ตอนที่ 20 อาบน้ำนับตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลนี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว รู้สึกว่าชีวิตวนไปวนมาเวียนเป็นวัฎจักร ตื่นเช้ามาอาบน้ำแปรงฟัน กินข้าว เล่นกับเตอร์ เผลอแป๊บเดียวฟ้าก็มืดได้เวลาอาบน้ำอีกรอบ แล้วก็นอน
ก่อนนอนจะทะเลาะกับเตอร์ทุกวัน ก็เตอร์ชอบไล่ผมให้กลับไปนอนห้องตัวเอง แต่คนไม่ไปซะอย่าง อยากไล่ก็ไล่ไป ไม่สนหรอก
เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ซ้ำๆ แต่ที่บ่นไม่ใช่ว่าผมไม่มีความสุขนะ มีความสุขสุดๆเลย ถึงจะเบื่อไปบ้าง แต่ก็อยากให้เป็นอย่างนี้ทุกวัน ก่อนนอนเจอเตอร์ ตื่นเช้ามาก็เจอเตอร์เจอเป็ด ได้กินอาหารฝีมือพ่อกับแม่
พ่อผมก็ทำอาหารเก่งไม่แพ้แม่นะ อร่อยมากๆ เมื่อวานได้เข้าไปเล่นในสวนกับพ่อด้วย
วันนี้ผมก็ตามพ่อเข้าสวนอีก ไปตั้งแต่เช้าโดยไม่ลืมลากเตอร์กับแม่มาด้วย
ผมหยิบแซนวิสในกล่องที่แม่เตรียมมากัดกร้วม นั่งมองแม่กับพ่อกับเตอร์คุยกัน
ทั้งสามคุยกันแต่เรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ที ปากก็แทะขนมปังไปด้วย เมื่อไม่มีใครสนใจ ผมจึงแยกตัวออกมาแล้วตรงไปที่ชิงช้าที่พ่อทำให้
เล่นคนเดียวก็ได้
ทว่ายังเดินไม่ถึงดี สายตาก็สะดุดเข้ากับก้อนกลมๆที่นอนแผ่บนพื้นหญ้าเสียก่อน
รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปาก ผมรีบรุดหน้าไปหามันแล้วนั่งยองๆมองใกล้ๆ
มันเป็นหมาสีขาว หูสีน้ำตาล พุงพลุ้ยๆ
มันพลิกตัวนอนหมอบจ้องหน้าผมกลับพลางสะบัดหางไปมา ผมยื่นมือไปแตะหัวเล็กๆ มันก็แหงนหน้ามองตามแล้วกลิ้งตัวนอนหงายใช้ขาหน้าตะปบมือผม
ผมหัวเราะเบาๆรู้สึกจั๊กจี้มือข้างที่ถูกเลีย เสียงฝีเท้าหนักๆที่เดินมาข้างหลังทำให้ผมหันไปมอง
“นี่หมาใคร เลี้ยงได้มั้ย? มันน่ารัก”
เตอร์นั่งลงข้างๆผมแล้วยื่นมือไปลูบพุงพลุ้ยๆของหมาอ้วนกลม
“ลูกหมูปิ้ง”
คำตอบนั้นทำให้ผมหันไปมองหน้าเตอร์อย่างสงสัย
“ทำไมโตเร็ว”
ก็หมูปิ้งเพิ่งคลอดลูกวันก่อนๆๆเอง ทำไมวันนี้โตแล้ว หรือว่าเดี๋ยวนี้หมามีพัฒนาการก้าวกระโดด?
“เมื่อไหร่เราจะเข้าใจอะไรสักทีหืม” มือหนาอีกข้างที่ไม่ได้จับหมายกขึ้นดีดหน้าผากผมดังเปรี้ยะ!
ผมยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ กำลังจะเอาคืน แต่ก็ต้องชะงักกับคำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยที่คนตัวโตยิงมาเสียก่อน
“ตอนนี้พี่อายุเท่าไหร่?”
ผมใช้เวลานึกแป๊บนึงก่อนจะตอบ
“12 ..ใช่มั้ย”
เตอร์ยิ้มก่อนจะส่ายหน้า
“ตอนนี้พี่ 21 ครับ”
ผมเบ้ปากคิ้วขมวดชนกัน ทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิบนพื้นหญ้าอย่างไม่กลัวเลอะ มือก็ลูบหัวหมาที่หลับตาพริ้ม ท่าทางจะเคลิ้ม
“ส่วนต้าก็ 18”
“9 ขวบ ไม่ใช่ 18”
เตอร์ถอนหายใจทันทีที่ผมเถียงกลับ ใบหน้าคมคายดูกระอักกระอ่วน ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง
“ความจริงแล้วต้าอายุ 18 อยู่ม.6 ...ไม่ใช่ 9 ขวบอย่างที่คิด ต้ากำลังไม่สบาย” เตอร์หยุดพูดเพียงครู่ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดต่อ “...พี่ขอโทษที่ทำให้ต้าเป็นอย่างนี้ ...แต่อีกไม่นาน เดี๋ยวน้องของพี่ก็หาย”
ท้ายประโยคเสียงทุ้มแผ่วเบา เตอร์หลุบตาต่ำไม่สบตาผม
ไม่ชอบเลยที่เตอร์เป็นแบบนี้
ผมยื่นสองมือประคองแก้มกร้านแล้วจับให้หันมามองหน้า
“ขอโทษทำไม เตอร์ไม่ได้ทำอะไรต้าสักหน่อย อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ”
เมื่อผมพูดจบ สีหน้าเตอร์กลับดูแย่ยิ่งกว่าเดิม
ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?
“โอ๋ๆ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ก็เตอร์บอกเองว่าไม่นานเดี๋ยวก็หาย ต้าจะยอมให้หมอน่ารักฉีดยาก็ได้ จะได้หายเร็วๆ” ผมเบ้หน้า แค่คิดว่าจะถูกฉีดยาก็เจ็บจี๊ดๆแล้ว ถึงหมอน่ารักจะเคยบอกว่าไม่ต้องฉีด แค่นอนเฉยๆให้หมอรักษา แต่ผมไม่เชื่อหรอก หมอชอบโกหก
แต่ถ้าฉีดยาแล้วทำให้หายเร็ว ..ถ้าหายแล้วเตอร์ไม่ทำหน้าแบบเมื่อกี้อีก ผมยอมเจ็บก็ได้
ผมคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นรอยยิ้มเล็กๆที่ริมฝีปากหยักลึก
ผมชอบยิ้มแบบนี้ของเตอร์มากกว่าที่เตอร์ทำหน้าจะร้องไห้แบบเมื่อกี้
เอ๊ะ..
อะไรเล่า!?
ผมขมวดคิ้วจิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะละมือออกจากแก้มเตอร์แล้วหันมามองไอ้ตัวที่กำลังแทะรองเท้าผมอยู่
มือที่กำลังจะยื่นไปบี้หูสีน้ำตาลของมันชะงักค้างเมื่อความคิดดีๆผุดเข้ามาในหัว
“เตอร์”
“หืม”
“อาบน้ำกัน”
เตอร์ตีสีหน้ายุ่งยาก แต่ผมไม่รอให้คนตัวโตปฏิเสธ รีบออกคำสั่งทันที
“เตอร์ไปหยิบแชมพูมา เดี๋ยวต้าจะอุ้มพุงพลุ้ยไปเอง”
รู้สึกขัดใจที่เห็นเตอร์ยังนั่งเฉย
“เร็วๆสิ” เร่งไปอีกหน่อยเผื่อจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง คนตัวโตส่ายหัวไปมา คงจะเหนื่อยใจที่ผมหางานให้ทำ แต่ทำไงได้ ก็อยากอาบน้ำให้พุงพลุ้ย ดูสิ ตัวมอมแมมหมดแล้ว
ผมรู้ว่ามันก็คงรำคาญตัวไม่น้อยที่ขนขาวๆมีแต่คราบดิน คราบโคลน ขนาดผมแค่มอง ผมยังรำคาญเลย!
อยากกอดอยากฟัดนี่ อยากรู้ว่าหมาตัวเป็นๆจะนิ่มเท่าน้องเป็ดหรือเปล่า
ผมเบ้ปากก่อนจะยืนขึ้นแล้วฉุดมือหนาให้ลุกขึ้นตาม ผมออกแรงเย่อจนตัวโน้มไปด้านหลังโดยที่เท้ายังจิกพื้นแน่น เตอร์รีบดึงแขนผมไว้ด้วยกลัวผมจะล้มก้นจ้ำเบ้าก่อนจะยอมยืนขึ้นแต่โดยดี
“หาเรื่องซนได้ตลอด” มือหนาเขกหัวผมแรงๆหนึ่งทีก่อนจะเดินไปเตรียมอุปกรณ์
ผมยิ้มอย่างสมใจ แล้วนั่งยองๆจ้องตากับหมาตัวกลมที่มันก็นั่งมองผมแล้วแลบลิ้นแผล่บๆ
“อาบน้ำกันนะ” ยื่นนิ้วไปแตะจมูกมัน ซึ่งพุงพลุ้ยก็เงยหน้าขึ้นพยายามจะงับนิ้ว ผมรีบชักมือกลับ
ผมจะเรียกมันว่าพุงพลุ้ย ก็พุงมันใหญ่ พลุ้ยๆ เรียกอย่างนี้น่ารักดี
“อุ้มนะ” ผมบอกมัน ซึ่งเจ้าหมาตัวขาวหูน้ำตาลเอียงคอน้อยๆ ผมจะคิดว่านั่นคือคำตอบรับจากมันก็แล้วกัน
“อุ้มแล้วนะ ห้ามกัดด้วย!” ชี้นิ้วสั่งมันอีกครั้ง ซึ่งมันก็ยืนสองขาแล้วหมุนวนรอบตัว ผมหัวเราะอย่างถูกใจก่อนจะฉวยอุ้มลูกหมาขึ้นมา
หนักอ่ะ.. หนักพุงแน่เลย!
ผมอุ้มมันให้ไกลตัวเล็กน้อย ไม่ใช่ว่ารังเกียจนะ แค่ไม่ชอบ รอให้อาบน้ำตัวหอมฟุ้งก่อนเถอะ! จะกอดจะฟัดให้หนำใจเลย!! ตอนนี้ตัวมันเลอะ มีแต่คราบดิน ขนขาวๆก็ไม่น่าจับสักเท่าไหร่ แข็งกระด้างไปหมด ไม่น่ารักเลย!
“โฮ่งง!”
หมาตัวกลมตะกายจะลงจากแขนผมเมื่อเดินผ่านโต๊ะที่พ่อกับแม่นั่งคุยกันอยู่ ผมรีบกระชับกอดมันแน่น ไม่กลัวเสื้อเลอะแล้ว ยังไงๆก็ไม่ปล่อยให้มันลงหรอก
ผมนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกเจ็บทั่วลำแขนเมื่อพุงพลุ้ยดิ้นไม่หยุด ตัวเล็กแค่นี้ทำไมแรงมันเยอะจัง!!
“อย่าดิ้นสิ!” เผลอพูดเสียงดังใส่อย่างอดไม่อยู่
สิ้นเสียงผม ก้อนกลมๆในอ้อมแขนก็ชะงักทันที มันก้มหน้าก้มตาเลียมือผมอย่างประจบ ผมยังหน้าบึ้งไม่หาย นี่ถ้าไม่เห็นว่าน่ารักจะตะกุยคืนให้เจ็บเลย!
“ไอ้แสบ นั่นจะทำอะไรน่ะ” เสียงพ่อดังขึ้น ทำให้ผมหันไปมอง นัยน์ตาหลังกรอบแว่นมองผมที มองพุงพลุ้ยที
ผมค่อยๆคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมกลางหน้าผากแล้วเดินไปหาพ่อกับแม่
“ต้ากับเตอร์จะอาบน้ำให้พลุ้ย ตัวมันเลอะ มันบอกว่าอยากอาบน้ำ ไม่สบายตัว” ผมพูดจ้อยๆ ทว่าตาก็มองไส้กรอกชิ้นพอดีคำที่วางบนโต๊ะ
ได้ยินเสียงแม่หัวเราะเบาๆแล้วก็มีไส้กรอกมาจ่อปาก
ผมอ้าปากงับไส้กรอกแล้วยิ้มตาหยีให้แม่แทนคำขอบคุณ
“โฮ่ง!”
พุงพลุ้ยเห่าเสียงดัง หันมามองผมที มองไส้กรอกทีตาละห้อย ลิ้นเล็กๆตวัดเลียรอบปากตัวเอง
“แม่ พลุ้ยหิว ป้อยพลุ้ยด้วยสิครับ” ผมพยักเพยิดไปยังไส้กรอกอันนั้น แม่ส่ายหัวไปมาก่อนจะใช้ส้อมจิ้มแล้วใช้มือหยิบออก บิเป็นสองส่วนแล้วป้อนพลุ้ยถึงปาก
มันแลดีใจรีบรับเข้าปากทันที
เห็นหมากินท่าทางเอร็ดอร่อยผมก็มีความสุข
นั่งไปนานๆก็ชักจะเมื่อย ขี้เกียจลุกแล้วแฮะ ผมลูบหัวพุงพลุ้ยไปพลางก็มองมันกินไปพลาง
น่ารักอ่ะ กินไม่หยุดเลย
ถ้าผมขอพ่อกับแม่ให้พลุ้ยไปนอนกับผมด้วย พ่อกับแม่จะว่าอะไรมั้ยนะ ถ้าได้นอนกับพลุ้ย ผมจะไม่ไปนอนกับเตอร์อีกเลย จะปล่อยให้นอนคนเดียว เตอร์จะได้รู้ว่าการไม่มีผมนอนเป็นเพื่อนจะรู้สึกยังไง! ชอบไล่ผมดีนัก
“ห้ามเอาหมาเข้าบ้านเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
ง่ะ.. มือที่กำลังลูบหัวนิ่มๆอยู่ชะงักทันทีที่เสียงพ่อดังไล่ความคิดผมมาติดๆ พ่อรู้ได้ไงว่าผมคิดจะทำอะไร
กำลังอ้าปากจะโต้ แต่ก็มีเสียงตะโกนขัดขึ้นเสียก่อน
“ต้า!”
ผมหันไปมองหน้ามุ่ย เห็นเตอร์ยืนเท้าเอวมองผมด้วยหน้าที่มุ่ยกว่าหลายเท่า ทำให้ผมยิ้มเหยๆ นึกขึ้นได้ทันทีว่าลืมอะไร นั่งเพลินไปหน่อย
“โฮ่งๆ” พุงพลุ้ยเห่าประท้วง มันรีบงับไส้กรอกจากมือแม่แล้วเคี้ยวกร้วมๆโชว์เตอร์ ผมหัวเราะที่เห็นเตอร์หน้าบูดเป็นตูดเป็ด! มือหนาข้างหนึ่งถือสายยาง จับไว้ให้น้ำตกลงสู่กะละมังใบใหญ่ มือหนาอีกข้างถือแชมพู ท่าทางเตรียมพร้อมมากอะ ฮ่าๆ
“เดี๋ยวต้ามานะ เหลือไส้กรอกไว้ให้ต้าด้วย”
พ่อหัวเราะเบาๆก่อนจะแกล้งจิ้มใส่กรอกเอาใส่ปากแล้วเคี้ยวยั่ว
“ห้ามหมดด้วยยยยย!!” ผมคาดโทษพ่อก่อนจะรีบลุกขึ้นโดยที่มือก็อุ้มก้อนกลมๆไปหาเตอร์
“วางมันลงในกะละมังสิ” เตอร์เร่งยิกๆ ผมก็ค่อยๆวางพุงพลุ้ยลงอย่างเก้ๆกังๆ
ทันทีที่ตัวมันอยู่ในน้ำก็สั่นงั่นงก ผมเบ้หน้านั่งยองๆใกล้ๆมัน มือก็จับมันไว้แล้วคอยลูบปลอบประโลม ได้ยินเสียงครางหงิงๆในลำคอด้วย ผมเงยหน้ามองเตอร์ก็เห็นเตอร์ตีหน้าเรียบเฉย
“มันหนาวมั้ย?”
ผมยิ่งเบ้ปากหนักกว่าเดิมเมื่อไม่มีคำตอบกลับมา เตอร์ยักไหล่ด้วยท่าทางกวนโอ๊ยก่อนจะฉีดน้ำลงบนตัวพุงพลุ้ยเต็มๆ
“โฮ่งๆๆๆๆ” มันเห่าเสียงดังไม่หยุด ตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม
“เตอร์! มันหนาว!”
ผมทำท่าจะอุ้มพุงพลุ้ยออกจากกะละมัง แต่เตอร์กลับทำตาดุใส่จนไม่กล้าอุ้ม
“ก็รีบๆอาบสิ มันจะได้ไม่หนาว มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวมันได้หนาวตายกันพอดี”
ผมสะอึก..
หนาวตาย...
ตายเลยเหรอ!?
แค่อาบน้ำนี่ถึงกับตายเลยเหรอ!!
น้ำตาเริ่มคลอหน่วย ไม่น่าให้พุงพลุ้ยอาบน้ำเลย! แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อผมก็รู้สึกถึงความเปียกซ่กไปทั้งตัวเมื่อพุงพลุ้ยสะบัดน้ำกระเด็นเลอะหน้าผมเต็มๆ!!
ผมกัดฟันกรอดก่อนจะยกมือปาดน้ำออกจากหน้า หูได้ยินเสียงเตอร์หัวเราะเยาะอยู่เหนือหัว!
ผมตวัดสายตาส่งค้อนวงโตฟาดหน้าเตอร์ก่อนจะชี้นิ้วใส่หน้าพุงพลุ้ย เอื้อมหยิบแชมพูแล้วละเลงลงบนตัวมันทันที!
ไม่ต้องมาร้องหงิงๆเลย!! ตัวสั่นทำไม!! ไม่สน ไม่สงสารแล้ว!!
ผมขยี้ฟองลงบนขนขาวๆจนฟองฟ่อดเอาคืนที่มันทำผมเปียก! เหมือนพุงพลุ้ยก็ไม่ยอม มันดิ้นพล่านสะบัดตัวจะหนีออกจากอ่าง
ผมตกใจรีบคว้าตัวมันกอดไว้แน่นก่อนจะยัดมันลงอ่างแล้วกดหลังมันไว้ ผมเงยมมองคนที่ถือสายยางคอยฉีดน้ำใส่หมาอย่างเคืองๆ
“ช่วยกันสิ!”
เตอร์ยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้า
เจ็บใจอะ!
ทำไมผมต้องเปียกต้องเลอะอยู่คนเดียว!!!
“อย่าดิ้น!!!” ผมหันไปตะคอกพุงพลุ้ยเสียงดังเมื่อมันขยับตัวยุกยิกไม่อยู่สุข จะตะกายออกจากอ่างให้ได้!
ทันทีที่สิ้นเสียง หมาตัวกลมก็หยุดนิ่ง ยอมนั่งในอ่างดีๆ ไม่หือไม่อืออีก
เตอร์เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะอีกระรอกใหญ่
ขำอะไรเล่า!?
ผมวักน้ำในอ่างที่มีพุงพลุ้ยนั่งอยู่สาดใส่เตอร์เต็มๆ ร่างสูงหยุดยืนแข็งค้างเหมือนรูปสลักก่อนจะใช้นิ้วขวางกลางรูของสายยางแล้วฉีดน้ำใส่ผมเต็มๆ!
“อ้ากกกก เตอร์!! หยุด!!!!” ผมหวีดร้องลั่นหันหลังให้ ไอ้พี่เตอร์นิสัยไม่ดีชอบแกล้ง!!
ผมได้แต่ดิ้น หน้ากดชิดหัวเข่า เบี่ยงหน้าหนีวิถีน้ำ ไม่ให้น้ำเข้าหู อยากจะลุกหนีก็ทำไม่ได้ มือต้องคอยจับไอ้ตัวอ้วน ไม่จับเดี๋ยวมันได้กระโจนออกมาแน่ๆ! ไอ้หมาตัวอ้วนก็รู้ดีเหลือเกิน ดิ้นไม่หยุดเลย!
“โฮ่งๆๆๆ” พุงพลุ้ยเห่าเสียงดัง พลันกระโดดไปมา
“ฮ่าๆๆๆ” เตอร์ก็หัวเราะดังลั่น ฉีดน้ำใส่หลังผมไม่หยุด
ไม่หยุดใช่มั้ย... ไม่หยุด...!!
“พ่ออออ!! เตอร์แกล้ง!!!!!!!!!!” ผมงัดไม้ตายตะโกนร้องหาตัวช่วยพลางหันไปทางฝั่งที่พ่อกับแม่นั่งอยู่!
พ่อหันมาตามเสียงเรียก ก่อนจะ...
“วิคเตอร์!!!” น้ำเสียงมีอำนาจ แม้จะพูดจากที่ไม่ใกล้นักแต่ก็ทำให้อดยำเกรงไม่ได้
ผมลอบยิ้มกับตัวเองแล้วหันไปทำท่าขึงขังกับเตอร์ ที่พอสิ้นเสียงพ่อมือหนาข้างนั้นก็ลดสายยางลงแทบไม่ทัน
สะใจ!! พ่อเข้าข้างผม!
เตอร์ทำปากบ่นขมุบขมิบแล้วหันไปฉีดน้ำใส่พุงพลุ้ยที่ครางหงิงเมื่อโดนน้ำเข้าไปอีกระลอก
แบบนี้เขาเรียกว่าแพ้แล้วพาลใช่มั้ย? ทำอะไรผมไม่ได้ก็ไปลงที่หมา!
“ไม่เห็นเหรอไงว่ามันหนาว รีบๆอาบเข้าสิ อย่ามัวแต่เล่น”
ผมอ้าปากค้างเงยหน้ามองเตอร์อย่างอับจนคำพูด
ใครกันที่มัวแต่เล่น ไม่ลงมาช่วยกันเลย!
“ก็ลงมาช่วยกันสิ!”
เตอร์ยักไหล่ ผมได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน รู้สึกอยากกระทืบเท้าใหญ่ๆนั่นเสียหลายที เตอร์กวนอะ!
“ไอ้พี่เตอร์!!” ผมแหวลั่นเมื่อคนตัวโตยังยืนเฉย ยิ่งเห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากก็ยิ่งเจ็บใจ!
“จะฟ้องพ่อ!!!” ผมเบะปาก งัดไม้ตายมาใช้อีกรอบ
“ดุจริง กินช็อกโกแลตบ่อยใช่มั้ย ถึงได้ดุขนาดนี้” เตอร์เดินไปปิดน้ำก่อนมือหนาสองข้างจะละเลงหัวผมจนยุ่งไปหมด!
มันว่าผมเป็นหมา!! ไอ้พี่นิสัยไม่ดี!
ผมละมือข้างหนึ่งจากพุงพลุ้ยแล้วเอื้อมจับมือหนาที่วางบนหัวผม กระชากลงมาอ้าปากจะกัด! แต่มือหนาของเตอร์อีกข้างก็ดันหน้าผมจนหงาย
“หยุดเลย มัวแต่เล่น หมาหนาวหมดแล้ว ไม่สงสารมันหรือไง” เตอร์พูดพลางใช้มือที่ดันหน้าผมบีบแก้มผมแรงๆแล้วยิ้มยียวน
ผมฮึดฮัดมองคนที่นั่งลงฝั่งตรงกันข้ามแล้วขยี้ขนหมาอย่างอารมณ์ดีด้วยความเจ็บใจ
“โอ๋ๆ เจ็บใช่มั้ย ต้ามันหนูขยี้แรงใช่มั้ย” เตอร์มันจับหมาให้หันหน้าเข้าหาตัวเองแล้วพูดกับหมางุ้งงิ้งอยู่สองคน
ผมเบะปาก เตอร์ใส่ร้ายผมให้หมาฟัง!
“ตัวเองนั่นล่ะ ทำหมาแรง นิสัยไม่ดี เนอะ” ผมก็ไม่ยอม ย้ายตัวเองไปอยู่ตรงหน้าหมาแล้วพยักพเยิดกันสองคนแล้วเขี่ยเตอร์ออกไปไกลๆ
“หึๆ” เสียงทุ้มหัวเราะต่ำในลำคอ ผมหันไปมองขวับ คนตัวโตก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มองไปทางอื่นเสียอย่างนั้น
ผมเบะปากก้มหน้าก้มตาขยี้ขนขาวๆ ตัวอ้วนก็ครางหงิงในลำคอไม่หยุด แต่มันไม่ดิ้นแล้ว ยืนเฉยปล่อยให้อาบน้ำแต่โดยดี
“พอๆ แค่นี้ก็สะอาดแล้ว” เสียงทุ้มขัดขึ้นก่อนจะเปิดน้ำแล้วล้างฟองด้วยน้ำสะอาด
ผมยื่นมือไปล้างน้ำแล้วถอยออกมามองดูท่าทีแข็งขันของเตอร์ห่างๆ
“แป๊บนึงนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ผมพูดปลอบเมื่อเห็นหมาหน้าเศร้า(?) เสียงครางหงิงยิ่งดังมากกว่าเดิม
เตอร์ยกหมาขึ้นด้วยท่าทางทะมัดทะแมงแล้วปิดน้ำก่อนจะห่อตัวมันด้วยผ้าขนหนูผืนโต ผมรีบเข้าไปใกล้แล้วยื่นมือจะขออุ้ม
“ไม่ให้ ตัวเราเปียก ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวไม่สบาย อาบเสร็จแล้วจะให้เล่น ตกลงมั้ยครับ?”
ผมหงอย ได้แต่ลูบหัวพุงพลุ้ยเบาๆ ลิ้นเล็กสีชมพูเลียมือผมกลับ
อยากเล่น...
“ห้ามดื้อ”
“อื้ม ไม่ดื้อ แต่เตอร์ต้องพาพุงพลุ้ยไปบ้านด้วยนะ เอามันไปเป่าตัวด้วย พอต้าอาบน้ำเสร็จจะได้เล่นกับมันเลย” ผมพูดยาวยืด ซึ่งเตอร์ก็ตอบรับอย่างว่าง่าย
ผมยิ้ม ดึงชายเสื้อเตอร์แล้วลากให้กลับบ้านด้วยกัน
“อ้าว จะกลับกันแล้วเหรอ?” พ่อทักขึ้นตอนที่ผมเดินผ่าน ผมจึงเดินไปหาแล้วจิ้มไส้กรอกกินโดยแบ่งให้พลุ้ยกินด้วย
“น้องตัวเปียก เตอร์จะให้อาบน้ำ กลัวไม่สบาย” เป็นเตอร์ที่ตอบแทน พ่อก็พยักหน้าเออออทำท่าลุกขึ้นตาม
“นี่ก็เย็นแล้ว กลับกัน่ให้หมดนี่ล่ะ” พ่อพูดพร้อมกับจัดเก็บข้าวของ ผมรีบยึดจานไส้กรอกมาถือครองแล้วป้อนตัวเองบ้าง หมาบ้างอย่างอร่อย
เราสี่คน เตอร์ ผม พ่อกับแม่พากันเดินกลับบ้าน พร้อมหมาอีกหนึ่งตัว
แรกๆผมก็กินไส้กรอกด้วย แต่ไปๆมาๆมันเริ่มเหลือน้อย ไอ้อ้วนพุงกลมก็ประท้วง ส่งเสียงเห่าตอนที่ผมกำลังจะส่งไส้กรอกเข้าปากตัวเอง ไม่ให้ผมกินซะงั้น เตอร์หัวเราะร่วน ผมเลยต้องเปลี่ยนมาป้อนมันคนโดยปริยาย
พ่อกับแม่ที่เดินตามหลังก็คุยกันกระหนุงกระหนิงถึงเมนูอาหารเย็น
ผมคลี่ยิ้มกว้าง หัวใจพองฟูด้วยบรรยากาศอบอุ่นที่รายล้อมรอบตัว
.
.
ใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน เพราะว่าอยากเล่นกับพุงพลุ้ยเร็วๆ ผมจึงรีบอาบแล้ววิ่งออกมา สลัดผ้าขนหนูลงตะกร้าหน้าห้องน้ำพลันวิ่งหาเสื้อผ้าชุดใหม่
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็รีบวิ่งตึงตังลงมาข้างล่างอย่างรวดเร็ว
ทว่าขาที่กำลังจะลงบันไดกลับชะงักค้างเมื่อหูได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังมาจากห้องนั่งเล่น
นั่นใครกำลังพูด
เสียงไม่คุ้นหู
ไม่ใช่เสียงพ่อ แม่ เตอร์…
ผมขมวดคิ้วก่อนจะก้าวลงมา ทว่าเมื่อลงมาถึงตีนบันไดผมกลับชะงักอยู่ตรงนั้น
ที่ห้องนั่งเล่น ไม่ได้มีแค่พ่อ แม่ เตอร์ แต่มีชายแปลกหน้าอีกคน...
ไม่ใช่แปลกหน้า คุ้นหน้าแต่ไม่คุ้นเคย
ผมลอบมองเขาเงียบๆอยู่ตรงนั้นก่อนจะสะอึกเผลอผงะถอยหลังเมื่อเขาหันมาประสานสายตากับผม!
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่ากับนัยน์ตาคู่นั้น.. อยู่ๆก็รู้สึกขนลุกวาบไปทั้งตัวเมื่อเขากระตุกยิ้มมุมปาก
เขาเอาแต่จ้องผม! จ้องจนผมประหม่าและรู้สึกเกร็งจนก้าวขาไม่ออก
เตอร์ที่นั่งหันหลังให้ผมคงจะสังเกตเห็นว่าแขกผู้มาเยือนมองนิ่งที่เดียวเป็นนานสองนานจึงหันหลังมา ผมผละสายตาจากเขาและสบตากับเตอร์
สีหน้าเตอร์ ดูไม่ดีเลย..
ทำไม เกิดอะไรขึ้น..
_________________________________________________________
TALK:: ขอบคุณเม้นท์ค่าาาา
บางคนระแวงตัวละคร ฮา เด็กๆในเรื่องไม่ได้น่าระแวงขนาดนั้นหรอก (เหรอออ)
มีคนถามหาพี่จิม แต่ก็มีคนที่ไล่มัน กร้ากกกกกกกกก ฮา
พาร์ทนี้ได้กลิ่นอะไรแปลกๆมั้ย?? คึคึ (มาหย่อนระเบิดลูกเล็กๆ)
ไว้เจอกันใหม่พาร์ทหน้าค่าาา เปิดเทอมแล้วอาจจะลงช้าหน่อยนะคะ