมั้ย....

"ไม่ต้องขอโทษหรอก กูเข้าใจ"คำตอบที่ได้ยินทำให้ผมมีความกล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับมันอีกครั้ง

"แต่กูรู้สึกผิดวะ"

"มึงไม่ผิดหรอก ถ้าจะมีใครผิดคนๆนั้นคงเป็นกูเอง .."

"มึงอย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิวะ..."

"ผิด ...ผิดที่กูยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลยต่างหาก.."

"ห้ะ..หมายความว่าไงวะ อะไรเริ่มไม่เริ่ม"ผมตามอารมณ์มันไม่ทันจริงๆวะเดี้ยวทำหน้าบึ้งอีกเดี๋ยวก็ยิ้ม เป็นไบโพร่าป่าววะ

"มันจะเริ่มต่อจากนี้ต่างหาก ตอนนี้ไม่ได้ชอบก็ไม่เป็นไรแต่กูเชื่อว่าสักวันมึงคงยอมตอบตกลงแน่ๆ"เชี้ยมันคิดไปถึงไหนแล้ววะเนี้ย

"เอ่อ...อะตอมกูว่า...."

"น่า ลองดูไม่เห็นเสียหาย ถ้าคำตอบในวันข้างหน้ายังเหมือนเดิม กูจะเป็นฝ่ายถอยออกมาเอง โอเคมั้ย"แล้วการที่ผมปล่อยให้มันแถะโลมอย่างนี้ไปเรื่อยๆมันไม่เหมืิอนการให้ความหวังรึไงวะ...


"คือ.."พูดยากวะเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอผมพูดอะไรไม่ออกทั้งๆที่มีคำพูดอยู่ในหัวเป็นร้อยประโยค

"อ้าวน้องอะตอมมาทำอะไรแต่เช้าเนี้ย ทนคิดถึงพี่ไม่ไหวหรอ..ถึงต้องมาตั้งแต่ไก่โห่ขนาดนี้"ทั้งผมและอะตอมหันไปมองบุคคลที่เดินเข้ามาจากด้านหลังโชคดีหน่อยที่มันปล่อยผมออกจากอ้อมอกของมันแล้วไม่งั้นมีหวัง..เห็นช็อตเด็ดแน่ๆเลย

"ครับผม. . ."มั้นยืมยิ้มจนแกล้มปลิส่วนพี่อินนี้ก็เขินจนตัวบิดตัวงอ"แต่สาเหตุที่ผมมาจริงๆแล้วคือผมมาจีบ...."ฟุ้บบ ไอเชี้ยมันจะพูดอะไรไม่รู้แต่มือผมนี้โคตรไว บินไปเกาะปากมันไว้แล้ว...


"อื้อ..."

"มันแวะมาซื้อหนมจีบอะพี่.. . มันก็เลยเข้ามาถามทางผมเพราะมันไม่ใช่คนแถวนี้ ใช่มั้ยมึง..."ผมหันไปเบิกตากว้้างให้มันเห็นแค่คนเดียวส่วนเสียงที่เปล่งออกมานี้รอดไรฟันมาทั้งนั้นครับขู่เข็นได้อีก
อะตอมมันพยักหน้าหงึกๆ ด้วยท่าทางกลัวๆ แต่ก็ยังหลุดยิ้มๆออกมาทางแววตาที่ตี่ๆของมัน.


"ร้านติ่มซำแถวนี้ยังไม่เปิดหรอกนะ จะเปิดก็ช่วงบ่ายๆอะจ้ะ...แล้วนี้มาแต่เช้ากินอะไรมารึยังเอ่ย..รีบกลับรึเปล่าอยู่ทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนสิ..."จบคำพูดของพี่อินไอคนข้างๆผมก็สั่นหัวยังกับเจ้าเข้า แทนคำตอบให้พี่อิน รีบตอบเลยนะมึง..

และก่อนที่พี่อินจะเดินหมุนตัวยังกะหลุดมาจากแคสวอคหันหลังกลับเข้าครัวไปก็กวักมือเรียกให้อะตอมมันเดินตามเข้าไป... ด้วย. . .และจังหว่ะนั้นเองไอห่าวินมันก็กระโจนโผ่ลออกมาจากขอบบรรได..คือกูตกใจไงนึกว่าผีจูออน....แต่ทำไมมันทำหน้ายิ้มกรุ่มมกริ่มมีความสุขขนาดนั้นวะ...

"เป็นห่าอะไรเนี้ย เมาเนื้อหรอมึง..ยิ้มไม่หุบเชียว..."


"อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วไม่มีใครรู้นะมึง หน้าต่างมีหูประตูมีซ่อง.."

"ช่องๆซ่องพ่องสิ " สำนวนไทยเขาเสียหมด..." มันทำตาเจ้าเล่ห์และพยายามยื่นมายาวๆของมันมาเกาคางผม

"เมื่อกี้อะ...กูเห็นนะ..แหนะ..ๆ"เห็น..เฮ้ยอย่าบอกนะว่า
..
"เห็น..เห็นอะไรวะ..."ผมรีบแถโดยอัตโนมัติแต่เรื่องประเด็นหลักๆคือมันได้ยินช็อตสำคัญที่อะตอมมันพูดกับผมด้วยรึเปล่า...แล้วถ้าเกิดมันได้ยินขึ้นมาละ..โอ้ยไมาอยากคิดตาม..วินรู้โลกรู้

"ก็ตั้งแต่ช็อตที่ไอแมงวันนั้น มันเดินมากอดมึงอะ..รวมถึงฉากบอกรักกุ๊กกิ๊กนั้นอีก..มึงนี้หลายใจวะเลือกสักคนสิวะแล้..อย่าคิดสวมเขาให้เพื่อนกูเชียว.."ช็อคสตั้นไปสามสิบแปดวิเลยกู....แม้งรู้ตั้งแต่ต้นยันจบเลย..แต่ๆเดี๋ยวๆนะสวมเขาอะไร

"สวมเขาพ่อง กูยังไม่ทันได้ตอบอะไรมันเลย..."

"แต่มึงก็ไม่ปฏิเสธมันไง..นั้นแหละคือมึงมีใจ.."โอ้ย ผมควรพูดยังไงให้มันเข้าใจดีวะเกิดมันเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่ถึงหูกายผมไม่ตายเอาหรอ.. รายนั้นยิ่งอารมณ์ร้อนอยู่ด้วยฟังใครที่ไหน


"คือมันไม่ใช่แบบนั้นโว้ย..คือ..."

"พอๆไม่ต้องชักว่าว..ทั้งห้า"

"แม่น้ำ..!!!"เสื่อมตลอดเพื่อนกู แต่แปลกทีีผมก็ตามแก้ให้มันทุกมุขแฮ่!! พอ.

"เออนั้นแหนะๆ จะเอาไงก็แล้วแต่มึงเหอะ...ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับฟีลเว้ย ดูท่าแล้วกูว่าสายเปย์ชัวรฺ์ คบๆไว้เลี้ยงดูเล่นก็ไม่เลวนะ..."ป้าปป เข้ากระบาลเรียกสติหน่อยเห็นกูเป็นคนแบบไหนเนี้ย

"ในหัวมึงนี่มีแต่เรื่องๆเลวใช่มั้ยห้ะ..ยัดเยียดต้นงิ้วให้กูตลอด..แค่เพื่อนมึงคนเดียวกูก็จะบ้าแล้ว..ขืนมีอีก กูคงย้ายไปนู้น..ศรีทันยา...

"แหม่กูก็แค่พูดไปตามที่เห็น....ไม่เห็นต้องร้อนตัวอะไรขนาดนั้น.."ใคร ใคร่ ใครร้อนตัวกัน ไม่มี๊!!!!

"แต่ยังไงก็เหอะมึงอย่าพึ่งไปบอกไอกายเรื่องนี้นะเว้ย เดี้ยวแม้งนอยกูอีก เผลอๆบุกมาฆ่ากูถึงบ้าน..."คงไม่ต้องเล่าถึงวีรกรรมที่ผ่านมาของมันนะครับว่าเป็นยังไง..

"กูไม่บอกหรอก..ส่วนเรื่องคริปกูอะมึงก็ห้ามเอาไปให้มันดูเด็ดขาดเลยนะ..ถ้ามึงทำนะ..หึหึ"

"เออ.กูรู้น่า แล้วนี้มึงจะไปไหนต่อรึเปล่า ไหงตื่นเช้าจังวะ.."

".แค่นอนไม่หลับกระสับกระส่ายพลิกซ้ายพลิกขวา...กะว่าสายๆจะเข้าบ้านไปหาป๊าอะ"

"ป๊ากูอะนะ"

"ห่าไรละพ่อกูเนี้ย...เห็นพี่แหวนบอกว่ามีผู้ใหญ่มาบ้าน เลยอยากให้กูเป็นหน้าเป็นตาให้วงตะกูล"

"ให้มึงเนี้ยนะ...กูว่าถ้าป๊ามึงเลือกพี่แหวนยังจะโอเคกว่า.."ทั้งสวย เรียบร้อย พูดน้อยแถมทำงานเก่ง อีกต่างหาก...

"ก็เขาอยากให้กูไปไง กูเลือกได้ที่ไหนละ..อีกอย่างพี่แหวนก็ดันเห็นด้วยนี้สิกูเลยไม่รู้จะปฎิเสธยังไงเลย." เจอทั้งหน้าทั้งหลังขนาดนี้ผมว่าคงหลุดยากละครับ และสิ่งทีีผมสามารถทำให้ไอวินมันสบายใจขึ้นนิดหน่อยในตอนนี้ก็แค่คำปลอบใจเล็กๆน้อย ที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการให้กำลังใจหรือซ้ำเติมกันแน่..


"สู้ๆนะมึง"

. . . .. . . . .

ช่วงสาย จนเกือบจะเที่ยง(นั้นเรียกสายหรอ) วินมันขับบีเอ็มป้ายแดงของกลับวังมันไปแล้วครับ ส่วนนายอะตอมหลังจากที่มันเข้าครัวไปพักใหญ่กับพี่อินมันก็เดินออกมาด้วยน่าตายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนกับได้ยาดี...อะไรเข้าสักอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ยปากถามมันไปหรอกนะครับ ตอนนี้ขออยู่เงียบๆ สงบสติ หาทางเคลียร์เรื่องของผมกับมันให้ชัดเจนก่อนเลยดีกว่า... .. . แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดยังไงในหัวของผมนอนนี้กับมืดสนิท...ไม่มีความคิดอะไรเลย มันว่างเปล่าโหวงเหวง... เหมือนอยู่ในช่วงที่เรียนได้แค่ไม่กี่วัน แล้ววันถัดมาก็ต้องสอบอะไรทำนองนั้นเลย
. . ..


"ไง..นั่งเหม่ออะไรคนเดียวเนี้ย ไม่ได้เหม่อเพราะคิดถึงกูหรอกใช่มั้ย... ไอคนที่ผมพึ่งบ่นถึงมันเมื่อตะกี้ตอนนี้มันมานั่งข้างๆผมแล้วครับ แถมยังวางจานที่มีอะไรไม่รู้ รูปทรงแปลกๆดูละม้ายคล้ายๆเยลลี่สีบูดๆ ไว้ตรงหน้าผม

"วอทอีท ดิส..." ผมงงปนแปลกใจจริงๆว่าไอสิ่งที่หน้าตาเหมือนขยะบูดนี้มันคืออะไร อะตอมมันคลี่ยิ้มจนตาตี่ก่อนจะตอบผม
"ขนม หม้อ แกง...

ห้ะๆ ขออีกทีสิ

"มึงมั่นใจว่านี้คือหม้อแกง กูว่ามันเหมือน ขนมแป้งบูดเลยวะ..เอาไปทิ้งไป" ไม่ได้รังเกลียดอะไรมันหรอกนะครับแต่สภาพเหมือน..อึ..ขนาดนี้ผมกะเดือกไม่ลงจริงๆ

"เสียใจนะเนี้ย..อุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้.."มันเอาช้อนจิ้มๆขนมของมันพร้อมกับทำหน้าซึมๆ

"มึงกล้ากินเองรึเปล่าละ...ผมถ้าทายแต่ไม่คิดว่ามันจะทำจริงๆ ..หมับ..ลงคอไปเป็นที่้เรียบร้อยแล้วครับ ผมทำหน้าแหยงๆพร้อมกับลูบขอของตัวเองขึ้นๆลงๆ อึ้ยย


"แดกได้จริงๆหรอวะนั้น..."

"ได้สินี้ทำมาให้คนกินนะ" พอเห็นมันทำหน้าตาจริงตังขนาดนั้นผมก็เริ่มมีความกล้าที่อยากจะลองขึ้นมานิดหน่อย(นิดหน่อยจริงๆ)คือถ้าสภาพรูปทรงมันโอเคมากกว่านี้ ผมคงรีบกินจนหมดแล้วแต่นี้มัน....

"เออๆ ไหนๆก็ทำมาแล้วนิเนอะ..."ผมนั่งทำใจไปพักนึงก่อนที่จะเริ่มหยิบช้อน ขึ้นตักอย่างกล้าๆกลัวๆ..และหมับ....เข้าปากผมเป็นที่เรียยร้อย ผมกลั้นหายใจเคี้ยวแปปนึงและค่อยๆกระเดือกลงคอแต่...รสชาติมันก็โอเคอยู่นะ...

"เฮ้ย..อร่อย.."ถึงสภาพมันจะไม่เหมือนขนมก็เถอะ..แต่รสชาตินี้..ใช้ได้เลยครับ

"ก็บอกแล้ว.."

"ที่หายไปนานสองนานเพราะทำไอนี้อยู่เหรอ." ผมถามมันด้วยความสงสัย

"จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำหรอก..แค่เป็นลูกมือช่วยพี่คนสวยเขาเฉยๆ"ผมว่าถ้าพี่อินมาได้ยินอะตอมมันเรียกแบบนี้คงฟินแน่ๆ
ครืดดดดด.... เสียงสั่นๆดังอยู่ที่ไหนสักแห่งแต่ที่แน่ๆไม่ใช่ของผม ผมหันมองตามก็เห็นอะตอมมันหยิบไอโฟนยกใส่หู

"ครับ..ครับผม...ด่วนมากเลยหรอครับ..ได้ครับแล้วจะรีบไป..."ก่อนจะรับมันยังยิ้มอยู่เลยแต่ไหงพอวางสายถึงทำหน้าเป็นตูดขนาดนั้น..

"กูต้องกลับแล้วนะ.."อะตอมมันลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือยาวๆของมันมาขยี้หัวผม

"รีบกลับหรอ..."ยอมรับเลยครับว่าผมถามตามมารยาท..

"ไม่อยากให้ไปหรอ..กูโทรบอกได้นะ.."ไม่น่าพูดขึ้นมาเลยกู

"ก็ป่าว..แค่จะเดินไปส่ง..."

"จริงดิ.."แล้วทำไมมัันต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้นด้วยวะ

"ก็เออสิ..แต่แค่หน้าร้านนะ.."

"แค่นั้นก็ดีแล้ว.." เสียงมันบ่นอะไรพึมๆพัมๆ

"ว่าไงนะ.."

"อ่อเปล่าๆไปกันเหอะเดี้ยวสาย.."

"เออๆ"ผมเดินมาส่งอะตอมตามที่พูดหน้าร้านก็คือหน้าร้านจริงๆ ก่อนมันจะเปิดประตูขึ้นรถม้นก็หันมาทำท่ายกหูใส่ผม... และขับรถกลับออกไปด้วยความเร็วแสง..หุหุ อิจฉาพวกเด็กมีตังวุ้ย แต่ละคนรถป้ายแดงทั้งนั้น....

. . . . .. . . .. .

ผมเดินกลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง..ในหัวตอนนี้ผมไม่อยากคิดอะไรให้มันวุ่นวาย..เลยขอพักสมองล้มตัวนอนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น..หยิบจับหนังสืออะไรได้ผมก็อ่านหมด..ขนาดหนังสือพระของป๊าผมยังหยิบมาดูเลยนะเออ ..แต่ก็แค่ดูอะนะเปิดๆผ่านๆไปมาแล้วก็วางไว้กับที่เหมือนเดิม ... และพอใช้สายตามาก มันก็เริ่มง่วงไง ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่พอรู้สึกตัวอีกที่ ผมก็นอนอยู่บนตักป๊าแล้ว..

"ไงไอเสือ..ตื่นแล้วหรอมึง..." ป๊าก้มหน้าถามผม ทำสายตาดุๆ

"อือ..ปวดหัวอะป้า"

"แหงละ ก็เอ็งเล่นนอนหลับทับตะวันขนาดนี้ นี้มันตั้งกี่โมงกี่ยามแล้ว...

"กี่โมงแล้วอะ..."

"จะทุ่มนึงได้แล้วมั้ง" ป๊าตอบผมโดยที่สายตายังจ้องมองโทรศัพท์อยู่.

"แล้วเจมส์ละ"

"อยู่ในครัวกับเมียมันนู้น..คิดถึงมันนักรึไงเห็นถามหาแต่มัน..นี้กูพ่อมึงนะ นั่งหัวโด่ขนาดนี้ ไม่เสือกถาม"

"ก็ป๊านั่งอยู่ตรงนี้เขาจะถามถึงทำไมละ..."

"แล้ววันนี้เอ็งไม่พาผู้ชายเข้าบ้านแล้วรึไง ..ไอหน้าหล่อๆคนนั้นน่ะ"ดู๊ดูพูดเข้า...

"ไอกายอะนะ." ผมถามเพราะมันน่าสงสัยจริงๆปกติไอวินเข้าบ้านผมก็ออกจะบ่อยแต่ป๊าไม่ค่อยได้ถามหามันเลย...แต่พอเป็นกายที่เจอกับป๊าผมได้แค่สองครั้งก็โดนถามถึงซะแล้ว

"กูก็แค่แปลกใจเฉยๆ ปกติเห็นอยู่ตัวติดกันยังกับผัวเมีย..."ผมสะอึกตอนป๊าพูดผัวๆเมียๆ

"อะไรทำให้ป๊าคิดงั้นอะ...แล้วทำไมพอเป็นไอวินป๊าถึงไม่แซว "

"ไอนั้นมันหล่อแต่เปลือกไงเงินไม่มี..ความจริงใจอย่างเดี้ยวมันกินไม่อิ่มหรอกนะเว้ย..มันต้องมีตังด้วย.."

"แล้วป๊ารู้ได้ไงว่ามันมีตัง"

"เห็นกูแก่ๆแต่กูก็รู้นะอะไรแบรนด์เนมไม่แบรนด์เนม..ตั้งแต่หัวจรดเท้านั้นก็เกือบๆซื้อรถได้เลยนะไอหมา.." สรุปจะเสือหรือหมาเอาสักอย่างสิป๊า...แต่ลึกๆแล้วผมก็แอบรู้สึกดีอยู่เหมือนกันนะ ที่ป๊าเอ่ยปากถึงกายมันบ่อยขนาดนี้ ปกติแล้วป๊าผมเป็นคนที่พูดถึง(พาดพิง)คนอื่นยาก ต้องแบบ ที่ทำให้ป๊าผมแปลกใจได้จริงๆ ป๊าถึงจะพูด แต่ที่นานๆและบ่อยขนาดนี้ก็ครั้งแรกอะ...

"จับทำลูกเขยเลยมั้ยป๊า"ผมทำพูดทีเล่นที

"มึงจะไปเป็นเมียมันรึไง .."

"ก็เห็นป๊าบอกชอบคนรวย.."

"มึงนี้ก็นะ.... แต่เอาไงก็เอาเถอะ...ถ้าเรียนจบแล้วมึงยังหาเมียไม่ได้...เดี๊ยวกูพาไปบ้านไอหนุ่มนั้นเอง.."

"ป๊าจะไปสู่ขอ?"

"กูจะไปเรียกสินสอดจากมันต่่างหาก..แต่มึงต้องเป็นเมียมันนะเข้าใจมั้ย.."ดูป๊าผมสอนลูกแต่ละอย่างสิ

"บ้าน่าป๊าใครจะยอมเป็นเมียมันบ้าไปแล้ว"บ้ากูนะสิที่บ้า

"ขืนมึงเป็นผัวฝ่าคงผ่ากันพอดี.."แหม่ป๊าก็พูดซะ.ผมดูตุ๊ดเลย

"เออแล้วนี้ป๊ามากี่วันอะอยู่ไทยอีกนานรึเปล่า"

"อีกครึ่งชั่วโมงได้มั้ง.."

"ห้ะครึ่งชั่วโมง."

"แล้วมึงจะตกใจทำไมไอหมา"

"ตกใจดิ พึ่งมาวันเดียวเองจะกลับแล้วเหรอ.." ยังไม่ทันได้ขอเงินเผื่อไว้ตอนเปิดเทอมเลย

"ธุระกูเสร็จแล้วจะอยู่ต่อทำแมวอะไร"

"โหนึกว่ามาเพราะคิดถึงลูกชิ..จะกลับก็รีบกลับไปเลยนะ.ชิ่วๆๆ."ผมลุกขึ้นนั่งแกล้งๆกระเถิบไปจนสุดโซฟา

"งั้นแสดงว่ามึงไม่อยากได้ตังสินะ"ฟึบ..ผมสไลด์เข้ามาเบียดป๊าเกือบไม่ทัน..

"อยากสิคร้าบสุดหล่อ.."ผมส่งสายตาบริ้งๆให้ป๊าแต่ดันโดนเขกกระบาลดังเปาะ

"สองหมื่น ..!"เชี้ยตกใจสิครับปกติแค่พันเดียวยังไม่คิดจะยื่นให้ผมเลย

"ถึงเปิดเทอม..มึงต้องใช้ให้ถึงเปิดเทอม ถ้าระหว่างนั้นมึงยังฟุ้มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน กูจะบอกให้เมียไอเจมส์มันให้เงินมึงไปเรียน.. วันละร้อย..."โถ่วันละร้อยแค่ค่าแท็กซี่มันยังไม่พอเลยป๊า

"คร้าบผม จะใช้สอยอย่างประหยัดเลยครับป๊า"มือผมตอนนี้โคตรสั่นอะในที่สุดก็ได้จับเงินหมื่น(ที่เป็นของตัวเอง)เหมือนคนอื่นเขาซะที..

"ตั้งใจเรียนนะไอหมา ป๊ากับพี่มึง รอเงินค่าเลี้ยงดูที่กูเคยเสียให้อยู่นะ..."

"เอาไว้รวยก่อนละกันเดี้ยวคืน" แต่ไม่รู้เมื่อไหร่..นะอิอิ

"นี้ก็ได้เวลาแล้ว..เจมส์.!!!"ป๊าตะโกนเรียกพี่เจมส์ดังลั่นบ้าน

"แปปนึงนะป๊า!!!"รายนั้นก็พอกันครับ ไอผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ยอมเดินไปคุยกันดีๆจะตะโกนคุยกันทำไม


. . .

ไม่นานนักทั้งป๊าและพี่เจมส์ก็เดินออกมาที่หน้าบ้าน ...ผมและพี่อินกำลังยืนจับมือกันอยู่เหมือนจะแอบบอกกันเป็นนัยน์ๆ ว่าอย่าร้องไหนะ..แต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากครับ ทั้ง ผมและพี่อินรีบเดินกรู่ไปกอดบุคคลที่รักพร้อมกับปล่อยเสียงโฮและหยดน้ำใสๆที่พยายามอัดอั้นอยู่นาน...จนตอนนี้ได้เวลาที่จะต้องบอกลากันแล้ว ผมยังคงมองตามรถแท็กซี่ที่ค่อยๆเคลื่อนผ่านไปช้าๆ ป๊ายังคงวุ้นๆอยู่ถึงไม่ยอมหันกลับมามองผมเลยมีเพียงเจมส์ที่หันมาแล้วส่งยิ้มให้
ผมยกมือขึ้นโบกมือลาอีกครั้ง ก่อนที่รถคนนั้นจะค่อยๆหายไปจากสายตาของผม...


 :hao5:

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
.หลายสัปดาห์ ผ่านไปผมยังใช้ชีวิตที่สุดจะชิว ชิวแบบ ชิ๊วชิว ชิวเหี้ยๆอะ ทั้งๆที่อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมเริ่มปีการศึกษาใหม่อยู่แล้ว ทำไมผมถึงอินดี้ได้ขนาดนี้นะหรอหึหึ...มีตังไง.. หลังจากที่ได้เงินสองหมื่นจากป๊ามาผมก็รีบโอนเข้าธนาคารแทบจะทันที (อยู่ก้บตัวแล้วมันสิเบิ่ด)
แถมสองอาทิตย์ที่แล้วผมยังได้งานพิเศษ รับจ็อบเป็นเด็กเสริฟ อยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวตรงข้าม (ร้านอาม่านั้นเอง)

ทำงานสบายแถมได้เงินดีใครบ้างเล้าจะไม่ทำ พนักงานขยัน ส่วนพ่อครัวก็หล่อสบัดลูกค้าเลยเต็มร้านทุกวัน..เงินเก็บของผมตอนนี้ก็เกือบๆสี่หมื่นน่าจะได้ ภูมิใจชิบหาย แต่ผมก็ไม่กล้าบอกเรื่องนี้ให้ไอวินมันรู้หรอกนะเพราะเดี๋ยวมันจะตามมาเรียกไถส้วนต่่างไปจากผม...ส่วนคุณชาย ผมกับมันเราเว้นระยะห่าง(แต่ไม่ได้ทะเลาะกันหรอกนะ)แค่ผมให้เวลาส่วนตัวกับมันบ้าง เพราะช่วงหลังๆมานี้ ผมโทรจิกมันตลอด จิกยิ่งกว่านกหรือไก่ มีเวลาว่างเป็นไม่ได้ต้องโทรหามันตลอด ก็หลังจากที่เกิดเรื่องวันนั้นผมก็กล้บมานั่งคิดคนเดียวไง ว่าทำไม ผมถึงต้องเป็นฝ่ายยอม ในเมื่อผมคือปัจจุบันผมก็ควรแสดงตัว..ให้เธอคนนั้นได้เห็น..ผมเลยไม่ปล่อยโอกาสให้มันได้คุยกับใครเลยในช่วงนั้นจนถึงปัจจุบัน ผมกับมันแลกโทรศัพท์กันใช้แล้วครับ...ถ้าเธอคนนั้นคิดจะยูเทริน์กลับมาละก็
. .. .หึหึ ได้แค่ฝันนะครับผม คงเตลิดออกไปดาวอังคารนู้นน่ะ

แต่ช่วงนี้กายมันบอกผมว่าต้องซ้อมกีฬาหนักเพราะหลังจบกิจกรรมรับน้อง ก็จะมีกีฬามหาลัยต่อเลย. .. ชาวคณะอาจารย์อยากให้นิสิตทุกคนมีส่วนร่วมเลยออกกฎมาว่าให้เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันทุกคณะทุกชั้นปี..และสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือการที่ผมก็โดนเพื่อนๆบังคับด้วยไง..คืออยากจะตั้งโต๊ะอธิบายว่ากูเล่นกีฬาไม่ได้..คือทำเหี้ยอะไรไม่เป็นเลยแต่คือ..ก่อนหน้านั้นมีดราม่ากันไงเรื่องไม่ให้ความร่วมมือ..จากปีสองอย่างพวกผม  แล้วส่วนเหตุผลที่สำคัญสุดๆก็น่าจะเป็นเพราะผมค่อนข้างมีหน้ามีตา(ในเพจคิ้วบอย)นี้ไม่ได้หลงตัวเองนะครับแต่ที่ได้ยินมาม้นเป็นแบบนี้จริงๆ แถมยังมีคะแนนเสียงเลือกผมเกือบครึ่งคณะ...ผมเลยต้องรับหน้าที่แบกหน้าตาของคณะพร้อมกับฝีมือการเล่นกีฬาแบบหมาๆของผมที่แม้งไม่เอาไหนเลย...ไปลงแข่งในวันนั้นด้วย และด้วยเหตุนี้ ช่วงเวลาชิวๆสุขสันต์ของผมก็จบลงเพราะต้องหมั่นมาซ้อมตีแบตในมอแทบจะทุกวันหลังจากที่เปิดเทอมได้แค่สองวัน แต่ก็แอบแปลกใจเหมือนกันนะครับที่ไม่ได้มีผมที่โดนบังคับอยู่ฝ่่ายเดียว ยังมีพี่ๆน้องคณะอื่น ทัิ้งหน้าใหม่ และพวกเด็กปีหนึ่งที่กำลังจะขึ้นปีสองยังต้องมาซ้อมกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

ฟุ้บๆ!!!

ป้าปๆ!!

ผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ผิดสนามรึเปล่าเพราะจุดที่ผมกำลังยืนอยู่ในตอนนี้มีกีฬาแทบจะทุกชนิดรวม ยู่ในสนามเดียว.. ทั้งบาส บอล วอลเลย์ เทนนิส แต่ที่หนักสุดนี้ต้องยกให้กับกระสอบทรายที่แขวนไว้ตรงที่นั่งพักเลยคือพวกมึงไม่มีที้ซ้อมก้นแล้วรึไง คือช่วยเบิกตาให้กว้างๆแล้วมองรอบๆด้วยว่านี้คือสนาม สำหรับซ้อมแบตมินตันไอเหี้ย แล้วไอสารพัดกีฬาที่รวมอยู่ในสนามเดียวนี้มันคืออะไร

ผมได้แต่กุมขมับบอกต้วเองให้ใจเย็นๆแต่ใครจะทำได้วะ ซ้อมๆอยู่โดนลูกวอลเลย์อัดหน้าผมก็โดนมาแล้วแถมเวลานั่งพักเฉยๆลูกบอลก็ลอยเฉียดหัวผมไปนิดเดียวคาดว่าอีกหน่อยผมคงต้องพกหมวกกันน็อคพร้อมก้บชุดป้องกันเข้ามาด้วยอะถึงจะปลอดภัย...

"พี่เจ.. ขอถ่่ายรูปได้รึเปล่าคะ"เสียงน้องผู้หญิง ร้องทักตอนที่ผมกำลังก้มหน้าเช็ดเหงื่อที่เสื้อของตัวเอง

ผมเงยหน้าขึ้นมามองน้องเขายิ้มเขิลๆให้ผมด้วยแหะ

"เมื่อกี้ว่าไงนะครับพี่ไม่ทันฟัง"

"ูขอถ่ายรูปด้วยได้รึเปล่าค่ะ"อ่อสงสัยจะตามมาจากเพจคิ้วบอยและนี้มันไม่ใช่ครั้งแรกด้วยไงเพราะตั้งแต่ที่ผมมาซ้อมได้หลายอาทิตย์ก็มีึคนเข้ามาขอถ่ายรูปกับผมบ้าง ให้ขนมบ้าง ขอลายเซ็นต์ก็เคยมี

"ได้ครับ"ผมหยิบไอโฟนตัวเองขึ้นมาส่องดูสภาพหนังหน้าของตัวเองที่ตอนนี้เหงื่อไหลซกยังกับพึ่งวิ่งสิบคูณร้อยมาหมาดๆก็ไม่เชิง
"พร้อมนะครับ นืงง สองงง ซั่ม..."แชะ รัวๆเกือบสิบลูบ จนผมคิดว่่เสียงชัตเตอร์ คงดังไปกระทบกับหูใครเข้าแน่ๆ ถึงได้มองผมกัน เป็นทีมเวิคขนาดนั้น

"ขอบคุณมากคะพี่เจ.. ตัวจริงพี่น่ารักกว่าในรูปอีกนะ" •√•
เจอชมซึ่งๆหน้าแบบนี้ผมก็เขินสิ...

"ไม่เป็นไรครับพี่ยินดี"อย่างน้อยถ้าการได้ทำอะไรแบบนี้แล้วมันสามารถทำให้คนรอบๆตัว ผมมีความสุขมีรอยยิ้มได้ผมก็ควรจะทำมัน. .. .

..ครืดดดดด....เสียงสั่นๆดังขึ้นขณะที่ผมกำลังโบกมือบ้าบบายตอบน้องผู้หญิงคนนั้น และบุคคลที่โทรเข้ามาในเวลาแบบนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ำไหนครับไอ มารวินเพื่อนผมเอง..โทรมาได้จังหว่ะพอดีเลย

"ฮัลโหลมึงว่าไง"ผมถามปลายสายด้วยเสียงที่ดูสดใส

"เออมึงอยู่ไหนอะ..กูไปหาได้ปะ ตอนนี้กูอยู่สนามบอล เห็นเด็กมึงแวปๆนะ" วันนี้มาแปลกแหะปกติเคยรายงานเรื่องไอกายให้ผมฟังซะที่ไหน

"ปกติจะไปจะมาเคยถามความเห็นกูด้วยเหรอ"

"ก็ถามตามมารยาทไปงั้นแหละสรุป?"วินมันเร่งเร้ารอฟังคำตอบจากผม

"กูอยู่สนามแบตที่ตอนนี้กลายเป็น สนามสารพัดกีฬาไปแล้ว"

"แหงละ สนามบอลก็โดนพวก เชียร์นิเทศ ซ้อมหลีดจนกูไม่มีที่จะซ้อมส่วนสนามอื่นๆแม้งก็โดนจองคิวกันหมดกูเลยไม่รู้จะไปซ้อมที่ไหนเลยเนี้ย..."ตอนมันตอบผมมันถอยหายใจบ่อยมากคงจะเครียดของมันจริงๆนั้นแหละ

"แล้วมึงลงแข่งอะไรบ้างอะ"ผมอาจลืมบอกไปครับว่าเรื่องกีฬาไอวินเพื่อนผมคนนี้มันก็เก่งไม่แพ้ใครเหมือนกัน
แต่ที่เห็นมันเล่นบ่อยสุดน่าจะเป็นฟุตบอลกับบาสเก็ทบอล ส่วนกีฬาที่ป่วยของม้นไม่น่าจะพ้นวอเลย์บอล

"ก็มีแข่งบอลกับบาสสองรายการอะ..แล้วมึงละ"

"กูลงแบตอย่างเดียววะ"

"เชรด..!!"มันจะร้องตกใจอะไรขนาดนั้น

"เชี้ยเจ ลงแข่งกีฬาวุ้ยกูว่าคงมีอะไรสนุกๆให้กูดูหลังแข่งเสร็จแล้ววะ"

"มึงจะมาเชียร์กู ?"

"ประมาณนั้น?"

"เออแล้ว...ไอกายมันเป็นไงบ้างวะ..."เสียงถามผมเริ่มอ่อยลงไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำถามหรือชื่อของคนที่ผมถามไปกันแน่ถึงได้ทำให้ใจเต้นรัวๆแบบนี้(กูเป็นอะไรวะ)แต่เมื่อกี้เห็นมันบ่นถึงเด็กผมอะไรซักอย่างไม่รู้หมายถึงไอกายรึเปล่า..แต่ผมขอเดาว่าน่าจะใช่นะ

"อยากรู้หรอ..."เอ้าไอนี้ไม่อยากรู้กูจะถามเร้อ

"อย่าลีลา...บอกมาเร็วๆ"

"ฟังแล้มึีงอย่าตกใจนะ ทำใจดีๆ..."ทั้งน้ำเสียงและคำพูดของมันทำเอาจิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว..นั่งลุ้นจนเผลอกำโทรศัพท์แน่น

"กายมันเลือดไหล....."แค่ได้ยินคำว่าเลือดผมก็ใจไม่ดีแล้ว ผมไม่รู้ว่าตัวเองเร่งสปีดฝีเท้าวิ่งมาเร็วเท่าไหร่จากสนามซ้อมแบตมา ไปสนามใหญ่แถมยังห่างกันไกลลิบลิ่ว . . .แต่ผมไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรเลยแม้แต่น้อย หรืออาจเป็นเพราะผมกำลังตกใจกับสิ่งที่ไอวินมันบอกผมก่อนจะมาก็อาจจะใช่.. ตกใจจนลืมเหนื่อยเลยทีเดียว


ผมเดินมาถึงสนามใหญ่ที่ๆรวมเหล่านิสิตนับร้อยมากหน้าหลายตาแถมยังหลายคณะให้เลือกมองกันเพลินๆแต่นั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญของการมาในครั้งนี้  ผมเพ่งมองหา มัน ผ่านผู้คนนับร้อยชีวิตที่ยืนระเกะระกะรกหูรกตาผมไปหมด..จิตใจผมเริ่่มกระวนกระวาย...จนหยดน้ำตามันไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ไม่รู้ว่าที่ผมร้องเป็นเพราะตกใจหรือกำลังกลัวอยู่กันแน่....

ผมกล้ายอมรับเลยว่าตอนนี้ผมอ่อนแอมากๆ ขาผมเริ่มอ่อนนัยย์ตาเริ่มสั่นระริก.. . .ผมเดินฝ่าฝูงชนคนนับร้อยเข้าไปเกือบๆถึงตรงที่มีพวกคณะวิศวะซ้อมบอลกัน

ตอนนี้สายตาผมโฟกัสหากายแค่คนเดียวและในที่สุดผมก็เจอ มัน..เจอมันแล้ว  แต่...ทำไมมันถึงไปนั่งฟุบอยู่ทีี่แสตนเพียงคนเดียวละ... ทำไม ถึงไม่มีใครดูแลมัน...

. . . . . . . ..


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2017 17:47:30 โดย thitema3 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Chapter:40


ผมเดินเข้ามาหากายช้าๆที่แสตนด้วยจิตใจที่เริ่มสั่นกลัว แต่ที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ ทำไมมันถึงนอนนิ่งได้ขนาดนี้. . . หรือว่ามัน...ไม่ๆ ต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่ ผมรีบเดินไปพยุงหัวมันขึ้นมามองใกล้ๆ


แต่เด็กน้อยของผมรายนี้พอผมจับหัวมันลุกขึ้นมามันก็ทำหน้ามุ้ย แต่พอเห็นว่าเป็นผมมันก็ทำหน้าดีใจ..หรือแปลกใจวะ

"เป็นไงบ้างอะ.ได้ข่าวเลือดออก.."พอมองหน้ามันชัดๆเห็นหน้าตาดูสดใสอยู่ผมก็เบาใจและ สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากที่หายตกใจ..หมับ.จับหัวมันเข้าอย่างแรกเลยครับ ก้มหัวดีนัก.. . จิตใจผมเริ่มสงบลงเมื่อเห็นว่ากายไม่ได้เป็นอะไร...คงโดนไอวินต้มตามเคย

"เจ็บอะ.."แหนะมีทำเสียงออดอ้อนกูด้วยห่า..ไม่ต้องอ้อนเลยสัด.. ที่กูมาเพราะโดนมันหลอกหรอก


"โอ๋ๆไม่เป็นไรนะน้องกาย เดี้ยวพี่เจคนนี้จะดูแลเทคแคร์เองนะครับ.. แล้วไหงผมถึงคล้อยตามวะ ผมลูบๆหัวกายมันเล่นและดูท่าทางเหมือนมันจะเคลิ้มนะขยับหัวเข้ามาใก้ลผมใหญ่เลย

"อิจฉาคนมีหมอส่วนตัวโว้ย!!!..."เสียงไอห่าที่ไหนไม่รู้ตะโกนดังมาจากในสนามผมหันมองตามหาต้นตอแต่ไหงมันถึงมองมาทางนี้เยอะจังวะ....

หมับ...อีกครั้ง(แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ผม) ผมสะดุ้งตัวเมื่อมีมือดี..ของคนตรงหน้ากำลังใช้มืออีกข้างประคองมือผมไปจับที่หน้ามันอย่างเบาๆ...แต่มึงเอ้ย ช่วยเลือกดูเวลาหน่อยเหอะ น้องๆซ้อมเชียร์แถวๆแสตนใกล้ๆหันมามองผมกันหมดแล้ว...บางคนนี้มองจิกผมเหมือนผมเป็นตัวอะไรทีน่่ารังเกลียดส่วนอีกกลุ่มนี้ มองแบบยิ้มตาละห้อยเลยครับเหอะๆ..

"หึหึ คนมองหมดแล้ว.."ผมใช้มืออีกข้างผลักหัวมันเบาๆ

"ก็ให้เขามองไปสิคนรักกันเขาจะดูแลกันมันแปลกตรงไหน..."มันไม่แปลกหรอกห่าแต่มันโจ่งแจ้งมึงเข้าใจกูม้าย...

"เออๆเอาไงก็เอาเหอะแล้วซ้อมเป็นไงบ้างอะเหนื่อยมั้ย"ผมดึงมืออีกข้างจากแก้มมันมาลูบหัวต่อ  นุ่มดีชิบหายสระผมด้วยอะไรวะ

"ตอนแรกก็เหนื่อย แต่ตอนนี้ไม่แล้ว.." 

"ได้ยาดีละสิ"ผมแกล้งๆแซวมันแต่ก็แอบแควะตัวเองไปด้วยหุหุ

"ได้คนเทคแคร์ดีต่างหากละ.."อึ้ยย!!ขนลุกวะ..ถ้าบรรยากาศมันเงียบมีแค่ผมกับมันป่านนี้คงนอนฟินไปสามโลกแล้ว....แต่ตอนนี้คือต้องเก็บอาการไงฟินแค่ไหนก็ต้องเก็บไม่งั้นดัง...สายแม้งยิ่งเยอะอยู่..

"หึ...เห็นไอวินบอกอาการปางตาย..กูก็เห็นยังโอเคอยู่นิ โดนต้มไปตามสเต็ป..."

"ใครบอก....กูจะตายจริงๆนะ..ถ้าวันนี้กูไม่ได้เห็นหน้ามึงกูคงคิดถึงจนตายแน่ๆ...."ฟิ้ววว  ลอยไปแล้วตัวกู....ลอยไปพร้อมกับไอถุงหูหิ้วสีขาวๆนู้นแล้ว...

"อย่ามาเว่อร์ ไปซ้อมต่อไปอีกไม่กี่วันก็ลงแข่งแล้วไม่ใช่หรอ..." ผมพยายามดันหน้ามันออกห่างแต่รู้สึกเหมือนโดนตุ๊กแกเกาะยังไงยังงั้นเลย..สบัดยังไงก็ไม่หลุด...

"ฮือ...ขออีกแปปดิ่..อยู่แบบนี้อีกแปปนึงนะ..."โหทำสายตาแบบนั้นกูก็แพ้สิวะมีหรือจะกล้าปฏิเสธผมเลยจำเป็นต้องยืนอยู่เหนือหัวมันนิ่งๆให้มันเอาหน้าซบกับเอวผมอยู่พักใหญ่แต่ก็ยังมิวายมีมือซนๆคอยลูบก้นผมอยู่ตลอดเวลา

โป้ก...!!กูขอสักทีเถอะ ทนมานานแล้ว

"ฮือ...." มันทำหน้ามุ้ยไม่พอใจเงยหน้าขึ้นมามองผมใหญ่้

"ไม่ต้องมาฮงมาฮืออะรีบไปซ้อมไปพ่อมึงวิ่งมานู้นแล้ว.."ผมชี้ให้กายมันมองตาม..เห็นไอวินมันวิ่งถอดเสื้อเดินโทงๆโชวซิกแพ็คให้พวกเด็กสาวกับป้าๆรอบสแตนตกใจเล่น...
ก่อนจะมายืนหอบแดดอยู่ตรงหน้า

" พักซะนานเลยมึง...น้องๆรอให้มึงไปซ้อมมันอยู่.ส่วนมึงจะยืนจู๋จี๋เพื่อนกูอีกนานมั้ยห้ะ...ไอเปี้ยก.."น้านยังไม่วายหันมาแควะกูอีก..แต่คงต้องผิดหวังนะครับเรื่องที่กูจะอาย..เพราะกู..ด้านแล้ว คึ

"เออเสร็จตั้งนานแล้ว..แต่เพื่อนมึงมันยังไม่ปล่อยแขนออกจากขากูเลยเนี้ย"ผมชี้นิ้วให้ไอวินมันมองตามมันทำหน้าเอือมๆก่อนจะเดินมาสะกิดนิ้วไอกายให้หลุดออกจากตัวผม

"กูไม่หน้าหลอกมึงมาเล๊ย เสียการเสียงานหมด...."

"อ้่าวที่มาเพราะวินมันบอกหรอ..." กายมันหันมาขมวดคิ้วใส่ผมจนเป็นปม

"อือ"พอผมพูดจบมันก็รีบหันหน้ามองไปในสนามเลย..กูผิดไรวะ..

"เฮ้ย..."จึ้กๆ ผมลองเชิงใช้นิ้วจิ้มที่ไหล่มันสองสามทีแต่โดนปัดออกครับ ...สรุปโกรธกูเรื่องอะไรวะกุตามไม่ทัน

"อย่าบอกนะว่าโกรธเรื่องที่มาเพราะวินบอกอะ..มันไม่ยอมตอบผมครับแต่ยู่ปากมองสนามแทน...

"เอ้ย ถ้าเป็นเรื่องนั้นมันก็ส่วนหนึ่ง..แต่มึงลองคิดดีๆนะถ้ากูไม่เป็นห่วงมึง กูจะรีบมาในสภาพแบบนี้เหรอ.. ไม่อยากจะบอกครับก่อนหน้าที่จะไปซ้อมแบต นี้ผมโดนอาจารย์ป้าเล่นงานให้ช่วยกันขัดห้องน้ำ กับพวกอิกี้อิเบนข้อหาเข้าเรียนสาย เหรดไปสองนาที..สภาพผมตอนนี้คือเสื้อนิสิตหลุดลุ้ยรองเท้าอิแตะ ผมกระเซอะกระเซิงเพราะต้องรีบวิ่งสู้ฟัด มาหามันถึงลานสนามใหญ่เนี้ย  ไม่รักไม่ทำนะพูดเลย...

กายมันใช่สายตามองผม จากล่างขึ้นบน(แต่ถ้ามองบนแล้วมาล่างกูจะรู้สึกดีกว่านี้นะ)แต่เรื่องนั้นช่าง มันก่อนเถอะครับประเด็นตอนนี้มัันอยู่ที่ว่า... มันเข้าใจในสิ่งที่ผมอธิบายให้มันฟังบ้างรึเปล่า...

"งั้นหรอ..."น้ำเสียงๆเรียบๆของมันเริ่มทำให้ผมหงุดหงิด...

"ถ้าไม่อยากให้อยู่กูไปก็ได้นะ วิน..กูกลับละ.."หมับ..เข้าที่มือผม แทบจะทันที จังหว่ะที่ผมหันหลังกำลังจะเดินหนีไปเหมือนนางเอกเรื่องสวรรค์เบี่ยง (แอบยิ้มมุมปาก) ไอกายมันก็คว้าข้อมือผมไว้และลุกขึ้นยืน ดึงผมเข้ามาหาตัวมัน จนตอนนี้หน้าผมจะเข้าไปสิงอยู่ในรูจมูกมันอยู่แล้ว...

"ขอโทษ..."เสี่ยงพูดเบาๆที่มันตั้งใจเปล่งออกมาให้ผมได้ยินเพียงคนเดียวดังอยู่ข้างๆมันดังพอ ทำให้ใจที่ว้าวุ่นของผมสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนที่มันจะเลื่อนหน้ามาไว้จุดเดิมและส่งยิ้มหวานๆ อย่างที่มันชอบทำอยู่บ่อยๆ

"ทีหลังก็หัดฟังก่อนจะงอลหน่อย..."

"ฮือ.."

"เอองั้นก็รีบไปซ้อมต่อเหอะน้องรอแล้ว.."

"รีบกลับหรอ.." แขนของกายยังคงเกี่ยวมือผมไว้ไม่ห่าง

"อือ ดิ กูแอบหนีเวณทำความสะอาด ตอน อ.ป้า เผลอ(แถมยังโดดซ้อมแบต) เพื่อมาหามึงเลยนะเนี้ย ป่านนี้ตามหากูให้วุ้นแล้วมั้ง"

"ไม่ อยากให้ไปเลยอะ วันนี้ทั้งวันพึ่งเจอกันเองนะอยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ.."เสียงอ่อยๆของมัน ทำให้ผมอยากจะโดดเวณล้างห้องน้ำ(และซ้อมแบต)เพื่อมาหามันโดยไม่สนเกรดหรือคะแนนอะไรนั้นเลย..(แต่ความเป็นจริงคือเทอมที่แล้วผมเกือบจะได้ ซีตัวโตๆวิชาอ.ป้าแต่เหมือนอ.คงสงสารลูกหมาตาดำๆแบบผมก็เลยให้ข้อเสนอ โดยการช่วยทำความสะอาดห้องน้ำทั้งตึก ในวันที่เปิดภาคเรียนใหม่...เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างที่ผมเล่านี้แหละครับ

"กูก็อยากอยู่นะ..แต่ถ้ากูไม่ไป..กูโดนบวกแน่ๆ...เข้าใจกูหน่อยนะ.. "ไม่รู้ว่าเสียงเศร้าๆซึมๆของผมจะสามารถสร้างความสงสารให้มันได้บ้างมั้ย

"งั้นเย็นนี้ไปนอนด้วยนะ..."

"แล้วไม่ต้องอยู่ซ้อมบอลดึกๆแล้วเหรอ.." ปกติช่วงนี้ผมไปแอบส่องติดตามข่าวสารที่หน้าวอก็เห็นมันเช็คอินที่สนามใหญ่ แคปชั่นซ้อมกีฬาอย่างเดียวเลย..

"ขอโดดซักวันเหอะ.ไอวินก็อยู่.เดี้ยวให้มันคุมน้องแทนวันนึง.."

"เอ้าไหงโยนขี้ให้กูซะงั้น..."

"..กาย "ผมตอบเสียงแข็ง"กลับไปทำหน้าที่ของมึงเลย..ห่าอย่าทำตัวเป็นเด็ก ..ทางคณะอาจารย์ที่เขามอบตำแหน่งให้มีงก็เพราะมึงมีความรับผิดชอบสูง!!"ผมเน้นคำว่าสูงใส่หน้าไอวินจนมันเกือบจะถุ้ยน้ำลายใส่หัวผมขอหาจิกกัดมัน

"แล้วเขาก็คงไว้ใจ.ว่ามึงคงดูแลน้องๆแทนพวกเขาได้ไง... เพราะงั้นไม่ต้องงอแง..กลับเข้าสนามไปนู้นไป.. "ผมแอบเหลือบๆเห็นน้องๆราวสิบกว่าคนในสนามจ้องมาทางผมหรือไอกายวะทำตาแป้วเชียว

"แต่....."

"ไม่มีแต่..กาย...เสร็จแล้วค่อยคุยกันนะ.."ผมยกมือขึ้นลูบแก้มมันเบาๆพร้อมกับส่งยิ้มให้ กายมันก็ดูเหมือน จะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยๆ ยกมือขึ้นมากุมมือผมที่จับไว้ก่อนหน้า

"ไว้เจอกันนะ..."มันพูดพร้อมกับเขยิบหน้าเข้ามาใกล้้ผมอย่างรวดเร็วแต่ดีที่ผมไหวตัวทัน

"อย่า...ตรงนี้คนเยอะ"ผมยกมือปิดปากมันที่พยายามเข้ามาลวนลามผมแต่มันก็ปัดมือผมออกในเสี้ยววินาที

".ขอทีเดียว..แล้วจะไม่กวนเลย..นะๆ" แล้วทำไมมันต้องกัดปากทำท่าเซ็กซี่แบบนั้นด้วยวะ...ผมใจเต้นแรงโคตรๆ ตอนที่ฟันของมันขบเข้ากับปากสีแดงอมชมพูนั้น..และก่อนที่ความอดทนจะหมดลงผมก็รีบถอยห่างออกจากมัน..

"อะ..ดูดปากกันซะทีสิสัด..กูรอดูอยู่...ไอกายมันอยากมึงก็ให้มันหน่อยดิ...ถือว่าทำบุญให้หมาให้แมว.ไป.."เออผมก็ลืมไปว่าเชี่ยวินมันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ แม้งเอ้ยเกือบแล้ว...เกือบเผลอใจอ่อนแล้วไง

"วินมันพูดขนาดนี้แล้วอะ..ไม่ให้หน่อยหรอ..หืม.."ไอตัวการนี้ก็เร่งเร้ารึเกิน ถ้ามันทำได้ง่ายขนาดนั้นผมคงไม่ต้องถอยห่างออกมาตั้งหลักไกลขนาดนี้หรอก...

"มึงก็จับหน้าแม้งมาเลยวุ๊ ไวๆ น้องรออยู่..."

"เสือก.."ไม่ใช่เสียงไอกายครับ เสียงผมเอง..
ขอสักทีเหอะ..และในระหว่างนั้นผมก็คิดหาวิธีีเอาตัวรอดออก...(เคยจำมาจากในหนัง)แต่ไม่รู้ว่าชีวิตจริงมันจะได้ผลมั้ยนะ

ผมเอามือทาบที่หัวใจตอนนี้มันเริ่มเต้นเป็นจังหว่ะปกติแล้ว..หายใจเข้าออกสองสามที...เอาวะ..ขอลองดูหน่อยละกัน

ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆมันอีกครั้ง แต่หัวใจก็ดันทรยศ..มันเต้นแรงอีกครั้งและ..เริ่มถี่..มากกว่าเดิม..แต่ผมเดินมาถึงขนาดนี้แล้วจะถอนตัวไปก็คนไม่ทันแล้ว...

หน้าของผมเริ่มเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะจูบมันแล้วจริงๆกายมันหลับตาพริ้ม...แต่นั้นมันก็ดีสำหรับตัวผมอยู่เหมือนกันเพราะจะได้ไม่ต้องสบตากับมันโดยตรง.. จังหวะนั้นเองผมเอี้ยวตัวหลบไปกระซิบข้างๆหู...


"อดทนหน่อยนะ...บางทีอาจจะได้มากกว่าจูบ.."ไม่รู้ว่าผมไปเอาความกล้ามาจากไหนในการคิดประโยคพวกนี้...แต่จากที่เคยดูละครมามันน่าจะเป็นวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนี่ได้ดีที่สุดแล้ว...แต่จะได้ผลหรือไม่คงต้องวัดใจกันดู

"เมื่อกี้พูดว่าไงนะ"..กายมันยิ้มเลวๆที่มุมปากก่อนจะเอ่ยปากถาม..ตอนผมที่ผมผละตัวออกมา


"ก..ก็..อย่างที่พูดไปนั้นแหละ..."พูดรอบสองไม่ได้แล้วด้วยสิ....

"พูดแล้วนะ." ที่กูจะสื่อคืออาจจะมีถือมือเดินควงแขนเพิ่มต่างหากละไอหนู...แต่ปล่อยให้มันเข้าใจอะไรแบบเสื่อมๆไปก่อนแล้วกันครับ..เดี้ยวเย้นนี้แอบชิ่งไปนอนบ้านไอวินดีกว่า...คึ..

. . . . . ..

ช่วงบ่ายผมไม่มีเรียนครับ แถมยังไม่มีกระจิตกระใจจะไปซ้อมแบตด้วย..เลยแอบโดดซ้อม
(เด็กๆไม่ควรเอาเป็นตัวอย่างนะครับ)

มานั่ง สะลึมสะลือ อยู่ใต้คณะแทนครับ..แต่ก็เหมือน พึ่งออกจากถ้ำเสื้อแล้วหล่นมาในบ่อจระเข้..

พวกรุ่นพี่ปีสี่เดินเข้ามาเซฮัลโหลผม  แถมยังมีขนมติดไม้ติดมือมาอีกเพียบ แต่อย่าพึ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องดีนะครับ..เพราะหลังจากที่ผมแกะห่อขนมหยิบเข้าปากพวกพี่ๆเขาก็พูดขึ้นทันที

"พี่มีเรื่องอยากให้เจช่วยหน่อย..."ผมแถบอยากจะคายไอขนมที่พึ่งเข้าปากเมื่อกี้ลงใส่ห่อเหมือนเดิมชิบหายแต่รู้ว่่าคงไม่ทัน..

"ครับพี่..."หน้าผมนี้ถอดสีเลยไม่รู้ว่าพี่แกจะใช่อะไรผมอีก...

"คือ..วันรับน้องอะ..พี่อยากให้เจช่วยไปดูแลพวกน้องๆที่เข้ามาใหม่กับพวกสตาฟที ..พอดีคนมันไม่พออะ.

"แล้วพวกปีสามคนอื่นๆ ไม่มีว่างแล้วหรอครับ ..คือผมเองก็ต้อง..ซ้อมแบตเหมือนกัน..."คือขนาดเสริฟตีโต้กันไปมาผมยังรับไม่ค่อยจะได้เลย..ถ้าจะให้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นอีกผมคงแย่อะ

"พวกที่มีความรับผิดชอบส่วนมาก ก็กระจายอยู่ตามซุ้มกันแล้วอะ...จะเหลือก็แต่..."

"แต่อะไรพี่"...

"จะเหลือก็แต่...กลุ่มสันทนาการอะ ที่ยังขาดคนยังไงเจ ช่วยพี่ที่นะ..."......(จุดอร่อยดี)พูดอะไรไม่ออกเลยครับ สันทนาการ.. ไอที่ไอยืนดิ้นๆอยู่หน้าแถวแล้วให้น้องทำตามใช่มั้ย..หือ... (ภาพไก่ย่างในตำนานมันย้อนกลับเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง)..สึด

"คือพี่..ผมไม่.."ผมกำลังจะอ้าปากพูดแต่พี่แกก็พูดขึ้นมาก่อน

"พี่ต้องรีบไปแล้วนะยังไงก็ขอบใจนะ แล้วก็...ขนมนี้พี่ให้เอาไว้กินตอนหิวๆพี่ไปละบาย"ผมแค่กระพริบตาไปแว้บเดียว...พี่แกก็บริ้งตัวหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ครับ.. คือยังไม่ทันได้ตอบตกลงอะไร..พี่แกก็พูดเองเออเองซะหมด..ไอผมก็พอเข้าใจนะว่าพวกพี่ๆปีสี่เข้าต้องเตรียมไปหาที่ฝึกงานกันแต่..ไอหน้าที่ๆจะให้ผมทำเนี้ย..มันโคตรไม่เข้ากับผมเลย..ให้ผมไปแบกอิฐแบกปูนยังจะดูดีกว่านี้อีก...เห้อ..แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็คงต้องยอมทำตามในสิ่งที่พวกพี่ๆปีสี่เข้าไว่วานไว้ส่วนผลจะออกมาเป็นยังไงนั้นก็คงต้องรอดูเอา..


เวลาสี่โมงกว่าๆ ผมเดินๆดุุ่มๆเข้าไปที่ซุ้ม กิจกรรมของคณะมนุษย์ศาสตร์ เห็นมีพวกปีสองกับปีสามปะปนกันกับพี่ปีสี่อีกสามสี่คนกำลังนั่งคุยอะไรกัน อยู่.
ดูหน้าเครียดกันเชียว


"ตามนี้นะ..ส่วนวันจริง เดี๋ยวให้หน้าม้าไปบอกอีกที.." พี่่ผู้หญิงคนนึงเธอหันมาสบตากับผมแล้วทำหน้างงใส่ ดูจากเสื้อคณะที่่ใส่แล้วเลขรุ่น...น่าจะเป็นปีสี่

"เออ..ใครอะ...เจ.อะไรนั้นใช่มั้ย"พี่เข้าเดินเข้ามาถามผมทำเอาคนในซุ้มมองตามกันใหญ่

"ช..ใช่..ใช่ครับ"

"ไหวหรือเปล่าอะ.เรา..ดูรนๆนะ"ถ้าผมบอกว่าไม่ไหวพี่เขาจะยอมให้ผมกลับมั้ยอะ

"แต่ช่างเถอะมาถึงขนาดนี้แล้ว..ยังไงก็มานั่งฟังแผนการจัดงานกันก่อน...คือพี่จะเล่าตั้งแต่เริ่มแรกเลยนะ..ขอให้ทุกคนตั้งใจฟังใคร..ไม่ไหวอะไรตรงไหนให้รีบบอกนะจะได้หาทางแก้ไขกันทัน" ทุกคนรอบโต๊ะพยักหน้ากันหมดรวมถึงผมด้วย

"คือแผนมันเป็นอย่างนี้นะ........"ผมนั่งฟังพี่เขา สาธยายเกี่ยวกับเรื่องแผนการรับน้องในวัน ที่ใกล้จะเข้ามาถึงนี้..ด้วยท่าทีที่ร้อนรน..คือมีหลายจุดมากที่ผมไม่เข้าใจและอยากจะถาม..แต่พี่แกเล่นแร็ป ด้วยความเร็วแสงขนาดนั้นผมเลยแทรกตรงไหนอะไรไม่ได้เลย.... สรุปเรื่องคร่าวๆก็คือ ผมมีหน้าที่คอย ซัพพอร์ต พวกสันทนาการอีกทบนึง คือหน้าที่คล้ายๆหน้าม้าอะครับ คอยยืนประกอบอยู่ข้างๆฉาก โดยมีปีสามอีกคนคอยเป็นผู้บรรยาย และคอยสร้างบรรยากาศ ให้มันดูตรึงเครียดหน่อย เพราะวันจริงเห็นว่ามันไปตรงกับวันเกิดของน้องคนนึงเข้า เลยจัดทำ เซอร์ไพรส์ แบบจัดหนักจัดเต็มเล่นจริงเจ็บจริงกันเลยทีเดียว...

. . . . . .. . .

และในที่สุุดวันจริงก็มาถึง....

(แต่หลายคนอาจจะอยากรู้ว่ารื่องที่ผมบอกกายในวันนั้นมันเป็นยังไง..สรุปก็คือ..มันไม่มานั้นเองครับด้วยเหตุอะไรผมก็ไม่อาจทราบได้...ไอเราก็อุตส่าห์ ถ่อไปนอนถึงบ้านไอวิน. ที่อยู่ห่างไกลแสนไกล...แล้วก็จบด้วยที่ผมโดนป๊าไอวินแซว ว่ามันพาแฟนเข้าบ้าน เหอะๆ... ให้ตายเถอะ..ขนาดพี่แหวนพี่สาวของไอวินยังเห็นดีด้วยเลยนะเออ...)
. . . . .


วันนี้เป็นเช้าที่สดใสมากครับรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ ตั้งแต่รู้ว่า จะมี เซอร์ไพรส์ น้องปีหนึ่ง กัน.. ผมได้รับมอบหมายให้ไปรับเค้กร้านข้างๆมอตอนเวลาเก้าโมงครึ่ง(แผนการเริ่มสิบเอ็ดโมง) ผมเลยมีเวลาเหลือเฟือมากๆเพราะดันตื่นเช้าไง...ตอนนี้ก็เลยมานั่งอินดี้อยู่ร้านก๋วยเตี๋ยว ตรงข้ามที่ดันมีโจ๊คให้กินฟรีๆแต่เช้าหุหุ

"อาตี้เล็กลื้อ  จารีบไปไหน อ่า ทำไมวันนี้ลื้อ ตื่นเช้าตั่งแต่ไก่ยังม้ายขัน"

"วันนี้มีกิจกรรมที่มออะครับม่า เลยต้องไปแต่เช้าแล้วพี่...่ริว ยังไม่ตื่นหรอครับ"

"อาตี๋ใหญ่อี ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วอ่า ตอนนั้นม่ายังไม่ตื่น..เลยไม่รู้ว่าอีไปไหน"

"พอดี. . ผมมีเรื่องจะปรึกษา พี่เขาอยู่ แต่ไม่เป็นไร ครับไว้เดี้ยวเย็นๆผมมาหาม่าใหม่.."

"ดีๆมาบ่อยๆม่าอยู่คนเดียวแล้วมางเหงา.."

ผมเดินออกมาจากร้านด้วยรอยยิ้มของอาม่าและหอบหิ้วโจ๊กอีกสามถุง ที่ม่า บอกให้ผมเอามาแบ่งเพื่อนที่คณะ. . . แต่ไม่รู้ป่านนี้มันจะตื่นกันรึยัง....


ผมถึงคณะเวลา เจ็ดโมงครึ่ง คือมันเช้ามาก .. ขนาดป้าๆแม่บ้านยังแปลกใจเลยที่เห็นผมเดินโทงๆหิ้วอะไรมาเต็มไม้เต็มมือ..และอย่างแรกที่ผมควรทำ คือตามหาพรรคพวกครับ..อ่อผมอาจจะบอกว่าพวกมันสองตัว เอ้ยสอง คน เพื่อนสนิทในคณะผมม้นก็มีบทบาทเหมือนกันนะเออ...และบททีีพวกมันสองคนได้รับก็ดูจะเหมาะเหมงตรงคอนเซปเหลือเกิน เหมือนเอาสันดานจริงๆมาแสดงให้น้องดู..นั้นคือการ  สร้างบรรยากาศตรึงเครียด กดดัน และหดหู่ให้มากที่สุด  ปกติ ตอนรุ่นผม ไม่ค่อยมีอะไรแบบนี้หรอกครับ ออกแนวสร้างสรรค มากกว่า แต่ปีนี้ ปีใหม่ พ.ศใหม่ ทั้งรุ่นพี่และประธานรุ่นผมคงอยากลองอะไรใหม่ๆถึงได้คิดแผนการอะไรแบบนี้ขึ้นมา เลยสร้างความแปลกตาแปลกใจให้กับผู้ทราบข่าวเป็นอย่างยิ่ง  ส่วนไอคณะๆที่รับน้องโหดๆเถื่อนๆดิบๆ ผมคงไม่ต้องเอ่ยชื่อให้ฟังก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว.... วิศวะนั้นเอง..หึหึ

"กรี๊ด.!!อิเจ ทำไมมึงยังไม่แต่งตัว" ผมหันฟับไปมองตาม..เห็นอิกี้เพื่อนสาวของผมวิ่งหน้าตื่นมาแต่ไกล

"อ่ะนี้.รีบไปใส่เร็วๆพี่ฝ้ายเขาเรียกรวมตัวแล้ว..ขืนไปสายมึงได้โดนนางบ่นหูชาแน่"

"เสื้อพึ่งถึงมือมึงก็รีบจริง.. แล้วอิเบนละ มันยังไม่มาหรอ"

"ไปช่วยผู้ชายเตรียมเสบี่ยงอยู่หลังซุ้มส่วนกู.ต้องเสียเวลาทำคะแนนเพราะต้องมาตามหามึงเนี้ย..ลำไย.."

"เออกูขอโทษ..แต่ถ้ามึงรีบมึงไปก่อนเลยก็ได้...กูเปลี่ยนเสื้อแปปเดี๋ยวตามไป.."


"ตามนั้นละกันอย่านานนักนะคะพี่สัน หุหุ"ตั้งแต่มันรู้ข่าวว่าผมได้เป็นพี่สันทนาการมันกับอิเบนก็รวมหัวกันล้อผม กันสนุกปาก.


"สัด"ผมด่ามันก่อนจะหามุมลับตาคน... ถอดเสื้อเปลี่ยนมันซะตรงนี้เลย.. ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบวิผมก็รีบวิ่งตามอิกี้ไปติดๆตอนนี้อุปกรณ์ข้าวของทุกอย่างพร้อมใช้งานกันหมดแล้วจะเหลือก็แต่เค้กซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้พี่สาวเจ้าของร้านจะทำให้เสร็จรึยัง ระหว่างนั้น พวกเพื่อนๆผมมันก็ซ้อมตีกลองร้องเพลงสันต่างๆนาๆพร้อมกับท่าทางพิลึกที่เกินกว่ามนุษย์อย่างผมจะเข้าใจได้ ให้ผมดู ...แต่จะเรียกว่าดูอย่างเดียวก็ไม่ได้นะ..เพราะผมเองก็ต้องซ้อมไปกับพวกมันด้วยนี้สิ กร๊ากกก ...

เวลาสิบโมงกว่า น้องๆเฟรชชี่หน้าใส พากันเดินแห่เข้าซุ้มกันให้วุ่นและด้วย  ผมที่ได้รับตำแหน่งทั้งสตาฟและพี่สันก็ต้องวิ่งไปทางนี้ที่ทางนู้นที่เพื่อบอกแนะนำน้องๆสารพัดแต่ดูเหมือนน้องมันไม่ค่อยจะกลัวผมเลยวะ. . . แต่ละคนมึนๆทั้งนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพวกเด็กผู้ชายส่วนเด็กผู้หญิงนี้ทำตัวน่ารักสมกับหน้าตาน้องๆมาเลยครับ คึ.. ^  ^

กิจกรรมเริ่มไปได้พรรคใหญ่ (สถานะการณ์ดราม่า)ก็เริ่มต้นขึ้น...โดยที่ผมต้องรับหน้าที่แสนจะจำเป็น แต่เหมือนเล่นจริงเจ็บจริงอะคับ คือผมต้องแกล้งเศร้าไงคือพวกน้องมันไม่ยอมฟังเออ ทีนี้ก็จะมีพี่ฝ้าย ปีสี่ ที่โหดๆ มาคอยดุด่า แล้วก็ลงโทษพวกปีสาม... (ก็คือพวกผมนี้แหละ) ด้วยการลุกนั่งเป็นร้อยครั้งซิดอัพอีกห้าสิบทีขา ผมระบมไปหมด..แต่เหมือนมันจะยังไม่สาแก่ใจพี่ฝ้ายครับ..สั่งให้ผมอิกี้ อิเบนและผองเพื่อนพี่สามในซุ้มไปวิ่งรอบสนามทั้งที่แดด โคตรจะแรง.. คือยอมรับเลยครับว่าเหนื่อยแล้วคือไอตอนวิ่งเนี้ยไม่มีในสคิปนะคับ คือเล่นสดเลย..เขาสั่งอะไรมาพวกผมก็ห้ามเถียง

พวกผมวิ่งวนอยู่่สนามใกล้ๆประมาณ สามสี่รอบ.. เริ่มเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเหมือนมันจะล้มให้ได้ แต่โชคดีของผมหน่อยที่มีอิกี้และอิเบนคอย ยืนประคองผมอยู่ใกล้ๆ และถ้าสังเกตุดีๆ

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
จะเห็นพวกน้องๆที่นั่งสบายอยู่ในซุ้มหันมามองพวกผมกันตาละห้อย.... และยังแอบเห็นมีน้องผู้หญิงแถวหลัง เอามือป้องปากเหมือนจะร้องไหเยสสส (กูตีบทแตก)

"เอาหล่ะปีสามทุกคนกลับมาที่ซุ้ม!!"เสียงพี่ฝ้าย ยืนตะโกนดังออกมานอกซุ้มผมรีบยืนยิ้มรับเลย ไม่อยากจะบอกว่าผมรอคำนี้ของพี่ตั้งแต่วิ่งสองรอบแรกแล้ว หึ..

"เป็นรุ่นพี่ซะป่าว เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้ทำไม่พวกคุณถึงทำกันไม่ได้ "เสียงพี่ฝ้ายดังระงมอยู่ในซุ้มเหล่าเฟรชชี่ที่เคยยิ้มล่าตอนนี้หน้าตาบ่งบอกพวกๆบ่งบอกถึงความเบื่อหน่ายถึงขีดสุด

"ขอโทษค่ะ/ครับ"น้องๆในซุ้มทุกคนนั่งก้มหน้ากันหมด อิกี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังผม เดินอ้อมไปข้างหลังพี่ฝ้ายเพื่อปักเทียน บนเค้กรอ แสตนบาย

"นี้!!! น้องผู้หญิง คนนั้นนะ คุยอะไรกันอยู่...น้องผู้หญิงเจ้าของวันเกิดถูกเรียกออกมา..ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆที่มองตามกันเป็นระวิง น้องเแกทำหน้างง อต่ก็ยอมเดินออกมาดีๆ

"เมื่อกี้ที่พี่พูดได้ฟังบ้างมั้ย"ถึงน้ำเสียงพี่ฝ้ายจะนิ้งแต่พอฟังแล้วโคตรกดดัน

"ฟ...ฟัง ฟังค่ะ "น้องตอบด้วยเสียงสั่นๆ

"พี่พูดว่าอะไร"น้องเงียบไม่ยอมตอบได้แต่ก้มมองอยู่ที่พื้น

"พี่ถามว่าพี่พูดว่าอะไร..ไม่ได้ยินหรอค่ะ..!!"พี่ฝ้ายเริ่มตะคอกเสียงใส่จนน้องต้องเงยหน้าขึ้นมามองแบบตรงๆกับะี่ฝ้ายดวงตากลมโตของน้องที่เคยสดใสกลับถูกแทนที่ด้วยหยดน้ำตาแทน และระหว่างที่น้องกพลังก้มเงยๆอยู่นั้น อิกี้ที่ แสตนบายอยู่ด้านหลังก็ชูป้ายที่มีข้อความเขียนไว้ บอกให้น้อง ร้องเพลง แฮปปี้เบิร์ธเดย์ พร้อมๆกัน บรรยากาศ ในซุ้มเริ่มดีขึ้น เมื่อทุกคนได้รู้ความจริงว่านี้มันเป็นเพียงแค่ละครฉากนึงที่พวกผมมีไว้เตรียมต้อนรับเหล่าน้องๆเพียงเท่านั้น

"เอาหล่ะน้องผู้ชายคนนั้นขึ้นสิ"พี่ฝ้ายลี้นิ้วไปที่น้องผู้ชายหน้าหล่อๆคนนึง ที่นั่งอยู่ตรงกลางของแถว

"ครับ"น้องยืนขึ้นพร้อมกับหลุดยิ้ม

"เริ่มสิ.."พี่ฝ้ายกระซิบบอก น้องมันทำหน้างงๆจนพี่ฝ้ายต้องชี้นิ้วไปที่ป้ายด้านหลัง ที่เขียนว่า HBD ตัวเป้งไ มันถึงพยักหน้าเข้าใจ

จังหวะกลองดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือที่ค่อยๆดังตามกันมาและยังตามมาพร้อมกับ บทเพลงที่พวกเราชาวมนุษย์ศาสตร์ร่วมกันร้องให้กับน้อง แนน  (อ่านป้ายชื่อน้องเขาเอา)

น้องเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนๆด้วยความตกใจ น้ำตายังคง เอ่อล้นอยู่ที่ดวงตาคู่นั่น  . .เพลงจบ..บรรยากาศเริ่มเงียบกริิ่บ ใจผมเริ่มเต้นตุ้มๆต่อมๆเพราะต้องเป็นคนถือเค้กมาให้น้องพร้อมกับต้องประคองเพื่อไม่ให้มันเผลอหลุดมือไป..น้องหันกลับมามองผมพร้อมกับเอามือมาป้องปาก

"เป่าได้แล้วคนสวย...พี่เมื่อย"จะว่าไปเค้กร้านนี้หนักทอปปิ้งดีแหะ เยอะดีชิบหาย

น้องแนนยกมือเช็ดน้ำตาที่ค้างแก้มก่อนจะกุมมือและหลับตา ก่อนจะเปาเทียนรวดเดียวจนหมด....

เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง น้องยิ้มขอบคุณพี่้ฝ้่ายและพวกๆปีสามทุดคนแถมยังเดินมากอดผมอีก..เห็นแบบนี้ผมก็เขินเป็นนะครับ. . .หึหึ

กิจกรรมจบลงไปด้วยความทุ่มเทและความตั้งใจ ของพวกเรา น้องทุกคนแฮปปี้ ปีสามอย่างพวกผมก็แฮปปี้ จะว่าไปหลังจากผ่านช่วงรับน้องมาได้สามสี่วันชีวิตของผมก็กลับมาวุ่นวายเหมือนเดิม กิจวัตรประจำวันก็มีกิน เรียน นอน ซ้อมกีฬา แต่ถึงเวลาจะมีน้อย แต่ความสัมพันธ์ของผมกับกายมันก็ยังอยู่ไม่ได้หายไปไหนนะ เพียงแต่หลายว้นมานี้ผมไปหามันที่คณะแล้วไม่ค่อยเจอม้นเลย พอไปถามพวกไอบอสไอเบล เพื่อนในกลุ่ม วิศวะ มันก็บอกว่าคงยุ่งซ้อมบอล ซ้อมบาสไปตามระเบียบ ไอคิดถึงอะมันก็คิดถึง.แต่่ถ้าผมไปหามัน..ต้องเสียสมาธิมากแน่ๆ กายมันก็คงทำแบบเดียวกับผม คือปล่อยให้ช่วงนี้ เราอยู่ห่างๆแต่ก็ยังมีโทรคุยกันบ้าง..ไม่ใช่เงียบหายไปดื้อๆ

ครืดดดด!!!!

นั้นไงบ่นถึงไม่ทันไรมันมันก็โทรมาพอดี ผมแอบเบ้ปากใส่โทรศัพท์ก่อนกดรับ

"เออ"

"ทำอะไรอยู่"เป็นประโยคที่ผมฟังจนชินหูในทุกครั้งที่เราคุยกัน กายมันจะเริ่มการคุยด้วยคำพูดนี้ทุกที

"เปลี่ยนคำถามบ้างก็ได้มึง..."

"รักกูมั้ยอะ"เชี่ยอันนี้ก็เกินไป

"...."ไม่เงียบไม่ตอบ กวนตีนมัน

"เร็วๆดิรอฟังอยู่เนี้ย.."

"เออมั้ง.."

"ไม่เอามั้ง.."

"เออ"

"เอออะไร" แหมะ..มีขึ้นเสียงใส่ด้วยเว้ย

"เออรักครับรักพอใจรึยัง"ห่ามันคงคิดว่าคำว่ารักมันพูดง่ายมากเลยรึไงกัน..

"หึ"

"แล้วช่วงนี้ เป็นไงบ้างอะซ้อมหนักเลยเหรอ"

"ก็พอตัวอะ อีกสองวันก็แข่งจริงแล้วนิ่"จริงๆผมยังไม่ได้บอกกายมันเลยนะไอเรื่องลงแข่งเนี้ย..ไม่รู้ว่าำอวินเพื่อนรักมันจะคาบข่าวไปบอกบ้างรึยัง...

"แล้วมึงไม่ลงแข่งอะไรบ้างหรอ..เห็นไปซ้อมแบตกับเพื่อนบ่อยอยู่นิ่"

"ไม่วะกลัวอาย"

"อายอะไรวะคนเยอแยะ"

"กูเล่นกีฬาไม่เป็นมึงก็รู้"

"มาหาสิเดี้ยวสอนให้..ตัวต่อตัวเลย" ไอนี้ก็อ้อนกูตลอด..

"หึหึ กลัวจะไม่ได้แค่ซ้อมนะสิ"

"เบื่อคนรู้ทันวะ "ระหว่างนั้นเองก็มีเสียงเรียกชื่อไอกายดังผ่านลอดสายมา "(ไอกายเร็วดิวะ กินน้ำพ่องเป็นชั่วโมง นี้จะบอกนะว่ามึงเอาเวลาพักมาโทรหาสาว) มีหนวดไลๆมีขนหน้าแข็งแบบกูเรียกสาวได้ป่าววะ ก๊ากก
ผมก็บ้าไหลไปตามมัน - -"

"เออเจ.."

"อือไปซ้อมต่อเหอะ..กูไม่กวนแล้ว แต่ฝากตบห้วไอเชี้ยที่เรียกกูสาวเมื่อกี้ทีละกัน"

"ได้ๆเดี้ยวบอกว่าเมียสั่งฮ่าๆ" ผมวางสายจากกายได้ห้านาทีแล้วแต่จะว่าไปการที่นานๆ ทีได้กลับมาคุยกันมันก็็ทำให้ความคิดถึงเพิ่มขึ้นได้เหมือนกัน..จากปกติทีีผมกับมันจะพิมพ์คุยกันผ่านตัวอักษร..ไม่ได้ยินเสียงกัน..แต่พอมาถึงจุดๆนึงหัวใจผมมันก็เริ่มเรียกร้องหนักขึ้น จากตัวอักษรเป็นความคิดถึงจากความคิดถึงเป็นเสียงจากเสียงเป็นอย่างเจอหน้า..เอาวะอย่างน้อยขอ ไปแอบมองนิดๆหน่อยๆก็ยังดี....

ผมยืนรอรถ ชัตเติลบัส ของมหาลัยวิ่งผ่านอยู่ที่จุดรอ รถ สถานที่ๆมันกำลังจะพาตัวผมไปคือตึก เค ที่อยู่ใกล้ๆกับสนามกีฬา ใหญ่ที่กายมันซ้อมกีฬาอยู่

อากาศยามเย็นช่วงโพล้เพล้แบบนี้ ลมพัดเย็นๆ เข้ากระทบที่หน้าช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย.. เวลาที่นั่งเหม่อลอยมองดู ตึก ทีีอยู่รอบตัวผมก็แอบนึกถีงหน้า มัน แล้วก็เผลอยิ้มตาม พร้อมกับคิดอะไรเล่นๆไปเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลา ไม่นานนักรถก็หยุดอยู่ที่หน้าตึก  ผมเดิน เยื้อง แค่แปปเดียวตอนนี้ก็ถึงสนามใหญ่แล้ว.. จะแอบแกล้ง เซอร์ไพรส์ มันดีรึเปล่า...แต่คิดๆไปคิดมาไม่เอาดีกว่า เสียเวลา ไปนั่งเนียนๆกับพวก นิสิตกลุ่มนั้น ที่นั่งถือป้ายไฟ ระโยงระยาง โบกมือไปมาดีกว่า..และดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตุเห็นผมด้วยแหะ สายตาแต่ละคนมัวแต่จ้องมองคนที่วิ่งวุ่นซ้อมกันอยู่ในสนามรวมถึงตัวผมด้วยที่เอาแต่มอง กายมันวิ่งๆแย่งลูกฟุตบอลกับเพื่อนๆ ของมันในสนามอยู่พักใหญ่

ช่วงทุ่มกว่าๆ คนใน แสตนเริ่มน้อยลง แต่ คนในสนามยังคงฟิตปั๋งกันอยู่ครับ ไม่รู้จัก เหนื่อยกันเล๊ย พวกบ้าพลัง ผมเห็นเหล่า แฟนๆ ที่มานั่งรอ อาศัย เวลาพักเดินเอาน้ำไปให้แฟนถึงสนาม ผมเองก็อยากทำบ้างนะ.. แต่ในกระเป๋าตอนนี้มีแต่นมตราหมี มันพอจะทดแทน ไอพวกเกลือแร่พวกนั้นได้บ้างมั้ยนะ..แต่ผมไม่สนอะเรามาด้วยใจให้ด้วยใจ..ยังไงก็ชนะขาดอยู่แล้ว... ผมเดินยิ้มๆผ่านคนที่เดินกลับมาหลังจากที่ให้น้ำแฟนๆกันเสร็จ...เจาะหลอดเรียบร้อยเหลือก็แต่ยื่นให้ผมรอจังหว่ะ ที่ สาวๆกลุ่มนั้น ถ่ายรูปกับกายมันเสร็จ จึงค่อยๆก้าวเข้าไป..เพราะไม่อยากให้มันรู้ตัว...


แต่แล้วเท้าที่ค่อยๆก้่าวของผมก็หยุดชะงักเมื่อ คนที่เดินผ่านหน้าผมไปเมื่อกี้

คือนิ้ง ....

Tbc. . .

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Chapter:41

บอกไม่ถูกเลยว่า อาการของผมในตอนนี้ มันเรียกว่าอะไร และสิ่งนึงที่ผมยังอยากรู้และกำลังต้องการคำตอบในตอนนี้คือ... นิ้ง มา ทำ ไม และ  มาทำอะไร ?

แสง สปอตไลท์ ที่ส่องอยู่ทั่วสนาม สาดส่องไปที่เธอคนนั้นผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ ...ดูเด่นเกินบรรยาย ใบหน้าที่ขาวใสไร้ที่ติ จมูกสันคม ปากเรียวเล็ก พร้อมกับแขนและขา ที่ดูเข้ารูปบวกกับการแต่งตัวของเธอ ก็ทำเอาพวกผู้ชายที่อยู่ระแวกนั้นหันมองตามกันหมด รวมถึง..กายด้วย


"เหนื่อยมั้ย..กาย"แค่ชื่อที่ออกมาจากปากเธอก็ทำเอาผมหงุดหงิดแบบสุดๆ

"ก็นิดหน่อยนะ..แล้วนิ้งมาได้ยังไงอะ.."เสียงที่มันตอบไปไม่ได้ดูหวานแหววออกจะดูเป็นปกติแต่ถ้ามันเงียบตึงหรือบึ้งใส่ผมคงจะรู้สึกดีมากกว่านี้

"อ๋อ..เอ่อ...คือ..พอดีนิ้งว่างๆอะ ก็เลยอยากมาดูกายซ้อม กีฬาซะหน่อย ดูสิ..เหงื่อออกเต็มหน้าเลย มานี้มา... "เธอล้วงมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าก่อนจะค่อยๆบรรจงเช็ดที่แก้มและขมับมันอย่างเบามือ ...

"เอ่อ..ไม่เป็นไรหรอกเดี้ยวก็กลับไปอาบน้ำแล้ว... อีกอย่างนี้ก็ดึกแล้วด้วย..กายว่านิ้งรีบกลับเถอะนะ...

"อะไรอะกายนิ้งพึ่งมาเองนะจะให้กลับอีกแล้วหรอ.."อีกแล้วเหรอ ของเธอนี้หมายความว่ายังไง .. เธอไม่ได้มาที่นี้เป็นครั้งแรกเหรอ... ผมยืนนิ่งหน้าเครียดคิ้วขมวดกันเป็นปม เผลอกำหมัดแน่น จนรู้สึกเปียกที่มือ พอก้มลงไปดูก็เห็นนม ที่ตั้งใจจะเอามาให้มัน มันไหล เต็มไม้เต็มมือผมไปหมด

"อ้่่าวเจ หวัดดี.."เสียงเรียกของใครบางคนทำให้ผมต้องหันควับกลับไปมอง ก็เจอไอบอส..เพื่อนในกลุ่มวิศวะของมัน

"เออ ดี"ผมพยายามคิดคำพูดและน้ำเสียงที่คิดว่านิ่งที่สุดแต่..ผมควบคุมอารมณ์ในตอนนี้ไม่ได้จริงๆ(ไว้มาขอโทษวันหลังนะมึง)


"เป็นอะไรอะ..โมโหอะไรมารึเปล่าทำหน้าบึ้งเชียว..."

"..."ผมไม่ตอบและทำท่าจะเดินหนี ขืนยืนคุยนานมีเหวี่ยงแน่ๆ

"อย่าบอกนะว่ามาหาไอกายมัน..ถ้าจะหาละก็มันอยู่..."คำพูดของไอบอส ค่อยๆเบาลงเมื่อมันหันกลับไปมองที่สนามและเห็นภาพในแบบทีีผมพึ่งจะเห็นไปเมื่อครู่

"เชี้ย..ซวยแล้วไง"มันบ่นพึมๆพัมๆ อะไรของมันอยู่คนเดียว..ส่วนผมก็อาศัยจังหว่ะนี้เดินเลี่ยงออกมาจากสนามยอมรับเลยครับ ว่าผมทั้งโกรธ ทั้งหึง ทั้งโมโห.. แม้งปะปนกันไปหมดอะ หงุดหงิด อยาก อยู่ คนเดียว และที่สำคัญ คือผมอยากระบายไอสิ่งที่มัน กำลังร้อนลุ่มอยู่ในใจผม ในตอนนี้ออกไปให้หมดเพียงแต่ยังไม่รู้ว่าควรทำวิธีไหนดี..

ในเวลาแบบนี้รถ ชัตเตอร์บัสของ มหาลัยหมดเวลาทำการ แล้ว เพื่อนแถวนี้ก็ไม่มีไอวินก็ไม่อยู่ไม่รู้หายหัวไปไหนของมัน..ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว.
ผมเดินตีอกชกหัวตัวเองออกมาจากสนามพยายาม ไล่ภาพบ้าๆที่พึ่งเจอออกจากหัวแต่ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็ไม่ช่วย ให้ผมลืมได้เลยจริงๆ


หมั่บ
ระหว่างที่เดินๆมึนๆอย่างหัวเสียอยู่อย่างนั้น มืิอของผมก็ถูกกระชากกลับไปอย่างแรง



"เดี๋ยว..เจ"...นี้ไงครับไอตัวต้นเหตุมันโผล่หัวออกมาแล้ว ..

"ปล่อย!" ไม่ว่าเรื่องเมื่อกี้มันจะเป็นอะไรก็ตาม ผมบอกตามตรงเลยว่าผมไม่โอเค ..

"ฟ้งก่อนดิ่..เมื่อกี้ที่มึงเห็น มันแค่..."

"แค่..แค่แฟน..เก่า..แฟนที่มึงเคยบอกกับกูว่ามึงไม่อะไร แฟนที่มึงเคยบอกกับกูว่ามึงไม่ได้ติดต่อกับเขาแล้ว...แต่วันนี้สิ่งที่กูเห็นมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่มึงพูดทุกอย่างเลยเลยวะกาย...."กายมันทำหน้านิ่งไปแต่มือของมันก็ยังคงจับมือผมไว้

"กูอธิบายได้นะเจ..คือเรื่องทีืมันเกิดขึ้นกูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่านิ้งเขาโผล่มาหาได้ยังไง ...คือ.."

"มึงไม่รู้จริงๆหรอ... ครั้งนี้ไม่รู้แล้วครั้งก่อนละ ที่หน้าคณะ วันที่มึงบอกกับกูว่ามึงอยู่กับเพื่อน..แต่จริงๆแล้วมึงอยู่่กับเขา... เรื่องนี้มึงจะอธิบายว่ายังไงกาย?" ในตอนนี้เรื่องราวอะไรทีีเคยค้างคาใจผมปล่อยมาหมดแล้วครับ ไม่มีหลงเหลือเลยแม้แต่นิดเดียว

"มึง...รู้..."เสียงของมันเริ่มสั่นๆพร้อมกับมือของมันที่ค่อยๆอ่อนแรงลง

"ใช่กูรู้ รู้มานานมากแล้วด้วย มึงมีอะไรจะแก้ตัวหรือหลอกกูอีกมั้ยกาย? ข้อมือมันที่รั้งมือผมค่อยๆอ่อนลงผมเลยอาศัยจังหว่ะนั้นดึงมือตัวเองกลับคืนมา...

"เจ..เดี้ยวๆฟังกูก่อน คือเรื่องทั้งหมดมันมี เหตุผลนะ คือกูอธิบายได้.. ในตอนนั้นเองบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงก็โผล่มา

"กาย...รีบไปไหนคะ ไม่เห็นรอกันบ้างเลย..เอ..แล้วนี้..." เธอมองมาที่ผมแล้วทำหน้าสงสัย

"นี้สินะ ที่มึงจะอธิบาย..." น้ำตาอาบไหลข้างแก้มทั้งสองข้างบอกไม่ถูกเลยว่า ว่าเรื่องที่มันโกหกกับภาพตรงหน้าผมในตอนนี้อย่างไหนมันเจ็บกว่ากัน....

เอี๊ยดด...


"อ้าว เจ..."เสียงมอเตอร์ไซค์จอด ข้างๆตัวผม บุคคลที่เดินลงมาคืออะตอม...มาได้เวลาพอดี

"อะตอมมึงไปส่งกูที่บ้านทีดิ่"ผมใช้มือข้างที่ว่างจากการกำหมัดขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบอยู่ข้างแก้ม

"เฮ้ย..ร้องไหทำไม..ใครทำอะไร..อย่าบอกนะว่า..."อะตอมมันเดินมาบังหน้าผมไว้และยื่นมือไปกระชากคอเสื้อกายอย่างหาเรื่อง..

"มึงทำอะไรเจ ห้ะ..." กายมันนิ่งไม่่ยอมตอบหรือพูดไม่ผมออกก็ไม่รู้...

"พอเหอะ..มึง..ปล่อยมันไป..."ผมพยายามดึงแขนอะตอมให้มันหลุดออกแต่แรงผมไม่ได้สร้างความสะทกสะท้านอะไรให้มันเลยแม้แต่น้อย อะตอทยังคงยืนประชันหน้ากับไอกายอยู่เหมือนเดิม

"อะตอม...กูขอร้อง!"ผมพูดอย่างหมดแรง..อะตอมยอมปล่อยมือและหันมามองผม

"เจ กูขอโทษ... "หน้ามันเสียอย่างเห็นได้ชัด... "ได้ๆกูจะพามึงกลับเดี้ยวนี้แหละ.."มันหันไปคาดโทษไอกายก่อนจะพาผมขึ้นรถและรีบขับออกมาจากบริเวณนั้น...

และก่อนที่จะออกมาผมยังคงได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ กำลังวิ่งตามมา และถ้าผมหันหลังกลับไปมองสักนิด..ผมก็อาจจะเห็นผู้ชายตัวสูงๆคนนึงกำลังวิ่งตามผมมาเขาวิ่งสะดุดหกล้มขมำไปกับพื้นและกำลังพยายาม ตะเกียดตะกาย อ้อนวอน ขอให้ผมกลับมาฟังคำอธิบาย...เพียงแต่ผมแกล้งไม่ได้ยิน..และไม่คิดที่จะหันไปมอง...


. . . .

ผมมาถึงที่ร้าน ในเวลาเกือบสองทุ่มครึ่ง ทันทีที่ขาตั้งของมอเตอร์ไซด์ของอะตอมจอดติดกับพื้น อะตอมมันก็หันหน้ามามองผมเหมือนอยากจะเอ่ยปากถามอะไรสักอย่าง
. . . เพียงแต่เขาไม่กล้าพูด..

"เจ...เป็นไรมากปะวะ..เมื่อกี้กูเห็นมึงร้องไหด้วยนิ ไอนั้นมันทำอะไร..บอกกูได้มั้ย"เสียงที่เอ่ยมาอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลบวกกับการสัมผัสที่ไหล่ซ้ายของอะตอม ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่บ้าง ผมเงยหน้าขึ้นมองอะตอมพร้อมกับพยายามฝืนยิ้ม ที่คิดว่ามันอาจจะพอตบตา ให้อะตอมรู้สึกเป็นห่วงผมน้อยลงได้. . .แต่ความเป็นจริงแล้วไม่เลย..ผมยิ้มไม่ออกเลยจริงๆ

"กู..ขออยู่คนเดียวได้มั้ย"อาจจะเป็นการตอบที่หยาบคายแต่ผมก็คงต้องพูดเพราะในเวลาแบบนี้ต่อให้มี คนเข้ามาเทคแคร์ดูแลดีแค่ไหนสิ่งที่ผมพอทำได้ก็คือนั่งเงียบใส่เพียงอย่างเดียว..

"แต่.กู"อะตอมพยายามพูดขึ้นแต่ผมรีบพูดแทรก

"กูไหว..แต่กูขอเวลาหน่อย.."

"แต่"...

"ูขอร้อง" ผมจ้องหน้าอะตอมพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้น จนเกือบจะไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง

"ก็ได้.."เสียงอะตอมแผ่วลง..อะตอมยื่นมือมาเช็ดคราบน้ำตาที่ข้างแก้มผม ก่อนจะส่งยิ้มให้

"มีใครเคยบอกมั้ย ว่าตอนมึงร้องนี้โคตรน่าเกลียดเลยวะ..."

"หึ.."ผมเกือบจะหลุดขำกับคำพูดของมันทั้งน้ำตา

"ถ้าโอเคแล้วโทรมาบอกกูด้วยละกัน "อะตอมแตะที่บ่าผมทั้งสองข้างเหมือนเป็นการให้กำลังใจก่อนจะหันหลังขึ้นคล่อม สตาร์ทรถและขี่ออกไป...

ผมเดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเองด้วยสภาพ เหมือน ซังกะตาย มันรู้สึกเหวงๆ มองอะไรรอบตัวก็หงุดหงิดไปหมด..ขนาดผมมองกรอบรูปที่มีรูปผมกับรูปไอกาย ผมยังอยากเดินไปหยิบแล้วเควี้ยงมันออกทางหน้าต่าง แต่กลัวจะไปโดนหัวของใครเขา ผมถึงทนนั่งนิ่งเฉยๆอยู่ที่เตียงไม่ยอมลุกไปไหน...

เวลาตีหนึ่งกว่าๆผมยังคงนั่งตาสว่างอยู่ในห้องทั้งๆที่คนในบ้านหลับกันไปหมดแล้ว ผมพยายามเดินลุกขึ้นยืนไปทั่วห้องเพื่อไล่ความคิด ออกจากหัวแต่เหมือรยิ่งทำมันก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ผมยิ่งจพมากขึ้นเลย
..

ครืดดดด!! เสียงโทรศัพท์สั่นๆยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง ผมเหลือบมอง เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา แค่แวปเดียวก็รู้ว่าเป็นเบอร์ของใคร

ผมปล่อยให้เสียงมันดังอยู่อย่างนั้นจนมันดับไปเองแล้วเดินออกมาที่นอกระเบียงเพื่อสงบสติตัวเอง

ลมอ่อนเย็นๆ มี่ล่องลอยไปทั่วชั้นบรรยากาศ ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแต่ก็แค่แปปเดียวเพราะขนาดผมเงยหน้าขึ้นมองท้องผ้ายังเห็นหน้าของมันเลย.
เห้อ...ใกล้บ้าแล้วสิกู
. . . .

เอ้ก อิ เอ้กเอ้ก !!!!
 .. . เสียงไก่ขันที่ดังอยู่บ้านข้างๆ  ช่วยเรียกสติผมที่กำลังเหม่อๆ หลังจากที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน

ผมเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาพร้อมก้บถามตัวเองในกระจกบานตรงหน้า

"กูเป็นบ้าอะไรของกูวะเนี้ย.."ถามตัวทั้งๆที่ก็รู่ว่ากำลังเป็นอะไรอยู่ แต่ผมไม่รู้วิธีที่จะช่วยให้ตัวเองเลิกคิดมากได้เลยเพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่บรรยากาศเดิมๆ แถมยังชวนให้หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา

ผมเดินลงมาข้าง ด้วยอารมณ์ที่มันยังไม่คงที่ และก็ต้องแปลกใจที่ดันเห็นห้วไอวินนั่ง ก้มๆเงยๆทำอะไรอยู่ในครัว..

"อ้ะอ้าว ไอเจ ตื่นเช้าจังมึง"วินมันหันมามองหน้าพร้อมกับรีบกลืนไอสิ่งที่มันพึ่งจะนั่งเคี้ยวลงคอไป..

"อะ..อ่าส์.."

"มึงมาทำไมแต่เช้า"ผมถามมันด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

"แล้วทำไมมึงต้องทำหน้าส้นตีนแบบนั้นใส่กูด้วยฮ่ะ" อาจจะจริงของมันแต่นี้มันก็เป็นสีหน้าที่ดูปกติที่สุดของผมในเวลาแบบนี้แล้วนะ

"กูก็ืปกติเหอะ..แต่มึงอะไม่ปกติ มาทำห่าอะไรแต่เช้าเนี้ย"

"ก็กูเหงาเพื่อนไม่มีเพื่อนคบวันนี้เกิดคิดถึงมึงแปลกๆก็เลยมาหา"หลับตาฟังผมยังรู้เลยว่ามันกำลังตอแหล

"ขอสาระ"

"จริงๆจะมาชวนมึงไปดูกูซ้อมกีฬา วันนี้เนมมันไม่ว่างกูก็เลยมาชวนเพื่อมึงจะว่างไปกับกู"ไอว่างนะมันก็ว่างแต่ถ้าจะให้ผมไปนั่งดูแล้วมีไอกายเป็นแบล็คกราวอยู่ข้างหลังผมไม่ไปหรอกนะ.

"กูมีธุระ"ผมแกล้งโกหกมันไป

"ธุระอะไรของมึง"

"ที่คณะ"

"อย่ามาแหลเลยไอเจ มึงลืมไปแล้วหรอว่าเด็กกูมันก็เรียนคณะเดียวกับมึง เรื่องแค่นี้ทำไมกูจะไม่รู้ฮ่ะ"ถ้าเจอหน้าไอเนมผมสาบานเลยว่าจะเบิ๊ดกระโหลกมันสักที ข้อหาดันเสือกคาบข่าวไปบอกไอวิน

"กูไม่อยากไป..กูปวดหัว"

"ไปนั่งดูกูเดี๋ยวก็หาย" มันยังคะยั้นคะยอจะให้ผมไป

"วินกูไม่อยากไปจริงๆ"ผมยังคงพูดคำเดิมซ้ำๆหวังให้มันตัดใจและเปลี่ยนความคิดใหม่ แต่ เพื่อนผมมันเป็นคนด้านไงอยากได้อะไรก็ต้องได้.มันเลยลงทุนจนแทบจะลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่างผมก็หมดสกิลจะแถกับมันแล้วเหมือนกันเลยพยักหน้าตอบตกลงมันไป

"แต่ไม่ต้องเสือกบอกใครนะว่ากูไป ให้มึงทำเหมือนไม่เห็นกูเลยก็ได้ยิ่งดี"

"ทำไมเป็นงั้นไป. หรือมึงแอบไปทำอะไรผิดลับหลังมาใช่มั้ยถึงกลัวโดนคนจำได้เนี้ย"ไอวินมันคิดออกดาวอังคารไปแล้ว ผมก็เลยได้แต่พูดเออๆบอกกับมันเพราะขี้เกียดเถียงอะไรกับมันอีก

. . . . .

สนามกีฬาใหญ่ ใกล้กับตึกวิศวะ


ผมเดินมานั่งอยู่บนแสตนและเป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกหงุดหงิดทั้งๆที่ยังไม่มีใครมาทำอะไรให้ผมรู้สึกแบบนั้น แต่คืออารมณ์มันไม่ได้ไง อยู่ๆ จะให้ผมมานั่งใจเย็นรอดูไอวินซ้อมบอลอย่างเดียวก็ใช่เรื่อง ถ้าเป็นช่วงที่ผมอารมณ์ดีๆอยู่ก็ว่าไปอย่างแต่นี้คือ ทั้งเครียด หงุดหงิด แต่ต้องมานั่งนิ่งๆยื่นมือไปถ่ายวีดีโอถ่ายส่งรายงานให้เชี้ยเนมแทนไอวิน ผม ก็แทบจะเควี้ยงไอโฟนที่อยู่ในมือ ถ้าไม่ติดที่ว่าซื้อมาหลายตังผมคงทำมันไปแล้ว...


วี๊ดดด วิ๊ววววว!!  เสียงผิวปากดังก้องไปทั่วสนาม ผู้คน วิ่งกันพลุกพล่านไปทั่ว ผมเห็นไอวินใส่เสื้อ บอลสีดำ กำลังวิ่งอยู่ตั้งแต่ไกลๆ และสายตาของผมก็ยังเห็นเพื่อนของมันที่ยืนอยู่ข้างๆกำลังส่งยิ้มให้สาวๆที่กำลังยืนเต้นเชียร์พวกมันจากด้านล่าง ด้วย สายตาที่โคตรจะเป็นมิตร

มิตร ..มิตรหรอ...ไอเหี้ย..คือตอนนี้กูเครียดเรื่องมึงอยู่ไง..เออที่นี้กูก็กำลังโกรธมึงเรื่องเมื่อวานอยู่ด้วย..แตนี้่คือ..มึงกำลังเข้าสนามเพื่อเตะบอลสบายใจเฉิบโดยที่ปล่อยให้กู นั่งมองมึงอ่อยสาวอยู่แบบนี้นะหรอ..

เหอะๆ ผมจับคอเสื้อตัวเองสบัดไล่ลมร้อนๆจากตัวและจากหัวคือ ตอนนี้ผมเริ่มชักไม่แน่ใจแล้วว่าสรุป ตอนนี้ กำลังรู้สึก อย่างไหนมากกว่า กัน จะโกรธหรือจะโมโห ดี


ผมวางไอโฟนที่แสนแพงลงข้างตัว และกำลัง นั่งมองดูการกระทำของมันกับเพื่อนๆของมันในสนามที่กำลังวิ่งเตะบอลกันด้วยรอยยิ้ม และตามมาด้วย,เสียงกรี๊ดของสาวๆที่ดังกระหึ่มทั่วทั้งแสตน..

ช่วงพักครึ่งแรก..ไอวินมันเดินขึ้นมาหาผม ด้วยสภาพเหงื่อชุ่มทั้งตัวเหมือนคนพึ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ

"ไงถ่ายไปถึงไหนแล้ว กูขอดูหน่อย"วินมันยื่นมือมาขอดูไอโฟนของผมที่ถ่ายคริปมันไว้ ผมหยิบยื่นส่งไปให้มันด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

"ถ่ายห่าอะไรของมึงเนี้ย เห็นตัวกูเท่ามด ยังงี้ไอเนนมมันจะเชื่อกูมั้ยละเนี้ย ว่ากูมาเตะบอลจริงๆ"ใจจริงกูไม่อยากจะถ่ายให้มึงเลยด้วยซ้ำ..นี้ถ้าไม่ติดว่ากำผมกำลังมองเพื่อนมันในสนามอยู่ผมคงสวดมันยับไปแล้ว

"กูถ่ายได้เท่านี้ไม่พอใจก็ลบไป"ผมตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้ามัน

"เป็นเชี่ยอะไรของมึงอีกเนี้ย"มันถามผมน้ำเสียงขุ่นๆ

"ก็เปล่า..อย่าเซ้าซี้ดิ"


"มึงแปลกๆไปนะไอเจเป็นห่าอะไรบอกกกูมาดิ่"มันยังคงซักถามอยู่ต่อเนื่องจนฟิวผมมันเริ่มควบคุมไม่อยู่ เลยเผลอพูดอะไรออกไปโดนไม่ทันได้ผ่านการกรองสมองให้ดีก่อน

"โว้ย! เชี่ย มึงจะถามทำเหี้ยอะไรนักหนาเนี้ย กูบอกว่าไม่ได้เป็นไรก็คือไม่เป็นไรไงถามเซ้าซี้อยู่ได้น่ารำคาณ "ผมพูดตอบมันด้วยน้ำเสียงที่ใส่ารมณ์แบบสุดๆ วิน มันยืนจ้องผมนิ่ง... มันนิ่งมากไม่ยอมพูดอะไรกับผมเลยได้แต่ส่งสายตาอึ้งๆ มาที่ผม

"..กู..ขอโทษ.." มันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นทั้งสแตน ผมเหล่ซ้ายขวาไปมองก็เห็นพวกนิสิตทีีกำลังนั่งเชียร์อยู่ใกล้ๆห้นมามองผมเป็นตาเดียว และนั้นก็พึ่งจะทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเอง พึ่ง ทำอะไรลงไป
 . . . .

"กูบอกมึงแล้วว่ากูไม่อยากมา มึงก็ยัง.. เห้อ ช่างแม้ง จะทำอะไรต่อก็แล้วแต่มึงละกัน กูกลับละ"พูดจบผมก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินอ้อมผ่านคนนับสิบที่กำลังมองดูทุกการกระทำของผม

"เดี๋ยวเจ .. . .เดี๋ยวกูไปส่ง"เสียงเรียกชื่อทำให้ผมหันไปมองไอวินอีกครั้ง.
 
"กูกลับเองได้ไม่ได้เป็นง่อย..ส่วนมึงรีบไปอยู่ใกล้ๆเพื่อนมึงนู้นไป"ผมพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่สนาม ตรงจุดที่เพื่อนของมันยืนอยู่ และกำบังมองมาที่ผมอยู่ด้วย..

ผมไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่กำลังจ้องมองมาผมไม่ได้ประหม่าหรืออะไรเพียงแต่ผม แค่อยากจะสงบสติและอารมณ์ตัวเองพร้อมกับคิดทบทวนถึงสิ่งที่ตัวเองพึ่งทำลงไปแต่ไม่ว่าผล มันจะออกมาเป็นยังไงผมก็คงต้องยอมรับและเผชิญกับทุกสิ่งที่มันจะตามมา

กาย.

วันนี้มึงทำให้กู...เสียใจ..
วันข้างหน้า มึง..คงเสียกู... ผมพูดบอกแบบนั้นกับตัวเองก่อนจะรีบเดินออกมา


[กาย]

"ไอวินกูควรทำไงดีวะ เจมันไม่ยอมรับสายกูเลยวะ"ผมกำลังนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นคุยกับไอวินเรื่องเจ ณ บ้านของไอวิน ซึ่งหลังจากที่พึ่งเกิดเหตุการณ์ชวนเข้าใจผิดอย่างแรง ผมก็รีบดิ่งมาที่บ้าน ของไอวิน

ระหว่างที่ผมกำลังจะวิ่งตามรถของไอ เหี้ย นั้น รถคันที่เจยอมขึ้นไปนั่งกับมันส่วนผมก็วิ่งตามเพื่อที่จะอธิบายเรื่องทุกอย่างให้เจเข้าใจ แต่คือเขาไม่อยู่รอฟังผมไง เขาเอาแต่โมโหลูกเดียว ส่วนนิ้ง รายนั้น ผมกล้าพูดออกสื่อเลยว่าผมไม่รู่เรื่องจริงๆว่าเธอมาได้ไง แถมเธอมาไม่ถูกจังหว่ะเอาซะเลย ทำเรื่องทุกอย่างมันแย่ไปหมด.

 . ผมกับนิ้งเราพึ่งบังเอิญเจอกันเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนที่จะเปิดเทอมผ่านแม่ของผม
 (แม่นิ้งเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ผม)

นิ้งกลับมาที่ไทยหลังจากที่ไปเรียนต่อ ที่ต่างประเทศอยู่หลายปี ผมรู้มาแค่นั้น ซึ่งตั้งแต่ทีีเกิดเหตุการณ์คราวนั้นผมก็ตัดขาดกับเธอล็อคเบอร์บล็อคเฟส ทำทุกอย่างที่เพื่อที่ผมจะไม่สามารถเจอเธอผ่านโลกโซเชียลหรืออื่นๆได้...แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกก้บผม ถึงทำให้ผมได้กลับมาเจอกับเธออีกครั้งทั้งๆทีีผมไม่ได้ต้องการอะเลย
..
ทันทีที่ผมมองเธอ ผมไม่ได้มีความรู้สึกพิศวาสอะไรเลยแม่แต่น้อย ถึงตอนนี้เธอจะเปลี่ยนไปมากหรือจะเรียกว่าสวยขึ้นมากเลยก็ได้แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นหรืออะไรเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย.


นอกเรื่องมาเยอะแล้วผมขอพูดถีงเรื่อง ที่กำลังเป็นปัญหาต่อดีกว่า

"เจมันต้องโกรธกูแน่ๆเลย เหี้ยวินกูควรทำไงดีวะ"ผมเหมือนพวกสติหลุดที่ตอนนี้กำลังลนลานหาวิธีปรับความเข้าใจกับไอวินอยู่ที่ห้องนั่งเล้นด้วยท่าทีที่ร้อนรน

"ใจเย็นๆกูว่ามึงใจเย็นๆก่อน ไอกาย จากที่มึงเล่าแล้วกูว่าไอเจมันแค่เข้าใจผิดเพราะดันเสือกมาตรงจังหว่ะกับตอนที่นิ้งผ่านมาพอดี เออที่นี้มันก็เลยเห็นฉากสำคัญของมึงกับนิ้งว่างั้น.."ผมรีบพยักหน้าตอบ ทุกสิ่งที่ำไอวินพูดมันล้วนถูกต้องทุกอย่าง

"แต่เจมันไม่ฟังอะไรกูเลยวะ แถมยังนั่งรถไปกับไอเชี้ยนั้นอีก กูโคตรหงุดหงิดอะ...กูขอไปหาเจก่อนนะ"ผมทำท่าจะลุกขึ้นแต่ไอวินมันดันรั้งแขนผมไว้ใฟ้นั่งลงกับทีดังเดิม

"กูบอกให้มีงใจเย็นๆไงไอกาย"วินมันพยายามอธิบาย

"จะให้กูเย็นยังไงวะ เจมันโกรธกูอยู่นะเว้ย กูต้องรีบไปพูดกับมันเพื่อปรัีบความเข้าใจกันก่อนที่มันจะคิด อะไรไปไกลอีก"

"ก็เพราะมันกำลังโกรธอยู่ไงกูถึงบอกให้มึงอยู่นิ่งๆก่อน ไอเจมันเป็นคนใจเย็นก็จริงแต่คือถ้ามันฟิวขาดแล้ว เหตุผลของมึงยังไงก็ไม่ช่วยเหี้ยอะไรให้ดีขึ้นได้หรอก ตอนนี้แค่มึงอยู่นิ้งๆปล่อยให้มันอยู่คนเดียวไปก่อนรอมันใจเย็นแล้วค่อยคุยกัน"ผมไม่ค่อยจะเข้าใจ ทฤษฎี ของไอวินสักเท่าไหร่ และพยายามรั้นจะฝืนไปอย่างเดียว..

"ไอกาย!!"เสียงไอวินช่วยเรียกสติผมที่กำลังฟุ้งซ่านให้กลับมา

"นั่งลง แล้วฟัง กู"ผมนั่งเงียบตามที่มันบอกและกำลังตั้งใจฟังในสิ่งทีีมันกำลังจะพูด

"กูเป็นเป็นเพื่อนกับมันมาตั้งเกือบสิบปีทำไมกูจะไม่รู้ว่ามันเป็นคนยังไง เวลามันโกรธเคือง เรื่องเล็กๆ น้อย กูตามง้อมันแค่แปปเดียวมันก็หายแล้ว แต่นี้เรื่อง ของมึง มันมีความรู้สึกของไอเจเข้ามาเกี่ยว แล้วมึงก็ดันบังเอิญเป็นแฟนคนแรกของมัน.."

"ก..กูคือคนแรกของเจหรอ"

"ก็เออนะ สินี้มันคงยังไม่เคยบอกมึงสินะ ว่าทุกๆอย่างที่มึงทำกับมันรวมถึงเรื่องอย่างว่า..ล้วนเป็นครั้งแรก ของมันหมด... ไอเจมันเป็นพวกไม่ค่อยรู้ประสีประสาอะไร จะเรียกว่าใสๆเลยก็ได้ แล้วมึงก็เข้าใจกูใชป่ะ ว่าคนที่พึ่งมีความรัดครั้งแรกมันจะเป็นยังไง.."คำพูดไอวอนทำให้ผมต้องคิดตาม

"จริงจัง"

"ใช่จริงจัง ไอเจมันจริงจังกับมึงมาก..เพราะมึงคือความรักครั้งแรกของมัน กูไม่เคยเห็นไอเหี้ยเจมันเป็นอย่างนี้มาก่อน ปกติกูกับมันก็ตัวติดกันอยู่ตลอดมึงน่าจะสังเกตุได้ แต่พอวันที่มีมึงเข้ามา เพื่อนกูมันก็เปลี่ยนไป .. จากที้มัน ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับความรัก มันก็เริ่ม

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Chapter:41/2

ที่จะเรียนรู้ และทำความเข้าใจ เจมันเปราะบางมากนะเว้ย แค่เรื่องความรักความอบอุ่น ที่มันมีก็น้อยกว่าคนอื่นแล้ว"สิ่งที่วินมันกำลังพูดถึงคือเรื่องที่เจไม่มีแม่สินะ

"แล้วมันก็คงจะไม่แปลกอะไรถ้าหากวันนึงความรักของมันต้อง สั่นคลอนเพียงเพราะมีคนอื่นเข้ามาแทนที่ของมัน...เชื่อกูเถอะ ต่อให้เป็นมึงๆก็ทำใจเชื่อ ไม่ได้หรอก เพราะหลักฐานแม้งตำตาขนาดนั้น"

"แล้วกูควรทำไงดีวะ กูคิดไม่อะไรไม่ออกเลยตอนนี้"

"นิ่งๆแล้วจะดีเอง"

"มึงจะให้กูนิ่งไปถึงเมื่อไหร่วะ นิ่งจนไอเหี้ยนั้นมันคาบไปแดกก่อนรึไงห้ะ"ผมเริ่มไม่สบอารมณ์กับความคิดของไอวิน

"ดัดนิสัยไง"

"นิสัย?"

"เจมันชินแต่การที่ถูกมึงง้อ มันถึงกำลังงอล เพื่ิอให้มึงเป็นฝ่ายไปขอโทษและรับผิดกับมัน แต่ถ้ามึงลองคิดในทางกลับกันนะ เรื่องที่มึงเล่า กูฟังครั้งเดียวก็กูเข้าใจแล้วว่ามึงกับนิ้งคงไม่มีอะไรลับหลังกันแน่ๆ แต่ ไอเจมันไม่ฟังไง มึงก็ควรจะปล่อยให้มันเป็นฝ่ายคิดบ้าง"

"แต่มึงก็รู้ว่าเจมัน..."

"เพือนกูกูรู้ดี มันเอาแต่ใจจนเคยชินแล้ว มึงก็ควรหยุดเป็นฝ่ายรับผิดซักที ปล่อยให้มันได้คิดอะไรเองบ้าง  อีกไม่นานถ้ามันคิดได้ มันจะเป็นฝ่ายมาพูดกับมึงเองเชื่อกู"ใจนึงผมก็อยากเชื่อในสิ่งที่วินมันบอกแต่อีกใจนึงก็อยากรีบไปอธิบายเรื่องทุกอย่างให้เจมันเข้าใจ..แต่วินมันก็ไม่ยอมให้ผมไปผมเลยต้องนั่งฟังเรื่องแผนการ ที่จะให้เจมาเป็นฝ่ายพูดกับผม โดยสิ่งที่ผมต้องทำก็คือ ทำตัวเป็นสาก นิ่งๆเข้าไว้ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เชื่อมั้ย กว่าที่ผมจะทำใจ ให้สงบและเชื่อยอมทำตามแผนของไอวินได้นี้มันไม่ง่ายเลย..ไม่ง่ายเลยจริงๆ

วันถัดมามีนัดซ้อมกีฬาวันสุดท้ายก่อนแข่งจริง จะว่่าไปใจผมมันก็เริ่มเย็นขึ้นมาหน่อยๆแล้ว ผมเดินออกมาจากสแตนพร้อมกับไอวินที่วันนี้ มันก็ยังคอยกำชับ บอกเรื่องแผนการและย้ำเตือนผมบ่อยๆว่าให้อยู่นิ่งๆ ผมก็พยักหน้าเข้าใจและยอมทำตามในสิ่งที่เราสองคนเตี๊ยมกันมา...

พอเริ่มเล่นได้ช่วงต้นเกม สายตาผมบังเอิญ แบบบังเอิญจริงๆ เพราะมันมองไปเห็นสายตาดุๆจากใครคนนึงเข้า เขาคนนั้นกำลังมองผมด้วยสายตาที่มันมีคำถามมากมายแอบแฝงไว้อยู่ในดวงตาคู่นั้นนั้น และ ผมเองก็พยายามที่จะไม่หันมอง ผมข่มใจอยู่นานมาก จนเมื่อถึงช่วงเวลาพักครึ่งแรก วินมันหายออกไปจากสนาม ผมเห็นมันรีบวิ่งดุ่มๆไปหาเจ ที่กำลังนั่งหน้ามุ้ยพร้อมระเบิดอารมณ์ใส่ได้ทุกเมื่อ ขนาดผมเป็นคนที่ไม่เคยกลัวใครแต่พอเห็นเจในอารมณ์แบบนี้บอกได้คำเดียวครับ ว่ามันน่ากลัวมาก

ผมเห็นสองคนนั้นยืนคุยอะไรอยู่นาน จนในที่สุดเจก็เดินลงมาจากสแตนส่วนไอวินมันกำลังยืนเอ๋อ ส่งสายตาหม่นๆมาที่ผม ผมเดาไม่ออกเลยว่าไอวินมันจะสื่ออะไรให้ผมฟัง

ผมนับหนึ่งถึงสามในใจและเฝ้าถามตัวเองว่าควรตามไปดีมั้ยแต่แล้ว สายตาของไอวินที่มองมาก็เหมือนเป็นการบอก ให้ผมอยู่เฉยๆ ผมก็เลยกลับขึ้นสแตน เพื่อนส่งพัดและรอเวลา เข้าสนาม ครึ่งหลัง

. . .. . . .

[เจ]

. .  .

จะบอกว่าไงดีอารมณ์ผมในตอนนี้แปลปรวนยิ่งกว่าผู้หญิงที่เป็นประจำเดือนซะอีก .. คือ หลังจากที่ผมกลับมา จากที่สนามใหญ่ผมก็มานั่งหมกตัวอยู่ในตึกคณะมนุษย์ โดยมีอิกี้กับอิเบนนั่งอยู่ข้างๆผมด้วย

"หืมแบบนี้มันต้องตบ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย"อิกี้มันนั่งบ่นเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้มาสักพักแล้วครับหลังจากที่ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกมันสองตัว ฟัง (เพราะทนเสียงคะยั้นคะนอของพวกมันไม่ไหวเลยต้องเล่าให้พวกมันฟัง)

"กูเห็นด้วยแต่ก่อนที่จะตบกูขอจูบผู้ก่อนนะมึงเสียดายของ"

"โอ้ย อิเบน มึงเลิกคันสัก แปปได้มะ คือเพื่อนมึงมันไม่โอเคอยู่มึงไม่เห็นรึไง"เสียงของอิกี้กับอิเบนเพื่อนผมกำลังถกเถียงเรื่องอะไรสักอย่างผมไม่ทันฟัง เพราะตอนนี้ในหัวผมมีแต่เรื่องของมันและการทำตัวของมัน ในวันนี้บอกได้เลยว่าฉุนขาด มันหงุดหงิดแต่บอกใครไม่ได้นี้แหละตัวผมและสิ่งที่ยิ่งไปกว่านั้นคือการ ที่กายมันทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี้แหละที่ทำให้ผมหงุดหงิดแบบสุดๆ.....


Tbc. . . . . .

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Chapter:42

และแล้ววันที่เหล่าคณะอาจารย์รอคอยก็มาถึงวันนี้เป็นวันแข่งกีฬาสานสัมพันธ์หรือกีฬาของมหาลัยอะไรก็ตามแต่ คือวันนี้ผมตื่นเช้าเพื่อ มากเพื่อ มารอ ซ้อมที่สนามแบตอีกครั้ง ก่อนลงสนามจริงและเป็นอีกวันที่ผมยังคงคิดเรื่องของกายมันไม่หยุด จะว่ายังไงดีละ ไม่ว่าจะกินหรือจะนอน ผมก็คงเห็นแต่หน้าม้นลอยทั่วไปหมด..ผมกล้า
ยอมรับครับตรงๆเลยครับว่าคิดถึงมัน แต่ถ้าจะให้ผมกลับไปคุยเหมือนปกติทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นผมทำไม่ได้หรอกนะ

(ก็แกไม่ยอมฟังที่เขาจะอธิบายนะสิ)


ช่วงสายของวันเวลาเก้าโมงกว่าๆ ผมเดินลัดเลาะ แบบเนียนๆ แอบเดินไปที่ตึกวิศวะโดยใช้วิธีการที่แสนคลาสสิคนั้นคือการ นั่งรถของบัสของทางมหาลัยไปแบบเนียนๆ ยังจำกันได้มั้ยครับ ผมมีช็อปวิศวะของไอกายอยู่จากเหตุการณ์หมึกหกใส่หลังครั้งนั้น จะบอกว่า ตัวผมมันรั้นในการมามาก แต่เหมือนใจผมมันคงจะคิดอีกอย่าง ครับ กว่าจะรู้ตัวอีกทีตอนนี้ผมก็อยู่หน้าตึก แล้วเวลาแบบนี้ผมคิดว่าคนอาจจะยังมากันไม่เยอะ แต่ผมคิดผิดครับ มันเยอะ เยอะมาก เยอะเหมือนวันเปิดโอเพ้นเฮ้าเลย  นิสิตทุกคนต่างมาในชุดแต่ละตำแหน่งบางคนใส่ชุดบอล ชุดลีด หรือแม้แต่ชุดมวยไทยพร้อมใส่นวมก็ยังมีให้เห็น ผมไม่เข้าใจตัวเองว่า จะแอบมาทั้งๆที่โกรธมันอยู่ทำไม ผมเฝ้าถามตัวเองแบบนั้น และหันหลังกลับในทันที

ฟึบ...

มือของใครคนนึงฉุดกระฉากแขนของผมไว้ ผมหันหลังตามไปมองก็เจอเข้ากับ อะตอม ซึ่งวันนี้มันมาในชุด ไปรเวตใส่สบายๆ

"จะรีบไปไหนอะ ไม่อยู่รอดูกูแข่งก่อนหรอ "อะตอมถามขึ้นโชวฟันครบสามสิบสองซี่

"มึงแข่งอะไรอะ แล้วแข่งบ้านไหนเขาแต่งตัวแบบนี้กัน"ผมถามกลับไปด้วยความสงสัย

"ก็มันยังไม่ถึงเวลาอะ แล้วนี้ มาหาใครอะ อย่าบอกนะ ว่ามาหากู แหนะๆ ทนคิดถึงกูไม่ไหวจนถึงขนาดต้องรีบมาหาที่คณะแต่เช้าเลยหรอวะ...หึ้ยย"อะตอมมันยิ้มเขินตัวบิดเป็นเกลียวแต่ถ้ามันจะคิดแบบนั้นแล้วมีความสุขปมว่าปล่อยใก้มันคิดไปแหละครับน่าจะดีแล้ว

"สติเหอะมึง...กูมาหา.."ระหว่างนั้นผมก็นึกหสเกตุปลจ
ที่จะแหลมันออกพอดิบพอดี เพื่อนใช่ๆ กูมาหาเพื่อน"

"แล้วไหนละเพื่อน? หรือว่ายังหาไม่เจอให้กูเดินไปเป็นเพื่อนมั้ย"อะตอมถามกลับด้วยรอยยิ้ม แต่ผมคงต้องปฏิเสธ เพราะจริงๆแล้ว ผมมาตามเสียงเรียกของหัวใจตัวเองต่างหาก


"ไม่ละเดี๋ยวกูก็กลับแล้ว..ยังไงก็สู้ๆนะมึงกูไปละ"ผมพูดจบก็หันหลังกลับ

"เดี๋ยวๆเจ "เสียงเรียกชื่อของมันทำให้ผมหันกลับไปมองอีกครั้ง

"มึงลงแข่งแบตใช่มั้ย"ผมพยักหน้าตอบ

"กูจะไปเชียร์นะ"ผมพนักหน้าตอบอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาอะตอมมันก็ยิ้มและเดินมาส่งผมอยู่ที่จุดรอรถก่อนที่มันจะเดินหายไป ในตึก

สุดท้ายก็มาฟรีอีกตามเคยหน้าก็ไม่ได้เจอ แถมในหัวยังมีความคิดบ้าบออะไรต่างๆนาๆเอาเป็นว่าไว้จบการแข่งขันเมื่อไหร่ค่อยมาดักเจออีกที่ แล้วกัน
. . . . .



เวลาสิบเอ็ดโมงกว่า ตอนนี้ได้เวลาอันเป็นพิธีแล้ว ที่เหล่าคณะอาจารย์ และคณะบดี จะกล่าวเปิดงาน การแข่งขันของชาวมหาลัย ****

"ผมหวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้ จะช่วยให้สายสัมพันธ์ของทุกๆคนดีขึ้น และหวังว่ามันจะเป็นไปด้วยความใสสะอาด บัดนี้ได้เวลาอันเป็นพิธีแล้วผมจึงขอเปิดงาน แข่งกีฬาสายสัมพันธ์ ปีการศึกษา 25** ณ บัดนี้ "

เสียงจากคณะบดีจบลง ก็ต่อด้วยเสียงปรบมือและเสียงเฮที่ดังกึกก้องไปทั่วสนาม

กีฬาแรกที่อยู่ในลิสแข่งขันคือ แข่งวิ่งทั้งชายและหญิง คือแค่ผมเห็น เหงื่อก็ออกแทนคนจะลงแข่งแล้วครับแดดแรงๆแบบนี้แถมต้องวิ่งกลางแจ้ง อีก เหอะๆ นรกดีๆนี้เอง.

ช่วงเวลาของการแข่งขันในช่วงสายผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะคณะที่คะแนนนำลิ้ว ตอนนี้เห็นจะเป็นเด็ก วิทย์กีฬา มาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาก็วิศวะ และตบท้าย(แถว)ด้วยมุนษย์ศาสตร์ของผมคนนี้เอง ก็วันๆเอาแต่นั่งท่องจำคำศัพย์นู้นนี้นั้นจะเอาเวลาไหน ไปชิลซ้อมกีฬาแบบนั้นเด็กคณะอื่นกันละ หึ

และแล้วเวลาที่ผมรอก็มาถึงนั้นก็คือเวลาที่ผมจะได้โชวสปิริต ที่มีอันน้อยนิดให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวคณะมนุษย์ศาสตร์ได้เห็นกันจะบอก ว่าคู่แข่งคนแรก คือ คณะ แพทย์ศาสตร์ ครับ ลุคเขาออกแนวใสสะอาดแถมยังมาด้วยความมั่นใจอีก ต่างจากผมที่หัวกระเซิง แถมมีแรงกดดันนับร้อยจากพวกพ้องชาวมนุด ที่กำลังส่งเสียงเชียร์แหกปากดังลั่นสแตน
. . .

ปี๊ดดด เสียงนกหวีดดังขึ้นการ แข่งขันเริ่มดำเนินไปด้วย เสียงเชียร์ที่ดังกึกก้องจะบอกว่่าวันนี้ คนในสนามแข่งมันเยอะมากครับ ในตอนแรกผมก็มีแอบสั่นๆตื่นสนามบ้าง แต่พอเวลาผ่านไปสักพักมันก็เริ่มดีขึ้นจนชินไปเองในที่สุด

การแข่งในรอบแรกผ่านไปโดยชัยชนะครั้งนี้เป็นของผม เพื่อนๆพี่ๆ  ชาวมนุษย์อิ้งต่างพากันวิ่งมาแสดงความดีใจกับผมใหญ่จะบอก ว่าตัวผมเก่งเลยก็ไม่ใช่จะว่าฝั่งนั้นเขาอ่อนไปก็ไม่ได้อีก ต้องเรียกว่าเขาอ่อนให้ผมน่าจะเหมาะกว่าใช่ๆ เขาน่าจะออมมือให้ผมต่างหากละ

ช่วงพักเบรค

ผมมานั่งพักที่สแตน ในช่วงรอการแข่งนัดถัดไป โดยมีสนมสองนางกำลังยืนนวด บริเวณศรีษะผมอยู่ป้อยๆ

"สบายมิคะคุณชาย"เสียงอิกี้บ่นอุบอิบแต่มือของมันก็ยังคงนวดให้ผมอยู่

"อู้ยอิเจ กูไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยนะว่ามึงจะตีแบตได้เฟี้ยวฟ้าวขนาดนี้ อิกี้มึงจำจังหว่ะ ที่น้องหมอคนนั้นเสริฟ มาได้มะ แล้วอิเจมันกระโดดตี อะ"เสียงอิเบนร้องถามเพื่อนของมันข้ามหัวผม

"อ่อเออๆ จำได้ ที่อิเจกระโดด แล้วเสื้อมันถกขึ้นปะ"และนั้นทำให้ผมเริ่มนึกภาพตามถึงเหตุการณ์ที่พวกมันกำลังพูดถึง

"เออนั้นแหละๆ กูเห็นมีพวกผู้ชายวิศวะ ยกมือถือขึ้นถ่ายกันให้พรึ่บ" อะไรคือพรึ่บวะ ผมเริ่มงงๆกับภาษาของมัน

"โอ้ยมึงเห็นแค่ฝั่งเดียวหรอค่ะ ข้างๆกูนี้มีนิเทศฯ วิทกีฯโลจิสติก และอื้นๆอีก หลายแหล่นั่งถ่ายวีดีโออยู่ข้างๆกูเนี้ย"

"เหี้ย..มันขนาดนั้นเลยหรอวะ"ผมร้องถามขึ้นด้วยความตกใจ

"จริงดิมึงยังกะจะมาแข่งไทยแลนด์เอเชียคัฟห่าอะไรแถวนี้คือกู ก็พอเข้าใจนะว่่ามึงดังในเพจคิ้วบอย แต่ไม่คิดว่าแฟนคลับมึงจะทั่วถึงขนาดนี้ "เสียงอิกี้บ่นพร้อมยื่นหน้ามาเบะปากใส่ผม

"อุ๊ตาย !!"อิกี้อยู่ๆก็อุทานขึ้นมาเสียงดัง

"เป็นอะไรของมึงค่ะ ทำจิโมโก๊ะหล่นรึไง อะไรจะตกใจ
เบอร์นั้น"เสียงเพื่อนสนิท อีกคนของมันร้องทัก

"มึง บาสวิศวะเริ่มแล้ว ไปดูกันมั้ย สนามอยู่ใกล้ๆนี้เอง "

"เออ กูลืมเลยอิเหี้*"รายนี้พอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน

"งั้นรีบไปกันเหอะมึง อิเจ มึงไปด้วยกันปะ"เสียงอิกี้ร้องถามผมตอนที่มันรีบวิ่งนำไป

"ไม่วะอีกครึ่งชั่วโมงกูก็ลงแข่งอีกนัดแล้วกลัวไม่ทัน"

"โอ้ยแปปเดียวสนาม อยู่แค่นี้ อย่ามาทำตัวเยอะเหมือนอิเบนเทนได้ปะเร็วๆ"

"เอ้าอินี้"

"แต่มึง"ผมพยายามขัดขืนแต่สู้แรงควายๆของมันไม่ได้เลยต้องจำทนรีบเดินตามมันมา ผมจะเล่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ สำคัญอะไรให้พวกคุณฟังนะครับ ว่า ผมเห็นไอวิน กำลังยืนหอมแก้มไอเนมเด็กคณะผมอยู่ข้่างๆตึก ซึ่งตอนนั้น อิกี้กับอิเบนมันรีบวิ่งเข้า สนามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่พอดีผมดันเกิดเหนื่อยเลยยืนพักหายใจอยู่แปปนึง(ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ผมได้มาเห็นช็อตๆอะไรดีๆแบบนี้)แต่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกจี๊ดๆอยู่เหมือนกัน.ใจจริงผมอยากจะเดินเข้าไปแซวพวกมันสองคนแต่คิดๆดูไม่เอาดีกว่า  ผมเลยรีบเดินตามพวกอิกี้กับอิเบน เข้าไป ในสนามก่อนที่มันจะกินเวลาไปมากกว่านี้

"อิเจ!!!!!!ทางนี้ๆ " เสียงอิกี้และอิเบนตะโกนร้องเรียกบอกตำแหน่ง ที่พวกมันกำลังนั่งอยู่ ทำเอาคนแถวนั้นหันมามองกันทั้งแถบ..เหี้ย คือกูไม่อยากเป็นจุดสนใจหันไปมองทางอื่นกันสิฟร้ะ

ผมเดินก้มหัวดุ่มๆเดินมาหาพวกมันทั้งสองคนที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก  แชะๆ เสียงชัตเตอร์ ถ่ายภาพดังต่อเนื่องแสงแฟลชทำให้ผมหันไปมอง ที่มาของแสงก็เจอพวกน้องๆเฟรชชี่ปีหนึ่งนั่งส่งยิ้มให้ผมอยู่

ผมยิ้มตอบก่อนจะล้มตัวนั่งข้างๆอิเบน

"ไหนมึงบอกว่าเริ่มแล้วไง  กูยังไม่เห็นใครเดินเข้าสนามกันเลยสักคน"

"มึงแหกตาดูดีๆ เขายืน อยู่ข้างๆสนามกันเป็นขโยง"และในเสียววินาทีนั้นผมก็เห็นไอวิศวะหน้าหล่อที่คุ้นเคย ตอนนี้มันในชุดที่โคตรจะบางนี้ถ้าหันข้างนี้ผมคาดว่าหัวนมมันอาจจะโผล่ ทำไมชุดมันล่อแหลมงี้วะ..กะจะใส่มาให้สาวๆซูมหัวนมมึงเลยรึไง ใจจริงผมอยากจะกระโดดลงไปหาเสื้อใหม่ให้มันใส่แม้ม ถ้าไม่ติดว่าคนเยอะนะมื้ง...(พูดเหมือนกล้าทำ ปากเก่งไปงั้นแหละผมอะ)

และในจังหว่ะเพียงไม่กี่วิผมก็เห็นไอหน้าหล่อตัวสูงเป็นเปรตชอบเปิดเสื้อโชวนม หันมามองผม ไม่สิต้องเรียกว่าบั้งเอิ๊ญบังเอิญ หันมาเจอต่างหาก แต่เพียงแค่แวปเดียวแวปเดียวจริงๆมันก็หันไปคุยกับเพื่อนในทีมมันต่อ

 ฮ่วย กุไม่ผีชัตเตอร์นะเว้ย  มองแวปๆนี้คือไรหมายความว่าไงหือ.. พอให้คำตอบอะไรกับตัวเองไม่ได้ผมก็เลือกที่จะเงียบและนั่งดูการแข่งขันต่อเงียบๆโดยมีผีสองตัวคอยตะโกนแหกปากโวยวายอยู่ข้างๆ

"กรี๊ดผู้ชายเสื้อดำเบอร์สิบสองผัวช๊านน"ป๊าปเข้าให้เสียงอะไรดังๆข้างหูไม่รู้ผมไม่ได้หันไปมอง

"นั้นผัวเพื่อนค่ะอินี้"อ่อที่แท้ก็ฝ่ามือมิตรภาพดีๆนี้เองขอบใจมึงมากนะเบน

"โอ้ยชั้นก็แซวเล่นปะแกร์..ส่วนอิเจสรุปมึงกับผัวมึงนี้ยังไงทะเลาะกัน?  "

"ก็ป่าวนิ่"แล้วกูจะไปยอมรับว่ามันเป็นปั๋วทำไมฟร้ะ เสียหน้าชิบ

"ให้มันจริงค่ะ!!"พวกมันสองตัวบ่นสับเพเหระอะไรกันอีกพักนึงผมก็ต้องรีบปลีกตัวออกมาเพราะพวกพี่ๆที่คณะโทรตามผมจนสายแทบไหม้ มือถือนี้สั่นลามไปยันไข่กันเลยทีเดียว ใจจริงก็อยากจะอยู่ดูการแข่งต่อนะถ้าไม่ติดว่ามีแข่งต่อ ว่าแล้วสายเจ้ากรรมก็ดันโทรเข้ามาพอดี
'พี่ฝ้าย' หึ้ย แค่เห็นชื่อผมก็เตรียมสำลีไว้อุดหูแล้วครับรู้เลยว่าพี่แกคนต้องปรี๊ดแตกแน่ๆ และเพื่อเป็นผลดีกับตัวผมๆเลยเลือกที่จะไม่กดรับและ รีบวิ่งตรงดิ่งกลับไป ที่คอทแบต เพื่อเตรียมการแข่งขันนัดต่อไป

"พวกมึงกูไปก่อนนะ พี่ฝ้ายโทรตามกูแล้ววะ " ผมยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะพละตัวออกมาจากที่นั่ง
"อ้าวไปแล้วหรอ"อิกี้กันมาถามผม
"เออๆ สู้ๆนะมึง.เดี้ยวจบแล้วพวกกูตามไป"ผมพยักหน้าให้พวกมันทั้งสองก่อนจะรีบหนีออกมาจาก กองมนุษย์ที่แออัดกันอยู่ด้านใน
. . . ..  . .

กว่าจะผ่านฝูงมนุษย์แฟนคลับของเหล่าๆนักกีฬาบาสเก็ตบอลออกมาได้เนี้ย ต้องขอพูดว่า เลือดตาแถบกระเดฺ็นไม่รู้จะยืนออกันทำห่าอะไรที่หน้าประตู เสียเวลาเดินอ้อมชิบ
. . . ..
ผมใช้เวลาเกือบสิบนาทีในที่สุดก็มาถึงและ ผมก็กำลังเห็นพี่ฝ้ายยิืนเท้าเอวกวักมือเรียกผม

ผมรีบเดินจ้ำอ่่าวไปหาพี่ฝ้่ายที่ยืนห่างไปไม่ไกลนัก พี่แกขมวดคิ้วเล็กน้อยในตอนที่ผมเดินมาเกือบจะถึงตัว

"ขอโทษนะครับพี่ พอดีผมไปหาอะไรกินแถวนี้มาอะ"หากินไกลถึงสนามบาสเลยทีเดียวได้ข่าวร้านขายขนมอยู่ห่างคอร์ทแบตไม่ถึงสิบก้าว . .ผม ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้พี่แกถามต่อ เพราะหัวสมองตอนนี้ตื้อไปหมด คิด คำแก้ตัวไม่ออก. . หึ้ย.

"เออๆไม่เป็นไรที่พี่จะบอกก็คือ เวลาลงแข่งนัดต่อไป เขาขอเลื่อนเวลาไปอีกชั่วโมงนึงนะ"

"อ้่าวทำไมเป็นงั้นไปละครับ"

"ก็ตัวแทนที่ลงแข่งของคณะนู้น เขาติด แข่งกีฬาอื่นอยู่นะสิ "

"มีงี้ด้วยแหะ ว่าแต่คณะไหนอะพี่"

"อืม..พี่เองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนะ แต่ที่ได้ยินมา ไม่วิทย์กี ก็วิศวะ ประมาณนั้นแหละ"ผมภาวนาขอให้เป็นวิศวะละกันขืนเด็กวิทย์กีลงแข่ง กูมีแต่ตายกับตายแน่ๆครับ หึ

"ระหว่างนี้เจไปดูเพื่อนๆลงแข่งก่อนก็ได้นะไว้ใกล้ถึงเวลาแล้วเดี้ยวพี่โทรหา. . "

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
"เอางั้นก็ได้ครับ"พี่ฝ้ายยื่นคุยกับผมอีกนิดหน่อยก่อนที่แกจะขอตัวไปเตรียมเสบียงเพื่อคอยบริการนักกีฬาคณะผมคนอื่นๆ ส่วนตัวผม ที่ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ส่วนไหน เลยต้องดั้นด้นเดินกลับมาที่สนามแข่งบาสอีกครั้ง สร้างความแปลกใจให้เพื่อนๆทั้งสองของผมเป็นอย่างมาก

"อ้าวอินี้กระแดะมาทำไมๆไม่ไปเก็บตัวรอลงแข่งเนี้ย ฮ๊า"เสียงอิกี้ที่นั่งเคี้ยวขนมดังจั้บๆหันมาถามปมพรางยื่นฮานามิในมือ ป้อนใส่ปากผมไปหลายคำ

"เลื่อนเวลาวะ เห้นพี่ฝ่ายบอกคู่แข่งติดแข่งอย่างอื่นอยู่"

"ติดแข่ง? คือทั้งคณะนี้มันไม่มีใครอาสาหรือโดนบังคับแข่งบ้างเลยรึไง อะไรคนมันจะน้อยจนต้องนั่งรอเวลาขนาดนั้น"

,"กูจะไปรู้มันหรอ เออว่าแต่ อิเบนเพื่อนรักมึงไปไหน"จะว่าไปผมเองก็พึ่งจะสังเกตุว่ารอบๆตัวเหมือนขาดสิ่งมีชีวิตตัวนึงไป

"อ๋อ รายนั้น เดินอ่อยผู้อยู่แถวนี้แหละเดี้ยวมันก็กลับมา อย่าไปสนใจ"

"แล้วตอนนี้ใครนำวะ"

"วิศวะ ค่ะไม่อยากจะบอกว่า ไอ ควอเตอร์ ที่ขึ้นรัวๆได้มา จากหนุ่มเสื้อดำเบอร์สิบสองทั้งนั้น.."เบอร์สิบสองเสื้อดำ.. ไอกายงั้นสิ ผมหันมองลงไปที่สนามหลังจากที่ได้ยินอิกี้พูดแบบนั้น สายตาผมโฟกัสอยู่ที่คนๆเดียวราวสิบนาที ทั้งลีลาและการเคลื่อนไหวของ เจ้าตัว มันดูพริ้วไหว ยังกับนักกีฬามาแข่งจริงๆ

ในที่สุดการแข่งขังบาสเก็ตบอลก็จบลงพร้อมกับเสียงปรบมือและเสียงกรีดร้องที่ดังลั่นสนามแข่งให้กับชัยชนะของวิศวะกรรมศาสตร์ ที่สกอกินเรียบสนิทที่ว่าต้องรีบดับไฟที่สกอกันอายกันเลยทีเดียว. . .

หลังจากจบการแข่งขันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ฝ้ายโทรมาเรียกตัวผมแบบพอดิบพอดี ผมไม่รอช้า รีบปลีกตัวออกมาจากสนาม ใจจริงก็อยากจะอยู่แสดงความยินดีด้วยนะ แต่ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรบอกกับพี่ฝ้ายดี

. . . . .
คอร์ทแบต

"อีกห้านาที พร้อมนะเจ"พี่ฝ้ายยื่นทิชชูซับน่าผมพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง

". . . "

"เป็นอะไรรึเปล่าเจ. . ."พี่ฝ้ายเอ่ยปากถามหลังจากที่เห็นท่าที่สั่นๆของผม

"ตื่นเต้นอะพี่" ใจจริงคือเป็นกังวลต่างหากไม่รู้คู่แข่งจะอ่อนข้อให้เหมือนเกมที่แล้วรึเปล่า...ผม..กลัว..กลัวแพ้แล้วพี่ๆเขาจะผิดหวังในตัวผมเอา..เฮ้อ

"นี้เจ.."พี่ฝ้ายยกมือจับที่ไหล่ผมทั้งสองข้างก่อนจะพูดต่อ

"พี่รู้นะว่าเจคิดอะไรอยู่...ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้น อย่าลืมสินี้ กีฬากระชับมิตรนะ ทุกคนเขาก็เล่นเอาสนุกกันทั้งนั้นอย่าไปคิดอะไรมาก..ไม่ต้องสนใจผลว่าจะแพ้หรือชนะพี่แค่อยากให้เจทำเต็มที่แล้วสนุกไปกับมันก็พอ"ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่ฝ้ายที่ยืนส่งยิ้มให้ผมอยู่มันทำให้ผมเริ่มใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย...แล้วก็คงไม่กังวลเรื่องแพ้ชนะ..ก็อย่างที่พี่ฝ้ายบอก..ทำให้เต็มที่ก็พอ. . .

เวลาห้านาทีผ่านไปเร็วยิ่งกว่าฟาดแปด  ผมสูดกอบโกยออกซิเจนเข้าปอดอยู่สองสามถามก่อนจะเดินลงสนามพร้อมกับเสียงของพี่น้องชาวมนุษย์ ที่ตะโกนเชียร์ให้กำลังใจผมอยู่บนสแตน รวมถึงเพื่อนๆทั้งสองคนของผมด้วย

"อิเจ สู้เข้า...."อิกี้มันเล่นใหญ่มากครับเห็นมีป้ายไฟ ที่มีชื่อผมอยู่ตรงกลางรูปหัวใจด้วย

"สู้ค่าๆ..ผัวขา..."รายนี้ก็ไม่แพ้กันครับยอมลงทุนสกีนเสื้อเป็นรูปโปรไฟล์ในเฟสบุ๊คผมใส่มาเชียร์กันเลยทีเดียว

ผมยกมือทาบหน้าอกตัวเองวัดเสียงหัวใจที่ตอนนนี้เต้นรัวและเร็วยิ่งกว่าปืนกล ..ให้ตายเถอะ..มันตื่นเต้นกว่าตอนแข่งช่วงเช้าซะอีก..แถมปริมาณผู้ชมยังมากยิ่งกว่าเก่า ทุกแสตนเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลาย คณะและนั้นมันยิ่งเพิ่ม ความประหม่าของผมขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แต่ระหว่างนั้นผมก็นึกถึงคำพูดๆที่พี่ฝ้ายบอกไว้กับผมก่อนจะลงแข่ง

"แค่ทำให้เต็มที่และสนุกไปกับมันก็พอ"  แค่เต็มที่กับมัน..เอาวะ....


"อ่ะ อ่ะ อ๊า และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงนั้นคือการแข่งบัตมินแต้น"

"แบตมินตัน!!!!"เสียงผู้ชมร้องทัก ในตอนที่ โฆษก ประกาศบอกประเภทการแข่งขันให้กลายเป็นมุขควาย.ที่รอให้ผู้ชมแก้ เหอะๆกูควรคำด้วยสินะ.. ฮ่า ฮ่า ฮ่า พอๆไอสัด..

"ฮ่า ใช่ครับ แบตมินตัน แต่.. นี้ไม่ใช่การแข่งขันแบบธรรมดา"มึงจะไปตีบนดาวอังคารรึไงกันยึกยักวะ"เพราะมันคือการแข่งขันระหว่างความสัมพันธ์"เดี๋ยวๆ สานสำพันธ์รึเปล่าไอโฆษกมึงตกภาษาไทยปะเนี้ย

เสียงตะโกนเชียร์ รอบข้างเริ่มเงียบเพื่อรอฟังโฆษกจะพูดต่อจากที่ค้างไว้...แต่คงไม่ต้องให้มันพูดอะไรแล้วแหละครับ เพราะแค่การปรากฏตัวของมันก็ทำเอากูอึ้ง อึ้งแบบ กิมกี่ เป็นบ้วยกิมจ๊อ(เกี่ยวอะไรกันฟร้ะ)เลยทีเดียว เพราะไอคนที่เดินลงสนามจากฝั่งตรงข้ามมันคือ ผู้ชายเสื้อเบอร์สิบสองที่ผมพึ่งจะไปดูมันแข่งบาสเมื่อตะกี้... ไอกาย...


Tbc. . .

หายไปเป็นเดือน ขอโทษด้วยกั๊บ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ :hao5:

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Chapter:43

หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างอึ้งมันยืนนิ่งผมนี้โคตรจะนิ่งยิ่งกว่านี้ถ้ามีสีขาวดำแต้มอีกหน่อยผมก็หลักกิโลดีๆนี้เอง

"เอาแล้วไง"

"นั้นมันพี่เจ กับพี่กายที่จิ้นๆกันในเพจคิ้วบอยปะ"

"เวรละสงครามผัวเมีย"ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมหูดีหรือเสียงมันเงียบก็ไม่รู้ผมถึงได้ยินประโยคพูดคุยของผู้ชมที่แสตนราวกับว่า กำลังตะโกนคุยกันอยู่...

กายมันส่งสายตามองผมนิ่งๆเหมือนไม่รู้มาก่อนว่่จะมาเจอผม ใช่ผมเองก็ไม่รู้...แต่ถึงรู้ผมก็ยังคงประหม่าอยู่ดี..เรื่องเก่าก็ยังไม่ได้เคลียร์แถมยังต้องมากระชับมิตรอะไรนี่อีก.นี้ถ้าถอนตัววิ่งออกจากสนาม ผมจะดูไร้ความรับผิดชอบไปมั้ยวะ...เอาจริงๆคือผมไม่กล้าสู้หน้ามันไง...(พึ่งจะมารู้สึกเดี๋ยวนี้เอง)


"อ้ะอ้าว..เงียบกันทำไมละครับทุกคนคึกคักๆกันเข้าไว้สิ อ้าวไหนใครอยู่ทีมมนุษย์ศาสตร์ขอเสียงหน่อยเร็ว..."



"กรี๊ดดด ศึกระหว่างความรักหรอนี้ อร้าย สู้ๆนะคะพี่เจ"

ได้ผลเกิดคาดครับทันทีที่โฆษกพูดออกไมค์เสียงก็ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง

"อ้าวไหนขอเสียงทีมวิศวะหน่อยเร้ว!!!"

"กรี๊ดด อร้ายยย พี่กาย สู้ๆนะค่า หนูเป็นกำลังใจให้"บรรยากาศบนแสตนกลับมาดีอีกครั้งแต่ในสนามกลับมีความรู้สึกแปลกๆที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้แม้จะไม่ได้มีคำพูดอะไรระหว่างผมกับกายแต่นั้น..มันก็บั่นทอนความตั้งใจที่ผมเตรียมมาพร้อมแข่งลดเหลือศูนย์ในทันที

ก่อนจะแข่งกรรมการบอกให้ผมเดินไปจับมือกับคู่แข่ง ..ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นพิธีหรือเพราะทนเสียงเชียร์ที่แสตนไม่ไหว ผมถึงต้องเข้ามาใกล้พร้อมกับส่งรอยยิ้มเล็กๆซึ่งคิดแอบคิดในใจลึกๆว่ามันอาจจะช่วยให้บรรยากาศมันดีขึ้นแต่เปล่าเลย สิ่งที่ผมได้กลับมาก็มีเพียงใบหน้าที่ไร้ซึ่งรอยยิ้มหรือความรู้สึกใดๆของคนตรงข้ามเลย..

ปี๊ดดดด!!

เสียงนกหวีดดังขึ้น พร้อมกับการแข่ง ผมเป็นฝ่ายตีเสริฟ์ลูกก่อน..ดีโด่งๆเหมือนตีเล่นกันอะ..กายมันก็รับแบบนิ่ง เหมือนเป็นเรื่องที่ง่ายในการรับลูกของผม คือจะบอกว่าจริงจังเลยก็ไม่ได้เพราะต่างคนต่างก็ไม่ได้อยากจะแข่งกันอยู่แล้ว

ตีโต้กันไปได้พักนึงผมก็รู้สึกเหนื่อยและเริ่มหมดแรง คือเวลาผ่านไปพักใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครทำคะแนนได้เลยสักที เพราะทั้งผมและกายไม่มีใครเอาจริง เลย ขืนทนต่อไปแบบนี้มันจะมีแต่กินแรงไปซะเปล่า..ผมเลยแกล้งทำไม้แบตหลุดมือ ชนิดที่ว่าทำให้เนียน จนคนรอบข้างนึกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญแต่จริงๆแล้วคือกูตั้งใจ...
ผมเห็นสายตากายที่มองมาในคราวนี้เหมือนมีคำถาม..แต่มันไม่พูด (จะพูดได้ไงห่างกันขนาดนั้น)

คะแนนแรกผ่านไปโดยวิศวะนำผมไปแบบใสๆ ผมรู้ทั้งเหนื่อยทั้งหดหู่..ไม่มีอารมณ์จะแข่งต่อ เลยขอเวลานอกจากพี่ๆกรรมการซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเลยปล่อยให้เวลาพักห้านาที ก่อนจะแข่งต่อในครึ่งหลัง

"เป็นไงบ้างมึงโอเคป่ะ"กี้มันเดินอ้อมไปนวดไหลผมจากด้านหลังก่อนจะเอ่ยถาม

"ไม่ค่อยวะ"ผมตอบตามใจนึกคิด

"กูเห็นนะ"ผมก้มหน้าลงมาสบตากับเบนหลังจากที่กระดกน้ำลงคอได้สองสามอึก

"เห็นไรวะ"

"มึงจงใจปล่อยไม้ กูเห็น..พี่ฝ้ายก็เห็น.."สรุปนี้กูทำไม่เนียนใช่มั้ย

"กูขอโทษ..."รู้สึกผิดนะที่ผมตั้งใจไม่เต็มที่เหมือนที่คุยกับพี่ฝ้ายไว้

"กูไม่ได้โกรธพี่ฝ้ายเองก็ด้วย เขาเองก็พอจะดูออกแหละว่ามึงรู้สึกยังไงตอนเจอ คนๆนั้นอะ.."สายตาผมเหลือบมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามซึ่งมันก็มองผมอยู่ก่อนหน้าแล้ว

"กูรู้สึกผิดวะ"

"ผิดที่ไม่ตั้งใจเล่นหรือผิดเพราะอะไร.."เบนถามพร้อมยื่นมือมาจับไหล่ผม

"คือ..กู.."จะบอกว่าทะเลาะกันอยู่มันก็จะดูยังไงๆแต่ถ้าจะให้โกหกผมก็ไม่รู้ว่าจะคิดหาข้ออ้างไหนดีให้พวกมันเชื่อ

"เอาน่ามึง"อิกี้ตบไหล่ผมจากด้านหลังด้วยอีกคน "ไว้จบการแข่งแล้วค่อยเคีลยผัวเมียทะเลาะกันกูดูออก" ผมหันไปมองหน้าอิกี้ที่มีแววตาที่จริงจังกับคำพูดของมัน

"ขอบใจนะพวกมึง"

"เออ คิดมากอิดอก ทำหน้าเป็นตูดไม่เหมาะกับมึงเลยวะอิเจ ยิ้มๆ"ผมพยายามฝืนยิ้มเฝื่อนๆให้พวกมัน

"อิสัด"เพลี้ย..ที่ปากกูเนี้ยอิเบนยื่นมือมาตบปากผมเบาๆแต่กูเจ็บจริงครับห่ามึง.. "ยิ้มแบบนี้.."มันทำเป็นแบบอย่างให้ผมดู แม้งหลอนชิบหาย.."เร็วยิ้มสิ"ลูกคู่มันก็บีบไหล่บังคบผมอีกคน

"ถ้ามึงไม่ยิ้มนะ..จบเกมกูจะไปยิ้มกับผัวมึง"ไม่ต้องรอให้เสียเวลาครับผมนี้ยิ้มจนแกล้มแทบจะฉีกถึงรูหู

"ต้องเล่นด้วยผัวอิสัด..ไปๆได้เวลาแล้ว"เสียงนกหวีดดังพวกอิกี้รีบวิ่งกลับขึ้นแสตนไปยังที่ของพวกมันส่วนผมก็ยังคงยิ้ม แม้อีกฝ่ายจะยังทำหน้าบึ้งตึง..แต่ถ้าอารมณ์ในตอนนี้มันเป็นไฟ ผมคงจะเป็นน้ำ คอยดับความทุกข์ในใจของมันเอง. .

. . . . . . .. . .

จบเกมการแข่งขันผมยิ้มตลอดทั้งเกม (กูนึกว่าตัวเองบ้า) ตีแบตอย่างอารมณ์ดีแต่ก็แพ้ไปอย่างราบคาบด้วยสกอที่โคตรน่าอับอายขายขี้หน้า แต่ก็ไม่ได้มีเพื่อนๆพี่ๆคนไหนว่าอะไรผม มีแต่ประโยคเดิมๆซ้ำๆที่ได้ยินจากปากของทุกคน

"มึงทำดีแล้ว"

"เต็มที่แล้วเจ"

"ไม่เป็นไรนะทำเต็มที่แล้ว"และเสียงแบ็คอัพที่ชมตามกันมาแทนที่จะเป็นคำด่ามันก็ช่วยทำให้ผมเบาใจขึ้นมาบ้างที่อย่างน้อยก็ไม่มีเพื่อนๆคนไหนโกรธหรือโมโหอะไรแบบที่คิดไว้ในตอนแรก...

"กาย!!!"เสียงตะโกนเรียกชื่อทำให้ผมต้องเอี้ยวตัวหันไปมองถึงแม้จะไม่ใช่ชื่อผมก็เถอะ


"ครับ"เสียงตอบรับที่ดูอ่อนหวานจากเจ้าตัวถูกส่งมอบพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์

"คือเย็นนี้กายว่างใช่มั้ย..เราว่าจะชวนไปฉลองกับเพื่อนๆที่คณะด้วยกันอะ กายจะไปด้วยกันมั้ย"แม้ผมจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใครแต่ดูจากการพูดคุยแล้วคงจะรู้จักกันในระดับนึงแต่สิ่งนึงที่ทำให้คิ้วผมกระตุกแรงยิ่งกว่าหัวใจที่กำลังเต้นรัวคือ ทำไมต้องยกมือไอกายขึ้นมาจับตอนที่พูดด้วย..

และถึงแม้ตัวจะอยู่ห่างกันหลายเมตร แต่ต่อมเสือกผมมันทำงานเป็นกิโล แม้งได้ยินชัดแจ๋วทุกประโยค..

"อืม.ไม่รู้สิ..เรามีนัดฉลองกับเพื่อนที่แข่งบาสด้วยเหมือนกันอะ คงไปด้วยไม่ได้"เยส !!นกนะครับคุณเธอว์

"โถ่..แต่ถ้ากายไปด้วยมันคงจะสนุกมากเลยนะ มีพวกพี่ๆปีสามปีสี่ไปด้วย กายจะชวนเพื่อนๆที่เล่นบาสมาด้วยก็ได้นะอยู่เยอะๆสนุกดีออก"ระหว่างนั้นเองฝั่งผมก็ไม่แพ้กัน

"เจ"คนที่เดินเข้ามาหาผมคืออะตอมครับ ท่าทีมันดูเคอะเขินแปลกๆ

"อ้าวว่าไงมึง"ผมยิ้มทักตอนมันเดินมาถึงตัวแถมพวกอิกี้กับอิเบนยังยอมแหวกทางให้มันเดินเข้ามาด้วย(เพื่อ!!)

"คือเย็นนี้ว่างมั้ย..ไปฉลองกัน"จบประโยคผมแอบเหล่ไปมองกายมันแวปนึงซึ่งแม้งก็มองผมก่อนเหมือนเคยอะและเป็นจังหว่ะเดียวที่ผมได้ยินประโยคแสลงที่ฟังแล้วมันไม่ค่อยจะเข้าหู

"โอเคงั้นเราไปด้วย" เดี๋่ยวๆ เมื่อกี้มึงบอกปฏิเสธเขาไปแล้วนิทำไมกลับคำง่ายจังวะห่าใจง่าย แค่เขาขาวสวยหมวยอึ๋มนมโตหน่อย มึงถึงกับกลับคำเลยหรอวะ. . มันส่งยิ้มอ่อนให้เจ้นมโตคนนั้นซึ่งผมคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่สามารถ ทำให้เจ้คนนั้นคล้อยตามได้เลยละ..หึ

"กูตกลง"ได้มึงจะเล่นไม้นี้ใช่มั้ยกายด๊ายยยยยย

"ไม่คิดหน่อยหรอ"อะตอมร้องถาม

"คิดทำเชี้ยอะไรอยากไปก็ไปสิ สองคนด้วยใช่มั้ย"ผมแกล้งถามเสียงดังๆให้คนตรงข้ามได้ยินแล้วมันก็ได้ยินจริงๆด้วยครับหันมาขมวดคิ้วใส่ผมเฉย..แต่กูบ่แคร์ครับ  ขนาดมันยังเห็นนมดีกว่าทำไมผมจะเห็น ค...เอ่อเพื่อนดีกว่าไม่ได้ละจริงมั้ย แฮ่ๆ เกือบหลุดแล้วเชียว

"ไปกันเลยมั้ย"อะตอมถามขึ้นพร้อมกับยื่นมือมันมาจับมือผมอย่างแนบแน่น แต่มันก็แค่แปปเดียวเพราะหลังจาก
0.236894638654 วินาที ไอหมาที่เห็นนมดีกว่าตรงข้ามมันก็วิ่งเอามือมาสับตรงกลางดังโชะ (ซึ่งจริงๆแล้วมันก็แค่เดินมาดึงตัวผมออกห่างก็เท่านั้นเองหึหึ)

"เรามีเรื่องต้องคุยกัน" ไม่พูดเปล่าครับ..ดึงมือกระชากรากถูกูเหมือนโสรยาในสวรรค์เบี่ยง(เดี๋ยวๆคนละเรื่องไอซัสส) เดินตามมันเข้าห้องน้ำไปปล่อยให้ไอพวกที่เหลือยืนเอ๋อแดกกันด้วยความงง แต่ที่สะใจคือ เจ้นมโตคนนั้น ทำหน้าหงิกเป็นตูดหมึกเลย กูละสะจายฮ่าๆ
(ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน)

ทันทีที่มาถึงในห้องน้ำเชี้ยนี้ก็เลวทราม ลงมือล็อคประตูห้องน้ำโดยไม่ได้แคร์สุขภาพของคนข้างนอกเขาเอาซะเล๊ย เกิดเขาปวดขี้จะเข้าห้องน้ำขึ้นมา นิ่วไม่แดกตายห่ายืนเอ๋ออยู่หน้าประตูเร้อ  พอๆเลิกรั่วเข้าโหมดจริงจังซักที

"อะไร"ผมถามโดยตึงสีหน้าใส่มัน

"มึงนะสิอะไร"

"อะไรของมึงนี้คืออะไร "เอาเข้าจริงๆกูเริ่มงงกับคำพูดของตัวเองละ สรุปนี้กูมึนหรือกูมึนวะ งงในงง

"มึงไปตอบตกลงมัน"

"มึงก็ตอบนิ่ ทำไมกูจะทำแบบที่มึงทำบ้างไม่ได้ละ"จากในตอนแรกๆที่มีความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆตอนนี้ผมเริ่มอยากกวนตีนมันแทนละ แม้งชอบทำให้กูหึง

"ก็เขาชวนไปกับเพื่อน"

"กูก็ไปกลับเพื่อนแล้วมันผิดตรงไหนวะ มึงไม่มีสิทธิมาห้ามกูนะกาย"

"กูไปกับเพื่อนเป็นคณะ..แต่มึงอะจะไปกับมันสองต่อสอง..อ่อแล้วไอที่บอกว่ากูไม่มีสิทธิอะ มึงเข้าใจผิดละ สิทธิในตัวมึงอะกูมี"

"สิทธิเหี้ยอะไรของมึง"

"ก็ สิทธิ ของการเป็นผัวมึงไง!!"แม้งตะโกนใส่หน้ากูด้วยคำว่าผัวนี้เต็มหน้ากูเลย..และนั้นทำให้ผมสตันไปประมาณ 2.347667วินาทีก่อนจะเริ่มพูดต่อ

"แล้วมึงจะเอายังไงต่างคนต่างไปจบมั้ย"

"ไม่!!"มันตอบน้ำเสียงหนักแน่น"จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะเคลียกันให้รู้เรื่อง"

"จะให้กูเคลียอะไรอีกวะ มึงไปกับเขากูก็ไปกับเพื่อนมันก็จบต่างคนต่างไปแค่นี้เอง"

"ที่กูพูดเนี่ยไม่ได้เข้าหัวมึงเลยใช่มั้ย หรือต้องให้กูตอกย้ำสถานะห้ะ มึงถึงจะสำเนียกได้ว่ามึงอยู่ในสถานะอะไร"ไม่พูดเปล่ายื่นหน้ามาทำหน้าบึ้งใส่กูอีกแต่ไม่ได้..ผมจะยอมให้มันเหนือกว่าไม่ได้มึงตึงได้งั้นกูขอตึงมั้ง

"ทำไมมึงจะทำอะไรกูห้ะ ไอกา.."ไม่ทันจะได้พูดจบคำเล๊ยไอคนตรงหน้ามันก็ยื่นหน้าเข้ามาประกบจูบ ไอตอนแรกๆก็ขัดขืนอยู่หรอกแต่ไปๆมาๆแล้วสรุปเคลิ้ม เสย จากที่ผลักๆอกนี้กลายเป็นผมล็อคต้นคอมันแทน

ผมยืนนัวเนียจูบกับมันอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำอยู่เนิ่นนานจนมันทำท่าจะผละออกแต่ผมรั้งหน้ามันเอาไว้แถมยังผลักให้แม้งติดกับผนังแล้วเป็นฝ่ายเริ่มเองมั้ง..อยากเสียตัวดีนักเดี๋ยวกูจัดให้....

ก็อก ก็อก ก็อก.. เชี้ยไรละ เคาะทำเชี้ยอะไรตอนนี้ผมไม่สนแล้วครับความเงี้ย...ครอบงำในหัวกูหมดแล้ว...

ก็อก ก็อก  ก็อก... ก็ยังเสือกดังอยู่แต่คราวนี้มาพร้อมเสียงตะโกนครับ


"ไอเจ.เฮ้..ยู้หู้ มึงอยู่ในนั้นกับไอกายใช้มั้ย"น่าจะเป็นเสียงไอวินนะ ผมผละหน้าตัวเองออกจากปากของมัน ก่อนจะมองหน้าที่ตอนนี้แม้งเซ็กซี่แบบสัดๆ อยากจะทำต่อให้มันจบๆถ้าไม่ติดว่ามีเสียงของไอห่าตัวนึงมาขัดคอซะก่อนผมเอี้ยวตัวหันหลังไปมองที่บานประตูมีเสียงก็อกๆแก็กๆเหมือนมันพยายามจะไขมันเข้ามา ก็คือเชี้ยวินนั้นแหละ..ระหว่างนั้นไอตัวดีมันก็เปลี่ยนจากเล่นปากมาเล่นคอของผมแทน อู้ยย ซี๊ดเลยผมอะ...ขนลุกซู่ไปทั้ง ตัว..แต่ทำได้ไม่นานผมก็ต้องรีบผลักมันออกเพราะไอวินมันตะโกนบอก ว่าจะพังประตูเข้ามาถ้าผมไม่ยอมเปิดให้มัน

"มีอะไร"ผมถามมันอย่างหัวเสียขัดอารมณ์ชิบเป๋ง

"เอ่อ..กูมาหาไอกาย..มึงอยู่กับมันป่าวอะ..คือกูมีเรื่องจะบอกมัน"ผมหันข้างไปมองกายที่ยืนอยู่ตรงผนังด้านใน

"เพื่อนรักมึงมาหา" ไอเชี้ยวินก็เสือกยื่นหน้าเข้ามาพอดิบพอดีเห็นสภาพไอกายตอนกระดุมบนถูกปลดไปเม็ดสองเม็ดและกลับมาจ้องหน้าผมด้วยสายตากวนส้นตีน

"แหนะ..ไอเจ นี้ห้องน้ำไง.. คนจะขี้จะเยี่ยวเขาต้องถ่อเดินอ้อมไปเข้าที่อื่นกันเพราะต้องมารอมึงล่อกันในนี้อะหรอ.."

"มีอะไรไอวิน"ไม่ใช่เสียงผมกับแต่เป็นเสียงเพื่อนไอวินมันต่างหาก

"พี่แชมป์เรียกรวมตัววะ น่าจะเรื่องแข่งบอล วันพรุ่งนี้ "

"ด่วนมากมั้ยวะ"

"ถามแบบนี้มึงจะนัวเนียกันต่อใช่มั้ยเนี้ย"

"รู้แล้วยังจะถามอีกนะมึงอะ"

"เออก็ด่วนแหละไว้มาทำต่อที่หลังไม่ได้เหรอวะ ไอเจมันไม่หนีไปไหนหรอกเดี๋ยวกูล็อคตัวไว้ให้"เดี๋ยวๆ

กายมันหันมามองผมเหมือนขอความคิดเห็น

"มึงไปเหอะเสร็จแล้วค่อยคุยกัน"

"อ้าวนี้มึงยังไม่เสร็จกันอีกหรอวะเห็นหายกันมาตั้งนานสองนาน"

"ก็มันเพราะใครละห่า"เสียงกายมันบ่นอุบอิบ

"มึงว่่่าไงนะ"

"เปล่าๆไม่มีอะไร งั้นก่อนไป.."

"?"ผมทำหน้างงใส่มัน

ฟอด

ต่อหน้าต่อตาไอวินเลย. .

"เอ่อกูควรไปก่อนสินะ "มันพูดพร้อมกับจับลูกบิดพร้อมปิดประตู

"รอกูด้วย"กายมันเดินออกไปพร้อมกับไอวินแต่ก็ไม่ลืมที่จะขยิบตาเป็นเชิงนัยๆว่า เดี๋ยวมาต่อ คือกูอยากตะโกนบอกเลยว่าให้ไว..แต่ที่ทำได้จริงๆคือส่งยิ้มให้พร้อมกับพูดประโยคๆนึงแบบไร้เสียงว่า

"กู จะ รอ" ดูท่ามันเองก็คงจะเข้าใจเดินกอดคอไอวินออกไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนผมนะหรอ หึ ค้าง ไม่ใช่ตานะ อารมณ์กูเนี้ย..ลูกชายกูนี้ตั้งเด่เป็นไม้บรรทัดแล้ว โอ้ย.จะทำไงดีล้างหน้าล้างตาสงบสติอารมณ์โลด แต่มันก็ช่วยได้จริงๆนะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมสดชื่นทำให้คิดฟุ้งซ่านน้อยลงขึ้นหน่อย

ผมยืนเอาหน้าลองอยู่ตรงที่เป่ามือด้วยความขี้เกียดหยิบทิชชู่และด้วยความพิเรนที่มีมาตั้งแต่กำเนิด.. คือหน้ากูแทบไหม้ครับคุณผู้ชม  ผมยืนรอให้หน้าแห้งพักนึงก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป

. . . ..

ผมกลับมาถึงที่บ้านตอนเวลาสี่โมงกว่าๆ จะว่าไงดี เพื่อนๆที่คณะผมก็ยังมีแข่งกีฬาอื่นๆกันอยู่นะ แต่เหมือนความขี้เกลียดมันครอบงำ ผมเลยกลับมานอนโง่ๆเล่นโทรศัพท์อยู่ที่บ้านเพื่อรอใครบางคนมันโทรหรือทักไลน์หา..แต่นั่งรอนอนรอไปหลายชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววว่่ามันจะติดต่อมาเลยสักนิด ...ผมเลยกดเข้าแอพพิเคชั่นรูปสายฟ้าสีฟ้า ซึ่งเป็นโปรแกรมแชทของเฟสบุ๊ค เขา ไปที่กล่องข้อความ ของบุคคลที่คุยกันล่่่่าสุดเมื่อ หลายวันก่อน...ปุ่มไม่เขียวแหะ เห็นขึ้นว่าออนไลน์เมื่อสองสามชั่วโมงก่อน

ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งเป็นห่วงถึงแม้ผมจะไม่ได้พูดขอโทษกับมันแบบจริงๆจังๆแต่อย่างน้อยตอนนี้ผมกับมันก็กล้าสู้หน้ากันแล้วหลังจากที่มันและตัวผมเองเอาแต่หลบหน้ากันปิดกั้นการติดต่อทุกอย่าง (ซึ่งเกิดจากความงี่เง้าของผมเองอีกนั้นแหละ)นึกแล้วอยากตีอกชกหัวตัวเองชิบหายที่ดันไปทำตัวง้องแง้งแบบนั้นกับกายมัน เอาเข้าจริงๆผมมีส่วนผิด(มาก)เหมือนกันนะ แต่ทำไงได้ละ ก็คนมันหึงมันหวงนิ ใครจะอยากให้แฟนตัวเองไปคุยกับแฟนเก่าละจริงมั้ย..


ติ๊ง!!

เสียงแจ้งเตือนจากแมสเซนเจอร์ดัง ผมรีบกดเข้าไปดูในใจหวังให้เป็นมันที่ทักมาแต่ไหงถึงดันเป็น ไอ(หมา)วินไปซะได้

"ทำไรอยู่เพื่อนรัก"มันมาแปลกครับ ปกติเคยพูดแบบนี้กับผมที่ไหน...นอกซะจากมันจะทำอะไรผิดมา..

"นั่ง..นอน..เล่นเกม"ผมพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วและมันก็ตอบกลับมาเร็วเช่นกัน

"หรอ ดึกๆว่างปะวะเดี๋ยวชวนไปกายไปกินหมูด้วยคน"กินหมูดึกเป็นห่าอะไรที่มันบัดซบกับตัวผมมากถึงมากที่สุดจำได้คราวที่แล้วท้องร่วงหลังจากกลับมาจากกินหมูกับไอวินซึ่งสาเหตุมันก็น่าจะมากับเรื่องนี้นั้นแหละผมว่า ไอตอนแรกก็อยากจะรีบปฏิเสธอยู่หรอกนะแต่พอเห็นว่ามันหิ้วใครมาด้วยผมก็อดไม่ได้ที่จะ...

"ตกลง ทุ่มนึงเจอกันมึง บาย...จุ้บ"

"เห้ยๆใจเยดๆไม่คิดหน่อยอ่อ มึง..เหมือนคราวก่อนๆไรงี้"

"คิดเหี้ยไรละหิว"

"ไอกายไม่ไปละ"

"งั้นก็ไม่ต้องเสือกมา"

"บู้ย....."

"อะไรมึง"..

"เดี๋ยวนี้อะไรๆก็กลายเป็น ลืมกูรึยังเนี้ยไอเพื่อนเวร" *สติ้กเกอร์ตัวคนแต่หัวหมีส่ายเอว

"มาม่าอะไรของมึงอีกเนี้ย "ผมถามเพราะเริ่มรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

"มึงไม่เอะใจบ้างหรอวะ ว่าตั้งแต่มีไอกายเข้ามาในชีวิตมึงกับกู ไม่ได้ทำอะไรแบบเมื่อก่อนเลยนะเว้ย"จบประโยคพิมพ์ของมันทำให้ผมเริ่มคิดตาม

"ปกติเวลามึงจะไปไหนไปทำอะไรกับใครมึงจะบอกกูก่อนเสมอ แต่เดี๋ยวนี้พอมี ไอกาย มึงก็เลือกที่จะบอกแต่มัน จนบางทีมึงอาจลืมด้วยซ้ำมั้ง ว่ามึง ยังมีกูอยู่ตรงนี้อะ" ผมไม่้เคยรู้มาก่อนเลยว่าวินมันจะคิดมากเรื่องผมขนาดนี้

"วินมึงโอเคป่าว"ห่าถามออกมาได้มันพูดมาขนาดนี้มันก็คงอยากจะระบายนั้นแหละ และผมก็คิดว่ามันคงจะไม่โอเค

"ดูโอเค ต้องโอเคดิ กูอยู่จุดที่เรียกร้องอะไรได้อ่อวะ "สาบานได้ถ้ามันอยู่ใกล้ๆผมจะดึงมันเข้ามากอด..

"วินมึงเป็นเพื่อนกูนะ  มึงทำได้ทักอย่าง ตามที่ใจมึงต้องการได้เลย..กูยังเป็นเพื่อนมึงเหมือนเดิมทุกๆอย่างยังเหมือนเดิม"

"งั้นกูก็เอามึงแบบทีีไอกายเอาได้งั้นสิ"คิ้วผมเริ่มกระตุก

"เดี๋ยวนะ!!"

"ฮ่าๆกูโม้เล่น เชี้ยมึงเชื่อกูจริงๆหรอวะ"ผมว่าที่มันพูดข้างต้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ๆถึงมันจะพยายามทำตัวเฮฮาตลกเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกมากแค่ไหน  . . .แต่ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผมมองมัน ออก เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะไม่รู้

"ให้มันจริงเหอะสัด จะมากี่โมง กูจะได้บอกให้พี่อินทำอะไรเผื่อด้วย"

"ทุ่มๆแหละ แต่...กูพาไอเนมไปด้วยได้ป่าววะ"

"ได้ดิเมียเพื่อนทั้งคน"

"ยังไม่ถึงขั้นนั้นเว้ย"

"เออๆเอาไงก็เอา เดี๋ยวกูขึ้นไปเล่นเกมรอละกันมีอะไรก็โทรมา "พอผมพิมพ์ตอบเสร็จมันอ่านแล้วก็เงียบหายไปผมเลยสบโอกาศได้เปิดคอมอบนห้องในรอบหลายเดือน แต่ที่ซวยหนักกว่าคือกูลืมพาสเวิดครับพี่น้อง จะเดินไปถามใครก็ไม่ได้เลยต้อง นึกอยู่นานกว่าจะจำครบทุกตัว
(เสือกยาวด้วยไง)


ทุ่มกว่า

ผมเดินซะลึมซะลือลงมาที่ชั้นล่าง เพราะได้ยินเสียงกริ่งดังอยู่หลายทีแต่ก็ไม่มีใคร ยอมลงมาเปิด (ไปไหนกันหมด)

"ฮัลโหล.. "คนที่โผล่หน้าเข้าบ้านมาเป็นคนแรก คือไอวินครับ มันเดินหอบหิ้วถุงพะลุงพะลังอะไรมาด้วยไม่รู้เยอะแยะและขนาบข้างมาด้วย ไอเนม เด็ก ตัวเล็กที่มีหลายๆอย่างคล้ายกับผม โดยเฉพาะส่วนสูงกับสีผิวที่ขาดซีด มันเดินตามหลังไอวินมาต้อยๆ มองแล้วดูน่ารักดีครับ

"พี่เจหวัดดีครับพี่"ผมรับไหว้มันและเดินเข้าไปช่วยถือของจากมือมันมาถือเอง

"แหม่ กูอยู่ตรงนี้ถือของสี่ห้าโลไง "

"ก็เห็นมึงไหว ดูขนาดตัวน้องกับตัวมึงดิ อย่าง้องแง้ง"แต่ด้วยความที่กลัวว่ามันจะน้อยใจผมเลยเดินไปช่วยมันถือก่อนจะพากันเดินเอาไปเก็บไว้ในครัว ซึ่งมีพี่อิน นั่งหั่นผักอยู่ในนั้น ท่าทางดู จริงจัง

"พี่อินมีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ"สามีหมายเลขหนึ่งของพี่อินร้องถามขึ้น

"อู้ย ไม่ต้องหรอกจ้ะน้องวิน ไปนั่งหล่อๆรอพี่เดินไปเสริฟ์ให้ดีกว่า รอแปปนึงนะ"ไม่พูดเปล่าครับมีขยิบตาด้วย หึหึ แอบถ่ายไปให้เจมส์ดูดีกว่ารับรองหมี่เหลือง...


"พี่อินสวัสดีครับ "เสียงทักทายของบุคคลที่มาใหม่และเป็นคนๆเดียวกับที่ผมกำลังจะตั้งแง่ถามไอวิน ว่าเพื่อนของมันไปไหน แต่ในตอนนี้คงไม่ต้องถามแล้วสินะ "

ผมหันไปสบตาและส่งยิ้มให้มันซึ่งมันก็ยิ้มกลับให้ผม..คือจะบอกว่ารู้สึกดีมากนะที่มันไม่ได้ตึงหน้าใส่ผมเหมือนเมื่อเช้า

"มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ"มาอีกคนแล้วครับคำถามเดิมๆและคำตอบก็ยังเดิมๆ

"ไปนั่งรอกันดีกว่าจ้ะ ได้ข่างพึ่งแข่งกีฬากันมาเหนื่อยๆ วันนี้พี่มี เมนูพิเศษให้ทานกันรับรองหายเหนื่อยแน่ๆ"

"ไม่เป็นไรหรอกครับพี่อิน"เสียงกายมันร้องตอบจากประโยคหลังของพี่อิน

"อ้าวทำไมละ..น้องกายอิ่มมาแล้วหรอ"

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Chapter:43/2 NC

"ป่าวหรอกครับ ผมแค่จะบอกว่า  พอได้เห็นหน้าของใครบางคน ผมก็หายเหนื่อยแล้วต่างหาก"

"หมายถึงพี่หรอ .น้องกายอะ..บ้า พี่เขิลนะ "ไอกายนอ่งเงัยบไปมันส่งยิ้มแห้งๆให้พี่อิน แต่ผมนี้สิ ยืนบิดจนตัวจะเป็นเกลียวอยู่แล้ว ไอห่าหม้อเรี่ยราด

. . . . . .. . .

ช่วงเวลาอาหารเย็น (ไม่สิค่ำๆ)


เป็นไปด้วยดี คือจะบอกว่าผมเองก็รู้สึกดีเหมือนกันนะที่ตอนนี้ผมกับกายเรากลับมาคุยกันเป็นปกติแล้วถึงผมจะรู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยเต็มร้อยก็เถอะ..แต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็อยากพูดคำขอโทษ ให้มันฟังซักหน่อยเพื่อสนองนีดตัวเองและเพื่อความสบายใจของ เราสองคนด้วย

ตกดึกช่วงสี่ทุ่มหลังจากที่เราทานอะไรกันเสร็จแล้ว.ผมพากายขึ้นมาบนห้องเพื่อสารภาพบาปที่ตัวเองได้ทำไว้เมื่อหลายวันก่อน

"กาย...ที่กูทำไป..เพราะกู หึงมึงนะเว้ย"ในที่สุดก็กล้ายอมรับสักทีปกติผมไม่เคยพูดคำนี้ให้ไอกายมันฟังนะเว้ยเดี้ยวมันจะมองว่าผมอ่อนข้อให้แล้วมันจะเหลิง

"มึงเข้าใจกูใช่มั้ย"กายมันนั่งกอดอกมองปมจากบนเตียงทำท่าเหมือนใช้ความคิด

"เข้าใจ..แต่มึงจำที่เราเคยคุยกันไม่ได้หรอ"คุยไรวะกุลืม

"เรื่องอะไรวะ?"ผมถามเพราะตัวผมเองนั้นความจำสั้นยิ่งกว่าปลาทอง

"ที่บอกให้ไว้ใจไง.."ผมนั่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่ใช่เพราะกำลังช็อคหรืออะไรแต่คือเหมือนความรู้สึกต่างๆมันเข้ามาแทนที่ในตอนที่กายพูดจบ การกระทำของผมในวันนั้นมันบอกได้เป็นอย่างดีเลยว่าผมไม่ไว้ใจมันซึ่งมันก็กลายมาเป็นความรู้สึกผิดกับผมในตอนนี้

"ที่พูดได้ยินมั้ยเนี้ย"กายถามย้ำ"อือเข้าใจ"ผมได้แต่ก้มหน้าในตอนนี้ไม่มีความกล้าจะเงยหน้าขึ้นไปสบตามันเลยวะ

"นี้.."กายใช้นิ้วชี้ของมันช้อนคางผมให้เงยหน้าขึ้นสบตากับมันก่อนจะเริ่มพูดต่อ"

"การกระทำที่ผ่านมา มันทำให้มึงเชื่อใจกูไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ"ผมรู้ว่ามันไม่ได้ถามเพื่อประชดแต่มันถามเพราะอยากรู้ว่าผมคิดยังไงกับเรื่องนี้ต่างหาก..

"จริงๆกูเข้าใจทุกอย่างนั้นแหละ..เพียงแต่..กูอดไม่ได้วะกาย....กูอดคิดไม่ได้จริงๆ.."ผมสูดหายใจลึกๆก่อนจะเริ่มพล่ามต่อ "บางครั้งกูก็คิดนะ ว่าถ้าหาก มึงเจอ ผู้หญิงดีๆสักคนชีวิตมึงมันคงจะง่ายขึ้นกว่านี้ "

"ง่ายกว่าคือยังไงวะ นี้มึงต้องการจะบอกอะไรกับกูห้ะเจ"กายขมวดคิ้วถามผมพร้อมกับใบหน้างงๆของมัน

"ก็เรื่องของเรา..มึงรู้ใช่มั้ยว่ามันผิด"ผมรู้สึกเจ็บแปลบๆที่อกตอนที่เอ่ยคำนี้ออกมา

"ผิด..ยังไง..แล้วอะไรคือความถูกต้องวะ"เหมือนเสียงมันจะเริ่มสั่นๆ นี้กูแค่ระบายนะเนี้ยทำไมกายมันต้องจริงจังขนาดนั้นด้วยวะ..

"ผิดที่เราเป็นผู้ชายเหมือนกันไง"

"ผู้ชายแล้วไงวะ?"

"ผู้ชายรักผู้ชายมึงคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย ที่ใครๆก็ยอมรับได้หรอวะ"

"กูไม่เข้าใจ..มึงพูดแบบนี้ ทำไมวะเจ มึงต้องการให้กูทำอะไรไหนลองบอกกูชัดๆทีสิ"

"กูแค่อยากให้มึงรู้ว่าเรื่องของเราอะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ใครเขายอมรับกันอะ มึงเข้าใจกูปะเนี้ย"

"มึงจะเลิกกับกู เพียงเพราะเรื่องของเรามันเป็นเรื่องยากหรอ"เพลี้ย !!!ผมยิ่นมือไปตบปากมันแทบจะทันที

"คำๆนี้ มึงอย่าพูดออกมาเป็นครั้งที่สองนะกาย"กายมันดูอึ้งๆแต่ก็ยอมนั่งฟังผมอธิบายดีๆ

"กูไม่ได้มีความคิดแบบนั้นในหัวสมองของกูเลยกูก็แค่ คิดว่าจะทำยังไงให้พ่อแม่มึงยอมรับในตัวกูดี ..คือจะว่ายังไงดีละกูไม่อยากเข้าบ้านมึงแล้วต้องคอยบอกกับทุกคน ว่ากูเป็นแค่เพื่อนมึง..กูอยากมีสิทธิมากกว่านั้น"จบคำพูดผมกายมันเผลอหลุดยิ้มออกมา

"นี้มึงรักกูขนาดนั้นเลยหรอ"ไหนๆก็พูดไปซะหมดแล้วคงไม่มีอะไรต้องปิดแล้วละ

"เออ..ไอสัดมึงพึ่งรู้เหรอ"ผมถามพร้อมกันยื่นมือไปเขกกระบาลมัน ไอง้าวเอ้ยแค่่การกระทำกูมันยังบอกไม่ได้อีกหรอวะว่ากูคิดยังไงกับมึง..

"แล้วไอเชี้ยนั้นละ."

"เชี้ยไหน?"

"ก็ไอคนที่มึงจะไปฉลองกับมันเมื่อเย็นอะ" หมายถึงอะตอมสินะ

"นั้นเพื่อน"

"เพื่อนหรือผัวใหม่"มันยักคิ้วถามผม เอ้าไอนี้. .

"นี้มึงเห็นกูแรดขนาดนั้นเลยหรอ"

"ยังจะถามอีก ..ก็มึงอะ..ชอบไปไหนมาไหนแต่กับผู้ชาย.."

"จะให้กูเดินตามตูดผู้หญิงจะได้ดูแมนว่างั้นเหอะ"

"แต่มันก็ปลอดภัยกว่ามั้ยละ มึงไม่รู้หรอกว่าในสายตาเพื่อนๆกูมันมองมึงยังไง "ถ้าเป็นเรื่องนี้ผมพอรู้นะแต่อย่าพูดถึงมันเลยดีกว่่า

"ปกติกูก็อยู่แต่กับเพื่อนแค่สองคนที่สนิทด้วย"

"คนไหน.กูเคยเจอมั้ย"

"มั้งที่หน้าคณะอะ"

"งั้นมึงก็ตามติดเพื่อนมึงแค่สองคนยันจบปีสี่ไปเลยละกัน"

"ห่ากายอย่าเยอะครับอย่าเยอะ.."ผมยื่นมือไปกยิกแก้มมันเล่นจึกๆ

"ไม่รู้ละ ความผิดมึงยังมีอยู่หลายกระทงนะเจ จะยอมทำดีๆมั้ย"

"ไม่"แน่นอนผมตอบอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องคิดกันเลยทีเดียว...

"กูจะให้โอกาศมึงพูดอีกที.."

"ไม่ ไม่ ไม่ ม..."อุ้ปส์สส คำพูดผมจบลงด้วยปากของมันที่กระโจนมาแตะที่ริมฝีปากของผมด้วยความรวดเร็ว ความคิดในสมองผมขาวโพนไปหมดในหัวผมตอนนี้เห็น มันเพียงคนเดียว . . .

เราจูบกันอย่างแผ่วเบาและเนิ่นนานจนมันต้องเป็นฝ่ายถอนหน้าออกเพื่อพักหายใจและเริ่มบทเพลงรักใหม่ด้วยลีลาที่ร้อนแรง ขึ้น จากที่แค่เลียริมฝีปากกับกลายเป็นว่าลิ้นของเราสองคนกำลังเล่นหยอกล้ออยู่ในโพลงปาก
คนตรงหน้าผลักผมลงที่เตียงและเป็นจังหว่ะเดียวกับที่มันยกตัวผมให้ไปนั่งอยู่ช่วงสะโพกของมัน ผม เลยตอบสนองด้วยการระดมจูบทุกส่วนตามร่างกายตั้งแต่หน้าปากจมูกซอกคอแหละหลังใบหู ซึ่งผมรู้สึกได้เลยว่า คนข้างล่างคงจะรู้สึกดีอยู่มากเพราะจากการที่ผมถูกอะไรแข็งๆ สัมผัสอยู่ที่ก้นเนี้ยมัน ก็น่าจะบอกได้ช้ดแล้วว่าเขาก็คงมีต้องการอยู่เหมือนกัน

ผมรีบปลดกระดุมเสื้อทั้งของผมและของกายออกจนหมดรวมถึงกางเกงนิสิทของคนข้างล่างออกเผยให้กางเกงในแบรด์ดังที่มันดูเข้ากับหุ่นของมัน ซะเหลือเกิน ความเขินอายที่เคยมีตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยอารมณ์ที่เรียกว่าความ ใคร่ และความต้องการที่มันเริ่มประทุขึ้นมาๆเรื่อยๆ

ผมยื่นมือไปสัมผัสกับส่วนที่แข็ง ที่อยู่ตรงหน้า คนที่นอนอยู่ทำสีหน้าเหยเกย เหมือนเริ่มจะทนไม่ไหว ใช่ ผมเองก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จากที่เรามีอะไรกันครั้งแรก ผมไม่เคยรู้เรื่องราวพรรณนี้มาก่อนว่ามันควรจะเกิดขึ้นยังไงและควรสนองยังไง แต่เวลาที่ผ่านมาก็ช่วยเพิ่มทักษะผมขึ้นอย่างมาก จนผมเรียนรู้ว่าควรจะทำยังไงเพื่อช่วยให้คนตรงหน้ามีความสุขได้..และเริ่มการกระทำบทแรกด้วยการ ถก สิ่งที่เป็นโล่กันบังออก เผยให้เห็นแก่นกาย ที่แข็งชูชัน ขึ้น มา ผมเริ่มบทเพลงรักด้วย การ ใช่ปากครอบไปยังส่วนที่มันร้อนละอุ ทำอยู่อย่างนั้นพักใหญ่จนคนตรงหน้าต้องใช้มือของมันในการกดหัวของผมขึ้นๆลง และไม่นานนัก มันก็เป็นฝ่าย รุกเองบ้าง ผมเองก็เหนื่ิอยที่จะต้องทำแล้วเหมือนกัน ยอมรับเลยว่านี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาทำอะไรแบบนี้  คนข้างบนก้มหน้าเข้ามา จูบที่หน้า ตา แก้ม จมูกปาก คอ และมาหยุดอยู่ที่หน้าอกของผมเป็นเวลานานพอควร..

"ซี๊ดดด"ผมเผลอร้องออกมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว และพยายามเม้มเสียงนั้นเอาไว้เพราะกลัวคนในบ้านจะมาได้ยินเอา

"กาย..พ..พอ..หยุดก่อน.."ผมหลับตาพูดคุยกับมันแต่ดูเหมือนคนตรงหน้ามันคงจะไม่ได้ยินผมนะ ปากของมันยังซุกซนอยู่ตรงช่วงท้องของผมอยู่เลย

"อ่าส์..กาย..พอก่อน..กู...อ่า.."ผมร้องเสียงหลงทันทีเมื่อกางเกงชั้นในของผมถูกปลดออกและตามมาด้วยแรงสัมผััสที่อบอุ่นจากปากของคนตรงหน้า

"กาย..อะ..กูไม่ไหว..ล..แล้ว..เอาออก..ก่อน.."ผมพยายามดันหน้าของมันให้ออกห่างจากลูกชายผมแต่เหมือนมันจะเป็นเด็กหัวรั้น ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แล้วมันก็ยิ่งเพิ่มความเร็ว ในการหยอกล้อกับเจน้อยของผมจนผมเริ่มทนไม่ไหวและปลดปล่อยของเหลวสีขาวใส่ปากของคนตรงหน้าอย่างเขินอาย..แต่สิ่งที่ทำให้ผมอึ้งคือกายมันไม่ได้ยกหน้าของมันออกห่างจากลูกชายผมเลยมัน ยังคงหยอกล้อและทำความสะอาดให้ด้วย ลิ้นของมันจนหมดจด ก่อนที่มันเงยหน้าขึ้นมาและก้มลงมาประทับจูบที่ปากของผม ผมรับรู้ได้ถึงรสคาวๆที่มาจากปากของมันและมาจากตัวของผมเอง..นี้สินะที่เขาเรียกว่า น้ำรัก..รสชาติมันก็ไม่ได้แย่อะไร..มากมาย

พรึ่บ..

อยู่ๆกายมันก็แยกหว่างขาของผมออกและค่อยๆใช้นิ้วใหญ่ๆของมันเบิกทางรักที่ไม่ได้ใช้มานานด้วยความช่ำชองและรวดเร็ว

ฮึก..แวปแรกที่นิ้วแข็งของมันลอดเข้าไปที่ปลายอุโมงค์ผมรู้สึกจุกเหมือนตัวเอง โดนใครต่อยเขาที่ท้องน้อย เป็นอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ก่อนที่มันจะค่อยเพิ่มจำนวนนิ้วเข้ามา .จากความจุกแปลกๆมันก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเสียว...ผมซี๊ดดปากห้ามอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ให้มันส่งเสียงไปให้ใครในบ้านได้ยิน.. แต่จังหว่ะนั้นกายมันก็ก้มหน้าลงมาใกล้กับหูของผมพร้อมก้บกระซิบประโยคๆนึงให้ผมฟังว่า

"ถ้าเจ็บให้กัดคอนะ "มันพูดแค่นั้นและเริ่ม เอานิ้วที่เคยสอดใส่เข้ามาออกจนหมดกายมันยืนขึ้นเต็มความสูงมองไปรอบห้องเหมือนหาอะไรบางอย่าง

"มีอะไรหรอ.."ผมถามมันเสียงอู้อี้

"เจลไปไหนแล้ว.."คงหมายถึงเจลที่หัวเตียง.ยังจำกันได้มั้ยว่ายัยเอินเคยให้ผมไว้เมื่อนานมาแล้วแต่ผมปฏิเสธ แต่วันต่อๆมามันก็มาอยู่บนหัวเตียงผมชนิดที่ว่่าผมเองยังงงว่ามันมาได้ไงแต่วันนี้มันไม่อยู่แล้วครับ..

". . "ผมไม่ได้ตอบคำถามกายและเป็นฝ่ายดึงมันลงมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้กายฝืนหน้าของมันเอาไว้และนั้นเริ่มทำให้ผมไม่เข้าใจ..

"มีอะไรรึเปล่า.."

"ไม่มีเจล..."

"ถุงไง"

"ไม่มีเหมือนกัน"

". . . ."ผมเริ่มคิดๆอะไรบางอย่างและพูดมันออกมา

"งั้นสดเลย.."

"ห้ะ. ."เหมือนกายมันกำลังเอ๋อๆอยู่

"กูบอกให้สดไง อย่าถามมากดิ่.." อารมณ์ผมตอนนี้มันพลุกผล่านยิ่งกว่า สมัยวัยรุ้น สิบสี่สิบห้าซะอีก

"แต่มึงจะเจ็บ.."สีหน้ามันดูเป็นห่วงผมจริงๆ

"เสียบๆมาเหอะ . ."ไม่ทันสุดคำพูดผมดีไอกายมันก็สนองนีดของผม ด้วยการ นำเรือหางยาวของมันแล้นเข้าอุโมงค์ แวปแรกผมคิดถามตัวเองในใจ ไม่น่าโดนความเงี่ย...บังตาเลยกูสุดท้ายก็เลยต้องมานอนดิ้นครวญครางทุรนทุรายเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกแบบนี้


ปัป ปัป ปัป

เสียงเนื้อกระทบกันเสียงดังสนั่นลั่นห้องบวกกับเสียงร้องเงียบๆของผมที่ดังอยู่ข้างหูของไอกาย ใช่ครับผมกัดคอมันอยู่เลยช่วยเก็บเสียงอย่างว่าไปได้เยอะ..


กายมันเริ่มเร่งจังหว่ะเร็วและแรงขึ้น จนในที่สุด มันก็พาเรือหางยาวของมันท่องในถ้ำเนเวอร์แลนด์ได้สำเร็จชนิดที่ว่า ข้างในเลยทีเดียว แต่อย่าคิดว่ามันจะจบแค่นั้นนะคร้บ...เพราะหลักจากนั้นอีกไม่นานมันก็ลุกขึ้นมาไซร้คอผมและเริ่มท่องโลกกว้างอีกครั้งและอีกหลายๆ ครั้ง จนตัวผมเองนี้ระบบไปหมดแล้ว..กว่าจะพักกันได้นี้ก็ปาไปตีสี่เกือบตีห้าโหไอเหี้ย ผมใช้มือสัมผัสที่ปากถ้ำ ที่ตอนนี้มีของเหลวมากมายไหลนองอยู่เต็มไปหมดแต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ...ล...เลือด.... คร่อก เห็นเพียงแค่นั้นผมก็สลบเป็นตายไปเป็นวัน ตื่นมารู้สึกตัวอีกทีก็นู้น ช่วงบ่ายๆของอีกวัน..

"อื้อ.."ผมลืมตาขึ้นมาท่ามกลางแสงตะวันที่สาดส่องในยามบ่าย(จะเรียกว่าตะวันก็คงไม่ได้)เพราะแม้งร้อนชิบหายขนาดปิดผ้าม่านอยู่ผมยังรู้สึกได้ถีงความร้อนเลย

ผมขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ต้องร้อง โอ้ย ออกมาเพราะรู้สึกเจ็บแถวช่วงสะโพกมาก แต่สาเหตุที่แท้จริงส่วนหนึ่งมันเกิดมาจากความอยากของผมเองด้วยแหละ ไม่น่าไปถ้าให้มันเสียบสดเล๊ยโอ้ย ว่าแต่ไอตัวปัญหามันหายหัวไปไหนของมันวะ ทำไมถึงปล่อยให้ผมตื่นขึ้นมาตัวคนเดียวแล้วต้องร้องเรียกตามหามันในสภาพนี้ด้วย นะ เห้อ คือ จริงๆอยากให้มันอยู่ข้างๆตอนนี้แต่การที่มันไม่อยู่ ทำให้ผมรู้สึกแหม่งๆ เหมือนพวกที่พึ่งโดนฟันแล้วทิ้งจามผับบลายังไงยังงั้นเลย

ว่าแล้วก็ใช้แรงฮึกนิดหน่อย ในการเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียง กดเบอร์ไปที่ปลายสาย

ตื๊ดด... ตื๊ดดด เป็นแบบนี้อยู่นานมาก ติดแต่ไม่มีคนรับ ผมจะไม่อะไรเลยถ้าอย่างน้อยมันบอกว่าอยู่ไหนทำอะไรอยู่กับใคร คือสแค่แมสเสทก็ยังดี แต่นี้ ไม่มีห่าอะไรที่พอจะบอกได้เลยว่ามันหายหัวไปไหนของมัน. .

ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เตียงและค่อยๆคลานไปที่ตู้เสื้อผ้าหาชุดสบายๆใส่ก่อนจะเดินลงมาที่ด้านล่าง

"ไงค่ะคุณชาย กว่าจะตื่นได้นี้ นี้พี่แทบจะโทรเรียกปอเต็กตึ้งให้มารับอยู่แล้วนะถ้าเจไม่ตื่นก่อนบ่ายสามเนี้ย"สาวสวยแต่ใจโหดของบ้านทักทายผมเหมือนทุกที แต่คราวนี้มันแปลกครับ.เพราะคุณเธอดันอยู่บ้าน  ในเวลาแบบนี้ของทุกวันพี่อินแกมักจะไปช็อปปิ้งหรือไม่ก็ไปรวมกลุ่มสิบสาวแม่บ้านโสด คือแค่ชื่อกลุ่มนี้ก็หลอกลวงประชาชนแล้วครับ แต่ละคนนี้มีลูกมีผัวกันแล้วทั้งนั้น . .. ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจจุดประสงค์ในการตั้งสมาคมนี้ขึ้นมาเหมือนกัน รู้แต่ว่า วันไหนพี่อินไม่ได้ไปรวมกลุ่มนี้คงนั่งไม่ติดเก้าอี้แน่ๆ

"เอ่อ..พี่ อินเห็นกายมันบ้างรึเปล่าครับ" คือที่ลงมาก็จะถามเรื่องนี้แหละเพื่อมีใครเห็นมันผมจะได้สบายใจ

"เห็นนะ ออกไปตั้งแต่เช้าตรู่เลยดูหน้าเครียดๆเหมือนเขาจะมีเรื่องด่วนนะ "และนั้นมันยิ่งเพิ่มความอยากรู้ของผมขึ้นอีกเป็นเท่่าตัว. .. โทรไปไม่รับทักไปไม่ตอบนี้สรุปมันมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรรึเปล่าวะ..ปมไม่สบายใจเลย..และถึงแม้ร่างกายผมจะไม่เอื้ออำนวย..แต่ใจมันกลับพาร่างกายอันบอบช้ำดั้นด้นมาหากายถึงที่บ้าน. . หลังใหญ่หลังเดิมแต่เพิ่มเติมคือมีกาด ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู. . .ผมคิดว่่ตัวเองลงผิดบ้านเลยเดินถอยหลังกลับไปดูป้ายนามสกุล เอ..ก็มาถูกนี้หว่า แล้วพี่ๆแว่นดำนี้เขามายืนทำอะไรกันหว่า...ว่าแล้วก็เดินกระเพกๆเข้าไปถามเขาซะเลย

"พี่ๆ"ผมใช้นิ้วจิ้มพี่ตัวสูงๆถึกเหมือนบัวขาวที่ยืนหันหลังให้ผมอยู่

"มีอะไรไอน้อง.."โหขนาดเสียงยังเหมือนแฝดพี่บัวขาวปะเนี้ย..

"คือ วันนี้มีอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับทำไมกาดเต็มบ้านไปหมด"

"อ่อวันนี้คุณชายใหญ่ท่านกลับมาจากต่างประเทศน่ะ"

"นี้คือการต้อนรับหรอครับ"ถ้าใช้ก็คงเว่อร์วังน่าดู

"ไม่ใช่หรอกพี่ อะมือขวา คุณชายท่าน ส่วนนี้ "เขาชี้ไปที่พี่อีกคนนึงที่ตัวสูงล้ำพอๆกัน"มือซ้าย เออแต่จะว่าไปทำไมข้าต้องมาเล่าเรื่องพวกนี้ให้เอ็งฟังด้วยวะ เอ็งเป็นใครเนี้ย "พี่แกถลึงตาใส่ผม

"ผมเพื่อนไอเชี้..เอ่อ...กายอะครับผมเพื่อนกาย"

"อ่อเพื่อนนายน้อยนี้เอง"พี่เขายิ้มให้ผมแล้วเห้อรอดตายละกู..

"เดี๋ยวนั้นเองจะไปไหน.."พี่บัวขาวแกร้องทักตอนที่ผมเดินสวนหน้าแกไป

"เข้าไปหาเพื่อนไงพี่ ?"

"ง่ายไปม้าง..."

"อ้่าวแล้วผมต้องทำไงอะ ต้องต่อยกับพี่ก่อนงั้นหรอผมถึงจะได้เข้าไป..."แต่อย่าพูดถึงเรื่องต่อยเลยครับแค่เรื่องใช้ความรุนแรงนิดหน่อยผมก็ขอบายแล้ว

"ตลกแดก แค่เอาบัตร ปชช. มา แล้วเอ็งก็เข้าไปได้เลย"

"หา..."ทำยังกับกูจะมาปล้นเพรชแนะ และด้วยผมไม่อยากจะสาวความยาวต่อความยืดกับพี่แกเลยต้องหยิบให้ จากกระเป๋าสตางค์ และเดินดุ่มๆเข้าไปแต่ก็ยังมิวายมีสายตาจากกาดหลายคู่จ้องมองมาที่ผม แต่เขาก็ไม่ได้ถ้วงอะไรผมเลยรีบวิ่งติดสปีด ไปที่ประตูบ้านหลังใหญ่ ที่ไม่ค่อยชินตานัก(จะชินได้ไงมาครั้งเดียว)

"อ้าว.คุณหนู.."ผมหันควับตามเสียงเรียกที่ได้ยินเห็นป้าแก่ๆคนนึงเดินเข้ามาหาผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"ครับ.."ผมยิ้มตอบกลับป้า คือจริงๆป้าก็น่าคุ้นนะ แต่เอาจริงๆมั้ยผมจำชื่อป้าแกไม่ได้วะ

"มาหาคุณหนูหรอค่ะ"เรียกผมคุณหนู แต่มาหาคุณหนูมันก็จะดูงงๆหน่อยนะ

"อะ.ครับ ว่าแต่ คุณหนูของป้า อยู่บ้านรึเปล่าครับ"

"อ่ออยู่ค่ะ.พอดีวันนี้คุณผู้ชายกลับมาที่บ้านในรอบหลายสัปดาห์ ป้าว่าคงจะเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆเลย"

"ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าครับ ดูท่าคงจะไม่สะดวกคุยตอนนี้"ผมรีบยกมือไหว้ป้าเขาก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปจากทางที่มา..แต่ป้าเขาก็เรียกให้ผมหันกลับไปคุยกับป้าอีกครั้ง

"บางที อาจจะเสร็จแล้วก็ได้นะคะ ไม่ลองขึ้นไปรอคุณหนูอยู่บนห้องก่อนละคะ"เป็นข้อเสนอที่หน้าสนใจและผมเองก็คงไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ เลยตอบตกลงโดยมีป้า นอม (ปิ้งป่องผมจำชื่อป้าได้แล้ว) เป็นคนเดินพาผมขึ้นมาส่งอยู่บนห้องของไอกาย แถมยังบอกก่อนไปอีกว่าให้ผมทำตัวตามสบายๆ เหอะอยากจะบอกว่าผมเองก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกันเพียงแต่สถานที่มันไม่เอื้ออำนวยก็เท่านั้นเอง

ผมนั่งรอกายอยู่บนห้องของมันสาย ตา เจ้ากรรมก็ดันซุกซนเห็นอะไรแปลกๆหน่อยก็เดินไปหยิบจับนั้นนี้มาดู

ตึก ตึก ตึก .. เสียงคนเดินมาใกล้ๆนี้แล้วด้วย ผมคิดว่าน่าจะเป็นกายมันนะ ลองแกล้งทำให้มันตกใจเล่นดีกว่า ผมเลยรีบเดินดุ่มๆแม้จะยังเจ็บช่วงซะโพกอยู่บ้าง เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ซึ่งผมมั่นใจว่าตัวผมสามารถเข้าไปได้แน่ๆ แล้วมันก็ดันเข้าได้จริงๆ(ใหญ่เว่อร์วังอลังการมากครับคุณผู้ชม)

ปึง..เสียงประตูปิด ผมแอบส่องมองจากรอยแง้มเล็กๆที่ปิดไม่สนิทนัก เห็นกายมันเดินเข้ามาทำหน้าเคร่งเครียด..อารมณ์ที่อยากจะแกล้งก็หมดในทันที ผมกำลังจะเลื่อนมือเพื่อเปิดประตูออกไป..แต่เสียงเปิดประตูจากภายในห้องก็ดังซะก่อนผมเลย นั่งนิ่งๆ แอบมองอยู่ดังเดิม

"ทำไมพ่อถึงทำกับผมแบบนี้ครับ.."บุคคลที่เดินเข้ามาใหม่คือพ่อของกายซึ่งผมไม่้เคยเห็นหน้ามาก่อน โครงหน้าของท่านช่างหล่อเหลา ไม่แปลกใจเลยว่ากายมันได้เชื้อความหล่อมาจากใคร แต่เรื่องความหล่อผมคงต้องคอสต็อปเอาไว้ก่อน . . .ขอเสียมารยาทแอบฟังพ่อลูกเขาคุยกันต่อดีกว่า ว่าแล้วก็เงี่ยหูให้ติดขอบตู้ให้มากที่สุด เพื่อภาพและเสียงที่ชัดเจน

"ถ้าพ่อไม่ทำแบบนี้ ก็คงจะโง่ไปอีกนาน"พ่อของกายยืดกอดอกทำหน้าบึ้งอยู่ที่ประตู

"แต่แบบนี้มันเกินไปนะครับ.."

"มันไม่มีอะไรเกินไปหรอก.. ถ้ามันจะเกินก็คงจะเป็นตัวแกเองที่ทำตัวเหลวแหลกขนาดนี้"น้ำเสียงของท่านดูดุดันและจริงจังเล่นทำเอาคนที่แอบฟังอย่างผมถึงกับสะอึกแทนคนที่ได้ยินเลย

"เลิกซะ"พ่อของกายพูดน้ำเสียงนิ่งเรียบ

"พ่อว่าอะไรนะ!"กายมันดูตื่นตระหนก

"พ่อบอก ให้แกเลิกยุ่งกับเด็กผู้ชายคนนั้นซะ"

"ไม่ครับ..ยังไงผมก็ไม่มีวัน..."เพลี้ย...คำพูดของกายมันหยุดลงเป็นจังหว่ะเดียวกับที่ฝ่ามือของ คนตรงหน้าเดินมาตบเข้าที่ใบหน้าจนคนที่โดนต้องหันไปตามแรงปะทะ

อะไรกัน . .. แค่เรื่องอะไรนิดๆหน่อยพ่อของกายก็ลงไม้ลงมือกับลูกตัวเองแล้วงั้นหรอ..

"พ่อจะให้โอกาสแกพูดอีกครั้ง ถ้าคำตอบแกมันดีกว่านี้ แกจะยังได้อยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไป..แต่ถ้าไม่แก ก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ แล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!" น้ำตาของที่ผมรักล้วงหล่นอาบสองข้างแก้ม ผมเห็นชัดเต็มสองตาได้ยินเต็มสองรูหูอย่างชัดเจน ซึ่งถ้าหากผมเป็นกายผมก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน ความเป็นพ่อเป็นลูกมันตัดกันง่ายขนาดนั้นเลยหรอ..ทำไมเขาถึงพูดมันออกมาได้ง่ายดายขนาดนั้น...

ผมไม่เข้่าใจเลยจริงๆ

 TBC. . . . ..

เริ่มเข้าใกล้สู่ช่วงท้ายเรื่องแล้ว ขอโทษทีาดองไว้หลายเดือนไม่มาลงสักทีตอนนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วเน้อ

ปล.ฉากNcเขียนไม่เป็นจริงๆนา ต้องขออภัยด้วยหากผู้อ่านเข้าไม่ถึงอารมณ์

. . .

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Chapter:44

ตั้งแต่เมื่อไหร่...แกทำตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่.."เสียงของพ่อกายดังไปทั่วบริเวณ

"ผม..."

"ฉันถามว่าแกเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!"

". . . ."

"ทำไมแกถึง เงียบ ละ ทำไมถึงไม่ยอมเถียงแล้วบอกกับฉันมาว่าเรื่อง ที่ฉันกำลังเข้าใจตอนนี้มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน..พูดสิ...พูดมา!!"

"พ่อ..เข้าใจถูกแล้วครับ. . ผมกับเจ เราสองคนกำลังคบกัน"ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองช้า ในทันทีเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองอยู่ในประโยคที่กายพึ่งจะพูดตอบพ่อของตัวเอง..สรุปใจความของเรื่องที่ทำให้พ่อกับกาย ทะเลาะกันก็คือผม

"เหลวไหล ..อะไรทำให้แกเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้"พ่อของกายทำหน้าเครียดหนักมากตอนพูดคำนี้"

"ผมไม่ได้เปลี่ยน ผมยังเป็นผมเหมือนเดิม ผมก็แค่....มีความรัก.."

"แต่ความรักของแกมันกำลังทำลาย ชีวิตของแกเอง ผู้หญิงดีๆมีให้เลือกตั้งมากมายแต่แกกับคิดสั้นด้วยการเลือกผู้ชายมาเป็นแฟน เหอะ...รู้ถึงไหนอายถึงนั้น"สำหรับตัวผมเรื่องของผมกับกายเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายสำหรับครอบครัวผมมากกายชอบพ่อพ่อชอบกาย ทุกสิ่งทุกอย่างดูง่ายไปซะหมด..แต่เหมือนผมจะลืมคิดถึงมุมครอบครับของกายว่ามันจะโอเคกับเรื่องนี้มั้ย.ซึ่งคำตอบในตอนนี้ก็คือ..ไม่.. ผมนั่งสำลักกับความจริงอยู่ในตู้ใหญ่ น้ำตาที่ไม่รู้ว่ามันไหลมาอาบข้างแก้มตั้งแต่เมื่อไหร่..อารมณ์หดหู่ยิ่งกว่าตอนที่เราทะเลาะกันหลายร้อยเท่ามันกำลังถาโถมเข้าใส่ตัวผมอย่างต่อเนื่อง ทุกความรู้สึกที่กายกำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ ผมอยากแบ่งเบาด้วยการ ยืนอยู่ข้างๆและคอยให้กำลังใจมัันอยู่ใกล้ๆแต่สิ่งที่ผมทำได้ในนอนนี้ มีเพียงนั่งนิ่งๆเก็บเสียงสะอื้นและรอฟังคำตอบจากกายและพ่อของมันเอง..

"แต่ผมไม่อายนิครับ ผมรักเขาเขาก็รักผม เวลาผมไม่มีใครผมก็ยังมีเขาอยู่เคียงข้างเวลาผมเหงาผมหันไปทางไหนผมก็ยังมีแต่เขาคอยนั่งอยู่ข้างๆเสมอ ต่างจากพ่อ..ที่ไม่เคยมีเวลาให้ผมเลย.. พ่อใช้เวลาทั้งหมดไปกับงานจนพ่ออาจลืมไปแล้วว่า พ่อ เคยมีผมอยู่ตรงนี้ด้วย"
จบคำพูดของกายทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ..พ่อของกายคลายมือที่กอดอกออกก่อนจะพูดคำบางคำจนคนฟังอย่างผมต้องสะอึกและอึ้งตามกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน

"พ่อไม่รู้นะว่าในหัวตอนนี้แกกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่..แต่สิ่งที่พ่อจะมาบอกแกวันนี้คือ ให้แกเลิกยุ่งกับเด็กคนนั้นซะ.."

"แล้วถ้าผมไม่ทำตามละครับ"กายยังคงเถียงข้างคูๆเถียงที่ยังไงมันก็ไม่มีวันจะเป็นฝ่ายชนะ

"ทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเคยมี มันจะหายไป ข้าวของเครื่องใช้เงินทอง ทุกสิ่งที่แกเคยมี ..รวมถึง เจริญเกียรติพาณิชย์ ด้วย" . . . น้ำตาที่เหือดแห้งถูกซ้ำรอยเดิมอีกครั้งหลังจบประโยคของ เขา คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของกาย..ผมรู้นะว่าเรื่องที่เราทำอยู่มันเป็นเรื่องที่ีีผิดและไม่สมควรให้เกิดขึ้น.แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันผ่านมาก็ทำให้ผมคิด..ว่าเราสองคนผ่านอะไรกันมาบ้าง อยู่ๆจะให้มา..เลิกกันไปแบบนี้มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย..แต่เหมือนเหตุผลของผมต่อให้จะอธิบายยังไงพ่อของกายเองก็คงจะไม่เข้าใจ..

"ฉันจะให้เวลาแกตัดสินใจสามวัน นับตั้งแต่ตอนนี้วินาทีนี้  ถ้าหลังจากสามวันแล้วความคิดแกยัง ไม่เปลี่ยน ฉันจะถือว่าแกไม่ใช่ลูกของบ้านนี้อีก..."เจ็บหนักกว่าเก่าก็ตอนที่โดนตอกย้ำถึงจุดที่ผมกำลังยืนอยู่ในตอนนี้..แม้จะยังไม่มีใครมาทำอะไรแต่ตัวผมก็เหมือนกับโดนสาดกระสุนปืนกลใส่ทั่วทั้งตัวมันเจ็บแปลบชนิดที่ว่ารักษายังไงก็คงไม่หาย...

พ่อของกายเดินออกจากห้องไปได้พักใหญ่แล้วแต่ผมยังคงนั่งมองดู กาย ที่กำลังนั่งกอดเข่าร้องไหอยู่ที่เตียงเพียงคนเดียว ..ผมอยากจะอยู่ข้างๆลูบหัวมันแล้วพูดประโยคๆนึงเหมืิอนทุกๆครั้งว่า

"ไม่เป็นไรนะ..ไม่ว่าจะเกิดอะไรมึงจะยังมีอยูอยู่ตรงนี้ข้างๆเสมอ"เพียงแต่ความกล้าในครั้งนี้ของผมกับเหลือศูนย์ ซึ่งไม่มีค่า และผมก็ไม่กล้าพอที่จะทำในสิ่งที่ใจคิด.เพราะผมกลัว...กลัวจะเป็นฝ่ายที่นั่งเสียใจซะเอง..

ผมนั่งปิดปากร้องไหราวครึ่งชั่วโมง ไม่นานนักข้อความๆนึงที่ถูกส่งมาจากผู้ชายที่้พึ่งจะเดินออกไปจากห้องก็ส่งมาหาผม

"เตี้ยอยู่ไหน..ว่างรึเปล่าอยากไปหา..มีเรื่องจะคุยด้วย"ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องที่มันจะพูดคืออะไรถ้าไม่ใช่เรื่องที่ผมเพิ่งจะได้ยินไปเมื่อกี้

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่โกยออกซิเจนเข้าปอด อยู่หลายครั้งก่อนจะพิมพ์ตอบกลับมันไป

"ออกมาข้างนอก..แต่เดี๋ยวจะกลับแล้วหล่ะ..มาหาหน่อยสิ..มีเรื่องจะพูดเหมือนกัน.."สาบานได้ว่าตอนที่ผม พิมพ์น้ำตาของผมมันยังคงไหลนองอยู่ข้างแก้มแม้มันพึ่งจะแห้งไปแล้วก็ตาม. . .


ผมเดินลงมาจากห้องของกาย แต่ก็ไม่ลืมที่จะมองซ้ายมองขวาเพราะถ้าเกิดผมเจอพ่อของกายขึ้นมามันคงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

"อ้าวคุณหนูจะกลับแล้วหรอค่ะ.."เสียงของป้านอมเดินมาถามผมด้วยรอยยิ้มตอนที่ผมเดินลงมาอยู่ที่ประตู.

"ค.ครับ"ขนาดแค่พูดคำวา่่ครับเสียงผมมันยังคงสั่น

"เอ.เป็นอะไรรึเปล่าค่ะเนี้ย..เมื่อกี้ ป้าเองก็เห็นคุณหนู เขาอาการแปลกๆอยู่เหมือนกัน..ทะเลาะกันมาหรอค่ะ" ป้านอมถามขึ้นพร้อมกับยกมือจับหน้าผมเอียงไปมา

"อ่อผมดูละครอยู่ข้างบนมาน่ะครับป้า ตอบจบมันเศร้า..ผมคงจะอินหนักไปหน่อย"

"อ่อแบบนี้นี่เอง..แล้วนี้จะกลับเลยรึเปล่าค่ะ อยู่ทานของว่างก่อนมั้ย"ป้านอมยังคงถามผมด้วยรอยยิ้มเหมือนเช่นเคย

"ไว้คราวหน้าดีกว่าครับป้า พอดีผมมีเรื่องต้องไปเคลีย นิดหน่อย ยังไงก็ขอบคุณที่ชวนนะครับ"ผมยกมือสวัดดีป้านอมก่อนจะเดินออกมาที่หน้าบ้านรับบัตรประชาชนที่พี่กาดแกยึดไว้ก่อนจะรีบโบกแท็กซี่ ที่พึ่งส่งผู้โดยสารตรงข้ามเสร็จให้วนกลับมารับผมและไปส่งที่บ้านโดยใช้เวลาเพียงไม่นานผมก็กลับมายืนอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเองอีกครั้งแต่ในครั้ง นี้ ผมกลับไม่มีความกล้าที่จะเดินเปิดประตูเข้าไปเพราะ ยังมีบุคคุลอีกคน ที่กำลังนั่ง รอผมอยู่ด้านในด้วยแววตา ที่เศร้าสร้อย.. ผมรู้ว่าเรื่องที่กายจะเตรียมมาพูดมันคือเรื่องอะไร แต่ผมจะแกล้งไม่รู้ไปก่อนเพื่อให้อะไรๆมันง่ายขึ้น

ตื้อ ดื้อ. . . เสียงออดต้อนรับลูกค้าดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังก้มหน้ามองที่โต๊ะต้องหันมามอง ผมที่เดินเข้ามาใหม่

ผมพยายามสร้างบรรยากาศให้มันดีขึ้นด้วยการ ยิ้ม ทีคิดว่ามันน่าจะเป็นตัวผมในแบบปกติที่สุด. . แต่สิ่งที่ผมนึกคิดและสิ่งที่กำลังจะเอ่ยปากพูดเป็นต้องดับลงเพียงเพราะคงตรงหน้าวิ่งกรูเข้ามากอดผมไว้จนแนบแน่น แน่นอย่างที่ผมไม่เคยได้รับจากมันมาก่อน..

"กาย..เป็นอะไรรึเปล่า"ผมถามเสียงอ่อยถามทั้งๆที่ตัวเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

" . . ."กายไม่ตอบผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาที่ไหล่ของผม

"อ้าวพี่กายพี่เจ ทำไ.มม....."ยัยเอินที่เดินลงมาเห็นทำท่าจะเดินเข้ามาทักทายเหมือนทุกทีแต่ผมส่งสายตาออกบอกว่าอย่าพึ่งถามอะไรตอนนี้เอินเองก็คงจะเข้าใจรีบเดินกลับขึ้นห้องโดยที่ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจอะไรออกมา. . "

"เจ..กูมีเรื่องจะบอก..."หลังจากที่เงียบไปนานอยู่ๆคนตรงหน้าก็เอ่ยถามขึ้น

แต่ผมในตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับความจริงในตอนนี้เรื่องที่ผมได้ยินจากปากคนอื่นมามันคงไม่โหดร้ายเท่ากับการที่ผมได้ยินจากปากของมันเอง ผมยังทำใจกับเรื่องนี้ไม่ได้...ผมเลยเลือกที่จะพูดแทรกขึ้น ก่อนที่มันจะถามอะไรผมอีก

"กูก็มีเรื่องจะบอกมึงเหมือนกัน.."ผมถามพร้อมกับดันหน้ามันออกจากไหล่ให้หันมาสบตากัน

"หลังจบกีฬาสี เราไปเที่ยวกันมั้ย"

"ห้ะ"

"ที่ไหนก็ได้ มีแค่มึงกับกูสองคน"

"แต่แข่งเสร็จมึงก็มีเรียนต่อไม่ใช่หรอ จะว่างไปรึไง"

"กูไปได้ เหลือแต่มึงแล้วกาย ว่าจะไปกับกูมั้ย " กายเงียบไปพักใหญ่จนผมคิดว่ามันจะปฏิเสธ

"ถ้าไม่ว่างก็..."

"ไป..ไปดิ..ไปที่ไหนก็ได้มึงเลือกเลย จะไปกี่อาทิตย์ หรือเป็นเดือนก็ได้นะ ก็ตามใจมึงทุกอย่างเลย.."กายโหมดนี้เป็นอะไรที่ผมโคตรจะไม่ชินเอาซะเลย กายที่ไม่ขัดใจ ไม่ดุด่า หรือ ตบหัวผมพร้อมกับเขย่าไปมาและพูดประโยคเดิมๆซ้ำๆว่า "อย่างี้เง้านะเตี้ย". . "ไว้ว่างแล้วจะพาไปใหม่." .. "ไว้คราวหน้าเนอะ". . ประโยคที่เคยได้ยินกลับลับหายไปเหลือเพียงคำพูดที่ไม่เคยได้ยินจากปากของมันเอง. ..

หลายวันผ่านไป กีฬาสีผ่านไปได้ด้วยดี.. แม้รอบตัวของผมจะมีแต่เสียงหัวเราะแต่ตัวผมเองกลับ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบางๆให้คนรอบข้างเหมือนเมื่อก่อน

"ไอเจ มึงเป็นไรป่่าววะกูเห็นช่วงนี้มึงทำหน้าไม่รับบุญห่าอะไรเลย มีเรื่องเครียดรึไง "ไอวินที่วุ่นๆ ก้บชีวิตแฟนเด็กของมันก็เจียดเวลาเล็กน้อยหลังจากที่ พอดรักกับแฟนเสร็จมานั่งอยู่ข้างๆผมทั้งที่ไม่ใช่ วิสัยทัศน์ของมันเอาซะเลย

"ป่าวอะ กูก็แค่เซ็งๆ"

"เซ็งห่าไรวะไหนบอกกู"วินมันจับหน้าผมให้หันไปสบตามัน

"เปล่าไม่มีอะไร"ผมพยายามหลบสายตาที่มันมองมา

"แต่หน้ามึงมันบอกว่ามี จะบอกดีๆรึให้กู.."ไม่ต้องให้มันพูดต่อเพราะผมรู้ว่ามันจะทำอะไร เลยพูดในสิ่งที่ ค้างคาอยู่ในใจมาหลายวัน..

"อาทิตย์ก่อนกูไปบ้านกายมันมา"

"อะแล้วยังไงต่อ"

"เออทีนี้กูก็กะจะไปเซอร์ไพรท์มันนั้นแหละ กะแกล้งให้มันตกใจเล่น กูก็เลยไปซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า "

"อ่ออันใหญ่ๆอะนะ "

"อือ"

"แต่มึงเข้าเรื่องสักทีได้มั้ยอะเอาแบบ จุดคลายแม็กอะไรงี้เลยอะ"ในเมื่อมันต้องการแบบนั้นผมก็เลยจัดคำพูดแบบเร่งรัดเอาให้เข้าใจกันไปในประโยคเดียวเลย

"พ่อ มันบอกให้กูกับมันเลิกกัน" ขนมที่ไอวินคีบกำลังจะเอาเข้าปากหล่นลงพื้น หลังจากที่จบคำพูดของผม.

"กูว่าไม่ใช่แค่เซ็งๆแล้วละ แล้วสรุปไอกายมันเอาไง"

"มันก็คงจะบอกเรื่องนี้กับกูนั้นแหละแต่กูยังไม่พร้อมฟังวะ"

"แล้วมึงจะเอาไงต่อจะบอกมันหรือจะให้มันบอกมึง"คำพูดของไอวินทำให้ผมต้องย้อนกลับมาคิดตาม

"กูไม่รู้วะ กูกลัว..."

"แต่ถ้ามึงไม่พูดมันก็ไม่รู้นะเว้ย มึงมั่นใจหรอว่ามึงจะทนฟัีงคำพูดพวกนี้จากปากไอกายมันได้อะ"

". . ."ถึงจุดๆนี้ผมถึงกับสะอึกเมื่อโดนความจริงกระแทกใส่หน้าเข้าอย่างจัง

"ให้กูแนะนำนะ กูว่ามึงควรเป็นฝ่ายพูด.. เพราะถ้ามึงเอาแต่คิด คนเดียวแบบนี้มึงจะหาวิธีรับมืออะไรไม่ได้เลย.."ผมนั่งคิดตามถึงคำพูดของไอวินเมื่อเย็นจนตอนนี้ผมกลับมาที่บ้านแล้วคำพูดของมันก็ยังคงลอยอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมา..

ติ้ง...เสียงข้อความจากแมสเซนเจอร์ดัง ผมหยิบ ไอโฟนขึ้นมาดูก็เห็นชื่อของคนที่ทักผมมา

"กาย"

"เก็บกระเป๋ารอเลยนะ อีกครึ่งชั่วโมงจะไปรับ"กายส่งมาแค่นี้แล้วมันก็เงียบหายไป..เอาเข้าจริงๆผมเอาแต่เครียดจนเกือบลืมเรื่องที่เราจะไปเที่ยวหลังจบกีฬาสีกันไปเลย ผมไม่รอช้ารีบเก็บเสื้อผ้า ที่จำเป็น ใส่กระเป๋าก่อนจะเดินลงไปรอทีีด้านล่าง ไม่นานนัก เมอซิเดส คันใหม่เอี่ยมก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านผม ผมรีบสะพายกระเป๋าพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวเดินออกไปที่หน้าบ้าน... วันนี้แล้วสินะ..วันที่ผมต้องพูดความจริง...

กายขับรถออกมาเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักอย่างผมเองก็ไม่ได้ถามและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะไปที่ไหนกัน..

"กูเห็นช่วงนี้ มึงบ่นร้อนๆ เลยจะพาไปที่เย็นๆซะหน่อย"กายที่เงียบมาตลอดทางพูดขึ้น ผมหันไปมองมันที่หันมามองผมอยู่ก่อนแล้ว.

"กาย..."ผมใช้มือข้างนึงยื่นไปจับมือของมันที่จับพวงมาลัยรถไว้อยู่ กายมันก้มลงมามองก่อนจะหันไปมองทางด้านหน้าต่อ

"มีอะไรรึเปล่า.."กายมันถามโดยที่ไม่ได้มองหน้าผม

"คือ.."ความกล้าที่ผมเตรียมมามันลดเหลือศูนย์แทบจะทันทีในตอนที่เห็นสายตาหงอยๆของมัน

"หืม.."

"เอ่อ...กูปวดฉี่อะ...แวะปั้มข้างหน้าทีดิ"เอาเข้าจริงๆใจผมไม่กล้าพอวะการที่คนเราจะพูดประโยคๆนึงนี้มันต้องใช้ความกล้ามากขนาดไหนกันนะ แต่สำหรับผมแล้วมันคงจะเยอะมากพอควร...

กายมันตบไฟเลี้ยวเข้าที่ปั้มข้างทาง ก่อนจะหาที่จอดใกล้ๆกับร้านสะดวกซื้อ ผมเองก็ปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำส่วนกายก็วิ่งหายไปในร้านสะดวกซื้ออยู่นานสองนานกว่าที่มันจะกลับมาผมก็พล้อยหลับไปคาที่นั่งคนขับรู้สึกตัวอีกที ประตูรถก็ถูกเปิดออกพัดโชย กลิ่นอายทะเลเข้าจมูกผมเต็มๆ หือ..ทะเล....ทะเลงั้นหรอ..

ผมค่อยๆลืมตามองดูพื้นที่รอบๆ แล้วมันก็ใช้อย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย ชายหาด และทะเล. .

"ตื่นแล้วหรอ."กายที่นั่งเอาหลังพิงประตูรถอยู่ยื่นหน้าเข้ามาถามผม

"อื้อ.ตอนนี้เราอยู่ส่วนไหนของโลกวะ"ผมบิดขี้เกลียดหลังจากตื่นนอนก่อนจะเอ่ยปากถาม

"บางแสน"

"แล้วเราจะไปไหนกัน จะ อยู่ตรงนี้ทั้งวันเลยเหรอ.."จะว่าไปเวลาตอนนี้ก็ใกล้ค่ำแล้วแสงแดดสีส้มๆค่อยๆอ่อนลงและมีความมืดเข้ามาแทนที่ ลมพัดเย็นๆหอบเอากลิ่นอายทะเล ทำเอาคนที่ได้กลิ่นถึงกับรู้สึกดี..แต่นั้นก็แค่แปปเดียวเพราะเมื่อรู้ถึงเหตุผลของการมาในครั้งนี้ ผมถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ . ..  ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมก็ต้องพูดสิ่งที่ ค้างคาอยู่ในใจให้ได้

"ที่พักอยู่แค่ข้างหลังมึงเอง..นั่งอีกสักแปปก็ได้ "กายมันชี้นิ้วไปที่โรงแรงขนาด ไม่เล็กไม่ใหญ่มากแต่ก็มีสภาพที่ดูดี

"ตามนั้นละกัน. . . ."หลังจากนั้นผมกับกายเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ได้แต่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปจนถึงหัวค่ำนั้นแหละถึงได้กระตือรือร้นไปหาที่พักกัน ผม เลือกห้องชั้น บนสุด ห้องที่เลือกก็ไม่ได้ใหญ่มาก แต่รวมๆแล้วถือว่าดูดีในระดับนึงผมเก็บข้าว ของไว้ที่หัวเตียงก่อนจะผลัดกันไปอาบน้ำ และเดินออกไปแถวชายหาดเพื่อหาอะไรกินกัน..

"มึงอยากกินอะไร"คนตัวสูงกว่าที่กำลังเดินจับมือผมเอี้ยวคอลงมาถาม

"แล้วแต่มึงอะวันนี้มึงตามใจกูมาทั้งวันแล้วอะ"กนตัวสูงส่งยิ้มเล็กๆ นับว่าเป็นรอยยิ้มที่หาได้ยาก ตั้งแต่ผมรู้จักกับมันมา กายมันเป็นคนที่ยิ้มยาก ชอบทำหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา เวลาโกรธหรือโมโหก็ไม่ชอบให้ใครมาขัดใจ ชอบทำอะไรตามใจ ตัวเองแถมพอเวลาอยู่กับผมมันยังชอบงี้เง้า ในหลายๆครั้งที่ผมไม่ยอมทำตามในสิ่งที่มันต้องการ มันก็จะเงียบ..และจะเป็นฝ่ายรอให้ผมมาตามง้ออยู่ตลอดแต่บางครั้งที่ผมโกรธมันก็แทบจะทิ้งทุกอย่างเพื่อมาตามใจดูแลเอาใจใส่ผม และถ้าลองกลับมาคิดๆดูแล้ว สิ่งที่ผมทำมัน คงยังไม่ได้เศษเสี้ยว ของสิ่งที่กายมันมอบใก้กับผมเลย

ผมเดินจับมือกับคนตัวสูงมาตามแนวถนน ผู้คนมากมายยังหลั่งไหล่ เดินกันตามท้องถนน บริเวณข้างทางก็มีร้านค้าของกินมากมายยังเปิดอยู่ เหล้านิสิทนักศึกษามหาลัย... ก็ยังเดินกันเป็นกลุ่มมอบรอบยิ้มให้กับคนข้างๆอย่างมีความ สุข แต่พอย้อนกลับมานึกคิดถึงเหตุผลที่ตัวผมเองมาที่นี้ รอยยิ้มบางๆบนใบหน้าของผมก็หุบลงในทันที. .

"กาย กูไม่หิวแล้ววะ กูว่าเราไปนั่งเล่นที่ ตรงนั้นดีกว่า"ผมชี้นิ้วไปตรงมุมดีๆ ที่มี ผืนทรายกว้างๆเหมาะแก่การนั่งชมวิวในยามดึกแบบนี้ คนตัวสูงก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรยอมเดินตามผมมาหามุมดีๆนั่ง ชมวิวบรรยากาศกันไป

"กาย.."ทันทีก้นถึงพื้นผมก็รีบตั้งคำถามทันที"

"หืม"มันส่งยิ้มที่มีความสุขก่อนจะหันมามองผม..

"เอ่อ..คือ.." มึงจะปอดไม่ได้นะเจ มึงมาถึงนี้แล้วยังไงมึงก็ต้องพูด...ผมพึมพัมกับตัวเองในใจก่อนจะถอนกายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับเปร่งคำพูดบางคำของมา..

"คือ.กูว่านะ...เรา..."

"นี้.."จู่ๆคนตรงหน้าก็พูดขึ้นแทรก และผมก็สัมผัสได้ถึงโลหะเย็นๆที่ลอดผ่านนิ้วนางผมไป..ผมกเมลงมองที่มือสลับกัับมองหน้ามัน..บนแหวนวงนั้นสลักชื่อเป็นตัวอักษรย่อๆว่า G&J. .

"กาย..."ผมพูดไม่ออก ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าในหัวเมื่อกี้ปมกำลังคิดอะไรอยู่ความคิด หลายๆอย่างมันสับสนปนเปกันไปหมดผมลืมไปแล้วว่าต้องทำอะไร และคำพุดที่เตรียมไว้ก็มลายหายไปพร้อมกับคลื่นทะเลหวิวๆนั้น

"มึงเป็นคนสำคัญในชีวิตกูแล้วนะ.."พูดจบคนตัวสูงก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับสัมผัสที่อ่อนโยนในตอนที่ริมฝีปากของเรากำลังกยอกล้อกัน มันไม่ใช่แค่จูบแบบธรรมดาแต่มันเหมือน แอบซ่อนความรู้สึกบางอย่างผ่านริมฝีปากนั้นเข้ามาด้วย...ผมไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่และไม่รู้ว่าจะมีใครเห็นเราสองคนไหม แต่สิ่งนึงที่ ผมอยากจะขอ คือ ขอให้ ความรู้สึกที่ผมมีให้คนตรงหน้าในตอนนี้มัน จะยังมั่นคงต่อไป...ถึงจะยังไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดตอนไหน..แต่ผมก็อยากจะมีมันอยู่แบบนี้ไปอีกนานแสนนาน และถึงแม้วันใดวันนึงที่ผมไม่ได้มีมันอยู่เคียงข้างแบบนี้แล้ว แต่ผมก็สัญญาว่าผมจะมีให้มัน..และมันแค่คนเดียวตลอดไป. . . ..

เราใช้เวลาสามวันในการพักผ่อนมีความสุขอยู่ที่ชลบุรีจนลืม คิด ไปว่า... เรื่องราวที่มันกำลังจะเกิดขึ้นต่อจากมันมันจะลงเอ่ยเช่นไร. . .

ผมรีบกลับมาถึงบ้านในเวลาบ่ายแก่ๆ เหตุเพราะพี่อินโทรตามบอกว่ามีคนมาหาผมที่บ้านซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใครเหมือนกัน  กายเองก็รีบกลับ หลังจากที่ส่งผมถึงที่บ้านผมเองก็ไม่รอช้ารีบบึ่งวิ่งหน้าตาตื่น เข้าไปในร้าน แต่แล้วการกระทำทุกอย่างของผม ก็ถูกหยุดลงเพียงเพราะสายตาทั้งสองข้าง ดันไป ปะทะ กับ ใครคนนึงเขา

"คุณพ่อกาย"...รอยยิ้มที่เตรียมมาจะต้อนรับทุกคนในบ้าน ถูกดับลงในทันที

"มาแล้วหรอ เจ มานั่งนี้สิเดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้นะ"เป็นพี่อินที่เดินมาทักผมและบอกให้ผมรีบไปนั่งใกล้ๆกับคุณพ่อของกายที่ฝบหน้าวันนี้ ช่างดูเคร่งเครียดจนผมเองไม่กล้าจะเอ่ยปากพูดอะไร และทันทีที่พี่อินเดินไปคุณพ่อของกายก็เอ่ยปากถามผมขึ้น..

"เธอใช่ มั้ย ที่ชื่อเจ . .."ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อกายจะลืมรึเปล่าว่าเราเคยเจอกันแล้วแต่คำพูดในวันนี้มันดูเหินห่างแปลกๆเหมือนท่านจงใจพูดให้ผมรู้สึกแบบนั้นเองกันแน่

"ค..ครับ"ใจผมเต้นแรงตาขวามกระตุกอยู่หลายที

"เรื่องของเธอกับลูกชั้น"เหมือนอากาศหายใจรอบตัวผมมันค่อยๆลางหายไป..ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาปิดกลั้นลมหายใจของผม ..และมันกำลังทำให้ผมหายใจไม่ออก

"ชั้นรู้เรื่องหมดแล้วนะ"ใบหน้าท่านดูเคร่งเครียดหนักกว่าเก่า

"คุณพ่อ..ครับ...ผมขอ..."

"ไม่ต้องมาขอโทษชั้น เธอปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง..."ผมได้แต่แต่นิ่งเงียยไม่รู้จะตอบคำถามอะไรให้ท่านฟังดี..แน่แล้วอยู่ๆน้ำใสๆก็ไหลอาบนองข้างแก้มผมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

"ผมขอ..ฮึก..โทษ..ครับ.."สาบานได้ผมคิดคำพูดไหนไม่ออกนอกจากคำนี้เลยจริงๆ

"บอกแล้วไงว่าอย่า พูด ที่ชั้นมาในวันนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะมาฟังคำขอโทษจากเธอหรอกนะ..แต่ที่ชั้นมา..ก็เพื่อทำใก้เรื่องวุ่นๆพวกนี้มันจบลง...."ผมอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ร่างกายปมลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้นโดยอัตโนมัติ และไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงต้องคลานเข้าไปกอดเข่า ของคนตรงหน้าผมกับอ้อน วอนขอให้ท่านเห็นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น..ท่านไม่ได้ปัดหรือผลักผมออก..แต่ท่านเลือกที่จะเงียบและพูดในสิ่งที่ท่านตั้งใจจะบอกผมออกมาเสียงดัง..

"ถ้าเธอรู้สึกผิดกับเรื่องนี้จริงๆก็จบเรื่องนี้ซะ อย่ายืดเยื้อต่อไปเลย เธอก็รู้ว่า ชื่อเสียงวงตะกูลของชั้นมันจะเสื่อมเสียแค่ไปนถ้ารู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียว ของบ้าน เจริญเกียรติพานิช มีแฟนเป็นผู้ชาย..เธอไม่คิดบ้างหรอว่าชั้นจะ ทนอยู่ให้เขาประนามว่า

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
มีลูกชายเป็นพวกผิดเพศ รึยังไง "ผมได้แต่ก้มมองพื้นไม่กล้าสบตาหรือแม่จะเอ่ยปากท้วงอะไร คงเป็นเพราะความจริงที่มันกระแทกเข้าใส่ . . มันทำผมจุกจนพูดอะไรไม่ออก

"ถ้าเธอรักลูกชายชั้นจริง ก็ปล่อยให้เขาได้มีชีวิต แบบที่มันควรจะเป็นเถอะ.."คำพูดเหล่านี้ลอยอยู่ในหัวผมไปมามันเหมือนกระสุนที่แหลมคมคอยวนเวียนทิ่มแทงหัวใจผมซ้ำไปซ้ำมาจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

"และมีอีกเรื่องที่เธอควรรู้ไว้."ผมเงยหน้ามองบุคคลตรงหน้าที่เขากำลังก้มหยิบเอกสารซองสีน้ำตาลก่อนจะยื่นมันให้กับผม

". . . . . " เหมือน ความคิดต่างๆในหัวผมมันขาวโพลนไปหมดเมื่อเพ่งเล็กถึงข้อความในเอกสาร

"ถ้าเธอเลิกยุ่งกับลูกชายชั้น เรื่องต่างๆในเอกสารนี้ชัิ้นจะจัดการให้ ทั้งหมด..เธอมีสิทธิที่จะเลือกนะว่าจะรับความหวังดีของชั้นไว้รึเปล่า แต่ถึงเธอไม่รับ ยังไงเรื่องทุกอย่างมันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเหมือนเดิม.."นั้นก็หมายความว่าต่อให้ผมจะเห็นด้วยกับในเรื่องนี้มั้ยแต่สุดท้ายผมกับกายเรา ต้องเลิกลากันไปอย่างนั้นหรอ... คำพูดที่ดูเหมือนจะมีทางเลือกของเขาเล่นทำเอาในหัวผมหมุนไปหมด...และก่อนที่ คุณพ่อของกายจะเดินจากไปก็ยังทิ้ง ยาพิษขวดสุดท้ายไว้ให้ผมตัดสินใจว่าจะดื่ม หรือ จะทนความทรมาน ต่อไป. . ..


การด์สีชมพูใบสวยกลิ่นหอมอบอวล ชวนให้เปิดอ่านและข้อความตัวอักษรสีทองในนั้นก็เชิญชวนให้ผมหยิบขวดยาพิษตรงนี้กลืนลงคอไป. . .


ชื่อของคนที่ผมรัก สลักอยู่  พร้อมกับชื่อของใครอีกคนนึงที่ผมไม่รู้จัก. . .

"มงคลสมรส" หยดน้ำใสๆมหาสารกำลังนองอยู่บนหน้าของผมเหมือนเขื่อนแตก..ผมเก็บเสียงสะอื้นเอามือป้องปากได้พักนึงก็ต้องเอามือออกกอบโกยอากาศ เพราะเริ่มสะอื้นหนัก จนแยกไม่ ออกว่าเสียงไหนคือเสียงของลมหายใจกันแน่

กว่าจะรู้ตัวอีกทีในห้อง ก็เหลือผมเพียงแค่คนเดียวพี่อิน ทีป่พึ่งเดินเข้ามาใช้มือแตะที่ไหล่ผมเบาๆก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ

"ไม่เป็นไรนะ พี่ยังอยู่ตรงนี้" ไม่รอช้าผมรีบกรู่เข้ากอดคนตรงหน้าอย่างไม่คิดจะอายหรือปิงบังอะไร..เสียงสะอื้นดักกึกก้องไปทั่วห้อง ผมวางหน้าไว้กับบ่าของพี่อินที่คอยนั่งลูบหลังให้กับผมอยู่นานสองนาน. .

"เจ..พี่มีเรื่องจะบอก.."หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยปากขึ้นท่ามกลาง ความเงียบ

คนที่นั่ง สะอื้น ต้องรีบเช็คคราบน้ำตาที่แก้มทั้งสองก่อนจะดันหน้าของตัวเองออกมาเพื่อรับฟังสิ่งที่หญิงสาวกำลังจะพูด. .

"ตอนนี้ พ่อ กับพี่ชายของเจ ..." คนที่ได้ยินชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยปากพูดกลับ

"ถ้าเป็นเรื่องที่บ้านเราติดหนี้สิบกว่าล้าน ผมรู้แล้ว "คนเป็นพี่ถึงกับแสดงสีหน้างงๆออกมา ว่าทำไมเขาถึงรู้เรื่องนี้ได้

"แต่เจไม่ต้องเป็นกังวลนะ เดี๋ยวเรื่องนี้พี่กับเจมส์จะจัดการกันเอง " คนที่ฟังได้แต่นั่งเหม่อๆ เหมือนจะได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นพี่พูดแต่ในทางกลับกันแล้ว เขากลับ คิดถึงใครบางคนอยู่ยนลืมสนใจ เรื่องตรงหน้าไป

และในที่สุดเวลาที่ เจ้าตัวรู้สึกกลัวที่สุดก็มาถึง . . . วันนี้เป็นวันที่่ท้องฟ้าสดใส ช่างแตกต่างกับจิตใจของเขาที่มันเริ่มหม่นหมอง ตั้งแต่ ช่วงเช้ามา เขาเดินทาง ไปที่บ้านของคน ที่รักเพื่อหวังจะพูดบางสิ่งบางอย่างให้ฟัง แต่พอ ไปถึง กลับต้องชะงัก เมื่อ เรื่องที่เขาเตรียมมาพูดถูกพูดถึงจากผู้เป็นพ่อ

" ไม่ครับยังไงผมก็จะไม่ยอมเลิกกับเขาเด็กขาด" ผู้เป็นลูกพูดต่อล้อต่อเถียงเสียงดังกึกก้องทั่วบริเวณ

"นี้แกจะดึงดันไปถึงเมื่อไหร่ แกก็รู้ว่าต่อให้แกต่อต้านยังไงเรื่องของแกมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่ดี "ผู้เป็นลูกถึงกับเงียบเถียงอะไรไม่ออก สีหน้าดูเศร้าซึมบ่งบอกถึงความผิดหวังและหดหู่จนเห็นได้ชัด ส่วนคนที่แอบฟังความรู้สึกคนไม่ต่างกัน

และในเวลาต่อมาไม่นานนักคำพูดคำนึงก็ถูกเอ่ยออกมาจาดปากของผู้เป็นพ่อเล่นทำเอาคนที่ยืนแอบฟังต้องรู้สึกสั่นๆข้างในอก

"ถ้าแก บอกกับชั้นว่าแกจะเลิกยุ่งกับเด็ก คนนั้น แกก็ยังมีสิทธิในบ้านหลังนี้เหมือนเดิมทุกอย่างแต่ถ้าไม่แกก็เตรียมเก็บข้าวของๆแกออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วอย่ากฃับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีกเด็ดขาด" คนยืนแอบฟังถึงกับน้ำตาคลอร้องไหสะอึกสะอื้นเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้มาอินประโยคที่แหลมคมขนาดนี้

ภายในห้องบานกระจกถูกความเงียบเขาแทรกซึมในทันที หลังจากที่จบประโยค พูดเสียงปึงปังเสียงดังแสดงให้เห็นว่ามีใครคนนึงเดินออกจากห้องไปแล้ว ซึ่ง แน่ใจได้ว่าคนที่เดินออกไปนั้นต้องไม่ใช่คนที่เขารักแน่ๆ จึงได้ทิ้งตัวลงนั่งกอดเขาร้องไหเป็นเพื่อนกับคนที่อยู่ภายในห้องประจกสีใส พร้อมกับเสียงสะอื้นที่รอดผ่านออกมาจากด้านในบานกระจกนั้น. .

เวลาผ่านไปหลายชั่ว โมง  เขากลับมาตั้งหลัก ที่บ้านอีกครั้งด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว พร้อมคิดหาวิธีรับมือแต่ไม่ว่าจะคิดยังไง เขาก็ไม่สามารถ คิดหรือหาหนทางที่จะนำพาคนรักไปถึงปลายทางได้เลย แน่สิ่งหนึ่งที่คอยตอกย้ำในความคิดของเขาอยู่ในใจก็คือ . . .

"ครอบครัว" เขารู้ถึงความหมายมันดี ว่าการมีครอบครัวนั้นมันสำคัญมากแค่ไหร และถ้าความรักของตัวเขามัน จะทำลายความรักของครอบครัวอีกฝ่าย เขาก็คงจะทนนิ่งอยู่เฉยไม่ได้ และสิ่งๆนึงที่พอจะทำได้ คือ ตัดใจ จาก ีฝ่าย. .  แต่แค่การพูดมักง่ายกว่าการกระทำเสมอ เขารู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ ถึงแม้การกระทำเหล่านั้นจะเหมือนเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองก็ตาม. . .
TBC. . .
 :katai4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Chapter:45 ฝืนใจ

เช้าวันถัดมา ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับถูกเมฆสีทึบบดบังแสงตะวันที่คอยสาดส่องแสงสว่างในช่วงเช้า กลุ่มเมฆสีดำที่ลอยไปมาบ่งบอกได้ถึงหยาดฝน ที่อาจจะล่วงหล่นลงมาในอีกไม่ช้า

วันนี้้เป็นวันที่เขาเองต้องทำบางสิ่งบาง ที่ขัดแย้งต่อจิตใจของตนเองและถึงแม้ จะพยายามหักห้ามใจไม่ให้ทำเช่นไร ภาพของคนที่เขารักก็มักจะลอยเขามาอยู่ในระบบโสตประสาทเสมอ การ อยู่ตัวคนเดียว ไร้ซึ้งคนสนิทรอบตัว หรือครอบครัว เขาเข้าใจดีว่าการขาดสิ่งเหล่านั้น มันเป็นเช่นไร และถึงแม้การตัดสินใจในครั้งนี้มันอาจจะทำให้ตัวเองต้องเจ็บมากเพียงไร . . .  เขาก็ไม่ อาจเห็นแก่ตัวแย่งอีกฝ่ายให้มาอยู่กับตัวได้

ก่อนเวลา ที่เขาจะเริ่มทำในสิ่ง คิดเกือบหนึ่งชั่วโมง เขาโทรหาเพื่อนสนิทคนนึงให้มาหาที่บ้านแต่ก็ไม่ได้บอกจุดประสงค์ที่แน่ชัดให้อีกฝ่ายรู้ . . .

ภายหลังจากวางสายเพียงยี่สิบนาทีเพื่อนสนิทคนใหม่ที่พึ่งรู้จักก็มาถึง เพื่อนสนิทหอบร้อยยิ้มที่มีความสุขเข้ามาฝากเจ้าของบ้านก่อนจะพูดทักทายด้วยใบหน้าที่อมยิ้ม

"ไง เร็วเหมือนเหาะมาเลยใช่ป่ะ ตกใจเนี้ย อยู่ๆก็โทรมา"คนเป็นเพื่อนสนิทส่งยื่นมือแตะบ่าเจ้าของบ้านพร้อมกับพูดหยอกล้ออีกเล็กน้อยก่อนจะเดินตามกันขึ้นไปบนห้อง. . .

เหลือเวลาอีกสิบนาที กว่าที่คนรักของเขาจะมา เขารู้ดีว่า กาย จะต้องมาตรงต่อเวลาแน่ๆเพราะตั้งแต่ผ่านช่วงเวลาร้ายๆมา กายก็เปลี่ยนเป็นคนตรงต่อเวลาเสมอ และยิ่งทั้งผมและกายยังมีเรื่องให้หนักใจกันมานานหลายวันแบบนี้ด้วย ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของความคิดได้เลยว่า สิ่งที่คิด ไว้ จะไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน

อีกไม่กี่นาทีก่อนกายจะมาถึง

"อะตอม.. "เจถามเสียงเรียบเรียกเพื่อนสนิท ให้มานั่งอยู่ปลายเตียงใกล้ๆก่อนจะเริ่มพูด

"มีอะไรรึเปล่าทำหน้าเครียดๆ"คนเป็นเพื่อนใช้มืออังที่หน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ แต่ทุกอย่างกับดูเป็นปกติ

"อะตอม..."เขาเรียกชื่อเพื่อนของเขาอีกครั้งก่อนจะเริ่มพูดต่อ . . . มึงเคยบอกว่ามึงชอบกูใช่มั้ย "คนที่ฟังถึงกับนิ่งทำตัวไม่ถูกเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำถามที่ตรงไปตรงมาจากคนที่ตนเองชอบ

"ทำไม..อยู่ๆถึงถามขึ้นมาละ.." ระหว่างนั้นเองเสียงตึงๆที่บันไดก็ค่อยๆดังขึ้นและนั้นเป็นสัญญาณที่บ่งชัดถึงการมา ของบุคคล ที่ เขานั้น เฝ้ารอคอยให้มาเห็นภาพ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

"ถ้า..มึงชอบกู.. ช่วยจูบกูที"

"ห้ะ!"คนฟังถึงกับสติหลุด พยายามสบัดหัวแล้วฟังให้ชัดๆอีกครั้ง

"ให้ทำอะไรนะ.." ตึงๆ เสียงฝีเท้าเริ่มใกล้เข้ามาขึ้นถึง  จนในที่สุด เสียงของกลอนประตูก็ถูกเปิดออก เขาอาสัยจังหว่ะที่เพื่อนสนิทกับลังอึ้งๆ ดึงหน้าเข้ามากระชับริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกันด้วย ความรวดเร็ว ซึ่งทำเอาคนที่เดินมาใหม่ถึงกับ ยืนอึ้ง กับภาพที่เห็นตรงหน้า ภาพของคนที่เขารักสุดหัวใจกับลังนั่งจูบกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ซึ่งเขาไม่เคยรู้จัก..แต่สิ่่งหนึ่งที่แน่ชัดคือเขาอยากจะกระโจน เข้าไป ซัดหน้า ไอคนที่กำลังนั่งจูบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว และเขาไม่รอช้าเขากำหมัดแน่และวิ่งกรู่เข้าจู่โจม คนที่นั่งอยู่ปลายเตียง . .

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จน คนถูกต่อยตั้งตัวไม่ทัน แต่พอรวบรวมสติได้เขาก็กลายเป็นฝ่ายที่สวนกลับบ้าง เป็นอย่างนี้อยู่ นาน เล่น ทำเอาคนที่เห็นเหตุการ ซึ่งมีโรคกลัวความรุนแรงตั้งแต่วัยเด็กถึงกับหน้ามืด แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคองสติและรีบเดินคั่นกลางแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน

"นี้มันอะไรกันเจ.." กายถามออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดบวกกับอารมณ์ของเขาที่ร้อนระอุจนแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ

คนถูกถามได้แต่นิ่งเงียบ ก้มมองพื้นสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อทำบางสิ่งที่กำลังฝืนต่อใจของตัวเอง..

"ก็อย่างที่มึงเห็นแหละกาย.."จบประโยคคนที่พูดต้องกลั้นอารมณ์บางอย่างที่มันกำลังเอ่อล้นออกมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่เขาพยายามฝืนมันเอาไว้

"หมายความว่ายังไง"อารมณ์โมโหของกายลดน้อยลงขึ้นทันตา ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจ คนที่พึ่งจะต่อยไปแล้วแต่เขากำลังให้ความสนใจกับสิ่ง ที่คนรักกำลังพูดกับเขาเมื่อครู่อยู่. .

"กูมีคนอื่น..."เขาไม่อาจฝืนน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ได้อีกแล้วเขาปล่อยหยดน้ำเหล่านั้นให้มันไหลรินสองข้างแก้มแต่ยังคงเก็บเสียงสะอื้นไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนกำลังเสียใจกับสิ่งที่ทำไปอยู่

"ไม่จริง..กูไม่เชื่อ .. มึงกำลังแหกตาอะไรกูอยู่เจ. ."กายไม่อาจทนนิ่งได้อีกต่อไปเขายื่นมือมาจับที่แขนอีกฝ่ายแต่ถูกสะบัดหลุดเขาจึง มองที่หน้าของคนรักอีกครั้งซึ่ง สายตาและ ท่าทียังคงนิ่ง จน คนที่ฉลาดมาตลอดแบบเขา ยังเดาทางไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่

"จะต้องให้กู จูบให้ดูอีกสักทีมั้ย มึงถึงจะเชื่อ. ."จบคำพูดเขาเม้มปาก แน่ เอนหน้าไปด้านข้างไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าตนเองกำลังฝืน พูดในสิ่งที่ขัดแย้งกับใจของตัวเองอยู่

กายที่พยายามจะ ยื่นมือไปสัมผัสเรียกร้องอีกฝ่ายให้หันมาอธิบาย กลับถูกโดนเมินเฉยใส่ จน เจ้าตัวถึงกับ ร้องไห ออกมาอย่างไม่รู้ ตัว กายไม่ใช่คนที่จะร้องไหกับเรื่องอะไรง่ายๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาเคยร้องไหแทบจะนับครั้งได้แต่คงไม่นับรวมครั้งนี้เพราะเขาไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่ตนเองกำลัง ยื่นร้องไหอ้อนวอน อยู่ในตอนนี้ได้เลย ระหว่างที่โดนคนรักนอกใจ หรือโดนเมินเฉย แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ล้วนเป็นเรื่องอ่อนไหวกับหัวใจ ของเขาทั้งนั้น

"บอกกูสิ..เจ.ฮึก..กูผิดอะไร..กูทำอะไรให้มึงไม่พอใจห.รอ.มึงบอกกูมาสิ..กูพร้อมจะปรับปรุงตัวนะ..ฮือ...แต่อย่าทำแบบนี้กับกูเลยนะ เจ... "กายยืนขอร้องพร้อมกับก้มลงไปกอดขาของคนรักอย่างหมดหนทางที่จะเหนี่ยวรั้งไว้ เขา ที่ยืนแซ้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แต่ในอีกด้านนึงเขากำลังยื่นมือบึ้นมาป้องปากปิดเสัยงสะอื้นที่มันไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไปแล้ว. . .

ไม่รู้ว่า เขา ยืนนิ่งๆโดยที่มี คนที่รักกำลังกอดขาของเขาพร้อมกับร้องไหแบบจะเป็นจะตายนี้นานเท่าไหร่แล้ว. .และไม่รู้ว่าตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงแค่เขาสองคนตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเพียงแต่คิดในใจว่า อยากจะรีบก้าวออกไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเพียงแต่แรงเกาะที่ขานั้นแน่นเกินไป สิ่งที่เขาทำได้เลยมีเพียงแค่ยืนนิ่งๆ สงบสติอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงก่อนจะเริ่ม แผนการขั้นต่อไป.. .

(ก่อนหน้าที่กายจะมาถึงนี้หลายชั่วโมง เขาได้โทรไป ตอบตกลงในสิ่งที่ ตนเองยังค้างคากับการให้คำตอบไปในตอนแรก อีก ฝ่าย พอได้ยินก็ดูจะพอใจกับคำตอบเป็นอย่างมาก  ฝ่ายผู้เป็นพ่อ พูดตกลงก่อนจะกดวางสายไป)

ไม่นาน นักเสียงรถยนต์หลายคัน ก็มาจอดเทียบท่าที่หน้าบ้านของเขา พร้อมกับบอดี้การด์จำนวน มาก ที่วิ่งกรู่เข้ามาภายในห้อง ทุกคนล้วนเห็นภาพที่เจ้านายของพวกเขากำลัง นั่งเกาะขาของใครอีกคนอยู่ แต่ก็ยืนนิ่งได้แค่พักเดียวก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาดึงตัว อีกฝ่ายให้ออกห่าง

ฝ่ายผู้เป็นพ่อ ยืนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูเขาเห็นภาพเหตุการณ์ทุกอย่าง และถึงแม้การกระทำครั้งนี้มัน อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกของเขาเสื่อมลงไป แต่เขาก็ยังยืนยันและยินยอมที่จะยอมรับถึงผลที่มันจะตามมา เพื่อแลกกับ ความถูกต้อง แม้อาจจะมองหน้ากับลูกชายของตัวเองไม่ติดอีกต่อไปก็ตาม..

"ปล่อย..ปล่อยกูนะเว้ย...กูบอกให้ปล่อยไง..เจ..ช่วยพูดอะไรหน่อยสิ..."กายที่พยายามตะเกียดตะกาย พูดด้วยน้ำเสียงที่ทำเอาคนที่ถูกพาดพิงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพื่อฝืนไม่ให้ตัวเอง วิ่งไปรั้งแขนช่วยอีกฝ่ายเอาไว้

"พา กลับไป"เสียงพูดที่ดูน่าเกรงขามแค่เพียงเอ่ยเบาๆบอดี้กาดนับสิบก็รีบทำตามกันอย่างเร็วไว. .

เพล้ง!! เสียงของตกแตก ทำเอาคนที่กำลังยื่นเบี่ยงเบนความสนใจกับภาพตรงหน้าถึงกับต้องหันกลับมามอง ภาพของคนที่เขารักกำลังใช้นิ้ว จิกกับพื้นทีีมีเศษแก้วแตกอยู่โดยทั่ว เขาแทบจะสลัดทุกอย่างทิ้งและรีบวิ่งเข้าไปหา แต่ ก็มีคนตัวใหญ่อีกคนยืนขว้างทางเขาอยู่ รอยเลือดที่ยาวตามทางลงบรรไดใบทำเอาจิตใจของ เขารู้สึกเจ็บปวด เขาอยากจะรีบวิ่งลงไปดูอาการ ของคนรัก แต่แล้ว ก็มี ความคิดนึง ผุด ขึ้นมาให้ของตัวเขาเอง

ถ้าขืนยัง ตามไป สิ่งที่ทำมามันก็คงไร้ประโยชน์ สู้ ทนดู ปล่อยให้อีกฝ่ายคิดว่า ตนไม่มีใจให้แล้ว แบบนี้ มันน่าจะดูโหดร้ายกว่า คิดได้ดัง นั่น เขาจึงเดินถอยห่างจากคนตัวใหญ่ก่อนจะกลับมานั่งอยู่ที่ปลายเตียงพร้อมกับก้มหน้าคิดอะไรอยู่คนเดียว

"แกกลับไปก่อน..เดี๋ยวที่เหลือชั้นจัดการเอง"คนเป็นพ่อพูดบอกคนตัวใหญ่อีกคนก่อนจะเดินเข้ามายืนอยู่เหนือกัวและเริ่มพูดบางสิ่ง

"ที่เธอทำมันถูกต้องแล้ว.."คนฟังได้แต่เงียบไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอะไร

"เรื่องหนี้สิ้นของบ้านเธอหน่ะ ชั้น.."คำพูดของคนที่สูงอายุกว่าหยุดชะงักเมื่อ เขาเริ่มเอ่ยขึ้นมาบ้าง

"ผมไม่ต้องการครับ..."อีกฝ่ายดูอึ้งๆไป

"เธอหมายความว่า.."คนสูงอายุยังคนถามต่อ

"ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณทั้งนั้น.."

"หมายความว่าเธอจะไม่ให้ชั้นช่วยเหลือแล้วปล่อยให้ทรัพย์สินของเธอถูกยึดไปอย่างนั้นนะหรอ"คนฟังกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอก่อนจะพูดตอบ

"ครับ".. คนสูงอายุ ยิ้มมุมปาก พร้อมกับคิด บางอย่างในใจ "อวดดีจริงนะ"

"ถือว่าชั้นให้โอกาส เธอ แล้วนะแต่เธอดันไม่รับมันเอง แล้วจะมาร้องไหเสียใจที่หลัง มันไม่ทันแล้วนะ"คนฟังได้แต่เงียบ..เพราะพูดอะไรไม่ออกในห้วดูตื้อไปหมด. .

และการสนทนาระหว่างเขากับคนสูงอายุก็จบลงและก่อนที่คนสูงอายุจะเดินออกจากห้องไป เขาก็ได้ขอบางสิ่งบางอย่างแทนสิ่งที่ สัญญากันไว้ในตอนแรก

"ฝากดูแล กายด้วยนะครับ ถ้าวันนึงเขาเกิดสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา คุณช่วยบอกเขาด้วย ว่าผม รับเงินของคุณมา ทำยังไงก็ได้ให้เขามองว่าผมเลว...ผมขอแค่นี้.."คนที่ได้ยินชะงักไปพักหนึ่งแต่ไม่ได้พูดต่ออะไรให้มากความ เขาเพียงแค่ชะงักหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดิน มาดนิ่ง ลงจากบ้านไป. . .

หลังจากที่ คนสูงอายุขับรถออกไป เขาก็ได้แต่นั่งคิดด้วยความไม่เข้าใจ ที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับการช่วยเหลือแถมยังฝากให้ทำอะไรที่มันดู จะมีแต่เสียกับเสียให้ตัวของอีกฝ่ายเอง แต่ถึงกระนั้น เรื่องของ ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาก็ถูกเข้าแทน ที่ เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง นั้น ต้องเป็นไปด้วยความถูกต้องแม้มันอาจจะต้องแลกมาด้วยอะไรหลายๆอย่างก็ตาม

ในด้านของอีกฝ่าย ที่พึ่งจะมารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เขาได้แต่ก้มหน้าซุกไว้กับหมอนพร้อมกับสะอื้นออกมา จนหมอน ของเขาเปียกชุ้มไปด้วยหยดน้ำตามากมาย ในหัวของเขามีเพียงภาพของคนที่ตัวเองรัก..ภาพหลายๆอย่างที่เคยเกิดขึ้น มันค่อยๆแทรกซึมซ้อนทับกันอยู่ในหัว ภาพ ของเขากับกายที่มีความสุข ภาพ ของเขาในต้องหยอกล้อ หรือแม้แต่ตอนที่เขาสองคนทะเลาะกัน ล้วนถูกฉายซ้ำอยู่อย่างนั้นทั้งคืน จนในที่สุดร่างกายบองเขาก็ทนต่อความเหนื่อยล้าไม่ไหวและเผลอ สลบไปพร้อมกับหยดน้ำตาและความเสียใจที่ยังคอยตอกย้ำ อยู่เสมอ. .


เช้าวันถัดมา เขาตื่น ขึ้น มาโดยที่ไม่ต้องทีสิ่งเร้าใดๆ ในการทำให้ตื่นเลย เขาเพียงแค่ลืม ตา และ ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงที่ว่า มันไม่มีอีกแล้ว. .  ข้อความแปลกๆทุกเช้าที่เขามักจะลุ้นอยู่เสมอว่าอีกฝ่าย จะส่งมาว่าอะไร เขาได้แต่นั่งยิ้ม พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่ออยู่ที่ดวงตา เขาได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งที่กำลังพบเจออยู่ในตอนนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน แต่เศษแก้วต่างๆพร้อมกับรอยเลือดที่คาอยู่หน้าประตู นั้น  มันช่วย ตอกย้ำความจริงหลายๆอย่างว่าสิ่ง ที่เขา คิดนั้น มันตรงกันข้ามกับความคิดของเขาทั้งหมด. .


หลายวันผ่านไป เขาใช้ชีวิตเต็ดเตร่ ไม่สนใจสิ่งรอบข้างคำชวนหรือการสังสรรคอื่นๆ เขาเพียงแค่เข้าไปนั่งฟังผู้เป็นอาจารย์คอยสอนอยู่ในห้องแต่ เสียงต่างๆนั้นก็ลอยเขามาเพียงครู่ แล้วก็หายวับไป


หลายสัปดาห์ต่อมา เขาเริ่มเกิดอาการเหม่อลอย แม้ในใจ จะมีแต่ภาพหน้าของคนๆนึงอยู่ เขาก็ทำได้แค่เพียง นั่ง ซึม จมกับความคิด และ บอกย้ำๆซ้ำๆกับตัวเองว่า ม้นไม่มีอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบลงแล้ว.. จบลงด้วยน้ำมือของตัวเขาเอง

หลายครั้งที่เขาพยายามเดินไปตามสถานที่ต่างๆที่ตนเคยมากับคนที่รัก เพื่อหวังทดสอบ ความแข็งแรงของใจ แต่ ไม่ว่าจะลองกี่ครั้ง บทสรุปก็มาจบที่หยดน้ำตาเหมือนเคย เขาพยายามเลิกคิด พยายามเดินเลี่ยงแต่ยิ่งทำก็เหมือนยิ่งตอกย้ำให้ตัวเองเสียใจมากกว่าเดิม
พยายามเปลี่ยนร้าน อาหารอร่อยที่ไปกินด้วยกัน แต่สุดท้ายก็วนกลับมาที่เทปม้วนเดิมสิ่งเดิมๆยังคอยหลอนหลอนตัวเขาอยู่เสมอ บ่อยครั้ง ที่เขาจะเอาแต่นั่ง และละเมอพูดอยู่คนเดียว นึกภาพจินตนาการต่างๆเหมือนคนบ้า  หลายครั้ง ที่เพื่อนสนิทอย่างวินต้องมานั่งข้างๆ คอยนั่งอยู่ข้างๆคอยปลอบใจแต่เหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรเลย ให้ดีขึ้นมาเลย

พอนานเข้าอาการก็ยิ่งแย่ลง เขากลายเป็นคนเก็บกดไม่พูดไม่จาจนเพื่อนสนินหลายๆ คน ไม่อยากจะเซ้าซี้ปล่อยให้เขาได้ใช้เวลากับตัวเอง มากขึ้นตามคำแนะนำของวิน จนถึงตอนนี้ เขาก็ใช้เวลากับตัวเอง มาหลายเดือนแล้ว เป็นช่วงเวลาทีี่แสนจะทรมาน ร่างกายของเขาค่อยๆซูบผอมลงเป็นอย่างมาก ปกติเขาเป็นคนที่ตัวเล็กอยู่แล้ว แถมทุกวันนี้ยังกินอะไรได้น้อยลงอีกเลยยิ่งทำให้ร่างกายแย่ขึ้นไปอีก โรคต่างๆเริ่มตามมา หลายคนที่เป็นห่วงได้แต่คอยให้กำลังใจอยู่ห่างๆเพราะไม่ว่าจะพูดยังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีตอบสนองอะไรเลย. .

 คนอื่นๆภายในบ้าน ก็พากันย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ทั้งพี่สะใภ้และน้องสาวของเขา เหลือก็เพียงแต่เขาที่ยังไม่ยอมตามไป เขาเพียงแต่บอก คนในครอบครัวว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเขาสามารถดูแลตัวเองได้อีกฝ่ายพอได้ยินแบบนี้ก็รีบแย้งขึ้นมาทันทีเพราะเขาเป็นเพียงแค้นักศึกษาคนนึงที่ยังเรียนไม่จบแถมงานก็ยังไม่มีทำ จะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยืนยันในความคิดตัวเอง ที่จะอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อ อีกฝ่ายเลยเหนื่อยใจที่จะบังคับและปล่อยให้เจ้าตัวทำตามที่ใจอยาก

ทั้งที่ความจริงแล้วในหัวของเขายังไม่มีวิธีรับมือกับสิ่งที่กำลังถาโถมเขามาเลยสักนิด. .

และในวันถัดมาก็มีบอดิ้กาด คนนึง ที่เขาคุ้นหน้า เดินเข้ามาเพื่อมอบบางสิ่งบางอย่างให้กับเขา
ซึ่งในวันนี้เป็นวันปิดเทอม สั้นเพียงไม่กี่อาทิตย์ เขาเลยใช้เวลาอยู่ ในบ้านเพียงคนเดียว..

การด์ซองสีขาวถูกส่งถึงมือของเจ้าตัว  พร้อมกับชื่อที่ยืนยันถึงตัวผู้รับทำให้เขาแน่ใจแน่ๆว่ามันไม่ได้มาผิดที่แน่ๆ หลังจากที่บอดิ้กาดทำงานของตัวเองเสร็จก็ลับหายไปในทันที

เขาสูดหายใจลึกๆก่อยจะเปิดอ่านข้อความด้านในซอง
ทันทีที่เปิดกลิ่นหอมอ่อนๆก็ลอยเตะจมูก และในทันทีเขาก็รีบพลิกกระดาษอีกด้าน 
ก็ทำเอาร่างกายของเขานั้นแทบทรุดลงไปนอนกับพื้นการด์ใบเก่าที่เขาเคยเห็นเมื่อหลายเดือนก่อน ถูกฉายซ้ำอีกครั้ง พาเอาน้ำตาที่เหือดแห้งไปนานพลอยไหลซ้ำอีกครั้ง..เหมือน บุคคลทีีส่งมาต้องการที่จะตอกย้ำถึงจุดยืนของตรง เขาไม่รู้ถึงจุดประสงค์ที่แน่ชัด แต่ในเมื่อ ส่งมาถึงที่แล้วเขาก็ควรที่จะไป ..แต่เหตุสำคัญที่เขาไปเหตุผลมีเพียงใบหน้าของคนที่เขารักเพียงเท่านั้น

เขาได้แต่พึมพัมบอกตัวเองพร้อมกับล้มตัวกอดการ์ดใบนั้นทั้งน้ำตา

"อย่างน้อยขอเห็นหน้าสักครั้งก็ยังดี" และถึงแม้การไปในครั้งนี้จะเปรียบเสมือนการแขวนเชือกผูกคอตัวเองก็ตามแต่อย่างน้อยขอแค่ให้ได้เห็นหน้าคนที่เขารักอีกสักครั้งแค่นี้มันก็เพียงพอแล้วจริงๆ

TBC . .

จะพยายามมาต่อให้เร็งนะครับขอโทษที่หายไปนาน

ปล.การบอกเล่าเกี่ยวกับตัวละครอาจจะเปลี่ยนไปเป็นอีกมุมมองนึงหว้งว่า ผู้อ่าน จะไม่สับสนกันนะครับ ที่อยู่ๆก็เปลี่ยนแบบดื้อๆ  :katai4:

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Chapter:46 สองปีที่ยากลำบาก. .

หลังจากวันที่ผมพยายามข่มใจไปงาน แต่งงานกระทันหันในวันนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วสองปี แต่ความรู้สึกของผมในวันนั้นมันยังตามติด มาจนถึงปัจจุบัน ภาพของชายหนุ่มและหญิงสาวที่ผมรู้คุ้นเคยเมื่อไม่นานมานี้ เธอได้มีโอกาสนั่งข้างๆกับคนรักของผม เธอดูมีความสุขจนออกนอกหน้าซึ่งต่างกับผมราวฟ้ากับเหว เพราะ ทั้งหน้าของผมกลับเต็มไปด้วยหยดน้ำตาแทนที่จะเป็นร้อยยิ้ม แสดงความยินดีแทน

ผมไม่อาจอยู่ต่อจนงานจบได้เพราะรู้ดีว่าจิตใจของตัวเองยังไม่พร้อมที่จะมาเจออะไรแบบนี้ ผมเลยได้แต่เลี่ยงแขกผู้มาร่วมงานที่ยืนแออัดกันอยู่ด้านใน และก่อนที่ผมจะไปก็ไม่ลืมที่จะเขียนอะไรบางอย่างลงไปในกระดาษโน๊ตสีขาวหย่อนใส่กล่องที่วางอยู่หน้างาน


ภายหลังจากที่ผมเรียนจบมาผมก็ปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวได้เกือบปีแล้วผมเปลี่ยนเบอร์ ลบโซเชียลทุกอย่างที่ตัวเองเคยมี เหตุผลเพราะไม่อยาก ยุ่งเกี่ยวกับใครผู้คนรอบตัวต่างพากันแสดงความยินดีให้กับคู่บ่าวสาว คงจะมีก็แต่ผมคนเดียวนี้ละ ที่ ไม่ได้มีความรู้สึกยินดี ให้กับทั้งคู่เลย. .


และในตอนนี้ก็เป็นเวลาสองปีเต็มๆ ที่ผมกับกายเราสองคนต่างเลิกลากันไปใช้ชีวิตของตัวเองในเส้นทางที่เลือก
ผมเลิกหวังลมๆแร้งๆเรื่องที่เราจะกลับมาคบกันเพราะต่อให้กายนั้นยังไม่มีใครใหม่แต่ผม ที่เป็นฝ่ายบอกเลิกและเป็นฝ่ายที่ทำร้ายมันเองด้วยละก็ ไม่มีทางเลย ที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

แต่ถึงยังงั้น ผมก็ยังกล้ายืดอกยอมรับเลยว่า ในใจผม ความรู้สึกที่เคยมีให้มันก็ยังคงอยู่ไม่ได้น้อยลงไปเลยแต่ก็อย่างว่า ความรู้สึกของผมมันบอบบางเหมือนฟองอากาศเพราะไม่ว่าจะทำยังไงผมก็ไม่สามารถ ทำลายกำแพง ที่ตั้งตะหงาดอยู่ตรงหน้าได้เลย เพราะคนที่ผมกำลังสู้ด้วยไม่ได้มีเพียงคนรักเก่าของมันแต่ยังมีครอบครัวเข้ามาเกี่ยวด้วย

สองปีแล้ว ที่ผมใช้ชีวิตโดดเดี่ยวและว่างเปล่า ตั้งแต่จบมาผมพยายาม หางานทำเพื่อจะได้ใช้เวลาที่กำลังวุ่นๆนั้นลืมเรื่องราวแย่ๆที่ผ่านมาบ้าง แต่ เหมือนมันกลับยิ่งทำให้เรื่องราวทุกอย่างดูแย่ไปมากกว่าเดิม

ผมลองสมัครงานไปเกือบๆ สิบที่ แต่ก็โดนปฏิเสธกลับมาหมดเพราะผมมีผลงานไม่เพียงพอ ผมเริ่มรู้สึกท้อหมดกำลังใจไปหมด นับวันเงิน ที่ ป๊าโอนไว้ให้เพื่อให้ผมใช้เป็นค่าตั๋วเครื่องบินตามไปก็เริ่มร่อยหรอ การใช้ชีวิตประจำวันก็เป็นไปด้วยรวามยากลำบาก ผมกลายเป็ยคนไม่มีเพื่อนเพราะเป็นฝ่ายขาดการติดต่อไปเองแม้แต่วินหรืออะตอม ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอผน้าใครซักคนเลยในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

ช่วงสายๆของวัน ผมเดินออกมาจากหอพักโทรมๆ ราคาถูก เพื่อออกมาหาอะไรกิน ประทังชีวิต ระหว่างทางที่เดินสายตาผมก็พลอยเหลือบมอง ครอบครัว ของคนอื่นๆเขาที่เดินไปไหนมาไหนพร้อมหน้าพร้อมตากัน รอยยิ้มสดใสที่คนเหล่านั้นมอบให้กันทำเอาผมรู้สึกอิจฉา ทั้งๆที่เมือก่อน ผมเคยมีความสุขมากกว่านี้แท้ๆ แต่พอเวลาผ่านไปหลายสิ่งหลายอย่างก็เริ่มแปรเปลี่ยนไป. . ทุกสิ่งมันไม่เหมือนเดิมแล้ว


ผมเดินมาหยุดที่หน้าร้านโจ๊กปากซอย ผมมองหาที่นั่งใกล้ๆกับริมถนน พอเขียนออเดอร์เสร็จผมก็ไปนั่งรออยู่ที่โต๊ะ. . ไม่นานนัก ก็มีน้องพนักงานเดินมาเสริฟโจ๊ก ให้ผมที่โต๊ะ

ผมนั่งลงมือทานโจ๊กที่อยู่ในชาม ด้วยความยากลำบาก แต่่ไม่ใช่เพราะผมพิการหรือไม่สมประกอบหรอกนะแต่มันเป็นเพราะตัวผมเอง ที่ฝืนกินอะไรลงคอไม่ได้เลยต่างหาก อาหารยังรสชาติเดิม เพียงแต่ มันเหมือนมีภาพซ้อนทับอะไรบางอย่างในอดีต ผมฝืนกินได้อีกไม่กี่คำก็ต้องรีบวางช้อนแล้วเรียกน้องพนักงานมาเก็บเงินที่โต๊ะ
จังหว่ะที่จะลุกออกจากร้าน น้องคนที่พึ่งจะเดินมาเก็บตังผม ก็วางถ้วยบัวลอยไว้ที่โต๊ะ ผมมองบัวลอยในชามสลับกับมองหน้าน้องงงๆ

"พี่ไม่ได้สั่งครับ"ผมรีบทักท้วงน้องเขาเพราะถ้าหากผิดโต๊ะจะได้ไม่โดนว่าเอา แต่น้องแกก็ยังรงยืนยิ้มให้ผมและเลื่อนถ้วยบัวลอยเหมือนเดิม

"ลุงโต๊ะนั้นบอกให้เอามาให้ครับ"ผมกันมองตามนิ้วที่น้องเขาชี้ไปก่อนยะไปหยุดที่ลุงคนนึง ผมมองลุงนิ่งๆสักพัก จนเริ่มนึกอะไรออก

ลุงคนนั้นคือคนที่ผมเคยเจอเมื่อสองปีที่แล้ว อยู่หน้าร้านโจ๊ก ผมจำได้ว่าวันนั้นลุงพาหลานสาวมาทานโจ๊กที่ร้านหน้าโรงเรียน ลุงเขาส่งยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลุกขึ้นย้ายโต๊ะจากหัวมุมมานั่งอยู่ตรงเก้าอี้ว่างๆข้างผมแทน

"ไงไอหนุ่มเพื่อนไม่ครบหรอเอ็งนะ"น้ำเสียงหยอกล้อยังขี้เล่นเหมือนเดิม มันจึงช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง

"ไม่ได้เจอหลายปีแล้วนะลุง สบายดีรึเปล่าครับ"ผมเป็นคนเปิดประเด็นชวนลุงเขาคุย ลุงเขาเองก็ไม่ได้ดูตึงเครียดอะไรที่ผมไม่ได้ตอบคำถามแกในตอนแรก


"เด็กสมัยนี้เข้าใจยากจริงๆ"ลุงแกพูดบ่นๆก่อนจะเมินหน้าไปมองรถที่ถนน

"มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าไอหนุ่ม "ลุงส่งเสียงเรียกผม ที่เอาแต่นั่งเหม่อยิ้มเก้อๆเหม่อมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่เดินจับมือไปพร้อมกับพ่อและแม่ตัวเอง

"เปล่านิ่ครับลุง แล้วนี้ลุงไม่มีการไม่มีงานทำ รึไงถึงได้มานั่งซึมกระทืออยู่กับผมได้เนี้ย"ลุงแกหลุดหัวเราะนิดๆก่อนจะเป็นฝ่ายถามผมกลับมาบ้าง

"ว่าแต่เอ็งเถอะไอหนุ่ม มานั่งเศร้ากินข้าวคนเดียวให้ร้านเขาเสียบรรยากาศทำไมกัน"จบคำพูดของลุงผมถึงกับต้องรีบหุบยิ้มแล้วนั่งคิดตาม ว่าผมกำลังทำให้ร้านเขาเสียบรรยากาศรึเปล่า?

"นี่ไอหนุ่ม ลุงพูดเล่น ทำไมเอ็งต้องทำหน้าหมดอะไรตายอยากขนาดนั้นด้วย"เป็นอีกครั้งที่ผมไม่ได้ตอบคำถามฃุฃแต่เป็นฝ่ายที่ตั้งคำถามกลับไป

"แล้วไหงวันนี้ลุงมาคนเดียวละครับหลานสาวน่ารักๆ คนนั้นไปไหนซะแล้ว"

"ลุงไม่มีหลานหรอกไอหนุ่ม"คำตอบของลุงทำเอาผมแปลกใจ

"แต่ตอนนั้นผมยังเห็นลุงพาหลานสาวไปกินโจ๊กอยู่หน้าโรงเรียนอยู่เลยนิ่ครับ"

"อ่อนั้นลูกคนงานของลุงเอง ลุงทนเห็นเด็กมันอดๆอยากๆ ไม่ได้รู้สึกสงสารก็เลยพามาหาอะไรกินแทนพ่อแม่ของเด็กมันหน่ะ "งั้นบัวลอยถ้วยนี้ก็คงเป็นความสงสารของลุงอีกใช่มั้ยครับ ผมไม่เข้าใจว่าคนรอบตัวมองผมเป็นคนยังไงแต่สำหรับผมแล้ว ความสงสารที่เขามีให้มันเหมือน ต้องการที่จะตอกย้ำถึงจุดยืนของผมให้มันยิ่งดูแย่ขึ้นไปอีก

"ถ้าผมทำให้ลุงเกิดรู้สึกสงสารผมขอโทษนะครับ"ผมยืนขึ้นพูดพร้อมกับเดิน ออกจากโต๊ะเพื่อเดินไปจ่ายค่าโจ๊ก

"ทำไมเอ็งถึงมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น "ลุงแกพูดสวนขึ้น ในตอนทีี่ผมเดินห่างจากโต๊ะเพียงไม่กี่ก้าว


"เพราะผมรู้ดีไงว่าโลกของความจริงมันเป็นยังไงผมถึงไม่อยาก สร้างโลกอีกใบขึ้นมาเพื่อคอยหลอกตัวเอง"

พูดจบผมก็เดินเอาเงินไปจ่าย  แม่ค้าคนขายโดยไม่รอเอาเงินทอนก่อนจะเดินออกมา ด้วยสีหน้าซึมๆ

พอกลับมาถึงห้อง ผมก็ล้มตัวลงนอน บนฟูกเก่าๆที่แข็งยังกับหิน แต่อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่า ผมนอนพื้นเป็นไหนๆ ผมนอนเอาหน้าซุกกับหมอนพร้อมกับระบายสิ่งที่อัดอั้นภายในใจออกมา พลอยเรียกหยดน้ำตาให้เอ่อไหลนองพร้อมกับหยาดฝนที่ค่อยๆสาดละอองเข้ามาในห้องที่ละนิดๆ

ผมฟุบอย่างนั้นอยู่นานจน หมอนใบสีขาวเปียกแฉะไปด้วยน้ำตาของผมเป็นวงๆ ผมพยายามควบคุมสติไม่ให้ตัวเองคิดมาก แต่เหมือนเรื่องต่างๆที่ผมพบเจอในแต่ละวันมันเอาแต่คอยตอกย้ำผมอยู่ซ้ำๆ จนผมไม่รู้ว่าจะหลีกเลี้ยงปัญหานี้ยังไงแล้ว

ผมเงยหน้านิ่งๆมองเพดานเก่าๆด้านบน พักนึงพร้อมกับหลับตาลงนึกถึงภาพความทรงจำ ความรู้สึกเก่าๆที่ตัวเองเคยมี เพื่อน บ้าน พี่น้อง หรือแม้กระทั่งคนรัก. . พอ นึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้นทีไร ผมก็แต่ยิ้มเหมือนคนบ้า แต่ก็ต้องรีบตื่นขึ้นมาซับน้ำตา พร้อมกับความจริงที่ว่า

มันไม่มีอีกแล้ว ช่วงเวลาเหล่านั้น

แต่ก่อนนั้นผมไม่เคยเชื่อ ไอเรื่องที่ว่า ความสุขของคนเรามันมีเวลาสั้นเพียงนิดเดียว จนเมื่อได้มาพบเจอกับตัวเองผมถึงเข้าใจ ว่าสิ่งที่เคยได้ยินมานั้นมันไม่ได้ผิดเพี้ยนไปเลยสักนิดเดียว

ผมสะดุ้งตื่นอีกทีตอนสิบเอ็ดโมงกว่า ด้วยอาการปวดท้องจนมันรู้สึกทรมานไปหมด ไม่รู้เป็นเพราะว่าผมไม่ค่อยได้กินอะไรจนโรคกระเพาะถามหารึเปล่า แต่ในตอนนี้คือเจ็บปวดจนต้อง นอนขดตัวอยู่บนที่นอน ผมพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นเปิดดูกระเป๋าเป้เพื่อหายา ที่อยู่ในนั้น เพราะบางทีข้างในอาจจะมียาอะไรที่ช่วยบรรเทาอาการความเจ็บปวดนี้ให้มันลดลงได้บ้าง แต่ทั้งกระเป๋าผมกลับมีเพียงแค่ ยาลดไข้กับยาแก้อักเสบ เพียงไม่กี่เม็ด ผมหยิบขึ้นโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงสรรพคุณ ก่อนจะล้มตัวลงนอนใช้มือข้างนึงกุมไว้อยู่ที่ท้อง ก่อนจะพล้้อยหลับไปในระยะเวลาสั้นๆ กว่าจะมารู้สึกอีกทีก็ตอนช่วงบ่ายๆ
เพราะมีหยดน้ำหยดลงมากระทบกับหน้าผากผม เพดานที่ขึ้นตะไคร่บ่งบอกให้เห็นว่าสภาพมันคงเป็นอย่างนี้มานานมากแล้ว ผมหลับตาข่มความรู้สึกที่พูดไม่ออกนี้เอาไว้และแสดงหยดออกตาออกมาเป็นคำตอบแทน. เมื่อไหร่ความทรมาณพวกนี้ถึงจะหมดไปจากผมที

เวลาบ่ายสองกว่าๆผมแบงร่างที่แทบจะยืนไม่อยู่ออกมาหาอะไรกินเพื่อให้มีชีวิตรอดไปถึงวันพรุ่งนี้และอาจจะเป็นเพราะผมมัวแต่เหม่อลอยมองท้องฟ้าอยู่ตลอดจึงพึ่งสังเกตุว่าตอนนี้ตัวเองเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้าน ที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านของผม พร้อมกับจ้องมองข้าวของด้านในด้วยความแปลกตา จากร้าน กาแฟก็กลายเป็นร้านอะไรก็ไม่รู้ ผมไม่เข้าใจว่าผมเดินมาถึงที่นี้ได้ยังอาจจะเป็นด้วยเพราะความเคยชินหรืออาจเป็นเพราะ โชคชะตากำลังตอกย้ำความรู้สึกผมอยู่กันแน่ๆ ผมมองขึ้นที่ชั้นสอง ที่ๆเคยเป็นห้องนอนของผมแต่ในตอนนี้ไม่เหลือเค้าโครงเก่าแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด..ไม่เหลือเศษซากอะไรไว้ให้จดจำเลย ผมหัวเราะให้กับโชคชะตาของตัวเอง แบกร่างอันหนักหน่วงเดินข้ามถนนมาโดยมองแต่เพียงทางข้างหน้า ผมไม่สนเสียงคนที่ร้องตะโกนว่าอะไรผมต่างๆนาๆหรือแม้แต่เสียงแตที่บีบดังตลอดทาง ผมแค่อยากจะไป ไปที่ไหนก็ได้ ให้มันห่างไกลจากตรงนี้ซักที ผมเดินเผม่อลอยมาที่ทางฟุตบาตร ตรงข้ามของถนน แล้วก็นึกขำ ว่าทำไมรถพวกนั้นุึงไม่ขับชนผมให้ตายๆไปเลย ทำไมถึงต้องบีบแตร์ไล่ใฟ้ผมรู้ตัวด้วย ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ

ฟุบ....  ระหว่างที่กำลังคิดถามว่าทำไมตัวเองถึงยังมีชีวิตอยู่ ผมก็เดินเข้าไปชนกับใครคนนึงเข้า ผมไม่ลืมที่จะพูดคำขอโทษ และพยายามเดินเบี่ยงไปอีกทาง
แต่คนเมื่อครู่ก็ยังเดินมาขวางที่หน้าผมดังเดิม

สงสัยเขาคงจะโกรธที่ผมเดินไปชน หรือบางทีเขาอาจจะโมโหก็ได้

'ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ' ผมพูดขึ้นโดยทีีไม่เงยหน้าขึ้นไปมองคนตรงหน้า แต่เข้าก็ยังนิ่ง ไม่ถอยและยืนอยู่ตรงจุดๆเดิม

"ผมรับผิดชอบอะไรให้ไม่ได้หรอกนะ...จบคำพูดผมรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเริ่มสั่นๆ และในที่สุดผมก็สะอื้นมันออกมา ผมไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงอ่อนแอ่นักกับแค่เรื่องบางเรื่อง ผมยัง อดทนฝืนมันไม่ได้เลย

'...ฮึก...เจ...' เสียงเรียกตรงหน้าทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง. ภาพบุคคบตรงหน้าทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน พี่ชายที่แสนดี คนที่คอยเต็มใจช่วยเหลือทุกครั้งในวันที่ผมยากลำบาก คนที่คอยช่วยผม โดยที่ไม่มีคำว่าสงสารเข้ามาเกี่ยวข้อง คนนั้นๆ....คือ พี่ริว

ผมเป็นฝ่ายสวมกอดพี่ริวพร้อมกับสะอื้นปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมา  คนตรงหน้าของผมไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่ความรู้สึกและคำพูดของเขาถูกถ่ายทอดออกมา ที่อ้อมกอดที่รั้งตัวผมไว้หนี่ยวแน่น พร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆที่ดังตามมา
ผมเหมือนตัวเองมีเกราะกันกระสุนที่หน้าแน่นแถมยังมีกำแพงหนาอีกชั้นอยู่รอบตัวผม ๆสามารถเดินฝ่าดงกระสุนได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะ ตอนนี่ผมรู้สึกสบายใจและโล่งใจ เหมือนกับผมได้เจอที่พักพิงสุดท้ายก่อน ที่ชีวิตของปมมันจะจบลง


พอได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่อัดอั้นมาจนหมดมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง  ผมรู้สึกมึนหัวแปลกๆ ภาพของหญิงสูงอายุ ที่กำลังยืนจ้องมองผมพร้อมกับเอามือป้องปากนั้นคือใครกัน

ผมพยายามมองหน้า คนที้กำลังจ้องมองผมให้ชัดๆ แต่ ภาพตรงหน้ามันมัวมากเหลือเกิน มันเบลอ จนทำให้ผมเวียนหัวไปหมด

'อาเจ' เสียงเรียกชื่อผมที่ฟังดูคุ้นเคยผมอยากจะขานรับแต่เหมือนภาพตรงหน้าของผมถูกปกคลุมไปด้วยความมืดพร้อมกับร่างกายที่ถูกเหนี่ยวรั้งไว้ให้ยืนอยู่กับที่และ ฟุบ..........  ภาพตรงหน้าทุกอย่างมืดลงเหมือนช่วงเวลาที่ดูละครในโรงหนังจบ ผมมองไม่เห็นอะไรเลยได้ยินแค่เพียงเสียงที่ร้องเรียกผมหลายครั้งตามกันมา เพียงแต่ผม ตอบกลับไปไม่ได้เท่านั้นเอง ....

TBC. . . .
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2017 14:04:46 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
(พาทของริว)

ภายหลังจากช่วงที่ผมเรียนจบ ผมกลับมาที่บ้านพร้อมกับใบปริญญาที่ได้มาด้วยความภาคภูมิใจ ตลอดสามปีครึ่ง แต่นั้นก็ทำให้ผมรู้สึกหน่วงแปลกๆ เมื่อ นึกกลับไปว่า ผมจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว

ตลอดเวลาที่ผมเป็นนิสิทที่นี้มา ทั้งพ่อและแม่ก็คอยปลูกฝังให้ผมสนใจและมุ้งมั่นกับการเรียนเพียงอย่างเดียวและอย่าไขว้เขวกับเรื่องต่างๆที่อยู่รอบตัว

ผมเชื่ออย่างนั้นมาตลอด

ช่วงปีหนึ่งและปีสองผมใช้เวลากับการเรียนโดยไม่มีเวลาหยุดพัก จนเมื่อขึ้นปีสาม ทำให้เวลาว่างของผมมีมากขึ้น จากวันๆที่ต้องนั่งขลุกอยู่กับสมุดหนังสือทั้งวันก็ได้มา ทำความรู้จักเพื่อนๆที่คณะ มากยิ่งขึ้นรวมไปถึงรุ่นน้องในคณะอย่าง เจ

เจไม่เหมือนกับใครหลายผมที่ผมเคยรู้จักมา เจเป็นคนอารมณ์ดียิ้มแย้มตลอดเวลา อยู่ใกล้กับใครก็มักจะทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้เสมอ (โดยเฉพาะผม)

ผมเคยมีน้องที่รู้จักกันและสนิทกันมากๆอยู่คนนึงแต่นั้นมันก็นานมาแล้ว เพราะความเข้าใจผิดในอดีต ทำให้ผมกับเขา ไม่กล้าที่จะมองหน้าหรือพูดคุยกันอีก. แต่แล้วก็มีอยู่วันนึงวันที่ผมไม่อาจลืมได้เลย วันที่ผมได้กลับมาคุยกับน้องคนสนิทอีกครั้งพร้อมกับปรับความเข้าใจกัน และพึ่งมารู้ทีหลังว่าเบื้องหลังความสุขในครั้งนั้น มีเจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ผมมักจะถามกับตัวเองว่ารู้สึกยังไง กับเจหรือเปล่าแต่ก็เหมือนมีอะไรคอยมาบังความรู้สึกนั้นไม่ให้มันเอ่อล้นออกไป กว่าที่ผมจะทำใจยอมรับได้ว่าชอบ  น้องเขา มันก็สายไปซะแล้ว

เขามีเจ้าของแล้ว คนๆนั้นก็คือกายน้องคนสนิทของผมเอง

และต่อให้ผมจะรักหรือชอบเจมากแค่ไหนผมก็ไม่เลวพอที่จะแย่งน้องเขามา

ยิ่งรู้ว่าแฟนเจเป็นใครแล้วผมยิ่งไม่กล้า เข้าไปอีก ไม่ใช่ว่าผมกลัว กาย แต่สิ่งที่ผมกลัว คือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้ง ต่างหาก

ผมเลยเลือกที่ยืนอยู่ตรงจุดๆเดิม เพียงแต่ความรู้สึกก็ยังไม่แปรเปลี่ยนไป ผมยังชอบและ ทำให้เขายิ้มได้เสมอ และแม้ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม ผมก็อยากจะคอยเป็นรอยยิ้ม และที่พักพิง ให้เจแบบนี้ตลอด ไป

ภายหลังจากเรียนจบผมต้องมาดูแลกิจการของทางบ้านที่ต่างประเทศ อยู่นี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ทั้งชีวิตในวัยทำงาน เพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่คนใกล้ตัวที่่พยายามเข้าหาตัวผมเพื่อหวังผลประโยชน์ต่างๆ

ทุกๆวันผมเฝ้าเป็นห่วงคนทางนั้นทั้งอาม่า พ่อแม่ หรือแม้กระทั้งเจ คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนพิเศษสำหรับผม
ผมอยากจะโทรไปคุยและเล่าเรื่องต่างๆให้เจฟังเพียงแต่เวลาที่ผมอยู่กับที่เจอยู่มันต่างกันมากผมกลัวว่าถ้าทักไป จะเป็นการรบกวนเลยเลือกที่จะเก็บความรู้สึกเหล่่านั้นไว้เพียงคนเดียว

ผมได้ทราบข่าวดีว่า อีกไม่่กี่วันพ่อก็จะหาคนมาแทนผมได้แล้ว นั้นหมายถึงผมจะได้กลับประเทศไทย

ก่อนวันกลับหนึ่งวันผม ทักไปหากายว่าจะถามถึงความเป็นอยู่ แต่กลับติดต่ออะไรไม่ได้เลย

แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากที่สุดก็คือข่าว มันไม่ใช้ข่าวดาราคู่รักคนไหนทำอะไรกันแต่เป็นข่าวเกี่ยวกับวงการธุรกิจ ของบ้านกาย ที่เกี่ยวข้องและตอนนี้ กายแต่งงานแล้ว แต่งมาปีกว่าแล้วด้วย และนั้นยิ่งทำให้ผมนึกตามด้วยความมึนงง  ถ้ากายแต่งงาน แล้ว เจ ละ ?

แม้จะยังงงๆกับสิ่งที่พึ่งเจอ แต่ตัวผมกลับยิ่งอยากที่จะเข้าใจ คำตอบในทันที

กว่าจะรู้ตัวอีกทีผมก็มาถึงไทยก่อนเวลากำหนดไปหนึ่งวันผมกลับมาโดยไม่ได้บอกกล่าวใครผมรีบโทรติดต่อเจ ทันทีที่เท้าของผมสัมผัสกับพื้นดิน ของไทย แต่เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างทุกทางในการติดต่อของเจ มันหายไปหมด ผมโทรไปที่เบอร์เก่าของเจ ก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกันไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยลองเปิดหน้าเข้าเฟสบุ๊ค หลังจากที่ไม่ได้เข้ามาเช็คอะไรเลยหลังจากที่เรียนจบมา จุดประสงค์ในการเข้าครั้งนี้คือผมต้องการรู้ชีวิตความเป็อยู่ของเจในตอนนี้เพราะปกติเวลาเจไปไหนทำอะไร เจก็มักจะเช็ึคอินตามสถานที่นั้นๆ

แต่พอผมลองเสริทค้นหาชื่อกับว่างเปล่า เพื่อนที่เคยมีก็หายไปแล้ว ผมติดต่อเจไม่ได้เลยทุกช่องทาง ระหว่างที่กำลังนั่งกุมขมับหาวิธีติดต่อเจ สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นแชทของวินเพื่อนคนสนิทของเจทักผมมาเมื่อ แปดเดือนที่แล้ว.

"พี่ริวใช้มั้ยครับ" ผมตั้งใจอ่านข้อความพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน อารมณ์ที่ตัวผมเองพยายามข่มให้เย็นในตอนนี้มันเริ่มน้อยลงทุกที 

"เจมันหายตัวไปพวกผมติดต่อมันไม่ได้เลยพี่พอจะรู้บ้างรึเปล่าครับ ว่าเจมันไปอยู่ที่ไหน"

"ผมกับอะตอมเป็นห่วงมันมากเลยมันหายไปเป็นเดือนแล้ว ผมไม่รู้จำทำยังไงเลยครับพี่ "และก็มีข้อความอื่นๆอีกสารพัดที่วินมันส่งมาเล่าเหตุการณ์ให้ผม

สรุปคร่าวๆก็คือ เจหายตัวไปแปดเดือนแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครพบ ทุกคนเป็นห่วงเจกันหมดจะเหลือก็แต่มัน และนั้นก็ทำให้ผมแน่ใจว่าสาเหตุที่เจหายตัวไปต้องมีมันงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ

 
ผมคงจะลบคำว่าพี่น้องออกจากโสตประสาทของตัวเองออกไปจนหมดตอนนี้ระหว่างผมกับไอ้กายเราสองคนไม่ใช่พี่น้องกันแล้ว

ผมเคย  คิดว่ากายมันอาจดูแลทำให้เจมีความสุขแทนผมได้  ผมจึงยอมเป็นฝ่ายตัดใจและถอยออกมา เฝ้าดูอยู่ห่างๆ

ผมยังจำคำพูดนึึงได้ สิ่งที่มันเคยสัญญากับผมเมื่อครั้งก่อน ว่าจะไม่ทำให้เจเสียใจ  แต่วันนี้มันทำให้ผมรู้แล้ว ว่าผม ไว้ใจคนผิด ผมผิดเองที่ปล่อยเจทิ้งไว้กับคนเลวๆ อย่างมัน ผมได้แต่ตีอกชกหัวตัวเองอยู่หลายครั้งถึงความผิดพลาดที่ได้ทำลงไปและผมก็ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่า ถ้า ผมได้เจอกับมันเมื่อไหร่ ไม่มันก็ผม คงต้องมีใครตายกันไปข้างนึง
. . .
ผมขับรถมาจอดอยู่ที่หน้าร้าน เก็บข้าวของสัมภาระ มี่หอบหิ้วมายัดใสไว้ในบ้านก่อนจะเดิน ข้ามไปที่ถนนฝั่งตรงข้าม. . เพื่อมองหาใครคนนึงอยู่

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
แต่คำตอบที่ผมได้มันทำให้ผมเครียดหนักมากกว่าเดิม
ผู้หญิงที่เดินมาต้อนรับผมไม้ใช่พี่อินหรือน้องเอิน
เหมือนทุกที สีหน้าแววตาและคำพหุดก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง

เธอบอกกับผมว่าเจ้าของร้านคนเก่า(ซึ้งก็คือพี่อิน) ได้ขายร้านและที่ดินเพื่อจ่ายหนี้ผมได้ยินในตอนแรกยังไม่ปักใจเชื่อ ก็เลยไปถามเพื่อนบ้านรอบๆ แต่คำตอบที่ได้ก็ยัึงคงเหมือนกันทั้งหมด

แต่ประโยคนึงที่ทำให้ผมเก็บมาคิดมากและกำลังนั่งกุมขมับอยู่ในตอนนี้ คือ ไม่มีใครรู้เลยว่าเจไปอยู่ที่ไหน ผมพยายามติดต่อทุกคนที่เจรู้จักหรือสถานที่ๆเจเคยไปขอดูกล้องวงจรปิด หลายๆที่ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอเลย ผมเริ่มท้อใจและเริ่มรู้สึกเหนื่อยเพราะใช้แรงมาทั้งวันหลังจากที่ออกตามหาเจมาทั้งวัน ซึ่งในตอนนี้ แดดค่อนข้างแรง ผมเลยกลับมานั่งพักเติมแรงให้ตัวเองอยู่ที่บ้านแต่ในหัวก็ยังคงมีแต่คำถามและความสงสัยอยู่มากมาย
ผมนอนฟุบลงกับโต๊ะด้วย ความเมื่อยล้า จากการเดินทางและใช้ความคิดหยัก จนเผลอผลับไป ด้วยความเพลียในที่สุด


ผมตื่นมาอีกทีก็ีตอนบ่ายๆ ผมหยิบโทรศัพท์โทรหาอาม่าเพื่อบอกเรื่องราวเกี่ยวกับเจ พออาม่ารู้ข่าวก็รีบตามผมกลับมาจากจีน ทันทีที่อาม่ามาถึงก็ออกคำสั่งให้คนช่วยออกตามหาเจกันจนวุ่นวายไปหมด ผมโทรติดต่อวินบอกให้มาช่วยกันหาอีกแรงระหว่างนั้นก็มีลูกค้าจากบริษัท โทรมาติดต่อเรื่องธุรกิจ (ไม่รู้เวลา เอาซะเลย). ผมก็รับคุยๆอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์แต่แล้วระหว่างที่กำลังวุ้นๆอยู่สายตาของผมก็เหลือบมองไปที่ถนนฝั่งตรงกันข้าม(หน้าร้านเจ) ผมพยายามมองภาพตรงหน้าให้ชัดว่าสิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คือเรื่องจริงรึเปล่า ... ผมไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของผมหล่นไปที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่สนว่าปลายสายกำลังพูดอะไรอยู่สิ่งที่ผมสนตอนนี้เพียงคนที่ผมรู้สึกเป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้ คนที่ผมแอบรัก และตอนนี้ึความรู้สึกของผมก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน 

เจมองมาที่ข้างหน้าตรงที่ผมยืนอยู่พอดี ผมไม่รู้ว่าเจเห็นผมที่ยืนยิ้มให้อยู่ตอนนี้มั้ย

แต่แล้วรอยยิ้มของผมทั้งหมดก็ ถูกหยุดลงเมื่อมองสำรวจเจทีีเดินข้ามถนนเข้ามาใกล้ผมทุกที ใบหน้าที่เคยสดใสถูกแทนทีีด้วยความทุกข์ขอบตาที่คล้ำดำเหมือนคนไม่ค่อยได้พักผ่อนใบหน้าซูบเซียวผอมจนทุกส่วนดูเล็กลงไปหมด...ใครทำกับเจแบบนี่ได้ลงคอ
เสียงแตรยังคงดังอยู่ตลอดทาง แต่นั้นไม่ได้ทำให้ผมหันไปสนใจสิ่งอื่นนอกจากเจเลย
สายตาเจเหม่อลอยมองมาที่ๆผมยืนอยู่  ผมฝืนยิ้มที่คิดว่ามันน่าจะดูสดใสที่สุด แต่เจก็ไม่ยอมมอง

ตุบ
เจเดินมาชนเข้ากับอกของผมเข้าอย่างจังผมรู้สึกใจหายที่เจไม่ยอมมองหน้าผม แต่ พูดขอโทษและเบี่ยงไปเดินอีกทางแทน คราบน้ำตาที่อยู่บนหน้าเจทำให้ผมรู้สึกแบบเดียวไม่ต่างจากเจ ผมรู้สึกผิดที่ผมไว้ใจ ฝากให้กายมันดูแลเจ แต่มันกลับทำให้เจเสียใจร้องไหได้ยังไง

ผมไม่รู้ตัวว่าเผลอสะอื้นเรียกชื่อเจตั้งแต่เมื่อไหร่
เจที่เอาแต่ก้มหน้าเงยขึ้นมามองผมและปลดปล่อยอารมณ์ความทุกข์ทุกอย่างที่อัดอั้นออกมาจนหมดและสวมกอดผม ผมกอดตอบแน่นโดยที่เจไม่ได้ร้องขอ  ผมได้ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปแล้วครั้งนึงและผมสัญญาว่า ครั้งนี้ผมจะไม่ปล่อยให้เจต้องทุกข์ใจอยู่คนเดียวเป็นอันขาด

'พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะเจ 'ผมกอดเจแน่นโดยไม่ได้นึกถุงว่าเจจะอึดอัดบ้างรึเปล่า แต่ผมไม่สามารถคลายอ้อมกอดนี้ออกได้  เพราะผมกลัว กลัวว่าเจจะหายไปอีก

ผมไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่แต่คนตรงหน้าผมในตอนนี้เริ่มทรงตัวยืนไม่อยู่ จนในที่สุดเจก็ฟุบสลบไปคาอ้อมกอดผม รีบพยุงตัวเจให้ไปนอนพักข้างในห้องผมโดยมีอาม่าคอยพัดและถือยาดมอยู่ไม่ห่าง

ผมแอบลอบมองคนที่หลับอยู่ตรงหน้าพร้อมกับกุมมือไว้อยู่นาน จนอาม่าต้องมาสะกิดผมบอกให้ออกไปคุยกันข้างนอกแล้วปล่อยให้เจนอนพักผ่อนระหว่างนั้นวินก็โทรมาหาผมไม่ขาดสายผมบอกวินไปว่าเจอตัวเจแล้ววินมันดีใจใหญ่เลยผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน หรือเผลอๆอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ

ผมนั่งคุยกับอาม่าว่าจะเอายังไงต่อกับเรื่องของเจดี
อาม่าก็แนะนำบอกให้เจพักอยู่บ้านไปก่อนแต่ไม่ใช่รอจนเจหายดีแต่ให้อยู่ที่นี้ได้ตลอดไปเลย ผมดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นจากปากของอาม่า


เพล้ง!!เสียงของตกแตกดังจากบนห้องชั้นสองของผม ผมกับอาม่ารีบวิ่งกรูขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ภาพตรงหน้าคือเจกำลังนอนขดตัวทุกข์ทรมานอยู่ผมกับอาม่ารีบเดินเข้าไปดูเจใกล้ๆจับมืออยู่ไม่ห่างผมรีบหยิบโทรศัพท์กำลังจะโทรเรียกรถพยาบาล แต่เจก็ปรือตามามองผมเหมือนพยายามจะขอร้องพร้อมกับส่ายหน้า ผมจึงเลือกโทรหาเพื่อนที่เป็นหมอให้มาที่บ้านแทน

ตวรจวัดอาการอยู่นานก็ได้ข้อสรุปมาหลายอย่างมาก
เจเป็นโรคกระเพาะซ้ำยังเป็นไข้แถมซึมเศร้า ไอหมอเพื่อนผมบอกให้ช่วยดูแลเจอย่างใกล้ชิด แต่ต่อให้มันไม่บอกผมก็ทำอยู่แล้ว

............

เจนอนให้น้ำเกลือมาสามวันติดแล้วไอหมอเพื่อนผมก็คอยมาเช็คอาการให้ตลอด โดยมีผมคอยกุมมือเจอยู่ข้างๆ

ช่วงสายๆ

ไอหมอเพื่อนผมกลับไปหลังจากที่ให้น้ำเกลือถุงใหม่เสร็จ ผมเผลอหลับไปด้วยอาการอ่อนเพลียเพราะไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว มันรู้สึกกังวนจนนอนไม่หลับแต่คราวนี้ผมคงฝืนร้างกายตัวเองไม่ไหวแล้วจึงพล้อยหล้บไปในเวลาสั้นๆ

ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีแรงสะกิดจากนิ้วเล็กๆเพียงแค่นิดเดียวก็สามารถทำให้ผมตื่นได้ ผมรีบลืมตาขึ้นมามองเจที่ลืมตาขึ้นมาแล้ว เจกวาดสายตามองรอบห้องคณะที้ผมกำลังนั่งมองหน้าของเจอยู่ด้วยความดีใจ

ท่าทีเจดูแปลกใจที่เห็นบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย เจคงอยากจะตะโกนถามว่าตัวเองมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง แต่เจกลับเงียบ เจมองมาที่ผมที่ยิ้มร่า แต่เจก็ยังเงียบอีกผมรู้สึกแย่มาก แต่ที่แย่ไม่ใช่เพราะเจไม่ยิ้มให้แต่เพราะ ผมไม่เคยเห็นเจซึมแบบนี้ต่างหาก

. .   เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นทำให้ผมต้องลุกชะเง้อออกมาดูที่หน้าต่าง เห็นวินมันถือถุงอะไรไม่รู้มาเต็มไม้เต็มมือกับเพื่อนของมันอีกคนนึง ผมเดินลงไปเปิดประตูก่อนจะเดินพาวินขึ้นมาบนห้อง

ทันทีที่วินเห็นเจมัน แทบจะกระโดดเข้าไปกอดคอร้องไห แต่ผมดึงตัวไว้เพราะเจไม่สบายอยู่ วินก็ไม่ได้ชักสีหน้าอะไรใส่ผมคงจะเข้าใจด้วยละมั้ง ส่วนเพื่อนมันอีกคน ก็ดูสีหน้าร้อนรนแปลกๆถ้าให้ผมเดา  ผมว่า น้องคนนี่ก็คงยืนอยู่จุดๆเดียวกับผมแน่ๆ

เพราะทั้งสายตาและความเป็นห่วงมันออกนอกหน้า จนไม่สามารถเก็บงำได้เลย

วินพาผมเดินลงมาข้างล่างเพื่อพูดคุย เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น ผมก็เล่าเรื่องทุกอย่างเท่าที่ผมรู้และเป็นฝ่่ายถามวินกลับเกี่ยวกับเรื่องของเจบ้าง

จบคำพูดของวินทำเอาผมโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ไอกายมันกล้าทิ้งเจแล้วไปแต่งงานกับคนอื่น ตอนนี้วินเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม
 คือถ้าเจอตัวมันคงไม่ปล่อยให้มันเดินหนีไปเฉยๆแน่

ผมกับวินนั่งคุยกันได้อีกสักพัก ก็ต้องเก็บอารมณ์โกรธกันเอาไว้ก่อนจะเดินขึ้นมา บนห้องอีกครั้ง

เจฟื้นแล้ว ผมน่าจะดีใจที่เห็นเตฟื้น แต่ เจกลับไปยอมรับรู้อะไรเลย เพื่อนอีกคนที่ถือชัอนป้อนโจ๊ก ก็คงไม่ต่างกัน เจไม่พูดไม่คุย กับใครเลยและนั้นก็ยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบแย่ขึ้นไปอีก วินบอกให้ผมกับอะตอม(ผมมารู้ชื่อน้องเขาตอนลงมา). ลงไปข้างล่างเพราะเดี๋ยวที่เหลือวินมันจะจัดการเอง ผมเลยต้องจำใจลงมาพร้อมกับอะตอมที่หน้าซึมๆไม่แพ้กัน

ผมกับน้องเราไม่ได้คุยอะไรกันอาจจะเป็นเพราะไม่เคยรู้จักกันเลยไม่รู้ว้าต้องเริ่มพูดยังไงดี...

ผ่านไปพักใหญ่วินเดินลงมาจากชั้นสอง (ผมหวังลึกๆว่าเจอาจจะเดินตามลงมาด้วย). แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมีเพียงวินที่เดินลงมาเพียงคนเดียว ผมเดินย้ำเท้าไปข้างหน้าวิน วินมองหน้าผม พร้อมกับแสดงอาการ ซึมๆที่พร้อมร้องออกมาได้ทุกเมื่อผมตบบ่าวินให้มันสบายใจ ไม่นานนักวินก็ขอตัวกลับและบอกว่าตั้งแต่พรุ่งนี้จะขอย้ายมาอยู่ที่บ้านผมสักพัก ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร จนวินมันกลับไป

ผมขึ้นมาบนห้องเพื่อดูอาการเจอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายหลับไปแล้ว แม้ภายนอกตอนนี้เจจะไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ว่าภายในคงจะบอบช้ำน่าดู คงต้องใช้เวลารักษากันอีกยาว

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์กว่าๆ เจหายดีจนเดินเป็นปกติโดยที่ผมไม่ต้องช่วยพยุงแล้ว เจทานข้าวมากขึ้น กินยาตามที่ผมบอกไว้อย่างเคร่งครัด แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย  เพราะเจไม่ยอมพูด กับใครอีกเหมือนเคย

วันนี้วินออกไปทำธุระข้างนอกผมเลยอยู่กับเจที่ร้านแค่สองคน ลูกค้าที่เข้ามาในร้านไม่หยุดหย่อนทำให้ผมเริ่มหงุดหงิดเพราะต้องเอาเวลาไปช่วยเสริฟ อยู่บ่อยครั้ง ผมไม่อยากปล่อยให้เจคลาดสายตา แต่แล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

คนตัวเล็กเดินมาสะกิดที่ไหล่ผมแม้ใบหน้าจะไม่ได้ยิ้มแย้มอะไร แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกดีจนเผลอยิ้มออกมา และสิ่งที่ผมรอคอยมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ ก็เกิดขึ้นซักที

'ผมช่วยนะ' แม้เป็นประโยคสั้นๆจากปากของเจแต่นั้นกลับทำให้ผมแทบจะปาของในมือทุกอย่างออกแล้วดึงเจเข้ามากอดแต้รู้ดีว่ายังทำไม่ได้...

เจยื่นมือมาข้างหน้าขอถาดที่มีชามก๋วยเตี๋ยวอยู่สามชาม

'เดี๋ยวผมไปเสริฟให้ ' ผมคงมัวแต่อึ้งปนงงกว่าจะรู้ตัวอีกทีเจก็เดินไปเสริฟเสร็จจนเดินไปช่วยตรงอื่นแล้ว ผมยิ้มตามทุกการกระทำของเจ เหมือนคนบ้า แล้วก็นึกอิจฉาลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน. เพราะทุกคนจะได้รับ ร้อยยิ้มของเจ เป็นของสมนาคุณกันทุกคน

เวลาบ่ายแก่ๆ ลูกค้าเริ่มบางตา ผมกับเจเรานั่งกันอยู่กลางร้านผมสั่ง ชาเย็นร้านป้าข้างๆมาให้เจๆก็ก้มดูดทีสองทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมที่มองเจอยู่ก่อนหน้านั้นนานมากแล้ว

'หน้าผมมีอะไรติดหรอ ' เสียงถามแบบไร้อารมณ์ของเจทำให้ผมเกือบหลุดขำ มันดูตลกๆแปลกๆจนผมแทบอดกลั้นขำไม่ได้ วะฮ่่าๆ ว่าแล้วก็แอบขำในใจซะเลย

'ทำหน้ามุ้ยเชียว เหนื่อยรึไงเรา ไปพักได้แล้วไปทำมาทั้งวันแล้วนิ่  ' ผมถามเจ้าตัวด้วยรอยยิ้มพิฆาต ที่สาวๆกลายๆคนเคยบอก ว่าผมมีรอยยิ้มเป็นอาวุธ แต่ก็ต้อง สตั้นรับประทานเมื่อ เด็กบื้อ คนนี้ ดันไม่รู้สึกอะไรเลยสักกะติ๊ดเดียว ฮึ่ย'

'ผมยังไม่เคยเห็นพี่พักเลยแล้วผมจะ ทำ แบบนั้นได้ยังไงละ' จบคำพูดของเจ ทำให้ผมรู้สึกอุ่นๆที่หน้าอก แปลกๆเจ..ถามแบบนี้เพราะเป็นห่วงผมหรอ

'เป็นห่วงพี่รึไง?'น้ำเสียงผมตะกุกตะกักแปลกๆตอนถามเจแต่คำตอบที่ผมได้มาทำเอาผมยิ้มร่า

'เป็นห่วงสิ พี่เอาแต่ดูแลผมทั้งวันทั้งคืนไม่ยอมหลับยอมนอนชอบเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเลยอยู่เรื่อยเลยนะพี่อะ'ผมไม่รู่ว่าตัวเองยืนยิ้มจนเห็นฟันครับ32ตั้งแต่ตอนไหนรู่สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขาเอานิ้วมาจิ้มๆผมแล้วที่แก้ม

'พี่ริวเป็นอะไรรึเปล่าครับโกรธผมหรอ'โกรธ?ผมจะโกรธเจทำไมละ?

'พี่เนี้ยนะ?' ผมถามเสียงหลง

'ก็ใช่นะสิ ผมเห็นพี่เงียบไปหลังจากที่ผมบ่นพี่เมื่อกี้อ่ะ นึกว่าพี่จะโกรธ'เจทำหน้าซึมหนักกว่าเก่า ผมรีบพูดแย้งขึ้นมาทันที

'อย่าคิดมากสิพี่แค่อึ้งๆเฉยๆคนป่วยอะไรเนี้ยขนาดบ่นยังน่ารักเลย : )  ' เจแอบขมวดคิ้วตอนนี้ที่ผมเอานิ้วไปหยิกทีีแก้มของเจ. จะว่าไปนี้คงเป็นครั้งแรกทีีผมกล้าพูดและกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ในหัว และถ้าหากผมมีความกล้ามากกว่านี้ละก็ ผมก็คง... ไม่เอาดอเฮ้ย ไม่ดราม่า ปลอบน้องก่อน


'พี่ริว!!' เสียงเจเรียกผมให้ตื่นจากภวัง หลังจากที่เพ้อละเมอคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

'ครับ!'ผมเองก็ตกใจอยู่เหมือนกัน

'เหม่ออีกแล้วนะ โกรธผมรึเปล่าเนี้ย' เจทำหน้าบึ้งๆใส่ผมตอนถาม

'เปล่าๆครับพี่ไม่ได้โกรธ'ว่าแต่ผมจะทำอะไรต่อนะลืมไปเลย ชิบ มัวแต่ยืนงงมาตั้งนานแล้วเลยลืมเลยว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรต่อ...

'พี่ริวลูกค้ามา'เจสะกิดผมที่เผลอเหม่อคิดอะไรอยู่คนเดียว

'อ๋อๆงั้นเดี้ยวพี่มานะ'ผมบอกเจก่อนที่จะลุกออกมาจากโต๊ะแต่ทันทีที่ผมเดินมาได้แค่สองสามก้่าวเสียงเรียกของเจก็ดังขึ้นทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง

'สู้ๆนะพี่'แม้เสียงเจจะเบา มากขนาดไหนแต่ผมก็สามารถได้ยินและรู้สึกดีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากของเจ และในตอนนี้ผมก็เริ่มมีความกล้าที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมานานแล้ว ต่อจากนี้ ผมจะขอดูแลเจเอง ....ไม่สิ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป....

ผมจะจีบเจ ...

TBC. . . .

ออฟไลน์ thitema3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Falling in love หลุมพลางหัวใจของนายหน้านิ่ง

(Special part)

เพื่อใครสักคน


วันนี้เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ อากาศเริ่มจะหนาวแต่ท้องฟ้ากับสดใสผมกับไอหมากายเราสองคนนอนขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มบวกกับอากาศที่เริ่มหนาวเหน็บเพราะแม้งดันเปิดแอร์ยังกับอยู่ขั้วโลกเหนือ..

"กายยยย"เสียงผมสั่นอย่างอดไม่ได้

"ห้ะ"แต่ไอหมานี้กับดูเสียงสดใสต่างกับผมลิบลับ

"ไปปิดแอร์ดิ้กูหนาว"ผมร้องบอกมันพร้อมกับมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม

"แต่กูร้อนอะทนหน่อยนะ ถ้าหนาวก็ขยับเข้ามากอด " มันพูดพร้อมกับแอ่นตัวรอผมแถมยังเสือกทำหน้าคิดเหมือนมันเป็นเรื่องเล่นๆ

"ถ้ากูหนาวตายนะกูจะมาหักคอมึงคนแรกเลยคอยดู"ผมพูดแต่ตัวเสือกดันขับเข้าไปให้มันกอด ห่าเอ้ยทำไมผมใจง่ายแบบนี้วะ

"รู้แล้ว"อยู่ๆมันก็โพล่งถามขึ้น

"รู้ไรวะ"

"วิธีทำให้อุ่นไง"

"วิธี?" ผมดันหน้าออกจากอกเพื่อมามองหน้ามัน สาบานถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่ทำอย่างนั้น ..ก็แม้งดูมันส่งสายตาหื่นกามมาที่ผมสิ และก็เป็นไปอย่างที่คิดครับไม่ทันที่ผมจะได้ตอบตกลงอะไรมันก็พุ่งจัวขึ้นมาคล่อมผมไว้ทั้งตัวก่อนจะเริ่มนัวเนียตั้งแต่หน้าผากขมับแก้มลามลงมาเรื่อยๆจนในที่สุดทุกสิ่งที่อย่างก็จบลงในเวลาไม่นาน


"เจ"หลักจากที่ผมเพลียๆกำลังจะเผลอหล้บกายมันก็ถามขึ้น


"อือ"ผมตอบโดยที่หน้ายังคงฟุบอยู่ที่อกของมัน

"กูว่ากูอยากทำธุระกิจวะ "ผมดันหน้าออกจากอกก่อนจะเงยมองมันให้ชัด

"มึงว่าไงนะ"

"กูอยากทำธุระกิจ"มันตอบหน้านิ่ง

"แต่มึงเรียนวิศวะนะ"

"ก็ทำควบคู่กันไปก็ได้นิ่ อีกอย่างนะทำธุระช่องทางการตลาดมันกว้างกว่าวิศวะเยอะ"

"แต่บ้านมึงรวยอยู่แล้วนิ่". นี้คือความจริงที่ผมยังตั้งข้อสงสัย

"นั้นเงินพ่อกับแม่กูเกี่ยวที่ไหนละ"

"แต่เขาก็พ่อแม่มึง ไม่มีก็ขอเขาสิ"ขนาดผมยังขอตังพ่อใช้อยู่ เลย กร้าก


"จะขอไปทั้งชีวิตเลยหรอวะ "คำตอบกายทำให้ผมหยุดคำและมองมันด้วยสายตาที่จริงจัง


"เอาจริงดิ"

"อืม"

"แล้วอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร"

"ระบบซอรฟ์แวร์ เครือข่าย อะไหล่คอมพิวเตอร์"

"นี้มึงเอาจริงดิ"

"กูเคยพูดเล่นหรอ ขนาดเมื่อกี้กูยังเอาจริงเลย"ไอสัดมัยคนละเอาแล้วบักหำ

"ความรู้มึงมีหรอ " เพราะถ้าเกิดให้มันไปเรียนใหม่คงปูพื้นฐานอีกยาว

"แฟนมึงเป็นใครมึงลืมแล้วหรอ"

"เป็นหมา ชอบกัด ชอบเลีย ชอบซุก ชอบดม กูชินละ"คำพูดของผมทำเอามันหลุดคำไปหลายนาที ก่อนที่มันจะดึงหน้าผมเข้าไปจุ้บที่หน้าผาก น้านไง ผมพูดผิดที่ไหนกันละ

"กูเกียรตินิยมเชียวนะมึงลืมแล้วหรอ.."เออผมก็ลืมคิดเรื่องนี้ไปซะชิบ

"แล้วจะเริ่มเรียนเมื่อไหร่อะ"

"เริ่มมาสักพักแล้วแต่พึ่งมีโอกาสได้บอกมึง "

"แล้วพ่อแม่ละรู้เรื่องยัง"

"ยังอะกูมาบอกมึงก่อน "

"ไอลูกทรพีแทนที่มึงจะบอกพ่อแม่มึงก่อน "อดด่ามันไม่ได้จริงๆ

"เพราะกูแคร์มึงไง อีกอย่างมึงเป็นเมีย ถ้ากูแคร์คนอื่นมากกว่าเมียตังเองเดี้ยวมันก็น้อยใจแย่สิวะ"เออเว้ยแม้งพูดมีเหตุผล เอารางวัลไปหนึ่งที  จุ้บ

. . . .

เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ผมกลับมาอยู่ร้านช่วยพี่อินขายของ เกือบทั้งวันที่ผมนั่งรอ ข้อความในไลน์ขึ้นแจ้งเตือนรอแล้วรอเล่ามันก็ยังไม่ทักมา เอ๊ะหรือ มันเป็นอะไรไปนะ ว่าแล้วก็ทักไปแม่งเลย


JJ:Naja.: ฮัลโหลว วอสองๆ   

รอเกือบนาทีกว่ามันจะตอบผมมา

Guy.smile : ว่าไง

คือมึงจะตอบคนที่เป็นห่วงมึงแค่นี้จริงๆหรอวะ

JJ:Naja.: ทำไรอยู่คิดถึง.

Guy.Smile: อ่านหนังสืออยู่. พึ่งจบไปสามบทเอง

JJ:Naja: เมียมึงเป็นหนังสือรึไง ไอสัด อ่านอยู่ได้แล้วกูละ

ลึกๆในใจผมแอบเก็บไปคิดเล็กคิดน้อยเรื่องที่มันให้ความสนใจเกี่ยวกับหนังสือมากกว่าผมนะ

Guy.Smile: ขอเวลาอีกนิดนะใกล้จบแล้ว อีกไม่กี่บทเอง รอหน่อย

คือกูรอจนเหงือกแห้งละไงสัด ไม่ทักกูมาซักที ผมโคตรน้อยใจเลยจงใจเงียบใส่มัน

Guy.smile.: โกรธหรอ

เออ โกรธไอสัด ยังกล้าถามอีกเนอะ เซ้นต์มึงต่ำรึไงไอควาย แต่สิ่งที่ทำได้จริงๆก็มีเพียง

JJ:Naja:  ป่าวหรอก อ่านต่อเถอะ กูช่วยงานพี่อินต่อละ

ผมหวังอย่างให้มันคิดทักท้วงอะไรสักนิดแต่มันดันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จะมีก็แต่

Guy.Smile:  (สติ๊กเกอร์ หมีน้อย พร้อมกับแคปชั่นว่าสู้ๆ)

สู้พ่อง ไอสัดกูงอล


แม้จะเก็บมาคิด แต่ลึกๆในใจผมก็แอบเข้าใจมันนะ กายมันโตเป็นผู้ใหญ่กว่าผมเยอะ จนบางครั้งผมรู้สึกว่าตัวเองดูเด็ก ลงไปเลยตอนอยู่ด้วยกันกับมัน


หลายสัปดาห์ผ่านไปเรายังคุยกันน้อยลง แต่ก็อาจจะมีบางครั้งที่ มันเป็นฝ่ายชวนผมออกไปทานข้าวบ้าง รวมถึงวันนี้ด้วย

ณ ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง

พนังงานสาวคนนึงน่าตาน่ารักเธอเดินเข้ามารับออเดอร์ที่โต๊ะผม เธอส่งเมนูให้พร้อมกับ ยืนรอรับออเดอร์

พรึ่บ พอเปิดออกมาลูกกะตาผมแทบถนนออกมาเต้นแซมบ้า ไอเหี้ย อาหารอะไรจานละสามสี่พัน

"เอา...&:฿4:/(-;&:  ครับ แล้วก็ ;&;฿):)฿:& อีกที่นึง มึงเอาอะไรอะ " เอ่อเมื่อกี้หูผมไม่ดีรึมันพูดภาษาต่างด้าวกันวะ พูดไรวะฟังไม่รู้เรื่องแต่น้องพนักงานดันเสือกรู้วะเออ กูงง


"มึง น้องเขารอ "กายุามยย้ำผมที่เอาแต่เหม่อ

"ห้ะ เออๆแปปนะ"ผมสะดุ้งนิดๆเพราะกับลังพินิจเกี่ยวกับราคาอาหารจนเผลอเหมอลอยไปหน่อย ผมกวาดสายตามองตั้งแต่บนยันล่างจนสุดเมนูถึงเจอ

"เอาอันนี้ครับ "ผมชี้ให้น้องเขาดูน้องเขาพนักหน้าก่อนจะมองผมต่อ

"น้องเขารอไรวะ"ผมแอบกระซิบถามกายที่กำลังนั่งยิ้มอยู่...

"รอมึงสั่งไง"

"บ้ากูสั่งไปแล้ว "

"งั้นเอาเท่านี้แหละครับ" น้องพนักงานพยักหน้าก่อนจะเดินจากไป


ไม่นานนักอาหารก็ถูกวางอยู่ตรงหน้าผมเป็นที่เรียบร้อย..แล้ว แต่เอ ผมตงิดอะไรในใจนิดหน่อยฺ ร้านนี้เขามีน้ำซุปเป็นออเดิปด้วยหรอ

"มึง "ผมถามกายตอนที่มันกำลัฃจิ้มไอเนื้อดำๆเข้าปาก

"อืม มีไรอะจะสั่งเพิ่มหรอ"

"ป่าว กูแค่จะถามว่า ร้านนี้มีบริการน้ำซุบด้วยเหรอวะ "

"ซุปอะไรของมึง"กายขมวดคิ้วถามผม

"ก็นี้ไง"ผมชี้ไอที่อยู่ในจานให้มันดู

"มึงสั่งอะไรไปละ"กายถามผมกลับ

"ไม่รู้อะอยู่แถวล่างๆ"

"ก็ถูกละนิ่ แถวนั้นมีแต่ซุป "หา !!!!!  ผมร้องก้องในใจ ซุป ถ้วยละเกือบสี่ร้อยไอเหี้ย นี้กูทำอะไรอยู่..ถ้าคืนเขาตอนนี้จะทันมั้ยวะ

ผ่านไปสักพัก


"เจ เป็นอะไรรึเปล่า". จะบอกว่าชอคราคาอาหารก็กะไรอยู่

"ป่าวๆไม่มีอะไร"

"แต่หน้ามึงมันบอกว่ามี "เออเดาทางผมถูกแหะ. แต่เพื่อความสบายใจของมันผมจึงพูดอีกอย่างออกไป

"ก่อนจะมากูกินข้าวที่บ้านมาแล้วอะเลยอิ่มๆ "บอกไปทั้งที่เสียงท้องกำลังร้องคำรามเหมือนสิงโตนาเนียร์

"อิ่มแล้วงั้นคิดตังเลยละกัน"กายยกมือเรียกน้องพนักงานคนเดิมมาเก็บเงิน ส่วนผมนะเหรอๆเห้อๆ นั่งกุมท้องเก็บเสียงอยู่เนี้ย


"ทั้งหมดเจ็ดพันสี่ร้อยห้าสิบบาทค่ะ"พนักงานตอบหน้ายิ่งแต่กูนี้สิช็อคสตั้นไปแล้วแต่ความเหี้ยไม่ได้หยุดอยู่ที่ตรงนั้นสิครับ มันอยู่ตรงนี้ต่างหาก

"เจ กูลืมหยิบเป๋าตังมาอะ จ่ายให้ก่อนได้มั้ย "ผมอึ้งหนักมากไม่คิดว่ามันจะให้ผมจ่าย แต่ก็ยอมส่งบัตร ให้น้องเขาไปคิดเงิน

ข้อความแจ้งเตือนยอดเงินในบัญชีผมเหลือราวๆสี่พักกว่าบาท  หึหึ น้ำตากูแทบไหลมึงรู้บ้างมั้ย...


พอกลับมาที่ร้านกายมันก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องยืมตังผมเองก็ไม่อยากพูดถึง มากเท่าไหร่ เดี้ยวมันจะดูเป็น การงี้เง่าไป. แปลกแต่จริงถ้าเป็นไอวินผมคงจะพูดไปแล้วแต่พอเป็นกาย ความกล้าจะทวงมันไม่มีเลย ผมเลยจำใจนั่งเงียบกอดกระเป๋าตัวเองพร้อมกับเงินเจ็ดพันกว่าๆ ที่ลอยลับหายไป ฮือๆๆ

และในคืนนั้นเอง ผมก็ได้รับข่าวเซอร์ไพรท์อะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ


"เจ กูมีเรื่องจะบอก..."

"อือว่ามา "คงไม่มีอะไรเศร้าเท่ากับเงินเจ็ดพันกุแล้วละ

"บอกพี่วินว่ากูจะไปอยู่ด้วยสักพักนะ"

"มีไรวะ ทะเลาะกับคนที่บ้านหรอ"

"ก็นิดหน่อย แต่เดี๋ยวคงเคลียได้"

"เออๆเดี๋ยวบอกให้"

"แต่เจ..."มันเว้นวรรคไปแปปนึงก่อนจะพูดต่อ

"ช่วงนี้กูไม่ค่อยมีตังอะ ขอใช้ด้วยกันกับมึงนะ" นี้แหละครับเซอไพรท์ของจริง เรื่องดีมั้ยละ ในบัญชีมีสี่พันกับในออมสินอีกพันกว่าบาทแค่คิดน้ำตาก็จะไหลแล้ว
และด้วยความป๋าของผมเองจึงตอบอืมๆไป

วันถัดมากายย้ายมาอยู่บ้านผมพร้อมกับพร็อบเสริมของมันทั้งหลายแหล่ กระเป๋าเสื้อผ้าแต่จะหนักไปทางหนังสือ..ผมช่วยมันจัดของบนห้องเสร็จก็ขอตัวออกมาช่วยงานอีกสักพัก กายมันก็ลงตามมาพร้อมกับแบมือขอตังผมน่าโคตรนิ่ง

"เอาไปทำอะไร"กายมันทำท่าคิดๆ

"หนังสืออะแล้วก็สมุดแลคเช่อร์" เออฟังดูมีเหตุผลอยู่

"เอาเท่าไหร่ละ"

"สามพัน "

"ห้ะ"...สส สามพัน เกือบหมดบัญชีกูเลยนะนั้น

"ตกใจอะไรแค่สามพันเอง"แค่สำหรับมึงแต่อื้อหือสำหรับกู


"ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปยืมไอวินก็ได้ มันพูดพร้อมกันหันหลังกลับ ผมเลยรีบคว้ามือมันเอาไว้


"มีๆเดี๋ยวไปกดมาให้"กายมันยิ้มร่าออกมา ก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอด.

"สัญญาเลยได้บัตรคืนเมื่อไหร่จะรีบเอามาคืนเลย"

"ห่าคิดมากมีเมื่อไหร่ค่อยเอามาให้ก็ได้"ปากกับใจผมที่ตอแหลได้อีก

หลังจากนั้นอีกหลายๆวัน กายมันก็ยังคงวุ่นกับการอ่านหนังสือ จนบางทีมันอาจลืม ว่ายังมีผมยืนอยู่ตรงนี้ หลายครั้งที่แอบน้อยใจ แต่ก็ต้องแกล้งว่าทุกอย่างโอเค อยู่ มันเหนื่อยจริงๆนะไอกายที่เราต้องทำข้ามกับสิ่งที่ใจเราคิดเนี้ย แต่พอมานึกๆดูความสุขของผมก็คือการได้เห็นรอยยิ้มของกาย นั้นคือสิ่งที่ผมหวงแหละห่วงที่สุดแล้ว เพราะต่อให้ผมมีเงินมากมายมหาสารผก็ไม่อาจซื้อความสุขแบบนี้ได้เลย


นานวันเข้าใกล้จะเปิดเทอม. กายมันยังคงยืมเงินผมต่อเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร พยายามทำงานเก็บเงินเท่าที่ตัวเองจะหาได้ แต่พอมาคิดๆดู เหมือนผมมีลูกชายเลยวะ ผมเป็นซิงเกิ้ลมัมหรือเปล่าวะ คิดแล้วก็นึกขำ แต่ก็ขำได้ไม้นานเพราะผู้จัดการเดินมานู้นแล้ว

อ่อผมอาจจะลืมบอก ตอนนี้ผมได้งานเป็นเด็กเสริฟ อยู่แถวทองหล่อ จะบอกว่าเงินดีมาก แถมติ้บนี้ไดิที่เกือบสี่ห้าร้อยแต่ก็นะ เงินดีก็ต้องแลกมาด้วยงานที่หนักขึ้นสองเท่า. ผมกัดฟันทนทำงานไปเรื่อยๆ เพือให้กาย มันมีเงินใช้ เพราะผมไม่รู้ว่ากายจะคืนดีกับที่บ้านเมื่อไหร่แต่ถึงมันจะไม่คืนดี ผมก็พร้อมที่จะทำแบบนี้ต่อไป



"เจ!" เสียงพี่อ้ายพี่ในที่ทำงานผมร้องขึ้นในตอนที่ผมถูกลังอะไรสักอย่างหล่นใส่หัว

"เป็นอะไรรึเปล่า"พี่อ้ายถามผมด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง

"สบายมากพี่"ตอบแบบนั้นทั้งๆที่ยังรู้สึกปวดๆที่ต้นคอ

"ทำอะไรระวังหน่อยละกันพี่ไปดูลูกค้าก่อนนะ"ผมพยักหน้าเป็นเชิงตอบก่อนที่พี่อ้ายจะเดินออกจากห้องไป


หลังเลิก งานผมรู้สึกเหมือนร่างตัวเองจะพังให้ได้ ระหว่างนั้นกายเองก็ส่งข้อความในไลน์ถามผมซึ่งผมก็ตอบทุกครั้งว่าอยู่กับไอวิน  ใช่ ผมโกหกจนติดเป็นนิสัยไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ผมบอกว่าอยู่กับไอวิน กายมันก็จะสบายใจและไม่ถามอะไรต่อ นั่นแหละถึงทำให้ผมต้องบอกกับมันแบบนี้ทุกครั้ง ทึ่มันถาม

"จะกลับเมื่อไหร่ ไอเชี้ยวินรั้งตัวอีกแล้วใช่มั้ย กูจะโทรไปด่ามัน "ผมรีบปรามมันทันที ขืนมันโทรไปหาไอวินก็รู้หมดสิว่าผมโกหก

"เห้ยๆไม่ต้องจะกลับแล้ว เนี้ยไม่เกินครึ่งชั่วโมงหรอก .."

"ช่วงนี้กลับดึกทุกวันเลยนะ ขลุกตัวอยู่แต่กับไอวินอะ กูเหงาเป็นนะ เจ"คำพูดที่เหมือนตัดพ้อของมันทำเอาผมรู้สึกผิด

"เอางึ้ เดี๋ยวกลับไปกูจะทำให้มึงอามรมณ์ดีเลย"บอกไปทั้งๆที่ร่างกายแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ


"ให้มันจริง เถอะเจ ถึงเวลาทีไรคลุมโปรงหนีกูตลอด "เป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ ที่บางครั้งกายมันอยากแต่ไม่ได้อยากด้วยเลย อาจเป็นเพราะร่างกายที่แทบทั้งตัวผมของผมมีแผ่นบรรเทาปวดเต็มไปหมดด้วยแหละมั้งผมถึงพยายามเลี่ยงมาโดยตลอด


"เออเดี๋ยวไปเดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า"

"งั้นกูไปรับเองดีกว่า กูเป็นห่วง"คำตอบของมันเล่นเอาซะผมลนลานทำตัวไม่ถูก

"เฮ้ย ไม่ต้อง เดี๋ยวกูกลับเองได้"

"กลับยังไงใครมาส่ง "

"พี่วินไง"

"ไม่เอาอะเดี๋ยวกูไปรับเองรออยู่นั้นแหละ"กายมันยังคนดึงดันจะมารับผมให้ได้

"บอกว่าไม่ต้องไงกายกูกลับเองได้ "จบคำพูดของผมมันโทรมาเลยครับสงสัยขี้เกียดพิมพ์

"เออ บอกให้นอนรออยู่บ้านไง"

"กูจะไปรับ.."

"ต้องทำไงมึงถึงจะสบายใจเนี้ย"ผมถามเหนื่อยๆ

"ให้กูไปรับสิ มีของจะให้ไอวินด้วย"ไปๆมาๆไอวินดันมีเอี้ยวเข้ามาด้วยซวยแล้วแถไงดีกู

"อะๆงั้นเดี๋ยวกูให้ไอวินไปส่งโอเคมั้ย มึงจะได้ไม่ต้องลำบากด้วย"กายเงียบไปสักพักก่อนจะตอบผมกลับมา

"เออ เอางั้นก็ได้"เฮ้อโล่งอกไปที

"โอเคไว้เจอกัน" หลังจากที่ผมวางสายก็รีบติดต่อไอวินให้มารับอยู่ที่จุดนัดพบ และไม่นานเท่าไหร่ไอวินมันก็โผล่มา


"ไอเจ มึงไปโดนใครซ้อมมาเนี้ย"ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถมันก็เอาแต่หันมามองดูผม

"ซ้อมห่าไรละกูทำงาน"

"งานห่าอะไรของมึงถึงสะบักสะบอมขนาดนี้ แล้วมือนี้ไปโดนอะไรมา แขนนั้นอีก ตรงคอ ท้ายทอยนั้นอีก นี้สรุปมึงไปทำงานหรือมึงไปออกรบมาเนี้ยห้ะไอเจ!"วินขมวดคิ้วถามผมเสียงดัง

"บอกกูมา สรุปมึงไปทำอะไรมาแน่ ขอดีๆนะตอบไม่ดีกูตบตอบไม่ตรงคำถามกูก็จะตบ "

"เว่อละมึงอะ"

"จะตอบไม่ตอบถ้าไม่ตอบโดดลงรถไป"ไอเหี้ยแม้งคนจริงวะ

"กูมีเด็ก"

"เด็ก?"มันทำหน้าเหมือนจะถามว่า เด็กอะไรของมึง?

"กูเลี้ยงเด็กอยู่คนนึงต้องหาเงินเปย์"เด็กชายคนนั้นชื่อทินกร ^.^

"ควายไอกายอีกละสิ แล้วมันรู้มั้ยเนี้ยว่ามึงแอบมาทำอะไรแบบนี้อะ"

"มึงคิดว่าถ้ามันรู้ มันจะให้กูออกมาปะละ"

"คงไม่"

"ก็เออไง"

"แล้วมึงจะหาเงินไปให้มันทำไมวะบ้านมันก็ออกจะรวย"

"มันทะเลาะกับทางบ้าน พ่อแม่มันเลยยึดเงินมันไปหมดกูถึงต้องดิ้นรนหาเงินให้มันใช่นี้ไง"


"เว่อร์ชิบ เหนื่อยตัวเองเปล่าๆ"คำพูดไอวินทำเอาผมรู้สึกฉุนนิดๆ


" มึงจะลืมคำว่า เหนื่อยไปเลย ถ้ามึง ได้ทำเพื่อใครสักคน.."


"โหคนจริง2018"

"แต่กูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทีกับกูมึงยังไม่เห็นเป็นงี้เลย. ทำไมถึงเป็นแต่กับไอกายวะ"ผมนึกยิ้มๆในใจก่อนจะพูดตอบ


" เพราะกู รักมันไง เหตุผลแค่นี้พอรึป่าววะ ..."



End ..Special part. 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2017 11:36:26 โดย thitema3 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด