ตอนที่ 13 ไออุ่น กลับบ้าน...
กำลังหลอกผมอยู่ใช่มั้ย!?
ผมส่ายหัวทันที มือที่กอดเขาไว้คลายออกและผลักอกแกร่งอย่างแรง
ร่างสูงเซถอยหลังตามแรงผลัก ใบหน้าคมคายเผือดสี ผมเผลอก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว ทว่าสายตากลับถอนออกจากใบหน้านั้นไม่ได้ ใบหน้าที่ยังคงมีร่องรอยเจือจางของหยาดน้ำตา
ผมไม่เคยพบเขามาก่อน.. ผมมั่นใจ
นี่คือครั้งแรกที่ผมเจอเขา แต่ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยมากขนาดนี้
ร่างสูงลดระดับสายตามองสบกับผม นัยน์ตาคู่นั้นหม่นเศร้าจนผมสะท้านในใจ
ทำไมมองผมแบบนั้น..
“พี่ขอโทษ..” เขาพูดด้วยเสียงติดจะสั่นเล็กน้อย ช่วงขายาวเดินมาข้างหน้าโดยที่สายตามองหน้าผมตลอดเวลา
“พี่ไม่ขอให้ต้ายกโทษให้ แต่..อย่าหนีไปไหนอีก ..พี่ขอร้อง”
ผม.. ไม่ เคยรู้จัก.. ทันทีที่คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจผมกลับเต้นรัวจนเจ็บร้าวราวประท้วงความคิดนั้น
ยิ่งเขาเดินเข้าใกล้เท่าไหร่ สมองผมก็ยิ่งสั่งให้ถอยหนีมากเท่านั้น ผมควรจะหนี.. ต้องหนีแต่ทำไม ขาผมมันไม่ขยับ!!
“อย่า...” ผมตระหนก พูดเสียงแผ่วทันทีที่มือหนายื่นมาข้างหน้าเหมือนจะคว้าผมเข้าไปกอด
“ไม่ให้จับ!!” ผมตะคอกเสียงดัง ก่อนจะชะงักเมื่อได้สติ ผมเลิ่กลั่กหันมองรอบตัวพลางกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง เมื่อมีสายตาหลายคู่พุ่งตรงมา ผมรู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก เดินก้าวถอยหลังหวังจะให้หลุดพ้นจากสายตาเหล่านั้น ถอยไปเรื่อยๆจนหลังผมชนกับราวเหล็กที่แขวนขนมด้านหลังนั่นล่ะผมถึงได้หยุด
“อย่าจับนะ.. ไม่ให้จับ ห้ามแตะตัวต้า..” ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร.. ไม่รู้ ผมพูดพึมพำเสียงเบากับตัวเองพลางมองสบตาเขา
ใบหน้าคมคายเผือดสี เขาชักมือกลับแล้วซ่อนสองมือไว้ด้านหลัง
“พี่ จะไม่แตะต้องตัวต้าอีก..พี่ ขอโทษ” ดวงตาหม่นเศร้าหลุบต่ำ
เกิดความเงียบระหว่างผมกับเขาก่อนใบหน้าคุ้นเคยจะเงยมองสบตาผมอีกครั้งด้วยสายตาหนักแน่นกว่าเดิมราวคนที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
“ถ้าต้ายอมกลับบ้าน พี่จะไม่มาให้ต้าเห็นหน้าอีก พี่รู้ว่าพี่ผิด.. พี่ ข ขอโทษ”
ในตอนท้ายของประโยคเสียงทุ้มติดสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ นัยน์ตาล้อแสงไฟสั่นระริกด้วยน้ำใสที่คลอหน่วยตา
ผมขมวดคิ้วแน่นทันทีที่เขาพูดจบ อยู่ๆก็รู้สึกสับสน ผมยกมือขึ้นวางทาบลงบนหน้าอกข้างซ้ายโดยไม่รู้ตัวเมื่อมันรู้สึกเจ็บยอกแปลกๆ
ผมหันซ้ายหันขวาหาทางออกให้ตัวเอง ตอนนี้ผมอึดอัด..เหมือนที่ที่ยืนอยู่ ไม่มีอากาศให้หายใจ
ผมรีบหันขวับเมื่อเห็นวัตถุไหววูบทางหางตา พี่หมอ! เขามองผม ..อยู่ตรงนั้น
ทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่รู้จักก็ราวกับหายใจได้คล่องปอดมากยิ่งขึ้น ขณะที่ผมกำลังจะวิ่งไปหาพี่หมอ เสียงคุ้นหูที่ดังมาจากทางด้านหลังกลับตรึงผมให้ยืนอยู่กับที่ราวถูกโซ่ตรวนล่ามข้อเท้า!
เสียงพูดที่มาพร้อมกับเสียงรองเท้าที่ดังกระทบพื้นเป็นจังหวะกำลังเดินเข้ามาใกล้ทุกขณะ
“วิคเตอร์มาทำอะไรตรงนี้ ไปกันได้แล้ว”
ดวงตาผมเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินชื่อพี่ชาย วิคเตอร์
“จะซื้ออะร.... ต้า!”
ข้อความประโยคแรกยังพูดไม่จบประโยคดีถูกแทนที่ด้วยชื่อผม ผมหันขวับไปมองเจ้าของเสียงคุ้นหูที่ดังมาจากข้างตัว
ใช่.. ใช่จริงๆ ฮึก... ผมเบะปาก น้ำร้อนตีตื้นรื้นขอบตา มือเย็นเฉียบและสั่นจนควบคุมไม่ได้
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆผมยังเหมือนเดิม รูปร่างเล็ก ผิวขาว ผมยาวประบ่า ริมฝีปากแย้มยิ้มกว้าง และนัยน์ตาใจดีที่มองมาทางผมอย่างตระหนกระคนดีใจ แม้ว่าใบหน้านี้จะมีริ้วรอยเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ทำให้ความงามลดน้อยลง
“ฮึก..ม.. แม่” ผมโถมตัวเข้ากอดแม่เต็มแรง น้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย ผมยิ้มกว้างพลางแนบแก้มกับอกอุ่นหอมกรุ่น กลิ่นที่ผมคุ้นเคย.. คิดถึง.. ฮึก...ค คิดถึง..
ผมยิ่งกระชับกอดแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงอ้อมแขนเล็กๆที่กอดตอบ ความสุขเต็มตื้นทะลักทะลายจนผมตั้งรับไม่ทัน อบอุ่นจนกลั้นเสียงสะอื้นไม่ไหว..
“ฮึก...ฮืออออ แม่...ต้าคิดถึงแม่! ฮืออออ ย.. อย่า ฮึก อย่าทิ้งต้า พาต้ากลับบ้าน.. ฮืออ ต้า ย..อยากกลับ บ้าน”
ผมไม่สนแล้วว่าจะมีกี่สายตากำลังมองมา ไม่สนอะไรทั้งนั้น ฮึก..
“ต้าลูกแม่.. หายไปไหนมา แม่ให้พี่เราตามหาเราทุกที่เลยรู้มั้ย อยู่กับแม่.. อย่าหายไปไหนอีกนะครับ” มือเรียวค่อยๆดันตัวผมออกห่าง ดวงตาของแม่มีน้ำใสๆไหลพลั่งพรูไม่ต่างจากผม ไหล่บอบบางที่ผมชอบเอนซบสั่นเทา แม่คลี่ยิ้มพลางยกปลายนิ้วลูบแก้มผมอย่างอ่อนโยน
ผมยิ้มกว้าง ยกมือขึ้นจับมือบอบบางของแม่แล้วแนบแก้มกับฝ่ามือนั้น
“กลับบ้านเรากันนะลูก”
ไม่ต้องให้แม่พูดซ้ำ ผมก็พยักหน้าขึ้นลงถี่ๆแทบจะทันที
..............................
..................
......
ผมกระชับจับมือนุ่มๆของแม่ไว้แน่นในขณะที่เดินเคียงข้างกันออกจากร้านสะดวกซื้อ แม่ไม่ยอมปล่อยมือผมแม้แต่วินาที ผมเองก็ไม่อยากปล่อยมือแม่แล้ว ผมจับมือแม่แน่นๆ แต่ไม่แน่นจนทำให้รู้สึกเจ็บ อยู่ใกล้แม่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมปลอดภัย.. ไม่มีอันตรายใดใดเข้ามาทำร้ายผมได้อีก
ผมลอบหันไปมองด้านหลังก็เห็นผู้ชายคนนั้นยังคงเดินตามทุกฝีก้าว แต่เห็นแม่ไม่ว่าอะไร บางทีอาจจะเป็นใครสักคนที่แม่รู้จัก
เราสามคน ผม แม่และเขาคนนั้นเดินมาถึงรถยนต์ไม่คุ้นตา ผมขมวดคิ้วหันไปมองแม่ ผมจำไม่ได้ว่าแม่ซื้อรถใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่ยิ้มก่อนจะเปิดประตูด้านหลังให้ผม
ผมกำลังจะก้าวขาขึ้นรถ ทว่าในหัวกลับร้องเตือนถึงเรื่องสำคัญที่ผมลืมไป
พี่หมอ.. ผมลืมพี่หมอซะสนิท!
“แม่ครับ.. เดี๋ยวต้ามา รอต้าแป๊บนึงนะครับ”
ผมรีบวิ่งเต็มกำลังย้อนกลับไปทางเดิม ประตูอัตโนมัติเลื่อนเปิดเมื่อผมเข้ามาใกล้ ผมวิ่งผ่านเข้าไปก่อนจะชะลอความเร็ว เดินชะเง้อมองหาร่างสูงที่เป็นคนพาผมมา
อยู่ไหน? เมื่อกี้ยังเห็นยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย
ผมหันซ้ายหันขวา หมุนตัวกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“หาอะไร?” ผมหันกลับไปยังทิศทางที่เสียงลอยมา ผู้ชายแปลกหน้าเจ้าของใบหน้าคมคาย ที่ยืนห่างจากผมไปไม่กี่เมตรถามขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบติดฉงน
ผมไม่ตอบคำถาม หันหลังจะเดินตามหาพี่หมอต่อทว่ากลับถูกมือหนาคว้าแขนไว้ ผมสะดุ้งเฮือก ขาชะงักงันก่อนจะสะบัดแขนอย่างแรง
ผมหน้าเสียเมื่อเห็นใบหน้าคมคายหน้าซีดเผือด เขายกมือที่ถูกผมสะบัดทิ้งแล้วเกาหัวแก้เก้อก่อนริมฝีปากจะฝืนยิ้มออกมา
ผม ไม่ได้ตั้งใจ.. ทุกอย่างเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
...ข ขอโทษ...
นั่นคือคำที่ผมอยากเปล่งเสียงออกมาให้เขาได้รับรู้ ทว่าสิ่งที่ผมทำกลับคือยกมืออีกข้างลูบต้นแขนที่เพิ่งถูกเขาจับเมื่อครู่พลางก้มหน้าหลุบมองพื้นอย่างทำตัวไม่ถูก
“แม่ให้มาตาม” เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันหลังทำท่าจะเดินแต่ก็ไม่ เขากำลังรอผม
“อ อื้อ” ผมตอบรับเสียงสั้นในลำคอก่อนจะเริ่มออกเดิน แต่ก็ไม่วายเหลียวมองข้างหลังเพื่อมองหาพี่หมอเป็นครั้งสุดท้าย ทว่าก็ยังไร้วี่แววเหมือนเดิม
...ความน้อยใจตีตื้นจุกอก พี่หมอตั้งใจจะทิ้งผมตั้งแต่ทีแรกแล้วใช่มั้ย? เรื่องที่จะพาผมมาส่งบ้านนั่นก็โกหก.. ตั้งใจจะทิ้งผมใช่มั้ย...
แม่นั่งรอผมอยู่ที่เบาะด้านหน้า รอยยิ้มโล่งอกถูกส่งมาให้ ผมยิ้มตอบก่อนจะเดินไปนั่งเบาะด้านหลังคนขับ
รถค่อยๆเคลื่อนตัวจากที่จอด ผมบีบมือตัวเองอย่างแรงก่อนจะตัดสินใจกลับตัวคุกเข่าลงเบาะและมองฝ่ากระจกหลังรถเพื่อมองหาคนใจร้ายที่ตั้งใจจะทิ้งผม
ผมเบิกตาโตเมื่อเห็นพี่หมอหยุดยืนอยู่กลางถนน เขากำลังมองมา ผมกับเขามองสบตากัน ใบหน้านั้นราบเรียบติดเฉยชาไม่มีรอยยิ้มที่ผมเห็นเป็นประจำ มีแต่รอยยิ้มแสยะที่ทำให้ผมรู้สึกหนาวไปทั่วไขสันหลัง!
...เหมือนไม่ใช่พี่หมอที่ผมรู้จัก
“ต้า มองอะไรลูก” ผมเอี้ยวตัวหันกลับไปมองแม่ที่เลิกคิ้วถามผมเสียงนุ่ม
“เปล่าครับ” ผมลอบหันกลับไปมองกระจกหลังอีกครั้ง ทว่าภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นภาพรถมากมายที่วิ่งตามหลัง เห็นดังนั้นผมจึงค่อยๆลดตัวลงแล้วกลับตัวหันมานั่งตามปกติ
คิ้วผมขมวดมุ่น รู้สึกไม่สบายใจกับรอยยิ้มแปลกๆของพี่หมอที่เห็นเมื่อครู่ ทำไม.. ถึงยิ้มแบบนั้น ยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้ม
ผมเงยหน้าสายตาเหลือบมองกระจกมองหลังพลันสบตากับเขาคนนั้นที่กำลังมองผมอยู่พอดี ทันทีที่สบตากันเขารีบเสตากลับไปจ้องถนน ทำทีเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมขมวดคิ้ว ยังไม่ละสายตาจากกระจก ลอบสังเกตใบหน้าคมคายที่มีเหงื่อซึมตามไรผม คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจ ทำไมผมถึงได้รู้สึกคุ้นเคย ทั้งๆที่ไม่เคยพบเจอกับเขามาก่อน
ร่างสูงหลังพวงมาลัยขยับตัวไปมาอย่างอึดอัด ก่อนเสียงเพลงไม่คุ้นหูจะดังคลอมากับเสียงเครื่องยนต์ที่ทำงานเงียบๆ ผมผละสายตาหันไปมองยังต้นตอ เห็นนิ้วเรียวของเขาเลื่อนกดปุ่มนู่นนี่
ผมคลี่ยิ้มบางๆให้กับเพลงสบายๆ ไม่รู้หรอกว่าเพลงชื่ออะไร รู้แต่ว่าเพราะ
เสียงหวานๆของแม่ร้องคลอตาม ดูท่าแม่จะชอบเพลงนี้มาก ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม รู้สึกมีความสุข อบอุ่นหัวใจจนลืมทุกความทุกข์ที่เคยเจอมา ลืมไปหมดว่าใครเคยทำให้ผมเจ็บมากมายแค่ไหน ตอนนี้รู้เพียงอย่างเดียวคือในอีกไม่กี่นาที ผมจะถึงบ้านแล้ว..
ผมหันหน้ามองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ขยับนิ้วไปตามท่วงทำนองด้วยความเพลิดเพลิน ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังมองมา ผมหันเหความสนใจกลับไปมองสบตากับเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้.. เขาหลบสายตาผมไม่ทัน ผมลองยิ้มให้เขาครั้งหนึ่ง เตอร์มักจะสอนผมเสมอว่าผูกมิตรไว้ดีกว่าสร้างศัตรู ตอนนี้ผมก็พยายามจะผูกมิตรกับเขา ทว่านัยน์ตาคมคู่นั้นกลับดูตื่นตระหนก ไม่มีรอยยิ้มส่งกลับมา
ตัวผมไหวรู้สึกเหมือนรถกระตุกไปวูบหนึ่งจนแม่เอ็ดตะโรเสียงดัง เมื่อคนขับเหยียบเบรกกะทันหันจนรถชะงัก ดีที่รถคันหลังทิ้งช่วงห่างไปพอตัว ไม่อย่างนั้นคงได้เกิดอุบัติเหตุกลางสี่แยก
เสียงแม่ยังคงบ่นไม่หยุด แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ เขามองสบตาผมผ่านกระจกมองหลังอีกครั้ง ริมฝีปากหยักค่อยคลี่ยิ้มส่งกลับมาให้ ก่อนจะบังคับรถให้วิ่งไปบนท้องถนนอีกครั้งโดยไม่ติดขัด
ทำไมพอเห็นรอยยิ้มนั้น.. หัวใจผมถึงได้เต้นรัวขนาดนี้!?
ผมยกมือขึ้นลูบแก้มที่รู้สึกมันร้อนผิดปกติก่อนจะหลุบตาลงต่ำ รู้สึกเก้อๆไม่กล้าสบตาเขาเสียดื้อๆ ผมกระเถิบย้ายตัวเองไปนั่งอีกฟากหนึ่ง เอนตัวพิงประตูรถพลางหันหน้ามองนอกหน้าต่าง ขนาดตอนนี้ผมไม่ได้มองตาเขาแล้ว.. ไม่เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนนั้น ทำไมหัวใจผมยังเต้นรัวอยู่..
ผมเลิกคิ้วนิดๆเมื่อเพลงเก่าจบลงและทำนองคุ้นหูของเพลงใหม่เริ่มขึ้น เพลงนี้ผมรู้จัก หยาดเพชร ผมจำได้ว่าพ่อชอบเปิดที่บ้านบ่อยๆ จนผมจำได้แม่น ผมอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงแม่ร้องคลอเบาๆ นี่ถ้าพ่ออยู่ด้วยคงช่วยกันประสานเสียงแน่ๆ
อยู่ๆก็รู้สึกเต็มตื้นในอก ผมกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาที่พานจะไหล ไม่ใช่ไหลเพราะเศร้าหรือเจ็บปวด หากแต่เป็นเพราะความดีใจและอบอุ่น
..............................
..................
......
รถชะลอตัวก่อนจะหยุดลงที่โรงจอดรถของบ้านที่ผมโตมาตั้งแต่เล็ก ผมรีบไถลตัวลงจากรถแล้วพุ่งตัวเข้าบ้านด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง
จะหาเตอร์!
ผมถอดรองเท้าหน้าบ้านแล้ววิ่งเข้าไปข้างในทั้งที่เท้าเปลือยเปล่า ไม่อยากเสียเวลาเปลี่ยนไปใส่สลิปเปอร์ ผมอยากเจอเตอร์เร็วๆ
ผมวิ่งตึงตังขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของเตอร์ที่หน้าประตูมีป้ายชื่อทำจากไม้เขียนด้วยอักษรสีฟ้าว่า ‘VICTOR แขวนอยู่ ห้องผมก็มีนะแผ่นไม้แบบนี้ พ่อเป็นคนทำให้ ประตูหน้าห้องผมจะเขียนว่า ‘TA ด้วยอักษรสีเหลือง และมีลูกเป็ดตัวเล็กๆสองตัวอยู่ตรงมุมขอบไม้ ผมกับเตอร์ช่วยกันวาดล่ะ
ผมบิดลูกบิดประตูห้องเตอร์ เมื่อเห็นว่ามันไม่ล็อก ผมก็รีบเปิดเข้าไปโดยไม่เคาะให้เสียเวลา ไม่ใช่ว่าผมไม่มีมารยาทนะ ผมแค่อยากเจอเตอร์เร็วๆ
ก่อนหน้านี้ที่ผมเคยโกรธเตอร์ที่ไม่ไปช่วยผม ตอนนี้ความโกรธนั้นมันหายไปหมดแล้ว รู้แต่ว่าผมอยากเจอเตอร์ อยากกอดเตอร์ ผมคิดถึงเตอร์!
ผมยิ้มกว้าง รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอ ในหัวคาดเดาสีหน้าเตอร์ไปต่างๆนานา เตอร์ต้องดีใจที่จะได้เจอผมแน่ๆ ขนาดผมยังดีใจเลย เนอะ!
แม้ความจริงแล้วผมจะไม่ได้กลับบ้านเพียงไม่กี่วัน แต่เวลาไม่กี่วันนั้นผมกลับรู้สึกว่ามันนานมาก ผมมีเรื่องจะคุยกับเตอร์ จะฟ้องเตอร์เยอะแยะเลย! ผมกับเตอร์ตัวติดกันแทบตลอดเวลา ไม่รู้อ่ะ ใครจะมองผมว่ายังไงก็ช่าง จะหาว่าผมติดพี่เป็นเด็กไม่รู้จักโต ผมก็ไม่สนใจ! ก็ผมมีพี่ชายคนเดียว เตอร์เป็นทั้งเพื่อนเล่น เป็นทั้งพี่ เป็นคนที่ผมพูดคุยด้วยได้ทุกเรื่อง แล้วเตอร์ก็ไม่เคยโกรธผมด้วย
ผม.. แทบจะไม่มีเพื่อนเลย เพื่อนที่โรงเรียนนิสัยไม่ดี! ชอบแกล้ง!! ผมไม่รู้ว่าเตอร์พูดจริงหรือพูดเล่นเรื่องที่อยากเป็นนักบิน แต่ผม.. ไม่อยากให้เตอร์เป็นจริงๆนะ อยากอยู่กับเตอร์ อยากเล่นกับเตอร์อย่างนี้ไปนานๆ
“เตอร์!!” ผมตะโกนร้องเรียกเสียงดังก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องโดยเปิดประตูทิ้งไว้
ห้องเตอร์ก็ยังเหมือนเดิม ผมเบะปากมองสิ่งที่แขวนอยู่กลางห้องที่มันสะดุดตาผมตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา โมเดลเครื่องบินสีแดงแจ๋ ไม่รู้แหละ ถึงแม้ว่าไอ้เครื่องบินลำนั้นผมจะเลือกให้เองกับมือ แต่ถ้าเตอร์ยังยืนยันอยากเป็นนักบินผมก็จะไม่ชอบมัน!!
ผมเบือนหน้าหนีจากสิ่งนั้นแล้วกวาดตามองไปรอบห้องก่อนรอยยิ้มบนริมฝีปากจะค่อยๆเลือนหายไปด้วยความผิดหวัง
ผมคิดว่าจะเจอเตอร์ในห้อง แต่ก็ไม่.. ไม่มีเตอร์
ห้องนอนว่างเปล่า ห้องน้ำก็ไม่มี.. ผมขมวดคิ้วก่อนจะรีบวิ่งลงบันได แม่เพิ่งจะเดินเข้าบ้าน สองมือถือของพะรุงพะรัง
“แม่ครับ เตอร์อยู่ไหน?” ผมถามพร้อมกับเข้าไปช่วยแม่ถือของแล้วเดินจะเอาไปเก็บไว้ในครัว แต่ก็เดินไปไม่ได้เมื่อมือเรียวอบอุ่นของแม่จับต้นแขนผมไว้ ทำให้ผมชะงักก่อนจะหันไปมอง
“อะไรคือเตอร์อยู่ไหน?”
ผมขมวดคิ้ว หัวพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของแม่ พลางมือก็กระชับถุงพลาสติกหนักๆให้มั่นเมื่อมันทำท่าจะหลุดจากมือ
“เตอร์ไม่ได้อยู่ในห้อง ต้าเพิ่งขึ้นไปดูมาเมื่อกี้ แม่รู้มั้ยว่าเตอร์ไปไหน ตามเตอร์กลับมาได้มั้ย? ต้าอยากเจอเตอร์” ผมพูดรัวพร้อมรอยยิ้ม
แม่จ้องหน้าผมเขม็ง ใบหน้านั้นเริ่มหงิกงอ ไม่มีรอยยิ้มใจดีที่ผมเพิ่งได้รับเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ผมไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไร โกรธอะไร ทำไมถึงได้มองผมด้วยสายตาแบบนั้น.. คิ้วผมขมวดชนกันทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบตรงต้นแขน
“แม่.. ต ต้าเจ็บ” ผมค่อยๆก้มหน้าลงมอง นิ่วหน้าบอกเสียงสั่นแต่ก็พยายามฝืนยิ้มส่งให้
“หมายความว่ายังไง!? แกทะเลาะอะไรกับพี่เขา!!!” เสียงหวานตวาดลั่น ผมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
ตุ้บ!
ข้าวของทุกอย่างร่วงจากมือผม เมื่อสองมือของแม่โหมเข้าจับต้นแขนผมก่อนจะเขย่าอย่างแรงจนตัวผมสั่นคลอน เล็บที่แม่ไว้ยาวและมักจะดูแลอย่างดีจิกเข้าเนื้อจนเจ็บ เรียวเล็บขูดเนื้อผมทุกครั้งที่เขย่าตัวผม จนลำแขนแสบและเต็มไปด้วยรอยเล็บรอยถลอกจนเลือดซิบ!
“ม..แม่ เปล่า.. ต้า ต้าไม่ได้ทะเลาะกับเตอร์นะ”
“อย่าโกหก!! ถ้าไม่ได้ทะเลาะแล้วแกจะถามหาพี่แกทำไม!!!” เสียงหวานตะคอกดุดันโดยไม่มีทีท่าจะอ่อนลง
“ฮึก.. ปะ..เปล่า ต้า คิดถึงเตอร์ ย..อยากเจอเตอร์” ผมส่ายหน้าทั้งน้ำตา พยายามอธิบายแล้วเบี่ยงตัวให้หลุดพ้นจากความเจ็บระบม
“ฉันไม่เชื่อ!!” เสียงหวานตวาดลั่นพร้อมกับผลักร่างผมจนล้มฟุบลงกับพื้นกระเบื้องเย็นเยียบ
ผมค่อยๆใช้มือดันตัวเองขึ้นจากพื้นช้าๆก่อนจะเงยหน้ามองแม่ด้วยนัยน์ตาหวาดระแวง ผมถอยหลังกรูดเมื่อแม่ย่างสามขุมเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาที่เอื้ออารีเสมอ ตอนนี้วาวโรจน์กรุ่นโกรธจนผมกลัว
“ไปไหนมา!!! สามวันที่ผ่านมาแกหายหัวไปไหนมา!! ฉันไม่เชื่อที่พี่แกบอกหรอกว่าทำรายงานบ้านเพื่อน บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าไปทำอะไรมา!!! ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ไปเจอแก แกก็คงไม่คิดจะกลับบ้านใช่มั้ยห๊ะ!!!”
“ป...เปล่า ฮึก... ต้า...ต้า ฮึก ม ไม่ได้...”
“เถียงเหรอ!! แกกล้าเถียงฉันเหรอ!!!”
เพี๊ยะ!!ผมเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นจับแก้มข้างที่เพิ่งโดนตบช้าๆด้วยมือสั่นเทา
มือเรียวที่เคยทะนุถนอมผม เคยลูบหัวกล่อมผมให้นอนหลับฝันดีตอนนี้ตบหน้าผมฉาดใหญ่จนแก้มซีกซ้ายชาไปทั้งแทบ
“ฮึก... ตี...ตีต้าทำไม... ฮือออ!!! ต้า อึ่ก.. ผ ผิดอะไร!! ตีทำไม!!”
น้ำตาผมไหลลงมาเป็นสายด้วยความน้อยใจ เงยหน้ามองแม่ที่กุมมือข้างนั้นของตัวเองอย่างตัดพ้อ
เสียงวิ่งกุกกักดังมาจากหน้าบ้าน ก่อนร่างสูงจะเข้ามายืนขวางกลางตรงหน้าผม
“แม่! ทำอะไรน้อง!!”
__________________________________________________
TALK :: มาแล้ววววววววววว
เห็นนักอ่านค้างแล้วคนแต่งฮาาาาาาาาาาาาาาาา
เรื่องนี้รายละเอียดเยอะนิดหน่อย ส่วนใหญ่จะมาเป็นจุดเล็กๆ น้อยๆ สังเกตุดีๆนะ 55555
กระซิบ ตอนหน้ามีเฮ!
ขอบคุณกำลังใจค่ะ อ่านเม้นท์ไปก็ยิ้มไป ตลก 55555555555555
PS. หากอยากติ ติมาได้เลยน้า พร้อมปรับปรุงเสมอออ
PS. ดีใจอ้ะะะ ที่มีคนชอบบบบบบบบบบบ กอดๆๆๆ