:) อยากกลืนกินผู้ชายทั้งโลก :) +++อัพเดท 06/04/2016 / เวลา 00.00 น. +++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :) อยากกลืนกินผู้ชายทั้งโลก :) +++อัพเดท 06/04/2016 / เวลา 00.00 น. +++  (อ่าน 27941 ครั้ง)

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ดีใจที่จันมีความคิดเล็กๆ ที่จะเลิกยา   :katai2-1:

ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พอกลับมาถึงคอนโด ไอ้มาร์ชก็จัดแจงทำแกงรัญจวนตามคำโปรยให้ผมหลงเชื่อในความอร่อยของฝีมือมัน กลิ่นแกงหอมคล้ายๆ ต้มยำ ลอยฟุ้งเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่ผมจัด และทำความสะอาดใหม่ให้ดูสะอาดตา ผมเพิ่งสังเกตห้องของตัวเองเมื่อทำความสะอาดครั้งนี้ว่า รูปในกรอบทั้งตั้งโต๊ะ และแขวนบนผนัง นอกจากเป็นรูปของผมที่ตั้งเซตถ่ายในสตูดิโอประกอบอัลบั้ม หรือนิตยสาร วารสารฉบับต่างๆ ก็เป็นรูปของผมกับไอ้มาร์ชในอิริยาบถต่างๆ ผมหยุดมือที่กำลังใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดชั้นวางกรอบรูป และยืนจ้องภาพของผมกับไอ้มาร์ชกอดคอกันในวันปัจฉิมนิเทศ
ไอ้มาร์ชเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมจริงๆ จนผมรู้สึกว่าผมขาดมันไม่ได้ ......
“ขาดไอ้มาร์ช ชีวิตของผมก็เหมือนหนังสือที่ปราศจากอักษรและถ้อยคำ”
ผมวางกรอบรูปนั้นลง และรู้สึกว่าต่อไปนี้ไม่ว่าผมจะเป็นอะไร จะตกไปในที่ชั่ว หรือที่ดีสักเพียงไหน ก็จะมีมันอยู่เคียงข้างผมไปตลอด เหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งเมื่อวาน และวันนี้ พิสูจน์แล้วว่า มันจริงใจ และมันไม่หนีผมไปไหนจริงๆ
“เฮ้ยยยย เคลียร์โต๊ะกินข้าวเร็วๆ กับข้าวเสร็จแล้ว รอหุงข้าวแป๊บนึง”
ไอ้มาร์ชเปิดประตูครัว และชะโงกหน้ามาพูดกับผม ร่างของมันเปลือยท่อนบน และเอาผ้ากันเปื้อนสำหรับทำอาหารมาคลุมไว้ กล้ามหน้าอกที่เป็นมัดแน่นดันให้ผ้ากันเปื้อนนูนออกมาตามสรีระอันกำยำล่ำสันของมัน ใจของผมตกลงไปถึงตาตุ่มเมื่อได้เห็นภาพนั้น
เซ็กซี่ และยั่วเยสสส มากกกกกกกกก
ผมดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ และดึงศีรษะขึ้นเป็นอาการสูดหายใจลึกๆ เรียกสติตัวเองกลับมา แต่หัวใจของผมนั้นมันยังเต้นโครมครามอยู่ บ้าจริง.... นี่ก็เห็นอะไรของมันมาจนทุกซอกทุกมุมกายแล้ว ทำไมเพิ่งมารู้สึกสะเทิ้นสะเทือนตอนนี้ ค่าของการที่ผมสูดอากาศเข้าเต็มปอดนั้น ทำให้กลิ่นแกงรัญจวนของไอ้มาร์ชถูกสูดเข้าเต็มปอด กระเพาะอาหารและต่อมน้ำลายทำงานโดยอัตโนมัติ หลังจากที่ไม่ได้แตะข้าวปลาอาหารมาสามสี่วัน ท้องไส้ผมกำลังประท้วงเรียกอาหารอย่างรุนแรง ทำให้อาการปั่นป่วนของผมที่ได้เห็นภาพไอ้มาร์ชอยู่ในชุดคลุมกันเปื้อนกล้ามแน่นๆ นั้นพลันหายไป
ไอ้มาร์ชยกหม้อแกงมาวางที่โต๊ะอาหาร กลิ่นแกงรัญจวนของมันหอมหวนชวนโชยไปทั่วห้อง ผมไม่รอช้า รีบเดินไปหยิบจาน ช้อน และหม้อมข้าวในครัวตามไอ้มาร์ชมา
“อร่อยว่ะ” ผมกล่าวชมฝีมือไอ้มาร์ชด้วยความพอใจ สัมผัสแรกที่ข้าวและแกงแตะลิ้นนั้น ช่างอร่อยและรู้สึกหิวโหยเสียเหลือเกิน
“จริงหรอ” ไอ้มาร์ชถามพลางตักข้าวเข้าปากพร้อมๆ กับผม
“อืม....มึงมาทำกับข้าวให้กูกินบ่อยๆได้ปะ” ผมกล่าวทั้งที่ข้าวเต็มปาก ไอ้มาร์ชสำลักข้าวและหัวเราะร่วน
“เฮ้ยยยย เอาจริงดิ” ไอ้มาร์ชถามทั้งที่หัวเราะและข้าวอยู่เต็มปาก มันยังคงอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน เปลือยท่อนบนสุดเซ็กซี่
“อืม.... ก็มึงอยากให้กูเลิกยาไม่ใช่หรอ ? มาอยู่กับกูเลย แล้วทำกับข้าว ทำงานบ้านให้กูด้วย”
ป๊าบบบบบบ..... ไอ้มาร์ชตบหัวผม
“ไอ้สัดดดด ทีงี้จิกหัวใช้กูเลย” ไอ้มาร์ชมันด่าผม แต่แทนที่ผมจะโกรธมันที่มันทั้งตบ ทั้งด่า ผมกลับรู้สึกถึงความผิดที่มันพูดว่า จิกหัวใช้มัน...ก็จริงของมัน
“มานี่ กูป้อนให้” ไอ้มาร์ชพูดจบ ตักชิ้นซี่โครงอ่อนที่เต็มไปด้วยเนื้อนุ่มๆ คาบไว้ที่ปาก โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว มันชะโงกหน้ามาจูบผม และคายชิ้นซี่โครงนั้นให้ผมกับปากของมัน
ถึงมันจะดูน่าสะอิดสะเอียน แต่ ณ เวลานั้น ในบรรยากาศนั้น และสภาพของไอ้มาร์ชที่ถอดเสื้อโชว์กล้าม มีเสื้อกันเปื้อนสายเดี่ยวคลุมผิวกายอย่างวับๆ แวมๆ ผมกลับรู้สึกถึงความหวาน หอมหวนรัญจวนใจของแกงรัญจวนฝีมือไอ้มาร์ชได้อย่างถึงรสถึงชาติ ผมหลับตาพริ้มและบรรจงเคี้ยวก้อนกระดูกอ่อนนั้นอย่างถึงรสถึงลิ้น เคี้ยวทั้งหลับตาอยู่แบบนั้น และในวินาทีนั้นไอ้มาร์ชก็พูดขึ้นว่า
“มึงรู้ตัวไหม ว่าแค่มึงหลับตา หรือจะลืมตา ก็ทำให้กูหลงมึง และหลงของกูมาหลายปีแล้ว”
ไอ้มาร์ชพูดจบ มันมาจุมพิตเบาๆที่หน้าผากของผม เป็นมื้ออาหารมื้อแรกระหว่างผมกับมันที่รู้สึกถึงความสุข มิตรภาพ และความอบอุ่นที่มอบให้กันและกัน

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
อาจจะเกิดมาคู่กัน

ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พอผมอิ่มท้อง เวลาอาหารของเราสองคนจบลง ก็เหมือนหนังม้วนเดียวจบ ที่ไม่มีท่าทีของม้วนต่อไป อารมณ์ความน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มก็จบตาม
   “กินอิ่มแล้วก็เตรียมอาบน้ำนะท่าน” ไอ้มาร์ชตะโกนออกมาจากห้องครัว ขณะที่มันกำลังล้างจานเสียงดังก๊องแก๊งในครัว
   “ไม่เอาอะ ขอนอนอีกแป๊บได้ปะ” ผมยื่นอุทธรณ์ เพราะตอนนี้ร่างกายรู้สึกล้าเหลือเกิน
   “งั้นรอกูแป๊บนึง” ไอ้มาร์ชตอบกลับมา ผมเผลอหลับไปแป๊บเดียว ไอ้มาร์ชก็มาช้อนตัวผม แล้วอุ้มร่างกายที่ผอมซูบของผมขึ้นจากโซฟา “ไปไปอาบน้ำกัน” ไอ้มาร์ชชวนผมอาบน้ำ ในขณะที่ตอนนี้มันถอดเสื้อคลุมกันเปื้อนออกไปแล้ว กล้ามหน้าอกแน่นๆ อุ่นๆ ดุนแขนของผมในขณะที่ผมอยู่ในอ้อมแขนมัน แต่ก่อนที่ผมจะสร่างจากความง่วง ผมก็พบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าแล้ว  รวมทั้งไอ้มาร์ชด้วย
   “ปล่อยกู” ผมอิดออดที่จะให้มันอุ้ม รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยอัมพาตไงไม่รู้
   “เป็นเหี้ยอะไร มาสะบัดสะบิ้งอะไรตอนนี้ ผอมแห้งจนจะเป็นปลากรอบเขมรอยู่แล้ว เดี๋ยวกูพาไปอาบ”
ไอ้มาร์ชพูดจบมันก็อุ้มผมเดินผ่านห้องนั่งเล่น ไปจนถึงห้องน้ำ มันวางผมลงในอ่างอาบน้ำที่มันเตรียมไว้ น้ำอุ่นๆ และกลิ่นสบู่ที่เจือจางลงในน้ำ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย
   “มึงไปเรียนวิชาหมอนวด อาบ อบ นวด มาตอนไหนวะ” ผมถามมันติดตลก ไอ้มาร์ชหัวเราะตอบ หึหึ
   “ป่าวหรอก” ไอ้มาร์ชหย่อนตัวลงในอ่างประจันหน้าของผม ในวินาทีนั้น ฆรวยของมันแทบจะฟาดหน้าผมเลยทีเดียว เตะตามาก อีดอกกกกก
   “หูยยยย สัดดดด ฆรวยจะฟาดหน้ากูอยู่ละ ออกไปก่อนนนนนนน จะมาอาบพร้อมกูได้ไง อ่างก็มีแค่นิดเดียว ตัวมึงก็ใหญ่” ไม่ทันที่ผมจะห้ามมันทัน มันก็ลงมาในอ่างทั้งตัวแล้ว
   “อย่าบ่นน่า อาบน้ำกับผัว ทำมาเป็นเขินอาย”
“มึงอะ แบบนี้ตลอด ชอบฉวยโอกาสกู”
“ฉวยอะไรวะ กูมาดูแลมึงนี่ไง”
“เหอๆๆๆ นี่ถ้ากูท้องได้ กูมีลูกกับมึงเป็นโหลแล้วสัดด อย่าให้พูดเลยเรื่องฉวยโอกาสน่ะ”
“มา กูขัดหลังให้” ไอ้มาร์ชจับตัวผมพลิกไปด้านหลัง ดูเหมือนว่าผมจะผอมแห้งแรงน้อยเสียจริงๆ เพราะความรู้สึกตอนที่ไอ้มาร์ชจับตัวและพลิกนั้น มันช่างดูง่ายดาย ไร้น้ำหนักเสียเหลือเกิน
“มึงไม่ดูแลตัวเองเลย แล้วจะเป็นซุปตาร์ได้ไง” ไอ้มาร์ชตำหนิผม เมื่อมันเริ่มลูบไล้สบู่ไปตามแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยสิว และสภาพผิวที่แห้งกร้าน
“มึงก็มาดูแลกูสิ”
“นี่...กูถามจริงนะ ที่มึงพูดๆ มาเนี่ย มึงพูดจริง หรือแค่เมายาค้างอยู่วะ”
“พูดจริง กูก็มีแต่มึงแหละไอ้มาร์ชที่คอยดูแล”
“กูจะถือเป็นคำชมนะ แต่.... นี่ไม่ใช่กำลังบอกใบ้ให้กูทำคะแนนให้มึงมารับรักกูใช่มะ?”
“เฮ้ออออ เลิกหวังเถอะ ทำไมวะเพื่อนจะช่วยเพื่อนไม่ได้หรอ”
“แล้วเพื่อนแบบไหนวะที่เยสสสกัน อาบน้ำด้วยกัน ถูหลังด้วยกัน กูงงว่ะ” ไอ้มาร์ชถามคำถามแทงใจผม ก็จริงของมัน เพื่อนที่ไหนเขาทำกันแบบนี้
“ไม่รู้แหละ กูว่าเราสองคนเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว” ผมยืนยันที่จะใจแข็ง ในความรู้สึกขณะนั้น ไม่ว่าจะเริ่มหวั่นไหว ใจเต้นตูมตามกับรูปลักษณ์ที่ดูเฟิร์มขึ้นของมัน หรือการปรนนิบัติพัดวีของมัน หรือจะอะไรก็ตามที่จะทำให้ผมเริ่มรู้สึกสะกิดใจบ้าง ผมก็คิดว่า เราคงไปด้วยกันไม่ได้ เพราะผมไม่คิดว่ามันจะเป็นคนที่ดีที่สุดของผม ความคิดนี้ ยังคงตอกหมุดตรึงใจผมไว้ไม่ให้พ่ายแพ้แก่มัน
“อืม.... รักกูเมื่อไหร่มึงก็บอกละกัน สัดดดด จีบมาตั้งแต่ ม.สี่ จนเยสสกันรูแทบจะบานเท่าปากโอ่ง กูยังไม่มีหวังเลย”
“สัดดดด รูกูไม่บานขนาดนั้น เหี้ยยยยย”
“อืม.... มาหันหน้ามา เดี๋ยวกูขัดตัวให้”
เหมือนช่วงเวลานี้จะยั่งยืนยาวนาน ผมกับมันผลัดกันอาบน้ำถูตัว แลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน การที่ผมได้เปิดใจคุยกันในสภาวการณ์แบบนี้ มันทำให้ผมได้รู้ว่าไอ้มาร์ชมีความคิดอ่านที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากทีเดียว แต่ผมสิกลับรั้งท้ายในเรื่องความคิดเสมอๆ ด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้ผมติดอยู่ในวังวนของการมีเซ็กส์ และติดยา และมีเซ็กส์วนไปวนมาแบบนี้
หรือบางที ฟ้าจะส่งมันมาเพื่อช่วยสอนให้ผมได้รู้ว่า ยังมีคนที่หวังดี และพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้กับผมเสมอ หรือว่าฟ้าจะส่งมันมาให้เป็นคู่ของผมก็ไม่สามารถรู้ได้ เพราะผมไม่สามารถรับรู้ถึงสัญญาณความเป็นคู่แท้ หรือสายใยอะไรจากมันเลย นอกจากตอนนี้สิ่งที่ผมรู้อยู่อย่างเดียว คือ ผมขาดมันไม่ได้

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ก็ปิดใจเองนี่นา แถมยังมีจุดมุ่งหมายสูงและหนักแน่นขนาดนั้น

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มาร์ชช่างถึกทนจริงๆ
เอ้าเริ่มต้นกันใหม่นะ

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
นี่แหละน้า เพราะปิดใจอยู่อย่างนี้ถึงมองข้ามสิ่งดีๆที่อยู่ข้างๆมาตลอด
แต่ใครจะไปรู้วันนึงจันอาจจะเจอคนที่ดีกว่ามาร์ชก็ได้ มาต่ออีกไวๆเลย

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
มาร์ชดีขนาดนี้ ทำไมยังใจเเข้ง ปากแข็ง ทำตัวแบบนี้อีก
สงสารอ่ะ บางทีรักมากไปก้ไม่ดีนะ

ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :oo1: :oo1:

เช้าวันใหม่มาเยือน ฝนตกพรำๆ จนหน้าต่างมีละอองน้ำเกาะเต็มไปหมด ผมสะดุ้งตื่นจากความฝันที่ผมฝันว่ากำลังเล่นยาอย่างสนุกสนานกับน้องเจมส์ ไม่รู้ว่าจะเป็นเจมส์หรือไม่ที่เป็นคนเผยแพร่คลิปดังกล่าว แต่ว่าผมค่อนข้างจะแน่ใจทีเดียวว่าเป็นเขา ผมมองออกไปนอกหน้าต่างที่ ข้างนอกนั้นบรรยากาศอึมครึม แต่ก็ยังคงรู้สึก และสัมผัสได้ถึงความสดใสในยามเช้า
ผมหันไปมองรอบๆ ตัว ห้องของผมดูสะอาดสะอ้านขึ้น ของทุกอย่างที่เคยวางอยู่ระเกะระกะ เมื่อคืนไอ้มาร์ชจัดวางให้มันเข้าที่เดิม และเช็ดทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย ผมหันมามองร่างของไอ้มาร์ชที่ยังคงกระหวัดแขนมากอดที่เอวของผม แม้ผมจะยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก็ตาม มันยังหลับตาพริ้ม ร่องรอยฟกช้ำที่จมูก และปากของมันยังคงปรากฏให้เห็นเด่นชัดบนใบหน้า
พี่กบโทรเข้ามา...
“น้องจัน ตื่นยังคะ”
“ตื่นละครับพี่ ว่าไงครับ”
“คืองี้นะ น้องจันไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เมื่อวานนี้พี่เข้าไปที่บริษัทแล้ว สรุปว่า น้องจันไม่ต้องแถลงข่าว ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น นอกจากเงียบไว้ และรอการถามจากนักข่าว นักข่าวถามอะไรมา หนูมีหน้าที่แค่บอกปัด และปฏิเสธว่าคนในคลิปไม่ใช่หนู วันนี้เราจะมีงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่พาราตอนบ่ายโมง น้องจันเตรียมตัวนะคะ พี่เขียนตารางไว้ให้แล้วเห็นใช่ไหม มาถึงงานก่อนเวลานะ สักสิบโมงเช้า  เพราะจะต้องมาแต่งหน้า ทำผมด้วย ซ้อมคิวด้วย”
“ได้ครับ ขอบคุณพี่กบมากๆ”
ผมวางสายจากพี่กบ และปลุกไอ้มาร์ช ภาพที่มันนอนอยู่นั้น ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง ไม่รู้ว่ามันไปตากแดด ตากลมที่ไหนมา ผิวสีแทนแดงที่ถูกแผดเผานั้น แทนที่จะดูไม่น่าชม กลับดูว่าเซ็กซี่ และดูฮอตที่สุด อ้อ... มันคงซ้อมลีดกลางแดดสินะ ถึงได้ตัวดำขนาดนี้
“ตื่นได้แล้วไอ้มาร์ช”
“อะไรอ่า นี่มันยางเช้า อยู่เลยยยยยย”
“ก็เพราะเช้านี่แหละ กูจะต้องไปทำงาน”
“แล้วมึงไม่มีเรียนหรอวะ”
“โดดดิ”
“เออ ดีเนอะ”
ผมกำลังจะลุกไปอาบน้ำก็พอดีกับที่ไอ้มาร์ชเอาแขนมาสกัดผมให้ตัวล้มลงไปที่เตียงอีกครั้ง
“อะไรเนี่ย ไอ้ห่า กูจะไปอาบน้ำ”
“อย่างเพิ่งดิ กูขอของแถมก่อน”
“ของแถมอะไร”
“กูกับมึงไม่ได้เยสกันเลยอะ หลายเดือนแล้ว”
“ไม่อาวววววววว กูไม่อยากโดนมึงเยส”
ผมพยายามค้อนควักผลักไสด้วยมารยา แหม บางทีก็อย่างที่บอกอะนะ แม้ฮี๋จะเน่า จะบานเท่าหลุมหลบภัยขนาดไหน มันก็ต้องมีย้อมแมว ต้องต่อปาก ต่อคำ ต่อราคา ดัดจริตให้มันดูแพงขึ้นบ้าง
“มาๆๆๆ มานะๆๆๆๆ”
พอพูดจบไอ้มาร์ช กอดผม และระดมจูบ ความรู้สึกเดิมๆ ระหว่างผมกับมันกลับมากระจ่างในใจผมอีกครั้ง สัมผัสของรสจูบนั้น ช่างไม่ต่างจากวันที่มันจูบผม และฉวยโอกาสมอบคำว่าเมียให้กับผมเลย จังหวะรักของมัน ถึงแม้จะไม่ลึกล้ำ หรือโลดโผนนัก แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่น และวาบหวามรัญจวนใจเหลือเกิน
“กูรักมึง กูรักมึง กูรักมึง” ไอ้มาร์ชรำพึงรำพันขณะที่มันกำลังโยกเอว เป็นจังหวะ
“เหี้ยอะไรเนี่ย”
“กูจะบอกซ้ำๆ ไงว่ากูรักมึง” มันกระแทกเอวเข้ามาหาผมอีกครั้ง จนเสียงดึง บึ๊กๆๆ
“โอ้ยยยย กูเจ็บบบบบบ”
“ให้เจ็บแบบนี้แหละ” มันพูดพลางกระแทกเอวอีกหลายๆ ครั้ง
“โอ้ยยยยย กูเจบบบบบ”
“ไม่เจ็บเท่ากับกูหรอก ที่รัก”
แล้วผมก็ตกเป็นเมียมันในรอบหลายๆ เดือน และไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ที่มันได้ผมเป็นเมีย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แหม่  ยังจะฝันถึงไอ่เจมส์อีกนะ ก็ต้นตอก็ไม่น่าจะเป็นคนอื่นหรอก อยากจะรู้นักว่าจะปั้นหน้ายังไงใส่จันอีก

ยังสงสารมาร์ชเช่นเคย

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
มาร์ชดีมาก ตอกย้ำมันเข้าไป เผื่อจะซึมเข้าสมองชั้นในได้
แต่ถ้าไม่ซึม มาร์ชก็มองๆคนอื่นบ้างนะ อย่าปิดโอกาสตัวเองเลย เฮ้อ
บางทีเราอาจเกิดมาใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อรอคู่ที่แท้จริงก็ได้

ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :z3: :z3: :z3: :z3:

หลังจากที่โดนมันเยสส จนฮี๋เกือบจะเป็นหลุมหลบภัย ผมก็หนีมันออกมาจากห้องนอนและวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ต้องใช้คำว่าหนี เพราะมันจะต่ออีกเป็นครั้งที่สอง
ฮี๋นะ....ไม่ใช่เหล็กไหล อีดอกกกกกก
ถ้าเปรียบการโดนเยสเหมือนอุบัติเหตุ ที่ผ่านมาตอนที่ผมเล่นยา ก็เหมือนผมประสบอุบัติเหตุทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง ถ้าทำได้ก็อยากจะร้องบอกคุณกิตติ ข่าวสามมิติว่า “ช่วยผมด้วยครับ ผมประสบอุบัติเหตุ ฮี๋พัง” ไปแล้วล่ะครับ
ดูเหมือนจันคนเดิมจะหลับมาแล้วใช่ไหม?
คนที่มีความคิดโลกีย์ ต่ำตม หมกมุ่นแต่ในกามคุณ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แต่จริงๆ ปัญหามันก็ยังไม่หายไปไหนหรอก ก็แค่รอการเคลียร์ให้มันหายไป หรือหลีกเลี่ยงไม่ไปประสบมันตรงๆ นั่นเอง
ผมอาบน้ำแต่งตัวออกจากคอนโดพร้อมกับไอ้มาร์ช เช้านี้ผมรู้สึกดีมากขึ้นแล้ว ฤทธิ์ของยาได้สร่างลงไปมาก ผมเรียกตัวเองกลับคือมา โดยการแต่งตัว ขัดผิว และหวีผมให้เรียบร้อยก่อนไปทำงาน จริงๆ ผมก็ยาวแหละ ก็มีแค่หวีให้มันไม่รุงรังแค่นั้นเอง
“กูว่ามึงน่าจะไปตัดผมนะ” ไอ้มาร์ชแนะนำผมขณะที่มันนั่งรถไฟฟ้าไปส่งผมที่พารากอน
“เออ...กูก็อยากตัด แต่กูจะทำอะไรมากไม่ค่อยได้ บริษัทเขาจ้างสไตลิสต์มาดูแลกู กูจะตัดตามอำเภอใจได้ที่ไหน”
“หรอ.... แต่กูว่ามึงไว้ผมยาวแล้วดูโทรมว่ะกูคิดถึงไอ้จันของกูที่ผมสั้นๆ หน้าใสๆ ดูเป็นคนสุขภาพดี ปากแดง แก้มสีส้มๆ เหมือนเลือดฝาด”
“เลือดฝาดมันต้องสีแดงไม่ใช่หรอวะ”
“อ้าว...มึงรู้ไหม คนไทยเราแต่เดิม จะเรียกแก้มว่า..ปราง ราชาศัพท์ พระปราง ก็แปลว่า แก้ม ปรางนั้น มีที่มาจากเวลาที่คนไทยสมัยก่อนไม่ได้เป็นคนผิวขาวใช่มะ แต่ผิวสีเหลืองนวล หรือออกสีน้ำผึ้ง จนถึงสีแทน คราวนี้เวลาที่อากาศร้อนๆ หรือเหงื่อออก แกมก็จะเป็นสีออกส้มๆ แดงๆ ตรมสีผิวที่ไม่ได้ขาวอมชมพู สีเหมือนผลมะปรางสุกไง เขาถึงเรียกว่า ปราง ที่แปลว่า แก้ม......”
“อ่อ....กูลืมนึกไป ว่ามึงชอบเรื่องอะไรๆ แบบนี้ ลืมนึกว่ามึงน่ะหัวโบราณ ชอบทำกับข้าว ชอบอ่านกลอน นิยายขุนช้างขุนแผน แถมยังเป็นนักเรียนได้รางวัลประกวดอ่านทำนองเสนาะ”
“ป่าวเว้ยยยยย กูใฝ่รู้”
“อืม...ถึงแล้ว เดี๋ยวถ้าไงเย็นนี้เจอกันที่คอนโดกู อะ เอากุญแจไป แล้วเอาไปปั๊มซะ แล้วเย็นนี้มาทำกับข้าวให้กูกินอีกนะ” ผมสั่งไอ้มาร์ชเสร็จ ก็รีบเผ่นออกมาจากตู้รถไฟฟ้า แล้วหันกลับมาโบกมือบ๊ายบายให้มัน ก็ได้เห็นไอ้มาร์ชมันยืนยิ้มแฉ่งฟันขาวอยู่หลังกระจกประตูรถไฟฟ้า นี่อาจเป็นแรงใจ กำลังใจหนึ่งเดียวของผมเลยก็ได้ ในวันที่ผมต้องเจอเรื่องร้ายๆ และต้องเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่โลกในจิตนาการอย่างเมื่อตอนเล่นยา
ผมมาถึงที่บริเวณห้องแต่งตัวนักร้องนักแสดง ผมก็ไปแต่งตัว และแต่งหน้า และขึ้นคอนเสิร์ต ทุกอย่างดูรีบร้อน ลุกลี้ลุกลน จนผมไม่ได้กินน้ำหรืออาหารสักคำก่อนขึ้นเวที จริงๆ เจ้าภาพงานก็ไม่ได้ใจร้ายหรอกนะ แต่ผมเองนี่แหละ ที่เครียดเพราะกลัวว่าวันนี้จะต้องตอบคำถามสื่ออะไรบ้าง แล้วต้องทำอย่างไร มันตื่นเต้นจนกินอะไรไม่ลง
วันนี้แฟนคลับและแฟนเพลงของผม แน่นขนัดเหมือนเดิม ผมเลือกร้องเพลงที่ดังที่สุดของผม และร้องเพลงของศิลปินท่านอื่นมากมาย ทุกคนดูจะสนุกสนานกับมินิคอนเสิร์ตของผม จนเมื่อถึงเพลงสุดท้าย ผมเป็นลมกลางเวที
ภาพเลือนรางระหว่างที่ผมโดนหามส่งโรงพยาบาลนั้นวุ่นวายมาก จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าผมล้มลงไปหัวฟาดกับพื้น และจากนั้นก็วูบไปสักพัก แล้วก็พยายามจะลุกขึ้นจากพื้น แต่ก็ล้มฟาดลงไปจากเวทีอีกครั้ง รู้สึกว่าล้มครั้งที่สองนี้หนักมาก เลือดไหลอาบใบหน้าไปหมด ปวดหัวจี๊ดดดดดดดดดดดด แล้วก็สลบไปตรงที่ล้มครั้งที่สอง
พอตื่นขึ้นมาอีกที ก็รู้สึกถึงการโดนอุ้ม โดนหามลงไปนอนบนเปล แล้วก็ขึ้นรถพยาบาล แล้วก็เสียงโหวกเหวกของพี่กบว่า “ขอทางหน่อยค่ะ อย่ามุงสิคะ บลาๆๆๆๆๆๆ” หวีดวีนของนางอยู่คนเดียวทั้งงาน และก็ขึ้นมาอยู่บนรถพยาบาล แล้วก็จำอะไรไม่ได้ ภาพมันปะติดปะต่อยาก เหมือนจะเป็นเพราะผมหัวฟาดพื้นด้วยแหละ เลยเบลอ
แล้วผมก็ได้ยินเสียงพี่กบพูดว่า “ช่วยน้องด้วยนะคะ  คุณหมอบี” แล้วก็อะไรๆ วุ่นวายมาก ถูกเข็นเปลเข้ามาในห้องอะไรสักอย่าง มีสายระโยงรยางค์ไปหมด แล้วผมก็ทนความปวดหัวไม่ไหว หลับไปในที่สุดไม่รู้ว่านานมากแค่ไหน แต่ผมรู้สึกว่าผมไม่อยากตื่น อยากนอนอยู่แบบนั้น อยากหลับอยู่แบบนั้น ไม่ต้องตื่นมาเจออะไร หรือเผชิญอะไร
ผมตื่นขึ้นมาอีกที...... ก็พบว่าดอกไม้ แจกัน และอื่นๆ เต็มห้องผมไปหมด พร้อมกับคุกกี้โหลใหญ่มหึมาที่วางอยู่บนโต๊ะเบื้องหัวนอนของเตียงผู้ป่วย คุณหมอเจ้าของไข้เดินเข้ามาหาผม ดูเหมือนเขาจะมาเฝ้าดูผมอยู่ด้วยที่ข้างเตียง พี่กบไปไหนไม่รู้ อยู่แต่คุณหมอ ในหัวสมองมีแต่ความมึนงง งงว่าตัวเองมานอนทำอะไรตรงนี้ งงว่าทำไมถึงปวดหัว รู้สึกคลื่นไส้นิดๆ
“พี่หมอบีเองนะครับ จำได้ไหม” พี่หมอบีชี้ที่ตัวของเขา แล้วก็ชี้ไปที่คุกกี้  ผมยังคงจำอะไรไม่ได้ เพราะยังรู้สึกมันๆ เบลอๆ ขนาดที่ว่าผมล้มได้อย่างไร ทำไมถึงล้ม ล้มที่ไหน หรือทำไมหัวถึงฟาด ใช่ล้มแน่หรือ หรืออะไรก็ตาม มันวกวนไปหมด จำแม้แต่เหตุการณ์ก่อนและหลังล้มไม่ได้เลย
“อ่า ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องนึก คือ น้องจันล้มหัวฟาดพื้นไป อาการอาจบังไม่ดีขึ้นภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น หรือบางรายอาจมีอาการที่นานกว่านั้นได้ น้องจันปวดหัวไหมครับตอนนี้”
“อะไรนะครับ?” ผมทวนคำถามอีกครั้ง เพราะไม่เข้าใจที่เขาพูด ดูเหมือนจะงง และมึนเกินไปสำหรับผมตอนนี้
“ปวดหัวไหมครับ?”
“อ้อ...ปวด....ปวดครับ”
“ครับ น้องจันจะมีอาการจำเหตุการณ์ไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นอาจจะเป็นการจำเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุไม่ได้ หรือจำเหตุการณ์หลังเกิดเหตุไม่ได้ หรือมีความรู้สึกตื่นตัวลดลง ซึมลง พี่หมออาจเรียกน้องจันแล้วน้องจันยังไม่ตอบสนองเป็นเรื่องปกตินะ แต่เดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ ตอนนี้น้องจันยังขยับแขนขาได้ไหม หรือแขนขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรงกว่าอีกข้างไหมครับ?”
ผมลองขยับแขนขาตามที่พี่หมอเขาบอก ก็สามารถขยับได้ตามปกติ
“ยังขยับได้ครับ”
“ยังมีอาการปวดหัวไหมครับ”
“ก็ยังปวดครับ”
“แล้วมีอาการคลื่นไส้อาเจียนไหม?”
“ก็มีครับ”
“โอเค....พี่หมอไม่ถามมากดีกว่า น้องจันต้องพักผ่อน ตอนนี้พี่หมอออกเวรพอดี คุณกบเพิ่งออกไปสักครู่นี้เองครับ พี่เลยแวะมาดูน้องจัน พักผ่อนนะ เดี๋ยวพี่อยู่ดูแลอยู่ตรงนี้แหละ”
ความรู้สึกตอนนั้น ผมไม่รู้สึกอยากจะยินดี ยินร้ายอะไรกับใคร ถึงตอนนี้ผมก็ยังจำคุณหมอคนนี้ที่เขาแทนตัวว่าพี่หมอไม่ได้เลย แต่ก่อนที่จะคิดอะไรให้ปวดหัวมากกว่านี้ ผมก็หลับไปในที่สุด

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
จันเป็นอะไรอ่า

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ไม่เอานะ. ห้ามรักหมอ ห้ามลืมมาร์ชนะ :ling1: 


ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาร์ช กลับมาถึงเพนท์เฮาส์ของจัน ในมือของเขาหอบหิ้วผัก ผลไม้ และเนื้อสด สำหรับทำกับข้าวให้กับจัน เขาใช้เงินเก็บเท่าที่เขามี แบ่งมาบางส่วนเพื่อจ่ายค่ากับข้าวให้กับจันสุดที่รักของเขา จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ยากจนข้าแค้นอะไรมาก สำหรับมาร์ชที่ทำงานเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ และงานพาร์ทไทม์อื่นๆ ปากกัดตีนถีบส่งตัวเองเรียนมาตลอดนั้น ถือเป็นเรื่องที่เขาชาชินไปเสียแล้ว การทำงานเพื่อหาเลี้ยงปากท้องเพียงลำพังของเขา ก็เปรียบเสมือนการพยายามที่จะหายใจ เพื่อมีชีวิตอยู่
มาร์ชใช้คีย์การ์ดเปิดประตู และเดินเข้ามาในห้อง
“คงยังไม่กลับมั้ง” มาร์ชพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะเร่งรีบขนของทั้งหมดเข้าไปในห้องครัว อาการที่เร่งรีบขนของพะลุงพะลังเข้าห้องครัวนั้น ทำให้เขาสะดุดล้ม แต่แทนที่เขาจะป้องกันตัวเอง มาร์ชกลับพยายามปกป้องพืชผักผลไม้ที่เขาซื้อติดมือกลับมา แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความพยายามและแรงใจในการทำกับข้าวของเขาลดลง การที่ได้ทำอะไรให้กับจันนั้น เป็นสิ่งที่มาร์ชเต็มใจทำ และตั้งใจทำให้ทุกๆ อย่าง และถือเป็นความสุข ในโลกแห่งความว่างเปล่าของเขาที่มีแต่จันเพียงผู้เดียวที่มีตัวตนอยู่ในโลกใบนั้น
มาร์ช ลงมือทำแกงเขียวหวาน กับทอดมันปลากราย ตามแบบฉบับคนเพิ่งหัดทำกับข้าว การทำอาหารของมาร์ชก็คือ การซื้อผงปรุงรส และวัตถุดิบมาตามวิธีทำในอินเตอร์เนตที่เขาหาได้ จริงๆ เขาก็ไม่ได้เป็นคนทำกับข้าวเก่งอะไรมากมาย แต่ด้วยพรสวรรค์ และการรู้จักประมาณส่วนผสม และพรสวรรค์ในการปรุงรสอาหารที่เขาค้นพบ ทำให้การทำอาหารของมาร์ช เป็นอีกสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้เรื่องอื่นๆ
เสียงทีวีเปิดช่องสลับไปมา ระหว่างที่มาร์ชนั่งรอจันอยู่บนโซฟา ใจเขารู้สึกกระวนกระวายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน บัดนี้อาหารที่เขาตั้งใจทำนั้น ก็ได้เสร็จพร้อมกินแล้ว แต่จันยังไม่กลับมา แอร์เย็นๆ ในห้อง เริ่มทำให้อาหารเย็นลงไปด้วย มาร์ชเดินมาที่โต๊ะอาหาร และนั่งรอกดโทรศัพท์ไปสักพัก ก็เดินมานอนเล่นที่โซฟา จนผล็อยหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาเช้าแล้ว
มาร์ชรีบหันรีหันขวางมองไปรอบๆ ห้องเพื่อหาร่องรอยการกลับมาของจัน ไม่มีสัญญาณหรือร่องรอยที่เขาคาดหวังว่าจันจะกลับมา เมื่อเขาเริ่มออกเดินหาจันไปทั่วห้อง เขาเดินมาที่โต๊ะอาหาร อาหารที่เจตรียมไว้นั้น เย็นชืดไปด้วยอากาศที่เย็นเฉียบภายในห้องนั่งเล่น ก่อนที่เขาจะหยิบจานชามไปเก็บในครัว ก็พอดีกับที่พี่กบโทรมาหาเขา
“ครับพี่กบ”
“น้องมาร์ช อยู่ไหนคะ”
“อยู่ห้องของจันอ่ะครับ พี่กบกับจันเสร็จงานยังครับ นี่ผมเข้าครัวทำกับข้าวไว้รอแล้วนะ รีบกลับมานะครับ”
“คือ.... พี่มีเรื่องจะบอก”
“ครับ?”
“จันเขาเป็นลมบนเวที”
“อ้าว” มาร์ชอุทานสวนคำกล่าวของพี่กบ ใจของเขาตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ในขณะเดียวกัน เขาก็กลับรู้สึกถึงญาณรับรู้และอาการกระวนกระวายใจเมื่อสักครู่ บัดนี้มันได้เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
“คือ สมองกระทบกระเทือนนิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรหรอก มาร์ชมาเยี่ยมจันดีกว่าไหม”
“ครับๆ ที่ไหนครับ”
“โรงพยาบาลสิทธิเวช ทองหล่อ ค่ะ คือ เป็นโรงพยาบาลของคุณหมอบี แฟนคลับของจันเขาน่ะ ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้คุณหมอบีรับจันไว้เป็นคนไข้ของเขาแล้ว”
“อ่อ...ครับๆ งั้นเดี๋ยวผมรีบไปเลยดีกว่าครับ”
“จ้ะ”
มาร์ชรีบคว้าเสื้อแจ๊คเก็ตหนังสีดำตัวเก่งของเขา และซิ่งมอเตอร์ไซค์คันเก่าของเขาออกไปจากคอนโด ในใจของเขาไม่ห่วงอะไรนอกจากอาการของจัน
“ขออย่าให้เป็นอะไรมากเลยนะจัน เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนจริงๆ” มาร์ชพึมพำขณะที่เขาสวมหมวกกันน๊อค และโจนขึ้นมอเตอร์ไซค์ บิดคันเร่งเต็มที่ไปยังที่หมาย
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล นักข่าว และแฟนคลับของจันได้มาสิงสถิตรอฟังข่าวอาการบาดเจ็บของจันอย่างเนืองแน่นแล้ว พี่กบรีบคว้าตัวมาร์ชและพาเดินเข้าไปในลิฟต์
“มาร์ช ทำไมมาเร็วจัง”
“ผมเป็นห่วงจันมันออะพี่”
“เป็นห่วงตัวเองด้วยสิ นี่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาอีกคน จะทำยังไงกัน”
“ครับ”
“อะ เดินไปห้องสุดท้ายด้านขวานะครับ เดี๋ยวพี่กบขอตัวลงไปหานักข่าวก่อน คุณหมอบีน่าจะอยู่ในห้อง จันยังไม่ตื่นเลย ไงพี่ฝากมาร์ชดูแลจันก่อนนะ”
“ได้ครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” มาร์ชตอบพี่กบอย่างตื้นตันใจ ที่เขาได้ทำหน้าที่เสมือนผู้พิทักษ์ของจัน
เมื่อเดินเข้าไปตามทางเดินที่มุ่งไปสู่ห้องพักผู้ป่วยที่จันพักอยู่ มาร์ชสังเกตเห็นโต๊ะเยี่ยมที่ตั้งอยู่หน้าห้องผู้ป่วย บนโต๊ะมีสมุดเยี่ยมเล่มหนาเล่นหนึ่งวางไว้ นอกจากนั้นก็มีแจนกันดอกไม้ และกระเช้าผลไม้สำหรับเยี่ยมผู้ป่วย ช่างรวดเร็วเสียเหลือเกินสำหรับการเยี่ยมที่จัดเต็มภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงแบบนี้
มาร์ชเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เขาเห็น คือ ชายร่างสูงที่สวมชุดกาวน์กำลังยืน และชะโงกหน้าเข้าไปหาใบหน้าของจันที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อตช์ทั้งหัว ชายคนนั้นมองจันด้วยความเสน่หา ก่อนที่จะก้มลงไปจูบที่หน้าผากจันเบาๆ
“อื๊มมมมมม อึ๊มมมม” มาร์ชแสร้งทำเสียงกระแอมไอเพื่อสกัดชายที่สวมชุดกาวน์คนนั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงกระแอมไอของมาร์ช ชาวที่สวมชุดกาวน์ก็สะดุ้ง และหันกลับมามองเจ้าของเสียง
“ผมมาร์ชครับ เป็นพี่ชายของจัน”
“พี่ชาย?” ชายสวมชุดกาวน์ถามด้วยความสงสัย
“ครับ....”
“อ้อ...ครับ ขอโทษที พอดีมีแมลงมาเกาะที่หน้าผากน้องจัน คุณหมอเลยเอาออกให้”
“อ้อ...ครับ”
“ถ้าไงหมอขอตัวก่อนนะครับ” คุณหมอบีเดินจากไป และปิดประตูห้อง มาร์ชรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลในตัวของคุณหมอคนนี้ ก่อนที่เขาจะคิดกินแหนงแคลงใจอะไรต่อไปกับคุณหมอบีนั้น เขาก็เดินมาที่เตียงของจัน
จันลืมตา......
“จัน....เป็นไงบ้าง”
++++++++++++++++++++++++++
ผมลืมตาขึ้น ก็พบว่ามาร์ชมาชะโงกหน้า และถามไถ่ถึงอาการของผม ในนาทีนั้น มาร์ชดูเปล่งประกายภายใต้แสงแดดที่สะท้อนเข้ามาในห้องผู้ป่วย นี่ผมฝันไป หรือผมได้เจอกับเทวดา ทำไมมันหล่อแบบนี้
“มาร์ช!” ผมกล่าวด้วยความดีใจ ไม่นึกว่าจะมีเพื่อนมาเยี่ยมผม
“เออ...กูเอง”
“กู ??? ทำไมพูดกับเราไม่ดีเลย”
“แหม...มาไม้ไหนอีกละครับคุณชายจัน ตื่นมาก็พูดภาษาดอกไม้กับกูเลย”
“นายเป็นอะไร ทำไมนายไม่พูดกับเราดีๆ” ในขณะที่ผมคุยอยู่กับมาร์ช กลับรู้สึกแปลกใจที่มาร์ชพุดจากับผมไม่เพราะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มาร์ชเป็นเพื่อนที่สุภาพกับผมมาก
“เฮ้ยยยย นี่มึงเพี้ยนหรือเปล่า”
“เปล่านี่...เราไม่ได้เพี้ยน เราแค่หัวฟาด หรืออะไรสักอย่าง แล้วเราก็ปวดหัวมาก”
“เฮ้ยยยยย มึงเพี้ยนจริงๆ!” มาร์ชอุทานด้วยความแปลกประหลาดใจ
“เราไม่คุยกับนายแล้ว นายมาว่าเราเพี้ยน โอยยยยยย....” ผมร้องด้วยความเจ็บปวดที่หัวเป็นสุดกำลัง จังหวะการเต้นของชีพจรที่ขมับทั้งสองข้าง เปรียบเสมือนจังหวะของคีมด้ามยักษ์ที่กำลังบีบขมับของผมอย่างรุนแรง
ในขณะที่มาร์ชเข้ามาประคองผม ผมก็รู้สึกน้อยใจเขาเล็กน้อยที่เขาดูหยาบกระด้าง และว่าผมเพี้ยน ผมไม่ได้เพี้ยน ผมก็เป็นคนนิ่มๆ สุภาพๆ แบบนี้มาตลอด ในแบบที่แม่ผมสั่งสมมา มาร์ชนายทำไมถึงพูดกูมึง และมีทีท่าสนิทสนมกับผมมากขนาดนั้น ผมไปสนิทกับเขาตอนไหน หรือไปมีสัมพันธ์อะไรใกล้ชิดกับเขามาก่อนหน้านี้หรอ ก็ไม่ใช่ ผมนึกไม่ออก นอกจากที่โรงเรียนอย่างมากมาร์ชก็แค่เดินมาหาผม แล้วก็บีบก้นผม แค่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกเขิน และอายมากๆ แล้ว
ตกลง ผมหรือมาร์ชกันแน่ที่เพี้ยน...แต่ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้เพี้ยนแน่ๆ

ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
"เฮ้ยยย ถามจริง ไอ้จัน มึง... เอ้ยยย นายสมองเสื่อม?" มาร์ชถามผม พลางทำหน้าสงสัยใคร่รู้ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงถามแบบนั้น แต่มันก็แปลกมากทีเดียว

"เปล่านี่ ถ้าเราสมองเสื่อม เราก็ต้องจำนายไม่ได้สิ" มาร์ชทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก พลางส่ายหัวไปมา

"ไม่อะ"

"ไม่อะไร?"

"นี่ไม่ใช่จัน"

"จะบ้าหรอมาร์ช นี่เราเอง จะใครล่ะ? แล้วนี่แม่เราไปไหน?"

"แม่?"

"ใช่ แม่เรา ครูประจำชั้นนายไง"

"หาาาาา นี่เรามาเรียนที่กรุงเทพฯแล้วนะมึง เอ้ยๆ โทษๆ เรามาเรียนที่กรุงเทพฯ แล้วนะจัน นี่ไงเรายังอยู่ในชุดนิสิตอยู่เลย ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนขาสั้นแล้ว"

ผมมองสำรวจมาร์ชตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ประจักษ์ว่า มาร์ชอยู่ในชุดนิสิต

พี่หมอบีเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพอดี ผมก็ยิ้มให้เขา

มาร์ชเดินไปหาคุณหมอ พลางจับมือคุณหมอเดินออกไปข้างนอกห้อง

+++++++++

"มะ มะมีอะไรครับน้อง"

หมอบีถามอย่างประหลาดใจเมื่อออกมาอยู่นอกห้อง

"เพื่อนผม อ่อ... น้องผมน่ะครับ ทำไมเขาดูเหมือนจำอะไรไม่ได้โดยเฉสะเหมือนความทรงจำช่วงที่มาอยู่กรุงเทพฯ หายไป แล้วก็มีท่าทางกับผมแปลกๆ"

"มันเป็นอาการหลังสมองกระทบกระเทือนน่ะครับ น้องจันอาจจำอะไรไม่ได้ในช่วงสั้นๆ และที่สำคัญบุคลิกอาจเปลี่ยนได้"

"อ้อ... แล้วเขาจะคืนความทรงจำกลับมาไหมครับ?"

"แน่นอนครับ สักพักก็จะคืนกลับมาเอง แต่ว่าเรื่องบุคลิกบางรายก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง บางรายก็ค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิม บางรายก็อาจแย่ลง หรืออุปนิสัยดีขึ้น ขึ้นอยู่กับอาการ แต่สำหรับจัน หัวฟาดพื้น สองครั้ง แถมโดนจุดที่บอบบางคือ ขมับ ไม่ได้กระเทือนมาก แต่ก็อาจส่งผลบ้างน่ะครับ ถ้ายังไง หมอก็ต้องฝากกับน้อง..."

"มาร์ชครับ"

"อ้อ น้องมาร์ช ให้ช่วยดูแล ด้วยนะ อยู่ด้วยกันใช่ไหม?"

"ใช่ครับ"

"เป็นแฟนกัน?"

"เอ้ยย ไม่ใช่ครับ บอกแล้วว่าพี่น้องกัน"

"อ้อครับ งั้นดี"

"ดี?"

"ไปเถอะ เราเข้าไปหาน้องจันกัน"
+++++++++

พี่หมอบี กับมาร์ชเดินเข้ามาในห้องพร้อมกัน ผมยิ้มแฉ่งทักทายทั้งสอง มาร์ชยังคงทำหน้าเหมือนผีหลอก

"เปลี่ยนจริงๆ"

จู่ๆ มาร์ชก็พูดขึ้นทำลายความเงียบในห้อง หน้าของเขาเหมือนเห็นผมกำลังถอดหัวถอดไส้เป็นผีกระสืออย่างนั้นแหละ เปลี่ยนยังไง อะไรเปลี่ยน ผมนี่งงสุดๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
มาร์ชน่าจะบอกไปเลยว่าเป็นผลัว

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew5:   ทำไมมันช่างรันทดแบบนี้อะมาร์ช
เป็นผัวลับๆยังไม่พอตอนนี้ยังได้เป็นแค่เพื่อนที่เคยบีบตูด
จันลืมผัว. พี่หมออย่าหวังตอนนี้น้องจันใสๆ

ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่หมอบี พาผมมาส่งถึงในห้องนอน ประคองตัวให้ผมนอนลงกับเตียงอย่างทะนุถนอม โดยมีพี่กบคอยอยู่เคียงข้าง ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงรู้สึกปลอดภัย และรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด ที่ได้อยู่กับพี่หมอบี แต่ที่แน่ๆ ทุกครั้งที่เราเจอกัน ผมรู้สึกดี และรู้สึกถึงความผ่อนคลาย สบายอารมณ์ นี่อาจเป็นคุณสมบัติของเขาที่ทำให้ผมสนใจเป็นพิเศษ พี่หมอบีฝากคุกกี้โหลมหึมาไว้ให้พี่กบ พี่กบวางมันไว้บนโต๊ะอาหาร ดูเหมือนพี่กบจะเชียร์คุณหมอบีกับผมเสียเหลือเกิน ก่อนกลับเขาก็มาบอกลาผม
“พี่กลับก่อนนะครับน้องจัน”
“ไว้มาเยี่ยมน้องจันอีกนะคะ” พี่กบเสริม
“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”
“ยังไงพี่....”
“ทำไมหรือครับ”
“พี่มาเยี่ยมอีกได้ใช่ไหมครับ?” พี่หมอบีกล่าด้วยความเขินอาย ก่อนที่พี่กบจะเข้ามาแทรก
“ได้เลยยย ค่ะ มาเลย พี่กบจะได้วางใจ ที่มีคุณหมอบีมาคอยติดตามอาการน้องจัน แต่ไม่รู้ว่า....”
“รู้อะไรหรอครับ?” พี่หมอบีถามพี่กบ แต่ในใจผมรู้คำถามที่พี่กบจะถามอยู่แล้ว
“แต่ไม่รู้ว่า หลังจากติดตามอาการน้องจันแล้ว จะมาติดตาม...”
“พอเลยพี่กบ สาระแน....” ผมรวบรวมความกล้า และแกล้งกระเซ้าเย้าแหย่พี่กบ พี่กบหัวเราะร่วน
“โอ้ยยยยย น้องจัน นี่หายจากสมองกระทบกระเทือนแล้วแน่ๆ เลย น้องจันกลับมาหยาบเหมือนเดิมอีกแล้วฮ่าๆๆๆๆๆ”
“ใช่ๆ นี่แหละผมคนเดิมกลับมาแล้ว” ผมกล่าวเสริมพลางยิ้มอ่อน ตามองบน
“น้องจันนี่ตลกดีจริงๆ นะครับ พี่ชอบ พี่ชอบ” พี่หมอบีกล่าวชมผม
“ชอบจริงๆ หรอครับ?”
“ครับ”
“ถ้าชอบก็ให้แม่มาขอสิครับ ฮ่าๆๆๆ”
“นี่ๆๆๆ อย่าท้าพี่นะ”
“อุ้ยยยย มีคนแถวนี้เขาจีบกัน พี่กบว่า พี่กบไปหาอะไรทำดีกว่า ไม่อยากเป็น ก.. ข.... ค”
พี่กบไม่อยากเป็น ก ข ค แต่จันอยากได้ ค.. ว.. ย ค่ะพี่กบ ฮ่าๆๆ
“ฮ่าๆๆๆ ดีๆ ครับ พี่ได้เห็นน้องจันกลับมาเกือบปกติ พี่ก็สบายใจละ แสดงว่าอาการไม่น่าจะน่าเป็นห่วงมาก”
แล้วก็เป็นจริงอย่างที่พี่หมอบีพูด ในคืนนั้น ผมนอนหลับ และฝันถึงเรื่องราวที่ไอ้มาร์ชกับผมเคยประสบมา ความทรงจำต่างๆ ค่อยๆ กลับคืนมา ผมสะดุ้งตื่นเป็นจังหวะๆ พร้อมกับอาการปวดหัว เมื่อตื่นขึ้นมา ผมก็ค่อยๆ นึกถึงเรื่องราวต่างๆ ได้ จนเกือบจะสมบูรณ์ ตอนนี้ผมคิดถึงไอ้มาร์ชมันมาก ความทรงจำต่างๆ หมุนวนในหัวของผมเป็นมโนภาพ รอยยิ้มของมัน กับทุกสิ่งทุกอย่างที่มันทำให้ผม ยิ่งทำให้ผมคิดว่าอยากจะไปหามันที่ห้อง แต่ตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว
ผมมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนผนัง นาฬิกาบอกเวลาตีสี่ ผมออกไปจากห้องและลงลิฟต์ไปหาไอ้มาร์ช ทั้งที่รู้ว่ามันดึก แต่ใจผมก็เรียกร้อง....
ผมใช้กุญแจที่ผมมี ปลดล็อคประตูเข้าไป ผมเดินเข้าไปหามันเพื่อจะบอกว่าผมได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว และผมดีใจมากแค่ไหน แต่สิ่งทีผมได้เห็นเมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไป คือ ....
ภาพไอ้มาร์ชนอนกอดรูปของผมกับมันที่ถ่ายไว้ในวันปัจฉิมนิเทศ แสงเลือนรางจากภายนอก เล็ดลอดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างเป็นสีเทาๆ ภาพไอ้มาร์ชนอนกอดรูปของผมกับมันนั้น ช่างน่าเอ็นดูจริงๆ ผมเดินเข้าไปหามัน ในใจรู้สึกซาบซึ้งมากที่มันยังคงมีความรู้สึกที่ดีต่อผมมาตลอด
ผมเอื้อมมือไปหามัน พยายามจะลูบหัว หรือลูบที่หน้าของมัน แต่ก็ชะงักมือเอาไว้ ไอ้มาร์ชตื่นขึ้นมาพอดี
“เฮ้ยยยย” มันร้องตกใจเสียงดัง
“อะไร ไอ้สะ..... เอ่อ อะไร เป็นอะไรมาร์ช” ผมยังคงแอ๊บซอฟต์ใสไร้เดียงสาใส่มัน ทั้งที่ปากือบจะหลุดคำว่าไอ้สัตว์ไปเต็มๆ
“อ่าว จันเองหรอ”
“อืม....เรานอนไม่หลับน่ะ”
“มาๆๆๆ เราจะกล่อมให้” ผมแอบเขินเมื่อมันบอกว่าจะกล่อมผม แต่จริตก็บอกว่าไม่ ผมต้องไม่หลงในความน่ารักของมัน และต้องไม่ลงเอยกับมัน นี่คงไม่ใช่ความรัก ความหลงแน่ๆ อาจเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบ
“บ้าหรอ....นายจะมากอดเราได้ไง” ผมค่อนข้างจะแน่ใจในท่าทีของตัวเอง ที่คิดว่าอยากจะปิดบังความจริงที่ว่าผมได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว บางทีการที่ผมทำเป็นไม่รู้ ผมอาจได้คำตอบก็ได้ ว่าไอ้มาร์ชมันจะจริงจังกับผมมากขนาดไหน เอ๊ะ....นี่ผมไม่ได้กำลังจะให้โอกาสมันใช่ไหม ????
“ทำไมล่ะ เพื่อนกอดเพื่อนงายยยยย”
“ไม่เอา”
“ไม่ได้จะเอา จะกอด” พอมันพูดจล มัยก็คง้าตัวผมไปกอด
“ไหนๆ จันก็จำเรื่องราวที่เราเคยผ่านมากันไม่ได้ คราวนี้เอาใหม่ละกันเนอะ”
“อะไรหรอ?”
“ก็มาเริ่มกันใหม่ไง ให้เราจีบนายใหม่”
โอ้ยยยยยยยยยยยยย ณ จุดนี้ หน้าร้อนผ่าวววว
“จีบเจิบอะไรกัน นายจะจีบเราได้หรอ มีพ่อหมอบีอีกคน”
“หืม อย่ามาพูดชื่ออีตาคนนั้นให้เราฟังได้ไหม เราไม่ชอบ เอาเป็นว่าต่อจากนี้ เราจะทำดีกับจัน จะไม่พูดคำหยาบ จะไม่พูดอะไรไม่ดีๆ กับจัน เรามาเริ่มกันใหม่นะ”
“แล้วพี่หมอล่ะ เขาก็จีบเราเหมือนกันนี่นา”
รู้สึกว่าฮี๋แพงมากกกก เล่นตัวมาก โก่งราคามากกกกกก
“คอยดูละกัน ถึงเราจะไม่หล่อ ไม่รวยเท่ากับพี่หมอของนาย แต่เรารักของเรามาหลายปี รเจะไม่ยอมปล่อยให้จันไปรักใคร”
ผมแทบอยากจะกรีดร้องออกมาด้วยความเขินอาย ไอ้มาร์ชมันเอาจริง ดูเหมือนจริตที่ผมสร้างภาพความทรงจำเลือนหายที่แสดงออกมานั้น ไอ้มาร์ชจะเชื่อสนิทใจ และคืนนี้ มันก็นอนกอดผม และปฏิบัติตัวอย่างผมเป็นคนพิเศษ ไม่มีอะไรนอกจากการกอดที่อบอุ่น ไม่มีการเยสสส ไม่มีการขึงพืด ไม่มีการเยสสสแบบไม่ใช้ตัวแสดงแทน หรือลวดสลิง มีแต่ผมกับมันที่กำลังกอดกัน และหลับไปในเช้ามืดของวันใหม่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตื่นเช้าขึ้นมา ผมกับไอ้มาร์ชก็ไปมหาลัยพร้อมกัน สามสี่เดือนมานี้ที่ผมเล่นยาหนักๆ ผมไม่ค่อยจะได้เข้าเรียนเท่าไหร่ ก็แน่ล่ะ ชีวิตมันอยู่กับแต่คอนโด แล้วก็ไปทำงานบ้างอะไรบ้าง ไม่ค่อยคิดอยากจะไปเรียนสักเท่าไหร่ การกลับมาของผมครั้งนี้ หลังจากที่ผมผ่านเรื่องราวต่างๆ มาได้ ก็ดูเหมือนเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่
พอนึกถึงว่าข่าวคลิปหลุดของผมจะทำอย่างไร จะแก้ปัญหาอย่างไรนั้น ทุกอย่างก็เงียบไปแล้ว เพราะนอกจากในเว็บไซต์ ในเฟซบุ๊คที่พี่กบพยายามไปล็อบบี้ทั้งหมด การประสบอุบัติเหตุของผมก็สามารถเบี่ยงประเด็นทำให้ข่าวต่างๆ ที่ดูไม่ดีกับชื่อเสียงผมนั้นดูด้อยลงไป
“มานี่....” ไอ้มาร์ชจูงมือผมมาที่ลานจอดรถ มันดูเสนอตัวที่จะเป็นมัคคุเทศก์ตามหาความทรงจำของผมอย่างแข็งขัน
“อ่าว....ไม่ไปรถเราหรอ?” ผมถามมันเพราะรู้สึกว่า ถ้านั่งรถมอเตอร์ไซค์ของมันไปเรียน เหงื่อจะต้องตก หน้าจะต้องเยิ้ม และอีกหลายๆ อย่างบนท้องถนนที่จะทำให้ผมหงุดหงิด และเผยความจริง แต๊บหลุดวีนออกมา
“ไปรถเรานี่แหละ รถนายมันไม่ค่อยมีความทรงจำอะไร นี่..ต้องรถเรา” ไอ้มาร์ชพูดพลางจูงมือผมมาจนถึงที่รถของมันจอดอยู่ มันตบเบาะรองนั่งจนฝุ่นคลุ้ง
“จะไหวหรอ?”
“ไหวดิ มาๆๆ ขึ้นๆๆๆ” ไอ้มาร์ชขึ้นคร่อมรถ และสวมหมวกกันน็อค ก่อนที่จะหันกลับมาสวมหมวกกันน็อคให้ผมอย่างตั้งใจ ผมมองใบหน้าของมัน เมื่อกำลังพยายามใส่เข็มขัดรัดสายโยงหมวกกันน็อคที่ใต้คางให้ผม เมื่อได้มองมันใกล้ๆ แบบนี้ ยิ่งเห็นความคมขำของดวงตาไอ้มาร์ช ขนตางอนยาวสีดำมันขลับที่กระพริบๆ ตามจังหวะการกระพริบตาของมันนั้น สะท้อนแสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามายังในลานจอดรถ ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกรายละเอียดบนใบหน้าของมัน ผมสามารถสังเกตได้ในระยะใกล้ มันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก คาง และกรามที่แข็งแรง เติบโตตามวัยนั้น ดูมาดแมน และมีเสน่ห์อย่างเหลือร้าย ไม่แปลกใจเลยสักนิด ที่มันได้รับเลือกเป็นลีดคณะ และเป็นที่สนใจของสาวๆ
เมื่อมันสวมหมวกกันน็อคให้ผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็ขับรถออกจากลานจอด ออกไปสู่ท้องถนน อากาศข้างนอกแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเจ็ดโมงเกือบแปดโมงเช้าแล้ว แต่กลับรู้สึกร้อนอบอ้าวเสียเหลือเกิน
ไอ้มาร์ช ปล่อยมือจากลูกบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์ แล้วเอื้อมมาจับมือของผมที่ประสานกันไว้ที่หน้าตักเวลาที่ซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ไอ้มาร์ช มันจับมือผมไปเกี่ยวกอดไว้กับเอวของมัน และกุมมือผมไว้
“นี่ต้องเอามือมากอดตรงนี้นะ” เสียงไอ้มาร์ชกล่าวแทรกเสียงลมพัดขณะที่รถมอเตอร์ไซค์กำลังแล่นไปด้วยความเร็วบนถนน
“จำได้ไหม จันเคยซ้อนท้ายเราแบบนี้ไปโรงเรียนทุกวัน ตอนเช้าๆ ที่ต่างจังหวัด ก็เวลานี้แหละที่นายซ้อนท้ายรถคันนี้ไปโรงเรียน” ไอ้มาร์ชดูจะสุขใจกับการเล่าความทรงจำที่มันเคยทำกับผมให้ผมฟัง
“จำไม่ได้หรอก” ผมตอแหล อีดอกกกก
“อืมมม ไม่เป็นไรนะ เรามาเริ่มกันใหม่ มาเริ่มกันใหม่” เสียงรถเมล์ดังโหวกเหวกบนถนน ในนาทีนั้น ผมเกือบจะแอ๊บหลุด หมดความอดทนกับสภาพบนท้องถนน ค่าของการที่ผมเป็นศิลปินและมีรถดีๆ ขับไปมหาลัยฯ นั้น มันสะดวกสบาย และปลอดภัยกว่าการที่มานั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ของไอ้มาร์ชหลายเท่านัก
“เราขอโทษนะ” ไอ้มาร์ชกล่าวขอโทษในสิ่งที่ผมไม่รู้ว่ามันทำผิดอะไร
“ขอโทษทำไมอะ”
“ก็ที่เราพาจันมาลำบากแบบนี้ไง ปกติ จันจะขับรถของจันมาเอง สะดวก สบาย แต่นี่.... มาลำบากกับเราแบบนี้”
เมื่อได้ยินประโยคนี้จากปากไอ้มาร์ช ใจผมหายวาบ และรู้สึกโทษตัวเองด้วยซ้ำ ที่ไม่เคยอดทน และไม่เห็นความจริงใจของมัน แม้ต้องมาลำบากกับมันก็ตาม
“เอ้ยยยย ไม่หรอก ก็นายบอกเองนี่นา ว่าเราเคยนั่งซ้อนนายแบบนี้ตอนที่อยู่ต่างจังหวัด เราอาจแค่ไม่ชินมั้ง”
“อืม แล้วจันยังอยากซ้อนรถแบบนี้อีกไหม”
“ก็อยากสิ” ผมโกหก
“งั้น ซ้อนแบบนี้มาทุกวันไหม”
เอิ่มมมมมม......
“เราว่ามันร้อน และอันตราย มาร์ชนั่งรถมากับเราก็ได้นี่นา เราก็ไปเรียนด้วยกัน ขับรถไปเรียน สบายด้วย และปลอดภัยกว่าด้วย”
“ไม่เอาหรอก  ถ้าจันไม่อยากลำบากไม่เป็นไรนะ แต่เราไม่อยากไปนั่งรถนาย นายเคยสั่งห้ามเราขึ้นรถ เพราะบอกว่ากลัวคนอื่นเห็น กลัวนักข่าวเอาไปเม้า”
“โธ่....อย่าไปแคร์เลย”
“ไม่หรอก...เราขับมอเตอร์ไซค์ของเรามาเรียนแบบนี้แหละ สบายใจกว่า”
“นะๆ พรุ่งนี้มากับเราดีกว่า แบบนี้มันอันตราย” ไอ้มาร์ชขับมอเตอร์ไซค์มาถึงมหาลัยฯ พอดี ผมรู้สึกร้อน และโล่งใจนิดนึงที่ชะตากรรมของผมรอดพ้นมัจจุราชบนท้องถนนไปได้ เมื่อมาถึงที่คณะ ไอ้มาร์ชก็ส่งผมลงจากรถ และถอดหมวกกันน็อคให้ผม
“หูยยยยยย มาส่งซุปตาร์หรือยะ” ผมหันไปมองต้นตอของเสียง จินนี่เพื่อนสาวคนสวยคนสนิทของผม มารออยู่ตรงหน้าคณะ
“จินนี่ สวัสดีจ้ะ ไม่ได้เจอกันนาน” ไอ้มาร์ชกล่าวทักทายจินนี่
“คู่นี้นี่มันยังไงกันนะ จินรู้สึกแปลกๆ กับพวกนายมานานละ”
“มีอะไรหรอจิน?” ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้ คือ ต้องบอกก่อนว่า ด้วยการเป็นนักร้องของผม ผมจะปล่อยให้เรื่องส่วนตัวนี้แพร่งพรายออกไปมากไม่ได้ ไอ้เรื่องข่าวเป็นเกย์น่ะ ผมไม่สนหรอกนะ ใครรู้ก็ช่างมัน แต่ถ้าเขาเอาไปเม้าต่อ ว่าผมไปกับใครมากับใคร ผมสงสารคนที่มาเป็นข่าวกับผม ไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นข่าวด้วย โดยเฉพาะไอ้มาร์ช ผมไม่อยากให้ใครอื่นมาพูดว่ามันไม่ดี ไม่ว่าจะเรื่องใด ทางใดก็ตาม
ดังนั้น ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา ผมกับไอ้มาร์ชจึงพยายามที่จะเก็บงำความลับให้มากที่สุด จริงๆ ก็ไม่มีความลับอะไรนอกจากที่ผมเป็นเมียมัน แต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่บางทีถ้าเราไม่ระวังตัว สายสัมพันธ์มันก็จะสื่อออกไปให้ใครต่อใครคิดไปเรื่อยเปื่อยได้
“มาเรียนสักทีนะจัน นี่ๆ อาจารย์ถามถึงแน่ะ”
“ช่วงนี้เรางานยุ่งอะจิน แล้วอีกอย่างเราก็เพิ่งประสบอุบัติเหตุจินก็น่าจะเห็นในข่าว”
“อืมๆ เรารู้แหละ เราก็ช่วยตอบอาจารย์ไปเหมือนกัน”
“ขอบคุณมากนะจิน”
“อืม....เราไปก่อนนะจัน” ไอ้มาร์ชบอกลาผม มันส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้ผม ผมก็พยายามจะสงวนจริตไว้ เพื่อไม่ให้จินนี่สังเกตเห็นอะไรมาก แต่ผมก็ค่อนข้างจะแน่ใจนะ ว่าจินนี่ต้องระแคะระคายและรู้เรื่องอะไรบ้างแหละ เพราะนางก็คงดูออก แต่จินนี่เป็นเพื่อนที่ดี เลยไม่พูดไม่เม้า ไม่งั้นผมมีข่าวลือไปทั่วละ
ไอ้มาร์ชขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของมันจากไป จินจูงมือผมไปหาเพื่อนๆ ที่คณะ ทุกคนเข้ามาถามไถ่ถึงอาการของผม อย่างเป็นห่วงเป็นใย ต่อไปนี้ผมคงต้องทุ่มเทให้กับการเรียน และใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยให้มากขึ้น เพื่อที่ผมจะได้ห่างไกลจากยา ห่างไกลจากอาการติดเซ็กส์ แต่นั่น.... มันอาจไม่ใช่ทางออกสำหรับเซ็กส์ เพราะในมหาวิทยาลัย ก็มีหนุ่มๆ หน้าตาดีมากเหลือเกิน ใจหนึ่งผมก็กลัวเหมือนกันว่าถ้าหากผมให้เวลากับการใช้ชีวิต และการเรียนในมหาวิทยาลัย กลัวว่าผมจะแรด จะดอกทองหนักกว่าเดิม คิดแล้วผมก็กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ
ไหนๆ ดูซิ.....มหาวิทยาลัยนี้ มีกี่คณะ ผมจะลองชิมมันทุกคณะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
 จันคนน่ารักคนเดิมกลับมาแล้ว :hao7:
ไม่ได้ห้ามให้จันเปลี่ยน แค่อยากให้จันน่ารัก ไม่อยู่ในหลุมดำนะ เคป่ะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
จันกลับมาแล้วเย้. มาร์ชเท่มาก สุดยอดไปเลย
พี่หมอบีไปอยู่ไกลๆเหอะไป

ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ถึงแม้ในวันนี้จะเป็นวันที่เริ่มชีวิตใหม่สำหรับผม แต่จริงๆ แล้วทุกๆ อย่างที่ผมกำลังสัมผัสตอนนี้มันก็ไม่ได้ใหม่อะไรมาก เพียงแต่ชีวิตของนักศึกษาคณะศิลปกรรมฯ ที่วันๆ เอาแต่ร้องเพลงในห้องซ้อม ก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวา ไม่เคยไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะอื่น หรือไม่เคยไปเดินทอดสายตาให้ใครๆ ในมหาลัยฯ ชีวิตของผมนอกจากการหลีกเลี่ยงที่จะเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว ก็ไม่เคยคิดอยากจะทำอะไรอย่างอื่นอีกเลย นอกจากเรียน แล้วรีบกลับคอนโด
แต่วันนี้มันต่างออกไป จินนี่นึกสนุกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ นางชวนผมและเพื่อนๆ ในกลุ่มไปกินข้าวกันที่คณะนิเทศศาสตร์ ร้านข้าวมันไก่อร่อยสามโลกที่เลื่องลือไปทั้งพระนคร ที่บอกว่าเลื่องลือทั้งพระนคร ก็เพราะว่าความอร่อยของข้าวมันไก่คณะนี้ และที่สำคัญที่สุด คือ ร้านข้าวมันไก่ร้านนี้ มีความพิเศษเฉพาะตัวตรงที่ แม่ค้าทำอะไรๆ ช้ามาก จึงได้สมญาอีกชื่อนอกจากอร่อยสามโลก คือ ข้าวมันไก่ชาติหน้า
และก็จริงอย่างที่จินนี่ และทุกคนกล่าวขาน ผมไม่เคยมากินร้านนี้ แต่เมื่อมาต่อแถวก็รู้สึกถึงความช้า เฉื่อยของแม่ค้า จนผมทนไม่ไหว
“นี่....จินนี่ เรามีเรียนต่อบ่ายสองนะ นี่มาตั้งแต่เที่ยงครึ่งรอจนบ่ายโมง ยังไม่ได้กินข้าวมันไก่เลย แล้วแถวก็ยาวเหยียด โอยยยยยย” ในขณะที่ไอ้มาร์ชไม่อยู่ ผมสามารถวีนได้ตามปกติ
“โอยยยยยย พ่อซุปตาร์ของเพื่อน อย่าวีนสิคะ รออีกแป๊บ แล้วแกจะรู้ว่ามันอร่อย”
“ฉันไม่ไหวละ แกซื้อให้ฉันด้วยละกัน นี่อะไรกัน รอกินกันอยู่ได้ น่าเบื่อ ร้อนก็ร้อน ทำไมคนยังอดทนมาต่อแถวอีก” ผมแอบสังเกตเห็นคนหลายๆ คนที่ต่อแถวถัดไปจากผม ก็รู้สึกกระวนกระวายใจเช่นกัน แต่ไม่รู้เพราะอะไร พวกเขาจึงยังอดทนรอต่อไป ผมทนไม่ไหว เลยออกจากแถวเดินมาซื้อน้ำดื่ม และฝากให้จินนี่สั่งข้าวมันไก่มาเผื่อผมด้วย แต่เมื่อผมเดินมาถึงที่โต๊ะอาหารที่ว่างอยู่ และผมกำลังดื่มน้ำนั่งรอจินนี่อยู่นั้น มันใดนั้นก็มีเสียงกีตาร์ดังขึ้น ผมหันไปมองต้นตอของเสียง เป็นกลุ่มนักศึกษาปี ๑ ผู้ชาย และผู้หญิงเกือบสิบคน เดินมาล้อมวงที่โต๊ะอาหารของผม
เด็กผู้หญิงร่างท้วม และตัวไม่ค่อยสูงนักคนหนึ่งในกลุ่มนั้น เดินเข้ามาหาผม พร้อมยื่นจานข้าวมันไก่ให้ผม ผมหันไปมองรอบข้าง ว่าใครเป็นคนส่งมาให้ และใครเป็นคนสั่งให้น้องๆ พวกนี้มาดีดกีตาร์ล้อมวงผม ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนที่สั่ง และในวินาทีนั้นเอง น้องผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนถือกีตาร์ ก็ได้ดีดเพลงใดเพลงหนึ่งขึ้นในท่อนอินโทร......
ในตอนที่กีตาร์ขึ้นท่อนอินโทร ผมรู้สึกหน้าชา และหัวรีหันขวางไปรอบๆ มองหาคนที่จ้างวานพวกน้องๆ มาร้องเพลงให้ผมอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบว่าใคร แถมพอมองไปที่ร้านข้าวมันไก่ ก็ยังเห็นยัยจินนี่ ยืนตบมือตามจังหวะ กระโดดโหยงๆ อยู่ที่หน้าตู้ข้าวมันไก่ ไม่ใช่จินนี่ แล้วจะเป็นใคร ?
ผมดึงสติกลับมาที่กลุ่มนักร้องนั้น และเริ่มสังเกตบรรยากาศ และปฏิกิริยาคนรอบข้าง จากทั้งพวกนิสิตด้วยกันเอง และกลุ่มคนทำงานจากข้างนอกที่เข้ามากินอาหารในมหาลัยฯ ทุกคนเริ่มเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปเหตุการณ์นั้น ใจจริงๆ ผมอยากจะวีนมาก เพราะผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ การทำอะไรโจ่งแจ้ง ก็เปรียบเสมือนกับการตีแผ่ความอับอายให้ตัวเองต้องขายขี้หน้ามากในความคิดของผม ผมไม่ชอบเสียฟอร์ม ผมไม่ชอบอับอายต่อหน้าคนอื่น
และแล้วน้องผู้ชายนักกีตาร์สุดหล่อคนนั้น ก็เริ่มคราวญเพลง.......

“ไม่ต้องลำบากใจ อย่าสงสัยฉันเลยในสิ่งที่ฉันทำ
ถึงฉันไม่พูดสักคำ เธอจะรู้บ้างหรือเปล่า ว่าฉันรักเธอสักเท่าไร”
ตายๆๆๆๆๆ กูอายยยยยย
ใครกันที่บังอาจมาทำให้ผมอับอายแบบนี้ ผมไม่ชอบ และไม่รู้สึกเซอร์ไพรส์เลย ผมพยายามที่จะสงบสติอารมณื เพราะกลัวจะวีนออกมา แต่ก็ทำได้แต่ก้มหน้า ไม่มองใคร และด้วยความตอแหล ก็เงยหน้าขึ้น และทำเป็นซาบซึ้ง และตบมือไปตามจังหวะ ในวินาทีที่นักร้องทุกคนเผลอนั้น ผมก็แอบเบ้ปากตามองบน สดุดีให้กับวีรกรรมอันน่าอับอายของน้องๆ

แล้วจากนั้น....ลูกคู่ทั้งหมดก็ร้องเพลง พร้อมกัน......
ความอับอายยิ่งถาโถม

“ เป็นแสงแดดเป็นสายลม ที่เหมือนเธอจะมองข้ามไป
เป็นคนที่นานเท่าไร ก็ไม่คิดจะไปจากเธอ

** ไม่ต้องรักฉันสักนิด ไม่ต้องมาคิดถึงกัน
ปล่อยให้ฉันรักของฉัน แค่เท่านั้นก็พอ
มันเป็นเรื่องของหัวใจ และฉันจะไม่ร้องขอ
เธอไม่จำเป็นจะต้องรักฉัน แค่ขอฉันได้รักเธอ

ไม่ต้องการสิ่งใด ไม่คาดหวังว่าต้องเป็นใครที่สำคัญ
ทุกครั้งที่ได้พบกัน เธอจะรู้บ้างหรือเปล่า ว่าฉันดีใจสักเท่าไร”

   พอร้องจบ ผมก็ยิ่งงงกับเพลง และทุกสิ่งทุกอย่างที่น้องๆ ทำให้ ผมทนความสงสัยไม่ไหว เลยถามพวกกลุ่มนักดนตรีนั้นว่า
   “ใครฝากมา หรือ ใครให้มาร้องให้พี่ครับ”   
นักร้องทั้งหมด ไม่มีใครยอมปริปากบอก พวกเขาคำนับผมและเดินจากไป ปล่อยให้ผมตกเป็นเป้าสายตา และเป็นจุดโฟกัสให้กับกล้องถ่ายรูปจากมือถือนับร้อยๆ เครื่องในโรงอาหาร ถ่ายกันเมามันเลยสินะ เซอร์ไพรส์นักร้องซุปตาร์กลางโรงอาหาร ยัยจินนี่เดินรี่เข้ามาที่โต๊ะอาหารของผม เพื่อนคนอื่นๆ ก็ตามมาด้วย
“แก...... ใครทำให้อะ โอ้ยยย โรมานซ์สุดๆ” ยัยจินนี่พูดพลางหัวเราะคิกคัก นางเป็นคนเพ้อฝัน และค่อนข้างจะชอบอะไรแบบนี้ ซึ่งผมไม่ชอบ
“เฮ้ยยย จันกูว่าไอ้มาร์ชแน่เลยว่ะ” ไอ้เบสต์เพื่อนที่เรียนเอกเปียโนของผม พูดพลางชี้ชวนให้ผมดูกลุ่มนักร้องเมื่อสักครู่ที่ไปล้อมวงไอ้มาร์ชอยู่ ดูเหมือนมันกำลังจะจ่ายค่าจ้างให้กับน้องๆเหล่านั้นด้วยขนมถุงใหญ่ที่มันเตรียมมา
ผมหันไปมองไอ้มาร์ช มันยักคิ้วให้ผม ในใจผมตอนนี้ โคตรเกลียดมัน และรู้สึกอยากจะไปต่อยหน้ามัน ....
มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเซอร์ไพรส์......... ไอ้สัดดดดดดด

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
มันรู้แต่มันอยากแกล้งแหละ555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มาร์ชอ่า. จันอย่าเพิ่งหลุดบอกไปนะว่าจำได้แล้ว
จีบกันแบบสิบสี่อีกครั้ง. ฟิน

ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แต่ก่อนที่ผมจะวีนออกมา ก็กลัวจะแอ๊บหลุด ผมเลยหันกลับมามองจานข้าวมันไก่จานนั้นที่วางอยู่ตรงหน้าผม ผมหันไปมองหน้าไอ้มาร์ชอีกครั้ง มันทำหน้าทะเล้น และทำท่าบอกใบ้ให้ผมกินข้าวที่มันส่งมาให้ ดีที่ข้าวมันไก่มันอร่อยสุดพลัง ไม่งั้นผมคงต้องวีนมันแน่ ถ้าข้าวไม่อร่อยงานนี้ต้องมีแก้เผ็ดคืนแน่ๆ
พอกินข้าวอิ่มแล้ว ผมกับกลุ่มเพื่อนก็เดินไปที่คณะ พอเรียนเสร็จ ผมก็คิดว่าอยากจะไปออกกำลังกายเสียหน่อย แต่ว่าวันนี้ผมไม่ได้เอารถยนต์มา นี่แหละปัญหา จริงๆ ผมก็น่าจะเลิกแกล้งโง่ใส่ไอ้มาร์ชมันสักทีเนอะ มันก็ไม่ได้มีผลอะไรไม่ใช่หรอ? แต่อีกใจก็อยากรู้ ว่ามันจะช่วยนำพาความทรงจำกลับมาอย่างไร ด้วยวิธีไหน นี่แหละที่ทำให้อยากรู้ อยากลองใจมัน
ผมกดโทรศัพท์หามัน......
“มาร์ช กู...เอ้ยยยย เราว่าจะไปออกกำลังกายหน่อยอะ นายติดเรียนอยู่หรือเปล่า?”
“อืม ช่ายยย มะเป็นไร เดี๋ยวเราไปส่งจันที่คอนโดก็ได้”
“อย่าเลย เดี๋ยวเราขึ้นแทกซี่ไปเองก็ได้มั้ง”
“แล้วจันจะไปออกกำลังที่ไหน”
“คงเล่นที่ส่วนกลางของคอนโดแหละ ร้อนอะ ขี้เกียจออกไปที่ยิมกลางเมือง”
“อืมๆ โอเคๆ งั้นดูแลตัวเองดีๆ นะ”
“อืมๆ”
ผมเก็บกระเป๋ากลับบ้าน และโบกแท็กซี่หน้ามหาวิทยาลัยกลับไปที่คอนโด พอไปถึงที่คอนโด อาการอยากเล่นเวทก็กำเริบ ปกติผมจะเล่นเวทอยู่ตลอดเพื่อความสวยงามของสรีระ มันจำเป็นต่องานของผม เพราะผมต้องใช้เรือนร่างในการทำงาน ฮ่าๆๆๆ ไม่ใช่เป็นกะหรี่ขายฮี๋นะคะ หมายถึงทุกส่วนบนร่างกาย มันสามารถสร้างรายได้ได้ เช่น ใบหน้า กล้ามหน้าอก ซิกแพค ขา ผม ดวงตา คิ้ว บลาๆๆๆๆ อวัยวะทุกส่วน ผมสามารถเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าประเภทต่างๆ ได้
คิดแล้วผมก็รีบเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว และเดินลงมาที่ยิมส่วนกลางของคอนโด บรรยากาศที่นั่นสงบเงียบ และเรียบงาม สระน้ำสีมรกตบนชั้น ๘ ของคอนโด ตั้งอยู่ท่ามกลางคอนโดสูงสองตึกใหญ่ ทำให้แดดสามารถส่องลงมายังยิมส่วนกลางได้ ต้นลั่นทมถูกปลูกไว้เรียงรายไปตามขอบสระ ฉนวนทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่างลอบบี้ของยิม และห้องยิมนั้น ปลูกต้นกาสะลองเอาไว้ กำลังออกดอกส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจ
ผมเดินเข้าไปในห้องยิม และวอร์มร่างกาย จากนั้นก็มาเล่นบาร์เบล และดัมเบล ตามลำดับ ทันใดนั้นก็มีชายร่างกำยำคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม และมาคร่อมอยู่บนหัวผม ผมตกใจเล็กน้อย
นี่เอาฆรวยมาคร่อมหน้าฉันเลยนะเธออออออ.....
“มา...พี่ช่วยเซฟครับ” ชายแปลกหน้าคนนั้น เข้ามาช่วยเซฟบาร์เบลให้กับผม ในขณะที่เล่น ผมแอบสังเกตว่า เป้าของเขามันแน่นมากกกกกก ดอกกกกกกกกกกก
“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวขอบคุณขณะที่กำลังออกแรงยกบาร์เบล
พอยกเสร็จ ผมก็ยันตัวลุกขึ้น ชายคนนั้น ยื่นมือมาให้ผมจับประคอง และลุกขึ้นยืนประจันหน้ากัน
“น้องจัน?”
“ใช่ครับ คนเดียวกับที่พี่เห็นในทีวีนั่นแหละ”
“ว้าว.....ตัวจริงน่ารักดีครับ จันอยู่คอนโดนี้หรอ?”
“ใช่ครับ อยู่มาตั้งแต่สมัยเรียนละ”
“หรอ? พี่ก็อยู่มานานตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการเลย ไม่เคยเห็นน้องจันสักที”
“ครับ นานๆ ผมก็จะปรากฏตัวทีนึงน่ะครับ”
“อ้อ....พี่ขอแนะนำตัว พี่ชื่อพี่วุธ ครับ”
พี่วุธ ชายหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสัน ดูเป็นผู้ชายมาดคมสัน มีเสน่ห์ ยื่นมือมาจับมือทักทายผม ผมรู้สึกพอใจในความกำยำล่ำสันของเขา และพอใจในแรงดึงดูดที่เขามีต่อผมมาก
“วันนี้พี่วุธไม่ทำงานหรือครับ?”
“อ้อ..วันนี้พี่ลาน่ะครับ ลาพักร้อน”
“อ้าว แล้วไม่ไปเที่ยวไหนหรอ”
“ไม่ดีกว่าครับ ลามางั้นแหละ อยากนอนอยู่บ้านมากกว่า”
“อ่อ... ครับ”
“น้องจันอยู่คนเดียวหรืออยู่กับใครครับ?”
“จริงๆ ผมอยู่กับเพื่อนครับ เพิ่งแยกห้องกันเมื่อไม่นานมานี้เองช่วงที่ผมมีงานเยอะๆ ก็เลยซื้อเพนท์เฮาส์ชั้นบนสุดอยู่คนเดียว”
“โห..... หรูมาก”
“ห้องผมน่ะหรอ ไม่หรอกครับ”
“งั้นพี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
“อ้อ...ได้ครับ ขอบคุณมากๆ ครับ ที่อุตส่าห์เซฟให้ผม”
“ยินดีครับ ไว้วันหลังมาเล่นด้วยกัน”
“ได้ครับ”
พี่วุธ เดินจากไป ก่อนออกจากห้องยิม เขาหันหลังกลับมายิ้มให้ผมอีกครั้ง ผมยิ้มตอบเป็นมารยาท และเริ่มเล่นเวทใหม่อีกครั้ง ค่าของการที่ผมไม่ได้เล่นยิมมาแสนนาน จึงทำให้กล้ามเนื้อลีบ และเหลว การมาเล่นในครั้งนี้ จึงทำให้ทุกอย่างมันตึง และแน่นไปหมด
พอผมเล่นยิมเสร็จ ก็ถอดเสื้อเพื่อสำรวจความเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อในกระจกของยิม จากนั้นผมก็เดินถอดเสื้อเข้าไปในล็อกเกอร์ห้องน้ำชาย และผลัดเสื้อผ้าอาบน้ำ
ผมอาบน้ำอุ่นทุกครั้งหลังเล่นยิม เพราะรู้สึกดี อาบซ้ำๆ อยู่หลายรอบ ก็รู้สึกว่าสดชื่นมาก แต่ขณะที่อาบน้ำอยู่นั้น ก็มิทันได้ระวังว่ามีใครเดินผ่านไปผ่านมาอยู่หน้าห้องน้ำผม ผมเลยรีบอาบให้เสร็จ และเดินออกมาจากห้องน้ำ เข้าไปในห้องซาวน่าทันที ที่นั่นผมเจอกับพี่วุธ เขาถอดผ้าขนหนูออก ปล่อยให้ก้นเปลือยเปล่าสัมผัสกับเก้าอี้ไม้ยางพาราในห้องซาวน่า และนำผ้าเช็ดตัวนั้นมาพับทบซ้อน และวางปิดเครื่องเพศเอาไว้ ผมก็ทำตามเช่นกัน
ผมขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ กับพี่วุธ และเริ่มชวนพี่เขาคุยเรื่องต่างๆ ดูเหมือนว่าเบ็ดตกปลาที่ผมหย่อนเหยื่อลงไปนั้น ปลากำลังจะติดกับดักผมเสียแล้ว พี่วุธพยายามทำผ้าหลุดร่วง และพยายามขยับเข้ามาหาผมเรื่อยๆ ระหว่างที่เราคุยกัน ในไม่ช้า มือของเขาก็เริ่มมาพักวางบนหน้าขาของผม ผมสังเกตปฏิกิริยานั้น และไม่ขัดขวางเขาในสิ่งที่เขาต้องการ
“จันน่ารักดีนะครับ” พี่วุธกล่าวชม พลางเอามือที่แข็งแรงของเขาบีบที่หน้าขาของผม
“ขอบคุณครับ พี่วุธก็เท่ และหุ่นดีมากๆ นะ คุยเก่งด้วย”
“ปากหวานนะเรา”
“ไม่หวานหรอกครับ ถ้ายังไม่ได้ชิม”
“อะไรนะ”
“อุ้ย....พลั้งปากน่ะครับ ผมชอบพูดเล่น พี่อย่าใส่ใจเลย” ผมพุดพลางกระหยิ่มยิ้มย่อง ณ วินาทีนั้น มีจริตอะไรงัดเอาออกมาใช้ให้หมด
“พี่ชอบผิวของจัน ผิวของจันสวย” พี่วุธพูดพร้อมกับเอาเรียวนิ้วของเขามาปาด และสีลงเบาๆ ที่หลังแขน และหัวไหล่ของผม ผมหันไปสบตา และยิ้มให้พี่เขา เป็นอันรู้กันว่า เคมีเราตรงกัน พร้อมโดนเยสส ทุกเมื่อ
“ผมขอตัวก่อนนะครับ มันเริ่มร้อนแล้ว” ผมผุดลุกขึ้น โดยที่แสร้งทำเป็นลืมว่าผ้าที่ปิดอยุ่ตรงหน้าขานั้นได้ร่วงลงไปบนพื้น ผมแกล้งร้องอุทาน อุ้ย...... พอเป็นพิธี
พี่วุธก้มลงไปเก็บผ้าให้ผม ผมยืนตัวเปลือยเปล่าในห้องซาวน่าต่อหน้าพี่วุธที่กำลังก้มเก็บผ้าขนหนูให้ผม ณ วินาทีนั้น ผมรู้สึกถึงความมีอำนาจเหนือผู้ชายทั้งมวล ผมรับผ้าขนหนูมาจากพี่วุธ และกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณมากครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ดั่งเหมือนจะแสร้งทำ ผมค่อยๆ หมุนตัวกลับหลังเพื่อจะเดินออกไปจากห้องซาวน่า ทันใดนั้น พี่วุธคว้ามือผมไว้
“จันครับ”
“ครับ?”
พูดจบ พี่วุธก็คว้าตัวผมมากอด และจูบ ตอนนี้เราสองคนไม่สนว่าผ้าขนหนูของใครจะร่วงลงพื้นอีกแล้ว เพราะเราต่างเปลือยเปล่ากันทั้งคู่ในห้องซาวน่า เราจูบกันอย่างเร่าร้อน ทุกนาทีที่ผ่านไปนั้น ยาวนานและซาบซ่าน เหงื่อแลกเหงื่อ ลิ้นแลกลิ้น กอดจูบลูบคลำกันไปมาอยู่ในห้องซาวน่าที่มีเพียงแสงสีเหลืองสลัวๆ จากโคมไฟในห้องส่องแสงให้ได้เห็นอะไรๆ
ผมผละออกจากจูบพี่วุธ และกระซิบที่หูของพี่เขา.....
“ขึ้นไปบนห้องผมดีกว่าครับ”
โอ้ยยยยย มีความกะหรี่ มีความคันระดับสิบ
ลากผู้ชายไปเยสสสสสส บนห้องตอนกลางวันแสกๆ
เหงื่อที่ชุ่มโชก จังหวะที่เร่าร้อนรุนแรง
ไม่มีอะไรจะเริ่ดดดด กว่านี้อีกแล้ว

ความกะหรี่ ไม่ได้จางหายไปพร้อมกับความทรงจำที่เลอะเลือน
ความคันฮี๋ก็เช่นกัน

จันคนเดิม...เพิ่มเติมคือ กินผู้ชายรายวัน ได้กลับมาแล้วค่ะ

ถถถถถถถถถถถถถ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
โอ๊ยยยยย อยากด่าแต่กลัวเสียภาพพจน์  :ling1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :hao7:  ไม่ใช่แล้วจัน นี่ความคันระดับร้อยละ รายวันขนาดนี้   :ling3: 

ออฟไลน์ สรันธม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พอผมระเริงรักกับพี่วุธเสร็จ ก็เขี่ยเขากลับลงไปยังห้องของเขา ต้องยอมรับว่าพี่วุธนั้นเยสสสส เริ่ดมากกกกกก
เป็นการเปิดอู่ หลังจากที่ไอ้มาร์ชมันเปิดไปแล้วเมื่อไวๆ นี้
ถ้าถามผมว่า ทำไมผมไม่แคร์ความรู้สึกไอ้มาร์ช ?
ผมขอตอบเลยว่า อย่างที่ผมเคยบอกไป ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นคนที่ใช่สำหรับผม แต่ถ้าผมต้องขาดมัน ผมก็ขาดมันไม่ได้ งงไหม?
อย่างงเลย รักมันออกแบบไม่ได้ ความสัมพันธ์ก็เช่นกัน ในโลกนี้มีความซับซ้อนมากกว่าความรักของเกย์ และมนุษยโลกทั่วไปตั้งหลายอย่าง ความรักมันเป็นเพียงแค่ความซับซ้อนทางความรู้สึกของคนสองคน เราไม่สามรถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ทั้งหมด ต้องอาศัยสัญชาติญาณ และความรู้สึกอันล้ำลึกในจิตใจเท่านั้น เราถึงจะเข้าใจในความรัก หรือความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจิตใจ
โอ้ยยยยย หลักการเกินไป ปวดหัว..... มีผัวไปเรื่อยๆ สนุกกว่า เชื่อผมสิ
ผมเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อยหลังจากที่โดนพี่วุธกระหน่ำเยสสสส ไปเมื่อสักครู่ ต้องพูดว่าโดนกระหน่ำนะคะ เพราะอาการที่พี่วุธกระแทกนั้น เปรียบเสมือนพลังตอร์ปิโดทะลุทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าใจว่าการเยสสส ดารานักร้องมันตื่นเต้น แต่ฮี๋ของดารานักร้องก็ไม่ใช่เหล็กไหลนะคะ มีฉีกขาด มีพังบ้าง เป็นเรื่องธรรมชาติ
หยอดทิงเจอร์รัวๆๆๆๆ
จริงๆ ถ้าใครเอาเรื่องผมไปเม้า หรือถ้าสมมติพี่วุธปากสว่าง ว่าเคยเยสผมแล้ว เคยกระแทกผมแล้วอะไรอย่างนั้น ถามผมว่าแคร์ไหม.... ไม่ค่ะ
ใครจะว่าผมต่ำก็เชิญ ใครจะว่าว่าผมเป็นคนเริงเมืองก็ตามสบายใจ ฮี๋ใครฮี๋มันนะคะ..... ความสุขที่ได้กินผู้ชาย ได้กลืนผู้ชาย มันกำลังกลับมาทวงบัลลังก์ของมันอีกครั้ง ขอบคุณเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ผมสามารถหลุดจากวังวนมืดๆ เดิมๆ ที่วันๆ อัพยา และมีเซ็กส์กับคนเดิมๆ
จริงๆ ความรู้สึกของการมีเซ็กส์ที่ปราศจากยานั้น มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย เราคิดไปเองว่ามันสนุก และถึงอกถึงใจกว่า แต่จริงๆ แล้วเซ็กส์ก็เหมือนกับเทปม้วนเดิม แต่เปลี่ยนเครื่องดนตรี เปลี่ยนนักร้อง ก็แค่นั้น
หลังจากความรู้สึกหยิ่งผยองที่เข้ามาครอบคลุมให้จิตใจของผมระเริงรื่นประหนึ่งม้าพยศ ผมก็ต้องกลับมาสู่โลกของการเป็นคนที่ความทรงจำหาย พอถึงเวลาเลิกเรียนไอ้มาร์ชก็มาหาผม พร้อมหอบหิ้วกับข้าวกับปลามาเตรียมทำกับข้าวให้ผมกินตามสัญญาของมัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด